เพื่อการกุศล *★.• จองด่วน !!! ตะกรุดสามแสนโกฏิ มหากำบัง อ.โอม •.★* เดินผ่านก็มองไม่เห็น ถึงเห็นก็จำไม่ได้ !!!

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Amata_club, 4 สิงหาคม 2010.

  1. suttip

    suttip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    8,672
    ค่าพลัง:
    +31,433
    ยินดีกับผู้ที่ชนะการประมูลด้วยนะครับ คุณได้ทั้งร่วมบุญและได้ของดีเป็นที่ระลึกด้วย
     
  2. Berial004

    Berial004 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,083
    ค่าพลัง:
    +1,943
    สวัสดีครับพี่วิปัสสนู
    แหะๆเมื่อคืนกลับจากที่ทำงานก็รีบนอนเลยครับผม วันนี้เดินทางไปทำงานต่างจังหวัด เลยไม่ได้อยู่ดึกครับ :z8

    สวัสดีครับพี่ปุ้ม

    ขอบพระคุณครับผม และขออนุโมทนากับพี่ปุ้มด้วยนะครับ _/\_

    สบายดีนะครับพี่ อากาศช่วงนี้ร้อนอย่างแรงระวังไม่สบายนะครับ (kiss)
     
  3. วิปัสสนู

    วิปัสสนู เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8,733
    ค่าพลัง:
    +17,001
    UPDATE รายละเอียดตารางร่วมบุญ ลุ้นโชครับปีใหม่ไทย 13 เมษายน 2555
    ประจำวันที่ 04/04/2555
    เวลา 23.45 นาฬิกา


    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]



    [​IMG]


    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วิปัสสนู [​IMG]
    งั้นขอแจ้งข่าวดีให้ทราบกันเลยนะครับ....


    จากที่ได้จัดรายการร่วมบุญลุ้นโชค เพื่อแจกวัตถุมงคลให้กับผู้ที่โชคดีในโอกาสปีใหม่ไทย...

    เผอิญเมื่อไม่นานมานี้ผมได้พูดคุยกับ อ.โอม และได้ขอของมาแจกให้กับผู้โชคดีด้วย อ.โอมก็เลยแนะนำว่า เมื่อตั้งใจจะแจกแล้วก็แจกไปให้หมดเลยส่วนใครจะได้มากน้อยเท่าไหร่ก็แล้วแต่บุญแล้วแต่ดวงของแต่ละคน...

    ก็เลยขอเปลี่ยนวิธีการจับรางวัลใหม่ครับ...

    ก็คือ แต่เดิมจะนำหมายเลข ตั้งแต่ 000-999 มาจับรางวัล 100 รางวัล หมายเลขรางวัลตรงกับหมายเลขของใครที่เลือกไว้คนนั้นก็ได้ไป ส่วนถ้าไปตรงกับหมายเลขที่ไม่มีใครเลือก ก็ถือว่าของชิ้นนั้นยังไม่มีเจ้าของ...

    แต่เมื่อได้รับคำแนะนำจาก อ.โอม ก็เลยจะเปลี่ยนวิธีใหม่เป็นว่า...

    จะเอาเฉพาะหมายเลขที่พี่ๆเพื่อนๆทุกท่านที่ได้ร่วมบุญมานำมาจับรางวัล...

    หมายเลขของใครได้รับรางวัลชิ้นไหนก็รับกันไปเลย..

    และใครได้รับรางวัลหลายหมายเลขก็รับกันไปตามนั้น...

    เรียกว่า..รางวัลทุกชิ้น..มีเจ้าของแน่ๆครับ...และแต่ละท่าน..ก็มีโอกาสเป็นเจ้าของได้หลายรางวัลด้วยครับ...

    ตอนนี้ยังมีเวลาเหลืออีก 10กว่าวัน พี่ๆเพื่อนๆท่านใดสนใจอยากร่วมบุญ และได้ร่วมลุ้นรางวัลวัตถุมงคลดีๆ ก็เชิญได้นะครับ...

    งานนี้แจกจริงๆครับ...

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะครับ...สาธุ...


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 เมษายน 2012
  4. วิปัสสนู

    วิปัสสนู เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8,733
    ค่าพลัง:
    +17,001
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 เมษายน 2012
  5. วิปัสสนู

    วิปัสสนู เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8,733
    ค่าพลัง:
    +17,001
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วิปัสสนู [​IMG]
    มาชมภาพกันครับ...
    ลำดับที่ 1.พระพิมพ์สมเด็จรุ่นแรก เนื้อว่านฝังขี้เหล็กไหล7ชนิด ปี38 ของท่าน อ.แทน



    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]


    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วิปัสสนู [​IMG]
    งั้นเอาเฉพาะรายการวัตถุมงคลบางส่วนเพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยไปก่อนนะครับ...

    องค์แรกที่ผมหมายตา และตั้งใจนำมาให้ร่วมบุญร่วมลุ้นในเทศกาลปีใหม่ไทย ก็คือ พระสมเด็จรุ่นแรก ของท่าน อ.แทน ครับ..

    พระสมเด็จรุ่นนี้ สร้างเมื่อปี 2538 ตอนนั้นท่าน อ.แทน ท่านยังบวชเป็นพระภิกษุอยู่ที่วัดโพธิ์ศรีธาตุ นี่แหละครับ จัดสร้างพร้อมกับขุนแผนรุ่นแรกของท่านครับ

    ลักษณะเป็นพระเนื้อว่าน ฝัง(โรย) ขี้เหล็กไหลถึง 7 ชนิด ท่าน อ.แทนร่วมกดพิมพ์ด้วยตัวท่านเองครับ กดพระได้ทั้งหมดประมาณร้อยกว่าองค์ครับ...




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วิปัสสนู [​IMG]
    พระรุ่นนี้ หลังจากแห้งดีแล้ว ท่านได้ฝากใส่ไปกับบาตรของนาคที่จะเข้าโบสถ์บวชพระ เพื่อนำไปเข้าพิธีญัตติพระบวชใหม่ในโบสถ์ เสร็จแล้วจึงนำมาปลุกเสกเดี่ยวด้วยตัวท่านเองครับ

    รุ่นนี้ท่านเสกอยู่ 7 วันครับ ก่อนที่มอบให้ผมมาจำนวนหนึ่ง พอผมได้มาก็แจกจ่ายไปบ้างครับ ที่เหลือก็เก็บเอาไว้

    และพระสมเด็จรุ่นนี้ก็เป็นพระองค์แรกในชีวิตผมเลยครับที่ผมนำขึ้นคอแขวนเดี่ยว...




    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วิปัสสนู [​IMG]
    สมเด็จรุ่นนี้เรื่องเมตตากับแคล้วคลาดเด็ดขาดครับ ชนิดที่ว่า ไปไหนมาไหนไม่ต้องกลัวเจ็บตัวครับ ปลอดภัยทั้งไปและกลับ ดีครับผมว่า ไม่ต้องคอยลุ้นดีว่าเวลาเดินทางไปไหนมาไหนแล้วจะไปเจออุบัติเหตุอันตรายอะไรหรือไม่ครับ เรียกง่ายๆว่าตลอดระยะเวลาที่ผมแขวนพระสมเด็จรุ่นนี้ ชีวิตราบเรียบไม่มีเรื่องมีเหตุอะไรมาทำให้ตื่นเต้นเลยครับ

    แถมกับผู้คนรอบข้างไม่ว่าเป็นเพศเดียวกัน หรือว่าเพศตรงข้าม ก็สนอกสนใจ ดูแลเอาใจใส่เราดีครับ ไปไหนมาไหนก็ไม่มีศัตรูเหมือนกัน ไม่เคยไปผิดใจกับใคร และก็ไม่มีใครมาผิดใจกับเราด้วยครับ

    สมกับคำพูดของท่าน อ.แทนที่ท่านมักพูดให้พรตอนที่มอบพระให้มาครับว่า...ใส่พระนี้แล้วไปไหนก็ปลอดภัยอยู่ได้สบายเด้อ...




    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    เพิ่มเติมอีกนิดครับ สำหรับขี้เหล็กไหลทั้ง7ชนิดที่นำมาฝังในขุนแผนรุ่นแรกของท่าน อ.แทน นั้น เป็นขี้เหล็กไหลที่ท่านได้มาตั้งแต่เมื่อตอนสมัยที่บวชและออกเดินธุดงค์เมื่อตอนหนุ่มๆครับ ท่านธุดงค์อยู่ป่าอยู่เขาถึง7ปีถึงได้กลับมาจำพรรษาที่วัดโพธิ์ศรีธาตุครับ

    ขี้เหล็กไหลทั้งหมดนั้น ท่านจะห่อด้วยผ้าเช็ดหน้าแล้วติดก้นย่ามท่านไว้ตลอดตั้งแต่สมัยธุดงค์แล้วครับ ซึ่งตอนที่นำขี้เหล็กไหลมาทุบเพื่อที่จะนำมาฝังในพระพิมพ์สมเด็จนี้ ตอนที่ทุบก็ทุบกับผ้าเช็ดหน้าเลย นั่งกันกับพื้นกุฏิไม้ ใช้สากหินทุบ ปรากฎว่าเวลาทุบนั้นจะมีสะเก็ดประกายไฟกระเด็นออกมาด้วยครับ แข็งมากขนาดว่าทุบจนขี้เหล็กไหลฝังลงไปในเนื้อไม้พื้นกระดานเลย จนต้องแงะกันออกมาคืน แต่ก็แปลกครับ ขนาดทุบจนฝังลงในไม้ขนาดนั้นแต่ผ้าเช็ดหน้าที่รองขี้เหล็กไหลอยู่และถูกฝังไปพร้อมกับขี้เหล็กไหลกลับไม่มีริ้วรอยฉีกขาดเลยแม้แต่น้อยครับ เรียกว่าเหนียวยันผ้าห่อเลย

    ผมเป็นคนทุบเองครับทุบยังไงก็ไม่แตก ก็เลยบอกท่าน ซึ่งก็นั่งอยู่ใกล้ๆตรงนั้นแหละครับ ท่าน อ.แทน ก็เลยให้เอาไปให้ท่าน พอท่านรับไป หลับตาไปแป๊บนึง พอลืมตามาท่านก็บอกว่า "แตกๆ ไหนลองเอาไปทุบใหม่ดูซิ.." ผมรับมาแล้วทุบดู ทีนี้แตกจริงๆครับ ก็เลยได้เอามาฝังในพระพิมพ์สมเด็จนี่แหละครับ...

    และพระพิมพ์สมเด็จรุ่นนี้ ท่าน อ.แทน เป็นผู้กดพิมพ์เองครับ บล็อกพระเป็นบล็อกไม้สองชิ้นประกบกัน ลูกศิษย์ ชื่อณรงค์ เป็นคนแกะพิมพ์ให้ครับ พอท่านกดพิมพ์แล้วก็นำมาตัดขอบแบบโบราณครับ พระแต่ละองค์เลยมีขนาดไม่เท่ากันครับ แต่ก็สวยไปอีกแบบครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    ลืมไปได้ไงเนี่ย....ส่วนผสมสำคัญอีกอย่างที่นำมาเป็นมวลสารของพระสมเด็จพิมพ์นี้ก็คือ ข้าวก้นบาตร ของท่าน อ.แทนนั่นเองครับ...

    ภาพที่ผมเห็นเป็นประจำเวลาที่ผมไปอยู่วัดตอนสมัยที่ท่าน อ.แทนยังบวชเป็นพระอยู่ก็คือ เวลาที่ท่านฉันข้าวเสร็จ (ท่านฉันรวมในบาตร) ก็จะมีชาวบ้านไม่ว่าหญิงว่าชาย จะคลานเข้าไปขอรับข้าวก้นบาตรของท่านมากินกันต่อเสมอๆครับ เป็นภาพที่เห็นจนชินตาเลยก็ว่าได้ครับ

    จนผมมีโอกาสได้ถามชาวบ้านที่เขาเข้าไปขอข้าวก้นบาตรท่านมากินถึงได้รู้ครับว่า พวกเค้าเชื่อกันว่าข้าวก้นบาตรของท่านสามารถช่วยรักษาโรคที่พวกเค้าเป็นให้ทุเลาเบาบางจนหายได้ครับ และก็ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ความเชื่อนะครับ เพราะพวกเค้ายืนยันกันเองว่ามีคนหายมาแล้วด้วยหลายรายเลย เค้าก็เลยนับถือกันมาก

    อันนี้ไม่นับรวมกับกลุ่มที่เชื่อว่ากินข้าวก้นบาตรท่านแล้วจะอยู่ยงคงกระพันครับ เพราะเวลาก่อนที่ท่านจะฉัน หลังจากที่ท่านพิจารณาอาหารแล้ว ท่านก็จะเสกข้าวฉันด้วย

    อันนี้ก็เลยเป็นมูลเหตุที่นำเอาข้าวก้นบาตรของท่านมาเป็นส่วนผสมในพระสมเด็จรุ่นแรกของท่านด้วยครับ....<!-- google_ad_section_end -->
     
  6. วิปัสสนู

    วิปัสสนู เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8,733
    ค่าพลัง:
    +17,001
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วิปัสสนู [​IMG]
    ถ้าเอาเด่นๆเลย..ก็ต้องยกให้เรื่องเมตตาครับ..

    กล้าท้าให้ลองแขวนเดี่ยวดูครับ..แล้วสังเกตดู เวลาที่เราอยู่กับคนรอบข้างไม่ว่าที่ทำงาน หรือทั่วๆไป จะค่อยเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงครับ ว่าจะอยู่ตรงไหน ก็จะรู้สึกว่าอยู่แบบสบายๆ ไม่ค่อยมีใครมาขัดแย้งกับเราครับ หรือจะพูดแบบแบบทางการหน่อย เค้าก็จะว่า เป็นที่รักแก่เพื่อนร่วมงาน และคนรอบข้าง ประมาณนั้นครับ

    ส่วนด้านโชคลาภนั้นก็มีให้เห็นบ้างประปราย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องการงานการเงินมากกว่าครับ ส่วนเรื่องลาภลอย (หวย) ขึ้นอยู่กับบุญวาสนาที่เรามีเราทำมาก่อนเป็นส่วนประกอบด้วยครับ..

    ส่วนเรื่องแคล้วคลาดนี้ จะเป็นประโยคประจำเลยครับ ท่านจะพูดบ่อยๆว่า " ไปไหน มาไหน ได้สบาย " ครับ

    อนุโมทนา..สาธุ..ครับ..


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    พระพิมพ์สมเด็จปรกโพธิ์ เนื้อว่านดอกทององค์นี้ จัดว่าเป็นพิมพ์พิเศษในรุ่นครับ เพราะกดพระออกมาไม่กีองค์เองครับ

    โดยด้านหน้าขององค์พระก็จะเหมือนกันทั้งหมดครับ จะแตกต่างกันก็ตรงพิมพ์นี้เป็นพิมพ์หลังแบบ ซึ่งต่างจากพิมพ์ส่วนใหญ่ที่เป็นหลังเรียบครับ เท่าทีผมเห็นรู้สึกจะมีไม่ถึง 10 องค์มั๊งครับ

    มวลสารหลักของพระสมเด็จปรกโพธิ์นี้ ใช้ว่านดอกทองเป็นมวลสารหลักครับ และมีว่านทางเมตตามหาเสน่ห์ มหานิยมอื่นๆอีกหลายชนิดมาเป็นส่วนเสริมครับ

    รุ่นนี้เป็นอีกรุ่นครับที่ท่านนำมาให้ผมที่กรุงเทพเอง พร้อมกับบอกว่า "รุ่นนี้ดีนะ..แบ่งเก็บเอาไว้ ที่เหลือก็เอาไว้ให้กับคนที่เขาช่วยทำบุญมาเด้อ..."

    ตอนนั้นผมก็เลยเลี่ยมขึ้นคอเลย ปรากฎว่าดีอย่างท่านว่าจริงๆครับ เรื่องเมตตามหานิยม (แอบมีเสน่ห์นิดๆ)นี่ชัดเจนมากครับ เรื่องเงินนี่ก็เรียกได้ว่ามีมาเรื่อยๆไม่ขาดกระเป๋าครับ..

    ตอนนั้นผมนำมาแจกให้กับคนที่มาช่วยบุญกฐิน หลังจากเสร็จงานผมก็ปฏิบัติตามคำสั่งท่าน อ.แทนเลยครับ คือเก็บหมด...555..

    โดยเฉพาะพิมพ์หลังแบบนี่ ผมเก็บไว้เองครับ แต่คราวนี้เพื่องานบุญเลยนำมาให้พี่ๆเพื่อนๆได้ร่วมบุญ ร่วมลุ้นกันครับ


    และยังยืนยันเหมือนเดิมครับว่า พระรุ่นนี้กล้าท้าให้แขวนเดี่ยวดูครับ รับรองได้เห็นความแตกต่างแน่ๆครับ...:cool::cool::cool:<!-- google_ad_section_end -->
     
  7. วิปัสสนู

    วิปัสสนู เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8,733
    ค่าพลัง:
    +17,001
    ลำดับที่ 3.เหรียญท่าน อ.แทน รุ่นแรก เนื้อตะกั่ว (หมายเลข028) ปี49



    [​IMG]


    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->



    วันนี่มาเล่าเรื่องเหรียญรุ่นแรกของท่าน อ.แทน กันดีกว่าครับ....

    เหรียญรุ่นนี้จัดสสร้างเมื่อปี 49 และท่าน อ.แทน อธิษฐานจิตปลุกเสกตลอดไตรมาสครับ

    เหรียญรุ่นนี้สร้างออกมา 2 เนื้อด้วยกันครับ คือเนื้อตะกั่ว 100 เหรียญ และเนื้อทองแดง 1,000 เหรียญ

    ลักษณะเหรียญ เป็นเหรียญรูปไข่ ด้านหน้า เป็นรูปท่าน อ.แทน นั่งเต็มองค์ มีอักขระยันต์ประจำตัวท่านล้อมรอบตามแนวขอบเหรียญ ซึ่งเป็นบทคาถาที่ใช้เป็นประจำ ท่านว่าสามารถใช้ได้ทุกอย่าง..

    ส่วนด้านหลังเหรียญ ลงมหายันต์ไว้ครบถ้วนทุกด้าน ซึ่งตอนที่นำแบบเหรียญไปให้ช่างแกะบล็อกดู เค้าถึงกับอุทานครับว่า "สุดยอด ครบทุกทางเลย เค้าเพิ่งเคยเห็นนี่แหละ" แถมเค้ายังถามว่าท่าน อ.แทนเป็นใคร อยู่ที่ไหน เพราะเค้าเกิดศรัทธา อยากเจอท่าน แถมบอกว่า ถ้าเสกเสร็จแล้วเค้าขอซักเหรียญด้วย...เค้าว่างั้น...

    หลังจากเสกเสร็จท่านก็แจกไปเรื่อยครับ ใครทำบุญเท่าไหร่ท่านก็ไม่ว่า มาขอเหรียญท่านท่านก็ให้ครับ

    เหรียญรุ่นนี้ไปโด่งดังอยู่แถวแนวชายแดนไทยกัมพูชา จังหวัดศีรสะเกษครับ ท่าน อ.แทนเล่าให้ฟังว่า ตอนที่มีเหตุพิพาทย์กันจนมีการปะทะกัน ก็มีตำรวจตระเวนชายแดนที่ได้รับเหรียญของท่านไปถูกยิงแต่ไม่เป็นไร เท่านั้นแหละครับ บรรดาท่านตำรวจตระเวนชายแดนทั้งหลายก็เลยพากันมาขอบูชาเหรียญจากท่านไปเยอะเลยครับ จนไม่นานเหรียญรุ่นนี้ที่อยู่กับท่านก็หมดลงอย่างรวดเร็ว ครับ

    นอกจากเรื่องยิงไม่เข้าแล้ว ก็ยังมีเรื่องคนที่โดนของแล้วเอาเหรียญของท่าน อ.แทนไปแช่น้ำอธิษฐานทำน้ำมนต์ให้กินก็หายครับ หรือแม้แต่คนท้องจะคลอดลูก เอาเหรียญท่านมาอธิษฐานทำน้ำมนต์กินก็คลอดง่ายไม่ปวดท้องเลยทั้งๆที่เป็นท้องแรกครับ..<!-- google_ad_section_end -->
     
  8. วิปัสสนู

    วิปัสสนู เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8,733
    ค่าพลัง:
    +17,001
    ลำดับที่ 4.สีผึ้งนางจัน รุ่น2 ตลับพิเศษตะกรุด2ดอก ปี53


    [​IMG] [​IMG]



    มาดูรายละเอียดของชิ้นนี้กันดีกว่า...

    ชิ้นนี้เป็นสีผึ้งนางจัน รุ่น 2 ตลับพิเศษที่ อ.โอม ทำไว้ให้ใช้เองครับ..ก็เลยถือว่าเป็นของส่วนตัวอีกชิ้นที่นำมาให้ร่วมบุญ ร่วมลุ้นกันครับ..

    ที่บอกว่าตลับนี้เป็นตลับพิเศษ ก็เพราะว่า อ.โอม ท่านทำให้เป็นพิเศษครับ โดยบรรจุตะกรุดให้พิเศษ 2 ดอก เหล็กไหลเพลิง 1 เม็ด จากนั้นก็เจิมด้วยหัวเชื้อน้ำมันนางจันรุ่นแรกจนชุ่มฉ่ำก่อนจะมอบให้ผมมาใช้ครับ

    ตลับนี้ผมเอามาใช้เรียกคน ตามคนครับ...เรียกว่า...แจ่ม!!!...

    สำหรับพี่ๆเพื่อนๆที่เคยติดตามกระทู้นี้มาแล้ว ก็คงจะพอรู้ พอทราบ เกี่ยวกับความพิเศษของสาวเจ้าเป็นอย่างดีครับ...

    และสำหรับเธอคนนี้..ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันครับ...ผมรับรองเลย...

    นี่ถ้าไม่เป็นเพราะว่าเธออยากมาร่วมบุญด้วย..ผมก็คงไม่ได้ติดสินใจนำออกมาให้ร่วมบุญครับ...ที่สำคัญมีตลับเดียวด้วย...:':)':)'(

    ตอนที่กำลังคัดเลือกวัตถุมงคลที่จะนำมาให้ร่วมบุญกัน...ตลอดระยะเวลานั้น ผมก็คิดถึงแต่ตลับนี้ตลอดเลยครับ..แต่ใจก็ยังพยายามคิดค้านว่า "ไว้ก่อนๆ" อยู่ตลอดเวลา

    แต่ก็แปลกครับ...ความคิดความรู้สึกนี้ก็ไม่หายไปครับ..ไม่ว่าจะทำอะไรก็มักจะแว๊บคิดถึงว่าน่าจะนำตลับนี้มาร่วมบุญอยู่ตลอด จนในที่สุดผมก็ต้องยอมแพ้ครับ ก็เลยบอกกะเค้าแหละครับว่า ถ้าอยากให้เอามาออกให้ร่วมบุญจริงๆก็จะทำให้ครับจะได้บุญด้วยกัน...

    แล้วก็แปลกครับ...หลังจากที่ตัดสินใจนำตลับนี้มาออกให้ร่วมบุญแล้ว เจ้าความรู้สึกที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็ไม่มีอีกเลยครับ...

    สงสัยงานนี้คงจะมีผู้ที่เธอตัดสินใจเลือกที่ไปอยู่ด้วยแล้วมั๊งครับ...

    งานนี้ก็คงต้องขออนุโมทนาบุญกับนางจันด้วยครับ...สาธุ...<!-- google_ad_section_end -->
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  9. วิปัสสนู

    วิปัสสนู เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8,733
    ค่าพลัง:
    +17,001
    ลำดับที่ 5.หุ่นพยนต์อาคมตัวครู รุ่นแรก อ.โอม ปี54


    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]



    วันนี้เล่าเรื่องหุ่นพยนต์ อ.โอม มั่งดีก่า...

    หุ่นพยนต์ตนนี้เป็นหุ่นพยนต์ตัวครูตัวแรกของ อ.โอม เลยก็ว่าได้ครับ...

    ท่านสร้างตามวิชาของท่านเพื่อเป็นการสืบวิชาครับ

    ลักษณะตัวหุ่น ทำจากแผ่นทองเหลือง ซึ่งอ.โอม ได้ลงอักขระยันต์ตามสูตรตามวิชาของท่านเองทุกดอก โดยแยกออกเป็นส่วนๆ คือ ส่วนหัว ส่วนท่อนแขนบนทั้งสอง ท่อนแขนล่างทั้งสอง ท่อนขาบนทั้งสอง และท่อนขาล่างทั้งสอง จากนั้นก็นำด้ายสายสินธ์ที่ท่านใช้โยงปลุกเสกวัตถุมงคลเป็นประจำ มาร้อยกับแผ่นทองเหลืองที่ลงยันต์เป็นส่วนต่างๆไว้ ผูกด้วยวิชาจนสำเร็จเป็นตัวหุ่นพยนต์ จากนั้นท่านก็ปลุกเสกจนท่านมั่นใจแล้วก็เลยมอบให้ผมมาทดลองครับ...<!-- google_ad_section_end -->

    ครั้งแรกที่ผมได้เห็น ผมก็ว่าแปลกตาดีครับ เพราะเห็นหลายสำนัก หลายครูบาอาจารย์ ที่ท่านสร้างหุ่นพยนต์ออกมาก็มักจะมีลักษณะคล้ายๆกันคือ ไม่พอกครั่ง ก็พันด้วยด้าย แต่นี่ กลับมมาแบบผอมเพรียวเลย แถมผมยังชี้ๆอีก ก็เลยเรียกเล่นๆแซวเล่นๆว่า ...เจ้าไฟโด้ดีโด้...


    แล้วก็เป็นเรื่องครับ...หลังจากพูดแซวเจ้าหุ่นเล่นได้ไม่เท่าไหร่ ตกดึกวันนั้น ก่อนนอนก็ยังเอามาจับมาพินิจพิเคราะห์ดู แล้วก็กำในมือภาวนาครับ ยังไม่ทันจะเข้าสมาธิเลย ก็รู้สึกก็เหมือนมีอะไรพุ่งเข้ามาปะทะตัว ความรู้สึกแว๊บนั้นขนลุกทั้งตัวครับ แล้วก็แข็งทื่อเลย เรารู้สึกตัวตลอด แต่กลับขยับตัวไม่ได้ คล้ายๆโดนผีอำอะไรประมาณนั้น...

    ชั่วแว๊บนั้นเหมือนกันครับ ก็รู้ได้ทันทีเลยครับว่า "โดนซะแล้ว...เจ้าไฟโด้..เล่นเราซะแล้ว..."

    ด้วยความที่เราก็เป็นศิษย์มีอาจารย์ มีรึเรื่องแค่นี้เราจะแก้ไขไม่ได้...

    ตอนนั้นก็เลยเริ่มตั้งสติใหม่ ทำใจให้ว่าง พอรู้สึกว่าใจปลอดโปร่งดีแล้ว ก็เลยกำหนดจิตไปที่หุ่นพยนต์เลยแล้วก็ว่า...."ขอโทษจ้า"...เท่านั้นแหละครับ...อาการที่ว่าหนักๆตัวนั้นก็หายไปทันทีครับ...

    หลังจากนั้นผมก็เลยมั่นใจเลยครับว่า หุ่นพยนต์ตนนี้ไม่ธรรมดา ลองเหยียบลองอำผมได้ขนาดนี้ไม่ธรรมดาแน่ๆครับ เพราะเท่าที่ผ่านมาก็มีแต่กุมาร ท่าน อ.แทน กุมาร อ.โอม แล้วก็นางจันเท่านั้นที่มาหยอกกับผมแบบนี้ ก็เพิ่งมาเจอหุ่นพยนต์นี่แหละเป็นรายล่าสุดที่มาหยอกกันเล่นแบบนี้ครับ...สุดยอด...:cool::cool::cool:

    หุ่นพยนต์รุ่นนี้ เท่าที่คุยกับท่าน อ.โอม มา ท่านว่า นอกจากจะมีดีทางคุ้มครองแล้ว ท่านว่า เรื่องเมตตามหานิยม (เสน่ห์) ก็ได้เรื่องเหมือนกันครับ ส่วนเรื่องโชคลาภนั้นท่านว่าขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล แล้วแต่บุญของแต่ละคนที่สร้างสมมาครับ...

    ส่วนเรื่องอื่นนั้นต้องทดลองด้วยตัวเองครับถึงจะรู้....:cool::cool::cool:<!-- google_ad_section_end -->
     
  10. วิปัสสนู

    วิปัสสนู เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8,733
    ค่าพลัง:
    +17,001
    ลำดับที่ 6.พระกริ่งที่ระลึก๖๐ปี อนุสรณ์สมเด็จพระสังฆราช คุณ กะจะสัก มอบมาร่วมบุญ


    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->


    [​IMG] [​IMG]
     
  11. วิปัสสนู

    วิปัสสนู เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8,733
    ค่าพลัง:
    +17,001
    ลำดับที่ 7.พระปิดตาลอยองค์ เนื้อดินผสมผง อ.แทน+อ.โอม เสก ปี37




    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]


    คืนนี้..เล่าเรื่องรายละเอียดของพระปิดตาเนื้อดินผสมผง องค์นี้ดีกว่าครับ...

    พระปิดตาองค์นี้ อ.โอม เป็นผู้สร้างเอง ตั้งแต่เมื่อปี 37 ครับ..แกะบล็อกเอง หามวลสารเอง กดพิมพ์พระเอง พูดง่ายๆก็คือ ทำเองทุกขั้นตอนครับ...

    จำนวนการสร้าง ท่านทำไว้ทั้งหมด 108 องค์

    มวลสารที่ อ.โอม นำมาผสมสร้างพระปิดตารุ่นนี้ก็มี
    1.กระเบื้องหลังคาโบสถ์วัดป่าไตรวิเวก ซึ่งเป็นโบสถ์ที่ตั้งแต่สมัยหลวงปู่สาม อกิญจโน (ศิษย์กรรมฐานหลวงปู่ดุลย์)
    2. เนื้อดินจอมปลวก 7 จอม โดยเลือกเฉพาะจอมปลวกที่มีอารักษ์อาศัยอยู่เท่านั้น
    3.ดินขุยอุดรูปู
    4.ว่าน 108 ชนิด
    5.พวงมาลัยที่ อ.โอม บูชาพระ
    6.กล้วยเสก
    7.น้ำมนต์

    ลักษณะ...เป็นปิดตาลอยองค์ มีมือ4คู่ ปิดทวารทั้ง9 ที่ด้านหลังประทับด้วย ยันต์นะเมตตา...

    พระปิดตารุ่นนี้ อ.โอม ปลุกเสกเองอยู่นานร่วมปีครับ เรียกได้ว่าเสกทุกค่ำเช้าเลยทีเดียว..

    รุ่นนี้ก่อปาฏิหาริย์ตั้งแต่ตอนปลุกเสกแล้วครับ..เท่าที่เคยเห็นกับตัวเองก็มีอยู่หลายครั้งครับที่ ตอน อ.โอมท่านนั่งเสกอยู่ อยู่ดีๆม้วนสายสิญย์ที่วางอยู่ในมือท่านก็กระเด็นลอยออกจากมือท่านไปไกลหลายเมตรเลยครับ ทั้งๆที่ท่านไม่ได้ขยับตัว หรือขยับมือแม้แต่น้อยเลย เหตุการณ์อย่างนี้ผมเองเห็นอยู่สองสามครั้งครับ

    ลืมบอกไปครับ ว่าเวลาท่านเสกท่านจะเอาพระทั้งหมดใส่ในกล่องกระดาษ แล้วก็จุดเทียนตั้งบนกล่องกระดาษนั้นเลย เสกแต่ละครั้งก็ใว้เวลาประมาณเทียนเล่มบาท 1 เล่มครับ...เสกอย่างนี้ทุกวันจนน้ำตาเทียนเต็มฝากล่องกระดาษเลยครับ..

    และก็มีอยู่ครั้งหนึ่งครับ วันนั้นท่านเสกรอบดึก เกือบๆเที่ยงคืน ท่านนั่งเสกอยู่ร่วมๆ 2ชั่วโมงครับ เสกจนเทียนหมดเล่ม แต่ครั้งนี้เทียนไม่ดับไปเองครับ แต่กลับไปติดกับน้ำตาเทียนที่ละลายเป็นน้ำอยู่บนฝากล่องกระดาษ ตอนนั้นผมก็เผอิญได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยครับ ..

    ตอนแรก ไฟเริ่มไปติดกับเศษใส้เทียนเก่าๆอยู่สองสามอัน ผมเองก็ยังไม่คิดอะไรครับ แต่ซักพัก ไฟก็เริ่มลุกกับน้ำตาเทียนที่ละลายอยู่ และลามไปทั่วทั้งกล่องกระดาษ ปริมาณน้ำตาเทียนที่อยู่บนฝากล่องมีมากครับ ทำให้ไฟลุกท่วมฝากล่องอย่างรวดเร็วเลยครับ

    ตอนผมเห็น ผมก็ตกใจครับ แต่ไม่รู้จะทำยังไง เพราะ อ.โอม ก็ยังนั่งหลับตา เสกอยู่ ไม่ขยับเลยทั้งๆที่นั่งห่างจากกล่องพระไม่ถึงฟุต

    ไฟลุกโหมท่วมฝากล่องอยู่เกือบสิบนาทีครับ อ.โอมถึงได้ลืมตาขึ้น พนมมือท่องคาถาซักพักแล้วก็เป่าไปที่ไฟนั้น แล้วจากนั้นก็พรมน้ำมนต์ แปลกไฟที่ลุกท่วมๆอยู่นั้นก็ดับลงไป แค่โดนน้ำมนต์ไปนิดเดียวเอง

    หลังจากไฟดับแล้ว ผมก็เลยเข้าไปดูที่กล่องพระ ครับ เพราะคิดว่า ไฟลุกไหม้ขนาดนี้ พระคงเสียหายไปบ้างแน่ๆ ก็เลยกะว่าจะไปช่วยคัดแยกออกให้ แต่พอได้เห็นกล่องกระดาษก็ต้องตะลึงจนขนหัวลุกครับ เพราะกล่องกระดาษที่เมื่อกี้เห็นว่าไฟลุกจนท่วมสูง กลับไม่มีรอยไหม้แม้แต่นิดเดียว ขนาดว่าน้ำตาเทียนที่ฝากล่องยังไม่เหลือเลยครับเพราะโดนไฟเผาไปจนหมด แต่กล่องกระดาษธรรมดาๆ กลับไม่เป็นไรเลย

    แถมพอเปิดกล่องดูพระข้างใน จับพระดูองค์พระกลับเย็นเฉียบเลยครับ เป็นไปได้ยังไง โดนไฟเผาอยู่บนฝากล่องตั้งเกือบสิบนาที องค์พระปิดตากลับไม่ร้อนเลย แถมยังเย็นอีกต่างหาก...แปลกแท้หนอ...<!-- google_ad_section_end -->

    พระปิดตารุ่นนี้ หลังจากที่ อ.โอม ปลุกเสกอยู่ร่วมปีจนท่านพอใจ ก่อนที่ท่านจะนำมาแจกจ่าย อ.โอมก็นำเอาพระปิดตารุ่นนี้ไปขอความเมตตาท่าน อ.แทนปลุกเสกเพิ่มเติมให้อีกเพื่อเป็นการปิดท้าย ซึ่งตอนนั้น ท่าน อ.แทนยังบวชเป็นพระอยู่ครับ...

    พอตอนที่ท่าน อ.แทนเห็นพระ ท่านก็หยิบพระมาดู แล้วท่าน อ.แทนก็พูดขึ้นว่า "พระปิดตามหาเมตตา..ดีๆๆ...เดี๋ยวเสกให้ 7 วัน..."

    แล้วท่านก็บอกให้ผมไปตัดใบตองมาให้ แล้วก็พาพวกผมทำบายศรี และท่านก็ปลุกเสกพระปิดตารุ่นนี้ให้ถึง 7 วันครับ เรียกว่า ท่านว่างเมื่อไหร่ ท่านก็จะนั่งปลุกเสกให้ครับ
    ท่านตื่นมาตั่งแต่ประมาณตี4 ท่านก็เสกให้จนถึงตี5 ช่วงกลางวันว่างเมื่อไหร่ก็เสก ตอนก่อนจำวัดท่านก็เสกให้อีก ท่านทำอย่างนี้จนครบ 7 วันครับ

    หลังจากที่ท่าน อ.แทนเสกให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว อ.โอมได้ถวายพระปิดตารุ่นนี้ให้กับท่าน อ.แทน ประมาณ 30 องค์ ถวายหลวงตาสาร อีกประมาณ 30 องค์ ส่นที่เหลือ ท่านก็แจกจ่ายไปเรือยครับ...

    ตอนนั้น ผมกับเพื่อนก็ได้รับแจกมาเหมือนกัน คนละเป็นสิบองค์...และเพื่อนผมคนนี้ก็ไปได้รับประสบการณ์ระทึกครับ...

    คือเพื่อนผมคนนี้เค้าเอ็นติดวิศวะ ม.ขอนแก่น และพักอยู่ที่หอพักในมหาลัย หลังจากได้รับพระแจกไปแล้ว เค้าก็เอาติดตัวไปที่ขอนแก่นด้วย ไปถึงเค้าก็เอาพระใส่ในจาน(แทนถาด) วางไว้บนตั้งหนังสือบนโต๊ะข้างหัวนอน...

    มีอยู่คืนหนึ่งไฟที่หอดับเค้าก็เลยจุดเทียนตั้งไว้บนโต๊ะหนังสือ แล้วก็ออกไปหาซื้อของกินกับเพื่อนๆเค้า ตอนไปก็ไปกันหมดครับ กะว่าไปแป๊บเดียวก็เลยไม่ได้ดับเทียนที่จุดไว้ แต่พอออกไปแล้วก็ลืมครับ ไปซะนานเลย เค้าว่าไปตั้งเกือบเป็นชั่วโมงแล้วก็ไม่มีใครเอะใจเรื่องที่จุดเทียนไว้เลยครับ...

    แต่พอกลับมาถึงห้องทุกแทบช็อคครับ เพราะพอเปิดประตูห้องปั๊บ ก็เห็นควันโขมงเต็มห้องเลย ก็เลยรีบพากันเข้าไปดูในห้อง ปรากฏว่า เทียนที่จุดเอาไว้มันไหม้พื้นโต๊ะที่เป็นไม้เป็นวงเลยครับ แต่ว่าตอนที่เห็นนั้น ไฟได้ดับไปแล้ว แต่พวกเค้าก็พากันแปลกใจครับ เพราะว่า ตอนที่จุดเทียนไว้นั้น ก็ตั้งเทียนไว้ตรงหน้ากองหนังสือที่มีจานพระปิดตาวางอยู่นั้นเอง ซึ่งถ้าไฟไหม้จนโต๊ะเป็นวงขนานนี้ทำไมไม่ไหม้กองหนังสือที่มีแต่กระดาษที่เป็นเชื้อไฟได้อย่างดีเลย แต่รอยไฟกลับไหม้ลามเป็นวงอ้อมกองหนังสือ โดยที่ไม่ไหม้กองหนังสือที่มีจานพระปิดตาวางอยู่เลย...

    เท่านั้นแหละครับ...พระปิดตาที่เคยดูไม่มีค่าในหมู่วัยรุ่นนักศึกษาคณะวิศวะ ก็กลับเป็นที่ต้องการกันขึ้นมาทันทีครับ เพื่อนผมก็เลยต้องแจกเพื่อนๆเค้ากันไปคนละองค์...<!-- google_ad_section_end -->

    และผมก็เคยได้ฟังจากหลวงตาสารท่านเล่าให้ฟังอีกครับว่า..ท่านได้ไปเยี่ยมลูกหลานท่านแถวๆภาคใต้ ท่านก็เลยเอาพระปิดตาที่ อ.โอมถวาย เอาไปแจกด้วย ปรากฎว่า ผู้ที่รับแจกไปพากันไปเจอประสบการณ์กันเยอะเลยครับ บางคนพกพระปิดตาไปกรีดยาง เดินเหยียบงูกะปะเต็มๆเลยครับ แต่งูกลับเฉยครับ แต่คนเหยียบนี่กระโดดโหยงไปแล้วครับ แล้วมันก็เลื้อยหนีไปเฉยๆเลย ก็แปลกครับ บางคนบอกว่าโดนกัด แต่ก็ไม่เข้าครับ บางคนไปโดนรถชนก็ไม่เป็นไร บางคนเอาไปจีบสาวยังมีเลยครับ..

    หลวงตาสาร ท่านบอกว่า คนที่นั่นเค้าว่ากันว่า ปิดตานี้ดี กันได้ทุกอย่างครับ ยกเว้นฝน เพราะพวกเค้าใส่ไปกรีดยางปรากฎว่าฝนตก ก็ไม่คิดอะไรครับ แต่พอกลับมาบ้าน มาดูปรากฏว่าพระละลายครับ...แหะๆ<!-- google_ad_section_end --> <!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2012
  12. วิปัสสนู

    วิปัสสนู เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8,733
    ค่าพลัง:
    +17,001
    ลำดับที่ 8.ดวงตราแม่พระธรณี อ.ฆราวาสธรรม+อ.โอม เสก ปี47




    [​IMG]


    [​IMG]


    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วิปัสสนู [​IMG]
    ตอนนี้ผมเล็งๆของไว้อยู่ชิ้นหนึ่ง..แต่ยังไม่บอกว่าเป็นอะไร

    ของชิ้นนี้พิธีเสกดี เสกโดยอาจารย์ฆราวาสล้วนๆ ผู้ที่ร่วมอยู่ในพิธีต่างสัมผัสได้ถึงพลังในระหว่างที่ปลุกเสกอยู่เลยครับ ตอนนั้นผมก็อยู่ด้วย...

    ช่วงปี 46หรือ47นี่แหละ ปีนั้น พระอาจารย์ของพี่ปุ้ม ก็คืออาจารย์ที่ร่วมเสกน้ำมนต์ปรกโพธิ์กับหลวงพ่อสมชาย ที่วัดหนองน้อยนั่นแหละครับ ท่านจัดพิธีป้อนข้าวเหนียวดำให้กับลูกศิษย์ ก่อนหน้าวันพิธี 7 วัน ท่านก็ปิดสำนักเสกมวลสารและว่านยาต่างๆที่จะนำมาหุงข้าวเหนียวดำ และก็วัตถุมงคลที่สร้างมาเพื่อแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์ที่มาร่วมงาน ในงานนี้ลูกศิษย์ที่เป็นทหาร ก็ได้ส่งทหารเกณฑ์มาช่วยงานด้วย 4คน

    เดี๋ยวมาต่อนะครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วิปัสสนู [​IMG]
    ต่อครับ...

    ในแต่ละวันที่เสกเสร็จ ก็จะนำวัตถุมงคลมาทดสอบความขลัง ด้วยการให้กำพระไว้ในมือ ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย แล้วอธิษฐาน เสร็จปั๊บ ก็ใช้ใบมีดโกนใหม่ๆที่เพิ่งซื้อมา เอาแบบคมชนิดที่ว่าแค่ลากผ่านบนแผ่นกระดาษ A4 เบาๆก็ขาดแล้ว เอามากดกรีดที่ปลายนิ้วมือบ้าง ท่อนแขนบ้าง ปรากฎว่า ช่วงวันแรกๆ ก็จะมีแค่รอยขูดขีดที่ผิวหนังเท่านั้น ใช้เวลาอยู่ 3 วัน ครั้งนี้เอามีดใหม่ๆเหมือนเดิมมากดกรีด ปรากฎว่า รู้สึกเหมือนกับเอาเอาของที่มีลักษณะมนๆ ลื่นๆ มาถูเท่านั้น นี่ถือว่าผ่านบททดสอบขั้นแรก......
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วิปัสสนู [​IMG]
    ต่อจ้า.....

    แล้วจากนั้นถึงปลุกเสกทางอื่นต่อไป (แคล้วคลาด มหาอุด เมตตา มหานิยม โชคลาภ) ลืมบอกไปครับว่า ในตอนปลุกเสกก็จะมีท่านพระอาจารย์ และท่านอาจารย์โอม เป็นผู้ปลุกเสก แล้วมีลูกศิษย์อีก3-4 คนมานั่งสวดภาวนาคาถาให้

    จนมาถึงคืนสุดท้ายก่อนวันงาน พระอาจารย์ท่านก็เรียกทุกคนในสำนัก มานั่งในห้องที่ทำพิธีปลุกเสก และบอกว่าวันจะเอาให้เต็มที่เลย พอท่านอาจารย์ทั้งสองเข้าสมาธิได้สักพัก พื้นห้องที่เป็นพื้นปูนเกิดอาการสั่นสะเทือน จนสามารถรู้สึกได้เลย อันนี้เหล่าทหารเกณฑ์ต่างพากันแย่งกันพูด แย่งกันเล่าให้ฟังหลังจากเสร็จพิธี ส่วนบรรดาลูกศิษย์ 3-4 คนที่เอามือแตะกองวัตถุมงคลและช่วยสวดภาวนาคาถาอยู่นั้น ต่างพากันนั่งตัวเกร็ง กดกองวัตถุมงคลไว้แน่น พอเสร็จพิธี ก็พากันแย่งกันเล่าเหมือนกันว่า นั่งภาวนาอยู่ดีๆ ก็เหมือนว่าพื้นมันสั่น แค่นั้นไม่พอ กองวัตถุมงคลที่พากันนั่งแตะอยู่นั้นก็เหมือนว่ากำลังจะลอยขึ้นก็เลยพากันช่วยกันกดกันใหญ่ แต่พอลืมตามาดูก็ยังเห็นท่านอาจารย์ทั้งสองยังนั่งหลับตาเสกอยู่ และของก็ยังอยู่เหมือนเดิม...นับว่าเป็นเรื่องที่แปลกมากครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    เล่าเรื่องดวงตราแม่พระธรณี ต่ออีกนิดนะครับ...

    เคยคุยกับ อ.โอม ท่านบอกว่า ดวงตราแม่พระธรณี นี้เก็บไว้ให้ดีนะ ศักดิ์สิทธิ์มากๆเลย เอาไว้ติดรถ ติดตัวได้อย่างดีเลย ไปไหนมาไหนปลอดภัยหายห่วง แถมยังเป็นเมตตาอีกด้วย ถ้ามีโอกาสเก็บไว้เยอะก็ดี ต่อไปจะหาแบบนี้ได้ไม่ง่ายนะ...

    ตอนนั้นผมก็เลยเก็บไว้เยอะเลยครับ...แต่ต่อมาก็แจกจ่ายให้กับผู้ที่มาร่วมบุญในโอกาสต่างๆจนตอนนี้แทบจะไม่เหลือเลยครับ...

    เสียดายก็เสียดายครับ...แต่ถ้าเพื่องานบุญ และเพื่อให้พี่ๆเพื่อนๆได้มีโอกาสได้รับของดีๆไปบูชา ผมก็ยินดีครับ...

    งานนี้ถ้าใครได้ไปก็ถือว่าโชคดีครับ ครูบาอาจารย์ ท่านว่า ถ้าเรารู้คุณ รู้จักบูชาคุณแม่พระธรณี ตราบใดที่เรายังอยู่บนพื้นปถพีนี้ ก็จะไม่ตกต่ำครับ มีแต่จะเจริญยิ่งๆขึ้นไปครับ.....<!-- google_ad_section_end -->
     
  13. วิปัสสนู

    วิปัสสนู เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8,733
    ค่าพลัง:
    +17,001
    ลำดับที่ 9.ปลัดสาริกา แก่นมะขาม อ.แทน ปี41



    [​IMG]
    [​IMG] [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->



    มาต่อรายการนี้ครับ....

    ปลัดตัวนี้แกะจากแก่นมะขาม (แท้ๆ) ...ปีนั้นผมรู้สึกเบื่อๆกรุงเทพก็เลยกลับไปหาไปเล่นกับท่าน อ.แทนที่บ้านครับ ไปอยู่กับท่านสองสามวัน ก่อนกลับท่านยื่นแก่นมะขามให้ผมมาท่อนหนึ่ง แล้วก็บอกผมว่าให้เอาไปแกะเป็นปลัดขิกเด้อ..

    ผมรับมา แล้วก็กลับบ้าน (ที่สุรินทร์) นั่งดูท่อนแก่นมะขามก็ท่อนไม่ใหญ่ กะว่าถ้าแกะปลัดจริงๆก็คงได้แค่ตัวเดียว ซึ่งถ้าผมแกะไปแค่ตัวเดียวท่าน อ.แทน เสกเสร็จแล้วก็คงให้ผมมาแน่ๆ ก็เลยกะว่าจะแกะให้ตัวเล็กลงหน่อย จะได้ได้หลายๆตัวครับ

    พอแกะเสร็จได้ 5 ตัว ก็ได้ไปหาท่านอีกครั้งก็เลยเอาไปให้ท่านเสกด้วย พอท่านเห็น ท่านก็ว่า เออแกะได้เล็กดี..แล้วก็เสกให้ รอบนั้นผมไปอยู่กับท่านก็สองสามวันเหมือนกัน ท่านเสกให้อย่างดีครับ...

    พอเสกเสร็จ ท่านก็ให้ปลัดผมกลับมาคืนหมดเลย ท่านว่า ..เอาไปหมดนั่นแหละ เก็บไว้ก็ไม่รู้จะไว้ทำอะไร...

    พอผมได้มา ผมก็แจกต่อครับ เหลือเก็บไว้ตัวเดียวนี่แหละครับ...

    เคยเอาไปใช้เรื่องเมตตา ก็เข้าท่าอยู่ครับ...อธิษฐานเสร็จก็เข้าไปคุยกับเค้า เค้าตกลงยอมง่ายๆเลยครับ (เรื่องงานนะค้าบ..)<!-- google_ad_section_end -->

    ปลัดรุ่นนี้เอามาตอนกลับไปสุรินทร์เมื่อตอนกฐินครับ...ตอนแรกตั้งใจว่าจะนำมาให้พี่ๆเพื่อๆได้ร่วมประมูลกันครับ แต่เมื่อตอนที่คิดจะหาของมามอบให้กับผู้ร่วมบุญที่โชคดี จู่ๆก็นึกถึงปลัดตัวนี้ขึ้นมาครับ ครั้งนี้ก็เลยไม่ลังเลครับ ในเมื่อแว๊บขึ้นมาแล้วก็เลยนำมาจัดเลยครับ...ชิ้นนี้รับรองไม่ผิดหวังครับ...ขอบอก...:cool::cool::cool:<!-- google_ad_section_end -->
     
  14. วิปัสสนู

    วิปัสสนู เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8,733
    ค่าพลัง:
    +17,001
    ลำดับที่ 10.ตะกรุดมหาเมตตา อ.โอม ปี46





    [​IMG]




    ตะกรุดมหาเมตตา ของ อ.โอม รุ่นนี้ ทำออกมาไม่กี่ดอกครับ ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะประมาณ 9 ดอกครับ...


    ตอนนั้น อ.โอม มาเล่นด้วย (ที่กรุงเทพ) เพื่อนผมรู้ข่าวก็เลยพาพวกเพื่อนๆเค้าทั้งชายทั้งหญิงที่ทำงานอยู่บาวแดงมาหา อ.โอม ครับ มากัน 4-5 คนได้ นั่งคุยกันซักพัก เพื่อนผมมันก็เปิดประเด็นชงให้เพื่อนๆของตัวเองว่าอยากได้ของเสน่ห์ของเมตตาไว้ใช้ บางคนก็บอกว่ามีปัญหากับแฟนมั่ง บางคนก็จะเอาไปจีบหนุ่มจีบสาว พากันขอกันใหญ่เลย


    อ.โอม ก็เลยเขียนตะกรุดชุดนี้ให้ครับ เขียนเดี๋ยวนั้น เสกเดี๋ยวนั้นกันเลย เสกเสร็จก็แจกกันไปคนละดอก ทั้งผู้ชายทั้งผู้หญิง พอแต่ละคนได้ของสมใจแล้วก็พากันลากลับกันไปครับ ส่วนตะกรุดที่เหลือ อ.โอมก็เลยให้ผมเอาไว้ครับ..


    ผ่านไปเกือบเดือน ผมได้เจอเพื่อนผมอีกที เค้าก็มาเล่าให้ฟังครับว่า ตะกรุดชุดนี้ที่ อ.โอม เขียนให้วันนั้น แต่ละคนที่เอาไปใช้พากันฮือฮากันมากครับ ไปโด่งดังในกลุ่มพนักงานบาวแดงเลย เพราะเรื่องเสน่ห์เมตตานี่เด็ดขาดครับ เพราะเจ้าคนที่มีปัญหากับแฟนเพราะความเจ้าชู้ พอได้ไปปั๊บแฟนก็หายโกรธ แถมมีกิ๊กเพิ่มแฟนรู้ก็ยังไม่ว่าซะงั้น ส่วนคนที่ไม่มีแฟน ก็กลับมีคนมาสนใจมาจีบทีสองสามคน ทีนี้ก็เริ่มจะเดือดร้อนละครับ เพราะพอเรื่องมันแพร่ออกไปก็มีคนอยากมาหา อ.โอม อยากได้ตะกรุดกันหลายคนเลยครับ แล้วดูท่าเพื่อนผมก็คงจะมาถามหาตะกรุดนี้ด้วย ตอนนั้นผมก็เลยเก็บตะกรุดที่เหลือไว้เงียบเลยครับ แม้แต่เท่าทุกวันนี้ เวลาหน้ากันเพื่อมผมก็ยังถามหาอยู่เลยครับ...​
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  15. วิปัสสนู

    วิปัสสนู เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8,733
    ค่าพลัง:
    +17,001
    ลำดับที่11-20 เป็นสีผึ้งเสน่ห์จันทร์ อ.แทน ปี 54


    [​IMG]




    [​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG]<!-- google_ad_section_end -->



    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วิปัสสนู [​IMG]
    มีข่าวดีมาแจ้งครับ...สำหรับพี่ๆเพื่อนๆที่พลาดจากการประมูลสีผึ้งน้ำมันช้างย้อยไปครับ...

    เนื่องจากมีทั้งหน้าไมค์และหลังไมค์มาสอบถามเรื่องสีผึ้งของท่าน อ.แทน ว่ายังมีแบ่งให้ร่วมบุญกันอีกรึป่าว ผมเองก็ไม่แน่ใจครับก็เลยลองๆไปรื้อๆค้นๆดูก็โชคดีครับ เจอสีผึ้งของท่านเข้าให้..

    สีผึ้งรุ่นนี้ เป็นรุ่นที่ท่าน อ.แทน ท่านหุงเมื่อปีที่แล้ว ตอนก่อนเข้าพรรษาครับ ท่านเรียกว่า "สีผึ้งเสน่ห์จันทร์หอม" ครับ

    ท่านเมตตาให้นำมาออกให้บูชากันเมื่อตอนวันงานกฐินเมื่อปีที่แล้วครับ...


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ วิปัสสนู [​IMG]
    ที่ท่าน อ.แทนท่านเรียกว่า "สีผึ้งเสน่ห์จันทร์หอม" ก็เพราะว่า ท่านใช้ว่านเสน่ห์จันทร์หอมเป็นหลักในการหุงสีผึ้งครับ

    ท่านว่าสีผึ้งนี้ (เสน่ห์จันทร์หอม) "ถ้าเสกให้ดีๆ กลิ่นมันจะหอมทวนลมเลยนะ อยู่ใกล้ๆใคร เค้าก็เมตตารักใคร่ (หลงใหล) ก็กลิ่นนี่แหละ"

    อันนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยๆในหมู่ลูกศิษย์ที่ใช้สีผึ้งของท่านครับ...และแทบจะเป็นที่รู้กันเลยครับว่า ถ้ามาหาท่าน อ.แทน แล้วจะขอของเมตตาจากท่าน ก็ต้องสีผึ้งนี่แหละครับ สุดยอดสุดๆ...


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ misu [​IMG]
    คือสีผึ้งชุดนี้ สุดยอดเมตตาครับ..ผมใช้ประจำทา ไปทำงาน ทาทั้งคิ้วทั้งปาก 555 แต่อย่าไปกล่าว ตำหนิใครนะครับ บอกรักบอกคิดถึงได้ (สาวๆแล้วจะรู้เอง) หากทาปาก........ขอรับรอง ว่าสุดยอดครับ :cool::cool::cool:
    โชคดีว่าเก็บไว้หลายตลับฮิๆๆๆๆ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    อ้างอิง:
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD style="BORDER-BOTTOM: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-RIGHT: 1px inset" class=alt2>ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ misu [​IMG]
    สีผึ้งเสน่ห์จันทร์ ผมไม่รู้หรอกว่าข้างในมีมวลสารอะไรบ้าง
    แต่ใช้ดีครับผมใช้อยู่ เกือบทุกวัน เวลาไปทำงาน ...เมตตาดีครับ
    ทาคิ้ว แถมทาปากด้วยครับ....แต่ไม่ได้ใช้ไปจีบสาวนะครับเลยไม่รู้ว่าจีบสาวดีหรือไม่ดี แต่เมตตาดีครับรับรอง สีผึ้งนี้มีให้บูชาในงานกฐินปีที่แล้ว จากที่เห็นน่าจะเหลือไม่กีตลับ ...ใครมีโอกาศครอบครอง รับรองว่าโชคดีครับ...ไม่อยากบอกว่า ที่ผ่านมาเอามาป้นสิบตลับ...(แจกเขาไปเยอะเลย)
    แนะนำนิดนะครับ สำหรับท่านที่ ทำบุญ..คือผมเข้าใจว่าทุกท่านทำบุญแต่เวลาตั้งใจทำ อย่าให้จิตเราไปนึกถึงของมงคลนะครับ... คือสำหรับท่านที่ยังไม่โอนเงิน หากตั้งใจจะทำ 1000 บาท ให้ตังใจทำวันละร้อย คือเอาเงนออกมา 100 บาท อธิฐาน จะทำบุญสร้างโบถ์ แล้วใส่กระปุกเก็บไว้เลย ...จิตใจจะไม่คิด หวง และไม่ห่วง ในเงิน 100 บาท บุญที่ได้จะสมบุรณ์ เต้มที่ครับ เมือครบ 1000 บาทแล้วโอนที่เดียวครับ ....
    หากเปรียบเราเอาแบ้งพันอออกมาจะทำบุญ บางที่จิตมันคิด..ต้้องใช่โน้นใช้นี่ หวง..แต่เราฝืนทำ...บุญได้ครับแต่แต่ไม่เต็มบริบูรณ์ จะไม่ถึงพร้อมด้วย กาย วาจา ใจ..เพราะใจมันหวงอยู่...
    เอาเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาฝากครับ ....เพราะทำอยู่ได้ผลดีจึงบอกต่อ...สาธุครับ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. วิปัสสนู

    วิปัสสนู เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8,733
    ค่าพลัง:
    +17,001
    ลำดับที่21-25 พระพุทธลีลาสะดุ้งกลับ หลังพระสิวลี เนื้อแร่โครตเศรษฐีผสมแร่เจ้าน้ำเงิน





    [​IMG]
    [​IMG][​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG][​IMG]


    พระพุทธลีลาสดุ้งกลับ ด้านหลังเป็นพระสิวลี เนื้อแร่โครตเศรษฐีผสมจ้าวน้ำเงิน ของท่าน อ.ฆราวาสธรรม (เคน)


    มวลสาร ก็คือ
    1. แร่โครตเศรษฐี เป็นแร่โครตเศรษฐีแท้ๆ โดยตัวท่านอาจารย์เอง และลูกศิษย์ของท่านลุยไปเอาถึงที่เลย แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่าไปเอาที่จังหวัดอะไร รู้แต่ว่า แค่ราคาแร่โครตเศรษฐีที่ไปเอามานี้ก็ตกหลายหมื่นแล้ว แต่เพื่อให้ลูกศิษย์ของท่านได้ใช้ได้บูชาของดี ท่านบอกว่า ท่านยอม (สร้างออกมาแล้วให้บูชาองค์ไม่กี่บาท แต่ส่วนใหญ่จะแจกซะมากกว่า) แร่ชนิดนี้ โบราณท่านว่า มีคุณวิเศษทางด้านโชคลาภเงินทอง ความเจริญรุ่งเรือง จัดเป็นแร่กายสิทธิ์ที่มีฤทธิ์ในตัวเอง ยิ่งน้ำมาสร้างเป็นวัตถุมงคล ก็จะยิ่งมีความศักสิทธิ์เพิ่มมากขึ้น
    2. จ้าวน้ำเงิน จัดว่าเป็นธาตุกายสิทธิ์อีกชนิดหนึ่ง ที่มีคุณวิเศษทางด้านความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งแม้แต่ในตำราการสร้างพระกริ่งของสมเด็จสังฆราชแพ ท่านก็ทรงกำหนดไว้ว่าต้องผสมด้วยจ้าวน้ำเงินนี้เช่นกัน พระกริ่งของท่านจึงทรงคุณค่าและมีพุทธคุณสูงยิ่งนัก แถมราคายังแพงอีกต่างหาก จ้าวน้ำเงินนี้แท้จริงแล้วไม่ใช่แร่ แต่เป็นธาตุกายสิทธิ์ที่เกิดจากการเล่นแร่แปรธาตุ ส่วนวิธีการทำยังไงนั้นผมไม่ทราบชัดเจนขอข้ามไปนะครับ...


    จ้าวน้ำเงินที่นำมาผสมสร้างพระพุทธลีลาสดุ้งกลับอง์นี้ เป็นของพ่อหลวงคล้อย วัดถ้ำเขาเงิน ชุมพร ตกทอดมายังพ่อหลวงชนะ ผู้เป็นศิษย์เอกของท่าน เป็นผู้เก็บรักษาสืบต่อมา และพ่อหลวงชนะ และท่านอาจารย์ฆราวาสธรรม (เคน)ก็เป็นศิษย์คู่ทองคู่เงิน ของท่านพ่อหลวงคล้อย (คู่ศิษย์เอกทั้งฝ่ายบรรพชิตและฝ่ายฆราวาส) ดังนั้น พ่อหลวงชนะจึงได้มอบจ้าวน้ำเงินให้กับท่านอาจารย์ฆราวาสธรรมเพื่อมาสร้างพระรุ่นนี้


    พระรุ่นนี้เคยนำไปถวายพระมหาเถระรูปหนึ่ง ซึ่งหลวงปู่ลมัยออกปากเองว่าเป็นลูกของท่าน (ผมได้ยินมากับหู เพราะท่านพูดบอกพวกผมเองตอนที่พวกผมคิดถามท่านในใจ)


    เมื่อวันที่ถวายพระท่าน พอท่านรับไปปั๊บ ท่านก็พูดขึ้นมาท่ามกลางกลุ่มลูกศิษย์ทั้งหลายที่นั่งอยู่ว่า "พระรุ่นนี้สร้างจากแร่โครตเศรษฐี ดีนะ เก็บกันไว้ให้ดี ใครได้ไปจะได้เป็นเศรษฐี" แล้วท่านก็กำพระทั้งหมดโยนหว่านออกมา แปลกครับพระที่ถวายท่านวันนั้นสิบกว่าองค์ ท่านหว่านทีเดียว แต่ผู้ที่รับได้พระได้ไป มีแต่ผู้มีฐานะทั้งนั้น ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือยังไงก็ไปรู้ พระท่านลอยไปเข้ามือ หรือตกไปอยู่ที่ตักของผู้มีฐานะทุกองค์เลย กลุ่มพวกผมที่ไปสิบกว่าคน เห็นพระลอยอยู่คาตา แต่ไม่มีใครคว้าพระได้ซักคน สงสัยในกลุ่มจะไม่มีคนมีดวงเป็นเศรษฐีมั๊งครับ...<!-- google_ad_section_end --> ​
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  17. วิปัสสนู

    วิปัสสนู เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8,733
    ค่าพลัง:
    +17,001
    ลำดับที่26. ผ้ายันต์มหามงคล ที่ระลึกงานหล่อพระประธาน วัดโพธิ์ศรีธาตุ ปี51



    [​IMG] [​IMG]


    เล่าเรื่องผ้ายันต์ผืนนี้ค่าเวลากันดีกว่า....

    ผ้ายันต์ผืนนี้สร้างตอนปี51 ออกเป็นที่ระลึกในงานเททองหล่อพระประธานที่วัดโพธิ์ศรีธาตุครับ ทำออกมา2สี คือ สีเหลือง กับสีแดง สีละประมาณ 300กว่าผืนครับ

    ผ้ายันต์รุ่นนี้ประกอบไปด้วยยันต์ต่างต่างๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นยันต์ใหญ่ๆทั้งสิ้น ประกอบด้วย ส่วนยอดของผ้ายันต์ เป็นยันต์องค์พระธงชัย ถัดลงมา ด้านซ้ายเป็นองค์มหาพรหม ด้านขวาเป็นองค์พระนารายณ์ ถัดลงมาตรงกลางยันต์ เป็นยันต์องค์แม่พระธรณี ส่วนด้านซ้ายขวาขององค์แม่พระธรณีเป็นยันต์ปลาตะเพียนคู่ คือตะเพียนเงิน ตะเพียนทอง ถัดลงมาด้านล่างเป็นยันต์วัวธนูเงินธนูทอง ส่วนมุมล่างเป็นยันต์สาริกาของสองศิษย์อาจารย์ครับ คือ ด้านซ้ายเป็นยันต์สาริกา ของท่าน อ.แทน (อาจารย์) ส่วนด้านขวาเป็นยันต์สาริกาของ อ.โอม (ศิษย์)...

    ผ้ายันต์รุ่นนี้ ท่าน อ.แทน เสกเดี่ยวตลอดไตรมาสในช่วงเข้าพรรษา และนำมาแจกจ่ายและให้บูชาในวันทอกกฐิน

    ผ้ายันต์รุ่นนี้ส่วนใหญ่จะไปโด่งดังอยู่แถวๆชายแดนจังหวัดศรีสะเกษ ตอนช่วงที่เริ่มมีกรณีพิพาทระประเทศ ทำให้บรรดาทหารและตำรวจตระเวณชายแดนมาขอบูชากันไปติดตัวกันเป็นจำนวนมาก เลยทำให้ผ้ายันต์รุ่นนี้ที่เหลืออยู่กับท่าน อ.แทนหลังจากงานกฐินร่วม300ผืนหมดลงในเวลาไม่นานครับ..

    นอกจากนั้นก็ยังมีลูกศิษย์ลูกหาที่เคารพนับถือท่าน นำไปบูชาติดไว้ในร้านค้า ก็ปรากฎว่าค้าขายดี๊ดีครับ...

    แถวมีบางรายเค้าว่ามีคนโดนผีเข้า เอาผ้ายันต์ของท่านรุ่นนี้ไปโปะบนหัวผีกรี๊ดแตกหนีเตลิดไปเลยก็มีครับ...

    สรุปรวมแบบง่ายๆก็คือ ผ้ายันต์รุ่นนี้ ประสบการณ์เพียบครับ....<!-- google_ad_section_end -->
     
  18. วิปัสสนู

    วิปัสสนู เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8,733
    ค่าพลัง:
    +17,001
    ลำดับที่27-29. พระขุนแผน หลวงปู่ทอง วัดเกาะ คุณ Hellboy นำมาร่วมบุญ

    [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->

    [​IMG] [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->

    ปลุกเสกโดยหลวงปู่ทอง วัดเกาะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2012
  19. วิปัสสนู

    วิปัสสนู เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8,733
    ค่าพลัง:
    +17,001
    ลำดับที่32-40. พระปางเปิดโลก หลังยันต์แม่พระธรณี วัดซุ้ง คุณ Hellboy มอบมาร่วมบุญ

    [​IMG] [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->

    [​IMG] [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->

    [​IMG] [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->

    [​IMG] [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->

    [​IMG] [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->

    [​IMG] [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->

    [​IMG][​IMG]

    [​IMG][​IMG]

    [​IMG] [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->

    พระเปิดโลก หลวงปู่ทอง มวลสารเหมือนกับขุนแผนและเพิ่มมวลสารที่ขุนแผนไม่มีเข้าไปอีกจำนวนมาก

    พระปางเปิดโลกและขุนแผนได้นำไปปลุกเสกเพิ่มโดยครูบาอาจารย์ที่ผมเคารพไม่ว่าจะเป็น หลวงพ่อสมชาย วัดหนองน้อยหลายพิธีหลายวาระ พระอาจารย์พรสิทธิ์ วัดสว่างอารมณ์(ปลุกเสก) หลวงพ่อสม วัดโพธิ์ทอง(ปลุกเสก) หลวงปู่ปัญญา วัดหนองผักหนาม(อธิษฐานจิต) อ.อ้วน หมอผี(ปลุกเสก) ท่านอาจารย์แทน วิวาสุขุ(ปลุกเสก)

    โดยเฉพาะขุนแผนได้เพิ่มมวลสารพิเศษเพิ่มเติมเข้าไปอีกจำนวนมาก ซึ่งไม่ขอแจ้งรายละเอียดว่ามีอะไรบ้าง หากท่านใดเป็นเจ้าของตัวจริง ก็คงจะสัมผัสและเห็นคุณค่าของพระขุนแผนชุดนี้

    พระทั้งหมดที่ได้รับมอบมาจากคุณ HellBoy นำมาเพื่อร่วมทำบุญเท่านั้น

    ก็ขออนุโมทนากับเจตนาอันดีในครั้งนี้ด้วยครับ

    พระเปิดโลกองค์นี้ไม่ต้องโทรไปถามใคร หรือไปหาที่ไหนเพราะที่มีทั้งหมดได้นำมาร่วมทำบุญในครั้งนี้ทั้งหมดแล้ว
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2012
  20. วิปัสสนู

    วิปัสสนู เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    8,733
    ค่าพลัง:
    +17,001
    ลำดับที่41. พระขุนแผนกรุเก่า หลวงปู่นาม วัดน้อยชมภู่ (ท่านเพิ่งให้นำออกมาให้บูชาเมื่อ กลางปี54)



    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]


    มาเล่าเรื่องกันต่อดีกว่า...

    รายการนี้เป็นขุนแผนของหลวงปู่นาม เมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว (ปี54) ผมกับผบ.ได้ไปล่องทำบุญแถบจังหวัดสุพรรณมาครับ และวัดหนึ่งที่อยู่ในรายการว่าต้องไปให้ได้ก็คือวัดน้อยชมภู่นี่แหละครับ

    ตอนนั้นไปถึงวัดแล้ว แต่ไม่ได้กราบหลวงปู่นามครับ เพราะว่าท่านมาพักรักษาตัว(พักผ่อน)ในโรงพยาบาลที่กรุงเทพ ตอนนั้นก็เลยถือโอกาสโต๋เต๋ๆแถวตู้วัตถุมงคล

    ใจจริงตอนแรกที่ไปวัดท่าน ก็เพื่อไปกราบท่าน และทำบุญครับ ไม่ได้ตั้งใจว่าจะไปบูชาวัตถุมงคลเลย แตพอหลังจากที่โต๋เต๋ๆอยู่หน้าตู้ได้สักพัก สายตาก็ไปสะดุดกับพระขุนแผนของท่านนี่แหละครับ

    ดูจากสายตาแล้วน่าจะเป็นพระเก่า ก็เลยลองสอบถามจากกรรมการวัดที่เฝ้าตู้วัตถุมงคลอยู่ เค้าก็เลยเล่าอะไรๆให้ฟังเยอะเลยครับ โดยเฉพาะพระพิมพ์ขุนแผนพิมพ์นี้ เค้าเล่าว่า หลวงปู่นามท่านเพิ่งอนุญาตให้นำออกมาให้บูชากันก่อนหน้าที่ผมไปได้ไม่นาน แต่ว่าพระพิมพ์นี้ท่านทำท่านสร้างเองตั้งหลายปีแล้ว ปลุกเสกและเก็บไว้อยู่ในกุฏิท่านมาตลอด

    มีสองพิมพ์ คือมีพิมพ์เล็กสำหรับผู้หญิง และพิมพ์ใหญ่สำหรับผู้ชาย ตอนนั้นผมกะผบ.ก็เลยบูชากันมาคนละองค์ครับ เรื่องเมตตานี่ใช้ได้เลยครับ..:cool:


    พระอุปัชฌาย์นาม ปัจจุบัน พระครูสุวรรณศาสนคุณ สิริอายุ ๘๙ปี ๖๒พรรษา ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาส วัดน้อยชมภู่ ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรบุรี พระครูสุวรรณศาสนคุณ มีนามเดิมว่า นาม มณีวงศ์ ถือกำเนิด เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๔ ปีจอ ( ส่วนวันและเดือนนั้น ท่านจำไม่ได้ ) เป็นชาวสุพรรณโดยกำเนิด โยมบิดา ชื่อ คุณพ่อบัว มณีวงศ์ โยมมารดาชื่อ คุณแม่ สา มณีวงศ์
    ในวัยเด็กชีวิตท่าน ตามประสาเด็กธรรมดาทั่วไป ช่วยพ่อแม่ทำนา ประกอบกับการมาเรียนหนังสือ กับหลวงปู่เหมือน ที่วัดน้อยชมภู่ ทั้งอักขระขอม-ไทย และฟังธรรมะ คำสอน ของหลวงปู่เหมือน ทำให้ท่านมีใจอ่อนน้อม และเลื่อมใสในพุทธศาสนา มาตั้งแต่เล็ก เมื่ออายุครบบวช ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดบ้านกร่าง โดยมีท่านเจ้าคุณพระเมธีธรรมสาร ( ไสว ) เป็นพระอุปัชฌาย์ของท่าน พระปลัดทวี(หลานหลวงพ่อมุ่ย) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการ สวงศ์ เป็นพระอนุศาสนาจารย์ภายหลังอุปสมบทแล้ว ได้จำพรรษาศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย จนสอบได้นักธรรมเอกตามลำดับ ในปีนั้นท่านเป็นรูปเดียวที่สามารถสอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอกของอำเภอศรีประจันต์ อีกทั้งยังสามารถท่องจำพระปาฎิโมกข์ ได้เพียง 45 วัน


    ร่ำเรียนวิทยาคมและฝากตัวเป็นศิษย์รับใช้ ร่ำเรียนวิทยาคม กับหลวงพ่อไสว ควบคู่ไปกับการเล่าเรียนศึกษามูลกัจจายน์ บาลี อักษรขอม ไทย จึงทำให้ท่านมีความรู้แตกฉานในด้านนี้เป็นอย่างมาก
    (เมื่อกล่าวถึง หลวงพ่อ ไสวแล้ว ชาวสุพรรณในสมัยนั้น ต่างให้ความเคารพนับถือท่านมาก ชื่อเสียงกิตติศัพท์ของท่านเลื่องลือ ด้วยท่านสามารถปลุกเสกพระในบาตร ให้วิ่งได้ ดุจมีชีวิต
    )
    ดังนั้นหลวงปู่จึงได้สืบทอดพุทธาคมในสายวิชานี้มาอย่างเอกอุ ทั้งในด้านการเจริญสมถะ วิปัสสนากรรมฐาน การอธิฐานจิตเสกพระ จากนั้นจึงได้ย้ายมาจำพรรษาที่วัดน้อยชมภู่ วัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา (เป็นวัดสองวัดมารวมกัน คือ วัดน้อย กับ วัดชมภู่ รวมเรียกว่า วัดน้อยชมภู่ ) วัดนี้เป็นวัดที่มีพระเกจิดัง สมภารเก่ง มาแต่เดิม ทำน้ำพุทธมนต์ให้เจ้าสมัยก่อน
    ได้ร่ำเรียนศึกษาวิชาอาคมหลวงปู่ขำกับหลวงปู่เหมือน
    หลวงปู่ขำท่านเป็นพระ อภิญญา สหธรรมมิกศึกษาแลกเปลี่ยนวิชา กับหลวงพ่อเนียม วัดน้อย ( ศิษย์สมเด็จโต) หลวงปู่เฒ่า วัดค้างคาว หลวงปู่เล่าว่า หลวงปู่ขำท่านสามารถเสกพระให้เต็มวัด เพื่อไล่ขโมย เป่าไม้รวกให้มียันต์อยู่ข้างใน หลวงปู่เหมือนได้ถ่ายทอดสรรพวิชาในสายหลวงปู่ขำ ให้ท่านอย่างไม่มีปิดบัง กล่าวกันว่า หลวงปู่เหมือน ท่านเสกต่อแตนให้เต็มวัดได้ เสกใบมะขามเป็นฝูงผึ้ง เพื่อไล่ลิงได้ รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า วาจาศักดิ์สิทธิ์
    หลวงปู่นามจึงได้รับถ่ายทอด วิชาในสายหลวงปู่ขำหลวงปู่เหมือนมาเต็มภูมิ และยังได้รับสืบทอดให้เก็บรักษาไม้เท้าศักดิ์สิทธิ์ ของหลวงปู่ขำ
    เอาไว้ มีอายุเกือบสองร้อยปี สมัยหลวงปู่ขำยังอยู่ เสกพระให้เต็มวัดก็ใช้ไม้เท้าอันนี้ ทำน้ำมนต์ เสกต่อแตน ไล่ผี แก้คุณไสย เคาะหัวลงกระหม่อม รักษาโรค หรือบอกหวย ก็ใช้ไม้เท้าอันนี้ หลวงปู่ยังได้ไปจำพรรษาอยู่วัดระฆัง หลายหนเพื่อไปศึกษาวิชา โดยท่านได้ฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์ อยู่รับใช้ ท่านเจ้าคุณพระธรรมธาดาจารย์ (หลวงปู่แนบ) กล่าวถึงท่านเจ้าคุณแนบท่านเป็นพระเกจิคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้นมาก ด้วยท่านได้สืบทอดพุทธาคมในสายสมเด็จพระพุฒาจารย์โต เมื่อปี พ. ศ.๒๔๘๕ วัดราชบพิธ ได้ทำพิธีปลุกเสกใหญ่ มีพระเกจิอาจารย์ระดับแนวหน้าของประเทศ อาทิ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงพ่อจาด วัดบางกะเบา หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหืบ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ หลวงพ่อขาว วัดสาวชะโงก อีกทั้งยังนิมนต์เจ้าคุณแนบ ไปอธิฐานจิตในครั้งนั้นด้วย เจ้าคุณแนบรักเอ็นดูหลวงปู่นามมาก สั่งสอนบอกวิชาหลวงปู่ไม่มีปกปิด ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ ยังได้มอบตาฤาษี
    ชึ่งได้รับตกทอดมาตั้งแต่สมัยสมเด็จโต
    ให้หลวงปู่นามเก็บรักษาไว้ ด้วยท่านเห็นว่าศิษย์ผู้นี้ มีบารมีมาก ต่อไปภายภาคหน้าจะเป็นที่พึ่งของสาธุชนทั้งหลาย จากนั้นท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่นาค วัดระฆัง ระหว่างอยู่วัดระฆังท่านสนิทกับเจ้าคุณผัน เจ้าคุณเที่ยง มาก เจ้าคุณทั้งสอง เรียกหลวงปู่นาม ว่า“ หลวงพี่ ” ตลอดมา กลับมาอยู่วัดน้อย ท่านได้ยินชื่อเสียงหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า โด่งดังมาก แม้แต่กรมหลวงชุมพร ยังได้ฝากตัวเป็นศิษย์ ท่านได้เดินทางไปยังสำนัก วัดอู่ทองปากคลองมะขามเฒ่า ฝากตัวเป็นศิษย์ศึกษาเล่าเรียน วิชาในสายหลวงปู่ศุข เกสโร กับหลวงพ่อสำราญ หลายวัน หลวงพ่อสำราญปกติท่านจะดุมาก แต่กลับเมตตาถูกอัธยาศัย กับหลวงปู่ ก่อนจะลากลับ ท่านได้มอบพระพุทธรูปเก่า สมัยหลวงปู่ศุข ให้หลวงปู่มา ปัจจุบันหลวงปู่ท่านยังเก็บรักษาไว้ที่กุฎิของท่านอีกทั้งหลวงปู่ยังมีความสนิทสนมถูกอัธยาศัย กับหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่
    พระเกจิชื่อดังเมืองสุพรรณอีกรูปหนึ่ง ท่านได้เรียนวิชาต่างๆ ในสายหลวงปู่ศุข เพิ่มเติม อีกทั้งยังฝึกวาโยกสิณ เพื่อเสกตะกรุตให้ม้วนเอง และวิชาต่างๆ หลวงปู่ท่านจะมานอนคุยกับหลวงพ่อมุ่ย บ่อยครั้ง เพื่อศึกษาแลกเปลี่ยนวิชากัน
    ส่วนหลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย ศิษย์หลวงพ่อ ปาน วัดบางนมโค ก็มีความสนิทสนมกับหลวงปู่เป็นอย่างมาก หลวงปู่ท่านยังเคยไปอยู่กับท่าน เพื่อศึกษาในสายหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ทั้งยังเดินทางไปมาหาสู่ เรียนวิชากับ หลวงปู่คำ วัดหน่อพุทธางกุล หลวงพ่อโบ้ย วัดมะนาว หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย์ เรื่อยมา หลวงปู่ท่านยังเป็นสหธรรมมิกกับพระเกจิที่มีชื่อเสียงเมืองสุพรรณหลายรูป อาทิ หลวงพ่อจวน วัดไก่เตี้ย หลวงพ่อฮวด วัดดอนโพธิ์ทอง หลวงพ่อดี วัดพระรูป หลวงพ่อปลื้ม วัดสวนหงส์ หลวงพ่อพล วัดวังยายหุ่น ท่านเหล่านี้ล้วนสนิทชอบพอกันดีกับหลวงปู่ ศึกษาแลกเปลี่ยนวิชาบ่อย และยังเคยร่วมเสกพระหลายครั้งด้วยกัน

    ออกธุดงควัตร
    เมื่อท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัย วิชาอาคมต่างๆในด้านพระปริยัติ เป็นที่พอใจแล้ว ท่านจึงได้กราบลาครูบาอาจารย์ ออกปฏิบัติธุดงค์ หาความสงบเงียบเพื่อเหมาะแก่การเจริญพระกรรมฐาน ฝึกจิตเจริญภาวนาปฏิบัติธรรม และฝึกฝนวิชาอาคม ท่านได้เดินลัดเลาะตามป่าขึ้นไปปักกรดอยู่ที่ยอดเขากระเสียว ซึ่งชาวบ้านก็ห้ามท่านไว้ เพราะบนเขานั้นมีงูพิษ และสัตว์ป่าดุร้าย ชุม แต่ก็ห้ามท่านไม่ได้ ด้วยวิชาอาคมของท่าน ในคืนนั้นสัตว์ทั้งหลายไม่สามารถทำอันตรายท่านได้เลย จากนั้นจึงเดินธุดงค์ต่อไปจังหวัดลพบุรี


    หลวงปู่ท่านได้ขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาท ที่วัดพระพุทธบาทราชวรวิหาร จ.สระบุรี
    ได้ปักกลดจำวัดอยู่หลายคืน จากนั้นจึงเดินทางต่อ เข้าสู่ยังป่าเขาใหญ่ ดงพญาเย็น ดงพญาไฟ ซึ่งเมื่อก่อนหลวงปู่เล่าให้ฟังว่า มีเสือ ช้าง งู สัตว์มีพิษ เยอะมากและมีไข้ป่า ภูตผีปีศาจ คุณไสย มนต์ดำ ซึ่งถือว่าพระธุดงค์รูปใด ที่สามารถ เข้าสู่ดงพญาเย็น ดงพญาไฟ แล้วเดินทางกลับออกมาได้ ถือว่าพระรูปนั้น มีวิชาอาคมพอตัว หลวงปู่ท่านเดินทางเข้าไปยังเทือกเขานี้ ได้ปักกลดอยู่หลายวัน สัตว์ป่า อาทิ เสือ ช้าง งูและสัตว์มีพิษต่างๆรวมถึงภูตผีปีศาจคุณไสยมนต์ดำ ไม่สามารถทำอันตรายหลวงปู่ได้ ต่อจากนั้นหลวงปู่ได้เดินทางไปหลายแห่งทั่วประเทศ สมความตั้งใจท่านแล้ว ท่านจึงได้มาจำพรรษา อยู่ที่วัดน้อยชมภู่ ก่อน พ.ศ.2500(หลวงปู่ท่านจำไม่ได้)ต่อจากนั้นท่านได้รับ มอบหมายให้เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาส ในปี พ.ศ.2501
    หน้าที่การปกครอง
    พ.ศ.2506 ได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าอาวาสวัดน้อยชมภู่และเป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พ.ศ.2522 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลวังยาง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี
    พ.ศ.2527 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์
    พ.ศ.2550 ได้รับพระราชทาน สมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอก ที่พระครูสุวรรณศาสนคุณ
    เริ่มสร้างพระในครั้งแรก ปี พ.ศ.2507 ท่านเริ่มทำพระเนื้อดินเผา ชินต่างๆ อาทิ
    พระขุนแผนบ้านกร่าง พระยอดขุดพล เป็นต้น ท่านทำบล็อคเอง ปั้มเอง มวลสารที่ใช้ส่วนใหญ่ใช้ดินแม่น้ำท่าจีน ดินจอมปลวก ดินวัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นต้น ท่านทำไม่มาก ไม่ได้จัดพิธีใหญ่โต ทำเอง เสกเองที่กุฎิ ใครมาขอท่านก็แจกไป มีประสบการณ์มากมาย จากนั้นท่านก็นำเข้าบรรจุไว้ใต้ฐานพระประธานในวิหารบ้าง ในโบสถ์บ้าง แล้วท่านจึงหยุดทำไประยะหนึ่ง เนื่องจากผู้คนมาขอพระ จนท่านไม่ค่อยมีเวลาปฎิบัติธรรม ท่านจึงหยุดทำพระ
    ต่อมาปี พ.ศ.2532 จึงได้หล่อสร้างพระงบน้ำอ้อย เนื้อชินตะกั่วขึ้น เพื่อสืบทอดวิชา ครูบาอาจารย์(หลวงพ่อเนียม วัดน้อย) ท่านหล่อเองเสกเอง จนใช้ได้ ท่านยังไม่แน่ใจ จึงนำไปให้ หลวงพ่อจวนวัดไก่เตี้ย เพื่อเสกให้อีกครั้ง พอเปิดกล่องเท่านั้น หลวงพ่อจวนถึงกับพูดว่า ผมเสกไม่เข้าแล้ว มนต์เต็มไปหมด งบน้ำอ้อยที่ท่านแจก เกิดประสบการณ์มากมาย ทำให้ชื่อเสียงของหลวงปู่ โด่งดังในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี มาจนถึงทุกวันนี้


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://watnoichompoo.com/forums/index.php?topic=14.0<!-- google_ad_section_end -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 มีนาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...