ใครมีความรู้เกี่ยวกับหินทิเบต(DZI)ที่กำลังฮิตอยู่บ้าง

<TABLE id=HB_Mail_Container height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0 UNSELECTABLE="on"><TBODY><TR height="100%" width="100%" UNSELECTABLE="on"><TD id=HB_Focus_Element vAlign=top width="100%" background="" height=250 UNSELECTABLE="off">ได้ยินแว่ว ๆ ว่า หนังสือหินทิเบต เล่ม 2 ของคุณราช รามัญ มีเรื่องเกี่ยวกับลูกปัดหินทวาราวดี ใกล้จะวางจำหน่ายแล้ว ผู้ที่ศึกษาและชื่นชอบในเรื่องนี้อย่าพลาดล่ะ </TD></TR><TR UNSELECTABLE="on" hb_tag="1"><TD style="FONT-SIZE: 1pt" height=1 UNSELECTABLE="on">
</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

 

หินทิเบตปลอมง่ายกว่าแก้วโป่งข่ามของทางภาคเหนือซะอีก...
อนุภาพของแก้วโป่งข่ามก็มีมากกว่าด้วย...
เพราะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น แก้วขนเหล็ก แก้วไหมทอง แก้วไหมเงิน แก้วปวกทรายต่าง ๆ แก้วสามกษัตริย์ เป็นต้น
แต่หินทิเบตยังต้องเขียนลายของตา และลายต่างๆโดยบุคคล(เช่น ลามะ)
แต่ถ้าอยากจะประยุกต์ก็นำหินทั้งสองชนิดมาร้อยรวมกันก็ได้ แปลกไปอีกแบบ

 

อีกสักพักจะเอาแก้วโป่งข่ามมาอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานกับแก้วโป่งข่าม

 

โป่งข่ามก้ดีนะครับ ถ้าผู้ที่ใส่แล้วใส่ขึ้นโป่งข่ามข้างในก้สามารถงอกได้เหมือนกันนะครับ

 

ผมมีโอกาสไปตั้งโต๊ะที่ สุพรรณบุรี หลายครั้ง
เพื่อตรวจพลัง และออร่า
พบว่า คนสุพรรณ นั้น โชคดี จริงๆๆ
แขวนวัตถุนิยม พงสุพรรณ ของแท้กันทุกคน เพราะเป็นเจ้าของพื้นที่

และอีกอย่างที่คนเอามาใหตรวจ คือ ลูกปัด ทวาราวดี
ซึ่งเป็นของโบราณ สมัย ทวาราวดี ศรีวิชัย
ขุดจาก ดินบริเวณที่ฝังศพ บ้าง ในไห บ้าง
พบว่ามีพลังค่อนข้างแรงมาก ขนาด 7.00 เมตร ขึ้นไป
เน้น คงกระพัน แคล้วคลาด และ ป้องกันคุณไสย

ที่สุพรรณ มีเรื่องแปลก เพราะ มี ลูกปัดทวาราวดี ปลอมเข้ามาปนๆๆไปด้วย
ของปลอมจะไม่มีพลัง ของแท้จะแรงมาก
คราใดที่ผม ตรวจ พบว่า แรง ก็จะบอกว่า ของแท้ มีพลัง
เท่านั้นแหละ ก็จะมีการประมูล ตรงหน้าผมเลย ระหว่างกลุ่มคน
ที่สนใจและมามุงกัน ราคาเส้นละ 5000-6500 โดยเฉลี่ย
ผมจึงรู้ว่า ลูกปัดทวาราวดี นี้ ราคาค่อนข้างสูง

 

และก็เช่นกัน
นอกจากวัตถุนิยม พระเครื่องแล้ว อีก สิ่งหนึ่งที่คนเอามาให้ตรวจมาก
คือ หินธิเบต ที่มีจำนวนตา ที่แตกต่างกันไป
ตาที่แตกต่าง ก็จะให้พลังด้านคุณ แก่ผู้ใส่ ต่างกันไป
ความต่าง ขึ้นอยู่กับออร่า และแสงรัศมี กาย

หินธิเบต มีพลังค่อนข้างแรง
เมื่อต่างจำนวนตา ความถี่ หรือการสั่นสะเทือน จะต่างกันไป
บางคนใส่ได้สะบายๆๆ แต่เส้นเดียวกันนี้ อีกคนใส่ไม่ได้
ขึ้นอยู่กับว่า ความถี่ของหินธิเบตเส้นนั้น
เป็นความถี่ที่ จูนเข้าได้กันกับคนที่ใส่หรือเปล่า
ที่จูนกันได้ พลังก็จะเสริม ให้ดีขึ้น
ถ้าจูนไม่ได้ พลังก็จะหักล้างกัน
ทำให้เกิดผลตรงกันข้ามทำให้ป่วยได้

เท่าตรวจมามากมาย พบว่า หินธิเบต จะมีแนวโน้ม อยู่ สองสี
คือ พื้นขาวและมีลายดำ
พื้นสีน้ำตาล จากอ่อนไปแก่ หรือ แกมม่วง ลายน้ำตาล
พบว่า กว่าครึ่งใส่ไม่ได้ จะมีอาการมึน เมา ปวดหัว เวียนหัว

วิธีที่จะเลือกใส่ คือ

คนที่มีออร่า หรือ รัศมีกายออกทางสีเย็น โทน เขียว ฟ้า กรมท่า ดำ
จะต้องใส่ หินธิเบต ที่ มีลายดำเท่านั้น
ถ้าไปใส่สีน้ำตาล จะเมา มึนศีรษะ ปวดหัวทั้งวัน ทันที

คนที่มีออร่า หรือรัศมีกาย ออกทาง ด้านสว่าง โทน สีน้ำตาล แสด เหลือง แดง ส้ม จะต้องใส่ หินธิเบตสี น้ำ ตาล ม่วงเท้านั้น ถ้าไปใส่สีดำ ก็จะเมา และ เวียนหัวเช่นกัน

และเป็นการยาก ที่ บางคน ไม่รู้ว่า ตัวเองมีออร่า หรือ รัศมีกาย สีอะไร
วิธีง่ายๆ ก็ดูว่า เวลาเราแต่งตัว
จะ มี เสื้อผ้า สี ออกมืด ( เขียว น้ำเงิน ดำ)
ใส่แล้วสะบายกว่า ใส่สีสว่าง
บางคนก็รู้ตัวก็แต่งแต่สีนั้น ก็ให้เลือก หินธิเบตที่ ออก ดำ อย่างเดียว

บางคนที่รู้สึกว่า ใส่เสื้อผ้า สีสว่าง ออก แสด แดง ส้ม เหลือง แล้ว สะบาย
ก็ให้ใส่ หินธิเบตสี น้ำตาล ม่วง อย่างเดียว

ส่วนคนที่ ไม่รู้ว่า ตัวเองเหมาะกับสีใด
ก็ให้ลอง เอามือซ้าย ( ต้องมือซ้าย เพราะ ใกล้หัวใจ พลังจะเร็ว)
จับกำหินสี ธิเบต ที่ ออก มืด กับที่ ออก สว่าง
แล้วดูว่า อย่างใหน สะบาย หายใจโล่ง หัวใจไม่สั่น ไม่หอบ ไม่ปวดหัว
ก็ให้เลือกเอาอันที่มีโทนสีนั้น

ถ้าไม่แน่ใจ เอามาให้ผม ช่วยตรวจก็ได้ แล้วจะรู้ด้วยตัวเอง
ลองดูครับ
ถ้าใส่ผิด จะเป็นโทษ มากกว่า คุณ
เสียดายเงิน และ สุขภาพ และ ประสิทธิภาพของสมอง

หินธิเบต คือ มีดสองคม ชนิดหนึ่ง
เลือกให้ถูกครับ

 

หินทิเบตของแท้มีแบบที่ตรงตาของหินนูนขึ้นมารึเปล่าครับ