ใครใช้พลังจิตสายไหนมารายงานตัวได้ที่ห้องนี้ครับ

อยากรู้เหมือนกันว่ามีกี่สาย ผมก็แค่ผู้ฝึกฝนตนเอง แต่บังคับใจตัวเองไม่ค่อยได้ ขอคำชี้แนะด้วยครับ

 

เอ่อ ที่ทำแบบนี้ได้มีเป็น 10 สายเลยครับ -*-

 

เรื่องสายนี่แล้วแต่คนจะแบ่งครับ

ไม่มีใครกำหนดอะไรตายตัว

 

แล้วแต่ความถนัดการใช้งานนะคับขึ้นอยู่กับอดีตเราเคยฝึกมาอย่างไรก็จะหนุนนำปัจจุบัน

 

สวัสดีครับสมาชิกใหม่ครับ

ในส่วนตัวผมเองจะฝึกสมาธิจิตให้ว่างเปล่า อย่ากลัวในสิ่งที่เราจะเผชิญเพียงพอ

 

ที่ผมเคยมีประสบการ์ณมานะครับ เริ่มต้นผมเริ่มจากการเดินจงกรมก่อน แล้วก็มานั่งสมาธิต่อด้วยวิธีดูลมหายใจครับ ในตอนแรกที่ทำก็ไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรก็แค่ดูลมหายใจไปเพลินๆอ่ะครับ แต่พอเรื่มดูไปซักพัก ก็ มีอาการแปลก คล้ายๆกับปลายนิ้วโป้งเท้าทั้งสองข้างชาครับ แต่จิงๆแล้วไม่ได้ชาแต่มันเป็นหัวนิ้วโป้งเท้าทั้งสองข้างหายไปครับ บวกกับอาการ หน่วงๆที่ระหว่างคิ้วเป็นเหมือนเกลียวนำ้อ่ะครับ ผมก็ไม่ได้สนใจมากครับเพราะคิดว่าคงจะคิดไปเองครับ(คือกำลังเพลินกับการดูลมเลยไม่สนใจกับอาการทางกายครับ) เลยดูลมต่อไป พอดูต่อไปได้ซักพัก ทีนี้อาการนั้นรุนแรงมากไปกว่าเดิมคือ การท่อนล่างหายไปครับเหลือความรู้สึกแต่กายท่อนบน บวกกับอาการหน่วงที่ระหว่างคิ้วรุนแรงมากขึ้นจากเกลียวที่หมุนเล็กๆกลายเป็นเกลียวน้ำที่ใหญ่เกือบเต็มหน้าผากครับ ตอนนั้นแปลกใจนิดๆแต่ไม่ตกใจนะครับ ก็เลยกลับไปจับที่ที่ความรู้สึกของลมเหมือนเดิมพอไปจับที่ลมเหมือนเดิมเท่านั้นแหล่ะ ที่นี้ เป็นเรื่องเลยครับ ไอ้เกลียวที่หมุนอยู่ระหว่างคิ้ว มันดูดความรู้สึกที่เหลือที่กายครึ่งตัวอ่ะครับวูบเดียวมันดูดไปรวมที่เกลียวหมดเลยครับแล้วเป็นแรงอะไรบางอย่างคล้ายพลังงานที่รุนแรงมากเหมือนจะระเบิดออกมาครับ แล้วทุกอย่างก็ดับไป ไม่มีกายครับ กายหายครับ แล้วกลายเป็น ดวงอะไรไม่รู้ครับ มันมีลักษณะคล้ายดวงจันทร์ มีสีขาวนวล มาไห้เห็นในความว่างนั้น ผมก็งงอ่ะครับว่าดวงจัทนร์มาให้่เห็นในความว่างได้ยังไงผมเลยไม่ได้ตื่นเต้นกับดวงกลมๆที่คล้ายกับดวงจันทร์นั้น แล้วอาการตอนนั้นมันก็ว่างอย่างที่สุดคือ 1 กายหายไป 2มีดวงกลมๆคล้ายดวงจันทร์นั้น 3 มีแต่ความรู้สึกลอยอยู่ว่างๆ เอ่อมันก็แปลกดีนะนี่คืออะไรกันนี่ ทีนี้เลยไม่รู้จะทำไงต่อก็เลยกลับไปจะจับที่ลมหายใจเหมือนเดิม แต่โอ้ว ลมหายใจมันหายไปแล้วครับ ไม่มีให้จับ เลยไม่รู้จะทำไงก็เลยไปจับอยู่กับความรู้ว่างนั้น โดยไม่ได้ไปสนใจไอ้ดวงกลมๆนั้น ที่นี้แหล่ะ ไอ้ดวงกลมๆนั้นมันพุ่งเข้ามาคลอบที่เรา หรือคล้ายว่าเราจะพุ่งเข้าไปในตรงกลางของดวงจันทร์นั้นแล้วความว่าง กับดวงจันทร์นั้นก็หายไปกลายเป็นพลังงานที่รุนแรงที่ระหว่างคิ้วกลับมาตอนนั้นยังไม่มีกายเหมือนเดิมนะครับ แต่มีแค่ความรู้สึกที่ระหว่างคิ้วเท่านั้น แล้วความรู้สึกที่ระหว่างคิ้วนั้นมันก็เคลื่อนที่ครับ มันเป็นพลังงานที่ค่อนข้างจะรุนแรงมาก มันเคลื่อนจากหว่างคิ้วแล้วค่อยๆเลื่อนขึ้นไปที่กลางหัวด้านบน แล้วพุ่งขึ้นเป็นเกลียวยาวออกไปจากหัวของผมครับ โอ้วสุดยอดครับตอนนั้นตกใจมาก เราตายแล้วเหรอนี่น่ะเหรอวิญญาณของเรา กายนี้ไม่ใช่เรานี่หว่า ยังไม่อยากตายเลย นี่คือความคิดในตอนนั้น พอคิดว่ายังไม่อยากตายเลยกลับเข้าร่างเถอะ มันก็กลับลงมาเองตามที่เราคิดเลยครับ คือมันออกไปทางไหนมันก็กลับไปทางนั้นอ่ะครับ คือมันกลับเข้ามาที่ทางกลางหัวเหมือนเดิม แล้วมันก็มารวมเป็นลูกกลมๆ ขนาดประมานลูกเทนนิสอ่ะครับ อยู่ที่กลางหัวด้านบนอ่ะครับ แล้วลูกพลังงานกลมๆนั้น ก็ค่อยๆเคลื่อนย้าย มาที่ท้ายทอยครับ ตอนนี้นี่อะเมซซิ่งที่สุดครับ สุดยอดที่สุดครับ ตอนที่มันย้ายมาที่ท้ายทอยครับสุดยอดครับ สุดยอดที่สุด คือมันแตกออกจากกันครับไอ้ลูกพลังงานกลมๆที่เป็นเรานั้นอ่ะ จากลูกพลังงานที่ลูกเท่าลูกเทนนิส แตกออก กลายเป็นอณูพลังงานเล็กนั้บไม่ถ้วนครับ วิ่งไปทั่วในร่างกายของเราแล้วซึมหายเข้าไปในทุกอณูของร่างกาย ทำไห้เราสามารถรู้ถึงการไหลเวียนรู้ถึงทุกระบบภายในที่อยู่ในร่างกายเราเลยครับ แล้วความรู้สึกที่ร่างกายก็กลับมาครับ โอ้ว เรากลับมาเข้าร่างเราแล้ว ช่างอัศจรรย์อะไรเช่นนี้ พอกลับเข้าร่างแล้วผมก็รีบลุกทันที่ครับ ด้วยความตกใจ แต่ตอนที่ลุกอ่ะมันไม่ค่อยจะเข้าที่เท่าไหร่อ่ะครับ มันจะเหมือนกลับหลวมๆ อ่ะครับ เบาๆ ถื่อๆ โหวงๆ แล้วก็มีน้ำมูกไหลออกมาเป็นน้ำใสๆเลยอ่ะครับ แปลกดีมันจะไหลออกมาทำไมวะน้ำมูกเนี่ย ก็งงๆ พอลุกได้เลยไปกราบพระพุทธรูปอ่ะครับ ตัวสั่นน้ำตานองหน้าเลย แล้วก็อุทานในใจ โถ่ พระพุทธเจ้า เป็นแบบนี้นี่เอง สิ่งที่ท่านพยายามจะบอกเราทุกคนเป็นแบบนี้ นี้เองเราเข้าใจแล้ว แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาเองแบบอาบหน้าไปหมด สุดยอดไหมครับ

 

อ่านแล้ว....ก็ยังไม่เข้าใจ...ท่านใดพอจะแนะนำข้าพเจ้าได้บ้าง....ก็ขอเชิญ....ข้าพเจ้ารู้อยู่สายเดียว.....คือสายพุทธ....สายอื่นยังไม่เข้าใจอะ.....โปรดแนะนำกันบ้าง

 

ผม สาย อีกแล้วสินะ (ตื่นสาย) เพราะนอนดึกเกือบทุกวันเลยครับ

 

ไม่รู้ว่ามีพลังจิตอะไรกับเขาไหม รู้แต่้ว่ากำหนดจิตถึงไหนก็ไปได้ถึงนั่น ไปดวงจันทร์ก็ถึงดวงจันทร์ กำหนดว่าจะเห็นอะไร แบบไหนตามที่คิดก็เห็นจริง(ในจิต) แค่นั้นแหละ ไม่รู้ว่าสายไหน อะไรทั้งนั้นแหละ

 

ไม่มีพลังจิต มีแต่สัจจะ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

พลังพิเศษมาจาก การหยิบยืมพลังจากการมองเห็น สัมผัส และทำความเข้าใจในสิ่งนั้นๆ
เช่น หากท่านเข้าใจและสามารถเข้าถึงจิตวิญญาณของสิ่งนั้น ท่านก็จะสามารถหยิบยืมพลังของสิ่งนั้นได้
หากรู้ใจเข้าถึงสิ่งนั้นมากเท่าไหร่ ท่านก็จะได้รับพลังจากสิ่งนั้นมากยิ่งขึ้น... ไม่ซิ ต้องเรียกว่า ได้รับความไว้วางใจจากสิ่งนั้นมากกว่า...

นักวิทยาศาสตร์ ส่องกล้อง ทำการวิจัยต่างๆ ก็เพื่อที่จะหยิบยืม พลังจากสิ่งนั้น ซึ่งมันก็แค่เลียนแบบพลังจากภายนอกหรือแค่เปลือกเท่านั้นเอง

นอกจาก ดิน น้ำ ลม ไฟ ความว่างเปล่า และธาตุที่มีพลังมากที่สุด คือความรัก แล้วท่านเข้าใจในรักแท้แล้วหรือยัง.... ^_^

ส่วนพลังจากเทพองค์ต่างๆก็มาจากพลังการจินตนาการ(มายา)ซึ่งก็ใกล้จะหมดแล้ว ส่วนการขอยืมพลังคือการบูชาเพื่อได้รับความไว้วางใจ จากเทพองค์นั้น เช่นสวดสรรเสริญ การคำนับ หรือพิธีบูชายันต่างๆ มันก็เป็นการหยิบยืมชั่วคราว จะเรียกเอาคืนเมื่อไหร่ก็ได้เช่นกัน

พลังองค์เทพที่จินตนาการขึ้นมาต่างๆแต่โบราณ ก็เป็นการนำพลังของธาตุทั้งสี่มาใช้ ซึ่งยังเป็นรอง ความว่างเปล่า(นิพพาน)

ส่วนความรักนั้นเป็นพลังที่สามารถประสานธาตุต่างๆให้รวมกันได้ ทำให้พลังมีค่าเป็นอนันไม่มีวันหมด .... ^_^ Super Natural Power...

ส่วนตัวก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนนึงเท่านั้น ^_^

 

ผมกำลังศึกษาเรื่องพลังจิตอยู่
ใครพอจะสอนได้มั่งมั้ยครับ
ใครที่ใช้พลังจิตได้ช่วยแนะนำหน่อยนะครับ
bin1359@hotmail.com

 

พลังพิเศษ ขึ้นอยู่ที่ปัจจัยหลายอย่าง เช่นสืบทางสายเลือด เวลาฤกษ์ยามสถานที่เกิด(ต้องเป็นไปตามธรรมชาติ) หากตรงลักษณะต่างๆ ความบริสุทธ์ของพลังจะมากตาม

ส่วนคนธรรมดาที่ปัจจัยไม่ครบ ก็ต้องฝึกฝนจากครูอาจารย์ ซึ่งจะมีผลข้างเคียงหลายอย่าง เช่น เราไปทำอะไรมา รู้เรื่องอะไรมา ผู้ถ่ายทอดวิชาให้เรานั้นก็จะรู้ด้วย เห็นอะไรมาเขาก็จะเห็นด้วย ฟังอะไรมาเขาก็จะได้ยินด้วย เป็นทอดๆไป คือครูของครูของครูก็จะรู้ด้วยเช่นกัน หรือที่ร้ายกว่านั้นคือเป็นร่างให้เขายืมใช้ทำบาปนั่นเอง ... ได้ครูดีก็ดีไป ครูไม่ดีก็เหมือนเป็นเครื่องมือให้เขาทำเรื่องไม่ดี... เหมือนที่ว่า ทำสัญญากับซาตาน ก็หยังงี้แหละ.

เพราะฉะนั้นจงพอใจในสิ่งที่ตนมีเป็นดีที่สุดนะจ๊ะ... ^_^
เป็นมนุษย์ธรรมดาดีที่สุดแล้วไม่วุ่นวาย
ทำความดีละเว้นความชั่ว... ก็โอเคแล้วหละ... ^_^
เคารพบิดามารดา อย่าหูเบา เชื่อคนง่าย ...
ระวังเดี๋ยวนี้มีการหลอกลวงให้ฝึกเช่น ฝึกแล้วได้เห็นนรกสวรรค์ หรือ ฝึกแล้วจะได้ขึ้นจานบิน(อันนี้ประสบกับเพื่อนเราหลายคน จากนิสัยดีๆ เปลี่ยนเป็นคนละคนเลย น่าเป็นห่วงมาก)

แค่นี้หละ... มีหลายคนกะลังนั่งสะดุ้งอยู่ ... ^_^

 

ผมก็นั่งสะดุ้งครับ
ว่าจะมีคนเชื่อว่าสามารถฝึกเพื่อเห็นนรกสวรรค์ หรือขึ้นจานบินได้

แต่ผมเชื่อเรื่องจานบินมากกว่านรกสวรรค์นะ >_<

 

อ่านแล้วมีเยอะสายนะคะ.....ขอร่วมแจมด้วยทุกสาย......เอ้อ....กระทู้นี้อ่านแล้วสนุกดี

 

สายผู้นำทางจิตวิณญาณ

 

ไม่ว่า มนุษย์ต่างดาวนรก สวรรค์ มิอาจเหนด้วยตา ก็มิอาจพร่ำพูดได้ว่า มีจริงหรือไม่
เมื่อมีมิติที่บาง ก้อย่อมมีมิติที่หนาขึ้น และ หนาขึ้นกว่า จากมองได้ด้านเดียว ก้อเริ่มมองได้หลายด้าน เกิดมุมต่างๆ ยิ่งมากขึ้นเท่าไหร่ยิ่งชัดเจน

 

กำลังฝึกกสิณไฟอยู่..ถึงจะยังไม่เกิดอภินิหารอะไร แต่..สิ่งที่ได้...สงบเยือกเย็นขึ้นเยอะ

 

เราต้องเลือกว่า จะฝึกสายไหน? หรือว่า เรามีพลังสายไหนในจิตใต้สำนึกอยู่แล้ว?
และเราจะรู้ได้อย่างไรว่าจิตเราเหมาะกับพลังอะไร?

 

พลังจิตมี9สายจักวาลถ้าฝึกจนแก่กล้าแล้วคุณจะเป็นใหญ่ไม่มีใครรังแกคุณได้และสามารถนำไปแก้แค้นคนที่เราไม่ชอบได้อีกด้วย