3 เกจิหลักที่ผมบูชา(อาทิตย์หน้าแจก อีกแล้วครับท่าน)

งานปกครอง
พ.ศ. 2480 เป็นเจ้าอาวาสวัดหัวงิ้ว ตำบลเนินมะกอก อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ มีพระภิกษุสามเณรแต่ละปี ตั้งแต่สิบรูปถึงยี่สิบรูปขึ้นไป ทำกิจวัตร สวดปาฏิโมกข์ ทำวัตรเช้าเย็นตลอดปี และฝึกให้พระภิกษุสามเณรนั่งกัมมัฎฐานทำจิตให้สงบเป็นสมาธิ มีกติกา ปกครองตามพระวินัยแล้ว ยังวางกฎระเบียบของวัด ภิกษุสามเณรทุกรูปจะต้องเรียนพระธรรมวินัย และสอบธรรมในสนามหลวง
งานศึกษา
พ.ศ. 2464 เป็นครูสอนปริยัติธรรมหลายสำนักด้วยกัน เช่น วัดถ้ำตะโก วัดปฐมพานิช วัดหัวงิ้ว และวัดอื่นๆ
พ.ศ. 2486 เป็นกรรมการตรวจประโยคนักธรรมสนามหลวง จังหวัดนครสวรรค์
พ.ศ. 2487 ทำหน้าที่เลขานุการฯ ในสนามหลวงตรวจประโยคนักธรรมจังหวัดนครสวรรค์ อยู่ 2 ปี
พ.ศ. 2500 เป็นกรรมการตรวจประโยคนักธรรมชั้นโทสนามหลวง จังหวัดนครสวรรค์
มีภิกษุสามเณร เรียน และสมัครสอบและสอบได้ น.ธ. ตรี โท เอก ปีหนึ่งจำนวนมาก และได้ทุกปี
งานเผยแผ่
พ.ศ. 2487 เป็นกรรมการสงฆ์ ตำแหน่งองค์การเผยแผ่ อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์
พ.ศ. 2490 ได้รับการอบรมครู ( ส.อส. ) วัดสามพระยา กรุงเทพมหานคร และได้จัดทำพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนา เช่น ทำพิธี มาฆบูชา วิสาขบูชา อัฏฐมีบูชา – อาสาฬหบูชา และวันสำคัญทางศาสนา ได้นำภิกษุสามเณร และประชาชน เวียนเทียนประจำ และได้ไปอบรมศิลธรรมประชาชนในเขตจังหวัดและที่อื่นๆ
สมณศักดิ์
พ.ศ. 2481 เป็นฐานานุกรมของพระครูพยุหานุศาสตร์ อดีตเจ้าคณะอำเภอพยุหะคีรี ที่พระสมุห์
พ.ศ. 2483 เป็นฐานานุกรมของพระครูพยุหานุศาสตร์ อดีตเจ้าคณะอำเภอพยุหะคีรี ที่พระปลัด
พ.ศ. 2492 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี ที่พระครูนิทัศนธรรมเวที เมื่อวันเฉลิมพระชนม์พรรษาที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2492 ในพระปรมาภิไธย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9
พ.ศ. 2507 ได้รับพระราชทานเลื่อนยศสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ในราชทินนามเดิม ในพระราชพิธีเฉลิมพระชนม์พรรษาที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2507 ในพระปรมาภิไธย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9

 

งานสาธารณูปการ
ในด้านพัฒนาทางวัตถุ ภายในวัดหัวงิ้ว ตั้งแต่เริ่มแรกสร้างวัดมาจนถึงอายุ วันสุดท้าย ทำความเจริญให้แก่ท้องถิ่น บ้าน วัด โรงเรียน ได้ทัดเทียมกับที่อื่น และมีการสร้างถาวรวัตถุที่สำคัญคือ
พ.ศ. 2482 สร้างอุโบสถ กว้าง 7 เมตร ยาว 19 เมตร สร้างด้วยคอนกรีต ขุดหลุมลึก 1.50 เมตร กว้าง 1 เมตร ฝังเข็มแล้วหล่อคานเป็นตาตารางตลอดทุกห้อง โดยผูกเหล็ก หล่อหนา 1.50 เมตร กว้าง 1 เมตร เสมอพื้นดิน ใช้เหล็ก 3 , 5 , 5 , 6 หุน ทั้งโครงเสาคอนกรีตทุกต้น และขอทำคำกล่าวเชิญชวนของท่านมาตอนหนึ่งว่า
ท่านทั้งหลาย อุโบสถวัดหัวงิ้วนับปีตั้งแต่เริ่มสร้างเป็นเวลา 12 ปี บริบูรณ์เท่านั้น อุโบสถหรือถาวรวัตถุจะแล้ว ต้องอาศัยความเสียสละของทายกทายิกา และปวงประชาชนทั่วไป ร่วมกันเป็นเจ้าภาพสร้าง จึงสำเร็จลุล่วงเป็นผลสมประสงค์
พ.ศ. 2487 ผูกพัทธสีมา วันตัดลูกนิมิตที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2487 มีประชาชนไปร่วมกุศลกันมากมาย
พ.ศ. 2490 ทำพิธียกช่อฟ้า และในการสร้างอุโบสถ งบที่ก่อสร้าง และที่ซ่อมใหม่สิ้นทั้งหมด จำนวน 699,000.38 บาท
พ.ศ. 2498 ได้สร้างถนนดินรถยนต์จากหัวงิ้วถึงนิคมสร้างตนเองเขาบ่อแก้ว 3 กิโลเมตรเศษ ชาวบ้านทั้ง 2 เขต ช่วยกันสละกำลังและทรัพย์
พ.ศ. 2499 จัดนำประชาชนขุดสระน้ำประจำวัดและบ้านหัวงิ้ว
พ.ศ. 2500 สร้างกุฏิสงฆ์ และหอประชุม ไว้เป็นหลักฐาน จำนวน 5 หลัง เป็นเงิน จำนวนสองแสนบาท
พ.ศ. 2504 สร้างศาลาการเปรียญ กว้าง 17 เมตร ยาว 29 เมตร มุงกระเบื้องเคลือบ คิดเป็นค่าแรงและค่าวัสดุก่อสร้าง เป็นเงินจำนวน 771,154.38 บาท
พ.ศ. 2515 จัดสร้างห้องสมุดประชาชน กว้าง 7 เมตร ยาว 13 เมตร ด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก มุงกระเบื้องสีเขียว สิ้นเงินจำนวน 390,370.25 บาท
อนึ่ง การสร้างหอสมุดประชาชนนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อช้อย สร้างได้เพียงติดเครื่องบน ท่านมาด่วนมรณภาพเสียก่อน เจ้าอาวาสองค์ต่อมา และประชาชน ได้ทำการก่อสร้างต่อจนแล้วเสร็จ ค่าก่อสร้าง เป็นเงินของหลวงพ่อช้อย 65,500 บาท เงินจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 75,000 บาท นอกนั้นเป็นเงินของประชาชนผู้ใจบุญร่วมบริจาคสร้าง นับว่าเป็นผลงานทางพัฒนาวัดชิ้นสุดท้ายของหลวงพ่อช้อย

 

การช่วยพัฒนาในด้านสาธารณูปการนอกวัด
พระเดชพระคุณหลวงพ่อช้อย ได้เป็นกำลังช่วยส่งเสริมการสร้างถาวรวัตถุวัดต่างๆ ดังนี้
พ.ศ. 2508 ได้มาเป็นที่ปรึกษาจัดสร้างอุโบสถวัดวาปีรัตนาราม สถานีหนองโพ อ.ตาคลี และวัดชอนเจริญธรรม ตำบลตาคลี อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์
นอกจากนี้ยังมี อุโบสถ วัดนิคมเขาบ่อแก้ว ต.นิคมเขาบ่อแก้ว อ.พยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ , อุโบสถวัดเนินมะกอก ต.เนินมะกอก อ.พยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ และสถานที่วัดอื่นๆ อีกมากมาย
หลวงพ่อช้อยนับว่าเป็นศิษย์ที่ใกล้ชิดของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ รูปหนึ่ง โดยพิจารณาได้จาก เมื่อหลวงพ่อเดิม เดินทางไปบูรณะ หรือสร้าง ศาสนะสถานที่ใด หลวงพ่อช้อย และหลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว ซึ่งท่านเป็น สหธรรมิกกัน จะเดินทางติดตามไปเพื่อรับใช้หลวงพ่อเดิมในฐานะศิษย์ที่ใกล้ชิด โดยมีเรื่องเล่าว่า ในการเดินทางสมัยก่อนเส้นทางเป็นป่าเขา การเดินทางลำบากมาก หลวงพ่อเดิมจะเดินทางด้วยช้าง เป็นพาหนะ ส่วนหลวงพ่อกัน จะใช้ม้าสีขาวเป็นพาหนะ หลวงพ่อช้อย จะใช้ม้าสีน้ำตาลแดง เป็นพาหนะ นัดสมทบกันแล้วแต่เส้นทาง เพื่อเดินทางติดตามหลวงพ่อเดิมไปบูรณะ หรือสร้างศาสนะสถาน ยังสถานที่วัดต่างๆ ในฐานะลูกศิษย์
วัตถุมงคลหลวงพ่อช้อย
และเมื่อครั้งที่หลวงพ่อช้อยจะสร้างโบสถ์วัดหัวงิ้ว ปี 2482 จะสร้างวัตถุมงคลจำหน่ายให้แก่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคทรัพย์ แต่ด้วยบารมียังไม่เพียงพอ จึงขออนุญาต หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ เป็นประธานในการปลุกเสกวัตถุมงคล รุ่นแรก โดยมีกริ่งใหญ่ ที่นำมาจากวัดสุทัศน์ จำนวนหนึ่ง และกริ่งชัยวัฒน์ (กริ่งเล็กวัดหัวงิ้ว) มีเรื่องเล่าต่อกันมาว่า การหล่อกริ่งชัยวัฒน์ นี้ หลวงพ่อช้อยได้หล่อแบบขึ้นมา และให้ ลุงเอี่ยม ซึ่งเป็นลูกศิษย์ ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่ ขี่ม้าของหลวงพ่อนำไปให้หลวงพ่อเดิม พิจารณา หลวงพ่อเดิมบอกว่า เศียรเล็กไปหน่อย แต่ก็ใช้ได้ จึงได้หล่อกริ่งชัยวัฒน์ ซึ่งเป็นเนื้อทองผสม ขึ้น เป็นกริ่งชัยวัฒน์ บัวสองชั้น แต่บางองค์จะติดชั้นเดียว และใช้ตะไบแต่ง ส่วนเนื้อตะกั่วนั้น หลวงพ่อเดิม ได้ให้หลวงพ่อน้อยนำแร่ที่ได้จากหนองน้ำที่หนองโพ โดยสังเกตุเห็นว่าทำไมควายจึงไม่ลงไปแช่น้ำเหมือนทุกครั้ง จึงให้ลูกศิษย์งมหาเจอแร่ชนิดหนึ่ง และนำมาเก็บไว้ เมื่อหลวงพ่อช้อยขออนุญาตสร้างวัตถุมงคล และ นิมนต์หลวงพ่อเดิมเป็นประธานในการปลุกเสก หลวงพ่อเดิมจึงให้แร่ดังกล่าวแก่หลวงพ่อช้อย นำมาผสมกับเนื้อตะกั่ว หล่อเป็นกริ่งชัยวัฒน์เนื้อตะกั่วน้ำนมหลังยันต์
รายละเอียดของวัตถุมงคลของหลวงพ่อช้อยรุ่นต่างๆ จะได้นำเสนออีกครั้งครับ

 

การอาพาธ และมรณภาพ
หลวงพ่อพระครูนิทัศนธรรมเวที ท่านได้เริ่มอาพาธมาเป็นเวลานานปี แต่ด้วยความขันติธรรมต่อสู้อุปสรรค ไม่ยอมหยุดรักษาพยาบาล ถือหลักกรรมในทางพระพุทธศาสนาว่า ในปางก่อนเราทำกรรมอะไรไว้ไม่ดี ผลกรรมนั้นก็จักสนอง ครั้งหนึ่งท่านอาพาธมาก แพทย์สันนิษฐานว่า ท่านฉันโบราณต้มด้วยหม้อเนียม อาจจะเป็นกรดหรือด้วยพิษยา ไม่มีใครทราบ หลวงพ่อจึงมีอาการขึ้นผิว ดำลอกหมดทั้งตัว จึงนำไปรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จนหายเหมือนเดิม แต่ก็มีอาการเหนื่อยมากเป็นประจำ หลวงพ่อหนักแน่นมาก ไม่ยอมไปรักษาตามแพทย์สั่ง เพราะห่วงการสร้างหอสมุด จนเกิดอาพาธหนัก อีก คณะศิษย์ ญาติ จึงนิมนต์ไปรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2516 ซึ่งตามคำบอกเล่าของญาติพี่น้องที่เฝ้าพยาบาลหลวงพ่อ บอกว่าไม่เป็นอะไรมาก คล้ายกับหมดลมหายใจ เหมือนกับดวงตะเกียงจุดไฟใกล้น้ำมันจะหมดเหลือน้อยลง พอถึงวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2516 เวลา 24.04 น. หลวงพ่อก็ได้ถึงแก่มรณภาพด้วยอาการอันสงบ ณ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า แพทย์สันนิษฐานว่า ด้วยโรคเก่ากำเริบและโรคชราเข้าครอบงำ เป็นไปตามหลักความจริง 4 ประการ คือความ เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดาแห่งสภาวะสังขาร สิริชนมายุ 79 ปี 56 พรรษา
คณะศิษย์ และญาติ ได้มีมติเก็บร่างหลวงพ่อไว้ เพื่อรอการก่อสร้างหอสมุดและพิพิธภัณฑ์ ซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่หลวงพ่อมีความตั้งใจในการก่อสร้าง และเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย ให้แล้วเสร็จ จึงจะฌาปณกิจ และเมื่อสร้างหอสมุดและพิพิธภัณฑ์เสร็จ จึงได้ขอพระราชทานเพลิงศพ
หมายกำหนดการ พระราชทานเพลิงศพ พระครูนิทัศนธรรมเวที ( หลวงพ่อช้อย )
วัดหัวงิ้ว สถานีรถไฟหัวงิ้ว ต.เนินมะกอก อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์
วันพฤหัสบดี ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2518
เวลา 07.00 น. พระสงฆ์ 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์ ฉลองเปิดหอสมุด
เวลา 10.00 น. ประธานพิธี เปิดป้ายหอสมุด และพิพิธภัณฑ์
วันศุกร์ ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2518
เวลา 14.00 น. อัญเชิญศพตั้งบำเพ็ญกุศลศาลาการเปรียญวัดหัวงิ้ว
เวลา 19.00 น. พระสงฆ์สวดอภิธรรม และสังคหะ
วันเสาร์ ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2518
เวลา 07.00 น. ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์
เวลา 10.00 น. พระสงฆ์สมณศักดิ์ 10 รูป สวดพระพุทธมนต์
เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ ทั้งหมด
เวลา 14.00 น. พระสงฆ์ 80 รูป มาติกาบังสุกุล แล้วอัญเชิญศพไปสู่เมรุ ทอดผ้าบังสุกุล
และมหาบังสุกุล
เวลา 15.30 น. พระราชทานเพลิงศพ
เวลา 19.30 น. พระสงฆ์สวดอภิธรรม
วันอาทิตย์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2518
เวลา 06.00 น. เก็บอัฐิ อัญเชิญบำเพ็ญกุศล
เวลา 07.00 น. มีพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์
เวลา 11.00 น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระภิกษุสามเณรแล้วมาติกาบังสุกุล อัญเชิญอัฐิขึ้น
ประดิษฐาน ณ หอสมุด นิทัศนธรรมเวที เป็นเสร็จพิธี

 

วัตถุมงคลของหลวงพ่อช้อย ที่ผมเก็บไว้ครับ

1.รูปเหมือนปั๊มรุ่นแรก

 

2.รุ่นแรกเนื้อตะกั่วครับ

 

3.รูปเหมือนปั๊มรุ่นอกแอ่น ออกปี 2507 อุดกริ่งเงิน

 

4.เหรียญรุ่นแรก ปี2507

 

5.เหรียญกลมเล็ก ออกปี2516

 

6.เหรียญกงจักรออกวัดชอนเจริญ

 

7.ล๊อคเก็ตแบบต่างๆและเข็มกลัด

 

8.พระสมเด็จของหลวงพ่อช้อยครับ

 

วัตถุมงคลของหลวงพ่อช้อยมีไม่กี่รุ่นครับท่านสร้างไม่มากนักและหาไม่ค่อยได้ด้วยครับ ท่านใดมีวัตถุมงคลของหลวงพ่อกันและหลวงพ่อช้อยก็เอามาลงแลกเปลี่ยนความรู้กันนะครับ

ขอบคุณครับ

 

เมื่อไหร่จะถึงคิวของหลวงพ่อจ้อย รอชมอยู่

 

สายตรงหลวงพ่อจ้อยมาเองเลย สายหลวงพ่อจ้อยผมคงสู้ท่านไม่ไหวหรอกครับ อิอิอิอิ

 

เหอๆ ของผมมี ก็มีแต่สมเด็จอ่ะ อย่างอื่นก็ไม่ค่อยมีหรอก เก็บไม่ทันเค้า.....

เอามาลงๆ แลกเปลี่ยนกัน เดี่ยวเปิดกรุหลวงพ่อจ้อยให้ดู ( ที่มีอยุ่น้อยนิด )

 

ผมเห็นอยู่แวบ ๆ หากเจออีกจะต้องเก็บซะแล้ว
แต่เป็นเหรียญที่ไม่เหมือนกับเหรียญที่เอามาโชว์ให้ดูแม้แต่เหรียญเดียว
ไม่รู้ว่าทันหรือไม่ทัน ต้องไปส่องดู พ.ศ.ก่อน(ถ้าเขาเปิดแผงน่ะ)

 

เหรียญหลวงพ่อช้อย เล่นหาปี 2507 ตามรูปที่ลงไว้แน่นอนที่สุดครับ

 

รบกวนพี่ช่วยดูหลวงพ่อกันองค์นี้หน่อยนะครับ ว่าดีหรือไม่ครับ ขอบคุณครับ

 

บอกกันตรงๆเลยนะครับ

หลวงพ่อกันพิมพ์สังกัจจายน์รุ่นนี้มีเก๊มากมายจริงๆครับ ของแท้เนื้อตะกั่วอย่างเดียวครับ(ผมมีรูปองค์แท้ แต่ของท่านอื่นเค้านะครับ มาให้ชม) ลองศึกษาดูนะครับ ขอบคุณครับ