ใครขัดข้องอะไรก็เข้ามา

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Master Papol, 11 ธันวาคม 2012.

  1. Ukie

    Ukie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +594
    ขอบคุณค่ะ ทำไปเรื่อยๆจะเห็นชัดขึ้นเหรอค่ะ แต่ อยากสนใจที่ลมหายใจมากกว่าค่ะ

    ปัญหาคือ เคลิ้มหลับอีกแร้วววว เอาไงดี
     
  2. Master Papol

    Master Papol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +92

    ทุกข์ที่แท้จริงในขั้นปรมัตถ์แล้วไม่เคยดับ
    แต่จิตที่ยอมรับอย่างศโรราบต่อทุกข์ที่มีอยู่ตลอดอย่างหมดจดหมดใจไม่ขัดขืน
    เรียกว่าเห็นแจ้งในทุกข์ เพราะไม่มีอาการไปปรุงแต่งให้ต่อเนื่อง
    จึง"อยู่เหนือทุกข์"ที่เกิดขึ้น
    ท่านก็เรียกสภาวะนี้ไปพลาง ๆ ว่าเป็น "การดับทุกข์"
    แต่หาใช่การไปพยายามทำให้ทุกข์ไม่เกิดขึ้น หรือให้หายดับไปถาวรไม่

    แม้ภูมิอรหันต์ก็ยังทุกข์อยู่ แต่ท่านทุกข์เพียงอย่างเดียวคือ
    ทุกข์อันเนื่องด้วยขันธ์ ฯ



    ขออนุโมทนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2012
  3. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    นี่ๆ เชื่อไหมว่า คนที่เขาเคลิ้มหลับหนะ เขาไม่รู้หลอกว่า เคลิ้ม

    ส่วนคนที่ เคลิ้มก็พิจารณาอยู่นี่ อันนี้เขาเรียกว่า มีสติ เพียงแต่
    สอดส่อง "ลมหายใจ" ไม่เจอ ทั้งๆที่ เห็นนะ แต่ กำลังการยก
    โยนิโสมนสิการไม่พอ เลยคิดว่าไม่เห็น สัมปชัญญะมันก็เลย
    ไม่เกิด หริบๆหรี่ ไปหน่อย

    แต่หากปรารภว่าเห็น เคลิ้ม อันนี้เขาถือว่า พอใช้

    แต่ถ้า ตื่นเช้าขึ้นมาแล้ว เอ้ยเวลาหายไป สงสัยเคลิ้ม อันนี้ไม่เอา

    เห็นเคลิ้มในปัจจุบันขณะ พอใช้

    เห็นเคลิ้มด้วยการเปรียบเทียบเงื่อนเวลาเอา อันนี้ นะ ไม่ว่ากันดีกว่า
     
  4. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    อ้าวเป็นไง สบายใจยัง ได้กล่าว รู้ภูมิอรหันต์ ที่วาดเป้าหมายเอาไว้ สักที

    ตั้งกระทู้มา เพื่อการนี้อะเนาะ พลาดได้ไง ชะม๊า

    เชื่อไหม ไอ้ที่คุณกล่าวมาเนี่ยะ เขาเรียกว่า " อาการหลงไหลการทำกาละ "

    เนี่ยะๆ ตรงเนี่ยะ จุดทะแม่ง ....................

    เขาเรียกว่า อาการคนไม่เข้าใจโลก ซึ่งไม่แปลกที่จะ มองหลักประโยชน์ ไม่ออก
     
  5. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    พระวจนะ" เรื่องสติในการเผชิญโลกธรรมของอริยสาวก---พระวจนะ"ภิกษุทั้งหลาย ลาภเกิดขึ้นแก่ปุถุชนผู้ไม่มีการสดับ จึงไม่รู้ชัดตามความเป็นจริงว่า "ลาภนี้เกิดขึ้นแล้วแก่เรา แต่มันไม่เที่ยงเป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ดังนี้(ในกรณีแห่งความเสื่อมลาภ ยศ ความเสื่อมลาภ ความเสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข และ ทุกข์ ก็มีข้อความตรัสไว้อย่างเดียวกัน).............ลาภ ก็ ครอบงำจิตของเขาตั้งอยู่ ความเสทื่อมลาภก็ครอบงำจิตของเขาตั้งอยู่.............ยศ ก็ครอบงำจิตของเขาตั้งอยู่ ความเสื่อมยศ ก็ครอบงำจิตของเขาตั้งอยู่........นินทาก็ครอบงำจิตของเขาตั้งอยู่ สรรเสริญก็ครอบงำจิตของเขาตั้งอยู่.............สุขก็ครอบงำจิตของเขาตั้งอยู่ ทุกข์ก็ครอบงำจิตของเขาตั้งอยู่...ปุถุชนนั้น ย่อมยินดีในลาภ ย่อมยินร้ายในความเสื่อมลาภ อันเกิดขึ้นแล้ว....ย่อมยินดีในยศ ย่อมยินร้ายในความเสื่อมยศ อันเกิดขึ้นแล้ว....ย่อมยินดีในสรรเสริญ ย่อมยินร้ายในนินทา...........ย่อมยินดีในสุข ย่อมยินร้ายในทุกข์ อันเกิดขึ้นแล้ว....เขาถึงพร้อมด้วยความยินดียินร้าย อยู่ดังนี้ ย่อมไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสทั้งหลาย เรากล่าวว่า เขาไม่หลุดพ้นจากทุกข์ ดังนี้...........................ภิกษุทั้งหลาย ลาภเกิดขึ้นแก่อริยสาวกผู้มีการสดับ เขาพิจารณาเห็นโดยประจักษ์ จึงรู้ชัดตามเป็นจริง ว่า ลาภนี้ เกิดขึ้นแล้วแก่เรา แต่มันไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ดังนี้(ในกรณีแห่งความเสื่อมลาภ ยศ ความเสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข และทุกข์ ก็มีข้อความตรัสไว้อย่างเดียวกัน)...ลาภก็ไม่ครอบงำจิตของเขาตั้งอยู่ ความเสื่อมลาภ ก็ไม่ครอบงำจิตของเขาตั้งอยู่ ...ยศก็ไม่ครอบงำ จิตของเขาตั้งอยู่ ความเสื่อมยศก็ไม่ครอบงำจิตของเขาตั้งอยู่ ...นินทา ก้ไม่ครอบงำจิตของเขาตั้งอยู่ สรรเสริญก็ไม่ครอบงำจิตของเขาตั้งอยู่...สุขก้ไม่ครอบงำจิตของเขาตั้งอยู่ ทุกข์ก้ไม่ครอบงำจิตของเขาตั้งอยู่..อริยสาวกนั้น ย่อมไม่ยินดีในลาภ ย่อมไม่ยินร้ายในความเสื่อมลาภ อันเกิดขึ้นแล้ว...ย่อมไม่ยินดีในยศ ย่อมไม่ยินร้ายในความเสื่อมยศ อันเกิดขึ้นแล้ว ...ย่อมไม่ยินดีในสรรเสริญ ย่อมไม่ยินร้ายในนินทา อันเกิดขึ้นแล้ว...........ย่อมไม่ยินดีในสุข ย่อมไม่ยินร้ายในทุกข์ อันเกิดขึ้นแล้ว เขามีความยินดี และยินร้ายอันละได้แล้ว อยู่ดังนี้ ย่อมหลุดพ้นจาก ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ โทมนัส อุปายาสทั้งหลาย เรากล่าวว่า เขาหลุดพ้น จากทุกข์ ดังนี้---(คาถาผนวกท้ายพระสูตร)----มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ นินทา สรรเสริญ สุข และ ทุกข์ แปดอย่างนี้ เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงในหมู่มนุษย์ ไม่ยั่งยืน มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ผู้มีปัญญา มีสติ รู้ข้อความนี้แล้ว ย่อมเพ่งอยู่ในความแปรปรวนเป็นธรรมดาของโลกธรรมนั้น------อฎฐก.อํ.23/159/96...(อริยสัจจากพระโอษฐ์ ท่านพุทธทาส):cool:
     
  6. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ........ผมคิดว่านะ การเลือกเฟ้นธรรม อันเกิดจาการมีสติสัมปชัญญะ...ตนเองจะบอกตนเองได้ว่า สิ่งใดที่ทำแล้วยิ่งจมในความทุกข์(อันเกิดจากการเจริญสติมาพอควร) สิ่งใดคือ สิ่งที่ควรเจริญ..การวางตัว วางใจในการกระทำทุกอย่างจะเหมาะสมได้ด้วย เคย ภาวนามา จะเป็นอัตโนมัติ.(มีการแก้ปัญหา ที่เป็นเหตุเป็นผล).....................ลองเปรียบเทียบดู ถ้า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเราผู้ไม่เคยเจริญสติ(ก่อนก่อน) กับ เราผู้เจริญสติอยู่...:cool:
     
  7. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    Bull_psi
    วิปัสสนู นั้นคือเห็นธรรมะเคลื่อนจากความเป็นจริง พระพุทธเจ้ากับพระอรหังเห็นธรรมะว่างเปล่า แต่พระอนาคามี ยังเห็นธรรมะเป็นปัญญาอยู่เพราะรู้แล้วไม่ละจึงยังไม่หลุดพ้น
    แต่ทั้งหมดที่ Master Papol แสดงธรรมมานั้นข้ามตัวหลงไปได้แล้วคับ
    ไม่เหมือนอย่างบรรดาคนโง่แสดงธรรม ตัดเรื่องกฏของพระไตรลักษณ์ ออกทำให้ไม่บรรลุธรรมของจริง เพราะเจ้าของกระทู้มี กฏของไตรลักษณ์ ยืนยันกำกับ ในความไม่วิปลาสคลาดเคลื่อนจากอนัตตาธรรม (ไม่ใช่คนไม่ใช่สัตว์) วิปลาสหมายถึงความรู้เห็นที่คลาดเคลื่อนหรือความรู้เข้าใจอันผิดเพี้ยนจาก ความเป็นจริงที่เห็นผิดว่าเป็นคนเป็นสัตว์เป็นก้อนธาตุ Master Papolไม่มีอาการใจอันผิดเพี้ยนจากธรรมะของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
    ส่วนอริยขั้นต่ำ ยังข้ามจากคลองหลงไปไม่ได้ ปัญญารู้เห็นตามความเป็นจริงยังไม่แจ้งแทงตลอดนั่นเองครับ สาเหตุมาจากติดในเงื้อนไข ของทั้งสอง คือ สมมุติ กับ วิมุตติ
    เงื้อนไขทั้งสาม ติดอดีต อนาคต ปัจจุบัน คืออริยขั้นต่ำยังไม่บริสุทธิ์พอในการประกาศว่าตรัสรู้ตามพระพุทธเจ้านั่นเองครับ Bull_psi
     
  8. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ทุกคนมาทำงานของตน มาตามงานของตน
    มารก็ทำงาน พระก็ทำงาน บุคคลทั่วไปสามคนก็ทำงาน

    การกระทำใดที่ทำไปแล้วมาคิดเสียใจในภายหลัง ไม่ดีเลย
     
  9. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    555+++ ขาว ก็แพงแล้ว มาเปิดบวกสิบไม่โหดไปหรอ เราชอบต่อสะด้วย ผู้ตรวจสอบ อารมณ์ธรรม ท่านผู้รู้ปริยัติ ครึ่งทางแล้วออกแรงอีกหน่อยนะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2012
  10. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    การข้ามโคตรปุถุชนไปแล้ว ก็เข้าร่วมในวงตระกูลของพระอริยไม่เปลี่ยนแปลง
    เวียนถอยกลับมาตกต่ำเป็นปุถุชนอย่างที่ พระธรรมเข้าใจพระธรรมของพระพุทะเจ้ากับพระอรหังที่คาดเคลื่อนจากความจริง ไม่มีอะไร แต่ถ้าจะมีอะไรไปมากกว่านั้นก็เพราะพระธรรมยังไม่พ้นทุกข์ และดับทุกข์ได้โดยสิ้นเชิงคับ
     
  11. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    มีศาสดาพระองค์ ใดไม่กล่าวว่าตนเป็นพระอรหังมีธรรมะที่มีในตน ไม่มี

    บุคคลทั่วไป 3 คนคุณพยายามกล่าวตู่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย
     
  12. สับสน!

    สับสน! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2010
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +3,984
    เอาปฏิเวธมาคุยดีกว่า..อย่ามัวแต่เพลินคุย ปล่อยให้นิวรณ์์ สมาชิกบุคคลที่3..ไล่จี้ด้วยคารม จนหัวเราะไม่ออก เลยครับ
    เอาภาคปฏิบัติแล้วเกิด ปฏิเวธยังไงมาคุยีกว่าครับ ในบอร์ดนี้ คุรุกรรม กับ ทะลุธรรม มากพอแล้วครับ..อิอิ
     
  13. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    บุรุษใดโยนก้อนหินลงน้ำ
    น้ำย่อมกระเซ็นใส่ตนเป็นธรรมดา (มิได้รังเกียจว่าน้ำขี้เยี่ยวสกปรก)
    น้ำนั้นย่อมกระเพื่อมมีขึ้นลงกระจายแล้วกลับสู่สมดุลเป็นธรรมดา
    ทั้งน้ำและบุรุษต่างยอมรับในกฎธรรมชาติ
    ^^

    หากบุรุษผู้บรรลุพ้นสมมุติยังจะปรุงแต่งเป็นรู้ทุกข์ ยอมรับทุกข์อยู่หรือครับ
     
  14. suriyannnn

    suriyannnn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +124
    ผมปฏิบัติสมาธิแล้วเห็นภาพนิมิตเยอะมากควรแก้ไขอย่างไรครับ
     
  15. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    สำหรับผมไม่ว่าใครที่กล่าวตู่พระธรรมคำสอนของพระศาสดา ทำตนเสมอพระสงฆ์สาวกไปจนถึงพระศาสดาผมถือว่าคนจำพวกนี้เป็นคนถ่อย เป็นเห็บเป็นเหาของพระศาสนาคอยแต่จะหาช่องเล็กช่องน้อย โดยสรุปคือ เสียสติ บ้าไปแล้ว คิดว่าเป็นนั้นคิดว่าเป็นนี่ อวดเลวอวดดีใส่คนอื่น กรณีนี้ไม่ได้ว่าเจ้าของกระทู้นะเพราะเจ้าของกระทู้มีใจคิดดีอยากช่วยเหลือคนให้สมตามปราถนา สีอารายา5 ก็เป็นเช่นเดียวกัน คนที่รุ้ดีที่สุดก็คงจะเป็นเจ้าตัวเองว่าธรรมนั้นเกิดแต่ใดมา ถ้าผิดไปจากธรรมผิดจากความเป็นจริงก็ส่งผลกับตนเองได้มากกว่าผู้อื่นอย่างแน่นอน...เพราะคนอื่นเขาอาจมีคนช่วยเหลือแต่ตัวเราเองเท่านั้นอาจมีหรือไม่นั้นไม่ทราบ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ควรจะพึ่งพาอาศัยตนให้ได้รับความจริง
    สาธุคั๊บ
     
  16. Master Papol

    Master Papol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +92

    ความขุ่นข้องที่คิดว่า"ควรแก้ไขอย่างไร" นั้นควรแก้ไข มากกว่าการขจัดภาพนิมิต!

    เนื่องจากเกมส์นี้เหมือนเกมส์ชักคะเย่อ ระหว่างเธอกับกิเลส
    เสมือนการเล่นโป้งแปะ ที่คนแอบสามารถไป แตะตัวผู้หาได้อีกครั้ง แล้วเป็นใหม่
    ประดุจการแอบออกมา จ๊ะเอ๋! แล้วอีกฝ่ายตกใจ จึงมีการวางแผนไปแอบซ่อนเพื่อที่จะ จ๊ะเอ๋! อีกครั้ง ด้วยความสะใจ

    แต่หากเธอเป็นผู้ค้นหาอยู่ พึงเฝ้าตามดูผู้ซ่อนด้วยสติ รู้ตัวทั่วพร้อมกายรอบด้านอยู่ทุกเมื่อไม่ขาดตอน
    ก็เป็นการยากยิ่งที่ผู้แอบอยู่จะมาแตะตัวเธอได้อีกครั้ง
    และเป็นการยากยิ่งที่ ผู้เข้ามาทำ จ๊ะเอ๋! แล้วเธอจะ ตกอก ตกใจ ด้วยเช่นกัน


    ดังนั้นผู้มีสติพึงพิจารณาว่า
    หากว่าผู้แอบอยู่เข้ามาทำการ จ๊ะเอ๋! ถึง 2 หน แล้วเธอมิได้ตกใจ แต่นิ่งเฉยอยู่
    เธอคิดว่าเขาจะวางแผนทำการเช่นนี้อีกไหม ...หากทำ
    ให้ผู้มีสติพึงพิจารณาว่า
    หากว่าผู้แอบอยู่เข้ามาทำการ จ๊ะเอ๋! ถึง 5 หน แล้วเธอมิได้ตกใจ แต่นิ่งเฉยอยู่
    เธอคิดว่าเขาจะวางแผนทำการเช่นนี้อีกไหม ...หากทำ
    ให้ผู้มีสติพึงพิจารณาว่า
    หากว่าผู้แอบอยู่เข้ามาทำการ จ๊ะเอ๋! ถึง 10 หน แล้วเธอมิได้ตกใจ แต่นิ่งเฉยอยู่
    เธอคิดว่าเขาจะวางแผนทำการเช่นนี้อีกไหม ...หากทำ
    ให้ผู้มีสติพึงพิจารณาว่า
    หากว่าผู้แอบอยู่เข้ามาทำการ จ๊ะเอ๋! เมื่อใดก็ตาม แล้วเธอมิได้ตกใจ แต่นิ่งเฉยอยู่
    เธอคิดว่าเขาจะวางแผนทำการเช่นนี้อีกไหม ...หากไม่

    นิมิตของเธอก็เช่นกัน
    กิเลสทั้งมวลก็เช่นกัน
    หากเธอเป็นเพียงผู้เฝ้าดูอยู่อย่างไม่ข้องเกี่ยว ไม่มีส่วนร่วมปรุงแต่ง
    ว่าอย่างนั้นผิด อย่างนี้ถูก อย่างนั้นควรแก้ไข มันก็จะไม่มาชักคะเย่อกับเธออีก ฯ





    ขออนุโมทนาบุญด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2012
  17. kengkenny2

    kengkenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    592
    ค่าพลัง:
    +289
    03-12-2012 05:50 PMSriaraya5 จิตอกุศลตลอดขจรแล้วที่ขอขมาลาโทษผมนี่
    กล่าววาจาคุณพ่อรวิพันธ์อย่างงั้นอย่างงี้
    ผมกราบขอขมาลาโทษที่หลังจะไม่ทำอีก
    แล้วก็ไปบวชเที่ยวขอขมาเขาไปหมดทั้งเวปพลังจิต
    ตนจะบวชแล้วผ้าเหลืองไม่ช่วยให้แกเป็นคนสุขขึ้นมาเลย
    ก็ไม่เคยกลับใจเลยใช่ไหมถ้างั้นขอให้พระบิดา
    ลงโทษขจรศักมีผลจากวันนั้นไม่มีการอภัยให้แก่นักบุญใจบาปอย่าขจรศัก

    รู้ไหมว่าถ่อยหมายถึงอะไร 555 ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้สึกขำ ผุ้บรรลุธรรมทั้หลายบนโลกใบนี้ 555 ขำคัีบ
     
  18. Master Papol

    Master Papol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +92

    แม้เราอนุโมทนาหมื่นหน ก็จักมิพอแก่คำชมท่าน ฯ
     
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 3 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) [ แนะนำเรื่องเด่น ]
    นิวรณ์*, Master Papol, newamazing


    กั๊กๆ มานี่เลย พวก เอออวย

    คำถาม " นิมิตเยอะมาก " เนี่ยะ เขาตอบด้วย อาการเงียบ ก็ได้

    เพราะหาก เขาปรารภแกล้งถามด้วยคำว่า " เยอะมาก " อันนี้ มันมีไตรลักษณ์ญาณ
    สัมปยุตอยู่ในคำถามอยู่แล้ว หากเป็น คำถามจริง ก็เป็น คำถามลวง หากไม่เป็นคำถาม
    ก็เป็นเพียงอาการของคนปรารภ ที่ภาวนาเป็นแต่ยังรู้ทุกข์ไม่พอ " ยังไม่อิ่ม " เท่านั้น

    พออิ่มแล้ว เดี๋ยวมันจะต่อด้วยการปรารภว่า " ช้างกูอยู่ไหน " มันจะหาที่
    ตั้งอีกว่า " ช้างกูอยู่ไหน " ที่ตั้งมันจะมีแต่ไหนหาก ตามเห็นนิมิตเยอะมาก
    ได้อิ่มแล้ว แต่มันจะ ยังถามว่า " ช้างกูอยู่ไหน " อันนี้มันเป็นเรื่องปรกติ

    แหม มันด็อยู่ตรง แยกงวง แยกงา แยกจตุรงคบาต กระแทกลงไป ก็เลิก
    ถามไปเองแหละว่า " ช้างกูอยู่ไหน "

    สรุปคือ หากมีคนถามว่า " นิมิตผมเยอะมาก " อันนี้ เขาไม่ต้องตอบ อมยิ้มให้ เป็นพอ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ธันวาคม 2012
  20. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846

    ลองทำตามหลวงปู่พุธ ฐานิโย จะมั่นคงขึ้น


    (ตอนที่ 15)

    แต่นี้ไป ตั้งใจกำหนดจิตภาวนา
    จนกว่าจะถึงเวลาอันสมควร ...

    อย่าไปฝืนมัน ปล่อยมันไป มันจะหลับก็ให้มันหลับ
    กายมันจะเอนเอียงไปยังไงก็ช่างมัน ให้รู้อยู่ที่จิตอย่างเดียว

    อย่าไปกังวลกับมัน เอาตัวรู้ในจิตอย่างเดียวเป็นสำคัญ
    แม้ว่ากายมันจะโน้มล้มลงไป
    จนกระทั่งศรีษะถึงพื้น แต่ว่าจิตรู้อยู่ที่จิต ก็เป็นการใช้ได้
    อาการที่มี อาการรู้สึกเคลิ้มๆเหมือนกับง่วงนอนนั่นแหล่ะ
    เป็นอาการที่จิตมันจะสงบอย่าไปฝืนมัน

    มันจะหลับก็ปล่อยให้มันหลับ
    มันหลับลงไปแล้ว มันนิ่งปุ๊บ
    มันจะสว่างโพล่งขึ้นมา กลายเป็นสมาธิ

    ถ้าจิตมันเกิดความรู้ในจิตอย่าไปฝืนมัน
    ปล่อยให้มันรู้ไป ให้มีสติ ตามรู้ไป
    ถ้ามันมีนิมิต เห็นอะไร กำหนดรู้ เพียงแต่ว่าอารมณ์จิต
    ให้ดูเฉยอยู่ อย่าไปเอะใจ อย่าไปตื่นใจ มีสติกำหนดรู้จิตของตนเองอยู่

    ภาพนิมิตต่างๆ เป็นจิตของเราปรุ่งแต่งขึ้น เป็นมโนภาพ เป็นอารมณ์ของจิต
    จิตที่สงบแล้ว ส่งกระแสออกนอกย่อมเห็นภาพต่างๆ
    ถ้าเราเกิดเอะใจสมาธิถอน ภาพต่างๆจะหายไป
    ถ้าเราสามารถประครองจิตรู้เฉยอยู่ เราจะได้ สติ ปัญญา จากนิมิตนั้นๆ

    บางครั้ง นิมิตนั้น จะแสดงอาการตายให้เราดู เราจะไปมองเห็นความตาย

    แม้ว่านิมิตนั้นจะทรงอยู่หรือจะหายไป เรากำหนดรู้เฉยอยู่
    อย่าไปยึด เราอย่าไปเอะใจใดๆทั้งนั้น เฉยอยู่ รู้อยู่ในจิต
    ถ้าเกิดเอะใจขึ้นมาเมื่อไร สมาธิถอน ทันที

    (อ่านต่อตอนต่อไป)
     

แชร์หน้านี้

Loading...