ไสยศาสตร์ฉบับชาวบ้าน..มี.สาระ แบบกันเอง

อย่างเช่น บางคน กล่าวชุมนุมเทวดา

กล่าวเชิญมา แต่ ไม่กล่าว เชิญกลับ นี่ก็ไม่ดี ดังนั้นจะทำอะไร

ทำเกินดีกว่าขาด ของแบบนี้ เขาเรียกว่า ทางตาไม่เห็น

ถ้าไม่ทำก็ไม่ทำเลย ถ้าจะทำให้ทำให้ดี

เห็นหลายคนไปแก้บน จุดธูปแต่ไหว้ ไม่จุดธูป ปักลงในเครื่องเซ่นสังเวย

ปกติ เทพ เทวดา ท่านจะ สังเวยเครื่องเซ่น ด้วย กลิ่นธูป

ไม่ได้ใช้ ช้อน ใช้ ซ่อม กิน แบบคนปกติ..ทั่วไป..

ดังนนั้น ถ้า มี ของเซ่นสังเวย กี่ อย่าง ก็ ปักทุกอย่าง..

หมายถึงชนิด เช่น จานส้มเขียวหวาน ก็ปักแค่ลูกเดียว

 

ไม่เป็นไรครับ

 

ผมเห็นในหนังสือสวดมนต์หลายเล่ม หลายแบบ ที่มีบทเชิญชุมนุมเทวดา แต่ไม่มีบทเชิญกลับเลย ..

 

นั่นแหละครับ..จริงๆต้องมี เชิญกลับ

พระสงฆ์ สวดมนต์ สาธยายพระปริต เชิญเทวดา แล้ว ก็จะเชิญ กลับ

ถึงบอกว่า ทำเกินไว้ดีกว่าขาด..

 

เรียนถามคุณ tang_ คาถานะโมตาบอดนี่ คล้ายของหลวงปู่กวยไหมครับที่ขึ้นต้นด้วย นะตันโต........................
ขอบคุณครับ

 

น่าจะคล้ายกัน มี ๒ บท

บท๑ ใช้เสก เทียนน้ำมนต์ ๓ คาบ ขึ้นว่า นะติตัน....

บท๒ ใช้เสก น้ำมนต์ ๑๐๘ คาบ และภาวนาเสกรดก็ได้
ขึ้นว่า นะติ... เหมือนกัน แต่ สั้นกว่า

คาถา นะโมตาบอด นี้ ยัง สามารถ เสกทรายหว่าน

ป้องกันสารพัดกัน ได้อีก..

 

หลายท่านอาจจะสนใจเรื่องการทำน้ำมนต์
ผมต้องอธิบายก่อนว่า คาถาที่ไม่สามารถบอกกันทั่วไปได้นั้น

จะเป็นคาถาที่ต้องเน้นความขลังอีกขั้นหนึ่งครับ..คือ ขยับระดับขึ้นไป

ผมขอใช้คำว่า ขั้นกลาง ละกัน เพราะขั้นนี้ต้องหวังผลสูง อยากให้สำเร็จ

จึงต้องอาศัยครูอาจารย์ อย่างเช่น ทำน้ำมนต์ ขับไล่ผี หรือ ธรณีสาร เป็นต้น

ส่วนคาถาอื่นๆ ขั้นต้น ใครจะฝึกไว้ก่อน เพื่อ ยกระดับ จิตก็ไม่ยาก

เมื่อก่อนผม เรียนใหม่ๆครู อาจารย์ ก็ไม่ได้ อธิบาย แบบนี้

ผมเข้าใจ ในภายหลัง ..เพราะท่านบอก อธิบาย ก่อน เดวก็ดื้อ

๕๕๕ สมัยนี้ ผม เลยคิด กลับกัน คิดว่า ถ้าคนสนใจ ก็ให้รู้ก่อน

ศึกษากันแบบ ต่อยอด จากประสบการณ์ เอา...

 

""""""""""""""""""""
ผมเข้ามาติดตามอ่านเป็นประจำครับ เป็นกระทู้ที่ให้ความรู้ดีมากครับ...คาถานะโมตาบอด..รบกวนขอแบบเต็มได้ไหมครับ

 

สวัสดีครับพี่คำรณ เดี๋ยวนี้แฟนคลับ สนใจเยอะขึ้นเรื่อยๆ เลยครับ ตามอ่านทุกวัน แต่ส่วนใหญ่เล่นจากมือถือ เวลาโพสตอบไม่ค่อยจะติด หลายครั้งเข้าเลยอ่อนใจ 5555 พี่มีเรื่องเล่าของหลวงพ่อกล่อม วัดป่ากะพี้ เกจิบ้านเรามั้ยครับ ผมว่าหลายท่านลืมหรือไม่รู้จักด้วยซ้ำไป ตำนานปิดตาสายหลวงปู่ทับ วัดอนงค์.....

 

ผมจึงขอเล่าประสบการณ์เก่าๆเกี่ยวกับจิต

ในการเรียนคาถาให้ฟังละกัน

ตอนนั้นเรียน วิชาเมตตา ..ไม่รู้เรื่อง สมาธิ มาก่อนเลย

อาจารย์ ถ่ายทอด วิชา พระพุทธเจ้าเรียกนางพิมพา ให้

เพราะคงเห็น จริต ไปทาง อยากได้เมตตา ใจจะขาด มั้ง ๕๕

วิชานี้ ถ้าจะให้เห็นผล ต้องเอาดินรอยเท้าสาวที่หมายปองมาปั้นหุ่น

ถ้าไม่ได้ ให้เอา เสื้อผ้า ถ้าไม่ได้ เอารูปถ่าย

ผมเพียรอยู่ หลายวัน ๒ อย่างแรก ไม่ได้ หรอก เพราะ

สาวเขา ใส่รองเท้า และ เสื้อผ้าก็ ไม่ได้ เพราะไม่มีโอกาสขโมย..๕๕

เพราะ เข้าห้อง เขายังไม่ได้เลย..ต้องบอกว่า สมัยนั้นราวปี ๒๕๓๘ นะ

ติดต่อกัน จีบกัน ต้องเขียน จดหมาย...แล้วที่สำคัญ

หล่อนคือ นางงาม ระดับท้องถิ่น (นางนพมาศของอำเภอ..ขอไม่บอกว่าอำเภอไหน ๕๕) เราก็มีแค่ รถทหารเก่าๆ..แข่งกับ ระดับ เสี่ยเงินถัง
ผู้กองตำรวจ สารพัด ระดับ

 

ต่อ

สรุปผมได้แค่รูปถ่าย มาทำพิธี

วิธีคือต้องนั่ง ภาวนาจนเทียนหมดเล่ม(เล่มหนักบาท)

อาจารย์บอก ถ้าจิตมันมา เทียนจะกะพิบ ถี่ๆๆๆ ให้ ว่าคาถา มัดเลย

ต้องวางด้าย ดำ แดง ขาว ไว้ใต้รูป ครับ มีคาถามัดอีก

ทำคืนแรก กะเหี้ยน กะหือรือ มาก...ท่องกว่าจะหมดนับ ชม.

สรุป ไม่กะพิบ ครับ..ฟาว ไป เพราะ ไม่ตรงตามตำรา

หลายท่านไม่เคยจุดเทียนหนักบาท นั่งสมาธิก็ลองดูครับ..ว่านานไหม

 

มีแต่ คนรุ่น ปู่ รุ่น พ่อ เล่าให้ฟัง

ท่านเป็น อาจารย์ ยุคเดียวกับ หลวงพ่อทัพ วัดทองเลย นะ..

ปิดตา ท่าน ทำได้ ดีมาก เสียดาย สมบัติของทวดพี่สูญหายไป ซะแล้ว

เหลือเพียง ปิดตา ยันต์ยุ่ง ของทวด ที่ได้มาในเวลาใกล้เคียงกัน

 

สวัสดีครับ พอดีติดตามกระทู้แล้วสนใจครับ เรื่องราวเกี่ยวกับคาถา อาคม ส่วนตัวชอบครับ
แต่ไม่ได้ถือคาถาไรเป็นหลักนะครับ เพราะปกติผมเองก้อสวดมนต์ประจำ บทที่ใช้สวดประจำก้อ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ พาหุงมหากา ชยันโต พระคาถาชินบัญชร และก้อแผ่เมตตา ประมาณนี้ครับ

 

แล้วต่อจากนั้นเป็นยังไงครับ ติดตามอ่านครับ

 

ต่อเรื่องวิชาเมตตา

สรุปผมใช้เวลาเพียร..๕ คืน ไร้ผล

คืนวันที่ ๖ ไม่ตั้งใจนั่งหรอกเพราะ ใจแทบท้อไปแล้ว คิดว่า

ไม่ได้ ก็ดี จะได้ไม่บาปกรรม ๕๕๕

นั่งคืนนั้นประมาณ เที่ยงคืน นั่งไป ภาวนาไป...

มันเกิด จิต ประหลาด ขึ้นมา รู้สึก ตัวเบา ลมหายใจไม่มี

มีแต่ คำภาวนาคาถาที่ขึ้นใจไปแล้ว รู้สึก จิต มันเบาหวิวๆ สุขประหลาด

สุขจนล้น ว่างั้นเถอะ..รู้สึกว่า.ตัวสูง พุ่งออกทะลุหลังคาบ้านไปเลย

(ในความรู้สึกของจิตนะ) ค่อยๆ ลืมตา อย่างช้าๆ แบบไม่อยากจะลืม

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เทียน กะพิบ จน แทบจะดับแต่ไม่ดับ จุดไปได้

ประมาณ ค่อนเล่ม.....เราก็บรรจง ลงไปมัดด้าย ว่าคาถา

อิอัด วัดรัด มัดพัด..ฯลฯ มัดจบ...ปิดตา นั่ง ว่าคาถา ต่อ จริงๆไม่ต้องว่าภาวนาแล้ว แต่ จิตมัน อยากภาวนาไปเอง

จน เทียนหมด เล่ม ไปตอนไหนไม่รุ้....จึง เข้า นอน

อีกไม่กี่วัน หลังจากนั้น นางนพมาศ คนนั้น ก็ มานั่งรถคันเก่าๆปุเรง

ของผม จนเป็นที่อิจฉา ของคนหลายคน.(อยู่ด้วยกันจนเกือบ ๓ ปี..ก็เลิกลากันไป เพราะ เราไม่ได้สร้างมาคู่กัน ๕๕๕) .

ตอนหลัง ถึงรู้ว่า...ถ้า สมาธิ จะเกิด เมื่อ เลิกความตั้งใจ(ที่มากเกิน)

และ ตัวคำภาวนา(คาถา) จะนำไปสู่ สมาธิเอง....อาจารย์ ก็ ยิ้ม

บอกว่า ผู้หมวด นี่ ชอบ เรื่อง สาว น้อ....

เอ้า ก็ ตอนนั้น มัน ยังหนุ่ม นี่น้อ...

สุดท้าย กลายเป็น เหตุ ต่อมาอีก พ่อเขาจะให้ไปเสียผี ให้ได้

ผมก็ไม่ยอม...เขาก็จ้างหมอผี ส่งคุณไสย มาเล่นงานอีก..

แต่ ตอนนั้น ครู คงช่วยผม...เพราะ ตอนหลัง พ่อแอบกะซิบถามลูกสาว

มันมีอะไรดีนักหนาไอ้คนนี้...

จริงๆ ถ้าจะตอบตอนนี้ ผมก็จะบอกว่า ไม่มีอะไรดีหรอก
เพราะที่ทำไป ก็เพิ่มบาปกรรม...

เลยนำมาเล่า สู่กันฟัง...ว่า นั่นคือ จุดเริ่ม เรื่อง จิต ของผม

เป้นไปเพราะ เพียร ในทางที่ไม่ดี(๕๕๕) มันเลยได้ดี
......

 

จึงอยากแนะนำ ผู้สนใจเรื่องนี้ว่า

ถ้าเรามีจุดคำว่า เพียร ความสำเร็จจะตามมา

แต่ ต้องหมายถึง..มันต้องมีแรงจูงใจ อย่างใด อย่างหนึ่ง ไว้ในใจด้วย

มันก็จะเริ่ม ไปทีละขั้นๆ ครับ...

เพราะตอนหลัง อาจารย์ ท่าน ถึง ยอมสอน วิชาอาคมในเรื่องยากๆ

ท่านบอก สอนยากก่อน มันจะหมดกำลังใจ เอาง่าย ไปหายาก

เพราะวิชาเมตตา มันมี แรงจูงใจ ตรง จริต เรา

 

ไม่ได้ ครับ...เพราะ ต้องถ่ายทอด ยกครู ครับ..

ต้องขอ อภัยน่ะครับ..

แต่ผม คิดว่า ของ ลพ.กวย ที่ลงไว้ในบางเวปนั้น

น่าจะใช้ได้ เพราะ..ตัว คาถา คลาดกัน ไปนิดเดียว

 

ขอบคุณครับ............

 

บท...ทุกขัปปัตตา จะ นิททุกขา ภะยัปปัตตา จะ นิพพะยา โสกัปปัตตา...

ลองดูในหนังสือมนต์พิธี หน้า79 บทเทวะตาอุยโยชะนะคาถาดู
ที่ขึ้นต้นว่า...ทุกขัปปัตตา จะ นิททุกขา ภะยัปปัตตา จะ นิพพะยา โสกัปปัตตา...
บทนี้แหละ คือ บทส่งเทวดา

 

แบบนี้เรียกว่า ถ้าเรามีความอยากมากเกินไปก็ต้องละความอยากลง

เพราะว่า ถ้าเรายังอยากมีอยากได้อยากเป็นอยู่ จิตของเรามันก็ยังคงติดอยู่กับอารมณ์ความอยากอยู่ใช่ไหมครับ ?

แต่เมื่อเราปล่อยไปตามอารมณ์ของจิตแล้ว แต่ไม่ใช่ปล่อยจิตออกไปโดยไม่มีที่ยึดเกี่ยว แค่ไม่ต้องหวังมากเกินไปและปล่อยเกินไป

แค่รอรู้ลมหายใจ พอมันสงบทุกอย่างก็เรียบร้อย ส่วนเรื่องกายเบาจิตเบา กายลอยขึ้นทยานฟ้า มันก็เป็นแค่อารมณ์ของขณะจิตที่มันส่งออกเท่านั้น

แต่ ถ้าเราคองมันได้แล้วและปล่อยให้มันผ่านไปโดยไม่ตามจิตคิดตามนิมิตต่างๆที่เกิดต่อไปมันก็ต่อเจริญต่อไปตามสภาวะใช่ป่าวครับ ?

(พูดเอาตามที่ตัวเองเคยผ่านๆมานะครับ มีอะไรผิดอย่างไรก็แนะนำได้นะครับ)