ไสยศาสตร์ฉบับชาวบ้าน..มี.สาระ แบบกันเอง

ยะธาพุทโมนะ อาปามะจุปะ

 

ขอบคุณอาจารย์ศนิวารมากครับที่กรุณา

คาถาบทเต็มผมได้มาจากเว็บ Watkositaram ของหลวงพ่อกวย
อ่านแล้วชอบใจ เพราะมีบทพิสูจน์คือเสกเกลือจนหวานหรือจืดครับ

 

ว่ากันว่า..ของดี..คนดี...มีศีล...มีธรรม..จึงดี! เป็นสัจจะ!สิ่งเหล่านี้เหมือนกุศโลบายจะไปยึดถือมากก็ไม่ใช่...สิ่งสำคัญคือการฝึกจิต! สมถะกรรมฐาน...วิปัสนากรรมฐาน...
เป็นตัวแปรของสิ่งต่างๆ...ความมหัศจรรย์เป็นของแถม! พระทรงวิทยาคุณ ท่านก็ปฏิบัติธรรมดาๆ..!! ครูอาจารย์ต่างๆก็ใช้มนต์คาถา..จากพระคัมภีร์พระปริตร! มาปรับใช้ในสังคมวัฒนธรรม...ก่อเกิดรูปแบบในความศักดิ์สิทธิ์!! ผ่านอักขระ..ตัวขอม..ตัวลานนา..ตัวธรรมลาว...ตัวพม่า..ตัวมอญ..ตัวไทยใหญ่! ดั่งนั้น!ศรัทธามาจากความเชื่อ ครูอาจารย์มักสอน...ของขลังมีจริง!! ถ้าจิตจริง!!
แต่ทุกอย่างก็เท่านั้น..ขลังไม่ขลังก็ต้องตายเท่ากันจริงไหม...
คงแต่บุญบาป..ผ่องใสขุ่นมัวเท่านั้นที่จะตามติดตนไป..ทำดีได้ดี..ทำชั่วได้ชั่ว
วอนขอพระ วอนขอเทพ วอนขอผี ก็ไม่ต่างกันในการขอ!จงเป็นผู้พัฒนาตนเองพ้นการขอ..ฝึกตนเองให้ได้ จึงเรียกว่าดี...

 

น่าอิจฉาจังเลยคับ....เป้นบุญที่ได้กราบได้พบท่าน..สาธุคับ
แต่น่าเสียดายประคำกับด้ายแดงเนาะ 555 แต่ถ้าวาสนายังเกื้อหนุนมีบุญเกี่ยวพันกับท่าน..สักวันเราอาจได้อะรัยที่ดีกว่าของเดิมก้อาจเป็นได้...ของบางอย่างเมื่อยังไม่ถึงเวลาและไม่ใช่ของๆเราดิ้นรนตามหาไขว้คว้าเลือดตาแทบกระเด็นก้ยากที่ได้จะได้มาครอบครอง...เนาะเนาะ แต่พี่ยังดีกว่าผมเยอะ!ที่ได้เข้าไปกราบท่านแสดงว่าวาสนายิ่งมีอยู่มาก 55 รออีกนิ๊ด!! ของดีมักตามมาตอนท้ายๆ...

 

ผมเคยอธิษฐานไว้ตอนหน้าถ้ำครับ ดีใจที่พี่ใจดีในนี้ได้มอบจีวรครูบาตอนเข้านิโรธให้ ผมพกติดตัวครับ วันนั้นเลยขอให้ท่านอธิษฐานจิตให้ครับ

พี่ลองไปพม่าสักครั้งครับ ที่จังหวัดเชียงราย เเวะไปเที่ยวเเม่สาย เที่ยวเชียงเเสน ล่องน้ำโขง เเละไปกราบครูบา วัดท่านน่าจะอยู่ไม่ไกลนะครับ ผมต้องถามเจ้านายที่เคยนำขบวนไปส่งท่านอะครับ เขาไปบ่อยครับ

หากไปทั้งทีเกจิอาจารย์ที่อยู่ใกล้ๆเเม่สาย ก็มี หลวงพ่อวิชัย วัดถ้ำผาจม ครูบาเหนือชัย วัดถ้ำป่าอาชาทอง เเละครูบาเเสงหล้า ครับ เเละก่อนถึงเเม่สายก็มีพระอาจารย์พบโชค วัดห้วยปลากั้ง เจดีย์สวยมากครับ ส่วนครูบาอริยชาติ ออกไปทางเเม่สรวยครับ

 

กระทู้เงียบกริบเลยเหงาจัง55 อาจารย์สงสัยภารกิจรัดตัว ช่วงนี้พวกเราเลยไม่มีคาถาแจ่มๆได้ฝึกฝนวรยุทธ์กัน บ้านเมืองก้ร้อนเป้นไฟ...ขอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี..
ด้วยพระบารมีของพ่ออยู่หัว...
พี่พี่คนไหนได้ลองใช้คาถาที่อาจารย์ได้แนะนำไปแล้วมีประสบการณ์บ้างคับ นำมาเล่าให้กันฟังมั้งเน้อ!! 55 จะได้เป้นแรงบันดาลใจให้น้องๆและคนข้างหลังที่เข้ามาอ่านมีกำลังใจในการปฏิบัติและสืบสานสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป...ขอบคุณล่วงหน้านะคร้าบบผม...

 

ช่วงนี้ กระทู้ เงียบไป เพราะ ผมเองก็วุ่นวาย ไม่น้อย กับ เหตุการณ์บ้านเมืองเราครับ...

นี่คือ เหตุปัจจัย แห่งการปกครองที่ บกพร่อง ในทางศีลธรรม ไม่มี ความจริงใจซึ่งกัน และกัน ย่อมทำให้สังคม เสื่อมถอย วุ่นวาย...

หาก นำ แนวทางของพ่อหลวง ไปใช้ สักน้อยนิด ผมว่า บ้านเมืองเรา จะน่าอยู่ มากกว่านี้ ...ความเจริญใดๆ ในโลก ก็สู้ความเจริญด้านจิตใจคน ไม่ได้ ครับ...

ทุกวันนี้ ..นักการเมืองของไทย ที่มีอำนาจในการปกครอง มีอำนาจในการกำหนดนโยบาย คงมีแค่ ๒ กลุ่ม คือ กลุ่มเลวมาก กับ กลุ่มเลวน้อย...จึงพาให้บ้านเมืองวุ่นวายปั่นป่วน ..เมื่อผลประโยชน์ไม่ลงตัว...หาใช่ มาจากความจริงในจิตใจประชาชนครับ...

 

เห็นด้วยครับ ผมว่าควรเลือกตั้งทุก2 ปีทุกระดับชั้นครับ ประชาชนจะได้เป็นเจ้าของอำนาจที่แท้จริง

 

สวัสดีครับ พี่คำรณ และพี่ๆ น้องๆ ชาวพลังจิตทุกท่าน
ผมก็เป็นคนอุตรดิตถ์ครับอยู่ อ.ท่าปลาครับ ผมมีเรื่องอยากสอบถามสองเรื่องครับ เรื่องแรกคือ ผมคิดว่าตัวผมเองเคยโดนผู้หญิงทำของใส่สองครั้งครับ ครั้งแรกผมเคยไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดทางภาคเหนือ ปกติผมจะชอบดูดวงเวลาที่ต้องตัดสินใจทำอะไร เผอิญวันนั้นผมมีเวลาเลยแวะดูดวงกับหมอดูคนหนึ่ง เป็นหญิงวัยน่าจะประมาณ 40-45 ปี ตอนดูเสร็จไม่รู้เขาคิดยังไง เขารินน้ำให้ผมดื่มแก้วนึง ตอนนั้นผมก็ปฏิเสธ เพราะตามเซ้นท์มันบอกว่าไม่ควรดื่ม แต่เขาคะยั้นคะยอให้ดื่มบอกว่าไม่ต้องกลัวว่าจะทำของใส่หรอก พอเจอคำพูดนี้ผมก็เลยดื่มไปตามมารยาท แต่ตอนขับรถกลับจากวัดไปบ้านไม่รู้ทำไมใจมันยังนึกถึงหน้าหมอดูนั่นอีก ผมเป็นแบบนั้นอยู่หลายวันครับ แต่ผมก็มีสตินะ ยังเล่าเรื่องพวกนี้ให้แฟนฟัง แฟนยังแซวว่าไปทำอะไรให้สาวแก่แม่ม่ายติดใจ หลังจากนั้นอีกประมาณครึ่งปีผมก็มีโอกาสลงไปทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านพลังงานให้กับบริษัทแห่งหนึ่งในจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งผมต้องเข้าออกบริษัทนั้นอยู่หลายวัน จนวันที่งานผมใกล้เสร็จเจ้าของบริษัทก็พาผมไปตรวจวัดการใช้พลังงานที่ฟาร์มของเขา และวันนั้นพี่สาวของเขาก็เตรียมก๋วยเตี่ยวไว้ ให้ผมกับน้องอีกคนที่ไปกับผม ผมก็ปฏิเสธที่จะทานเพราะตอนนั้นผมเองก็ไม่หิว และก๋วยเตี๋ยวที่เขาทำไว้ ก็อืดจนเส้นบวมไม่น่าทาน อีกอย่างผมก็ไม่ค่อยจะทานของคนแปลกหน้าอยู่แล้ว แต่พี่สาวเจ้าของบริษัทก็พยายามคะยั้นคะยอให้ผมทาน บอกว่าทานแค่คำเดียวก็ได้จะได้ไม่เสียน้ำใจ ผมเลยต้องจำใจทานไปหนึ่งคำ เขาก็พาผมไปตรวจงานตามปกติ ประมาณว่าภาระกิจเขาลุล่วงไปแล้ว ตอนขับรถกลับจากบริษัทผมก็ยังคุยเรื่องก๋วยเตี๋ยวกับน้องที่ไปด้วยกันว่าสงสัยเราโดนเขาทำของใส่แน่เลย แต่คราวนี้ผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไรผิดปกติครับ ผมเลยอยากถามว่า ถ้าผมเจอแบบนี้ ต้องทำยังไงดีครับ คือตอนนี้ผมก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรที่มันแปลกๆ แล้วละครับ ปกติผมก็สวดมนต์หรือนั่งสมาธิบ้างถ้ามีเวลา แต่ผมจะดูลมหายใจและภาวนาพุธโธตลอดที่มีสติครับอันนี้เคยฟังธรรมมะหลวงพ่อท่านบอกว่าท่องพุทโธไว้ปลอดภัยทุกที ผมก็ท่องเรื่อยๆ เพราะต้องขับรถไปต่างจังหวัดบ่อยๆ

ส่วนเรื่องที่สองอยากถามว่า ผมได้รับแก้วใสขนาดเท่าหัวแม่มือ ลักษณะคล้ายๆ ตัวนกมาจากแม่ให้เก็บไว้ แม่บอกว่าแม่เก็บได้ในไร่ตอนแม่ทำไร่ถั่วนานมาแล้ว แก้วที่ว่านี้อยู่ในรังของนกคุ้มที่อยู่บนดินครับ ถ้าส่องดูกับไฟจะมีแสงเป็นรุ้งอยู่ด้านใน ไม่ทราบว่าพี่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้หรือเปล่าครับ แล้วเขามีคาถาปลุกเสกของพวกนี้ไหมครับ

ขอบคุณครับ

 

(ขออนุญาติอาจารย์บอกเล่าเรื่องราวที่พอรู้นิดหน่อยนะคับ....)ส่วนรายละเอียดค่อยให้อาจารย์มาขยายให้ฟังอีกที...

ขออนุญาติบอกเล่าในสิ่งที่ตัวเองพอรู้อยู่บ้างแค่หางเขียดตัวน้อยๆนะคับพี่...โบราณว่า"แสง" คือ..คำเรียกแร่ทนสิทธิ์ที่เกิดจากพืชและสัตว์! ดังเช่น แสงนกคุ่มเรียกว่า.."(คดไข่นกคุ้ม)"... แสงบะหนุนเรียกว่า"(คดขนุน)".. แสงบะขามเรียกว่า"(คดมะขามทองแดง)"แบบนี้เป็นต้น....
คำว่า"แสง" หรือที่ทางภาคกลางเรียกว่า"คต" เช่น แสงไม้บง(คตไม้ไผ่),แสงแก่นหนุน(คตขนุน),แสงอ่องออหมา(คตหมา)แปลเป็นภาษากลางก้คือสมองหมาคับผม ,แสงต่อ(คตต่อ),แสงงัว(คตวัว),แสงควาย(คตควาย) และท้ายสุด"แสงนกคุ้ม"ที่คาดว่าพี่มีไว้ในครอบครองนั้นแหละคับ!! ทั้งหมดนี้จะมีลักษณะและพุทธคุณ แตกต่างกันออกไป...โบราณท่านว่า! "แสง"ลูกใด มีลักษณะดั่ง"ไข่นกคุ้ม" วรรณะส่องแสงเข้าในชื่อว่าแสงนกคุ้ม มีไว้ชุ่มเย็น ไฟบ่ไหม้ มีไว้ยังเรือนชุ่มเย็นใจ มีโชคลาภ ข่ามอาวุธมีคมและไฟ...แสงนกคุ้ม ก็เช่นเดียวกัน ให้เอาเผ่าปืนบ่าแต๊บ(ปืนแก๊บ)มาแบ่งเป็น 2 กอง ให้ห่างกัน 2 นิ้ว นำแสงนกคุ้มวางไว้กลางเผ่าแล้วจุดไฟเผาเทอะ แสงแท้ไฟจักไหม้กองที่เราจิไฟเผา ส่วนเผ่าแถมกองนั้นบ่ไหม้....

ถูกผิดยังงัยก้คงต้องรออาจารย์และพี่พี่ที่รู้จริงมาอธิบายให้อีกทีเต๊อะเน้อปี้จาย..

 

ขอบคุณ คุณอนาคินร์ ที่ให้ความรู้เพิ่มเติมครับ ผมลองเข้าไปค้นหาในกูเกิลโดยใช้คำว่า แสงนกคุ้ม ก็พบว่าจะมีลักษณะคล้ายๆ กับไข่หิน ซึ่งจะแตกต่างจากที่ผมมีครับ ที่ผมมีเป็นแก้วที่ไม่ใสไม่ขุ่นมาก มีส่วนที่เป็นหัวกับกับส่วนที่เป็นตัวครับ แต่ไม่มีขานะครับ จริงๆ แล้วแก้วนกที่ว่านี้เคยหายไปจากครอบครัวของผมนานมากแล้วครับ ตอนนั้นผมเองก็ยังไม่เกิด พอข่าวแม่เก็บแก้วนกคุ้มได้แพร่กระจายออกไป ก็มีคนต่างถิ่นมาขอดูหลายครั้ง แต่มีอยู่ครั้งนึงเป็นคน อ.ลับแล ที่ชอบสะสมของประเภทนี้มาเสนอราคาให้สูงพอสมควร ประมาณว่าให้แลกกับรถปิคอัพมาสด้าของเขา ซึ่งสมัยนั้นรถมอเตอร์ไซด์ยังไม่มีวิ่งบนท้องถนนเลยครับ ส่วนพ่อผมเองก็อยากขาย เพราะคิดว่าถ้าเปลี่ยนเป็นเงินน่าจะดีกว่า แต่สุดท้ายแม่ผมไม่ขายเพราะแม่เป็นคนเจอ หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น แก้วนกคุ้มที่ว่านี้ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย พ่อกับแม่หากันแบบว่าจนแทบจะรื้อบ้านหา ก็หากันไม่เจอ แต่ละคนก็สันนิฐานกันไปต่างๆ นาๆ คิดว่าคนที่มาติดต่อขอซื้อคงมีวิชาอาคม เอาไปเลี้ยงไว้แล้ว แม่ผมเสียใจมากที่แก้วนกหายไป แต่หลังจากนั้นเกือบสิบกว่าปี แม่ก็ไปเจอโดยบังเอิญครับ หลังจากนั้นแม่ก็เก็บรักษาไว้อย่างดีและบูชาด้วยถั่วเขียวกับงาเสมอ บทเรียนครั้งนั้นทำให้พ่อกับแม่เก็บเรื่องแก้วนกไว้เป็นความลับ แม้แต่พวกลูกๆ ก็ยังไม่เคยบอกและไม่เคยให้ใครดูและไม่มีความคิดว่าจะขายอีกเลย จนทุกคนโตมีครอบครัวและผมเองก็มีงานมีการทำ แม่ก็มอบให้ผมดูแลต่อเพราะผมเป็นคนสุดท้อง ผมเคยเอาแก้วนกที่ว่านี้ให้พี่ชายที่นับถือกันซึ่งแกทำงานเป็นตำรวจอยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งแกเป็นคนที่ชอบเล่นเครื่องรางของขลัง พอแกจับดูแกบอกว่าของแรงจริงๆ ขนแขนแกลุกหมดเลย แกบอกให้ผมรักษาไว้ให้ดี เพราะเขาเลือกที่จะอยู่กับเรา แต่โดยส่วนตัวแล้วผมไม่ได้มีความรู้สึกอะไรอย่างที่เขาว่าหรอกครับ เรื่องราวประสบการณ์เกี่ยวกับแก้วนกก็เป็นแบบนี้แหละครับ

 

คับผม...ผมเองก้เดาเอาจากรูปการณ์ที่คิดว่าจะเป้นเพราะเคยได้ยินได้ฟังมาได้อ่านเรื่องราวแบบนี้ประมาณนี้ผ่านตามาบ้าง..ประสบการณ์ส่วนตัวผมเองก้ไม่เคยเจอและสัมผัสเรื่องพวกนี้เลย แฮ่ๆ สงสัยวาสนาจะไม่ถึงคับผม อิอิ
แต่สำหรับของพี่ถ้าได้มาแล้วลองเลี้ยงดูบูชาเค้าดีๆสิคับแล้วลองขอให้เค้าช่วยในเรื่องที่เราติดขัดหรือต้องการ จากนั้นก้คอยสังเกตุดูว่าเป้นไปตามนั้นมั้ย ชีวิตที่เป็นอยู่มีความสุข ความเจริญก้าวหน้าไปบ้างมั้ยจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
ของเหล่านี้บางครั้งก้เป้นของคู่วาสนาบารมีเฉพาะคนๆไป ตัวเราเองทำนั้นถึงจะพิสูจน์ให้รู้แจ้งเห้นจริงเป้นประจักษ์แก่ใจตนเองว่าเค้ามีจริง!! เว้นเสียแต่เราจะได้ไปพบเจอครูอาจารย์ที่ท่านเก่งจริงในเรื่องฌานและหรือทางในท่านเหล่านั้นก้จะสามารถบอกเราได้ว่าสิ่งที่เรามีอยู่นั้นมีความเป้นมาอย่างไร ควรบูชาอย่างไร...เด่นดีในทางด้านไหน...
ลองๆดูเนาะคับพี่..ผมเองก้หมดปักกะตืน(แปลว่าความรู้)ที่มีแล้ว55 แบบนี้คงต้องรออาจารย์ท่านเจ้าบ้านหรือพี่ๆที่รู้เรื่องมากกว่านี้มาเล่าแจ้งแถลงไขซะละคับผม...แต่ก้น่าแปลกดีนะคับพี่ ของแปลกปลาดในโลกนี้ยังมีอีกเยอะที่เราไม่เคยรู้ไม่เคยเห้นแต่มักมีอยู่จริง ทั้งนี้คงต้องอยู่กับวาสนาที่เกี่ยวข้องกับของนั้นๆด้วยอะเนาะ....
ขอบคุณนะคับที่นำเรื่องราวดีๆมาเล่าให้ได้ฟังได้ศึกษา ว่าสิ่งเหล่านี้ก้ยังมีอยู่ในโลกอันลี้ลับกลมๆใบนี้อีกมากมาย...ขอบคุณคราบบบผม (*-*) สำหรับผมหมดใส้หมดพุงแล้ว แฮ่ๆ pig_cryy2pity_pig

 

"คาถาหัวใจพระแม่ธรณี" ​

เม กะ มะ อุ "
คาถาหัวใจพระแม่ธรณี โบราณจารย์ท่านถอดออกมาจากพรหมวิหาร ๔ คือ

เมตตาได้แก่ เม
กรุณาได้แก่ กะ
มุทิตาได้แก่ มะ
อุเบกขาได้แก่ อุ

คาถาหัวใจพระแม่ธรณีนี้ใช้ได้สารพัดทุกประการ ใช้ทางเมตตาดีนัก จะเสกสีผึ้งทาปากก็ได้ เสกแป้งผัดหน้าก็ได้ ภาวนาไว้จะไม่มีใครทำอันตรายเราได้...หากอยากเป็นเศรษฐีที่นาและหรือที่ดินอยากเป็นราชาที่ดิน.. อยากมีที่ทำกินอยู่อาศัย เมื่อใดเกิดเหตุร้ายให้ตบดิน 3 ครั้ง แล้วเรียกพระแม่เจ้าธรณีช่วยท่านว่าดีนักขอรับท่าน!

 

สวัสดีครับคุณ สุทธินันท์ ผมเองก็คนอุตรดิตถ์เหมือนกันครับ อยากขอชมแสงนกคุ้ม ที่พูดถุึงอ่ะครับย ว่าเป้นยังไง ช่วยลงรูปให้ชมหน่อยครับ

 

ต้องขออภัยด้วยครับคุณแกงส้ม คือตอนนี้ผมมาเรียนเอกที่อังกฤษได้เกือบสามปีแล้ว ยังไม่ได้มีโอกาสกลับบ้านเลยครับ ถ้าได้กลับไปจะถ่ายรูปส่งให้ดูหลังไมค์ครับ

 

รบกวนสอบถามคุณอนาคินทร์ คือว่าสงสัยมานานแล้ว
เคยเห็นมาก็หลายที่หลายแห่ง ตรงคำว่า มุทิตา ได้แก่ มะ
ทำไมจึงไม่เป็น มุ หรือว่าเขียนตกเสียงสระไป เพราะคำอื่นก็ตรงกัน
ทุกอย่างกับอักษรตัวแรกทุกคำ เช่น เมตตา ได้แก่ เม
กรุณา ได้แก่ กะ แต่คำว่า มุทิตา ทำไม่จึงไม่เป็น มุ
(เหมือนกับอักษรตัวแรกของคำอื่นๆ ) ทำไมจึงเป็น มะ ไปได้อย่างไร
อุเบกขา ได้แก่ อุ ( คือจริงๆ คิดว่า น่าจะเป็น เม กะ มุ อุ มิใช่หรือ )

 

คาถาหัวใจพระแม่ธรณี
เม กะ มะ อุ หรือ เม กะ มุ อุ เขาว่าใช้ได้เหมือนกัน...ผมเองได้ลองเข้าไปค้นหาใน"google"..ดูบางที่โดยส่วนมากเค้าก้ใช้ "เมกะมุอุ" อย่างที่พี่บอกมาจริงๆ...
อันนี้ผมต้องขอยอมรับตามตรงว่าไม่มีความรู้จริงๆคับ...ต้องขออภัยเป้นอย่างมาก...คาถาที่นำมาลงผมเองก้ไปเปิดเอาจากหนังสือสวดมนต์ที่มีคนเค้านำมาแจกที่วัดอะคับ....ต้องขอโทษเป็นอย่างมากจริงๆ

 

เรื่องของคุณสุทธินันท์...ยากจะคาดเดาครับว่า จะเป็น วัตถุธรรมชาติชนืดใด เพราะว่า บางครั้ง ต้องดูลักษณะ จากของจริง จะฟังจากคำบอกเล่า นั้นยากหน่อยครับ...

ส่วนวัตถุอาถรรพ์ทางธรรมชาตินั้น ก็มีอยู่จริง และมากมายหลายชนิด ด้วยครับ และก็มีพลัง แตกต่างกันออกไป แต่ อยู่ที่ วาสนาบารมี ใครจะได้สิ่งนั้นๆไว้ครอบครอง..และ บางครั้งถึงจะมีไว้ ก็ใช่ว่าจะใช้ประโยชน์ได้ตามอานุภาพ เฉกเช่น ท่านใดที่ได้ครอบครอง วัตถุของดีทางด้านป้องกันอาวุธ แต่ตัวท่าน ไม่มีโอกาส จะเข้า ไปรนณรงค์สงคราม หรือ อยู่ท่ามกลางภยันอันตราย ท่านก็มีไว้ตามวาสนา ครอบครอง แต่หาได้เห็น อานุภาพสิ่งนั้นไม่ครับ.. เขาว่า เป็นเพราะอาจจะมาจาก..ปัจจัย ในอดีต ก็เป็นได้ อย่างหนึ่งครับ ที่เคยเป็นของเรามาก่อน...นี่แค่ ตัวอย่าง เท่านั้น

เพราะ ..ครูผมท่านก็สอนว่า อย่าไป แสวงหาอะไรๆให้ลำบากมากเลย..ทำอะไรๆ ให้ดี เฉพาะตัวจะดีกว่า ตั้งมั่นในศีลธรรม นำคาถาอาคมไว้แค่คุ้มตัว ช่วยเหลือคนอื่นที่ควรช่วยได้บ้าง... สิ่งดีๆย่อมเข้ามาหาเราเอง..

 

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดีๆ ครับ จริงอย่างที่คุณคำรณว่าครับ เมื่อก่อนผมชอบสะสมพระเครื่องมากเลย ถ้าได้ผ่านตลาดค้าของเก่าเป็นต้องเดินสำรวจ ได้ติดไม้ติดมือมาเรื่อย จนที่บ้านมีพระเป็นกล่องๆ มีเก๊บ้างแท้บ้าง ปนกันไป แต่ไม่เคยทิ้งหรือขายครับ อันนี้แม่ห้ามไว้ ถ้าอยากจะสะสมไม่ว่า แต่ห้ามค้าขายพระ เดี๋ยวนี้ผมเน้นปฏิบัติมากกว่าครับ แต่ก็ยังมีแขวนพระแค่องค์เดียวคือ หลวงพ่อพระพุทธชินราช ด้านหลังเป็นพระนเรศวร เพราะมีความผูกพันและนับถือท่านมานานแล้วครับ