ไม่ใช่นะครับที่มักกล่าวว่า “สมถะเหมือนการหลบภัย วิปัสสนาเหมือนการผจญภัย”

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมภูต, 26 พฤษภาคม 2009.

  1. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านนานาฯครับ ภาษิตก็บอกชัดเจนอยู่แล้วนะครับว่าอันไหนมีค่ากว่ากัน

    ;aa24
     
  2. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านครับ เป็นธรรมดาอยู่เองว่า ถ้าใครสามารถดูแลตัวเอง
    และบำบัดตัวเองได้ด้วยการระมัดระวังเรื่องอาหารการกินที่ดีต่อสุขภาพ
    มีจิตใจที่ผ่อนคลายไม่ตึงเครียด เรื่องสุขภาพย่อมไม่มีปัญหา
    หมั่นบริหารกายด้วยการเดินจงกรมยิ่งดีใหญ่
    ไม่ปล่อยให้สุขภาพอ่อนแอ
    แต่โรคบ้างโรคนั้นเราก็ต้องย่อมรับนะครับว่า
    อาศัยพลังจิตและธรรมชาติบำบัดก็เอาไม่อยู่เช่นกันนะครับ

    ส่วนตนเองนั้น ผมกลับมองว่า ทางโลกกับทางธรรมนั้นไปด้วยกันได้
    แต่ต้องไม่คล้อยตามทางโลก ต้องแยกออกจากกันแต่ร่วมทางกันได้

    มีพุทธพจน์กล่าวไว้ว่า “เราไม่ขัดแย้งกับโลก แต่โลกชอบขัดแย้งกับเรา
    โลกว่ามี เราก็ว่ามี โลกว่าไม่มี เราก็ว่าไม่มี”ครับ

    ส่วนเรื่องที่ว่าท่านจะขอให้ช่วยไปเป็นวิทยากรนั้น
    โดยส่วนตัวแล้ว ถ้าเป็นเรื่องบุญกุศลย่อมไม่ขัดอยู่แล้วครับ
    แต่ขอให้รู้ในรายละเอียดก็พอครับ

    ;aa24
     
  3. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192

    ท่านอาจานนิฯครับ
    คนที่ไม่มีปัญญาจะสามารถทำให้จิตรวมลงสู่ความสงบได้ด้วยเหรอครับ
    ความสงบของผู้ที่ไม่มีปัญญานั้นเป็นสงบเพราะไม่รู้จะทำอะไรต่างหาก
    ส่วนความสงบของผู้มีปัญญานั้น เป็นความสงบจากการไม่ถูกอารมณ์รบกวนจิตใจ

    ผมถึงได้เมตตาเตือนท่านอย่างสม่ำเสมอที่สุดท่านหนึ่ง
    เพราะเป็นห่วงจริงๆว่าท่านเองนั้นหลงอยู่กับความเชื่อความศรัทธาเพียงอย่างเดียว
    โดยไม่เคยสนใจคำเตือนที่ยกเอาทั้งเหตุผล ทั้งพุทธพจน์ พ่อแม่ครูบาอาจารย์
    มาให้อ่านเพื่อกระตุ้นต่อมสำนึก เพื่อได้เกิดความรู้สึกที่ดีขึ้น รู้เห็นตามความเป็นจริง

    อย่างที่ท่านยกพระสูตรมานั้น ท่านก็แค่ยกเอาเพียงคำพูดประโยคเดียวเท่านั้น
    เพื่อให้เข้ากับทิฐิตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้อง

    ผมถึงพูดอยู่เสมอว่า
    อย่าดูจิตจนคิดทรยศไม่ซื่อตรงต่อพุทธพจน์ ทำให้พุทธพจน์เสียหายโดยไม่นำพา

    ผมจึงต้องนำพระสูตรสัลเลขสูตรและพระสูตรที่ต่อเนื่องกัน ๒ สูตร
    จนถึงฌานในพุทธศาสนามาให้อ่าน
    เพื่อให้เห็นว่าคนที่ไม่ซื่อตรงต่อพุทธพจน์เป็นอย่างไร?


    ;aa24
     
  4. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    สัลเลขสูตร

    [๑๐๒] ฯลฯ ดูกรจุนทะ ก็ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้แล

    ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ บรรลุปฐมฌาน…
    ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ บรรลุทุติยฌาน…
    ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ บรรลุตติยฌาน…
    ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ บรรลุจตุตถฌาน…
    ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ บรรลุอากาสานัญจายตนฌาน...
    ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ บรรลุวิญญสฯญจายตนนฌาน…
    ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ บรรลุอากิญจัญญายตนฌาน…
    ที่ภิกษุบางรูปในพระธรรมวินัยนี้ บรรลุเนวสัญญายตนฌาน

    ภิกษุนั้นจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า เราย่อมอยู่ด้วยธรรมเครื่องขัดเกลากิเลส

    แต่ธรรมคือปฐมฌานนี้...
    แต่ธรรมคือทุติยฌานนี้…
    แต่ธรรมคือตติยฌานนี้...
    แต่ธรรมคือจตุตถฌานนี้…
    แต่ธรรมคืออากาสานัญจายตนฌานนี้...
    แต่ธรรมคือวิญญาณัญจายตนฌานนี้…
    แต่ธรรมคืออากิญจัญญายตนฌานนี้…
    แต่ธรรมคือเนวสัญญานาสัญญายตนฌานนี้

    เราไม่กล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องขัดเกลาในวินัยของพระอริยะ
    เรากล่าวว่า เป็นธรรมเครื่องอยู่สงบระงับ ในวินัยของพระอริยะ

    ?Ð䵃?Ԯ???ը
     
  5. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    อาเนญชสัปปายสูตร

    ฯลฯ พ. ดูกรอานนท์ ภิกษุนั้นเมื่อเข้าถือเอา
    ย่อมเข้าถือเอาแดนอันประเสริฐสุดที่ควรเข้าถือเอาได้
    ก็แดนอันประเสริฐสุดที่ควรเข้าถือเอาได้นี้ คือ เนวสัญญานาสัญญายตนะ ฯ

    [๙๑] ดูกรอานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ปฏิบัติแล้วอย่างนี้
    ย่อมได้อุเบกขาโดยเฉพาะด้วยคิดว่า
    สิ่งที่ไม่มีก็ไม่พึงมีแก่เรา และจักไม่มีแก่เรา
    เราจะละสิ่งที่กำลังมีอยู่ และมีมาแล้วนั้นๆ เสีย
    เธอไม่ยินดี ไม่บ่นถึง ไม่ติดใจอุเบกขานั้นอยู่
    เมื่อเธอไม่ยินดี ไม่บ่นถึง ไม่ติดใจอุเบกขานั้นอยู่
    วิญญาณก็ไม่เป็นอันอาศัยอุเบกขานั้น และไม่ยึดมั่นอุเบกขานั้น
    ดูกรอานนท์ ภิกษุผู้ไม่มีความยึดมั่น ย่อมปรินิพพานได้ ฯ

    อา. น่าอัศจรรย์จริง พระพุทธเจ้าข้า ไม่น่าเป็นไปได้ พระพุทธเจ้าข้า
    อาศัยเหตุนี้ เป็นอันว่า พระผู้มีพระภาคตรัสบอก
    ปฏิปทาเครื่องข้ามพ้นโอฆะแก่พวกข้าพระองค์แล้ว
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วิโมกข์ของพระอริยะเป็นไฉน ฯ

    [๙๒] พ. ดูกรอานนท์ อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้

    ซึ่งกามทั้งที่มีในภพนี้ ทั้งที่มีในภพหน้า
    และกามสัญญาทั้งที่มีในภพนี้ ทั้งที่มีในภพหน้า
    ซึ่งรูปทั้งที่มีในภพนี้ ทั้งที่มีในภพหน้า
    และรูปสัญญาทั้งที่มีในภพนี้ ทั้งที่มีในภพหน้า
    ซึ่งอาเนญชสัญญา
    ซึ่งอากิญจัญญายตนสัญญา
    ซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนสัญญา
    ซึ่งสักกายะเท่าที่มีอยู่นี้
    ซึ่งอมตะ คือความหลุดพ้นแห่งจิตเพราะไม่ถือมั่น

    ดูกรอานนท์ ด้วยประการนี้แล
    เราแสดงปฏิปทามีอาเนญชสมาบัติเป็นที่สบายแล้ว
    เราแสดงปฏิปทามีอากิญจัญญายตนสมาบัติเป็นที่สบายแล้ว
    เราแสดงปฏิปทามีเนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติเป็นที่สบายแล้ว

    อาศัยเหตุนี้ เป็นอันเราแสดงปฏิปทาเครื่องข้ามพ้นโอฆะ
    คือวิโมกข์ของพระอริยะแล้ว

    ดูกรอานนท์ กิจใดอันศาสดาผู้แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล ผู้อนุเคราะห์
    อาศัยความอนุเคราะห์พึงทำแก่สาวกทั้งหลาย กิจนั้นเราทำแล้วแก่พวกเธอ
    .
    ?Ð䵃?Ԯ???ը
     
  6. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    มหาสติปัฏฐานสูตร

    ฯลฯ [๒๗๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นกายในกายอยู่อย่างไรเล่า

    ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไปสู่ป่าก็ดี ไปสู่โคนไม้ก็ดี ไปสู่เรือนว่างก็ดี
    นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า
    เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า ...ฯลฯ...

    ฯลฯ
    สัมมาสมาธิ เป็นไฉน
    ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม
    บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่
    เธอบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่งจิตในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้น
    เพราะวิตกวิจารสงบไป ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิอยู่
    เธอมีอุเบกขา มีสติ มีสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป
    บรรลุตติยฌานที่พระอริยทั้งหลาย สรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้
    เป็นผู้มีอุเบกขา มีสติอยู่เป็นสุข
    เธอบรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์
    และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่

    อันนี้เรียกว่า สัมมาสมาธิ ฯ
    ?Ð䵃?Ԯ???ը
     
  7. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ก็แล้วอ่านแล้วได้ความว่าอย่างไรหละ พระพุทธองค์กล่าวชักชวนให้ยึด
    มั่นถือใน เนวสัญญาวิญญาตนะ หรือว่า ให้ปล่อยวางกันหละ ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2009
  8. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ก็แล้วอ่านแล้วได้ความอย่างไรหละ

    ประโยคนี้หมายถึงอะไร คำว่า สักกายยะเท่าที่มีอยู่นี้ ใช่ไหมกับคำว่า เท่าที่กล่าว
    ไปข้างต้นทั้งหมด ซึ่งก็หมายถึง

    ใช่หรือเปล่า

    แล้วมาประโยคสุดท้าย พระพุทธองค์ก็ชี้ให้เห็น ธรรมคู่ซึ่งตรงข้าม สักกายะเหล่านั้น
    ด้วยคำว่า อมตะ คือการหลุดพ้นแห่งจิตเพราะไม่ถือมั่น ก็ไม่ถือมั่นอะไรเล่า หากไม่
    ใช่ เหล่าสักกายะทั้งหลาย ที่กล่าวมาข้างต้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2009
  9. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ก็ถูกแล้ว สัมมาสมาธิ นั้นย่อมเป็นดั่งพุทธพจน์

    แต่......

    คุณธรรมภูติ รู้จัก สัมมาสมาธิ ของแท้หรือยัง

    หรือว่า รู้จักแต่สมาธิที่เป็นหนึ่งในกลุ่มสักกายะที่พระพุทธองค์ตรัสชี้ไว้เหล่านั้นถ้วนดีแล้ว
    ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องไปสงสัยคลางแคลงอีก ผู้มีปัญญาย่อมเห็นตามโดยง่าย ผู้ไม่มี
    ปัญญาแลยังมากตัณหาย่อมเห็นตามได้โดยยาก

    อะไรคือ ทางละวาง มองเห็นหรือเปล่า

    สิ่งที่คุณอ้าง เรา เอะ อะ ก็เรา คือ หนทางละวางเหรอ หนทางของคุณ สมาธิ
    ที่คุณทำ ล้วนตกอยู่ในข่าย สักกายะ(เรา) ทั้งสิ้น นี่ยังไม่คิดดำเนินออกจาก(เรา)
    ลุกจาก(เรา) ละจาก(เรา) เพราะอะไร เพราะมันเป็นของ(เรา) ละได้ยาก ผม
    ปรารภให้ละ(เรา) แต่ท่านปรารภให้ถือ(เรา)

     
  10. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านอาจานนิฯ ก็ยังไม่ต้องร้อนรน กลัวจังนะครับ คำว่า "เรา"
    สมมติบัญญัตินั้นมีไว้ให้ใช้สอย ไม่ใช่มีไว้ยึด
    ถ้าละโดยไม่ใช้จะรู้ได้อย่างไรว่า เป็นของใคร
    บาปกรรมก็จะบันทึกลงไปได้อย่างไร
    มีพพุทธพจน์กล่าวถึงเราไว้มากมายครับ
    "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา"
    "เรานั้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว"
    "ดูกรวักกลิ เธอเห็นกายอันเปื่อยเน่านี้เป็นเราหรือ"
    "เราอยู่โดยมากในอนิมิตเจโตสมาธิ"ฯลฯ

    ท่านอย่าเพิ่งตีความเองเออเองตามความชอบใจ
    ผมจะค้นคำว่าสักกายะหมายถึงอะไรมาให้ในภายหลัง

    เวลาหมด หมดเวลา

    ;aa24
     
  11. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านอาจานนิฯ ก็ยังไม่ต้องร้อนรน กลัวจังนะครับ คำว่า "เรา"
    สมมติบัญญัตินั้นมีไว้ให้ใช้สอย ไม่ใช่มีไว้ยึด
    ถ้าละโดยไม่ใช้จะรู้ได้อย่างไรว่า เป็นของใคร
    บาปกรรมก็จะบันทึกลงไปได้อย่างไร
    มีพพุทธพจน์กล่าวถึงเราไว้มากมายครับ
    "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา"
    "เรานั้นเมื่อจิตเป็นสมาธิ บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว"
    "ดูกรวักกลิ เธอเห็นกายอันเปื่อยเน่านี้เป็นเราหรือ"
    "เราอยู่โดยมากในอนิมิตเจโตสมาธิ"ฯลฯ

    ท่านอย่าเพิ่งตีความเองเออเองตามความชอบใจ
    ผมจะค้นคำว่าสักกายะหมายถึงอะไรมาให้ในภายหลัง

    เวลาหมด หมดเวลา

    ;aa24
     
  12. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อ๋อ คุณกำลังจะบอกว่า พุทธวัจนที่ปรากฏข้างล่างนี้ ไม่สมบูรณ์ เหรอ
    เอ้า...งั้นไปหามา ...เอามาคว่ำพุทธพจน์กบฏต่อศาสดาให้ดูหน่อย

     
  13. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    คำว่า เมตตาแสดงว่า ต้่องมีอะไรที่เหนือกว่าคนอื่น
    แต่นานา ยังไปไม่ถึงไหน แค่เด็ก โง่ ๆ คนหนึ่ง ซึ่งกำลังหัดยืน หัดเดิน
    แล้วจะไปพยุงคนอื่นได้ยังงัยคะ แล้วสิ่งที่ตอบไปน่ะ ก็ตอบตามเข้าใจของเอง
    งง บ้าง เอาไปเทียบกับอาจารย์บ้าง เลยขอไม่พูดตรงนี้ดีกว่า เพราะกลัวความเสียหายแก่ส่วนรวม ไม่ใช่เป็นคนดีนะ เป็นคนขี้ขลาดต่างหาก
     
  14. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    รู้ไหมท่านภูต คนที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นมะเร็งระยะสุดท้่ายน่ะ ถ้าเขายังไม่รู้ เขาก็ไม่ตาย พอเขารู้ว่าเป็นมะเร็งแล้วต้องตายภายใน 2 เดือน ปรากฏว่าอยู่ได้แค่ 7 วัน เพราะอะไร กำลังใจสำคัญสุด
    ประโยคที่ว่า “เราไม่ขัดแย้งกับโลก แต่โลกชอบขัดแย้งกับเรา
    โลกว่ามี เราก็ว่ามี โลกว่าไม่มี เราก็ว่าไม่มี”

    ถ้าเราปล่อยวาง ประโยคที่ว่านี้ก็ไม่สามารถทำอะไร เราได้
    ทุกวันนี้ เลยทำตัวให้เป็นมนุษย์น่ะค่ะ เมือก่อนนี้เหรอ ร้ายมาก ๆ
    ดื้อมาก ๆ เอาแต่สนุกท่าเดียว ชอบเรียนรู้สึกชีวิตแปลกใหม่ ๆ แต่ไม่เสียหายนะ ทุกวันนี้น้อยลงนะ หรือเปล่า ? เคยบอกแม่ว่าจะไปเที่ยวทะเล 2 วัน โน้นไปเที่ยวเชียงใหม่ 7 วัน ทุกวันนี้เลยต้องมารับเวรรับกรรมเพราะโกหกแม่นี่แหล่ะ อันนี้สำนึกแล้ว (ถ้าไม่โกหกไม่มีทางได้ไปแน่ ๆ ) ทุกวันนี้ยังคิดว่าตัวเองนิสัยไม่ดีเลย ไม่ค่อยเห็นใจคนอื่น คิดแบบนี้จริง ๆ

    ตอนนี้ก็เลยมาศึกษาธรรมอย่างจริงจัง ไหมหนา ค้นไปค้นมาอ้่าว
    จะไปค้นที่ไหนไกลล่ะ มันอยู่กับตัวนี่แหล่ะ รัก โลภ โกธร หลง
    มีทุกอย่างเลย พระธรรมก็เขียนด้วยพระพุทธเจ้าท่านบัญญัตแล้ว
    ก็เลยมาศึกษาตัวเองที่กว่า หลงตัวเองมาเยอะแล้ว
    เฉพาะฉนั้น นานาว่า ธรรมของใครไม่มีใครผิดใครถูกหรอก ปฏิบัติแบบนั้นก็เชื่อ
    แบบนั้น ยึดถือแบบนั้น เหมือนท่านภูตแหล่ะ จะยอมเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติไหม
    แล้วเลิกยึดติดไหม ใช่มะ








     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2009
  15. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ท่านภูต มีอะไรฝากไว้ เป็นปริศนานะ ....นานเลยนะ

    การตื่นเพียงชั่วครู่......เราจะรู้ ..........มันต่างกับสลืมสลือ ยังงัย
    มันเกี่ยวกับสิ่งที่นานาถามท่านภูตไป ...


    การเจริญสติ สติปฏฐาน 4 ไม่ใช่ของธรรมดา
     
  16. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ขอบคุณที่ตอบแทน

    ขออนุญาตยกพระสูตร สักกายสูตร มาให้พิจารณา เห็นถามหากัน


    (smile)
     
  17. ธรรมะสวนัง

    ธรรมะสวนัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,305
    ค่าพลัง:
    +1,255
    ๓. สักกายสูตร ว่าด้วยสักกายะตามแนวอริยสัจธรรม

    [๒๘๔] พระนครสาวัตถี. ดูกรภิกษุทั้งหลาย
    เราจักแสดง สักกายะ สักกายสมุทัย สักกายนิโรธ และสักกายนิโรธคามินีปฏิปทา
    แก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง.

    [๒๘๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สักกายะเป็นไฉน?
    คำว่า สักกายะ นั้น ควรจะกล่าวว่า อุปาทานขันธ์ ๕.

    อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นไฉน?
    อุปาทานขันธ์ ๕ นั้น ได้แก่ อุปาทานขันธ์คือรูป อุปาทานขันธ์คือเวทนา
    อุปาทานขันธ์คือสัญญา อุปาทานขันธ์คือสังขาร อุปาทานขันธ์คือวิญญาณ.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า สักกายะ.

    [๒๘๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ สักกายสมุทัย เป็นไฉน?
    สักกายสมุทัยนั้น คือ ตัณหาอันนำให้เกิดในภพใหม่
    ประกอบด้วยความกำหนัด ด้วยอำนาจความเพลิดเพลินยิ่งในภพหรืออารมณ์นั้น.

    กล่าวคือ กามตัณหา ภวตัณหา วิภวตัณหา.
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า สักกายสมุทัย.

    [๒๘๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ สักกายนิโรธ เป็นไฉน?
    คือ ความดับโดยไม่เหลือแห่งตัณหานั้นแล ด้วยมรรค
    คือ วิราคะ ความสละ ความสละคืน ความหลุดพ้น ความไม่อาลัย.

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า สักกายนิโรธ.

    [๒๘๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ สักกายนิโรธคามินีปฏิปทา เป็นไฉน?
    คือ อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ นี้
    กล่าวคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ
    สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
    .

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้เรียกว่า สักกายนิโรธคามินีปฏิปทา.

    (smile)
     
  18. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อ่านแล้วได้อะไรบ้างหละครับ ละเราได้ไหม หรือต้องมีเรา ละไม่ได้
    ยังอาลัยเรา ถามหาเรา สละเราไม่ได้ คืนเราไม่ได้ พ้นเราก็ไม่ได้

    ยังไงก็อยากมีเรา
     
  19. ธรรมภูต

    ธรรมภูต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    3,621
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +2,192
    ท่านยกประโยคนี้มา ท่านได้ลองเบิ่งตาพิจารณาหรือยัง
    “ความเป็นผู้ไม่ลูบคลำทิฏฐิของตน ไม่ยึดถือมั่นคง และสละคืนได้โดยง่าย
    เป็นทางสำหรับดับสนิทของบุคคลผู้ลูบคลำทิฏฐิของตน ยึดถือมั่นคง
    และสละคืนได้โดยยาก.”

    ถ้ายังไม่เคย ก็ลองอ่านซ้ำๆสักหลายเที่ยวซะ
    จะได้เห็นว่ามีกล่าวถึง บุคคลผู้ลูบคลำทิฏฐิของตน
    ในทางตรงกันข้ามย่อมต้องมี บุคคลผู้ไม่ลูบคลำทิฐิของตน
    จอมศาสดาท่านทรงสั่งสอนเป็นสองฝ่ายเสมอครับ
    ที่สุดของที่สุด หนี เรา มาเจอ ตน จนได้

    ทำไมต้องละคำว่า เรา ด้วยหละ แล้วต้องสละไปเพื่ออะไร
    อย่าสอนอะไรเป็นเด็กขายขนม พอถูกถามก็ตอบไม่ได้ อายเจ้าตูบเปล่าๆ
    เตือนด้วยเมตตานะจะบอกให้

    กลัวจริงกลัวจังเลยกับคำว่า เรา เขา คุณ เธอ ล้วนเป็นสมมุติบัญญัติ
    ที่มีไว้ให้ใช้ ไม่ใช่มีไว้ให้ยึด
    ถึงอยากจะสละคืนก็ไม่ได้ เมื่ออยู่ในโลกคงต้องใช้อยู่วันยังค่ำ

    อย่างปฐมพุทธพจน์นั้นจอมศาสดาก็กล่าวไว้ว่า
    “จิตของเราสิ้นการปรุงแต่ง บรรลุพระนิพพานเพราะสิ้นตัณหาแล้ว”

    ถ้าจอมศาสดาไม่กล่าวว่าจิตของ.... เราจะรู้มั้ยว่าจิตของใครที่สิ้นการปรุงแต่ง
    แบบนี้ก็มีคนอื่นสามารถแอบอ้างสิว่าจิตนั้นเป็นของตน

    เห็นมั้ย ยังมี เราจะรู้มั๊ย...แล้วก็ ของตน เกิดขึ้นอีกแล้ว
    ต้องสละตนคืนอีกมั้ย
    โลกนี้คงวุ่นวายน่าดูก็เพราะพวกดูจิตที่ชอบแอบอ้างนี้เอง

    ลืมขอบคุณท่านผู้หญิงที่ค้นเรื่องสักกายะมาให้ครับ อนุโมทนาครับ
    ในอนัตตลักขณะสูตรก็กล่าวถึง เรา ไว้ชัดเจนเช่นกันว่า
    รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นั่นไม่ใช่เรา ไม่เป็นเรา ไม่ใช่ตนของเรา

    ถ้าไม่มีคำว่า เรา ท่านพระอาจารย์ปัญจวัคคีย์จะรู้มั้ยว่าของใคร
    ของเค้าบัญญัติมาให้ใช้ ดันไพล่ไปขว้างทิ้ง
    แล้วค่อยแอบอ้างเอาของคนอื่นมาเป็นของตน
    เอ๊ะ หนีไม้พ้นจริงๆมีของตนอีกหละ

    ;aa24
     
  20. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เหรอ เห็นความหนีไม่พ้นเหรอ เห็นจริงเหรอ

    มันก็อยู่ต่อหน้าต่อตานั่นแหละ เห็นๆอยู่ว่ามี
    ภาวะบางอย่างที่หนีไม่พ้น ก็ยังนั่งจมอยู่
     

แชร์หน้านี้

Loading...