คลังเรื่องเด่น
-
ด่วน!!! หมายกำหนดวันพระราชทานเพลิงศพ พระอุดมญาณโมลี (จันทร์ศรี จนฺทีโป) ได้กำหนดแล้ว...
ด่วน!!! หมายกำหนดวันพระราชทานเพลิงศพ พระอุดมญาณโมลี (จันทร์ศรี จนฺทีโป) ได้กำหนดแล้ว...
จากเพจหลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป (พระอุดมญาณโมลี) วัดโพธิสมภรณ์ อุดรธานี ซึ่งหลวงปู่ใหญ่เป็นพระอริยสงฆ์สายหลวงปู่มั่น ซึ่งได้ละสังขารเมื่อ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๙ ได้มีการโพสของ NoiLadda Indee แจ้งหมายกำหนดวันพระราชทานเพลิงศพของพระอุดมญาณโมลี (จันทร์ศรี จนฺทีโป) หรือหลวงปู่ใหญ่ไว้ดังนี้
แจ้งเพื่อทราบ
กำหนดวันพระราชทานเพลิงศพ พระอุดมญาณโมลี (จันทร์ศรี จนฺทีโป) ณ พระเมรุมาศฯ ที่วัดโพธิสมภรณ์ อุดรธานี เวลา 16.00 น.วันอังคารที่ 16 พฤษภาคม 2560 โดยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เสด็จไปทรงเป็นประธานในพิธี
ประวัติหลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป (พระอุดมญาณโมลี) หรือหลวงปู่ใหญ่
หลวงปู่จันทร์ศรี มีนามเดิมว่า จันทร์ศรี แสนมงคล เกิดเมื่อวันที่ ๑๐ ตุลาคม พ.ศ.๒๔๕๔ ตรงกับวันอังคาร แรม ๓ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีกุน ณ บ้านโนนทัน ต.โนนทัน อ.เมือง จ.ขอนแก่น โยมมารดา นางหลุน แสนมงคล เคนตั้งจิตกล่าวขอพรว่า“ดิฉันปรารถนาอยากได้ลูกชายสัก ๑ คน จะให้บวชเหมือนพระคุณเจ้าเจ้าค่ะ” เพราะก่อนที่จะตั้งครรภ์ ในคืนวันขึ้น ๑๔ ค่ำ... -
หลวงปู่ชอบ!!!... เล่าเรื่อง “พบลูกพญานาคเล่นน้ำ” ที่ลำธารกลางป่าเมืองเจียงทอง ประเทศพม่า
หลวงปู่ชอบ!!!... เล่าเรื่อง “พบลูกพญานาคเล่นน้ำ” ที่ลำธารกลางป่าเมืองเจียงทอง ประเทศพม่า
ในช่วงพอออกพรรษาปี ๒๔๘๑ ท่านคิดถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์ อยากจะกลับมาหาองค์หลวงปู่มั่นที่เชียงใหม่ คืนหนึ่งองค์ท่านหลวงปู่มั่นมาปรากฏในนิมิตให้เห็นองค์ท่านแสดงธรรมเป็นกาพย์พญาภาษาอีสานว่า หันหลังถ้ำกุมพันสิเตะดาก หันหน้าไว้เตะดากกุมพัน ไปตายหน้าเพิ่นจั่งล่าว่าดี แปลความหมายโดยธรรมว่า อย่าหันหลังยอมแพ้ให้กับอุปสรรคกิเลส ให้หันหน้าสู้กับอุปสรรคกิเลสนั้นจนแตกหักกันไปข้างหนึ่ง นักปราชญ์ราชบัณฑิตท่านสรรเสริญว่าดี
หลวงปู่ชอบท่านนำธรรมนิมิตนี้ขึ้นมาพิจารณา ท่านจึงเปลี่ยนใจไม่เดินทางกลับมาหาองค์ท่านหลวงปู่มั่นที่เชียงใหม่ ทั้งที่ใจตนเองนั้นอาลัยคิดถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์องค์ท่านหลวงปู่เป็นอย่างมาก ศิษย์ของท่านคนหนึ่งได้เรียนถามองค์ท่านว่าเวลาหลวงปู่คิดถึงองค์ท่านหลวงปู่มั่นแล้วทำยังไง ท่านบอกคิดฮอดกะอดสา (คิดถึงก็อดทนเอา) บ่เห็นหน้าท่านในใจก็เห็นคำสอนของท่านอยู่ทุกวัน
หลวงปู่ชอบได้ลาชาวบ้านไทยใหญ่เชียงตุงออกเดินทางไปเที่ยววิเวกตามสถานที่ต่างๆ ของเมืองพม่า ไปพักอยู่ตามหมู่บ้านของชาวกะเหรี่ยงบ้าง... -
ตำนาน"พระปิณโฑละวัชชะ"ผู้ทรงพระชนม์ชีพอยู่ดูแลพุทธศาสนาด้วยฤทธิ์อภิญญา ต้นเค้าตำนาน"พระโลกอุดร"
ตำนาน"พระปิณโฑละวัชชะ"ผู้ทรงพระชนม์ชีพอยู่ดูแลพุทธศาสนาด้วยฤทธิ์อภิญญา ต้นเค้าตำนาน"พระโลกอุดร"
สิ่งที่มนุษย์เรายังไม่รู้มีอีกมากมายนัก เรื่องราวของ “หลวงปู่เทพโลกอุดร” เช่นกัน เป็นเรื่องราวที่อยู่ในความใคร่รู้ของใครต่อใครมากมาย บางส่วนก็เชื่อว่ามีจริง บางส่วนก็ไม่เชื่อว่ามีจริง ต่างถกเถียงกันไปมา เรื่องของหลวงปู่โลกอุดรนั้น จัดเป็นเรื่อง “อจินไตย” หากพยายามค้นหากันด้วยวิถีทางวัตถุหรือตามความนึกคิดของปุถุชนแล้วย่อมคว้าน้ำเหลว (เช่นเดียวกันกับเรื่องเหล็กไหล ปรอทสำเร็จและเรื่องลึกลับอื่นๆ ที่ยากต่อการเข้าใจด้วยกระบวนวิธีรับรู้แบบวิทยาศาสตร์สามัญ) แต่หากย้อนเข้ามาดูในใจตนเองแล้วก็สามารถควานหาหนทางให้พบกับหลวงปู่เทพโลก อุดรท่านได้ไม่ยากเย็นนัก สรุปแล้วการค้นคว้าเรื่องหลวงปู่เทพโลกอุดรที่ถูกต้องคือการปฏิบัติกรรมฐาน จนได้ฌานได้สมาธินั่นเอง
ก่อนจะเข้าเรื่อง “หลวงปู่เทพโลกอุดร” นั้น ผู้เขียนได้รวบรวมคำถามสำคัญที่ข้องใจเกี่ยวกับหลวงปู่ผู้เป็นอริยะเหนือโลก ไว้ดังนี้ เช่น
หลวงปู่โลกอุดรมีตัวตนจริงหรือไม่ - สำหรับผู้เขียนขอยืนยันว่าท่านมีจริงแน่นอน... -
เจ้ากรรมนายเวรแท้จริง คือใคร อยู่ที่ไหน!!! หลวงปู่ขาวได้บอกไว้ว่า”เราสามารถรู้และหลุดพ้นจากเขาเหล่านั้นได้ด้วยวิธีใด?”
พระพุทธเจ้าแสดงไว้ ทางไปนรก ทางไปสวรรค์ ทางไปพรหมโลก ทางไปนิพพาน พระองค์ก็บอกไว้แล้ว ให้วางกายเป็นสุจริต วาจาให้บริสุทธิ์ ใจให้บริสุทธิ์ นี้ทางไปสวรรค์ ทางมามนุษย์ ทางไปพระนิพพานให้บริสุทธิ์อย่างนี้ ทางไปนรกนั่นเรียกว่าทุจริตนั้นทางกาย ทางวาจา ทางใจ อันนี้ทางไปนรก เราจะเว้นเสียไม่ไปละ รู้จักแล้ว เราจะไปแต่ทางที่ราบรื่น ทางสบาย การเดินก็ทางกายวาจาใจเท่านั้นแหละ
ผู้ที่จะเที่ยวเอาภพเอาชาติ นับกัปนับกัลป์ไม่ได้ตั้งแต่โลกเป็นโลกมา คือดวงจิตของเรานี่เอง ดวงจิตของเรานี่เองเป็นผู้ก่อกรรมก่อเวรแล้วก่อเล่า ไม่เบื่อสักที ก็แม่นดวงจิตของเรานี่แหละ เพราะเหตุนั้น เราจึงต้องอบรมจิตใจเราให้ดี ให้ใจรู้เสีย ใจนี่แหละเป็นผู้หลงจนนับภพนับชาติไม่ได้ ภพน้อยภพใหญ่ เที่ยวอยู่ในสังสารจักร์นี่ จึงให้เข้าใจเสียว่าเจ้ากรรมนายเวรคือใจ ตัวกรรมแม่นใจ ดวงใจอันเดียว วิญญาณอันเดียวเป็นตัวกรรม แต่งกรรมเสียแล้วให้เวียนว่าตายเกิดที่นี่ ไม่เลิก
เรารู้จักแล้วเราต้องควบคุมใจ แนะนำสั่งสอนใจ ทำใจเราให้ผ่องแผ้ว ว่าเอาย่อๆนี่แหละ กว้างขวางก็ได้ยินมาพอแฮงแล้ว เอาย่อๆควบคุมใจเท่านั้นแหละ เดี๋ยวนี้ ใจนี้... -
"ความริษยา"
"ความริษยา"
" .. ความริษยานั้นจะเกิดได้ด้วยความรู้สึกไม่ดีต่อผู้ใดผู้หนึ่ง "ไม่ใช่ความเกลียด แต่เป็นความรู้สึกว่า ผู้ใดผู้หนึ่งนั้นมีดีกว่าตน เป็นที่สนใจมากกว่าตน ผู้ใหญ่ให้ความสำคัญมาก จนน่ากลัวว่าจะเกินหน้าตน" หรือไม่ก็ "เป็นความรู้สึก ทำนองหมั่นไส้ใครคนใดคนหนึ่งนั้น" ความรู้สึกทำนองดังกล่าว "ที่แท้จริงคือความริษยาที่จะพาให้โลกฉิบหาย" มากน้อยหนักเบาเพียงไร ขึ้นอยู่กับความแรงความอ่อนของความรู้สึกริษยาที่ก็คือความอิจฉาที่รุนแรงนั่นเอง
"บางคนไม่ใช่ผู้มีความริษยา" ที่จะเป็นเหตุแห่งความฉิบหาย "แต่อาจเป็นผู้ร่วมมือกับผู้มีความริษยา คือทั้งที่ความริษยาไม่ได้เกิดในใจตน แต่หลงร่วมก่อทุกข์โทษภัยกับผู้มีความริษยาได้ ด้วยการได้ยินได้ฟังวาจาของผู้มีความริษยา ที่กล่าวร้ายผู้ถูกริษยานานาประการ แล้วหลงเชื่อว่าเป็นความจริง" พลอยเห็นด้วยกับความไม่ดีไม่งามของผู้ถูกริษยา
เห็นสมควรที่จะมีส่วนช่วยให้เป็นที่ปรากฏความไม่ดีแก่โลก เพื่อช่วยคนทั้งหลายในโลกให้ห่างไกลจากความไม่ดีของคนคนหนึ่งนั้น "แม้คนคนหนึ่งนั้นมีความไม่ดีจริง ย่อมไม่ถูกริษยา ย่อมไม่มีผู้ริษยา ที่จะมุ่งให้โลกรู้เพื่อเข้าร่วมในการกีดกัน... -
เรื่องราวสุดสะพรึง...ที่ไม่อยากให้เป็นจริง!!!เปิดคำทำนาย"นอสตราดามุส กับ สงครามโลกครั้งที่ 3"!!
เรื่องราวสุดสะพรึง...ที่ไม่อยากให้เป็นจริง!!!เปิดคำทำนาย"นอสตราดามุส กับ สงครามโลกครั้งที่ 3"!!
"สงครามโลกครั้งที่ 3" คือสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เพราะรู้ว่าผลกระทบจากสิ่งที่เรียกว่า สงคราม นั้น จะทิ้งรอยแผลทั้งทางร่างกายและจิตใจไว้กับคนจำนวนมากที่ต่อให้ใช้เวลาที่เหลือทั้งชีวิตก็ไม่อาจเยียวยาได้ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างหลายประเทศที่เกิดขึ้น ณ ปัจจุบันนี้ ที่ยังไม่รู้ว่าจะจบลงอย่างไร ทำให้เราหวั่นเกรงกับคำนี้มากขึ้น ทั้งที่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราได้ยินคำนี้ แต่ทุกครั้งที่ได้ยินการวิเคราะห์ต่างๆ รวมถึงคำทำนาย ก็ได้แค่คิดว่า ขอให้ไม่มีอะไรเป็นไปตามคำทำนายนั้น
ในบรรดาคำทำนายทั้งหมด ชื่อที่เราได้ยินกันบ่อยที่สุดก็คือ นอสตราดามุส คำทำนายของเขาที่เขียนขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 16 ยังได้รับการนำมาตีความและอ้างอิงจนถึงทุกวันนี้และโดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันนี้
หรือ โดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นผู้จุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 3?
เรื่องของทรัมป์ในคำทำนายของนอสตราดามุสนั้นมีการตีความโดยลงลึกไปถึงรากศัพท์กันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ช่วงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า คำว่า trumpet ในที่นี้... -
ย้อนคำทำนาย คำเตือนภัยจากหลวงปู่สรวง ภัยพิบัติเกิดจากน้ำ พญานาคบันดาลน้ำท่วม คนทำลายศาสนา สถาบันตายก่อน คนดีมีศีลจะรอด
ย้อนคำทำนาย คำเตือนภัยจากหลวงปู่สรวง ภัยพิบัติเกิดจากน้ำ พญานาคบันดาลน้ำท่วม คนทำลายศาสนา สถาบันตายก่อน คนดีมีศีลจะรอด
นอกจากพุทธทำนายซึ่งกล่าวถึงภัยพิบัติแล้ว พ่อแม่ครูบาอาจารย์ผู้ทรงญาณหยั่งรู้ก็กล่าวถึงเหตุภัยพิบัติแทบทุกองค์ หลวงปู่สรวง ผู้วิเศษแห่งภูตะแบงเป็นอีกผู้หนึ่งที่กล่าวถึงเรื่องภัยพิบัติ หลวงปู่สรวงละสังขารเมื่อปี ๒๕๔๓ ก่อนหน้านั้นไม่นานท่านได้กล่าวถึงเรื่องภัยพิบัติเอาไว้เหมือนจะเป็นการเตือนสติผู้คนให้รีบตั้งตัวอยู่ในคุณงามความดี
ท่านกล่าวเอาไว้อย่างนี้ครับ ต่อไปนี้ พ.ศ. ๒๕๕๕ คนเก่งอยู่ในเมืองไทย อยู่ที่ไหนก็ตามแต่ มุมไหนก็แล้วแต่พ่อ - แม่ - ญาติพี่น้อง ไม่ต้องสู้กัน ไม่มีประโยชน์ เพราะจะเกิดภัยพิบัติ คนไม่ดีจะตายหมด เดี๋ยวนี้น้ำทะเลตีข้างล่างได้ครึ่งโลกแล้ว ไม่ใช่ครึ่งประเทศนะ ครึ่งโลกแล้ว หลวงปู่สรวงท่านต้องการเตือนให้ทุกคนหยุดแก่งแย่งชิงดีรบรฆ่าฟัน ท่านบอกเพื่อให้รู้จักคำว่าหยุด อย่าอยากเป็นใหญ่อย่าอยากชนะซึ่งกันและกัน อย่ามีเวร อย่ามีกรรมต่อกรรม จะเป็นบุญเป็นกุศลเป็นทางรอดต่อไปได้
ครั้งที่สองหลวงปู่สรวงมาบอกกับหลวงปู่ลมัยเป็นภาษาเขมรว่า “ พวกที่ทำลายศาสนา... -
ทรงสมถะและนอบน้อม! พระสังฆราชไม่เคยถือพระองค์ว่าเป็นสมเด็จ กราบไหว้พระเถระอย่างนอบน้อม ...ตอบคำถามโยม! ใช้ปัจจัยอย่างไร?
ทรงสมถะและนอบน้อม! พระสังฆราชไม่เคยถือพระองค์ว่าเป็นสมเด็จ กราบไหว้พระเถระอย่างนอบน้อม ...ตอบคำถามโยม! ใช้ปัจจัยอย่างไร?
สมเด็จพระมหามุนีวงค์ หรือ หลวงปู่อัมพร อมฺพโร แห่งวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ท่านเป็นศิษย์ใน "ท่านพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร" แห่งวัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร
.
สมเด็จพระมหามุนีวงค์ ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ว่างครั้งใดท่านจะไปเยือนวัดป่าในเขตภาคอิสานเพื่อพบปะกับพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบหลายรูป หรือไปในงานของครูบาอาจารย์วัดป่ากรรมฐานทั้งธรรยุติและมหานิกายหลายครั้ง ท่านไม่ถือตัวว่าเป็นสมเด็จท่านกราบพระเถระผู้ใหญ่กว่าท่านได้อย่างงดงาม
บ่ายวันหนึ่งที่กุฏิเจ้าประคุณสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ หลังจากผู้ที่มาถวายสักการะท่านเจ้าประคุณสมเด็จกลับไปหมดแล้ว มีโยมท่านหนึ่งกราบเรียนถามท่านเจ้าประคุณสมเด็จว่า "ท่านอาจารย์ ปัจจัยมากๆ ท่านอาจารย์ใช้ปัจจัยอย่างไรครับผม" ท่านเจ้าประคุณสมเด็จท่านก็เมตตาพูดให้ฟังว่า ปัจจัยที่เราได้มานั้น
.
๑. นำเข้ามูลนิธิหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ที่ท่านเป็นประธานอยู่
๒. นำไปช่วยเหลือโรงเรียนวัดราชบพิธ ที่ท่านเป็นประธานอยู่
๓. นำมาสงเคราะห์ให้กับพระเณร ที่อยู่ในวัดราชบพิธ... -
เศษกรรมของผู้ผิดศีลกาเม
หลังจากที่ได้รับทุกขเวทนาในนรกแล้ว ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน หรือ หลังจากเกิดเป็นเปรตแล้ว. เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ก็จะได้รับผลของกาเมสุมิจฉาคือ
1.มีผู้เกลียดชังมาก
2.มีผู้คิดปองร้าย
3.ขัดสนทรัพย์
4.เกิดเป็นวัวเป็นควาย เพราะเคยสวมเขาให้คนอื่นต้องมีเขาอยู่บนหัว
5.อดอยาก ย ากจน
6.เกิดเป็นหญิง
7.เกิดเป็นกระเทย
8.เป็นเกย์คิง เกย์ควีน เก้งกวาง ทอมดี้
9.มีความสัมพันธ์ต้องหลบๆซ่อนๆจากครอบครัวและสังคม เพราะทำเรื่องน่าอายผิดศีลลักกินขโมยกินไว้
10.ถ้าเกิดเป็นชายก็จะเกิดในตระกูลต่ำได้รับความอับอายอยู่เสมอ
11.ร่างกายไม่สมประกอบ มากด้วยวิตกกังวล พลัดพรากจากผู้ที่ตนรัก
เครดิตเฟส แก้วดารา บารมีธรรม -
พระอาจารย์เล็กสอนเรื่อง "เจอบททดสอบแบบหนัก ๆ ทำให้เข้าใจผิดในพระรัตนตรัย"
"...หลายคนเวลาปฏิบัติจะเจอการทดสอบแบบหนัก ๆ
ทำให้เราเข้าใจผิดในพระรัตนตรัยไปเลย อย่างเช่น
ภาวนาคาถาชินบัญชรไป ๔ - ๕ เดือน สารพัดเรื่องร้าย
ก็ประดังเข้ามา ทำให้เราคิดว่าเป็นผลจากคาถา
บางรายตอนสมัยยังไม่ได้เข้าวัดเข้าวา เมาหัวทิ่มบ่อ
นอนตากน้ำค้างทุกคืนไม่เป็นอะไร พอเลิกกินเหล้าเข้าวัดมาภาวนา
กลับป่วยเช้าป่วยเย็น ก็เลยพลอยทำให้เข้าใจผิดไปว่า
เพราะว่าเข้าวัดปฏิบัติธรรมจึงป่วย ก็เลยเลิกเข้าวัด
จำไว้ให้แม่น ๆ ใครก็ตามที่ทำแล้วประสบกับการทดสอบแรง ๆ แบบนี้
แปลว่าบุคคลนั้นถ้าทำต่อไปจะเกิดผลเร็วมาก เขาเกรงว่าเราจะหนีรอดไปได้
ก็เลยพยายามขัดขวางแบบรุนแรงเช่นกัน ในเมื่อขวางแรงก็ทำให้เราเข้าใจผิดได้ง่าย
ถ้ากำลังใจไม่มั่นคง หลายรายหลุดวงโคจรไปเลย..."
พระอาจารย์เล็ก เจ้าอาวาสวัดท่าขนุน
อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
ที่มา : คอลัมน์เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี
ต้นเดือนธันวาคม ๒๕๕๕ เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม -
"หอบทุกข์ไปด้วย" (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
"หอบทุกข์ไปด้วย"
" .. "การฝึกจิตให้เข้าถึงความสงบนี้ เป็นสิ่งจำเป็นจริง ๆ ให้ถือเป็นเรื่องจำเป็น" ถ้าปล่อยจิตให้เลื่อนลอยไปตามอำนาจของกิเลสก็มีแต่ทุกข์ "อยู่ในปัจจุบันนี้ก็ทุกข์ใจ" หนักใจมาก "ละโลกนี้ไปสู่โลกหน้าก็ทุกข์ หอบเอากองทุกข์เหล่านี้ไปด้วย" มันเป็นอย่างนั้น มันทุกข์หลาย "บางคนก็ถึงฆ่าตัวตาย ไม่มีทางออก"
ผู้ไม่เชื่อคำสอนของพระพุทธเจ้า "ผู้ไม่ปฏิบัติตามคำสอน ให้ไหว้พระ นั่งสมาธิภาวนา" ขี้คร้านไม่เอา ไม่นั่งแล้วเพราะใจมันลอย "ใจมันไปยึดถือแต่เรื่องภายนอก แล้วจะมีแก่ใจมาไหว้พระ นั่งภาวนาสำรวมใจให้สงบอยู่ภายในจะได้อย่างไร"
"การที่ภาวนาจิตใจให้มันสงบลงไปได้ ก็เพราะมันเตือนใจของตนให้ละเรื่องภายนอกอยู่เสมอ" ในเวลาที่ไม่ได้นั่งสมาธิภาวนา ก็ต้องเตือนใจ "ให้ละอารมณ์ที่มากระทบทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ" มันกระทบมาเวลาใด เราก็พิจารณากำหนดละมันในเวลานั้นไปเรื่อย ๆ "ให้จิตนี้เป็นปกติอยู่เสมอ" ไม่ให้จิตนี้มันเปลี่ยนแปลงหวั่นไหวไปตามอารมณ์ที่มากระทบ .. "
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
รพ.วิชัยยุทธ ๙/๙/๒๕๔๖ -
วีดีโอ หลวงพ่อจรัญเที่ยวอินเดีย(ธรรมหรรษา)
ความหลงในสงสารบทที่ 21 30 นิยายธรรมะ หลวงพ่อจรัญ
เธอผู้ไม่แพ้ ตลอดกาล :- Published on Sep 26, 2014 -
เรื่องนี้มีเงื่อนงำ!! ย้อนเหตุการณ์สื่อฝรั่ง "เอเชียแมกาซีน" ส่งนักข่าวมาทำสกู๊ป "หลวงปู่แหวนเหินฟ้า" จนได้รับคำตอบจากปากของท่านเองว่า...?!!
เรื่องนี้มีเงื่อนงำ!! ย้อนเหตุการณ์สื่อฝรั่ง "เอเชียแมกาซีน" ส่งนักข่าวมาทำสกู๊ป "หลวงปู่แหวนเหินฟ้า" จนได้รับคำตอบจากปากของท่านเองว่า...?!!
จากเหตุการณ์ที่นายทหารคนหนึ่งพบเห็นพระภิกษุชรารูปหนึ่งลอยอยู่บนก้อนเมฆขณะกำลังขับเครื่องบินเหนือน่านฟ้า และได้ตามหาตัวจนกระทั่งพบว่าเป็นหลวงปู่แหวนในเวลาต่อมานั้น เหตุการณ์อัศจรรย์นี้มิได้เป็นที่โจษจันกล่าวขานกันเฉพาะในหมู่ชาวพุทธไทยเท่านั้น เพราะเมื่อเรื่องนี้รู้ถึงฝรั่งต่างชาติเข้าก็ถึงขนาดต้องส่งนักข่าวมาทำสกู๊ปข่าวเลยทีเดียว สื่อที่ว่านี้ก็คือ "เอเชีย แมกกาซีน" ซึ่งได้ส่งนายชาร์ลส์ บราวส์ มาทำข่าวและเขียนเป็นบทความขึ้นมา ดังนี้
-----------------------------------------------------------------------------
"ความเชื่อในสิ่งที่นอกเหนือธรรมชาติหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเรื่องธรรมดาในเมืองไทย เพราะมีผีและวิญญาณทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าจะปลูกบ้าน เดินทางไปเมืองนอก หรือเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี ก็จะต้องมีผู้ชำนาญการคอยช่วยชี้แนะเขาเหล่านั้น คือ โหร (นักพยากรณ์) คนเข้าทรง ฯลฯ แม้แต่พระสงฆ์ในพุทธศาสนาก็มีหลายองค์ที่มีเรื่องศักดิ์สิทธิ์เล่ากัน... -
ญาณระลึกชาติ ของ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระผู้ถูกกล่าวขานว่าเป็นอรหันต์
ญาณระลึกชาติ ของ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม พระผู้ถูกกล่าวขานว่าเป็นอรหันต์
สำหรับญาณการระลึกรู้อดีตชาติที่ศิษย์ผู้ใกล้ชิด ผู้ใฝ่ในการปฏิบัติเพื่อพ้นทุกข์ได้เคยขอโอกาสกราบเรียนถาม หลวงปู่ชอบ ฐานสโม แล้วท่านก็ยอมเล่าให้ฟังบ้าง โดยท่านเล่าว่า ท่านไม่ได้ระลึกชาติได้มากมายอะไร เหมือนดังที่สมเด็จพระพุทธองค์ทรงระลึกได้อเนกชาติหาประมาณมิได้นั้น เพราะท่านทรงมหาสติ มหาปัญญา มหาบารมี สำหรับท่านนี้ เท่าที่ระลึกได้
1.ท่านไม่เคยเป็นกษัตริย์ มักจะเป็นแต่คนทุกข์ยากเสียมากกว่า เช่นเคยเกิดเป็นพ่อค้าขายผ้าชาติลาว ออกเดินทางมากับพ่อเชียงหมุน (อุปัฏฐากคนหนึ่งในชาตินี้) ข้ามแม่น้ำโขงมาฝั่งนี้ มาทานผ้าขาวหนึ่งวา และเงินเป็นมูลค่าประมาณเท่ากับ ๕๐ สตางค์ ในปัจจุบันนี้ บูชาถวายพระธาตุพนม พร้อมทั้งอธิษฐานขอให้ได้บวช ได้พ้นทุกข์ ท่านเล่าว่า ท่านเคยมาสร้างพระธาตุพนมด้วย สมัยพระมหากัสสปเถรเจ้า พระธาตุพนมนี้สร้างก่อนพระปฐมเจดีย์
2.ท่านเคยเกิดเป็นคนยางอยู่ในป่า เคยเกิดเป็นทหารพม่า มารบกับไทย ยังไม่ทันฆ่าคนไทย ก็ตายเสียก่อน เคยเกิดอยู่เมืองปัน พม่า ชาตินี้ท่านก็ได้กลับไปดูบ้านเกิดในชาติก่อนที่เมืองปันด้วย... -
คาถาเด็ดหลวงปู่ฝั้น! แก้โรคเวรโรคกรรมชะงัด! ใครป่วยเรื้อรังลองทำดู... รำลึกเมตตาธรรมหลวงปู่ฝั้น พระอาจารย์แห่งสมเด็จพระสังฆราช
คาถาเด็ดหลวงปู่ฝั้น! แก้โรคเวรโรคกรรมชะงัด! ใครป่วยเรื้อรังลองทำดู... รำลึกเมตตาธรรมหลวงปู่ฝั้น พระอาจารย์แห่งสมเด็จพระสังฆราช
ระหว่างที่พำนักอยู่ที่บ้านจีด มีโยมผู้หญิงคนหนึ่ง ไอทั้งวันทั้งคืน เสาะหายาจากที่ต่าง ๆ มากิน จนนับขนานไม่ถ้วนก็ยังไม่หาย ฟังเทศน์ก็ฟังไม่ได้ ขณะฟังก็ไออยู่ตลอดเวลา เป็นที่รบกวนสมาธิของผู้อื่น
คืนที่สาม พอฟังเทศน์จบลง พระอาจารย์ฝั้นจึงถามว่า ทำไมไม่รักษา
โยมผู้นั้นตอบว่า กินยามาหลายขนานแล้วก็ไม่เห็นหาย
ท่านจึงบอกโยมผู้นั้นไปว่า คงเป็นกรรมเก่าที่ทำมาแต่ปางก่อน ขอให้หัดภาวนาดู แล้วบอกคาถาให้บริกรรมว่า “ปฏิกะ มันตุ ภูตานิ”
วันแรกท่านให้ภาวนาตั้งจิตบริกรรม โดยกำหนดจิตที่ใดที่หนึ่ง
วันแรกนั่งบริกรรมได้สักพักก็ยังไออยู่ตลอด วันที่สองปรากฏว่ามีอาการค่อยชุ่มคอขึ้นหน่อย อาการไอห่างไปบ้าง พอถึงวันที่สามอาการไอก็หายไปราวกับปลิดทิ้ง รู้สึกคอชุ่มขึ้น!!!
โยมผู้นั้นนั่งบริกรรมอยู่จนดึกดื่น ใคร ๆ หลับกันหมด แกก็ยังไม่ยอมหลับ
ในที่สุดอาการไอก็หายโดยเด็ดขาดตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา โยมผู้นั้นสำนึกในบุญคุณ ได้เอาเงินทองมาถวายพระอาจารย์ฝั้น แต่ท่านไม่ยอมรับ... -
“เรื่องบุญ เรื่องบาป เป็นของมีจริงเชื่อได้ หากไม่มีจริงจะมีคนร่ำคนรวยได้หรือ? ”ตามคำสอนของ”หลวงปู่ฝั้น”
“เรื่องบุญ เรื่องบาป เป็นของมีจริงเชื่อได้ หากไม่มีจริงจะมีคนร่ำคนรวยได้หรือ? ”ตามคำสอนของ”หลวงปู่ฝั้น”
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร ท่านเป็นพระอริยสงฆ์สายหลวงปู่มั่น และยังเป็นพระอาจารย์ของสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ ๒๐ ของกรุงรัตนโกสินทร์ “สมเด็จพระมหามุนีวงศ์ (อัมพร อมฺพโร)” ได้เมตตาสอนในเรื่องบุญ – บาปให้พุทธศาสนิกชนได้เชื่อในเรื่องนี้ว่ามีจรอง ดังรายละเอียดดังนี้
"ให้เชื่อเรื่องบุญ เรื่องบาป ว่าเป็นของมีจริง โดยมากคนมักไม่เชื่อ ศาสนาก็คือคำสอน สอนให้คนละชั่ว ทำความดี เพื่อขจัดทุกข์ให้ประสบความสุข...
ถ้าผลบุญผลบาปไม่มีจริงแล้ว จะมีคนร่ำรวย มียศถาบรรดาศักดิ์และมีคนทุกข์ยากกระจอกงอกง่อย ขี้ทูดกุดถังได้อย่างไร...ของมันเห็นๆกันอยู่ แต่ไม่รู้จักพิจารณาก็ย่อมไม่เข้าใจ
ให้เข้าใจว่าที่มีศาสนา ที่มีผู้สอนให้ ก็เพื่อประโยชน์ของผู้ศรัทธาปฏิบัติตาม จะได้พ้นทุกข์พ้นยาก แต่ถ้าไม่เชื่อก็แล้วแต่...ให้รู้จักภาวนา พุทโธ ทำดวงจิตให้ผ่องใส จะได้เป็นที่พึ่งของเราได้แน่นอน
ให้ทราบว่าในโลกนี้ไม่มีแก่นสารอันใด เกิดมาแล้วก็ต้องตาย เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง ที่จะเอาได้ก็เป็นเรื่องของดวงจิตเท่านั้น ฉะนั้น... -
กำลังใจของพระโพธิสัตว์ ( พระองค์หนึ่ง )
กำลังใจของพระโพธิสัตว์
ตอนไปกราบปู่โพธิสัตว์ ได้กราบเรียนท่านว่า ช่วงนี้ครูบาอาจารย์เก่งๆมรณภาพไปหลายองค์ แถมบ้านเมืองก็วุ่นวายเหลือเกิน
ปู่ตอบว่า หลายองค์ท่านเอาชีวิตมาช่วยค้ำบ้านเมืองนะ
ปู่เองก็เคยอธิษฐานจิตนะ อธิษฐานว่า
"หากแลกด้วยชีวิตของข้าพเจ้าแล้ว จะช่วยให้บ้านเมืองสงบได้ คนเลิกทะเลาะฆ่าฟันกัน ก็ขอเอาชีวิตเข้าแลก..."
เราจะตายก็ช่างมันเถอะ ชาตินี้ตายไป เดี๋ยวไปเกิดมาสร้างบารมีใหม่ต่อไปก็ได้
แต่พอลองอธิษฐานแล้ว เค้าบอกว่า เราช่วยไม่ได้ ก็ต้องปล่อยวางนะ เรื่องทางโลกมันจบไม่เป็นนะ ยังไงก็แก้ไม่จบ มันอยู่ที่ตัวเราเองว่า จะเอาใจเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความวุ่นวายนั้นแค่ไหน ต้องแก้ตรงนั้น
คำสอนปู่โพธิสัตว์ จ.ชัยภูมิ
ปล.เคยไปกราบครูบาอาจารย์สายโพธิสัตว์หลายรูป ท่านมีลักษณะคล้ายกันคือ ไม่เคยเสียดายชีวิตตนเอง หากตายแล้วเป็นประโยชน์กับผู้อื่น ท่านยอมตายได้โดยไม่เสียดาย เพราะคิดว่าเดี๋ยวตายไปก็เกิดใหม่ ก็มาสร้างบารมีต่อไปได้
หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ ก็เคยเล่าให้ผมฟังเสมอๆว่า พระโพธิสัตว์ส่วนใหญ่ท่านจะอายุไม่ยืนนานมากนัก พอร่างกายเริ่มแก่ เริ่มไม่มีแรงทำประโยชน์ ท่านก็ไม่ขออยู่ต่อ... -
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๕๘ เดือนเมษายน ๒๕๖๐
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๕๘
เดือนเมษายน ๒๕๖๐
โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
เล่มอื่น ๆ ตามไปอ่านได้ที่ http://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=60 -
ครูบาศรีวิชัย เป็นพระโพธิ์สัตว์ ที่หลวงปู่มั่นรับรองกับพระอุบาลี (จันทร์)
ครูบาศรีวิชัย เป็นพระโพธิ์สัตว์ ที่หลวงปู่มั่นรับรองกับพระอุบาลี (จันทร์)
ท่านพระอาจารย์มั่น ท่านพระอาจารย์ใหญ่แห่งสายวิปัสสนากัมมัฏฐาน ได้เคยพำนักอยู่วัดเจดีย์หลวงร่วมสมัยกับกับพระเดชพระคุณพระอุบาลี (จันทร์) ระหว่าง 2472-2474 ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลาที่ครูบาศรีวิชัย พระนักบุญแห่งล้านนาขึ้นมาพำนักอยู่ที่วัดสวนดอก เมืองเชียงใหม่เพื่อฟื้นฟู บูรณะวัดวาอาราม พระธาตุเจดีย์ ปูชนียสถานต่างๆ ในเมืองเชียงใหม่ รวมทั้งสร้างถนนขึ้นดอยสุเทพด้วย พระครูบาศรีวิชัยแม้องค์ท่านจะไม่มีฐานันดรสมณศักดิ์ แต่ท่านก็เป็นพระมหาเถระสมบูรณ์พร้อมด้วยคุณธรรม และวัตรปฏิบัติอันประเสริฐยิ่ง มีบารมีสูงสุด จนคนเหนือยกย่องให้เป็น "ตนบุญ" หรือ "นักบุญแห่งล้านนา" พระครูบาศรีวิชัยได้เข้ามากราบนมัสการท่านเจ้าคุณอุบาลี วัดเจดีย์หลวงถึง 2 ครั้ง และพระเดชพระคุณก็มีโอกาสไปเยี่ยมพระครูบาศรีวิชัยเป็นการตอบแทน ก่อนที่ท่านจะเดินทางกลับกรุงเทพ
ส่วนพระอาจารย์มั่นนั้น เคยพบและสนทนาธรรมกับพระครูบาศรีวิชัย หลังจากที่พระครูบาศรีวิชัยถูกอธิกรณ์แล้ว ท่านอาจารย์มั่น เคยออกปากชวนพระครูบาศรีวิชัยออกปฏิบัติกัมมัฏฐานด้วยกัน... -
หาชมยาก!!“สมุดภาพไตรภูมิสมัยกรุงธนบุรี”จากพระราชศรัทธาของ พระเจ้าตากสิน อีกหนึ่ง ราชภารกิจบนเส้นทางแห่งพระโพธิสัตว์
หาชมยาก!! “สมุดภาพไตรภูมิสมัยกรุงธนบุรี” จากพระราชศรัทธาของ พระเจ้าตากสิน อีกหนึ่ง ราชภารกิจบนเส้นทางแห่งพระโพธิสัตว์
ความปรารถนาในพระโพธิญาณของพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นที่ปรากฏให้พวกเราได้เห็น ยกตัวอย่างเช่น เมื่อครั้งเสร็จศึกอะแวหวุ่นกี้ปี ๒๓๑๙ ก็ได้ทรงโปรดให้มีงานบุญใหม่พระราชพิธีบังสุกุลพระอัฐิของพระมารดา พระเจ้าตากฯ ก็ทรงอธิษฐานว่า
“เดชะผลทานบูชานี้ ขอจงยังพระลักขณะ พระปิติทั้ง๕ จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า และอย่าได้อันตรธาน และพระธรรมซึ่งยังมิได้บังเกิดขึ้น ขอจงบังเกิดภิญโญภาพยิ่งๆ ขึ้น อนึ่งขอจงเป็นปัจจัยแก่พระบรมภิเษกสมโพธิญาณในอนาคตกาลภายภาคหน้า”
ซึ่งความจริงสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมิใช่พระมหากษัตริย์สยามพระองค์แรกและพระองค์เดียวที่มีความปรารถนาในพระโพธิญาณ เช่นเดียวกับ พระมหาธรรมราชาลิไท แห่งกรุงสุโขทัย (ผู้รจนาคัมภีร์ไตรภูมิพระร่วง) และแน่นอนว่าในรัชสมัยแห่งพระเจ้ากรุงธนบุรี ก็ได้มีการจัดทำ “สมุดภาพไตรภูมิ” เช่นเดียวกัน
สมุดภาพไตรภูมิสมัยธนบุรี ฉบับกรุงเบอร์ลิน จัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมเอเชีย (Museum für Asiatische Kunst) ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี... -
วีดีโอ วิปัสสนาญาณ ๑๖ - ท่านเจ้าคุณโชดก
วิปัสสนาญาณ ๑๖ - ท่านเจ้าคุณโชดก
DrSeripiput Srimuang .-
Published on Aug 8, 2012
Playlist...
สีเล ปติฏฺฐาย นโร สปญฺโญ จิตฺตํ ปญฺญญฺจ ภาวยํ อาตาปี นิปโก ภิกฺขุ โส อิมํ วิชฏฺเย ชฏํํ นรชนผู้ฉลาด มีความเพียรเครื่องเผากิเลสอย่างต่อเนื่อง มีปัญญา คือ สัมปชัญญะ 4 (นับ) เป็นภิกษุผู้เห็นภัยในวัฏฏะ ตั้งมั่นอยู่ในศีล อบรมจิตและปัญญาอยู่นรชนผู้นั้นจะพึงถางรกชัฏออกได้
ไตรสิขา๓ - ศีล สมาธิ ปัญญา
ปัญญา๓ - สุตมยปัญญา จินตมปัญญษ ภาวนามยปัญญา
ภาวนามยปัญญา เป็นปัญญาจากการเจริญวิปัสสนากรรมฐานเกิดญาณ๑๖
๑. นามรูปปริเฉทญาณ ๒. ปจยปริคหญาณ ๓. สมสณญาณ ๔. อุทยัพพยญาณ
๕. ภังคญาณ ๖.ภยตูปัฏฐานญาณ ๗. อาทีนวาญาณ ๘. นิพพิทาญาณ ๙. มุญจิตุกัมยตาญาณ ๑๐. ปฏิสังขาญาณ ๑๑. สังขารุเบกขาญาณ ๑๒. สัจจานุโลมิกญาณ ๑๓. โคตรภูญาณ ๑๔.มรรคญาณ ๑๕.ผลญาณ ๑๖. ปัจจเวกขณญาณ
วิสุทธิมรรค๗ ๑.ศีลวิสุทธิ ๒.จิตตวิสุทธิ ๓.ทิฏฐิวิสุทธิ - นามรูปปริเฉทญาณ ๔.กังขาวิตรณวิสุทธิ - ปจยปริคหญาณ
๕.มัคคามัคคะญาณทัศนวิสุทธิ - ๓.สมสณญาณ ๔.อุทยพยญาณ เกิดวิปัสสนูปกิเลส๑๐ - ๑.โอภาส ๒.ปิติ ๓.ญาณ ๔.ปัสสัทธิ ๕.สุข ๖.อธิโมกข์... -
"แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร"
"แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร"
" .. ผู้ชนะมักเข้าใจว่าตัวเองได้ "แท้จริงแล้วเสีย เสียอะไร เสียมิตรไมตรี เสียความรู้สึกที่ดี ๆ ของอีกฝ่ายไปจนหมดสิ้น" ที่เรียกว่าได้ก็คือ "ได้อัตตา ได้เวรเพิ่มขึ้น" เพราะผู้แพ้ก็จะผูกใจเพื่อจะเอาชนะต่อไป จึงเป็นอันว่าไม่ได้ความสุขด้วยกันทั้งสองฝ่าย
"แต่เมื่อจะต้องให้ มีเรื่องให้แพ้ฝ่ายหนึ่งชนะฝ่ายหนึ่ง ก็ควรต้องมีใจหนักแน่นพอที่จะเผชิญผลได้ทุกอย่าง" สามารถที่จะเห็นความจริงว่า "แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร" ทั้งนี้ต้องชนะตนเอง คือชนะใจตนเองด้วย
"ส่วนผู้ที่ละได้ทั้งแพ้ทั้งชนะจึงจะได้ความสงบสุข" ทั้งนี้โดยไม่ก่อเรื่องที่จะต้องเกิดมีแพ้ชนะกันขึ้น .. "
สมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ ๑๙ -
หลวงพ่อปานกับหลวงพ่อเนียม
หลวงพ่อปานกับหลวงพ่อเนียม
ทีนี้เวลาหลวงพ่อปานไปหาหลวงพ่อเนียม ก็ไปโดนดีเข้า เข้าไปแล้วเจอะหลวงพ่อเนียมที่ไหน ความจริงหลวงพ่อเนียมก็เดินคว้าง ๆ อยู่กลางวัดนั่นแหละ มีผ้าอาบ 1 ผืนที่ชาวบ้านเขาเรียกกันว่าผ้าขาวม้า แต่ว่าพระนั่นเขาเรียก ผ้าอาบน้ำฝน สีเหลือง แต่ว่าผ้าที่ท่านนุ่งมันไม่เหลือง มันตุ่น ๆ เข้าไปแล้ว มันจะดำ เหลืองหมดไป ขาวก็ไม่ขาว กลายเป็นผ้าดำ ๆ นุ่งแบบชนิดไม่รัดประคด คาดลอยชาย ผ้าอีกอผืนหนึ่งแบบเดียวกัน คล้องคอเดินไปรอบวัด มีหมาวิ่งตามเป็นฝูง ยี่ห้อนี้คล้าย ๆ ฉันนะ นี่อย่าเอาบารมีฉันไปเปรียบกับหลวงพ่อเนียมนะ ที่ว่าคล้ายนี่คล้ายตอนที่หมาวิ่งตามนี่แหละ ฉันก็เหมือนกัน เวลาฉันไปไหนหมามันชอบวิ่งตาม ฉันก็ชอบคุยกับหมา เดินไปเดินมาคุยกับหมา ๆ มันไม่ขัดคอฉัน เวลามันพูดว่าอย่างไรฉันไม่รู้เรื่อง ฉันพูดไปมันรู้หรือไม่รู้ก็ไม่รู้ แล้วก็เลยพูดสบาย
หลวงพ่อปานก็บอกว่า เมื่อท่านเห็นน่ะ ก็ไม่รู้ว่าหลวงพ่อเนียม เห็นพระแก่ ๆ ผอม ๆ นุ่งผ้าลอยชายผืนหนึ่ง เอาผ้ามาคล้องคออีกผืนหนึ่ง เดินมีหมาฝูงหนึ่งวิ่งตามไป ท่านก็คุยกับหมาตัวโน้นบ้าง ตัวนี้บ้าง เดี๋ยวก็ยิ้มกับหมาตัวโน้น ลูบหัวหมาตัวนี้... -
"หลวงปู่ชอบ กับพระธาตุพนม"
"หลวงปู่ชอบฯ กับพระธาตุพนม"
คำถาม : หลวงปู่เจ้าค่ะ พวกเราเคารพเลื่อมใส ศรัทธาหลวงปู่กันมาก อยากบำเพ็ญบุญ ทำกุศลถวายหลวงปู่เท่าใดก็ไม่อิ่ม หลวงปู่บำเพ็ญบารมีทำบุญอะไรในชาติก่อนเจ้าคะ จึงได้บวชเป็นหลวงปู่ให้พวกเราได้กราบไหว้บูชาอย่างนี้
หลวงปู่ฯ : ไปธาตุพนม สร้างธาตุพนม ไปกับพ่อเชียงหมุน(ชาติก่อนซึ่งเป็นสหายกัน) ช่วยกันสร้างธาตุพนม "เอาเงิน ๕๐ สตางค์ กับผ้าขาววาหนึ่ง" เอาไปทานกับเพิ่น
คำถาม : หลวงปู่ทำบุญแล้วอธิษฐานหรือเปล่าเจ้าคะ อธิษฐานว่าอย่างไร ตอนให้ทานเงิน ๕๐ สตางค์
หลวงปู่ฯ : อธิษฐานว่า "ให้ได้บวช ให้พ้นทุกข์" ว่าอย่างนี้แหละ
คำถาม : เงิน ๕๐ สตางค์ สมัยโน้นคงจะมากนะหลวงปู่
หลวงปู่ฯ : มากอยู่
คำถาม : สร้างตั้งแต่แรกเลยหรือคะหลวงปู่
หลวงปู่ฯ : อือ
คำถาม : แต่ก่อนพระธาตุพนมสูงอย่างนี้หรือเปล่าเจ้าคะ หลวงปู่ไปสร้างอายุเท่าไรแล้ว
หลวงปู่ฯ : สูง ตอนไปเฒ่าแล้ว อายุ ๗๐ ปี เป็นคนลาว ข้ามมาจากฝั่งโน้น
ฐานสโมบูชา (หน้า ๒๖๕)
ชมรมพุทธศาสน์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย -
หลวงพ่อฤๅษีฯสอนเรื่อง "ไม่ผูกจิตในขันธ์ ๕"
ไม่ผูกจิตติดใจในขันธ์ ๕
ธรรมโอวาทหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง
ให้พิจารณาว่า ขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในขันธ์ ๕ ขันธ์ ๕ ไม่มีในเรา โดยให้พิจารณาเป็นปกติ เมื่อเห็นว่าขันธ์ ๕ ป่วยก็รักษา เพื่อให้ทรงอยู่ แต่เมื่อมันจะพังก็ไม่ตกใจ หรือมันเริ่มป่วยไข้ ก็คิดว่า ธรรมดามันต้องเป็นอย่างนี้ เราจะรักษาเพื่อให้ทรงอยู่ ถ้าทรงอยู่ได้ ก็จะอาศัยเพื่องานกุศลต่อไป ถ้าเอาไว้ไม่ได้มันจะผุพัง ก็ไม่มีอะไรหนักใจ ความทุกข์จะเกิดแก่ตัวเองหรือใคร อะไรก็ตาม ไม่ผูกจิตติดใจอย่างนี้ จนกระทั่งบรรลุอรหัตผล -
พระอาจารย์เล็กสอนเรื่อง "องค์ประกอบของความชั่ว"
พระอาจารย์กล่าวว่า "กายกรรม..การกระทำทางร่างกาย วจีกรรม..การกระทำทางวาจา สามารถที่จะระงับได้ง่ายกว่า ส่วนมโนกรรมเป็นของละเอียด จึงระงับได้ยาก แต่เราต้องระงับในลักษณะที่ว่า อยากจะคิดก็คิดไป แต่เราจะไม่พูดและไม่ทำ
ถ้าอย่างนั้นความชั่วก็ไม่ครบองค์ประกอบ จะชั่วได้แค่ใจอย่างเดียว กายกับวาจาไม่ทำ โทษหนักก็ไม่มี มีแค่โทษเบาคือกำลังใจที่เศร้าหมองเอง"
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี
เดือนกรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๕๕
ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม -
พระอาจารย์เล็กสอนเรื่อง "คนนินทาเรา"
ถาม : คนให้ร้ายเรา ทำให้เราเสียหาย นินทาเรา พูดให้เราเสียชื่อเสียง เราควรจะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจตามความเป็นจริงหรือไม่ ❓ หรือว่าวางเฉยในเรื่องดังกล่าว ❓
ตอบ : เสียเวลาไปอธิบาย ใครอยากว่าอะไรก็ช่าง การนินทากาเลเหมือนเทแกลบ ไม่เจ็บแสบเหมือนเอาตูดไปครูดหิน แม้องค์พระปฏิมายังราคิน คนเดินดินหรือจะพ้นคนนินทา ปล่อยเขาไปเถอะ เดี๋ยวเหนื่อยก็เลิกไปเอง
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี
เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๖
ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม -
พระอาจารย์เล็กสอนเรื่อง "ให้ดูที่ตัวเรา แก้ที่ตัวเรา"
..เรื่องของทิฐินี่พูดยาก ✨ ให้ดูที่ตัวเรา แก้ที่ตัวเรา ✨ ดูกันแค่นั้น ดูผิดที่เมื่อไรก็ลำบาก จำไว้ว่าเรื่องของคนอื่นเป็นเรื่องของโลกทั้งหมด เราแก้ไขโลกไม่ได้ เราต้องดูที่ตัวเรา แก้ที่ตัวเรา แก้ไขโลก มักจะเกินกำลังไป ดีชั่ว ใครทำ คนนั้นก็รับ ถ้าหากว่าเขาไม่ละอายชั่วกลัวบาป เขาสามารถทำของเขาได้ เราเองก็ถอยห่างออกมา
แต่ขณะเดียว ให้ดูว่าตัวของเราเองเป็นอย่างไร มีความดีส่วนไหนที่ควรจะเร่งทำ มีความชั่วส่วนใหญ่ที่เราควรจะละให้หมดไป ให้ตั้งหน้าตั้งตาแก้ไขตรงจุดนั้น ดูที่ตัวเอง แก้ที่ตัวเอง อัตตนา โจทะยัตตานัง กล่าวโทษโจทย์ตัวเองอยู่เสมอ ๆ อย่าเข้าข้างตัวเอง ให้เห็นอยู่เสมอว่า จริงแล้ว ๆ เรื่องที่เกิดขึ้นนั้น เราเป็นคนผิด ถ้าหาจุดผิดไม่ได้ เราก็ผิดตั้งแต่เกิดมาแล้ว อยากเกิดมาเอง ถ้าไม่เกิดมาไม่เจอหรอก ไม่รู้ว่าจะโทษใคร โทษตัวเองสบายใจที่สุด ❤️
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
เดือนตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕
ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม
หน้า 381 ของ 413