ไสยศาสตร์ฉบับชาวบ้าน..มี.สาระ แบบกันเอง

การปบ.ธรรม ตามแนวทางครูบาบุญชุ่มฯ

ช่วงนี้ว่างภารกิจนำแนวทางการปฏิบัติธรรมของครูบาบุญชุ่มฯ ตามแนวทางที่ท่านเมตตาสอนสั่ง ..มาให้ท่านสมาชิกได้ศึกษากันครับ

ก่อน ปบ.ท่านให้ตกแต่งวัตถุภายนอกให้ดี คือ อาบน้ำชำระกายให้สะอาด ตัดผม เล็บ นุ่งผ้าให้สบายๆ มี ดอกไม้ ธูปเทียน ไว้สักการะพระพุทธรูป

เริ่มต้น ด้วยคำกล่าวนี้
อิมาหัง ภันเต ภควา อัตตะภาวัง ชีวิตตัง ตุมหากัง ปริจชามิฯ 3 จบ
ไหว้พระสวดมนต์
นะโม 3 จบ บทสรรเสิญพุทธคุณ ธัมคุณ สังฆคุณ
-วันทามิพุทธังฯ(บทที่ขึ้นว่า วันทามิพุทธัง สัพพะเมโทสัง ขะมะถะเมภันเต ฯลฯลองค้นหาดูครับ) หรือบท วันทาน้อย (สาธุ วันทามิภันเต สัพพังอะปะราธัง ขะมะถะเม ภันเต มะยา กะตังปุญญัง สามินา อะนุโมตัพพัง สามินา กะตังปุญญังเมยหัง ทาตัพพัง สาธุ สาธุ อนุโมทามิ วันทามิภันเตฯ ) หรือ สองบทเลยก็ได้

แล้วกล่าวคำแผ่เมตตา ให้ตัวเอง พ่อแม่ครูอาจารย์ สัพสัตว์ทั้งหลาย
จากนั้นก้มกราบ 5 ครั้ง (ระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ บิดามารดา และครูอาจารย์ )
แล้ว ยกมือพนมจดหน้าผาก กล่าว
-นะโมพุทธายะ นะโมธัมมายะ นะโมสังฆายะ 3 รอบ
-อัปปะมาโณพุทโธ อัปปะมาโณธัมโม อัปปะมาโณสังโฆ 3 รอบ
-ปัญจะมาเร ชิโนนาโถ ปัตโตสัมโพธิ มุตตะมัง จะตุสัจจัง ปะกาเสติ ธัมมะจักกัง ปะวัตตะยิ เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ สัพเพ มารา ปะลายันติฯ
-พุทโธเมนาโถ ธัมโมเมนาโถ สังโฆเมนาโถ กัมมัฎฐานัง เมนาถัง กัมมัฎฐานะ ทายะ กาจาริโย เมนาโถ ฯ
- อิมัง ภาวนา กัมมัง อธิษฐามิฯ 3 รอบ
- อะหัมภันเต พุทธานุสสติ เมตตา อะสุภัง มะระณังนุสสติ กัมมัฏฐานัง อธิษฐามิ ฯ
- สัมมาสัมพุทโธ 3 รอบ พุทโธ พุทโธ พุทโธ

จากนั้นวางมือซ้าย ทับขวา หัวแม่มือชนกัน กำหนดลมหายใจ เข้า พุท ออก โธ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจิตจะเป็นสมาธิ หากจิตเกิดสมาธิดีแล้ว(อัปปนาสมาธิ ถอยมาที่ อุปจาระสมาธิ) น้อมจิต แผ่เมตตาให้ตนเอง พ่อแม่ ครูอาจารย์ สัพสัตว์ทั้งหลายในจักรวาล จากนั้นให้พิจารณา ดูร่างกายของเราให้เห็นว่าไม่ดี ไม่งาม เป็น อสุภะ พิจารณาแบบแยบคลายไป มา
กล่าวคำว่า มรณาสุสสะติ แล้ว นึกถึงความตาย กล่าวคำว่า มะระณังธุวัง ระลึกว่าความตายมีแน่นอน เป็นธรรมดา เราไม่พ้นความตายไปได้
สมควรแก่เวลาแล้ว ให้ อธิษฐานปลงภาวนา อิมัง ภาวนากัมมัง ปฏิขิปปามิ 3 รอบ
กล่าว อะหัมภันเต พุทธานุสสติ เมตตา อะสุภัง มะระณังนุสสติ กัมมัฎฐานัง ปฏิขิปปามิฯ ข้าพเจ้าภาวนาพุทธานุสสติ เมตตา อสุภัง มรณะนุสสติ กัมมัฎฐานัง เจ้าดวงประเสริฐประมาณเท่านี้แล้ว ขอปลงลาไว้ บนกระหม่อมจอมหัวแห่งผู้ข้าบัดนี้แล ขอจงเป็นปัจจัยแก่พระนิพพาน แด่เทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

ถ้าจะนับลูกประคำต่อ ให้ อธิษฐานว่า อิมัง ผุสสะ ชีวัง อธิษฐามิ ฯนับ พุทโธ (ทีละเม็ด ) 1 รอบ ธัมโม 1 รอบ สังโฆ 1 รอบ
จากนั้นก็จะนับเท่าไหร่ก็ว่าไป..ร้อยรอบ พันรอบ
เสร็จแล้ว กล่าวปลงลวลูกประคำ อิมัง ผุสสะ ชีวัง ปัจจุธะรามิฯ

จบแต่เพียงเท่านี้ครับ...ถ้าใคร อยากนำแนวทางนี้ไปใช้ ก็ขออนุโมทนา ครับ

 

ขอบคุณครับพี่เสธ.

 

ข้อธรรมคติสอนใจของท่านครูบาบุญชุ่มฯ (คัดลอกมาให้ได้อ่านเพื่อ สดับ สติ ปัญญา)

-ยิ่งคิดยิ่งไม่รู้ ยิ่งดูยิ่งไม่เห็น ยิ่งทำยิ่งไม่เป็น ธรรมะนี้ เหมือนเส้นผมบังภูเขา เมื่อหยุดทำ หยุดคิด หยุดดู แล้วสภาวะจะเกิดขึ้นเอง สำคัญที่จิตดวงเดียว

-อันว่าความทุกข์สุขอยู่ที่ใจไม่ใช่หรือ ถ้าใจยึดถือก็เป็นทุกข์ ไม่สุกใส ถ้าใจไม่ยึดถือก็สุขไม่ทุกข์ใจอะไรๆ สำคัญอยู่ที่ใจของเราเอย

-ฉันมองดูแต่ไม่มีผู้เห็น ฉันฟังอยุ่แต่ไม่มีผู้ได้ยิน ฉันดมอยู่แต่ไม่มีผู้ใดได้กลิ่น ฉันกินอยู่แต่ไม่มีผู้ใดได้รส ฉันถูกต้องแต่ไม่มีผู้ได้สัมผัส ฉันคิดอยู่แต่ไม่มีผู้คิด ฉันทำงานทุกอย่างแต่ไม่มีผู้ทำ ฉันพูดอยู่อต่ไม่มีผู้พูด ฉันเดินอยู่แต่ไม่มีผู้เดิน ธรรมสภาวะนี้ใครได้สัมผัส รู้ไม่ต้องกลับมาเกิดอีกต่อไป ดังเส้นผมบังภูเขา ถ้าหมดความอยากก็หมดทุกข์

-นกบินไปในฟ้าไม่เห็นอากาศ ปลาว่ายแหวกอยู่ในน้ำไม่เห็นน้ำ ไส้เดือนกินดินไม่เห็นดิน คนอยู่กับทุกข์ไม่เห็นทุกข์

-เมื่อแบกก็หนัก เมื่อวางก็เบา ไม่คิดถึงปรุงแต่งไปตามอารมณ์ทั้งห้าจิตก็สงบสบายไร้กังวล

 

ธรรมะครูบาบุญชุ่มฯ ...(ต่อ)

-ยารักษาความโลภหมั่นให้ทาน ยารักษาความโกรธให้รักษาศีล มีจิตเมตตา ยารักษาความหลงให้หมั่นภาวนา วิปัสสนาฯ

-กินน้อนตายยาก กินมากตายง่าย ไม่กินเลยก็ตาย ให้เดินสายกลางเป็นทางนิพพาน ฯ

-ธรรมะทุกอย่างรวมกันเป้นความไม่ประมาท ถ้าประมาทเหมือนคนตายแล้วฯ

-ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ใช้ให้ทำทุกอย่างตามตัณหา ความอยากไม่มีที่สิ้นสุด ดับตัณหา ความอยากได้เป็นสุขในโลกแม่น้ำเสมอตัณหาไม่มีฯ

 

ธรรมสอง สาม สี่ หนึ่ง

ให้รู้ธรรมสอง คือ รูปธรรม นามธรรม

ให้รู้ธรรมสาม คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ให้รู้ธรรมสี่ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

ให้นำเอา ธรรมหนึ่งเป็นอารมณ์ คือ พระนิพพาน

 

สวัสดีครับพี่ๆ ผมตามอ่านมาได้ซักพัพแล้ว เป็นกระทู้ที่ดีมากครับ

พอดีผม อยากได้คาถาอาราธนาพระเครื่องก่อนสวมใส่ตอนเช้าครับ เหมือนว่าเคยอ่านเจอ แต่ตอนนี้ไม่เจอแล้ว
ขอบคุณครับ

 

^^บทพื้นฐานก็ที่พี่คำรน แนะนำไว้ใช้ได้เลยครับ

 

ขอบคุณ พญายา ครับ
อย่างที่บอกครับว่า การ พิมพ์ มาแจกในสมัยนี้ อาจจะผิดเพี้ยนไปบ้าง ในส่วนตัวผมนั้น ก็ ไม่ค่อยได้ ชำระ คำผิดถูก เท่าไหร่ พอท่าน แจกมา ก้นำไปท่อง ตามแนวทางนั้น เน้น ศรัทธา ..แต่ก็ยึดหลักแนวทางฝึก เพื่อไม่ให้ ผิดแนว แหกทางไปจากนี้

ท่านก็เน้นว่า ปบ.ให้มาก อ่านให้ น้อย..

ผมก็ ทำไป แบบ ทำเรื่อยๆ ..เพราะยังไง เราก็ยัง ฆราวาส ไม่มีเวลาพอจะเน้นแนวทางแบบท่านได้ แต่มีบางห้วงเวลาเท่านั้น ที่มีเวลาอยากจะตั้งใจ เพื่อถวายเป้นพุทธบูชาตามวันสำคัญ ก็จะเน้นหนักการ ปบ.ลงไปให้จิตเราได้ ลิ้มรสความสงบ ได้พบ สงบ สะอาด สว่าง มีความลหุตา ...

แต่ยอมรับว่า...จะเกรงทางจิตมาก ในเวลาไปกราบท่าน เพราะ ครูบาฯ ท่าน มี เจโตฯ ที่ฉับไว จี้ใจดำได้ถึงที่สุด...ยอมรับว่า ถ้า ปบ.ไม่ดี ในห้วงนั้น เกิดความละอาย ครับ ๕๕๕๕ นี่คือวิสัย ปกติๆ ของผมครับ..

 

คาถาระงับโกรธสตรี

คาถาพระยาพาลี
ตั้งนะโม สาม จบ
นะระงับดับโทโส โมละลายความคิด พุทละลายน้ำจิต ธาให้ลุ่มหลง ยะงวยงงพิศสวาท ตัวกูสวาหะ พุทธังปราบถึงหัวใจ ธัมมังปราบทุกขุมขน สังฆังปราบถึงมันสมอง โอมจิตตังพาลี ลูบหลังนางแก้วดาราสวาหะ อิตถีสะจิตตัง เอหิพันธังปิยังมะมะฯ
อุปเท่ห์ ท่านว่าหาก หญิงใด ไม่ว่าภรรยาหรือหญิงอื่น ที่ขึงโกรธเราไม่ยอมยกโทษ โกรธเคืองร่ำไป ให้ภาวนาเป่าลงที่มือขวา สาม จบ กลั้นใจเอาฝ่ามือขวาลูบแผ่นหลังลงไปสามครั้ง จะหายโกรธ กลับกลายดังเดิมได้

ปสก. ใช้บ่อยๆเวลา ไปกระทำผิดมาครับ ถ้าให้ดี ภาวนาซะก่อน นอกบ้าน ให้ครบสามจบเสียก่อน แล้วค่อยเข้าบ้านไปเงียบๆ เจอหน้าก็ เข้าประชิด แล้ว กลั้นใจลูบแผ่นหลังเสีย ร้ายกลายเป็นดีครับ
ครูท่านบอก วิชาลูบหลัง สตรี มีหลายบท บทนี้ผมก็ลองใช้ ก็ได้ผลดีครับ

 

ศรี หรือ ศิริ ตามร่างกาย

เอาใจเหล่าบรรดาชอบแนวทางเมตตาหน่อยครับ
ตามหลักไสยศาสตร์นั้น จะมีจุด ศรี หรือ ศิริ ที่เป็นจุดสำคัญที่จะส่งผลต่อการสัมผัสด้านจิตของเรา เคลื่อนย้ายไปตามจุดสำคัญของร่างกาย ตามดิถีข้างขึ้น ข้างแรม ครับ
ข้างขึ้น : วันอาทิตย์ ที่ปลายลิ้น
วันจันทร์ ที่ หน้าผาก
วันอังคาร ที่จมูก
วันพุธ ที่ริมฝีปาก
วันพฤหัสฯ ที่นมทั้งสอง และหัวใจ
วันศุกร์ ที่ท้อง
วันเสาร์ ที่แขนสองข้าง

ข้างแรม : วันอาทิตย์ ที่ฟัน
วันจันทร์ ที่ นัยตา
วันอังคาร ที่จมูกและปลายลิ้น
วันพุธ ที่สีข้างทั้งสอง
วันพฤหัสฯ ที่คอ
วันศุกร์ ที่แขนทั้งสอง
วันเสาร์ ที่ องคชาต และหลังเท้า

จุดเหล่านี้มีประโยชน์ตรงที่เวลาเราจะออกบ้านเราจะใช้น้ำมันจันท์ หรือ สีผึ้ง ที่เสกแล้วนะครับ ทาตรงจุดนั้นๆครับ จะเพิ่มประสิทธิภาพในความสำเร็จด้านเมตตามากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเจรจา ซื้อ ขาย...(บางคนอาจจะบอกว่า ทำได้ไง ที่องคชาติ ก็ต้องบอกว่า ตามหลักไสยฯนั้นไม่ได้คิดเรื่องต่ำครับ)

 

ต้องภาวนา 1 จบ แล้วเป่าลงฝ่ามือ แล้วภาวนาจบที่ 2 เป่่าไปจนครบสามจบ หรือว่าภาวนาครบ 3 จบทีเดียวแล้วเป่าลงฝ่ามือครับ

 

นำ e-book คาถาโบราณมาฝากจ้า..
ของ พระครูสิริจันทนิวิฐ เจ้าอาวาสวัดบางบำหรุ

 

หายไปภารกิจนานครับ เลยไม่ได้เข้าเวปเลย

ตอบคนที่สนใจก่อน..ก็ภาวนา ๑ จบ ก็เป่าลง ๑ ทีครับ...

 

ข้อนี้ผมยังไม่ค่ยเข้าใจคำถามเท่าไหร่นะครับ..แต่คาดว่า ท่านน่าจะหมายถึงการนับ ที่ว่า จะกำหนดอย่างไร ร้อยรอยพันรอบ..
ปกติก็จะใช้การนับ ๑ รอบ ประคำเป้นจุดหลัก..เมื่อถึงหัวประคำเราก็จะหมุนกลับด้าน จะไม่ข้ามหัวประคำครับ นี่คือหลักการนับลูกประคำ

แต่เมื่อนับไปเรื่อยๆ พร้อมคำภาวนา จนถึงจิตเรามีสมาธิ จิตก็จะไม่คำนึงถึงจำนวนรอบครับ แค่ให้จิตเราเป้นผู้ดูการนับไป-มาใน ๑ รอบประคำเท่านั้น แล้วเราก็ทำแบบนี้ไปบ่อยๆจนชำนาญ ก็จะใช้วิธีการนับประคำ สร้างสมาธิได้อย่างชำนาญขึ้น....บางครั้ง ผมก็ใช้การท่อง พระคาถาชินบัญชร ประกอบการนับประคำแบบกลับไปมา..แบบไม่สนใจ จำนวนจบ ไม่นวนรอบ เอาจิตเป็นสมาธิเข้าว่า ครับ...

ไม่ทราบว่าจะตรงประเด็นคำถามหรือไม่อย่างไร ครับ

 

ถ้ามีคนของขึ้น เราจะเอาลงอย่างไรครับ
แล้วเราจะูรู้ได้ยังไงครับว่าของจริงหรือของเล่นแกล้งทำ
ขอบคุณครับ

 

ที่จ.ท่าขี้เหล็ก ของพม่า ครูบาบุญชุ่มชาวพม่านับถือมากเลยหรือครับ เห็นมีภาพท่านติดไว้ที่วัด

 

ท่านเคยจำพรรษาที่พม่านานหลายปี และโปรดญาติโยม ชาวพม่าในถิ่นทุรกันดารมากมายครับ...ถ้างานไหนที่ท่านจัด คนพม่านับหมื่นๆจะเดินทางมาทันทีครับ ไม่ว่าจะมีเงิน ไม่มีเงิน ก้มุ่งมาด้วยแรง ศรัทธา

และท่านก็ไม่เคยจะแสวงผลประโยชน์จากจุดนี้...มีแต่ให้ ครับ..ท่านจึงคือ ครูบา ของชนชาวไทย ชาวไต รวมไปถึงลาวด้วย อย่างแท้จริง ในลุ่มน้ำโขงสามเหลี่ยมทองคำ ครับ ...

เคยมีคนไปถาม พระอริยะฯ หลายๆรูปเกี่ยวกับท่าน..ก้เอ่ยปากตรงกันว่า..นั่นครูบา ของจริงนะโยม อย่าไปพูดอะไร ที่ล่วงเกินท่านจะบาปหนัก..

 

พอดีเดินทางขึ้นเหนือครั้งแรกครับ ตั้งใจไปถวายพระพุทธรูปที่วัดบ้านขว้าง จ.ลำพูน เลยพาครอบครัวไปเที่ยวออกจากปทุมวันที่13/6/56 ไปสว่างที่แพร่ ใหว้พระธาตุแซ่ฮ้อ เข้าน่านไปไหว้อัฐธิครูบาอินสม วัดเมืองราม อ.เวียงสา น่าน เลยไปไหว้พระธาตุแช่แห้ง ไปนอนที่เชียงคำครับวัดที่เชียงคำสวยทุกวัดครับ ออกตอนเช้าเข้าไปด่านแม่สายตอน12.00 ผ่านด่านเลยเหมารถไปไหว้พระที่จ.ท่าขี้เหล็ก เห็นรุปท่านครูบาบุญชุมสองวัดเลยที่วัดที่มีรูปปั้นเทวดาสองตัว แล้วก็ที่เจดีย์ชเวงวากอง ถามพี่หน่อยครับเจดีย์นี้จำลองมาใช่ไหมครับ อีกอย่างลืมคิดถึงพี่เลยว่าขายกาแฟที่ด่าน อยากไปไหว้ครับ ออกจากแม่สายมุ่งตรงลำพูนครับ หลงทางที่ลำพูนครับ ไปถึงวัด22.00 น.ตอนตี้ 5หลวงพ่อทำพิธีเบิกเนตร ได้ถวายตอนประมาณ7.00น.ขอให้ทุกท่านอนุโมทนาบุญด้วยครับ กลับถึงบ้าน23.00น.

 

ตอนนี้ครูบาบุญชุมพำนักที่ไหนครับ แล้วท่านอายุเท่าไรครับ อีกอย่างครับอยากรู้วิธีการทำสมาธิโดยการใช้ลูกประคำ เคยได้ฟังมาว่า ปากว่า ตาดู มือนับ ใช้ได้ไหมครับ

 

ดีจังครับที่ได้เดินทางไป สถานที่บุญทั้งนั้นเลย .
เจดีเชวดากอง ที่ ท่าขี้เหล็ก จำลองมาครับ (พม่าเรียก ฉ่วยตะโก่งพยา)....สำหรับครูบาบุญชุ่มฯ ตอนนี้ท่านเข้าถ้ำถือกรรมไม่พูด อยู่ที่ ถ้ำราชคฤห์ ที่
อ.งวง จ.ลำปาง สำหรับประวัติท่านผมลงไว้ตอนกลางๆ.บอร์ด.อายุ ท่านนั้น ท่านเกิด ๕ ม.ค.๐๘ ครับ

การทำสมาธิ ด้วยวิธีนับ ประคำ ก็คงทำได้ หลายวิธี ครับ..แต่ จุดสำคัญ คือ สติ ครับ..นับประคำจะเคลื่อนไหวตลอดเวลา แต่ จิตต้องจับที่ จุดใดจุดหนึ่ง ผมจะจับที่ คำภาวนา ครับ บางท่าน ก็บอกให้จับที่ การสัมผัส ..แต่ตานั้นผมไม่ได้ลืมครับ หลับตา ...ตาม ที่ท่านแนะนำ คือ หลับตาเพื่อมิให้ไปผัสสะสิ่งภายนอกมากเกินไป ทำใจให้มีสมาธิ(ด้านใน)..แต่เมื่อมีสมาธิ ผมว่า จิต ก็จะลงไปที่เดียวกันหมดครับ คือ สงบ ...คงไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น..แต่จะ วิปัสสนา นั้นคงยากละครับ ผมก็ไม่สามารถแนะนำใครได้ ครับ..แต่ สมาธิ นั้น ก็พอเอาตัวรอดได้..