ไสยศาสตร์ฉบับชาวบ้าน..มี.สาระ แบบกันเอง

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย tang_2536, 24 ตุลาคม 2012.

แท็ก: แก้ไข
  1. ฟากห้วย

    ฟากห้วย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2012
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +1,736
    กระทู้เงียบไปหลายวันเลยครับ มารออ่านประสพการณ์ดีดีอยู่ครับ
     
  2. ฤษีเดินดง

    ฤษีเดินดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +569
    อยากรู้วิชาหมอธรรมที่ทางบ้านผมคือเป็นไปแบบว่าเขาเข้าทรงแต่ไม่ได้เป็นร่างทรงขององค์ไหน คือสามารถทรงติดต่อกับเจ้าที่ของแต่ละบ้านหรือไม่ก็ญาติที่ตายไปแล้วมาสิงที่ร่างทรง แล้วบอกกล่าวได้ อย่างเช่นมีเด็กไม่สบายไปหาหมอแล้วหลายครั้งไม่หายเขาก็มาเชิญหมอธรรมไปดู แล้วก็ทรงดู่ว่าเกิดอะไร พอรู้แล้วก็แก้ไขตามที่บอก เด็กก็หายจากไข้ คือตอนทรง หมอธรรมพูดได้หลายภาษาแล้วแต่ว่าใครเข้ามา อยากรู้ว่าเป็นวิชาแบบไหน ใสดำหรือใสขาว
     
  3. วีระชัยมณี

    วีระชัยมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,128
    ค่าพลัง:
    +2,548
    ..สวัสดีครับ เสธ..และทุกๆท่าน

    หมอธรรมแถวอิสาน ในความคิดผม คิดว่า เป้นการทรงครูบาอาจารย์ที่เรียนมานั่นละครับ....จะเป้นการสืบทอดกัน ระหว่างศิษย์ อาจารย์ครับ จะเชิญ วิญาณของครูบาอาจารย์มาช่วย ขจัดปัดเป่าโรคภัย และทำนายอนาคตได้ครับ เพราะครูบาอาจารย์ ก็เป็นผู้มีวิชาอยู่เก่าก่อนครับ.....แต่อย่างไรก้รอ ผู้รู้มาอธบายอีกทีนะครับ...
     
  4. tang_2536

    tang_2536 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +12,072
    มีเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง..เกี่ยวกับการเสาะแสวงหา เครื่องราง ของขลัง ไม่ว่า จะพระเครื่อง วัตถุมงคล อื่นๆ..
    เนื่องจาก หลายท่าน ที่ถามผม มานั้น ส่วนใหญ่จะ อยากได้ อยากมี สิ่งของเหล่านี้ไว้ ครอบครอง เพื่อ ให้ผู้ใช้ สามารถใช้ได้ตามใจปารถนา ไม่ว่า จะ เรื่อง ป้องกันตัว เมตตา หรือค้าขาย ...คือ เน้นว่า ของดี ราคาถูก ว่างั้นเถอะ..

    ผมก็จะแนะนำว่า ในยุคปัจจุบัน การเช่าหา วัตถุมงคล อย่าเชื่อมงคลตื่นข่าว คือหมายถึงเชื่อข่าวเล่า ข่าวลือ เขาเล่าว่า....เพราะสมัยนี้ชอบลือเล่าอ้างกันมากมาย.. ขอให้สอบถามจากคนที่ สนิทสนมกันแบบเชื่อใจได้ดีกว่า โดยเฉพาะสื่อทางโลก ออนไลน์ ผมว่า ข้อมูลน่าจะ โอเวอร์ มากกว่าความเป็นจริง..

    เท่าที่สัมผัส และจาก ปสก. ทั้งตัวเอง และคนใกล้ชิด ที่ผ่านมา ผมก็ไม่เคยจะไปเสาะแสวงหา ของราคาสูงมาใช้ และไม่ไปเช่าหาตามกระแส แต่จะศึกษาจากข้อมูลจริงมากกว่า..พระที่สร้างของดีๆ ยังมีอีกมากครับ ที่ไม่ได้ออกทางสื่อ และอาจจะมีอยู่ใกล้ตัวท่านก็ได้ เพราะท่านไม่มีโอกาสได้คุยให้ใครฟังเรื่องราวลี้ลับเหล่านี้ (คุยมาไปเดวจะหาว่าอวดอุตริ)..

    .และส่วนใหญ่ ผู้ที่สร้างตามตำรับตำรา นั้น จะสร้างไปเรื่อยๆ ไม่มากมายอะไร โดยเฉพาะเครื่องราง(ตะกรุด ผ้ายันต์)..ยิ่งน้อย ยิ่งปราณีต ผมก็อยากจะให้ดูตรงนี้ด้วย เป็นหลักสำคัญ เพราะ ถ้าสร้างมาก ก็จะแสดงให้เห็นว่า อาจจะไม่ปราณีต ขาดความขลังครบเครื่องตามสูตรโบราณไป..เพราะเรื่องความปราณีคนั้นมีความจำเป็น ด้าน ฤกษ์ยามตาม วันเวลา ..และ ห้วงเวลาการลงวิชาอาคม..ใครจะเช่าหาอะไร ก็ลองพิจารณาดูละกันครับ..

    ของดี ไม่ใช่อยู่ที่ ราคา ไม่ใช่อยู่ที่กระแส ไม่ใช่อยู่ที่เสียงเล่าลือ(ข่าวลือ) แต่อยู่ที่ กรรมวิธีการสร้าง และผู้สร้าง(มีความรู้ ความสามารถ จริงหรือไม่อย่างไร) ..และสิ่งใดที่เราได้มาจาก ความพึงพอใจ ได้มาแล้วมีความมั่นใจ เราก็จงยึดมั่นสิ่งนั้นแหละ อย่าไปไขว้เขว ตามคำกล่าวอ้างของบางคนที่มาพูดให้ข้อมูลกับเรา...เพราะบางคนใช้มาตั้งนาน แต่พอมีคนมาบอกกล่าว แบบนั้นแบบนี้ พาลเลิกใช้ไปเสียเพราะเชื่อคำคน...
     
  5. tang_2536

    tang_2536 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +12,072
    การจะเรียก ไสยขาว ไสยดำ ไม่ยากอะไร ครับ แค่ดูพฤติกรรม ในด้านคุณธรรม ก็รู้แล้ว..ถ้า คนนั้นมี ศีล มีธรรม แน่นอน ไม่สามารถไปใช้วิชา ไสยดำได้แน่นอน มันจะคร้านกัน..
    ดูจากวิชาที่ใช้ไม่ได้ครับ ให้ดูจาก พฤติกรรม ความประพฤติ ครับ..
     
  6. PraKhoonPhan

    PraKhoonPhan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2010
    โพสต์:
    881
    ค่าพลัง:
    +6,625
    ทำให้ผมนึกถึงอาจารย์อ้วน หมอผีเลยครับท่านสร้างตะกรุดมหาปราบตำหรับของหลวงพ่อพิณแห่งวัดอุบลฯ และตะกรุดก่อนหน้านี้ สร้างไม่เกิน100ดอกเลยแถมขุนแผนหมื่นทัพท่านสร้าง7พิธี7ฤกษ์ มีแค่รุ่นนี้รุ่นเดียวเพราะท่านสร้างตามตำราของครูบาอาจารย์ที่ท่านเรียนมา
     
  7. champnutt

    champnutt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    208
    ค่าพลัง:
    +533
    เป็นคำแนะนำที่ดีคับ ผมมีวิธีนึงนะคับลองไปใช้ดู เวลาผมเดินไปแผงพระ แล้วชอบหรือถูกใจอันไหน ดูแล้วมาใช่ว่าชัวร์ ผมจะถามราคาเปิด เช่นเปิด2600 ผมก็จะใช้อธิฐานเอาคับ ว่าถ้าผมมีบุญจะได้ของสิ่งนี้มาคุ้มครองขอให้ได้ในราคาที่ถูก แล้วผมก็จะต่อราคากับเจ้าของแผง 2600 ผมต่อเหลือ1500 อะคับ แล้วก็ได้จริงๆคับ เดี๋ยวนี้เลยใช้วิธีนี้ ได้ก็โอเค ไม่ได้ก็คิดซะว่าไม่ใช่ของเราคับ ลองดูคับทุกท่าน
     
  8. ฤษีเดินดง

    ฤษีเดินดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +569
    ขอบคุณครับ
     
  9. 4930203328

    4930203328 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +107
    จำเป็นที่จะต้องนอนหันหัวไปทางทิศตะวันตก ครับ ย้ายมาอยู่หอแล้วแบบว่าเตียงมันเลื่อนไม่ได้ เลยต้องหันหัวเวลานอนไปทางทิศตะวันตก จะมีผลอะไรมั้ยครับ ถ้าต้องนอนแบบนี้ต้องแก้ไขยังไง (หันหัวไปทางอื่นไม่ได้อะครับ เตียงมันประกอบติดพื้น เลื่อนไม่ได้)
     
  10. tang_2536

    tang_2536 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +12,072
    เรื่องการนอนแบบนี้ ถ้าจำเป็นจริงๆก็ไม่ต้องคิดมากครับ..ถือว่า นอนตามสภาพความจำเป็น..ขอแค่ ก่อนนอนไหว้พระสวดมนต์บ้างเท่านั้น .บางคนนอนทิศทางดี อะไรดีหมด แต่ก่อนนอนไม่เคยคิดจะไหว้พระสวดมนต์เลยมันก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้

    ตามหลักความเชื่อคนโบราณ เกี่ยวกับการนอนนั้น หลายครู อาจารย์ จะกล่าวไม่ค่อยตรงกันนัก แต่ในความเชื่อที่ตรงกันคือ ไม่ควรนอนหันหัวไปทาง ทิศใต้ กับทิศตะวันตก อาจจะเพราะ มาจากคำ ว่า ใต้(ล่องลงอย่างเดียวเหมือนน้ำ ไม่มีขึ้น) ตะวันตก(ตกต่ำอย่างเดว..บางคนสังเกตให้ดีจะพบว่าหากนอนเอาหัวไปทางทิศตะวันตก เช้ามาพระอาทิตย์ส่องตาแน่ๆหากเรือน สมัยก่อนยิ่งไปใหญ่ นี่อาจจะคือเหตุผลหนึ่งก็ได้) เคยอ่านหนังสือเจอ ..การขุดศพโบราณหลายที่พบว่าคนโบราณในยุคพันปี คนตายเขานิยมวางไว้ทิศใต้..มันจึงดูหลายมุมมองแต่ละยุค..

    ถ้าเราจะพูดถึงยุคก่อนๆ มันหลายมุม หลายเหตุผล..ไม่ว่าการสร้างบ้าน เขาต้องดูว่าทิศทางลมประจำปี มาจากด้านไหน สร้างต้านลมก็พัง ที่ผมสังเกตุ ภาคเหนือนะครับส่วนใหญ่ลมต้นฤดูฝน(พายุ)จะพัดจาก ตะวันตก-ตะวันออก ครับใครสร้างบ้านขวาง(หันหน้าไปทาง เหนือ-ใต้) ก็จะโดนเต็มๆ ใครที่เลือกได้เขาจะสร้างหันตามลม ให้ลมทะลุผ่านได้ หรือไม่งั้นก็สร้าง เตี้ยๆไปเลย..

    ส่วนใครจะนำวิธีผมไปใช้เวลานอนแบบเลือกไม่ได้...ผมจะนึกถึง องค์พระทิศนั้นเสีย ว่าเรานอนหัวหันไปทาง องค์พระนั่นแหละ..พระอะไรก็ได้ที่อยู่ทิศนั้น..แค่นี้เราก็ไม่ต้องกังวล ให้คิดเสียว่าเรานอนทิศมงคล..เพราะหากขืนไปคิดกันแบบมากไป ก็จะนอนไม่หลับ จนถึงขั้นทุบตึก ทุบเตียงทิ้ง ละครับ
     
  11. tang_2536

    tang_2536 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +12,072
    เดี๋ยวจะดูเงียบเหงาวังเวงไป..ผมจะมาคุยเรื่องแนวทาง ความเข้าใจพื้นฐาน เรื่อง ไสยศาสตร์ต่อบ้าง เพื่อบางคนที่พึ่งเข้ามาอ่านจะได้พอเข้าใจ เป็นพื้นฐานบ้าง...

    เรื่องที่จะพูดถึง คือ เรื่องเกี่ยวกับ กระแสจิต...เรื่องนี้ก็นับว่าสำคัญ สำหรับวิชาไสยฯ เพราะเราต้องเข้าใจว่าคนเรานั้นจะมีกระแสจิตแผ่ซ่านออกจากร่างกายอยุ่ปกติ..ไม่ว่าจะทางลบ ทางบวก ..จะเรียกว่า กระแสความคิดก็ใช่ครับ แต่ กระแสจิต นั้นจะมีความแรง ความเบา ไปตาม สภาวะของจิต..

    สมมุติเรา โกรธ จะเห็นว่า มันจะมีกระแสที่แรงมากๆ เกิดขึ้นในใจเรา มันจะบีบคั้นในใจเรา ..เรียกง่ายๆว่า ความอาฆาต ก็ได้ มันจะมีความแตกต่างจากสภาวะปกติ..นี่แหละครับ เรียกว่ากระแสจิต...

    คราวนี้ ถ้าเราจงใจสร้างกระแสขึ้นมาโดยวิชาคาถาอาคม มันก็จะมีแรงผลักดันพุ่งออกไปตามกระแสจิตเราที่มีความตั้งใจ(สมาธินั่นเอง)..ประกอบกับ แรงกระแสของตัวคาถา และครูอาจารย์ มันก็จะมีแรงผลักดันมากขึ้น เพื่อนำกระแสจิตเราไปสู่ความต้องการในวัตถุประสงค์ของจิตเรา...

    เช่น ถ้าเป็นวิชาป้องกันตัว กระแสจิตเราก็จะสร้างกำแพงขึ้นมาเองแบบอัตโนมัติ เพื่อป้องกันตัว..ชนิดมองไม่เห็น..แต่คำว่าอัตโนมัตินั้นมิใช่จะเกิดขึ้นง่ายๆ นะครับ มันต้องอาศัย ปัจจัยที่ครบองค์ประกอบขึ้นตามหลักของวิชาไสยศาสตร์ คือ สมาธิ(ความตั้งใจ/ความเชื่อ) ตัวคาถา และ ครูอาจารย์ ..สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวสื่อพลังออกไป..ทำให้สำเร็จไปตามขั้นตอนของมันเอง..ถ้าทำบ่อย ฝึกบ่อย ก็จะมีกระแสแรงขึ้นๆเรื่อยๆ..เป็นความชำนาญ หรือ วสี นั่นเอง..ถ้าทำบ้าง หยุดบ้าง พลังก็จะอ่อนลงไป..ตามความสามารถของบุคคล.นั้นๆ..(วิริยะ/ขันติ= ก็เป็นธรรมะ อย่างหนึ่ง )...

    นี่คือหลักทั่วๆไปครับ...แต่ก่อนอื่นต้องบอกว่า ที่ผมได้เรียนรู้มานั้นเพื่อตนเอง ทำเอง เท่านั้น มิใช่จะทำแล้วไปทำให้คนอื่นได้..(เว้นแต่ วิชาการรักษาคนบางแขนง ที่ช่วยได้ในขีดความสามารถของครูที่สั่งสอนมา) ..เพราะวิชา ไสยศาสตร์ ลำดับแรกต้องเน้นการเรียนเพื่อตัวเราก่อน ...ทำให้ได้ด้วยตัวเองแล้ว ถึงจะค่อยๆขยับขึ้นไป ทำเพื่อคนอื่น เช่น ปลุกเสกของให้คนอื่นใช้ได้ , เสกอะไรต่อมิอะไรให้คนอื่นใช้ เป็นต้น...แต่ผมเอง เท่าที่ร่ำเรียนมา ก็ได้แค่ ช่วยเหลือตัวเองเป็นหลักครับ..เพราะยึดหลักตนเป็นที่พึ่งแห่งตนก่อน...

    ใครที่สนใจเรียนรู้เรื่องนี้ จึงควร ใช้หลัก ทำเพื่อตนเองก่อน..อย่างน้อย รู้หลัก ไว้...แล้วค่อยๆขยับไปสู่ความเข้าใจในระดับสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อทำความเข้าใจว่า อะไรคืออะไร...อาจจะทำไม่ได้ แต่เข้าใจไว้ เพื่อใช้ประโยชน์ในโอกาสต่อๆไป..

    โอกาส ต่อๆไปจะได้ นำความรู้หลักการ มาเล่าสู่กันฟังไปเรื่อยๆ...เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ซึ่งกันและกัน เท่านั้นนะ...อย่า..คิดอย่างอื่น ครับ..
     
  12. tang_2536

    tang_2536 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +12,072
    เรื่องที่มีคำถาม

    เราจำเป็นต้องรู้คำแปล ความหมาย ของตัวคาถา หรือไม่...

    ผมก็เคยสงสัย...ครูอาจารย์ บอกว่า...ไม่จำเป็นเพราะตัวคาถาบางตัวก็ไม่มีความหมาย ขอแค่ท่องได้ถูกตัว และ จิตมีสมาธิก็พอ..

     
  13. tang_2536

    tang_2536 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +12,072
    พูดถึงเรื่อง กระแสจิต กันต่อครับ

    พลังลึกลับในตัวเรานั้น ถ้าจะว่ากันในเชิงวิทยาศาสตร์ ก็คงจะพิสูจน์กันไม่ได้ คงไม่มีเครื่องมือใดที่จะละเอียดเพียงพอมาตรวจสอบได้...แต่ในพลังนี้มีจริงในตัวคนเรา.
    .ใครที่เคยอยู่ใกล้ พระสงฆ์ ที่เมตตาสูงๆ ท่านจะมีพลังเยือกเย็นสัมผัสได้ว่า ท่านมีเมตตาเหลือเกิน อยู่ใกล้ท่านแล้วใจเราสงบ ไม่ฟุ้งซ่าน บางคน เกิดปิติ ใจพองโต ซาบซ่่าน ไปเลยก็มี..(ผมก็เคยเป็นครับ)..นั่นคือพลังชนิดหนึ่งที่แผ่ซ่านออกมาจากภายในจิตของท่าน...
    แต่ในทางเดวกันหากใครได้พบเจอคนที่ใจโหดเหี้ยม อาการเราจะคนละด้านกัน คือ อยากจะหลีกหนีให้ไกล ..ทั้งๆที่อาจจะไม่เคยรู้จัก..นั่นเพราะพลังในจิตเขามีแต่ความคิดทางลบ เรื่องทำลาย
    หรือบางคนที่ได้เคยสัมผัสกับคนที่มีพลังน่าเกรงขาม จิตเราก็จะ เกรงในบารมี..(ส่วนใหญ่ จะเป็นผู้บังคับบัญชา/เจ้านาย ที่ใหญ่กว่าเรา)..
    เรื่องพลังชนิดนี้ผมเองได้รับสัมผัสโดยตรงครั้งหนึ่งในชีวิตที่ได้มีโอกาสเข้ารับพระราชทานกระบี่ จากในหลวง..ผมรับรู้ได้ถึงคำว่า พระบารมี ครับ..พลังท่านแผ่ออกมาจนทุกคนไม่กล้าที่จะเงยหน้ามองพระพักต์.เพราะมีท่านผุ้ใหญ่ให้คำแนะนำว่า ..ถ้ากลัวประหม่า อย่าเงยหน้าสบพระพักต์ท่าน ไม่งั้นจะทำอะไรไม่ถูก..นี่คือเรื่องจริงครับ..
    พลังที่ผมกล่าวถึงนี้ ล้วนแล้วแต่เกิดจาก ภายในจิตทั้งสิ้น..เป็นกระแสจิต ที่แผ่ซ่านออกมาจากภายใน..ซึ่งเป้นไปตามธรรมชาติของจิต(ท่านผุ้รู้ท่านว่างั้นนะ)..ครูผมจึงเน้นว่าขอให้ฝึกที่จิตเราไว้ให้มีความระลึกนึกถึง พระรัตนตรัย บิดามารดา ครูอาจารย์ ไว้บ่อยๆ(แท้จริง คือการฝึกสตินั่นเอง)...

    เมื่อเรารู้ว่า จิตมีกระแสพลัง เราจึงควรมาพูดถึงสิ่งที่เรียกว่าตัวยึดครับ ..สิ่งนั้นคือตัว คาถา เมื่อเราว่าคาถา พลังที่เกิดขึ้นในจิตเราก้จะแผ่ซ่านออกมาตามนั้น..นี่เป้นการสร้างพลังกระแสให้เกิดขึ้นโดยเฉพาะ...(ชั่วคราว หรือเฉพาะกาล ก็ได้)...มันจึงมี อานุภาพแค่ ครั้งคราวเท่านั้น..มิได้มีพลังคงทนถาวร เฉกเช่น พระผู้ที่ปฏิบัติดี ที่ท่านฝึกกระแสจิต (สมาธิ) สม่ำเสมอ จนเป็น อัตโนมัติ

    ที่ผมอยากจะให้รับรู้เรื่องราว เกี่ยวกับกระแสพลังตรงนี้ เพราะ บางคนถามว่า ไสยศาสตร์ เกี่ยวข้องกับ การใช้ วัตถุมงคล หรือไม่อย่างไร..เพราะหลายคนคิดว่าวิชาไสยศาสตร์คือการเรียนวิชาคาถาอาคมอย่างเดียว...ผมเองก็บอกได้ว่า ถึงจะไม่เกี่ยวโดยตรงนัก ..แต่ก็เกี่ยวข้องทางอ้อมแน่นอน ..
    -ท่านมีวัตถุมงคลไว้ ก็เพื่อใช้งาน..ตามความต้องการของใจท่าน..ท่านจึงต้องรู้ว่า จะต้องใช้อย่างไร และเชื่อว่าใช้ได้ (มีศรัทธา)
    -วัตถุมงคล ที่ท่านได้มา ก็สร้างมาจาก แนวทาง วิชา ไสยศาสตร์แน่นอน
    -เมื่อท่านถือครอบครองสิ่งที่มีพลัง ที่เรียกว่าลึกลับก็ว่าได้ (เพราะไม่อาจพิสูจน์ด้วยตาเปล่า หรือเครื่องมือใดๆได้) ...ท่านนำไปใช้แล้ว..ท่านก็ต้องมีสิ่งยึดเหนี่ยวแน่นอน นั่นคือ พระพุทธเจ้า (เปรียบเทียบเหมือนพ่อครูใหญ่)..

    จึงแทบจะแยกแยะไม่ออกในเรื่องแนวทางความเชื่อ ของ..ชาวพุทธทั่วๆไปกับพระเครื่อง/วัตถุมงค อื่นๆ (เป็นของคู่กัน.)..กับคนที่เรียนวิชาไสยศาสตร์โดยตรง.. ผมคิดว่ามีความเชื่อพอๆกัน เพียงแต่ ผุ้ที่เรียนวิชาไสยฯโดยตรงไปมุ่งเจาะจงลงไปในรายละเอียดเท่านั้น...

     
  14. tang_2536

    tang_2536 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +12,072
    เมื่อเราเป็นผู้ใช้ ไม่ว่าจะเป้น วัตถุมงคลชนิดใดก็แล้วแต่ เพื่อให้เกิดพลังสูงสุดในสิ่งนั้น เราต้องฝึกกระแสจิต สื่อกับพลังนั้นด้วย การสร้างสื่อที่ง่ายที่สุด ก็คือ การอารธนาก่อนใช้ หรือ ทำตามวิธีการที่ผู้สร้างกำหนดมา ก่อนใช้ ...ไม่เช่นนั้น ในตัวเราก็จะไม่มีกระแสพลังที่สอดคล้องกัน..เหมือนบางคนเห็นเขามีก็อยากมีบ้าง ไม่รู้ว่าต้องใช้อย่างไร..

    พลังกระแส ที่บรรจุลงไปในวัตถุนั้น เป็นพลังที่ใช้จิตเราเป็นเครื่องมือใช้..มิใช่กายเป็นเครื่องมือใช้..หลายท่านที่คล้องพระ หรือใช้วัตถุมงคล ใช้อย่างเดียวจริงๆ คือไม่พยายามทำความเข้าใจในสิ่งเหล่านี้ ..อาจจทำให้บางครั้งไม่ประสบผลสำเร็จ พาลเลิกล้ม นับถือพระนับถือเจ้า ไปเลยก็มี..

    .จึงควรเรียนรู้ซั้กนิดก็ยังดีในพื้นฐานเหล่านี้ครับ..คำว่ายึดมั่นถือมั่น ของคนโบราณ ก็คือสิ่งนี้แหละครับ..คนโบราณจะไม่ขยายความมากนัก.เพราะคิดว่ามันไม่จำเป็นอะไร บอกแค่นี้ก็ทำแค่นี้ ก็จบไป ไม่ลังเล สงสัย จิตเลยมีสิ่งยึดเหนี่ยวได้แน่นหนา..กลายเป็นกระแสพลังไปแบบอัตโนมัติ..

    แต่สมัยนี้ โลกมีความทันสมัยเรื่องการสื่อสาร แต่ก็มีกระแสในเรื่องเหล่านี้มากมาย หลายช่องทาง ..ขนาดโปรโมทกันทางช่องทีวีเสรี...กลายเป้นไสยศาสตร์ออนไลน์ไปเสียแล้ว..คนที่ขาดที่พึ่งทางใจ ก้ต้องตกเป็นเหยื่อไปโดยไม่ได้รู้ ไม่ได้ศึกษา ..อะไรที่เขาว่าดี ก็ดีหมด..ยิ่งมีการยกตัวอย่าง(หน้าม้า) เข้าไปด้วย เชื่อกันชนิดลืมหูลืมตาไม่ขึ้นก็มี..นี่คือเรื่องจริงในสมัยนี้..

    ไสยศาสตร์จริงๆนั้น มีหลักความเชื่อในแนวทาง ที่ถูกที่ควร ครับ มิใช่เชื่อแบบงมงาย ไร้เหตุผล ไร้สาระ.. ไม่งั้น ไม่อยู่ยงคงกระพัน มานับพันปีหรอกครับ..แต่ความเชื่อ งมงายไร้สาระ(อ้างอิงไสยศาสตร์ นิดๆหน่อยๆ) ที่คนมาปั้นแต่งขึ้นในสมัยนี้ยังไงก็ต้องมีอันดับสูญไปแน่นอนเพราะมันคือสิ่งไม่จริง..
     
  15. chopper1972

    chopper1972 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    2,314
    ค่าพลัง:
    +13,155
    ติดตามอ่านโพสต์ที่มีคุณค่าของอาจารย์เสธฯครับ :cool:
     
  16. tang_2536

    tang_2536 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +12,072
    เรื่องสมาธิ กับ วิชาไสยศาสตร์ สมัยก่อน
    สมัยก่อนถ้าไปเรียนวิชากับครูอาจารย์ ..ส่วนใหญ่จะถามว่า ท่องคาถากันขนาดไหนถึงจะขลัง..ครู ท่านจะว่า ให้ท่องจนขึ้นใจ ท่องไปเรื่อยๆ จนขนลุก ขนชัน เป้นอันใช้ได้..ผมก็เห็นท่านขนลุก จริงๆเวลาท่องคาถาให้ฟัง..
    แต่ท่านจะไม่พูดถึงสมาธิเลย..ทั้ง ฆราวาส ทั้ง พระ ครับ..เพราะว่าท่านคงไม่คิดจะขยายความ ไปมากกว่านั้น หรือยังไม่ถึงเวลาจะสอนก็ไม่อาจ ทราบได้..ทั้งๆที่ มารู้ภายหลังว่า สมาธิ ของครูท่านไม่ธรรมดา สามารถถอดจิต ท่องเที่ยวได้ หยั่งรู้ มองหา ทรัพย์ในดินได้..

    แต่ผมเองก้มาฝึก สมาธิ กับสายวัดป่าฯ ในภายหลัง ..จึงได้รู้ว่า คำว่า ขนลุก ขนชัน นั้น คือ อาการปิติ ของ องค์ฌาน นั่นเอง..
    องค์ ฌาน ประกอบด้วย วิตก วิจาร ปิติ สุข เอกัคคตา ...
    ถ้า ทิ้ง วิตก วิจาร ..มี ปิติ เกิดขึ้น ใจก็จะสู่ขั้น สมาธิ แล้ว....เป็นขั้น สมาธิ ที่นำไปใช้ได้แล้ว..

    ภายหลัง ผมก็นำหลักการฝึก สมาธิ นี้แหละ มาใช้กับ วิชาคาถาอาคม ...แต่มารู้ภายหลังเมื่อครูคนสำคัญผมเสียไปแล้ว จึงน่าเสียดายมาก ที่ไม่ถามท่านเสียในตอนแรก..เพราะ ถ้าถามตอนนั้นคงจะพอนำไปสู่การเรียนวิชาชั้นสุงต่อๆไปได้..
    แต่ถ้าไปถาม พระสายวิปัสนาฯ ท่านก็จะดุ เอาเสีย ๕๕๕ จริงๆครับ ท่านก็จะบอกว่า ...นำไปใช้ทางดับกิเลส เถอะ อย่า มุ่ง กลับมาทาง เพิ่ม กิเลส เลย..

    ซึ่งก็ จริง ครับ..เรื่องนี้ ผมไม่เคยเถียงเลย เพราะ พอกลับนำมาใช้ ในทางไสยฯ จิตก้ต้อง เผชิญ ความ อยากต่อๆไป...แต่เราก็ ต้องนำมาไตร่ตรองว่า..เราจะนำมาใช้ประโยชน์ ต่อ ตัวเรา ต่ออาชีพ ต่อบุคคลอื่น ในทางสร้างสรรค์ ได้ขนาดไหน...ไม่กลายเป็น มิจฉาฯ ไป ครับ
     
  17. Poungpet

    Poungpet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    596
    ค่าพลัง:
    +1,174
    นำเรื่องมาเล่าเรื่อยๆนะคะน้า ติดตามหาความรู้จากน้าตลอด
     
  18. ฤษีเดินดง

    ฤษีเดินดง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    167
    ค่าพลัง:
    +569
    อยากได้จีวรครูบาบุญชุ่ม มีเหลือไหมครับ
     
  19. pojjj

    pojjj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +264
    ถ้าที่บ้านเรา มีพระพุทธรูปบูชาแตกหรือหักจนเสียสภาพที่จะซ่อมแซม เราควรปฏิบัติเช่นไไรเพราะถ้าเอาไปทิ้ง ผมว่าไม่สมควรอย่างยิ่ง ขอคำแนะนำด้วยครับ
     
  20. tang_2536

    tang_2536 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,105
    ค่าพลัง:
    +12,072
    แนะนำว่า ถ้าชำรุดจนไม่สามารถคงสภาพไว้ได้ จำเป็นอยู่ดีที่ต้องนำออกไปจากบ้าน เว้นเสียแต่เป็นเนื้อผง(รวมไปถึงมีส่วนผสมผง วิเศษ อื่นๆด้วย) อาจจะนำใส่ห่อผ้าขาวใส่ภาชนะที่เหมาะสมไว้บูชาต่อได้..
    ถ้าเป็นวัสดุอื่น.เช่น ปูนปั้น .ต้องนำไปไว้ที่วัด ครับ..แต่ถ้าเป็น ทองเหลือง /โลหะ ก็สามารถนำไปบริจาคร่วมทำบุญกับการหล่อพระพุทธรูป องค์ใหม่ได้

    วิธีอื่นๆ ...ผมก็ยังไม่เคยทำนอกเหนือจากนี้ครับ..
     

แชร์หน้านี้

Loading...