คลังเรื่องเด่น
-
โรคร้ายที่เกิดจากกรรมเก่า มีอะไรบ้าง
แสงแห่งธรรม!! โรคร้ายที่เกิดจากกรรมเก่า มีอะไรบ้าง
โรคที่เกิดแต่กรรมมีอะไรบ้างจะมองเห็นกันได้ชัดเจนตามความรู้ความสามารถของแพทย์สมัยใหม่ แต่อย่างไรก็ตามโรคธรรมดาๆ เหล่านี้หลายโรคกลายเป็นโรคที่ต้องเจ็บป่วยเรื้อรัง ผู้ป่วยต้องทนทุกข์ทรมานมากรักษาอย่างไรก็ไม่หาย ซึ่งการแพทย์ก็วินิจฉัยไม่ได้มีอยู่หลายประการได้แก่
1.โรคมะเร็ง
โรคมะเร็งนั้นมีอยู่หลากหลายชนิดซึ่งจะขอกล่าวโดยรวม เนื่องจากอาการของโรคมะเร็งนั้นมีลักษณะไปในทิศทางเดียวกันคือ สร้างความทุกข์ทรมานให้เกิดแก่ร่างกายในส่วนอวัยวะที่เป็นแล้ว ยังลุกลามไปยังส่วนอื่น เมื่อเป็นมะเร็งอย่างรุนแรงจนถึงขั้นลงถึงระดับน้ำเหลืองก็จะทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ในที่สุด โรคนี้เกิดจากกรรมของคนผู้นั้นที่ได้เบียดเบียนฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเอาไว้เป็นจำนวนมาก ผลกรรมจึงย้อนรอยกลับมาส่งผลให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บเรื้อรังรักษาไม่หายคือมะเร็งร้ายแรง เกิดจากกรรมเก่าและกรรมใหม่ที่ได้เคยสร้างเอาไว้ในลักษณะดังต่อไปนี้
ได้เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเอาไว้ ทั้งในชาติอดีต และในปัจจุบัน หรือได้ทำธุรกิจที่เกี่ยวกับการทำลายชีวิตทั้งสัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ เช่นโรงฆ่าสัตว์ ผลิตยาฆ่าแมลง... -
หลักธรรมนำชีวิต! ประโยคสุดท้ายของพระพุทธเจ้า
ลองนึกภาพไปในวันที่คุณมีอายุ 80 ปี ขณะที่คุณกำลังนอนอยู่บนเตียงที่บ้าน ตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ คุณรู้สึกว่า ตัวคุณเองอาจจะอยู่ไม่พ้นคืนนี้แล้ว จึงเรียกลูกหลานให้มาคุยกันพร้อมหน้าพร้อมตา
สิ่งที่คุณจะฝากฝังไว้กับลูกหลานคืออะไร และประโยคสุดท้ายที่คุณจะพูดคืออะไร ? ย้อนกลับไปในยุคก่อนพุทธกาลในวันเพ็ญ 15 ค่ำเดือน 6 ณ ใต้ต้นสาละ ในพระราชอุทยานของมัลละกษัตริย์ นครกุสินารา อยู่ทางภาคเหนือของอินเดีย พระพุทธเจ้าได้เสด็จประทับ ณ ใต้ต้นสาละ
จากนั้น พระองค์ทรงอนุญาตให้พวกมัลละกษัตริย์เข้าเฝ้า และได้ตรัสแก้ปัญหาของสุภัททะปริพาชก จนเกิดศรัทธาขอบรรพชาด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทาเป็นพระสาวกองค์สุดท้ายในบรรดาสาวกที่ทันเห็นพระพุทธองค์
หลังจากตรัสแก้ปัญหาเสร็จ ทรงเรียกพระอานนท์มาใกล้ๆ และให้พระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์เป็นผู้สืบศาสดาไว้ว่า
…อานนท์! ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอทั้งหลาย ธรรมวินัยนั้น จักเป็นองค์ศาสดาของพวกเธอทั้งหลาย เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว…
จากนั้น ท่านก็ได้ตรัสพระโอวาทที่สำคัญ ๆ อีก 4-5 เรื่อง จนในที่สุดจึงได้ตรัสพระปัจฉิมโอวาทว่า
หันทะทานิ ภิกขะเว... -
“คำอธิษฐานฝากดวงไว้กับหลวงปู่ดู่”โดยพระอาจารย์วรงคต…เชื่อจะนำพาแต่สิ่งที่ดีๆเข้ามาในชีวิตผู้นั้น
ศรัทธาปาฏิหาริย์?!เปิดบันทึกสนทนา “คำอธิษฐานฝากดวงไว้กับหลวงปู่ดู่” โดยพระอาจารย์วรงคต…เชื่อจะนำพาแต่สิ่งที่ดีๆเข้ามาในชีวิตผู้นั้น…
มีเรื่องเล่าอันน่าอัศจรรย์ใจมากมากอยเกี่ยวกับ “หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ” ที่ถูกถ่ายทอดผ่านสานุศิษย์ ไม่ว่าจะเป็นการสวดคาถาพระมหาจักรพรรดิ์ การปฏิบัติตามคำสอนของหลวงปู่ดู่โดยเฉพาะวิธีเจริญพระกรรมฐาน และอื่นๆอีกมาก และหนึ่งในนั้น คือ “วิธีการอธิษฐานฝากดวงไว้กับหลวงปู่ดู่” ซึ่งถ่ายทอดโดย “พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร หรือ หลวงตาม้า” วัดถ้ำเมืองนะ จังหวัดเชียงใหม่
“พระอาจารย์วรงคต วิริยธโร หรือ หลวงตาม้า”
เรื่องนี้มีอยู่ว่า ศิษย์ท่านหนึ่งได้เข้าไปกราบหลวงตาม้าที่วัดถ้ำเมืองนะ และได้ยินสิ่งที่หลวงตาม้า สนทนากับศิษย์อาวุโสท่านหนึ่ง ได้ใจความว่า
“… ให้นึกถึงหลวง ปู่(ดู่) แล้วอธิษฐานบอกท่านว่า ขอยกให้หลวงปู่เป็นพ่อแม่ครูอาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้หลวงปู่ช่วยดูแลทั้งทางโลกและทางธรรม และขอฝากดวงฝากชีวิตนี้ไว้กับหลวงปู่ นับตั้งแต่บัดนี้ ไปจนกว่าข้าพเจ้าจะเข้าสู่พระนิพพาน…”
ถึงตอนนี้ตัวเขาเองได้รีบนำพระมากำไว้ในมือนึกถึงหลวงปู่ดู่และอธิษฐานในทันที... -
อานิสงส์การดูแลพ่อแม่ 12 ประการ ที่ลูกกตัญญูจะได้รับ!
เมื่อพ่อแม่มีพระคุณมากมายปานนี้ ลูกจึงควรมีคุณธรรมต่อท่าน คุณธรรมของลูกเริ่มที่รู้จักคุณพ่อแม่ คือรู้ว่าท่านดีต่อเราอย่างไร สูงขึ้นไปอีก คือตอบแทนคุณท่าน โดยมีการตอบแทนคุณพ่อแม่ ตามหลักมงคล ที่ 11 บำรุงบิดามารดา สามารถแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ
เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ ก็ช่วยเหลือกิจการงานของท่าน เลี้ยงดูท่านตอบเมื่อยามท่านชรา ดูแลปรนนิบัติการกินอยู่ของท่านให้สะดวกสบายและเอาใจใส่ช่วยเหลือเมื่อท่านเจ็บป่วย เมื่อท่านล่วงลับไปแล้ว ก็จัดพิธีศพให้ท่าน และทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่านอย่างสม่ำเสมอ
แม้ว่าเราจะตอบแทนพระคุณท่านถึงเพียงนี้แล้ว ยังนับว่าเล็กน้อยมาก เมื่อเทียบกับพระคุณอันยิ่งใหญ่ที่ท่านมีต่อเรา ผู้ที่มีความกตัญญูกตเวทีต้องการจะสนองพระคุณท่านให้ได้ทั้งหมด พึงกระทำดังนี้ ถ้าท่านยังไม่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ก็พยายามชักนำให้ท่านตั้งอยู่ในศรัทธาให้ได้
ถ้าท่านยังไม่ถึงพร้อมด้วยการให้ทาน ก็พยายามชักนำให้ท่านยินดีในการบริจาคทานให้ได้ ถ้าท่านยังไม่มีศีล ก็พยายามชักนำให้ท่านรักษาศีลให้ได้ ถ้าท่านยังไม่ทำสมาธิภาวนา ก็พยายามชักนำให้ท่านทำสมาธิภาวนาให้ได้ เพราะว่าการตั้งอยู่ในศรัทธา การให้ทาน... -
พุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ ตอน อันตรายของสมาธิ
พุทธศาสนาจากพระโอษฐ์ ตอน อันตรายของสมาธิ
ปัญหา ในการเจริญสมาธิ บางครั้งเกิดนิมิตเห็นรูปแล้ว หรือเกิดโอภาสแสงสว่างแล้ว แต่ในไม่ช้าก็หายไป ทั้งนี้เพราะเหตุไร?
พุทธดำรัสตอบ “.....ดูก่อนอนุรุท เมื่อก่อนตรัสรู้ ยังไม่รู้แจ้งด้วยปัญญาอันยิ่ง ยังเป็นโพธิสัตว์อยู่ เราย่อมรู้สึกแสงสว่างและการเห็นรูปเหมือนกัน แต่ไม่ช้าเท่าไร แสงสว่างและการเห็นรูปอันนั้นของเรา ย่อมหายไปได้ เราจึงมีความดำริดังนี้ว่า อะไรหนอแลเป็นเหตุเห็นปัจจัยได้แสงสว่างและการเห็นรูปของเราหายไปได้ ดูก่อนอนุรุธ เรานั้นได้มีความรู้ดังนี้ว่าวิจิกิจฉา (ความสงสัยลังเล) แลเกิดขึ้นแล้วแก่เราก็วิจิกิจฉาเป็นเหตุ สมาธิของเราจึงเคลื่อน เมื่อสมาธิเคลื่อนแล้ว แสงสว่างและการเห็นรูปจึงหายไปได้ เราจักทำให้วิจิกิจฉาไม่เกิดขึ้นแก่เราได้อีก
“.....ดูก่อนอนุรุธ เรานั้นได้มีความรู้ดังนี้ว่าอมนสิการ (การไม่ใส่ใจ) แลเกิดขึ้นแล้วแก่เราก็อมนสิการ เป็นเหตุ สมาธิของเราจึงเคลื่อน ถีนมิทธะ (ความง่วงงุน) แลเกิดขึ้นแล้วแก่เรา...... สมาธิของเราจึงเคลื่อน...... ความหวาดเสียว...... แลเกิดขึ้นแล้วแก่เรา...... สมาธิของเราจึงเคลื่อน...... ความตื่นเต้น... -
อานิสงส์การบูชาต้นโพธิ์ด้วยดอกไม้3ดอกแล้วไหว้ต้นโพธิ์ดังถวายบังคมพระพุทธเจ้า
อานิสงส์การบูชาต้นโพธิ์ด้วยดอกไม้3ดอกแล้วไหว้ต้นโพธิ์ดังถวายบังคมพระพุทธเจ้า
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๔
ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๑
ว่าด้วยผลแห่งการเก็บใบแคฝอยทิ้ง
[๙๘] เมื่อก่อน เราเป็นพรานเนื้ออยู่ในป่าชัฏใหญ่ เราเห็นไม้แคฝอยอันเขียวสด
อันเป็นไม้โพธิ์ ของพระผู้มีพระภาคพระนามว่าวิปัสสี จึงบูชาด้วยดอกไม้
๓ ดอก เวลานั้น เราเก็บใบแคฝอยที่แห้งๆ ไปทิ้งในภายนอก เรากราบ
ไหว้ไม้แคฝอย ดังถวายบังคมพระสัมพุทธเจ้าพระนามว่าวิปัสสี นายกของ
โลก ผู้บริสุทธิ์ทั้งภายในภายนอก ผู้พ้นวิเศษแล้วไม่มีอาสวะ เฉพาะ
พระพักตร์ แล้วทำกาละ ณ ที่นั้นเอง ในกัลปที่ ๙๑ แต่กัลปนี้ เราได้
บูชาไม้โพธิ์ใด ด้วยกรรมนั้นเราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชา
ไม้โพธิพฤกษ์ ในกัลปที่ ๓๐ แต่กัลปนี้ ได้มีพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๓ พระองค์
ทรงพระนามว่าสมันตปาสาทิกะ มีพลมาก คุณวิเศษเหล่านี้ คือปฏิสัมภิทา
๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนา
เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระติปุปผิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.
จบ ติปุปผิยเถราปทาน.
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒ บรรทัดที่... -
อานิสงส์การรักษาอุโบสถศีลเพียงครึ่งเดียว อย่าคิดว่าเล็กน้อย
อานิสงส์การรักษาอุโบสถศีลเพียงครึ่งเดียว อย่าคิดว่าเล็กน้อย
นอกจากนี้การรักษาศีล ๘ ยังมีพลังมหาศาลที่จะบันดาลสิ่งที่ดีงาม สิ่งที่เป็นความปรารถนา
ของผู้ที่รักษา ให้ปรากฏขึ้นอย่างเป็นอัศจรรย์ ดังเรื่องราวของพระเจ้าอุทัย
พระเจ้าอุทัย
…….ในอดีตกาล มีเศรษฐีท่านหนึ่งแห่งนครพาราณสี ชื่อว่า สุจิบริวาร ท่านเศรษฐีมีทรัพย์สมบัติ
มากมายนับได้ประมาณ ๘๐ โกฏิ ท่านเป็นผู้ที่มีความชื่นชมยินดีในการทำบุญ ทั้งยังชักชวน บุตร
ภรรยา และพวกพ้องบริวารทั้งหลายให้รักษาศีล ๕ เป็นปกติ ครั้นถึงวันพระ ก็จะชักชวนให้
รักษาอุโบสถศีล
ครั้งนั้น มีชายยากจนคนหนึ่ง ได้ไปขอรับจ้างทำงานในบ้านของเศรษฐี ซึ่งตามปกติแล้ว
ท่านเศรษฐีจะให้ลูกจ้างทุกคน ทำสัญญาตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงานว่าจะรักษาศีล แต่สำหรับ
ชายยากจนผู้นี้ ท่านเศรษฐีเพียงแต่กล่าวว่า
“ เจ้าจงทำงานตามค่าจ้างของตนเถิด ” โดยมิได้ให้ทำสัญญาเกี่ยวกับการรักษาศีลเลย
ชายหนุ่มผู้นี้เป็นคนว่าง่าย ตั้งใจทำงานทุกอย่างโดยไม่เห็นแก่ความเหนื่อยยากลำบากกาย
เขาจะออกไปทำงานแต่เช้าตรู่และกลับมาในเวลาเย็น
วันหนึ่งท่านเศรษฐีได้สั่งหญิงรับใช้ว่า “ วันนี้เป็นวันอุโบสถ... -
‘กุศลกรรมบถ’ พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ ๑๐ ประการต่อไปนี้
กุศลกรรมบถ ๑๐
การตั้งใจและเว้นจากการไม่ทำความชั่วทั้งปวงนี้เรียกว่า ‘กุศลกรรมบถ’ พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ ๑๐ ประการต่อไปนี้
(๑)
ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางกาย
ด้วยการไม่ฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์อื่นให้ได้รับความทุกข์เดือดร้อน
(ปาณาติปาตา เวรมณี)
(๒)
ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางกาย
ด้วยการไม่ลักทรัพย์ ถือเอาของที่เขาไม่ให้ด้วยอาการขโมย
(อทินนาทานา เวรมณี)
(๓)
ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางกาย
ด้วยการไม่ประพฤติผิดในกาม
(กาเมสุมิจฉาจารา เวรมณี)
(๔)
ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางวาจา
ด้วยการไม่พูดเท็จ
(มุสาวาทา เวรมณี)
(๕)
ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางวาจา
ด้วยการไม่พูดจายุยงส่อเสียด
(ปิสุณาวาจา เวรมณี)
(๖)
ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางวาจา
ด้วยการไม่พูดจาร้าย หยาบคายด่าทอ
(ผรุสวาจา เวรมณี)
(๗)
ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางวาจา
ด้วยการไม่พูดเพ้อเจ้อ กล่าววาจาไม่เป็นประโยชน์
หรือกล่าววาจาโปรยประโยชน์
(สัมผัปปลาปา เวรมณี)
(๘)
ตั้งใจและเพียรระวังเพื่อเว้นจากการทำไม่ดีทางใจ... -
การตายของเทวดานางฟ้า..(หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป)
"โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป "
การตายของเทวดานางฟ้า
"ปกติเวลาเทพบุตร เทพธิดาจะจุติลงมาเป็นมนุษย์ ทุกองค์มีความตั้งใจ จะลงมาสร้างคุณงามความดี เพื่อยกภูมิของตน..ให้สูงขึ้น
แต่พอมาเป็นมนุษย์...จะลืมและหลงไปในอบายมุขในโลก ไม่สร้างกรรมดีตามที่ตั้งใจ ซ้ำกลับต้องตกต่ำลงกว่าที่ตนเคยเสวยสุขอยู่เสียอีก
บนสวรรค์เมืองแมนแดนสวรรค์ท่านว่า สุขทุกขณะจิต .. ส่วนผู้เสวยบาปต้องลงนรก ลำพังความเดือดร้อนจากไฟนรก ก็แสนสาหัส ไม่ต้องถูกลงทัณฑ์ ทรมาน ชาวนรกก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูกกันอยู่แล้ว ... ในนรกท่านก็ว่าเป็นทุกข์ไม่มีเวลาสุข ทุกขณะจิตเช่นกัน
พวกเราเองเป็นอย่างไร สว่างมา สว่างไป หรือ สว่างมา มืดไป หรือ มืดมา สว่างไป หรือ มืดมา มืดไป
ทรัพย์สมบัติทุกชิ้นที่หามาจากโลกนี้ ยศตำแหน่งหน้าที่การงาน คำสรรเสริญติชม ทุกสรรพเสียง ความสุขรื่นรมย์ทุกประการ คนรัก สัตว์เลี้ยง สิ่งของที่สะสม ห่วงหาอาลัย สุดท้ายคืนโลกหมด เหมือนฝันไปจำต้องตื่น
เหมือนอายุงานที่จำต้องเกษียณ ประกันชีวิตที่ทำชาตินี้ ควรเป็นศีล สมาธิ ปัญญา เพื่อเอาไปใช้ในชาติหน้าได้จริง...
วัดอรัญญวิเวก อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่
ขอบคุณที่มา -
เหตุที่ทำให้ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า “ตถาคต”
เหตุที่ทำให้ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า “ตถาคต”
เหตุที่ทำให้ พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่า “ตถาคต”
พระตถาคต คือคำแทนชื่อที่พระพุทธองค์ทรงเรียกพระองค์เอง แปลว่าผู้เสด็จมาและไปอย่างนั้น อันมีความหมายเชิงลึกซึ้งคือ ผู้ที่ไม่ยึดมั่นในสิ่งใดในโลกนี้
ภิกษุทั้งหลาย โลกเป็นสภาพที่ตถาคตได้รู้พร้อมเฉพาะแล้ว
ตถาคตจึงเป็นผู้ถอนตนจากโลกได้แล้ว.
เหตุให้เกิดโลก เป็นสภาพที่ตถาคตได้รู้พร้อมเฉพาะแล้ว
ตถาคตจึงละเหตุให้เกิดโลกได้แล้ว.
ความดับไม่เหลือของโลกเป็นสภาพที่ตถาคตรู้พร้อมเฉพาะแล้ว
ตถาคตจึงทำให้แจ้งความดับไม่เหลือของโลกได้แล้ว.
ทางให้ถึงความดับไม่เหลือของโลก เป็นสิ่งที่ตถาคตรู้พร้อมเฉพาะแล้ว
ตถาคตจึงทำให้เกิดมีขึ้นได้แล้ว ซึ่งทางให้ถึงความดับไม่เหลือของโลกนั้น.
ภิกษุทั้งหลาย อายตนะอันใด ที่พวกมนุษยโลก พร้อมทั้งเทวโลก มาร, พรหม, ที่หมู่สัตว์พร้อม ทั้งสมณพราหมณ์ พร้อมทั้งเทวดาและมนุษย์ ได้เห็นได้ฟัง ได้ดม-ลิ้ม-สัมผัส ได้รู้แจ้ง ได้บรรลุ
ได้แสวงหา ได้เที่ยวผูกพันติดตามโดยน้ำใจ, อายตนะนั้น ตถาคตได้รู้พร้อมเฉพาะแล้วทั้งสิ้น เพราะเหตุนั้น เราจึงได้นามว่า “ตถาคต”.
ภิกษุทั้งหลาย ในราตรีใด ตถาคตได้ตรัสรู้... -
การวัดบารมีของตนเอง : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
Lotus in the hands of sandstone Buddha.
การวัดบารมีของตนเอง : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
เราก็มาวัดถึง บารมีของพวกเรา.. บารมี พระพุทธเจ้าทรงจัดไว้เป็น ๓ ระดับ คือ
๑. บารมีต้น ท่านเรียกว่า บารมี เฉย ๆ
.. คนที่มีบารมีต้น เต็มบ้าง ไม่เต็มบ้าง เต็มก็ดี ถ้าไม่เต็ม พร่องมากเกินไป คนประเภทนี้ เขาจะเจริญกรรมฐานไม่ได้
.. บารมี แปลว่า เต็ม แต่ว่า พระพุทธเจ้า ให้แปลว่า กำลังใจเต็ม บารมี ก็คือ กำลังใจมันเต็มพร้อมในขั้นไหน ถ้าเต็มพร้อม ในขั้นต้น หรือ ไม่เต็มในขั้นต้น พวกนี้ ยังเจริญพระกรรมฐานไม่ได้ กำลังใจไม่พอ.
.. ถ้าเราไปชวนเขาเจริญพระกรรมฐาน เขาจะบอกว่า ไม่ว่างละ จิตไม่สงบบ้าง ใช่ไหม.
๒. ทีนี้ อุปบารมี
.. อุป แปลว่า เข้าไป หรือ ใกล้ ใกล้จะเต็ม หรือ เข้าไปเพื่อเต็ม เป็นบารมีขั้นกลาง
.. คนที่มีบารมีขั้นกลาง เวลาถ้าชวนเจริญกรรมฐาน เขาสามารถเจริญได้ แต่ว่า เขาฝึกฝนจริง ๆ
.. ถ้าเราชวนไปนิพพาน เขาจะบอกว่า เขายังไม่พร้อมไปพระนิพพาน จำให้ดีนะ ทุกคนนะ ลองไปถามใครดูบ้างก็ได้ เขายังไม่พร้อมที่จะไปพระนิพพาน.
* โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเขาจะฝึก มโนมยิทธิ อย่างพวกเรา เขาจะไม่สามารถเข้าเขตนิพพานได้ ใช่ไหม... -
“คนหมดบุญ” (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
“คนหมดบุญ” (หลวงปู่ชา สุภัทโท)
“คนหมดบุญ”
“บุญในทางพุทธศาสนา คือการละบาป” เมื่อละบาปแล้วมันก็ไม่มีบาป ไม่มีบาปมันก็ไม่ร้อน ไม่ร้อนมันก็เย็น “จิตที่สงบแล้วนั้นจึงว่า เป็นกุศลจิต” ไม่คิดโมโห มันก็ผ่องใส ผ่องใสด้วยวิธีอะไร ก็ให้โยมรู้จักไว้
แหมวันนี้น่ะ “ใจมันดุเหลือเกิน ไปมองดูอะไร แม้แต่จะมองดูถ้วยในตู้ มันก็ไม่สบาย” อยากจะทุบมันทิ้งให้หมดทุกใบเลย “ไปดูอะไรก็ไม่ชอบใจไปเสียทั้งนั้น” ดูใคร ดูเป็ด ดูไก่ดูสุนัข ดูแมว ไม่ชอบใจ
แม้แต่พ่อบ้านพูดขึ้นมาก็ไม่ชอบใจ “เมื่อดูในใจของเราก็ไม่ชอบใจของเรา” ทีนี้ก็ไม่รู้จะไปอยู่ตรงไหนแล้วละ ทำไมมันถึงได้เกิดความร้อนอย่างนี้ “นั้นแหละที่เรียกว่าคนหมดบุญล่ะ”
เดี๋ยวนี้ “เรียกคนตายว่าคนหมดบุญแล้ว” ไม่ใช่อย่างนั้น “คนที่ไม่ตายแต่หมดบุญมีเยอะ คือคนที่ไม่รู้จักบุญ ใจมันเป็นแต่บาปอยู่อย่างนั้น” จึงสะสมแต่บาปอยู่ .. “
“น้ำไหลนิ่ง”
หลวงปู่ชา สุภัทโท
ขอบคุณที่มา... -
“หลวงปู่มั่น” เกิดมาพร้อม “บุคลิกพิเศษ” ที่ทำให้ท่านกลายเป็น “สาวกที่สมบูรณ์แบบ” ของพระพุทธเจ้า
“หลวงปู่มั่น” เกิดมาพร้อม “บุคลิกพิเศษ” ที่ทำให้ท่านกลายเป็น “สาวกที่สมบูรณ์แบบ” ของพระพุทธเจ้า
“หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” คือหนึ่งในพระวิปัสสนาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ของเมืองไทย ท่านเป็นผู้มีปฏิปทาสันโดษ มักน้อย แสวงหาความวิเวก และปรารภความเพียรตั้งแต่วันแรกบรรพชา-อุปสมบทจวบจนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต ชนิดที่เรียกได้ว่าครบถ้วนสมบูรณ์แบบ
วัตรปฏิบัติอันเคร่งครัดของหลวงปู่มั่นก็คือ บิณฑบาตเป็นวัตร ฉันในบาตรเป็นวัตร ฉันมื้อเดียวเป็นวัตร และใช้ผ้าบังสุกุลเป็นวัตร
หากผู้ใดต้องการถวายจีวร ผ้าสบง ผ้าเช็ดหน้า หรือผ้าเล็ก ๆ น้อย ๆ ใด ๆ ให้แก่ท่าน ก็เป็นอันรู้กันว่าจะต้องนำไปวางไว้ที่บันไดบ้าง วางไว้ใกล้ ๆ กุฏิของท่านบ้าง วางไว้ตรงทางเดินไปห้องน้ำบ้าง เมื่อท่านเห็นก็จะบังสุกุลเอา บางผืนท่านก็ใช้ บางผืนก็ไม่ได้ใช้ ใครไม่รู้อัธยาศัยแล้วนำไปถวายกับมือ ท่านจะไม่รับ
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นพระนักปฏิบัติ ท่านเป็นสาวกของพระพุทธเจ้าที่มีความสมบูรณ์แบบด้วยบุคลิกลักษณะทั้งภายนอกและภายใน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเกียรติคุณของท่านจึงขจรขจายจนถึงทุกวันนี้... -
ความรักในมุมมองของศาสนาพุทธ
#ความรักในมุมมองของศาสนาพุทธนั้น กล่าวว่า ความรักคือความทุกข์ รักน้อยทุกข์น้อย รักมากทุกข์มาก ไม่รักเลยไม่ทุกข์เลย ที่ใดมีรักที่นั้นมีทุกข์ หากแต่คำกล่าวนี้ แท้จริงไม่ได้สื่อความว่าไม่ให้คนเรารักกัน แต่ความรักที่ให้แก่กันจะต้องเป็นความรักที่มอบให้อย่างบริสุทธิ์ใจ อย่างมีเมตตา ไม่คิดยึดติดในอารมณ์ รูป รส กลิ่น เสียงหรือความรู้สึกต่อความรักนั้นๆ
#ศาสนาพุทธแบ่งความรัก เป็น 4 อย่าง คือ
1. สิเนหา ความรักที่เกิดจากความต้องการทางเพศหรือลุ่มหลงเทิดทูน
2. ปิยะ ความรักที่เกิดจากสัญชาติญาณหรือความรักในเครือญาติ
3. เปมัง ความรักที่เกิดจากความผูกพัน และช่วยเหลือกันมา
4. เมตตา ความรักที่เกิดจากการฝึกให้คุณธรรมเกิดมีขึ้นในจิตใจให้รักผู้อื่นไม่เห็นแก่ตัว
พระพุทธศาสนา จึงสอนเรา ให้รู้ว่า...
ความรัก เป็นอนิจจัง คือไม่เที่ยงมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ความรัก เป็นทุกข์..เพราะพอความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เรารับการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้ ก็ทุกข์
ความรัก เป็นอนัตตา คือไม่มีตัวตนที่แน่นอน เพราะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดนั่นเอง
จนสามารถกล่าวได้ว่า... -
ทะเลใจ / เวทนานุปัสสนามหาสติปัฏฐาน (พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง)
เมื่ออาตมากำลังถวายพระพรอยู่นี่ ได้ใช้สายตามองไปในทะเล ที่กำลังมีคลื่นใหญ่ และบางขณะทะเลก็มีคลื่นเล็ก สภาพของคลื่นไม่สม่ำเสมอกัน ในที่สุดนั้นคลื่นของทะเลก็มากระทบฝั่ง กระทบแล้วแทนที่คลื่นจะหายไป น้ำกลับย้อนถอยหลัง กลับไปตั้งเป็นคลื่นใหม่เข้ามากระทบ อย่างนี้จิตของบุคคลเราเข้าไปกระทบกับคลื่นของอารมณ์ ถ้าคลื่นนั้นเป็นอิฏฐารมณ์ตามที่พระอาจารย์วันถวายพระพร เป็นคลื่นที่มีความพอใจที่เราเรียกว่า...กามคุณก็ดี จัดว่ามีอามิส หรือว่าเป็นคลื่นที่มีความพอใจในความสงบสงัดที่ปราศจากอามิส ก็ถือว่าจิตนั้นยังเป็นจิตที่ไม่ดียังมีความพอใจในคลื่น
เพราะว่าคลื่นไม่มีเวลาหยุด กระทบกระแทกเป็นคลื่นเล็ก และคลื่นใหญ่อยู่ตลอดเวลา ถ้าหากว่าจะเป็นอาการทางร่างกายของคน ก็จะรู้สึกว่าร่างกายของคนนี้เต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย ก็มีกิจหาที่จุดจบมิได้ คลื่นที่กระทบฝั่งดูเหมือนว่าคลื่นจะหายไป แต่ว่าคลื่นและน้ำก็กลับกลายเป็นคลื่นใหม่ต่อไปอีก ก็กระเพื่อมขึ้นกระเพื่อมลง สูงบ้าง ต่ำบ้าง แล้วในที่สุดก็มากระทบฝั่ง มีสภาพคล้ายว่าจะหายไป แต่ทว่าก็ไม่หาย กลับไปเกิดขึ้นมาใหม่
ข้อนี้มีอุปมาฉันใด ก็จะเทียบได้กับจิตใจของบุคคล... -
สถาบันพุทธศาสนาเถรวาท–มหายาน มอบทุนการศึกษา
สถาบันพุทธศาสนาเถรวาท–มหายาน มอบทุนการศึกษาพร้อมยาและเวชภัณฑ์ ให้ กทม.
นางวรรณวิไล พรหมลักขโณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานพิธีรับมอบทุนการศึกษาจากสถาบันพุทธศาสนาเถรวาท–มหายาน โฝวกวงซันไท่ฮวาซื่อ โดยพระเถระซินเติ้ง เจ้าอาวาสวัดโฝวกวงชัน ไท่ฮวาซื่อ จำนวน 500 ทุน เพื่อมอบให้แก่นักเรียนของโรงเรียนสังกัดกรุงเทพมหานครในพื้นที่เขตคลองสามวา จำนวน 18 โรงเรียน พร้อมรับมอบยาและเวชภัณฑ์ยา เพื่อนำไปใช้ในโรงพยาบาลคลองสามวา โดยมีพระครูปลัดสุวัฒนสุตคุณ “โสภณ โสภโณ” เจ้าอาวาสวัดพระยาสุเรนทร์ ผู้บริหารเขตคลองสามวา ผู้บริหารการศึกษา ร่วมเป็นเกียรติในพิธี ณ วัดโฝวกวงซันไท่ฮว๋อซื่อ เขตคลองสามวา
รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ช่วงนี้ใกล้ถึงวันเทศกาลตรุษจีน ซึ่งประเพณีของชาวจีน ผู้ใหญ่จะเป็นผู้ดูแลเด็กๆ ทั้งด้านอาหารการกิน ตลอดจนซองเงินที่มอบให้เด็กๆ ที่เรียกกันว่า “แต๊ะเอีย” ถือเป็นเงินก้นถุง เงินขวัญถุง ซึ่งความเชื่อของคนจีน ผู้ใดได้รับเงินแต๊ะเอียไปก็จะทำให้โชคดีตลอดทั้งปี ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครขอขอบคุณในจิตกุศลของวัดโฝวกวงชัน ไท่ฮวาซื่อในครั้งนี้... -
หลวงปู่คำแสนเล็ก
หลวงปู่คำแสนเล็ก
หลวงพ่อฤาษีฯ เขียนถึงการมรณภาพของหลวงปู่คำแสน วัดดอนมูล จังหวัดเชียงใหม่
“..คำว่า “คำแสนนุสรณ์” คำนี้อาจจะเป็นที่สะเทือนใจสำหรับผู้ที่เคารพนับถือหลวงปู่คำแสน ซึ่งเป็นที่เคารพของผู้เขียนและท่านทั้งหลายอยู่บ้าง โดยท่านอาจจะคิดว่าเป็นวาจาที่ปรามาสเกินไป โดยเจตนาของผู้เขียนแล้ว กล่าวเพียงให้สั้นเข้าเท่านั้น ไม่มีเจตนาปรามาสแต่ประการใด ถ้าบังเอิญเป็นที่ไม่ถูกใจท่านผู้ใดบ้าง ผู้เขียนขอประทานอภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
หลวงปู่คำแสน เป็นพระที่น่ารักและเคารพมากของผู้เขียน มีความรู้สึกว่าท่านเป็นที่น่ารักและควรแก่การเคารพอย่างยิ่ง ด้วยความรู้สึกและอาการสัมผัสแล้ว เข้าใจว่า
ท่านเป็นพระที่สมบูรณ์ด้วยศีลาจารุวัตรครบถ้วน
อารมณ์ก็แสนจะเยือกเย็น เป็นที่รักแก่ผู้ที่พบเห็น
จริยาก็เรียบร้อย ไม่โดกเดกรุ่มร่ามเหมือนผู้เขียน
ส่วนลึกของความสามารถ เรื่องนี้ถ้าจะพูดกันให้จบต้องใช้หนังสือสัก ๕๐๐ หน้า ก็ไม่แน่ว่าจะครบถ้วนตามความสามารถ ขอพูดโดยย่อว่า ท่านมีความสามารถดังนี้
๑) เป็นนักธุดงค์ที่มีความสมบูรณ์ในปฏิปทาธุดงค์จริงๆ
๒) การตัดอารมณ์ ตัดได้ดีตามที่พระพุทธเจ้าต้องการ
๓)... -
ตำนาน หลวงพ่อกลั่น ยุดยา กำราบโจร ล่าเสือดำ !!!
หลวงพ่อกลั่น ธรรมโชติ วัดพระญาติการาม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นอีกหนึ่งพระเกจิผู้เลื่องชื่อ โดยเฉพาะในเรื่องอำนาจจิตของท่านนั้น ที่เด็ดเดี่ยวและกล้าหาญเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งในเรื่องเครื่องรางของขลังเหรียญของท่านนั้นขึ้นชื่อในเรื่องของความสุดยอดหนังเหนียว และแสดงอภินิหารเป็นที่ประจักษ์อยู่บ่อยครั้ง จึงเป็นที่เลื่อมใสและศรัทธาแก่ชาวเมืองกรุงเก่าคนเมืองอยุธยาเป็นอย่างยิ่ง
ที่เป็นเช่นนี้นั้นก็คงเป็นเพราะในตอนที่หลวงพ่อยังดำรงชีวิตอยู่ ท่านเป็นคนเข้มแข็งเด็ดเดี่ยว ในตอนวัยหนุ่มท่านเป็นผู้ที่ชื่นชอบในวิชากระบี่กระบอง การต่อสู้เป็นอย่างมาก การชกมวยของท่านนั้นดังกระฉ่อนไปไกล ท่านไม่เคยรังแกใครก่อนแต่ก็ไม่ยอมให้ใครมารังแกท่านเช่นกัน จัดว่าเป็นหนุ่มกระทงที่มีใจนักเลงไม่กลัวใครหน้าไหนคนหนึ่ง
เมื่อช่วยพ่อแม่ทำนาจนโตตอบแทนบุญคุณบุพการี จนเป็นการสมควรแล้ว ท่านได้ตัดสินใจอุปสมบท ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัยจนแตกฉาน และเรียนรู้วิชาอาคมจนแก่กล้า เมื่อฝึกฝนวิชาต่างๆจนเชี่ยวชาญแล้ว ก็ได้ออกธุดงค์ไปทั่วตามป่าเขาลำเนาไพร ขึ้นเหนือล่องใต้จนกระทั่งมาอยู่ที่วัดพระญาติการามในที่สุด... -
พระอาจารย์เตือนเรื่อง "ชีวิตการครองเรือนของฆราวาส"
พระอาจารย์เตือนเรื่อง "ชีวิตการครองเรือนของฆราวาส"
*************************************************************************
ถ้าต้องเกิดมาอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ มาเกิดในร่างกายที่มีความทุกข์อย่างนี้ นับเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ๆ เพราะว่าทุกอย่างจะรุมเร้าเข้ามา ถ้าหากว่าตัวคนเดียวอย่างเก่งก็เจ็บป่วย หนาวร้อน หิวกระหาย
แต่ถ้าหากว่า ๒ คน ตอนนี้เราไม่ป่วยแต่เขาป่วย เราก็เหมือนกับป่วยไปด้วย เราไม่หิวเขาหิว ก็เหมือนกับเราหิวด้วย ถ้าหากว่า ๓ คนขึ้นไปยิ่งแล้วใหญ่ ตัวเราตัวเขาไม่เป็นไร แต่ไอ้ตัวเล็กนี่อย่างไรก็ไม่ได้ เราจะหิวแค่ไหนเขาก็ห้ามหิว ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด ต้องรับผิดชอบเขาให้ดีที่สุด
นี่เป็นการสร้างความทุกข์ทับถมตัวเองอยู่ตลอดเวลา แล้วเราก็จมลึก ดิ้นไม่หลุด เหมือนกับตกอยู่ในหล่มโคลนดูด
ตอนนี้เรามาอยู่ในสภาพนี้ ถือว่าเราก้าวพ้นหล่มขึ้นมาแล้ว ถึงแม้ว่าจะห่างออกไปไกลไม่ได้ ยังอยู่ใกล้ก็ตาม ขอให้พยายามตะเกียกตะกาย ไปให้พ้นโดยเร็วที่สุด แม้ว่าบางคนยังไม่พ้นหล่ม แต่เราก็ชูคอขึ้นมาเหนือโคลนแล้ว ยังสามารถหายใจได้ ยังสามารถหาช่องทางดิ้นรนเพื่อที่จะให้พ้นได้... -
สร้างบุญเอาไว้ดี ย่อมได้เกิดในที่ดี
สร้างบุญเอาไว้ดี ย่อมได้เกิดในที่ดี
ในเรื่องของบุญเกี่ยวกับสถานที่ ถ้าหากว่าสร้างบุญไว้ดี ก็ได้เกิดในที่ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้เคารพบูชา บางคนต้องตะเกียกตะกายไปไกล บางคนก็เกิดที่ข้างรั้ววัดนี่เอง
บุคคลที่สร้างบุญเอาไว้ดี ก็เกิดในที่ที่เหมาะสม อยู่ใกล้พุทธสถานที่สำคัญ หรือว่าใกล้พระพุทธรูปที่สำคัญ นึกถึงนางฟ้าปูทะเล สมัยนางฟ้าปูทะเลเป็นมนุษย์ เธอชอบไปนั่งมองมณฑปแก้ว นั่งมองไปก็สบายใจ ทั้ง ๆ ที่ต...ัวเองมีอาชีพขายปู ปรากฏว่าตายไปแล้วไปเป็นนางฟ้า มีวิมานเป็นเพชรทั้งหลังเลย เพราะใจไปยึดมณฑปแก้ว ท่านที่อยู่ใกล้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ก็เลยค่อนข้างจะได้เปรียบกว่าคนอื่น ถ้าเราอยู่ใกล้ มีความเคารพศรัทธาเลื่อมใสจริง ๆ เราสามารถที่จะไปกราบไหว้บูชาได้ทุกวัน
เรื่องนี้ขอชื่นชมคนพม่าแบบไม่ปิดไม่บังเลย คนพม่าไม่ว่าจะสร้างวัดสร้างเจดีย์อยู่ที่ไหนก็ตาม จะมีคนดูแลปัดกวาดทำความสะอาด และใช้งานอยู่ตลอด ไม่มีการทำแล้วทิ้งแบบของเรา จะสร้างหลังเล็กหลังใหญ่ขนาดไหนก็ตาม เขาเข้าไปไหว้บูชาตลอด อย่างเจดีย์วัดท่าขนุน พวกมอญ พวกพม่าเดินขึ้นไปไหว้อยู่ทุกวัน แต่คนไทยเองจะขึ้นแต่ละทีไปเกี่ยงว่า... -
กิเลสเหมือนแม่เหล็ก (หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ)
หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
บางคนน่ะเพียรละกิเลสเก่าแล้วก็สร้างกิเลสใหม่ขึ้นมาเพิ่มเติมอย่างนี้มันไม่ถูกไม่ชอบเลย อย่างเช่นว่า แต่ก่อนเคยชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมาอย่างนี้นะ ครั้นต่อมานี้เห็นโทษแห่งการกระทำเช่นนั้นว่ามันเป็นบาปเป็นกรรม อธิษฐานใจเว้น อธิษฐานใจเว้นแล้วมันก็ยังไม่วายที่จะเผลอไปยินดีไปในการฆ่าการเบียดเบียนนั้น นี่มันเมื่อกิเลสอย่างนั้นมันไม่ขาดเด็ดออกไป เผลอ ๆ แล้วมันก็ต้องเกิดขึ้นมาแหละความคิดอย่างนั้นนะ อืม...มันเป็นอย่างนั้น
เพราะฉะนั้นมันจึงต้องมีความอดความทนต้องมีความเพียรพยายามระมัดระวังจิตนี้เสมอไปอย่าให้มันหวนไปสร้างอกุศลขึ้นมาในใจอีกเหมือนแต่ก่อน อันนี้สำคัญมากนา เพราะว่าของเก่านั้นน่ะนั่นแหละมันถ้าหากว่าเราไม่กำหนดละมันน่ะ มันเป็นเชื้อดูดเอาของใหม่เข้าไปสมทบอีกเป็นอย่างนั้น กิเลสนี้ก็เหมือนกับแม่เหล็กนี้เองแหละ ดังนั้นการที่กิเลสมันจะครอบงำจิตไม่ได้หรือมันจะคลายออกไปจากดวงจิตนี่ก็เพราะเราทำความเพียรเพ่งพินิจอยู่ในจิตใจนี้เสมอ ๆ ไป
ความเพียรเพ่งพินิจนี้แหละท่านเรียกว่าเป็น “ตปธรรม” เป็นเครื่องเผากิเลสให้เร่าร้อน... -
ความแตกต่างระหว่างไตรสรณคมน์ กับ พระโสดาปัตติผล
ความแตกต่างระหว่างไตรสรณคมน์ กับ พระโสดาปัตติผล
บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน
“…คำว่า “ไตรสรณคมน์” กับ “พระโสดาปัตติผล” นี้คล้ายคลึงกันมาก คำว่า “ไตรสรณคมน์” เป็นคนที่มีความเคารพในพระพุุทธเจ้าจริง ในพระธรรมจริง ในพระสงฆ์จริง และก็มีศีล ๕ บริสุทธิ์จริงแต่ว่าทั้งชายและหญิงพวกนี้ไม่มั่นใจในพระนิพพาน เพียงแค่รักษาศีล เคารพพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง เพื่อหวังผล ความสุขในปัจจุบัน และสัมปรายภพบางส่วน
คือต้องการแค่เทวดาหรือพรหม อย่างนี้ไม่ถือว่าเป็นพระโสดาบัน
สำหรับท่านที่ฟังแล้วเป็นพระโสดาบัน คือมี ความเคารพในพระพุทธเจ้าจริง ในพระธรรมจริง ในพระอริยสงฆ์จริง มีศีล ๕ บริสุทธิ์จริง ถ้าจิตก็ยิ่งไปกว่านั้น ก็คือต้องการพระนิพพาน
เป็นที่ไป หมายถึงว่า มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ คิดว่าถ้าตายแล้วเมื่อไรขอไปนิพพาน ต้องการจุดเดียวในการทำความดี
ฉะนั้น คนที่เข้าถึงไตรสรณคมน์ กับพระโสดาบัน และพระสกิทาคามี ต่างกันอยู่นิดเดียวที่จิตต้องการนิพพานหรือไม่ต้องการนิพพาน …”
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
ที่มา บันทึกธรรมพระราชพรหมยาน -
งานตรุษจีนปากน้ำโพ...สุดยิ่งใหญ่ !!! ประชาชนมากมายแห่ทำบุญ แก้ปีชง เสริมดวงสิริมงคล !!!
เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 61 ที่ผ่านมา บริเวณริมเขื่อนต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งได้ทำการจัดเทศกาลตรุษจีนปากน้ำโพประจำปี 61 โดยเมื่อวันที่ 9 ถือว่าเป็นวันแรก โดยที่นี่จัดมาทุกปี โดยในปีนี้มีประชาชนเข้าร่วมงาน เดินทางมากราบไหว้ขอพรเจ้าพ่อเจ้าแม่ปากน้ำโพ ณ ศาลเจ้าชั่วคราว โดยส่วนใหญ่ที่มาเพื่อมาแก้ปีชง ตามความเชื่อส่วนบุคคลกันอย่างคิกคัก
โดยผู้ที่มาแก้ชงหลายรายได้เปิดเผยว่า ในอดีตไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้เลย แต่เมื่อปีชงคราวก่อน ได้ประสบปัฐหามากมายหลายอย่าง ทุกอย่างรอบด้านแย่ไปหมด จึงต้องไปกราบไหว้ทำพิธีแก้ชง แล้วผลปรากฏว่า เรื่องร้ายๆ ก็กลับกลายเป็นดี และดีขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้เชื่อเรื่องพวกนี้ จนมาปีนี้ครบชงอีกครั้งตนจึงถือโอกาสในช่วงเทศกาลตรุษจีนปากน้ำโพ รีบมาทำพิธีแก้ชง และกราบไหว้ขอพรต่อเทพเจ้า ให้ช่วยคุ้มครองให้ตนเองปลอดภัย
สำหรับงานเทศกาลตรุษจีนปากน้ำโพ ประจำปี 61 จะมีการจัดงานเฉลิมฉลองไปจนถึงวันที่ 20 ก.พ. โดยมีพิธีเปิดงานในช่วงเย็นวันที่ 10 ก.พ. ซึ่งในช่วงที่มีการจัดงานตลอด 12 วัน 12คืน ส่วนเรื่องการจัดขบวนแห่รอบเมืองปากน้ำโพที่ยาวที่สุดและสวยที่สุดในประเทศไทย... -
"พระ" ท้าสู้กับ "ผี" !!! ครั้งเมื่อ "หลวงปู่ตื้อ" เจอผีเจ้าถิ่น...อยากลองของดี "ปลุกให้ภาวนา"
ปาฏิหาริย์ของ หลวงปู่ตื้อนั้น จากที่ท่านได้ออกจาริกธุดงค์ไปตามป่าเขา ท่านได้ประสบพบเจอกับวิญญาณ ภูตผี ปีศาจมากมาย แต่ด้วยบารมีของท่าน ท่านก็ได้โปรดวิญญาณเหล่านั้นบ้าง แผ่บุญกุศลให้บ้าง แต่มีหลายครั้งที่ท่านได้เจอกับวิญญาณมิจฉาทิฐิ มาลองดีบ้าง แต่ท่านก้ไม่ได้แสดงอาการหวาดกลัวแต่อย่างใด
เมื่อครั้งหลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม มาพำนักที่พระพุทธบาทบัวบก จังหวัดอุดรธานี เป็นครั้งที่สอง ในขณะที่หลวงปู่กำลังเดินจงกรม เกิดมีก้อนหินตกลงมาจากที่สูงหลายสิบก้อน แต่ตกห่างจากที่เดินจงกรม หลวงปู่ไม่ได้ให้ความสนใจ ยังคงเดินต่อไป ไม่นานก็มีก้อนหินตกมาอีก คล้ายกับถูกปาลงมา คราวนี้ใกล้กับทางเดินจงกรมมากกว่าเดิม หลวงปู่จึงพูดขึ้นดังๆ ว่า
"ใครเก่งก็ให้ออกมาต่อสู้กันเลย"
คราวนี้ได้ยินเสียงก้อนหินตกรอบตัวหลายสิบก้อน หลวงปู่จึงได้หยุดการเดินจงกรม แล้วเข้ามุ้งกลดนั่งสมาธิภาวนาต่อไปเสียงก้อนหินก็ยังตกลงมาเรื่อยๆ โดยไม่รู้ว่าใครเป็นคนขว้างเข้ามา ในคืนนั้น มีญาติโยมชาวบ้านมารักษาศีลอุโบสถด้วยกัน ๕ คนหลวงปู่ได้บอกให้พระอีกองค์หนึ่งที่ไปด้วยกันมาภาวนาอยู่ใกล้ๆ โยมเสียงก้อนหินก็ยังตกมารอบๆ บริเวณนั้น ตกมาเป็นระยะๆ... -
หลวงพ่อชา ตอบคำถาม! เมื่อนักวิทยาศาสตร์ กล่าว"พุทธศาสนาไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ วิทยาศาสตร์ดีกว่า"
หลวงพ่อชา ตอบคำถาม...ทำหน้าสั่นทั้งคณะ !!! ครั้งเมื่อ...นักวิทยาศาสตร์ กล่าวหา "พุทธศาสนาไม่มีอะไรที่พิสูจน์ได้ วิทยาศาสตร์เขาดีกว่า"
พระอุปัฏฐากหลวงพ่อชารูปหนึ่งเล่าให้ฟังว่า
“มีอยู่ครั้งหนึ่ง นักวิทยาศาสตร์เขามากราบหลวงพ่อ ตอนนั้นผมอยู่ที่กุฏิหลวงพ่อด้วย เขาบอกว่า พุทธศาสนาไม่มีอะไรที่พิสูจน์ได้ คงจะไม่ได้ผลเท่าที่ควร วิทยาศาสตร์เขาดีกว่า ทำอะไรเขาก็พิสูจน์ได้เยอะ ทำอะไรออกมาก็ปรากฏให้เห็นได้ พุทธศาสนาพิสูจน์ไม่ได้”
หลวงพ่อตอบว่า
“เฮ้ย เรายังไม่ทันถึงพุทธศาสตร์ก็ได้เว้ย ก็เหมือนกับว่ามือเรามันสั้น แต่รูมันลึกลงไป เราล้วงมือลงไป มือมันสั้น มันสุดแค่นี้ แต่รูมันยังลึกเข้าไปอีก เราจะปฏิเสธว่า เอ๊ะ รูมันหมดแค่นี้เอง มันจะถูกต้องตามความเป็นจริงหรือเปล่า ความจริงมือเรามันสั้น เราไม่ได้คิดว่ารูมันลึกเข้าไปกว่านั้น
หรือบางทีสายตาของเรามันสั้น เหมือนกับว่า เครื่องบินมันบินไป เครื่องบินนั้นมีอยู่ แต่สายตาของเรามันหมดเสียก่อน ก็เลยไม่เห็นเครื่องบิน แต่เครื่องบินมันยังมีและยังบินไปเรื่อย ๆ อย่าเพิ่งปฏิเสธว่ามันไม่มี นี้เป็นกุศโลบาย”
อ้างอิงข้อมูลจาก - เพจธรรมะคำสอนหลวงปู่ชา... -
การเปลี่ยนศาสนา "บาป" หรือ "ไม่บาป" !?! หลวงปู่หา สุภโร ตอบคำถามคาใจ...ที่หลายคนอยากรู้ !!!
เป็นคำถามที่พบกันอยู่มากมายตาม เพจต่างๆในโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นคำถามที่หลายคนอยากรู้เป็นอันดับต้นๆเลยก็ว่าได้ นั่น คือคำถามที่ว่า หากต้องการเปลี่ยนศาสนาจะเป็นบาปหรือไม่ โดยเพจสาธารณะ พระอรหันต์-สายหลวงปู่มั่น ได้เขียนถึงเรื่องที่มีโยมคนหนึ่งมาถามคำถามนี้กับ หลวงปู่หา สุภโร ซึ่งหลวงปู่ท่านได้ตอบคำถามคาใจนี้ได้อย่างสง่าและสงบ รู้ซึ้งถึงคำตอบยิ่งนัก โดยรายละเอียดมีดังต่อไปนี้
โยม: หลวงปู่เจ้าขาถ้าหนูจะเปลี่ยนศาสนาจะบาปไหมค่ะ
หลวงปู่ : ถ้าโยมไตร่ตรองดีแล้ว มันก็เป็นความเห็นโยม โยมคิดว่ามันถูกต้อง จะบาปได้อย่างไรแล้วทำไมจะเปลี่ยนศาสนาหล่ะ
โยม : ก็หนูไปหาพระวัดหนึ่ง ท่านว่ากระเทยอย่างหนูเกิดมาเพราะมีกรรม เป็นคนมีกรรมจากชาติที่แล้วที่หนูไปเล่นชู้กับเมียคนอื่นเป็นคนหลายใจ คบคนไม่เลือก ทำให้หนูต้องเกิดมาเป็นกระเทย หนูทุกข์ใจมาก เลยอยากเป็นศาสนาซะ จะได้สบายใจขึ้น
หลวงปู่ : เออ แล้วมันจริงไหมหล่ะ
โยม : ก็ไม่รู้สิเจ้าค่ะ ใครจะไปรู้ชาติที่แล้ว หนูไม่ได้ระลึกชาติได้นี่เจ้าค่ะ
หลวงปู่ : เออ ก็ระลึกไม่ได้ไง หลวงปู่ก็ระลึกไม่ได้ ที่หลวงปู่เป็นอัมพาตทุกวันนี้ หลวงปู่ก็ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วทำอะไรไว้... -
ติ้วเข้ม!พระวิทยากรต้นแบบเป็นพระนักข่าวออนไลน์
ติวเข้ม ! พระวิทยากรต้นแบบเป็นพระนักข่าวออนไลน์อย่างมืออาชีพ
ปรับศาสตร์สมัยใหม่เข้าหาพระพุทธศาสนา เน้นแนะ สร้างการมีส่วนร่วมมากกว่าสอนเพียงบรรยาย
ระหว่างวันที่ 10-16 ก.พ.2561 มีการทดลองการใช้รูปแบบการพัฒนาวิทยากรต้นแบบธรรมะโอดีโดยพุทธสันติวิธี ภายใต้หัวข้อดุษฏีนิพนธ์ระดับปริญญาเอก สาขาสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร) ของพระปราโมทย์ วาทโกวิโท พระวิทยากรกระบวนการธรรมะโอดี ด้วยโครงการรพัฒนาวิทยากรต้นแบบธรรมะโอดีโดยพุทธสันติวิธี หลักสูตร “พระวิทยากรต้นแบบด้านสันติภาพ บทบาทพระสงฆ์กับการนำพุทธสันติวิธีเพื่อการเผยแผ่ธรรมพัฒนาองค์กรและสังคมแห่งสันติสุขโดยยึดหลักโอวาทปาติโมกข์ตามแนวทางการสอนของพระพุทธเจ้า” กับพระสงฆ์จากทั่วประเทศจำนวน 100 รูป ก่อนที่จะปฏิบัติการจริงเพื่อเป็นพระวิทยากรมืออาชีพ ที่ศูนย์วิปัสสนาเคลื่อนที่แห่งประเทศไทย วัดสุวรรณประสิทธิ์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพมหานคร โดยมีวิทยากรหลักคือพระปราโมทย์ เสริมด้วยวิทยากรฝึกอบรมลักษณะต่างๆ
พระปราโมทย์ ได้สรุปผลการทดลองที่ผ่านมาว่า รูปแบบการพัฒนาวิทยากรต้นแบบธรรมะโอดีโดยพุทธสันติวิธีที่นำมาทดลองการใช้ในครั้งนี้คือ KUSA... -
พระอาจารย์เปลี่ยน ปัญญาปทีโป ละสังขารแล้ว
.สำหรับเวลาเข้ากราบหลวงปู่ที่กุฏิพยาบาลนั้น ได้กำหนดไว้ในเวลา 10.00 น.-11.00 น. และเวลา 16.00 น.- 17.00 น. ของทุกวัน
ทั้งนี้เพื่อให้เป็นไปตามประสงค์ของหลวงปู่ฯ ที่องค์ท่านจะใช้ธาตุขันธ์ที่มีอยู่แสดงธรรมให้ศิษยานุศิษย์ได้เห็นได้เข้าใจ เกี่ยวกับอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สัจธรรมอันเป็นของจริง ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสสอนไว้ ซึ่งหลวงปู่ท่านย้ำนักย้ำหนา และได้เมตตาให้หาป้ายมาติดไว้ที่หน้ากุฏิ
..ดังนั้นเมืี่อได้เวลาที่พระอุปัฏฐากภายในกุฏิพยาบาล อนุญาติเข้ากราบได้ ตรงบริเวณหน้าต่างซึ่งได้ติดกระจกไว้ให้เห็นอย่างชัดเจน
ขอให้ญาติธรรมถอดรองเท้าไว้บริเวณหน้าประตูใหญ่ แล้วเดินเข้าแถวเรียงหนึ่งด้วยอาการสำรวม
เข้ากราบโดยการประณมมือ (ไม่ต้องก้มกราบ)
ปิดเสียงเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด
ไม่ควรร้องไห้สะอึกสะอื้น
งดการถ่ายรูป
ไม่ควรจับราวบันไดแสตนเลสเพราะจะทำให้แหวนหรือนาฬิกาไปกระทบกับราวบันได อันจะทำให้เกิดเสียงดังขึ้นได้..
เด็กเล็กควรอยู่ในดุลยพินิจของผู้ปกครอง..
..การจัดคนเข้ากราบ จะจัดเป็นรอบใหญ่ๆ ทั้งนี้การเปลี่ยนแปลงประกาศ... -
ฝรั่งสวดโพชฌังคปริตร สวดโดยชาวอังกฤษ ไพเราะมาก
จาก วัดมหาธาตุแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ
สุดปลื้ม!!! แสงอรุณแห่งพระพุทธศาสนากำลังขึ้นทางทิศตะวันตก วันนี้ 5 ส.ค. 2017 เวลาเช้า ท่านเจ้าคุณ ดร.พระมหาเหลา ปัญญาสิริ พระราชวิเทศปัญญาคุณ เป็นประธานนำชาวอังกฤษสวดมนต์มหาสมัยสูตรเปิดศูนย์พระพุทธศาสนาในอังกฤษ โดยศูนย์แห่งนี้ ตั้งอยู่ที่เมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ บริหารจัดการโดยศาสตราจารย์ชาวอังกฤษ ปัจจุบันมีพระราชวิเทศปัญญาคุณ, ดร. เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุสหราชอาณาจักร เป็นที่ปรึกษา
พระธรรมขึ้นทางตะวันตกแล้ว อนุโมทนาพร้อมกัน -
พระราชทานเพลิงศพ’หลวงพ่อแช่ม’ เกจิสายคงกระพัน
เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ดร.มุรธาธีย์ รักชาติเจริญ รอง ผวจ.นครราชสีมา เป็นประธานพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระครูวิภัชธรรมสาร(แช่ม กิตติสาโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดสำนักตะคร้อ และอดีตเจ้าคณะอำเภอเทพารักษ์ โดยมีท่านเจ้าคุณสมคิด เขมจารี เจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ เจ้าคณะภาค 11 เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พร้อมด้วยคณะสงฆ์ เกจิดัง และประชาชน นับหมื่นคนมาร่วมพิธี เนื่องจากหลวงพ่อแช่ม เป็นเกจิอาจารย์ด้านคงกระพันชาตรี และเมตตามหานิยม จึงมีศิษยานุศิษย์ทั่วประเทศให้ความเคารพเลื่อมใส
สำหรับหลวงพ่อแช่ม กิตติสาโร ท่านได้ละสังขารลงอย่างสงบด้วยโรคปอดอักเสบและไตวายเฉียบพลัน ขณะนั้นอายุ 71 ปี เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2559 เวลา 15.15 น.ที่ รพ.มหาราชนครราชสีมา ในอดีตเป็นลูกศิษย์สำนักของ หลวงพ่อคง พุทธสโร วัดถนนหักใหญ่ อ.ด่านขุนทด ซึ่งเป็นปรมจารย์ใหญ่ของ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ซึ่งหลวงพ่อแช่ม เกิดเมื่อที่ 4 ก.พ.2488 นามเดิมว่า “แช่ม พิขุนทด” บวชเป็นพระสงฆ์ปี 2509 ที่วัดสำนักตะคร้อ มี หลวงพ่อผ่อง มหินชโร ศิษย์สำนักของหลวงพ่อคงพุทธสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดถนนหักใหญ่ ต.กุดพิมาน เป็นพระอุปัชฌาย์หลวงพ่อแช่ม...
หน้า 273 ของ 395