ไสยศาสตร์ฉบับชาวบ้าน..มี.สาระ แบบกันเอง

เพื่อนเล่าให้ฟังนานแล้ว (ขอสงวนรายละเอียดบางอย่าง) งานวันไหว้ครูของหมอธรรมท่านหนึ่งเป็นฆราวาส ลูกศิษย์ที่มามีทั้งพระสงฆ์ทั้งโยม ลูกศิษย์ที่เป็นพระสงฆ์บางรูปไม่อยากเปิดเผยตัวเท่าใดนัก มาร่วมงานแบบแอบๆหลบๆแล้วรีบกลับ หลังจากนั้น เขาว่าพระสงฆ์รูปนี้ไม่ค่อยดัง วัตถุมงคลทำออกมาคนก็ไม่นิยม อาจจะเป็นเพราะแรงครูที่ผสานกับจิตของศิษย์รายบุคคลด้วยมั้งของแบบนี้(เคารพครูอาจารย์ไม่ถึงที่สุด) ส่วนลูกศิษย์รายอื่นที่มาแบบเปิดเผย ไม่กลัวใครจะว่า เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ฆราวาสท่านนี้ เขาว่ากลับยิ่งดังใหญ่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน ท่านผู้อ่านก็ลองพิจารณากันดู
[FONT=&quot]เอามาฝากอีก ที่มา9Mahawed
ห้ามลอดราวผ้า[/FONT][FONT=&quot] ทั้งชายหญิงตากเสื้อผ้าไว้ อย่าเข้าใกล้
ลอดราวผ้า คุณมนต์ที่เล่ามาจะเสื่อมสิ้นสุดกำลัง[/FONT][FONT=&quot]
ห้ามกินของเหลือ ทั้งเหลือไว้กินทีหลัง ซากเก่าของเขานั้น
อย่าได้หวังนำมากิน อาคมจะรู้สิ้นอย่าถวิลใช้ยินยล
ห้ามกินผักปลั๋ง ทั้งลื่นรั่งหลุดไถล เสื่อมฤทธิ์หมดเวทไสย
มนต์หลุดไหลออกจากตัว บ่คงกระพันในศาสตรา
ห้ามกินฟักเขียว เรื่อยยอดลอดร้านนั่ง ประดุจดังทรงเพศหญิง
นมนวลชวนใคร่ค่า หากนำพาเสื่อมไสยเวท
ห้ามกินมะเฟือง ลอดมะเฟือง เสื่อมคุณมนต์
เหมือนเครื่องทรงสตรีเพศ นั้นเป็นเหตุให้หมดอาคม
ห้ามกินพลูมีปลาย ให้เด็ดปลายก่อนทุกที
ดุจพระนางจามเทวี เสื่อมเวทตรีพญามนต์
ห้ามลอดต้นกล้วย ปกงำเครือแลหัวปลี
ไม้ค้ำหมดราศี ไร้เวทไสยไท้มนตรา
ห้ามกินข้าวงานแต่งงาน อีกข้าวน้ำทั้งงานศพนี้
ไอข้าวของซากผี เสื่อมฤทธีในบัดดล
ห้ามลอดเงาปราสาท ตั้งเรือนร่างตอนเผาศพ
พญามนต์จะถูกกลบ จ่ามนต์ลบให้เสื่อมสูญ
ห้ามคนมาเล่นหัว จับถูกหัวต้องศีรษะ
เลกยันต์มนต์หลุดละ เสื่อมสละพระเวทตรี
ห้ามตกไปในที่ต่ำ ห้ามเหยียบย้ำในที่สูง
รู้ที่ต่ำนั่งที่สูง อย่าย่างข้ามเหนือครูยา
ห้ามหญิงขึ้นข้างบน จะเสื่อมมนต์ในทันที
บ่พิทักษ์รักษาดี เวทวิ่งหนีออกกายา
ห้ามพูดปดคดมดเท็จ วาจาเล็ดลอดเพ้อเจ้อ
ส่อเสียดเหยียดละเมอ วาจาสิทธิ์หมดฤทธี
ห้ามถ่มน้ำลายคายน้ำหมาก ลงที่ต่ำน่าบัดสี
คอห่านส้วมขับขี้ หมดวาทีในพระมนต์[/FONT]
[FONT=&quot]
[/FONT]

 

ขอบคุณสมาชิก ไสยฯฉบับชาวบ้าน ที่แวะเวียนมาสนทนากัน จริงๆมีเรื่องหลากหลายที่ผมอยากจะพูดคุย เล่าสู่กันฟังแบบปูเสื่อ นั่งแคร่ เรื่องราวแบบนี้ มันต้องสะสม ปสก. จริงมาพอควร สมัยก่อนผมไม่มีเรื่องเล่ามากมายเพราะ ปสก.น้อย พอมาถึง ณ ปัจจุบัน ผ่านร้อน หนาว เข้าศึก สงคราม มาแล้วมันเลยพอมี ปสก. ตรง
ผมอยาก บอกว่า วิชาไสยฯ นี้ มันมีทั้ง จริง เท็จ มีรายละเอียด ศึกษากันไม่จบสิ้น แต่ข้อสรุปผมคือ หากใครต้องการดีทางไหน ให้เอาซั้กทาง ให้ทะลุปล้องไป อย่าให้ติดขัดคาใจ ผมพอเข้าแนวเผชิญหน้า เข้าหาอาวุธ ต้องหยุดเมตตา ตั้งจิต เป็นพญาราชสีห์ ว่าร่ายมนต์จนขนพองสยองเกล้า ไม่มีเกรงกลัว อาวุธใดๆ พอสิ้นกิจนั้น เราเข้าสู่ทางปกติ ก็วางจิตลงเป็นกลางๆ วางเมตตา ธาตุ น้ำ นำหน้า ไม่หาเรื่องใคร ทำมาหากินเลี้ยงชีพโดยชอบไป
พูดถึงเรื่องเครื่องราง ของขลัง ผมนั้น จะใช้เฉพาะพิสูจน์ทางครูบาอาจารย์ ที่ท่านปลุกเสกมาแล้ว เท่านั้น เพราะเคยมี ปสก. สายขลังด้านกันอาวุธ ผมลองมาด้วย 11 มม. กระจุยหมด เพราะเสกไม่ดีจริง ไอ้ที่ดี มีอยู่ แชะๆๆไม่ดัง หรือ ดัง ก็ตั้งเฉย ไม่โดน ผมก็เอาไว้ใช้ นี่หมายถึงตัวผมเองนะ เพราะครูผมว่า ของดีต้องลองได้สิ ขนาดของครูผม ก็โดนผมลองซะกระจาย ท่านก็ว่า เอ้า เสกกันใหม่ นั่น แหละของแท้ ผมจึงไม่นิยมเอาของบูชาทั่วๆไปมาใช้เพราะไม่มั่นใจ เหมือนแบตรถแหละเอามาใช้งานไม่มีเครื่องชาติ มันก็เสื่อม ผมถึงบอกว่า บางสายอาจจะปลุกเสกดี ณ เวลานั้น แต่กาลเวลา จะเสื่อมลง เพราะไม่ได้อัดพลังต่อ หากใครเถียง ลองก็ได้ครับ อย่าเสียดายของ เว้น พระอริยะ ใช้จิตสมาธิ ขั้นสูง ปลุกเสกให้ครับ ฆราวาสอย่าหวังหากไม่ดีจริง เสื่อมได้จริง
การปลุกการเสก มีรายละเอียดเยอะครับ คร่าวๆ ตั้งแต่ อัญเชิญครู-พิทธุปาก-พิทธุน้ำมนต์-ว่าคาถา โอ้โลม ปฎิโลม จนจิตวางธาตุได้ตามที่เน้น-ว่าครบ 108 จบ- คลายพินธุ โห สารพัดละเอียด จริงๆ ผมถึง มุ่งมั่นนำตัวคาถามาเรียนเองใช้เอง นี่คือเหตุผลหลัก
ลป.รุน ท่านสอน ทำตะกรุดครบสูตร ผมก็ทำ เอง ลงเอง ลองเอง ให้ลูกน้องยิง จริงๆตามสูตรต้องไม่ดัง นี่ดังแต่ไม่โดน อ้าว จิตยังไม่ดีพอก็เอาไปให้ท่านปลุกเสกต่อ ก็ดีเหมือนตำรา ไม่ดังแฮะ ใช้ได้ ทำมาให้ท่าน 10 ดอกเอง มีคนมาขอบูชาท่านหมด ผมไม่ได้เก็บไว้ซั้กดอก เพราะ มีในพุงเราแล้ว จะพกไปทำไม
สมัยนี้ เลยกลายเป็น วิชาไสยฯ หลอกกันซะเยอะ ปลุกเสกขาย 7-11 ก็ได้ อย่าไปหวังอะไรกันมากเลยครับ มัน ไปตามกระแส อยากได้ของจริง เรียนเอง ทำเอง ใช้เองเถอะ อ้อถ้าใครคิดว่า ทาง วัดนั้นวัดนี้ ดี ถ้าท่านดีจริง ก็ไปเถอะครับ แต่เคล็ดมีอยู่นิด ว่า ให้ท่านมอบให้กับมือ หรือจาร ให้ซั้กนิดสิ รับรองจะดีมากครับ เพราะมันจะเหมือน เราได้ประสิทธิ จากท่าน เหมือน ของใช้ที่เป็นของเราโดยตรง มันจะได้ประสิทธิผลดีตรงๆครับ
ในช่วงเข้าพรรษา ผม เน้น ด้าน สมาธิ วิปัสนาครับ เหมือนท่านสมาชิกแดนไกลว่า ยอดเจดีย์คือ ทองคำครับ ก็กำลังเดินทางไปต่ออย่างค่อยๆไป แต่นั่นคือหลักชัยชาวพุทธครับ
ว่างๆก็จะมาคุยกันใหม่ครับ

 

แนวทางที่ท่านเจ้าของกระทู้บอกมา ถูกใจผมยิ่งนัก
เราไม่ได้คิดว่าเราจะเก่งเกินใคร แต่อยากทำได้เอง...

คาถาของหลวงปู่รุน หนังแห้ง ที่ท่านเสธฯ เคยบอกไว้
ผมยังใช้อยู่เสมอครับ และยังระวังไม่ผิดข้อห้ามที่เตือนไว้

ว่าแต่...อยากได้ตะกรุดจังครับ

 

ส่งที่อยู่ให้ผมเลยครับ
ถ้าอยากก็จะให้ครับ
...หมายถึง คนโคกว่าน นะครับ เพราะ ผมไม่มีแจกมากขนาดนั้น ถือว่า ท่านเปรยมา ก็จะให้ครับ

 

สวัสดี ครับ พี่เจ้าของกระทู้

ผมอยากทราบว่าหมอรักษากระดูกที่พี่ไปครอบครู ที่ จ.ลพบุรี ท่านรักษาแบบไหนครับ คือใจลึกๆแล้วก็สนใจแนวการรักษาแบบนี้อยู่ครับ เพราะทุกวันนี้นับวันแทบจะไม่มีให้เห็นแล้วครับ ส่วนใหญ่ก็ส่งโรงพยาบาลกันหมดครับ

ขอบคุณครับ

 

ใช้วิธี เสกน้ำมันมะพร้าว(แท้ๆห้ามปน) ทา แล้ว เป่าประสานกระดูกครับ อย่างเร็ว 3 วัน อย่างช้า 7 วัน
ถามคนที่ท่านทำมาไม่มีใครไม่ติดครับ ขนาดกระดูกแตก เลือดโชกมา แต่ด้วยศรัทธา ผู้ป่วยบอกยอมตายที่บ้านหมอ แกก็ทำให้ จนเดินได้ ก็แปลกอยู่ครับ ไม่มีเฝือก ไม่มีพันผ้า ท่านบอก แต่ต้องยกครูตามที่กำหนด ถ้าหายแล้วก็ต้องมาส่งครูด้วยเช่นกัน
ท่านชื่อ หมอพาน อยู่ ต.ซับตะเคียน อ.ชัยบาดาล ลพบุรี ครับ

 

ขอบคุณท่านเสธฯสำหรับความรู้ ที่ข้าพเจ้าเคยเห็นมาทางภาคอิสาน หมอที่รักษาแบบน้ำมันเขาจะเรียนคาถาต่อกันไว้ภายในครอบครัวของเขา เมื่อจะรักษาจะบอกให้ผู้ป่วยซื้อนำมันพืชมาเอง เอามาแบ่งใส่ขวดเล็กมาก็ได้ เมื่อคนที่มีคาถาเขาเสกให้แล้วเอาไปทา เมื่อหายแล้วให้เทน้ำมันที่เหลือทิ้ง เวลาส่งครูนี่จะใช้การตอบแทน ด้วยอะไรก็ได้ ของกินก็ได้ แต่ผู้ป่วยก็ไม่ค่อยอยากจะมากัน บางคนก็ลืม บางคนก็อาย ดูโดยรวมของการรักษาแล้วเหมือนเป็นจิตวิทยา อย่างหนึ่ง

 

ลุงของข้าพเจ้าเมื่อตอนบวชแกก็จารเองลองยิงเอง เพราะตำราเขาบอกให้เสกด้วยตนเอง ทำได้เองแล้วมั่นใจดีนะ

 

ขอบพระคุณท่านเจ้าของกระทู้มากๆเลยครับ
ผมส่งที่อยู่ให้ใน PM

จีวรของครูบาบุญชุ่มที่ท่านเคยแจกผมก็ติดกระเป๋าตลอดเช่นกันครับ

 

ขออนุญาตเขียนไว้อีกเรื่อง เพราะยังเขียนไม่ครบถ้วน เรื่องนี้เป็นเหมือนเส้นผมบังภูเขาจริงๆ คือคนที่ผิดครู หรือพลั้งเผลอเพราะความแก่ชรา เดินลอดราวผ้าถุง ผ้าซิ่น ผิดครู ผิดวิชาอาคม ทำให้มีอาการแปลกๆ ลูกหลานไม่ทราบก็จับส่งโรงหมอ หมอก็ว่าไปตามเรื่องคนธรรมแตก จะเป็นบ้า ญาติต้องจับไปแอบล่ามโซ่ไว้ในบ้าน บางคนสักเสือเผ่นมา หน้าหนาวต้องตบหน้าอกจนปอดจะแตกเอา อาการสั่นถึงจะหาย บางคนหมอก็ระบุว่า โรคชราบ้าง อัลไซค์เมอร์บ้าง น่าเห็นใจมากๆ ทั้งๆที่คนมีวิชาบางคนเคยรักษาโรคหรือช่วยชีิวิตคนในหมู่บ้านมาก่อน เขาบอกว่าแก้เคล็ดง่ายๆด้วยน้ำมนต์ใส่ฝักส้มป่อย 7ข้อหรือเจ็ดเม็ด 7ฝัก ถ้าทำไม่เป็น หรือถ้าจะให้ดีต้องเดินทางไปทางภาคเหนือ พาญาติที่เป็นอาการแปลกๆ ผิดครู ผิดวิชานั้นไปอาบ น้ำมนต์ส้มป่อยหลวง ก็จะมีอาการ ดีขึ้นกว่าเดิม วิชาอาคมก็จะกลับมากล้าแข็งขึ้นด้วย ง่ายๆ ไม่ต้องตกใจกลัว หรือเอาไปส่งโรงหมอ โรงพัก ก็ขอฝากเรื่องนี้เอาไว้ด้วย ขอบคุณ

 

สวัสดีครับ พี่แตง พอดีผมได้เซิซ เจอข้อมูลนี้ เพราะคิดถึงลุง น่ะครับ เลยพิมพ์ชื่อลุง ลงไป ผมเป็นหลาน ของ พ.อ วิโรจน์ ฝางแก้ว เองครับ
ลุงเป็นทหารม้า ตอนอยู่ ม.พัน10 ที่น่าน ผมก็เคยไปอยู่ช่วงปิดเทอม ตอนนั้น ลุงเป็น รอง ผบ. ยศ พันโท ผมไม่เคยถามลุงเรื่องเครื่องบินตก จากปากแก แต่ แม่ชอบพูดให้ฟังบ่อยๆ เรื่อง เครื่องตก แล้ว ลุงแกรอด แม่เล่าให้ฟังว่า ลุงบอกว่าไม่มีอะไรกิน ตอนเครื่องตก ต้องกินข้าวลิง ผมก็งง ข้าวลิงของลุง แม่บอกว่า คือกล้วยป่านั่นเอง เรื่องนี้ แม่บอกลงข่าวหน้าหนึ่ง หนังสือพิมพ์ด้วย บ้านผมเป็นทหารทั้งฝ่ายพ่อและ แม่ ฝ่ายพ่อผมก็ เป็นคุณอา พ.อ.พิเศษ สมนึก รักรุ่งเรือง ตอนนี้ท่านเสียแล้ว ตอนเด็กๆ ผมขโมยพระท่านที่ห้องพระประจำ (นิสัยเสียมาก) บ้านทหาร ห้องพระแทบจะใหญ่กว่าห้องนอน พอดีผม สนใจและใฝ่รู้ด้าน พระคาถา พอดี เลยอยากฝากตัวด้วยน่ะครับ ผมเป็นหลานลุง ชื่อ จ๊ะเอ๋ (น่ารักมั๊ยครับ) แต่ ตอนนี้เปลี่ยนชื่อเป็น มะเต แล้วครับ เพราะผมเชื่อเรื่องตัวเลขด้วย ผมไม่ได้เจอลุงเลย รู้แต่ว่า ลุงอยู่ที่ กองพลทหารม้า ที่เพชรบูรณ์ ก็ไม่ได้เจอลุงอีกเลย มาเกือบ 20 ปีแล้ว ลุงผมเป็นเขย เจ้ากรมสื่อสาร สมัยนั้น ของดีคงมีเยอะ
ผมจำได้ ลุงไปลุย พวก ผกค บ่อยๆ อ่านที่ พี่แตงเล่าแล้ว คิดถึงลุงมาก ต้องหาโอกาสไปเยี่ยมท่านบ้างแล้ว จำได้ลุงเคยถูกหวย หลายแสน ตอนเด็กๆ ได้เงินมากินขนมเยอะเลย ขอบคุณที่พี่แตง ระลึกถึง ลุงผมครับ ขอยืนยันเรื่องนี้ ผมไม่ได้ถามแม่เรื่อง ลุงห้อยพระอะไร แต่เครื่องบินตกแล้วท่านไม่เป็นไร คือเรื่องจริง พันเปอเซน ครับผม

 

อีกนิดนึงครับ พี่แตง (ขออนุญาติเรียกพี่นะครับ จริงๆ น่าจะเป็นน้า เพราะเป็นรุ่นน้องลุงผม แหะๆ) คือ ผมเริ่มสวดมนต์ มาได้ซักพักนึงแล้ว ตอนนี้ผมอายุ 36 ปี ครับ แต่บทที่ผมสวด ผมไม่ทราบว่า ตัวพระคาถา ถูกต้องหรือไม่

ที่ผมสวด ก็จะมีหลักๆคือ

พาหุงมหากา
ชิณบัญชร
ยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎก


ผมอยากทราบ พระคาถาที่พี่แตงสวด และ วิธีการต่างๆ รวมทั้งตัวพระคาถา จากพี่แตงได้มั๊ยครับ เพื่อความถูกต้อง ผมอยากได้คาถาจากคนที่ผมนับถือและรู้จริงน่ะครับ เพราะ บางคาถาผมก็อ่านเอาจากในเน็ท ขอบพระคุณพี่แตงล่วงหน้าด้วย ไม่ทราบว่าพี่แตงได้บอกไปใน กระทู้นี้รึยังเพราะผมอ่านถึงหน้า สิบกว่าๆเองครับ กำลังจะอ่านต่อไปให้จบ ขอบพระคุณครับผม

 

จริงๆการสวดมนต์นั้นจุดประสงค์หลักคือ บูชาพระรัตนตรัย แต่ผลที่ได้ตามมานั้นหลากหลาย แต่ที่แน่ๆคือด้านสมาธิ เพราะจะทำให้จิตสงบ จิตถูกกล่อมเกลาลง ส่วนบทสวด ก็แล้วแต่จะมีเวลามากน้อยแค่ไหน แต่บทสวดหลักต้องยึดหลักตามหนังสือ เจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน เพื่อให้ถูกต้องตามหลักพุทธ ส่วนบทเสริมแล้วแต่สายที่ชอบ นั่นคือแนวทางหลักครับ

 

ขอบคุณมากครับผม ฝากเนื้อฝากตัว กับเพื่อนๆ พี่ๆทุกคนด้วยนะครับ ผมน้องใหม่ด้านไสยเวทย์ (deejai)(deejai)(deejai)

 

พี่เจ้าของกระทู้ครับ คาถาของหลวงปู่รูน มีข้อห้ามด้วยเหรอครับ ผมตามอ่านถึงแค่หน้า 40 กว่าๆ หลายปีมานี้ไม่ได้ตามเลย เพิ่งกลับมาดูไหลไปเป็นร้อยหน้า ตกรถแล้ว

 

ดันกระทู้หน่อย มะคืนดูรายการหมอปลาไปรัษาคนมีอาการเหมือนผีเข้าทีเดียว3คนพร้อมกัน แม่ ลูกชาย ลูกสาว แก ก็ทำตามวิธีของหมอปลา พอถึงคิวลูกชาย ซึ่งมีประวัติไปสักมา แกต้องไล่ผีด้วย และใช้คาถาถอนด้วย จากอาการที่ดูน่ากลัว จนกลับมาเป็นปกติ ทั้ง3 คน มีใครพอรู้ไหมคับ ว่าใช้คาถาบทใดบ้าง

 

ตามอ่านมานาน
ได้รับเรื่องราวดีๆมากมาย.....

อยากฟังเรื่องเกี่ยวกับ เมตตา
เพราะ ทำงาน เจอคน
บางทีก็มีอุปสรรค จากคน
ที่ มักตั้งแง่...

มีของดีไหน พอแนะนำบ้างครับ

 

สวัสดีค่ะ เป็นน้องใหม่ในเพจนะคะ
มีปัญหาคือตอนนี้แฟนโดนคนท่องคาถามนต์ดำให้ถอนใจถอยห่างจากเรา
รบกวนผู้รู้ช่วยบอกเรื่องคาถาถอนมนต์ดำ และคาถาที่ทำให้ใจเค้ากลับมาเหมือนเดิมค่ะ

 

สวัสดีครับผมพึ่งไล่ตามอ่านถึงหน้า52เอง กลัวไม่ทันขบวน เลยแวะมาสวัสดีก่อนครับ ฝากตัวด้วยน่ะครับชอบเรื่องราวแนวนี้มากครับ ติดตามครับผม

 

คาถาบทนี้ผมท่องประจำจนขึ้นใจเลยครับ ก่อนเอาพระเครื่องคล้องคอ