ใครปลูกว่าน เล่นว่านบ้างเข้ามาคุยกันหน่อย

อัพเดรต กันอีกหน่อย ขมิ้นชัน เริ่มแทงใบ ขึ้นใหม่ แล้วครับ .....

 

ข้อมูลสรรพคุณ ว่าน ชักมดลูก บทความจาก คุณ พร้อมจิต ศรลัมพ์

http://www.medplant.mahidol.ac.th/document/curcuma.asp

ข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกว่าน

http://banvanthai.com/บ้านว่านไทย/ชนิดของว่าน/

 

วันนี้ ได้รู้จัก เพิ่มอีก 1 ชื่อครับ ชื่อว่า พญาไร้ใบ ....เลยเอามาแบ่งกันชม ครับ ที่เหลือ ก้ยังเรียกไม่ถูกเหมือนกันครับ พอดีเห็นดอกสวยดี ครับ

 

เพื่อนสมาชิกท่านใด มีคำแนะนำเพิ่มเติม แนะนำได้นะครับ ผมมือใหม่ หัดปลูก ครับ ...ขอบคุณครับ

 

อันนี้ใช่ "ว่านหอมแดง" หรือเปล่าคะ?

 

จากรูป น่าจะไกล้เคียง ครับ แต่จะใช่หรือเปล่า ไม่แน่ใจนะครับ ผม ไปค้นข้อมูลจากเน็ตมาให้ดูครับ (เข้าดูตามลิงค์ เลย ครับ มีภาพประกอบด้วย ครับ )

ว่านหอมแดง - ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ ม.อุบล : phargarden.com

ชื่อสมุนไพร
ว่านหอมแดง
ชื่ออื่นๆ
ว่านไก่แดง ว่านข้าว ว่านหมาก (เหนือ) ว่านเพลาะ (เชียงใหม่) หอมแดง(กลาง)
ชื่อวิทยาศาสตร์
Eleutherine palmifolia (L.) Merr.
ชื่อพ้อง
Eleutherine amaricana (L.) Merr.
ชื่อวงศ์
Iridaceae
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
พืชล้มลุก หัวใต้ดินรูปไข่ยาว เปลือกหุ้มหัวสีแดง ทรงกระสวย มีลักษณะคล้ายหัวหอม แต่ใบเกล็ดที่หุ้มหัวหนา แข็งกว่า มีสีแดงเข้มอมม่วง ลำต้นที่อยู่เหนือดินตั้งขึ้น โค้ง หรือเอนนอนแต่ปลายโค้งขึ้น ใบ แทงขึ้นมาจากพื้นดิน รูปหอก จีบซ้อนกันคล้ายพัด กว้าง 1-2.5 เซนติเมตร ยาว 25-60 เซนติเมตร ปลายใบแหลม โคนใบแคบ ขอบใบเรียบ ขนเกลี้ยง ใบที่ออกตามลำต้นมีขนาดเล็ก ดอกออกเป็นช่อ กลีบสีขาวรูปช้อน ก้านช่อยาว 2.5-4 เซนติเมตร ตั้งตรง หรือกางออก มักจะโค้ง กาบหุ้มดอกมี 2-10 อัน ซ้อนกันอยู่ที่ง่ามใบใกล้ยอด ยาว 12-16 มิลลิเมตร สีเขียว ดอกมีจำนวน 4-10 ดอก ก้านดอกยาว 1-1.5 เซนติเมตร ถูกกาบหุ้มดอกหุ้มไว้ ดอกสีขาว มี 6 กลีบ กว้าง 1.5-3.5 เซนติเมตร รูปขอบขนาน รูปไข่กลับ หรือรูปช้อน เรียงเป็น 2 วง กลีบที่อยู่วงในมีขนาดเล็กกว่ากลีบวงนอก เกสรเพศผู้มี 3 อัน สีเหลืองสด ติดอยู่ที่โคนกลีบดอก ก้านเกสรไม่ติดกัน อับเรณูตั้งขึ้น รังไข่รูปรี ก้านเกสรเพศเมียสีเหลืองแยกเป็นแขนงสั้นๆ 3 แขนง ผล รูปขอบขนาน หัวตัด มี 3 ช่อง เมล็ดรูปรี อัดกันแน่น พบตามป่าดิบราบต่ำ



ลักษณะวิสัย


ลำต้น


หัว



ช่อดอก



ดอก



เครื่องยา



ภาพแสดงตัวอย่างพรรณไม้



Herbarium specimen number : UBUPH00105 at Herbarium of Ubonratchathanee University, Ubonratchathanee, Thailand


สรรพคุณ
ตำรายาไทย ใช้ หัว มีรสร้อน มีสรรพคุณขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ หรือตำผสมกับเหง้าเปราะหอมสุมหัวเด็ก แก้หวัดคัดจมูกในเด็ก เป็นยาขับปัสสาวะ ยาระบาย ทำให้อาเจียน แก้บิด และอาการอักเสบของริดสีดวงทวาร น้ำยาที่ได้จาหัวใต้ดินใช้ทาบาดแผล แมลงกัดต่อย บดเป็นผงทาแก้ปวดท้อง

 

ว่านรางจืด(เถา)

​

ชื่อสมุนไพร
รางจืด
ชื่ออื่นๆ
ยาเขียว เครือเขาเขียว กำลังช้างเผือก หนามแน่(เหนือ) ย่ำแย้(อุตรดิตถ์) น้ำนอง คาย(ยะลา) ดุเหว่า(ปัตตานี) รางเย็น ทิดพุด แอดแอ รางจืดเถา
ชื่อวิทยาศาสตร์
Thunbergia laurifolia Linn.
ชื่อพ้อง
ชื่อวงศ์
Thunbergiaceae
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็นไม้เถาล้มลุกเนื้อแข็งขนาดกลาง ลำต้นมีเนื้อไม้ เถาอ่อนสีเขียว กลม เป็นข้อปล้อง เถาแก่สีน้ำตาล ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ รูปไข่ปลายเรียวแหลม ปลายใบแหลม หรือแหลมยาว โคนใบกลม ตัด รูปหัวใจหรือคล้ายลูกศร ขอบใบเรียบ จักซี่ฟันตื้นๆ ห่างๆ แผ่นใบเกลี้ยง เส้นโคนใบส่วนมากมี 5 เส้น เส้นแขนงใบย่อยแบบร่างแหเห็นชัดเจน ใบยาว 4-18 เซนติเมตร หลังใบผิวเรียบมัน สีเขียวเข้ม ท้องใบเรียบสีอ่อนกว่า เนื้อใบบาง ก้านใบยาวได้ประมาณ 6 เซนติเมตร ใบช่วงปลายกิ่งก้านใบสั้นมาก ช่อดอกแบบช่อกระจะออกตามซอกใบหรือปลายกิ่ง ยาวได้ประมาณ 30 เซนติเมตร ดอกรูปปากแตร สีม่วง ในช่อหนึ่งมีดอกย่อย 3-4 ดอก สีม่วงอมฟ้า กลีบดอกมี 5 กลีบ ขนาดเท่าๆ กัน โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดใหญ่สั้นๆ กลีบกลมหรือรูปไข่กว้าง ขนาดประมาณ 2-4 เซนติเมตร ภายในหลอดกลีบมีสีครีมหรือเหลือง หลอดกลีบดอกยาว 3-5 เซนติเมตร บานออกช่วงปลายใบประดับสีเขียวประแดง กลีบรองดอกเป็นรูปถ้วย กลีบเลี้ยงรูปถ้วยขนาดเล็ก ขอบเกือบเรียบ มีต่อมน้ำต้อยตามขอบ เกสรเพศผู้ 4 อัน ติดที่โคนหลอดกลีบ แยกเป็น 2 คู่ ไม่ยื่นเลยปากหลอดกลีบดอก ก้านเกสรเพศผู้ยาวประมาณ 1 เซนติเมตร อับเรณูยาวเท่าๆ ก้านเกสรเพศผู้ จานฐานดอกรูปเบาะสูงประมาณ 3 มิลลิเมตร รังไข่ รูปกรวย เกลี้ยง ยาวประมาณ 5 มิลลิเมตร ก้านเกสรเพศเมียเรียวยาว ยาวกว่าเกสรเพศผู้ ยอดเกสรแผ่ออกคล้ายรูปแตร ก้านดอกยาว 1-3 เซนติเมตร ใบประดับย่อยหุ้มกลีบเลี้ยง รูปขอบขนาน ยาวได้ประมาณ 3 เซนติเมตร ผลแบบแคปซูล รูปทรงกลม เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1.5 มิลลิเมตร ปลายผลมีจะงอยแหลมคล้ายหัวนก ยาว 1.5-3 เซนติเมตร ผลอ่อนสีเขียว พอแก่เป็นสีน้ำตาลเกือบดำแล้วแตกอ้าออกเป็น 2 ซีก เมล็ด 2 เมล็ดในแต่ละซีก เกิดตามที่รกร้างว่างเปล่าทั่วไป ตามชายป่าเบญจพรรณและป่าดิบแล้ง ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด



ลักษณะวิสัย



เถาต้น และ ใบ



ใบ และ ผล



ดอกตูม



ดอก



ดอก และ ผล



ผล



ภาพแสดงตัวอย่างพรรณไม้

 

ช่วงนี้หน้าฝน ว่าน มงคลหลายๆ ต้นที่ผมเคยปลูกไว้ โดนเชื่อราเล่นงานเน่าไปหลายต้น แล้ว ครับ........เพื่อนๆสมาชิกท่านใด พอมีวิธีแก้ใขช่วยแนะนำหน่อยครับ ขอบคุณครับ

 

สูตรดินปลูกว่าน

เครดิต: ฟังเพลงเก่าออนไลน์ แชร์กันดอทคอม โดยคุณ กรพินธุ์



สูตรดินปลูกต้นไม้ทั่วๆไป
1. ดินร่วน 1 ส่วน
2. ใบใม้ผุ 1 ส่วน
3. ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยเทศบาล 1 ส่วน

สูตรดินปลูกไม้ดอกกระถาง
1. ดินใบก้ามปู 1 ส่วน
2. ปุ๋ยคอก(ต้องเก่าๆ) 1 ส่วน
3. ดินร่วน 1 ส่วน
4. กาบมะพร้าวสับ 1 ส่วน

สูตรดินปลูกสำหรับปลูกโป้ยเซียน
1. ดินขุยไผ่ผสมแกลบหรือทรายหยาบ 1 ส่วน
2.ถ่านป่น 1 ส่วน
3.อิฐมอญทุบเล็กๆ 2 ส่วน
4.เปลีอกถั่วและใบทองหลางหรือใบก้ามปูผุๆ 2 ส่วน

 

เครดิต : คุณ กรพินธุ์

สูตรดินปลูกชวนชม
1. ทราย 1 ส่วน
2. ใบไม้แกลบผุ 1 ส่วน
3. ปุ๋ยคอกเก่า 1 ส่วน
4. ขุยมะพร้าว 1 ส่วน
อีกสูตร
1. ทราย 1 ส่วน
2. ขี้เถ่าแกลบ 1 ส่วน
3. ปุ๋ยคอกเก่า 1 ส่วน
4. ขุยมะพร้าว 1 ส่วน
5. ใบก้ามปู 1 ส่วน

สูตรดินปลูกขิง ขมิ้นชัน ไพล
1. ขุยมะพร้าว 1 ส่วน
2. ขี้เถ่าแกลบ 2 ส่วน
3. ดินร่วน 1 ส่วน
สูตรดินเพาะเมล็ด มะเขือ พริก มะละกอ
1. ดินร่วน 1 ส่วน
2. ขุยมะพร้าว 1 ส่วน
3. เถ่าแกลบ 1 ส่วน

สูตรดินปลูกบอนและว่านต่างๆ
1. ดินร่วน 6 ส่วน
2. ทราย 4 ส่วน
3. ปุ๋ยคอก 1 ส่วน
4. ใบก้ามปู 1 ส่วน
อีกสูตร
1. ดินร่วน 6 ส่วน
2. ทราย 4 ส่วน
3. ปุ๋ยคอก 1 ส่วน
4. ใบมะขามผุๆ 1 ส่วน


สูตรดินปลูกเบจมาศ โกศล ปาล์ม
1. ดินร่วน 4 ส่วน
2. ทรายหยาบ 2 ส่วน
3. ปุ๋ยคอกเก่าๆ 1 ส่วน
4. ปุ๋ยหมัก หรือปุ๋ยเทศบาล 2 ส่วน
5. กระดูป่นเล็กน้อย

สูตรดินปลูกหน้าวัว กล้วยไม้
1. ถ่าน 1 ส่วน
2. กาบมะพร้าวสับ 1 ส่วน

สูตรดินปลูกรองเท้านารี
1. ดิน 1 ส่วน
2. ทรายหยาบ+ทรายระเอียด 1/2 ส่วน
3. หินภูเขาไฟ หรือถ่านทุบ หรืออิฐมอญทุบ 1 ส่วน
4. ใบก้ามปูผสมฝักก้ามปู 1 ส่วน
5. กาบมะพร้าวหั่นลูกเต๋า 1/2 ส่วน

สูตรดินปลูกเฟิร์น
1. ดินเผาหรือดินร่วน 1 ส่วน
2. ทรายละเอียด 1 ส่วน
3. เศษอิฐหักป่น 1 ส่วน
4. ใบก้ามปูผุๆ 1 ส่วน
5. ปุ๋ยคอกเก่า 1/4 ส่วน
6. ปูนขาว 1/4 ส่วน

สูตรดินปลูกแคคตัสและพืชอวบน้ำ(โคมญี่ปุ่น, กุหลาบหิน)
1. ดินร่วน 2 ส่วน
2. ทรายหยาบ 3 ส่วน
3. ถ่านป่น 1 ส่วน
4.ใบก้ามปูผุ 1 ส่วน
5. ปูนขาวเล็กน้อย

สูตรดินปลูกน้องหนาม(ตะบองเพชร)
1. ถ่านป่น 1 ส่วน
2. ทราย 1 ส่วน

เพิ่มเติม..
การปลูกต้นไม้ไม่ว่าจะปลูกอะไรก็ตาม ถ้าจะแบ่งตามผู้ปลูกก็พอจะแบ่งออกได้
1.ปลูกเพราะ เห็นเขาปลูกแล้วอยากปลูกบ้าง
2.เห็นเขามี ก็อยากมีบ้าง
3.ที่ดินเหลือ กะตังค์เหลือ ไม่รู้ทำอะไร ก็ปลูกๆไป ใครบอกอะไรก็ปลูก
4.อยากอวด
5.ปลูกเพื่อความสุข เป็นการพักผ่อน
6.ปลูกเพราะใจรัก
7.ปลูกเพื่อเป็นอาชีพ
8.ปลูกเพื่อศีกษา
9.สารพัดร้อยแปดเหตุผล.......
ทีนี้เราก็มาถามตัวเราเองว่า เราปลูกเพื่ออะไร....แต่สุดท้าย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ต่างก็อยากให้ผลผลิตของตน มีคุณภาพตามที่ตนต้องการ และตามสายพันธุ์ที่มี ดังนั้น ข้อมูลในการที่จะบำรุง ดูแลรักษา จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องศึกษา และเรียนรู้ พร้อมปฎิบัติ การให้คำตอบควรชี้แจงให้ชัดเจน ไม่ใช่หว่านแหตอบ ....
การปลูกพืชกินผล หรือ พืชชนิดใดก็ตาม เราต้องเรียนรู้ หรือค้นข้อมูลก่อนว่า ความต้องการสารหรือธาตุอาหารของพืชในแต่ละช่วงนั้น มีความแตกต่างอย่างไร ต้องการอะไร สังเกตุดูว่าเขาขาดอะไร ......เราจะเสริมหรือให้อะไร อย่างไร ช่วงไหน ก็ไม่ต่างกับชีวิตอื่นๆ เด็ก ก็ทาน นม ข้าว กับข้าวต่างๆ จนถึง กิน หิน ดินทราย คอนกรีต ถนน มันจะพัฒนาไปเรื่อยๆ (นอกเรื่องละ)...
ดินที่ใส่ต้นไม้ ทีจริงแล้วอยากให้สร้างสภาพดินให้เหมาะสมมากกว่า เพราะดินเป็นวัตถุยึดเหนี่ยวให้ต้นตั้ง ยืนได้เท่านั้น ดังนั้นเมื่อเราเอาดินมาเป็นที่อยู่ของต้นไม้ ให้คำนึงว่า ต้นไม้มีรากนะ รากนอกจากยึดเหนี่ยวให้ต้นยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว รากยังต้องหาอาหาร สารอาหาร น้ำ และอากาศ เพื่อลำเลียงขึ้นไปเลี้ยงตัว ดังนั้นสภาพดินที่ดี ควรจะจะมีสภาพ โปร่ง ร่วน ซุย อากาศและน้ำผ่านได้สะดวก เก็บความชื้นได้พอเหมาะ ..แค่นี้ก่อนนะ มีอีกมากมายที่ต้องเรียนรู้.

ที่นี้เมื่อเราปรับสภาพดินที่เหมาะแก่จะเอาพืชลงปลูก ซึ่งพืชและชนิดที่จะปลูกนั้น เราก็ต้องรู้ด้วยว่าเขาต้องการสภาพดินเช่นไร ที้เมื่อได้สภาพดินที่เหมาะสมแล้ว ใช่ว่าจะปลูกได้เลยนะ เพราะดินที่เรามีนั้น แร่ธาตุที่ปะปนอยู่ในดินอาจจะยังไม่เพียงพอ ดังนั้นเราจึงจำเป็นที่จะต้องนำธาตุสารอาหารที่พืชต้องการ นำมาผสมลงในดิน เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับดิน ส่วนแหล่งที่มาของสารอาหารนั้น เราอาจจะทำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก โดยใช้วัตถุดิบที่เหมาะสม หรืออาจจะใช้ปุ๋ยเคมีร่วมด้วยก็ได้ แต่ต้องคำนึงอัตราและวิธีใช้ด้วย....

 

เครดิต: http://www.wanthai.com



ว่านสี่ทิศเป็นไม้หัวที่มีดอกบานเป็นช่อใหญ่สวยงาม นิยมปลูกในร่มและกลางแจ้ง ว่านสี่ทิศจะออกดอกช่วงเปลี่ยนฤดู จากฤดูหนาวไปสู่ฤดูร้อน ชาวตะวันตกจึงมักให้ว่านสี่ทิศ Amaryllis เป็นของขวัญช่วงคริสมาส แต่เนื่องจากว่านสี่ทิศมีถิ่นกำเนิดจากประเทศในเขตร้อน การออกดอกในช่วงเปลี่ยนฤดูนี้จึงสัมพันธ์กับอุณหภูมิและความชื้น ซึ่งถ้าเราสามารถเลียนแบบสภาพแวดล้อมให้กับว่านสี่ทิศแล้ว เราก็สามารถทำให้ว่านสี่ทิศออกดอกหลายครั้งต่อปีได้
การทำให้ว่านสี่ทิศออกดอกในช่วงเวลาใดของปีก็ได้ จะมีหลักการที่สำคัญคือ ต้องงดให้น้ำ 4 หรือ 8 สัปดาห์ เพื่อให้ว่านสี่ทิศเริ่มพักหัวพร้อมสร้างดอก เมื่องดให้น้ำแล้วจึงนำขึ้นมาผึ่งให้แห้งและ นำมาแช่ในตู้เย็นอุณหภูมิต่ำ เป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์ เพื่อให้เกิดก้านดอกภายในหัวว่าน เมื่อว่านสี่ทิศผ่านกระบวนการนี้แล้วก็จะสามารถนำไปปลูกเพื่อให้ออกดอกได้ทันที รายละเอียดของวิธีการดังกล่าวมีดังนี้


ตาดอกว่านสี่ทิศที่ผ่านการแช่เย็นแล้ว
วิธีการบังคับให้ว่านสี่ทิศออกดอกโดยการปรับอุณหภูมิ
การจำลองสภาพอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมสำหรับว่านสี่ทิศ จะช่วยให้ว่านสี่ทิศจะสร้างตาดอกได้ โดยนำหัวว่านสี่ทิศขนาดเส้นรอบวง 20 ซม.ขึ้นไปที่งดให้น้ำอย่างน้อย 4 อาทิตย์แล้ว นำมาตัดใบออกแล้วให้เหลือ 2-3 ซม. และตัดรากให้สั้นเหลือ 5-8 ซม. ล้างทำความสะอาด ผึ่งให้แห้ง 2 สัปดาห์ แล้วนำมาแช่ในตู้เย็นในอุณหภูมิประมาณ 10-15 องศาเซลเซียส แช่ไว้ 6-8 สัปดาห์ จากนั้นจึงนำออกมาปลูกในกระถางเพื่อให้ใบงอกออกมา แต่ไม่ควรฝังหัวว่านลึกเกินไป ควรฝังลงไปในดินประมาณ 2 ใน 3 ของขนาดหัวว่าน โดยให้ส่วนบนโผล่พ้นดินขึ้นมา และไม่ควรใช้กระถางที่ใหญ่เกินไป ขนาดที่เหมาะสมควรใหญ่ไม่เกิน 2 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางของหัวว่านสี่ทิศ
เมื่อปลูกหัวว่านสี่ทิศเสร็จแล้ว ให้รดน้ำให้ชุ่ม แล้วเว้นระยะไว้ 5-7 วัน เพื่อกระตุ้นให้รากเจริญเติบโต ในระยะนี้ถ้าหากนำกระถางไปตั้งไว้ในบริเวณที่มีแสงรำไร จะทำให้หน่อของว่านสี่ทิศงอกออกมายาวขึ้น และเมื่อว่านมีดอกแรกออกมา ให้นำกระถางไปตั้งไว้ในที่มีอากาศเย็นและมีแสงน้อยกว่าเดิม เพื่อให้ดอกว่านสี่ทิศบานอยู่ได้นานที่สุด (1)

จากการสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญพบว่า ก่อนที่จะบังคับให้ว่านสี่ทิศออกดอกได้นั้น จะต้องปล่อยให้หัวว่านสะสมอาหารจนสมบูรณ์ก่อน โดยการปลูกลงดินเป็นระยะเวลา 7-8 เดือนเป็นอย่างน้อย จากนั้นให้นำมาปรับสภาพด้วยอุณหภูมิต่ำ 6-8 สัปดาห์ เพื่อให้ว่านสี่ทิศพัฒนาจนสมบูรณ์และพร้อมที่จะออกดอก / สัมภาษณ์โดย Joelity

Tips
หากอยู่ทางภาคเหนือหรือพื้นที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ อาจไม่ต้องย้ายต้นออกจากวัสดุปลูก เพียงงดให้น้ำ หรือรดแค่พอชื้น พอถึงฤดูร้อนก็จะออกดอกได้ (2)
ขนาดของหัวว่านสี่ทิศใหญ่มากขึ้นเท่าไหร่ คุณภาพของดอกก็จะดีขึ้นด้วย และอาจให้ดอกมากถึง 3-4 ช่อดอกต่อหัว(2)

 

เครดิต: ๑๐๘ พรรณไม้ไทย วาไรตี้ไม้ดอกไม้ประดับ ประทับใจ

ว่านกุมารทอง



ชื่อวิทยาศาสตร์
Haemanthus multiforus (Tratt.) Martyn.
วงศ์
AMARYLLEDACEAE
ชื่อสามัญ
Blood flower, Powder puff lily
ชื่ออื่นๆ
ว่านกระทุ่ม ว่านตะกร้อ (เหนือ) ว่านแสงอาทิตย์ (กรุงเทพฯ)
ลักษณะทั่วไป
เป็นพันธุ์ไม้ล้มลุกที่มีลำต้นใต้ดิน ลักษณะหัวว่านคล้ายหอมหัวใหญ่ เปลือกที่หุ้มหัวมีสีน้ำตาลไหม้ และมีจุดสีแดงคล้ำประทั่วหัว ส่วนล่างของหัวมีรากออกเป็นกระจุกหนาแน่นดูเหมือนแท่นหรือฐานรองหัว ทำให้ดูคล้ายเด็กนั่งอยู่บนแท่นไว้ผมจุก จึงถูกเรียกชื่อว่า "ว่านกุมารทอง" ลำต้นส่วนที่โผล่ขึ้นมาเหนือผิวดินจะมีลักษณะกลม สีเขียว มีจุดสีแดงคล้ำตลอดทั้งก้าน ใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยว ลักษณะใบรีแกมรูปขอบขนาน ปลายใบมน โคนใบสอบเรียว ขอบใบเรียบเป็นคลื่นเล็กน้อย พื้นใบเป็นสี เขียวสด บิดตัวเป็นคลื่นเล็กน้อย ก้านใบเป็นรูปครึ่งวงกลม หรือหวายผ่าซีก แตกใบตรงส่วนยอดของต้นหรือก้านใบ ดอกจะออกก่อนใบ เมื่อดอกโรยแล้วใบจึงจะแทงขึ้นจากหัวใต้ดิน ดอกเป็นช่อแบบช่อซี่ร่ม ลักษณะของช่อดอกกลม ช่อหนึ่งๆ ประกอบด้วยดอกเล็กๆ หลายดอก ซึ่งแต่ละดอกมีกลีบดอกเป็นเส้นฝอยสีแดง ตรงปลายเป็นสีเหลืองเล็กน้อย ก้านดอกยาวมีสีเขียว ดอกดูสวยงามมาก โดยส่วนใหญ่แล้วดอกจะออกประมาณเดือนเมษายนถึงพฤษภาคมของทุกปี
การปลูก
ใช้ดินปนทรายหรือดินเผาไฟเป็นดินปลูก กลบดินพอมิดหัวว่าน รดน้ำที่เสกด้วยคาถา นะโมพุทธายะ ๓ หรือ ๗ จบ เสมอ ควรปลูกในวันเกิดของผู้ปลูกจะเป็นสิริมงคล ว่านต้นนี้ชอบความชื้นสูง ควรตั้งไว้ในที่ร่มรำไร
การขยายพันธุ์
ขยายพันธุ์ด้วยการแยกต้นที่เกิดใหม่หรือหัวใต้ดิน
ความเป็นมงคล
บ้านเรือนหรือร้านค้าใดมีว่านกุมารทองปลูกไว้จะเป็นสิริมงคลแก่สถานที่และผู้ปลูก เป็นว่านที่มีอำนาจ มีเทวดาคุ้มครอง เป็นที่ยำเกรงแก่ผู้พบเห็น ถ้าค้าขายก็จะขายได้กำไรไม่ล่มจม ให้อธิษฐานเอาเถิดในสิ่งที่ปรารถนา ถ้านำดอกว่านไปเคี่ยวน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันถั่วไว้ทาตัวจะทำให้อยู่ยงคงกระพันชาตรี ควรปลูกว่านต้นนี้ไว้ใกล้ๆ ศาลพระภูมิจะยิ่งดี เป็นว่านคู่กับ ว่านนางคุ้ม ว่านผู้เฒ่าเฝ้าบ้าน

 

พญาว่าน (ควรมีเก็บไว้)

ชื่อว่าน : พญาว่าน

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Curcuma sp.

ชื่อวงศ์ : ZINGIBERACEAE

ชื่ออื่นๆ : จ่าว่าน



วิธีปลูก

ขยายพันธุ์ด้วยเหง้า หรือการแยกหน่อ หรือการแยกหน่อ ใช้ดินร่วนๆ ทั้งหมด หรือจะปนทราย วางหัวว่านให้โผล่พ้นดินบ้างเล็กน้อย รดน้ำพอเปียกดิน น้ำที่รดต้องเสกด้วยคาถา "อิติปิโสภควา - ภควาติ" 1 จบเสมอ เวลากินและทาต้องเสกด้วยคาถานี้เช่นกัน ควรปลูกในวันพฤหัสบดี เดือน 6 ข้างขึ้น

หากเอาพญาว่านนี้ปลูกรวมไว้กับว่านอื่นๆ ในกระถางเดียวกัน ว่านอื่นๆ ที่ปลูกอยู่รวมด้วยก็จะกลายเป็นพญาว่านไปหมด



หากเอาพญาว่านมาปลูกในบริเวณกระถางหนึ่งต่างหาก แล้วตั้งไว้ตรงกลางในหมู่ว่าน พญาว่านจะมีฤทธิ์ช่วยคุ้มครองบรรดาว่านต่างๆ ให้ทรงสรรพคุณและอิทธิฤทธิ์มีคุณค่าตามสภาพธรรมชาติของว่านนั้นๆ ให้คงอยู่เสมอ ไม่เสื่อมถอย

 

ว่านพระตะบะ

เครดิต:เปิดร้านค้าออนไลน์ ซื้อของออนไลน์ ขายของออนไลน์ ช้อปปิ้ง แฟชั่น เกมส์ เกม เว็บสำเร็จรูป ซื้อขาย เสื้อผ้า เครื่องสำอางค์ เครื่องประดับ มือถือ สินค้ามือสอง

ว่านพระตะบะ

ชื่อว่าน : ว่านพระเจ้าหน้าพระองค์

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Curcuma sp.

ชื่อวงศ์ : -

ชื่ออื่นๆ : ว่านพะตะนะ


เป็นว่านสำคัญที่มีคุณประโยชน์อย่างยิ่ง ควรจะหามาปลูกไว้ในบริเวณบ้านของทุก ๆ ครอบครัว



ลักษณะ ต้นเหมือนต้นขมิ้นอ้อย ทั้งต้นและใบมีสีเขียว หลังใบมีคราบคล้ายใบลิ้นเสือ หัวเหมือนขมิ้นอ้อยแต่ใหญ่กว่านิดหน่อย ตะเกียงยาวก้าวก่าย มีรสร้อนฉุนจัด เนื้อในมีสีขาว แสดงลักษณะว่ามีธาตุปรอทที่มีอิทธิฤทธิ์มาก



ประโยชน์ ใช้ป้องกันภูตผีปีศาจได้เก่งนัก แม้แต่ใบหรือราก หรือดินที่ปลูกว่านนี้เมื่อเอาซัดเข้าไปยังผู้ที่ถูกปีศาจสิงอยู่ สามารถขับไล่ปีศาจออกได้ หากมีว่านนี้ติดตัวไปด้วยภูตผีทั้งปวงกลัวยิ่งนัก ไม่กล้าสำแดงฤทธิ์เดชอภินิหารอย่างใด ๆ ใช้กับผีได้ทุกชนิดหมด ตลอดทั้งพรายน้ำพรายบก และพรายอากาศทั่วไป ผู้ที่ถูกปีศาจเข้าสิงอยู่พอแลเห็นผู้มีว่านนี้เข้ามักจะแสดงอาการเกรงกลัวให้เห็นเป็นพิรุธทันที

ว่านนี้จึงใช้กันตัวได้ทุกแห่งหน จะไม่มีปีศาจชนิดใดมาสำแดงการหลอกหลอนได้เลย จนตลอดทั้งตามป่าดงพงสูง ผีป่า ผีปอบ ผีชมบ ผีที่มีชื่อใด ๆ ก็ตามย่อมเกรงกลัวว่านนี้ทั้งสิ้น

ปีศาจเข้าใครอยู่ เอาว่านนี้ไปซุกไว้ใต้ที่นอนโดยไม่ให้รู้ตัว มันจะกระโดดลุกหนีเพราะปรากฏว่า ที่นอนนั้นร้อนเป็นไฟแก่มันขึ้นมา ปีศาจใดหากกลัวพอถือว่านนี้เข้าไปใกล้ก็จะล้มลงชักในทันที

การคลอดบุตรไม่ต้องใช้ยันต์ เพียงแบ่งหัวว่านนี้ผูกแขวนไว้ตรงหัวนอนหญิงคลอดบุตร และแขวนไว้ที่กระโจมเด็กเพียงชิ้นเล็ก ๆ ก็สามารถป้องกันได้ทุกอย่าง เด็กนอนสดุ้งผวา เอาว่านผูกข้อมือจะหลับสบาย ผู้ใหญ่หลับตาเห็นแต่ภูตผีปีศาจ เอาว่านนี้ใส่ไว้ใต้หมอนก็จะหายได้ มีว่านนี้อยู่กับตัวพรายแม่ที่ตายไปจะมารบกวนลูกไม่ได้ และพรายลูกที่ตายไปก็ไม่อาจมารบกวนแม่ได้เช่นเดียวกัน

สำหรับในรายที่เข้าทรงเจ้า ถ้านำว่านนี้เข้าไปถามว่าวานคืออะไร หากเป็นเจ้าเข้าทรงจริงจะรู้จัก ทั้งบอกถูกทั้งชื่อสรรพคุณของว่าน แต่ถ้าเข้าทรงเท็จคือหลอกลวงแอบแฝงหากินโดยไม่มีใครเข้าทรงก็จะไม่รู้จัก พวกพระภูมิเทพเจ้าหรือเทพารักษ์ทุกคนรู้จักว่านนี้ดีทั้งนั้น เพราะว่านนี้ไม่มีอิทธิฤทธิ์อย่างใดแก่ท่านเหล่านั้น ว่านนี้ขับผีปู่ย่าตายายไม่ออกเป็นแต่กลัว เมื่อเห็นว่านนี้เข้าก็จะรีบออกตามความต้องการที่มารบกวนแล้วก็ออกไป

ทางที่ดีนั้นควรเอาว่านนี้ใส่ตลับแขวนห้อยคอไว้ จะป้องกันในทางปีศาจได้ทุกชนิดทุกอย่างหมดหากมีผีป่ากินคน โดยมีอาการท้องร่วงเหมือนอหิวาให้ใช้หัวว่านนี้ฝนละลายน้ำให้กิน ก็จะหายได้เหมือนกัน

ว่านนี้ มีมากทางถิ่นที่พวกข่าขัดหรือข่าระแดอยู่ทางฟากฝั่งประเทศลาว หรือทางเกรี่ยง, ละว้า แถว ๆ ไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรีก็มีบ้าง ออกจะหายากเพราะหวงแหนกันนัก

 

รางจืด(ต่อ)

ว่านรางจืด...สมุนไพรล้างพิษ

ชื่อวิทยาศาสตร์ : Thumbergia laurifolia Lindl.

วงศ์ : Acanthaceae

ชื่ออื่น : กำลังช้างเผือก ขอบชะนาง เครือเขาเขียว ยาเขียว (ภาคกลาง) คาย รางเย็น (ยะลา) จอลอดิเออ ซั้งกะ ปั้งกะล่ะ พอหน่อเตอ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ดุเหว่า (ปัตตานี) ทิดพุด (นครศรีธรรมราช) น้ำนอง (สระบุรี) ย่ำแย้ แอดแอ (เพชรบูรณ์)




ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้เลื้อย/ไม้เถา เนื้อแข็ง ใบ ใบเดี่ยว ออกตรงข้าม รูปขอบขนานหรือรูปไข่ ปลายใบเรียวแหลม โคนใบมนเว้า มีเส้น 3 เส้นออกจากโคนใบ ดอก มีสีม่วงอมฟ้า ออกเป็นช่อห้อยลงตามซอกใบ ใบประดับสีเขียวประแดง กลีบเลี้ยงรูปจาน ดอกรูปแตรสั้น โคนกลีบดอกสีเหลืองอ่อน เชื่อมติดกันเป็นหลอด ปลายแยกเป็น 5 กลีบ เกสรเพศผู้ 4 อันผล เป็นฝักกลม ปลายเป็นจะงอย เมื่อแก่แตกเป็น 2 ซีก
ส่วนที่ใช้ : ใบ ราก และเถาสด

สรรพคุณ : รางจืดที่มีประสิทธิภาพ คือรางจืดชนิดเถาดอกม่วง

รากและเถา - รับประทานแก้ร้อนใน กระหายน้ำ

ใบและราก - ใช้ปรุงเป็นยาถอนพิษไข้ เป็นยาพอกบาดแผล น้ำร้อนลวก ไฟไหม้ ทำลายพิษยาฆ่าแมลง พิษจากสตริกนินให้เป็นกลาง พิษจากดื่มเหล้ามากเกินไป หรือยาเบื่อชนิดต่างๆ เข้าสู่ร่างกายโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม เช่น ติดอยู่ในฝักผลไม้ที่รับประทาน เมื่ออยู่ในสถานที่ห่างไกล การนำส่งแพทย์ต้องใช้เวลา อาจทำให้คนไข้ถึงแก่ชีวิตได้ ถ้ามีต้นรางจืดปลูกอยู่ในบ้าน ใช้ใบรางจืดไม่แก่ไม่อ่อนเกินไปนัก หรือรากที่มีอายุเกิน 1 ปีขึ้นไป และมีขนาดเท่านิ้วชี้ มาใช้เป็นยาบรรเทาพิษเฉพาะหน้าก่อนนำส่งโรงพยาบาล (รากรางจืดจะมีตัวยามากกว่าใบ 4-7 เท่า) ดินที่ใช้ปลูก ถ้าผสมขี้เถ้าแกลบหรือผงถ่านป่น จะช่วยให้ต้นรางจืดมีตัวยามากขึ้น

วิธีใช้ :

ใบสด
สำหรับคน 10-12 ใบ
สำหรับวัวควาย 20-30 ใบ
นำใบสดมาตำให้ละเอียดผสมกับน้ำซาวข้าวครึ่งแก้ว คั้นเอาแต่น้ำดื่มให้หมดทันทีที่มีอาการ อาจให้ดื่มซ้ำได้อีกใน 1/2 - 1 ชั่วโมงต่อมา

รากสด
สำหรับคน 1-2 องคุลี
สำหรับวัวควาย 2-4 องคุลี
นำรากมาฝนหรือตำกับน้ำซาวข้าว แล้วดื่มให้หมดทันทีที่มีอาการ อาจใช้ซ้ำได้อีกใน 1/2 - 1 ชั่วโมง ต่อมา

คำเตือน : การใช้รางจืดสำหรับถอนพิษยาฆ่าแมลง ยาพิษและสตริกนินนั้น ต้องใช้ยาเร็วที่สุดเท่าที่จำทำได้ จึงจะได้ผลดี ถ้าพิษยาซึมเข้าสู่ร่างกายมากแล้ว หรือทิ้งไว้ข้ามคืน รางจืดจะได้ผลน้อยลง

แพทย์แนะดื่มน้ำรางจืด น้ำมะนาว ถอนพิษเมาค้าง ลดอาการอ่อนเพลียจากการตรากตรำฉลองสงกรานต์ รวมทั้งกินอาหารตามธาตุเจ้าเรือน ลดการแปรปรวนของธาตุต้นเหตุการเจ็บป่วย

นพ.ลือชา วนรัตน์ อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การฉลองสงกรานต์ที่ผ่านมา หลายคนดื่มเหล้า เบียร์ กรำแดดเล่นสาดน้ำหามรุ่งหามค่ำ และวันที่ 16-17 เมษายน คาดว่า จะมีผู้เดินทางจำนวนมาก เพราะเป็นวันหยุดวันสุดท้าย ต้องกลับมาทำงาน ประกอบกับสภาพร่างกายที่อ่อนเพลีย และเมาค้าง จึงเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย แนวทางดูแลสุขภาพตามภูมิปัญญาไทยมีวิธีดูแลสุขภาพ คือ การกินอาหารตามธาตุ ให้เหมาะสมกับช่วงเวลาเพื่อความสมดุลของร่างกาย
ดังนั้น ผู้ที่เมาค้าง อ่อนเพลีย แนะนำให้ดื่มน้ำรางจืด น้ำมะนาว ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย หรือเลือกใช้กลิ่นหอมของสมุนไพรทำให้สดชื่นแก้ง่วง

“ช่วงเช้า 6 โมงเช้าถึง 10 โมง มักเจ็บป่วยด้วยธาตุน้ำ ต้องดื่มน้ำสมุนไพรรสเปรี้ยว อย่างน้ำมะนาว น้ำส้ม ช่วง 10 โมง ถึงบ่ายสอง มักเจ็บป่วยเพราะธาตุไฟกำเริบ ควรดื่มน้ำสมุนไพรรสขม พวกน้ำบัวบก น้ำมะระ น้ำเมล็ดบัว พอบ่ายสองถึง 6 โมงเย็น มักเจ็บป่วยเพราะธาตุลมกำเริบ ควรดื่มน้ำสมุนไพรรสเผ็ดร้อน คือ น้ำขิง น้ำตะไคร้ น้ำมะตูม” นพ.ลือชา กล่าว

นพ.ลือชา ยังแนะอาหารที่เหมาะกับธาตุตามหลักแพทย์แผนไทย ว่า ผู้ที่มีธาตุดิน ซึ่งเกิดในเดือนตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม ควรรับประทานอาหารรสฝาด มัน เค็ม ผู้ที่ธาตุน้ำเป็นเจ้าเรือน คือผู้ที่เกิดเดือนกรกฎาคม สิงหาคม กันยายน ควรรับประทานอาหารรสเปรี้ยว ขม ผู้ที่มีธาตุลม คือ เกิดเดือนเมษายน พฤษภาคม มิถุนายน ให้รับประทานอาหารรสเผ็ด ร้อน ส่วนผู้ที่มีธาตุไฟเป็นเจ้าเรือน คือ เกิดเดือนมกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม ให้รับประทานอาหารรสขม จืด เย็น จะช่วยปรับธาตุให้สมดุล ไม่เจ็บป่วยง่าย

รางจืด..สมุนไพรมหัศจรรย์ถอนพิษได้

ปัจจุบันนี้ ปัญหาสารพิษตกค้างในพืชผักและผลไม้มีจำนวนมาก ซึ่งอาจเป็นผลให้ได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกายและอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ใน ภายหลัง

การล้างพิษสามารถทำได้โดยการกินอาหารที่มีแอนติออกซิ แดนต์ หรือสารต้านอนุมูลอิสระให้มาก เช่น ผัก ผลไม้ ผักใบเขียวๆ มะละกอ แครอต ตำลึง ฯลฯ สมัยก่อนชาวบ้านมักจะเชื่อว่า รางจืด, ว่านจืด, ข่าจืด ช่วยล้างพิษได้ แต่ที่นิยมมากที่สุดขณะนี้คือ รางจืด สรรพคุณ รางจืดตามตำรายาไทยกล่าวไว้ว่า "รางจืดรสเย็น ใช้ปรุงเป็นยาเขียวถอนพิษไข้ ถอนพิษผิดสำแดงและพิษอื่นๆ ใช้แก้ร้อนใน กระหายน้ำ รักษาโรคหอบหืดเรื้อรัง และแก้ผื่นคันจากอาการแพ้ต่างๆ ใช้แก้พิษเบื่อเมาเนื่องจากเห็ดพิษ สารหนู หรือแม้ยาเบื่อประเภทยาสั่ง

สำหรับคนที่เป็นนักดื่มสุรา ย่อมรู้ดีว่ารางจืดช่วยถอนพิษสุราได้ สิ่งที่ยอมรับคือ หากดื่มสุราจัดเกินขนาดแล้วเกิดอาการเมาค้าง รางจืดช่วยถอนอาการเมาค้างได้แน่ นอกจากนี้ผู้นิยมสมุนไพรยังแจ้งผลการใช้มาว่าแก้พิษได้อีกหลายอย่าง เช่น สุนัขโดนวางยาเบื่อก็รอดชีวิตมาได้ โดยเจ้าของคั้นน้ำรางจืดให้กิน หรือในอดีตใครที่ถูกวางยาก็มักแก้ด้วยรางจืดเช่นกัน

ก่อนมีคนดื่มยาพิษ ญาติพามาให้หมอรักษา โอกาสรอดนั้นครึ่งต่อครึ่ง ถ้าล้างท้องทันก็ไม่ตาย แต่หลังจากใช้รางจืดดอกสีม่วงมาให้คนป่วยดื่มโอกาสรอดชีวิตมีสูงเกือบเต็มร้อย

รางจืดนี้ถ้าใช้รับประทานประจำทุกวันสามารถล้างพิษในโลหิตและพิษที่ตกค้างในร่างกายออกได้ เป็นการป้องกันการเกิดมะเร็งอันเนื่องมาจากสารพิษสะสมในร่างกายได้เป็นอย่างดี และผู้ป่วยมะเร็งถ้ารับประทานรางจืดประจำก็สามารถทำให้สุขภาพดีขึ้น

ตามตำราเภสัชแผนโบราณกล่าวถึงสรรพคุณของรางจืดไว้ว่ารางจืดมีรสจืดเย็น ใบ ราก เถา ตำคั้นหรือเอารากฝนกับน้ำ หรือต้มเอาน้ำดื่มถอนพิษ แก้ไข้ ถอนพิษยาเบื่อเมา แก้ร้อนในกระหายน้ำ แก้ประจำเดือนไม่ปกติ แก้ปวดหู ตำพอกแก้ปวดบวม ทั้งต้นปรุงยาแก้มะเร็ง

โดยภาพรวมแล้วรางจืดเป็นยาประจำบ้าน เป็นหมอประจำบ้าน มีรางจืดอยู่กับบ้านสามารถช่วยชีวิตคนยามฉุกเฉินได้ดีที่สุด แทบจะไม่ต้องพึ่งโรงพยาบาลเลย

ที่มา : http://www.sanyasi.org/










Create Date : 26 มิถุนายน 2554
Last Update : 26 มิถุนายน 2554

 

ไปซื้อต้นไม้ ที่สนามหลวง2

ไปซื้อต้นไม้ ที่สนามหลวง2




สนามหลวง2 อยู่แถวพุทธมณฑล ธนบุรี บางคนก็ว่าแถวบางแค

ซื้อบ้านเพราะอยากได้รถ อิอิ
ชอบสระบัวไม่ค่อยมีให้ดูเพราะถมที่ทำบ้านจัดสรรหมด






หน้าตาด้านหน้าทางเข้าเป็นแบบนี้แระแสดงว่ามาไม่ผิดที่





ไม่น่าเชื่อ ก่อนมาไม่กี่คืนฝันเห็นป่ามะพร้าวแบบนี้แระ และฝันว่าได้เดินเที่ยวจอดรถแถวนี้ เงงเลยฝันแม่นมากกกกกกกก




เขาเล่าว่าเหมือนจตุจักร มีส่วนเหมือนจริงๆๆ เห็นบางโซนติดโฆษณาต่อไปจะยกสินค้าเหมือนตลาดโรงเกลือมาไว้ที่นี่





วันนี้เป็นวันธรรมดาร้านค้าปิดเป็นส่วนใหญ่




เดินดูต้นไม้กะของแต่งบ้าน ชอบๆๆเดินดูของพวกนี้สดชื่นดี





ช่วงนี้กำลังเห่อดอกกล้วยไม้
แต่อยากได้กล้วยไม้แคระต้นเล็กดอกจิ๋วปลุกใส่กระถางตั้งโต๊ะ หมดเลยอดซื้อ

ดอกอะไรเนี้ย บานเป็นกระด้งเลย





และแล้วตาก็หาเรื่องเสียเงิน
มีอะไรที่เราปราถนาแล้วไม่ได้ เหอๆๆๆ
ในที่สุดก็เจอร้านขายต้นหม่อน ราสเบอรี่ไทย
คุ้ยๆๆเลือกต้น คนขายอยู่ไหนเนี้ย

ร้านนี้มีต้นไม้ที่อยากได้หมดเลยทั้งเชอรี่ด้วย มะขามป้อมยังมีเลยและต้นอื่นๆชื่อแปลกหายาก

แต่

คนขายอยู่หนายยยยยยยยยยยยยยย ถามป้าคนโน้นคนนี้ที่เดินผ่านเผื่อเห็นคนขาย ป้าๆแกก็บอกว่าเห็นมีขายร้านนี้ร้านเดียวแต่คนขายไม่อยู่ ป้าก็เล็งจะซื้อหลายต้นเหมือนกัน เอ๊า

อยากซื้อออออออออ

ผลไม่มีคนขายเขาปิดร้าน

ความพยายามอยู่ที่ไหนความพยายามไม่อยู่ที่นั่น

เลยไปถามป้าคุยเก่งใจดีร้านใกล้ๆกัน ป้ามีต้นพวกนี้ไหม นู่จะซื้อป้าบอกมีแต่เชอรี่สเปนเอาป้าขายถูกลดให้80บาทมีลุกห้อยด้วย5555555 เหลืออยู่2กระถาง ไปรื้อของป้าแก ป้ามันมีเหลือกระถางเดียวแฟนหล่อนะป้า5555555 เกือบไม่ได้แล้วตู

ป้าโม้ต่อมันมีอีกเชอรี่ เชอรี่หวานแต่ร้านป้าไม่มีร้านที่ปิดมี
ป้าหนอป้ามาพูดให้เจ็บใจกระตุ้นต่อมอยากได้
ต้นหม่อนป้าก็ดันไม่มี
เอางี้ ป้าขายแทนร้านนั้นได้ไหมป้าเก็บเงินไว้ให้เขา
ด้วยความที่ป้าแกสงสารเห็นเราอยากได้มาก
ป้าเลยบอกเอ๊าก็ได้ โทรไปถามราคาเขาแล้วกันถ้าต้นไหนไม่ติดราคา
เย้ๆๆๆ จะได้ซื้อแล้วเฟ้ย


อ้าวกำ ต้นเชอรี่หวานราคาหายเพราะเปื่อยคงโดนน้ำมากเหลือแต่กระดาษราคาถูกลบ
เลยต้องดันทุรัง กดมือตือไปถามเจ้าของร้าน
แงๆๆๆ ปิดมือถือทั้ง2เบอร์เลยติดต่อไม่ได้
เลยต้องตัดใจอดซื้อต้นเชอรี่หวาน

แต่ ....ก็มีความหวังพรุ่งนี้มาอีกเผื่อเขาเปิดร้านมาขาย





นี่แระต้นไม้ที่ซื้อขาดเชอรี่หวานแต่วันต่อมาก็ได้สมปราถนา
ลืมเล่าป้าแกเชียร์ซื้อต้นลีลาวดี
ลยบอกมีแล้วต้นใหญ่เลยเจอขโมยตัดกิ่งคงจะเอาไปชำปลูกขายมั้ง

ป้าแกเลยบอกของแกก็เจอขโมยยกกระถาง
แกก็ปล่อยให้ยกไปนะแล้วแจ้งตำรวจไปตามจับ

ก็พวกร้านขายต้นไม้อีกด้านนึงนี่แระ
ต๊ายคงรวยไม่นานเดี๋ยวก็เจ้งไม่เจริญหรอกพวกนี้

ร้านพ่อแม่เพื่อนก็เคยเจอแกบอกเหมือนกันก็พวกขายต้นไม้นี่แระขโมยของกันเอาไปขายร้านตัวเอง
จนตอนหลังต้องทำรั้วเหล็กปิดร้าน

อยากมีร้านขายต้นไม้จังน่ามีความสุขดี ชอบๆๆ อยู่แต่กะสิ่งที่รักและสดชื่น





เสร็จจากสนามหลวง2ไปเดินหาซื้อเสื้อผ้าที่เซนทรัลปิ่นเกล้า เพื่อนบอกช่วงนี้ทุกห้างกระหน่ำลดราคาของ5-50เปอร์เซนต์ เดินจนเมื่อยตุ้มแทบไม่ได้ซื้อเพราะไม่ถูกใจโจ๋

เพื่อนโทรมาเม้าส์เดี๋ยวนี้เศรษฐกิจไม่ดีคนไม่ค่อยจับจ่าย เงียบไปหมดเลยต้องลดราคาเพือให้คนซื้อระบายของ นี่ขนาดลดแล้วยังไม่ค่อยเห็นคนเดินซื้อเลย ไม่เหมือนเมื่อก่อน ขนาดเราเมื่อก่อนก็บ้าซื้อเดี๋ยวนี้มันเซงๆๆไงไม่รู้เลยพลอยไม่สน





Create Date : 30 เมษายน 2549
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2553

 

จัดว่า ซื้อ หัวมาปลุกเยอะมาก นะครับ ....เรื่องสรรพคุณของว่าน ผม ก็ศึกษาเอาจาก ข้อมูลที่มีอยู่ใน google นี้ หละครับ ...ว่านบางชนิด ผมก็สอบถามข้อมูลจากคนที่เค้ามีอาชีพ ปลูก - ขาย ว่าน อยู่เหมือนกันครับ ... ส่วนบางชนิดที่ผมปลูกอยู่ก็ได้คำบอกเล่าจาก พ่อผม มานะครับ ถ้ามีข้อมูลอะไรก็มาแบ่งปันกันได้นะครับ ......จะได้เป็นการช่วยสืบทอดภูมิปัญญา จากรุ่น สู่รุ่น ต่อไป ครับ

เท่าที่ดูจากรายชื่อ ว่านที่คุณปลูก ล้วนแต่ เน้นทางด้านมงคล+เมตตามหานิยม ทั้งนั้นเลยครับ .......

จากแนวคิดส่วนตัวผมเอง นะครับ .....(อิงจากประสบการณ์) ว่านประเภทหัว ส่วนใหญ่ จะใช้หัวเก็บธาตุและสารอาหารเอาไว้ครับ ใบที่เราเห็นบอกถึง ความสมูรณ์ของสภาพแวดล้อมรอบข้าง ที่เพาะปลูกหรือ พื้นที่ว่าน อยู่อาศัย ครับ ลำต้น บอกถึงวงจรอายุของว่าน นั้นๆ ครับ (จากที่ผมสังเกต ทำให้ผมพอจะดูได้คร่าวๆ ครับว่า ช่วงใหน จะกู้ขึ้นมาใช้ทำยาได้นะครับ )

เรื่องของว่านที่ต้น+ใบ เหี่ยวแห้ง แล้ว เจอฝน แล้วออกดอกแตกใบใหม่ อย่าตกใจครับ เป็นเรื่องปกติ ครับ .....ตามความเชื่อจากรุ่นสู่รุ่น หากว่านใด แตกดอกขึ้นมา นั่นหละครับ ว่านกำลังนำโชคลาภมาสู่ผู้ปลูก หรือเจ้าของแล้ว หละครับ ....(โชคลาภ อาจมิใช่ สิ่งที่หยิบต้องได้เป็น เงิน ทอง หรือทรัพย์ เท่านั้น นะครับ อาจมาในรูปแบบของความอิ่มเอมใจ และสันติสุขในใจ อย่างที่ที่ไม่เคยได้รับมาก่อน ขึ้นอยู่กับ บุญ และกรรม ครับ )

ถ้าคุณมีรูป และวิธีดูแลว่าน ก็มาแบ่งปันกัน ได้นะครับ ......เพื่อนๆ ที่รักว่าน จะ ได้มีแนวทาง ดูแลรักษษว่าน ต่อไป ครับ ขอบคุณครับ .....

 

ขอบคุณครับ เยี่ยมมากๆ เลย ครับ .....ดีแล้วครับ ที่ว่านอุตพิต ขึ้นเอง ...แสดงว่าพื้้นที่ตรงนั้น มีความสมบรณ์ และ มีแร่ธ่ตุ สารอาหารที่ ว่านชนิดนั้น ต้องการครับ ...ผมเองก็ไม่แน่ใจนะครับ ว่า ว่านอุตพิต ภายในว่านประกอบไปด้วยธาตุและสารเคมี อะไรบ้าง ตรงนี้หละ น่าท้าทายให้เราพิสูจน์ ครับ ...จะได้ ใช้ประโยชน์จากว่านชนิดนี้ได้ นะครับ ..... แล้วผม จะลองค้นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ กับว่านชนิดนี้ มาแบ่งปันนะครับ หากเพื่อนสมาชิกท่านใด มีข้อมูล ก็มาร่วมแบ่งปันกัน ได้นะครับ .....ขอบคุณครับ

 

ตามนี้เลย. สรรพคุณดีมากๆค่ะขอยืนยันเพราะใช้ได้ผลจริงๆ
(น่าเสียดายที่ใช้ได้ครั้งเดียวเอง)