โอ้ย ความซวยมาเยือนแล้ว "มีคนให้ผมไปรับขันธ์" ทำยังไงดี?

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย คนขายธูป, 21 สิงหาคม 2007.

  1. surapong chot

    surapong chot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +1,212
    ก่อนอื่นคุณต้องถามคนที่ให้ไปรับขันธ์ว่า รับทำไม รับแล้วจะต้องทำอะไร จะต้องถือศีล 5 ให้ครบ ต้องนั่งสมาธิวันละกี่นาทีหรือชั่วโมง และยังต้องมั่นทำบุญให้มากๆอีกด้วย สำหรับผมการรับขันธ์นะผมรับมาตั้งหลายที่แล้ว ก็เป็นเหมือนเดิม รับมาแล้ว 4 ขันธ์ ๆ สุดท้าย อาจารย์ท่านละสังขารไปแล้ว ผมเลยนำไปปลงที่วัดบนภูเขาฝากไว้ที่นั่นครับ สำหรับขอแนะนำว่า คุณต้องถามตัวคุณก่อน แน่ใจแล้วนะว่า หลังจากรับขันธ์ไปแล้ว คุณจะปฏิบัติได้ เพราะถ้าคุณทำไม่ได้ คุณก็จะต้องเจออุปสรรคต่างๆอีกมากมาย จนสุดจะทน เพราะผมก็โดนอยู่เท่าทุกวันนี้ครับ จากที่มีเงิน10ล้าน ตอนนี้หาได้ยังไม่พอใช้จ่ายเลยต่อเดือน คุณรู้ไหมทุกวันนี้ ผมจึงคิดว่าคุณไม่ควรไปรับฯหลอกครับ แค่คุณสวดมนต์ไหว้พระ พยายามนั่งสมาธิให้ได้ทุกวันวันละนิด และมั่นทำบุญใส่บาตรบ่อยๆ หากว่าคุณมีสิ่งนั้นจริง คุณจะสัมผัสได้เอง หากคุณสงสัยให้ไปดูได้ที่วัดถ้ำดาวเขาแก้ว จังหวัดสระบุรี วันที่ 8-9 ก.ย.นี้เวลา 10.00 น คุณจะได้เห็นในสิ่งที่คุณสงสัยอยู่ อย่าลืมเชิญอาจารย์ที่คุณจะรับขันธ์ไปด้วยนะ เออผมจะเล่าให้ฟังอีกนิดนะครับ ก่อนผมรับขันธ์ผมไม่สบายครับ ที่แรกบอกว่าเทพองค์ ที่สองไม่ได้บอก ที่สามบอกอีกองค์ ที่ที่สี่ท่านไม่บอกครับ บอกแต่ว่าวาสนาดี ที่แรกเสียค่าครู 30.-บาท ร่างทรงลงมือทำขันธ์ให้โดยให้ไปหาวัสดุมาเองไม่คิดตังค์ ที่ที่สอง ไม่เสีย เสียแต่ค่าจ้างทำบายศรี ที่ที่สามเสียครับ 900.-บาท รวมค่าบายศรีและอื่นๆ ที่ที่สี่ ครูก็ให้ทำบายศรีไปเอง ค่าครูไม่บอกคือไม่ให้ก็ได้ครูไม่ได้สนใจครับ จนครูท่านละสังขารไปแล้ว ผมก็ยังไม่ได้ดีอะไรมากขึ้นเลยไม่ใช่ผมเจอไม่ดีนะครับ ครู หลักๆที่ไว้ใจก็ที่ที่สี่ครับ เพราะไปหาท่านทีไรท่านพูดน้อยไม่มีว่าต้องค่าครูเท่านั้นเท่านี้ เสร็จแล้วเองรีบกลับได้แล้วบ้านอยู่ไกล ถ้าถามผมว่าคุณควรไปรับขันธ์ไหม ผมตอบว่าไม่ควรไป นอกเสีบจากคุณจะปฏิบัติอย่างที่ผมกล่าวมาแล้วข้างต้น เพราะถ้าคุณรับมาแล้วทำไม่ได้ คุณเตรียมตัวลำบากได้เลยครับ เพราะทุกวันนี้ผมก็ยังเป็นอยู่และยังไม่รู้ว่าจะดีขึ้นเมื่อไร ไปหาอาจารย์ฯ ท่านก็บอกพยายามรักษาศีล 5 และสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ และมั่นใส่บาตรให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย อย่าลืมแผ่เมตตาด้วยนะนี่สำคัญมาก ตอนนี้ผมก็กำลังไปดูที่วัดถ้ำดาวเขาแก้ว สระบุรีครับ ผมเคยไปแล้วได้เห็นหลายอย่างแล้วก็พิจารณา ที่วัดนี้เคร่งมากครับ ทำวัตรเช้าตีสี่สายหน่อยก็สวดมนต์ไหว้พระอีกก่อนฉันอาหาร(คาบเดียวครับ แต่สำหรับญาติยมที่ยังไม่เก่งท่านก็อนุโลมให้กินสองคาบได้) ตกเย็นก็ทำวัตรเย็นประมาณหกโมงหรือทุ่มหนึ่ง เสร็จแล้วนั่งสมาธิต่อไปจนถึงสามทุ่มค่อยแยกย้ายกันไปปฏิบัติเองครับ ที่นี่ผมเคยเห็นในหนังสือโลกลี้ลับถ้าจำไม่ผิดนะ เขาก็มีขันธ์บายศรีเหมือนกัน แต่ผมไปถามอาจารย์ท่านก็ว่าไปเสียอย่างอื่น บอกไม่จำเป็น ครับ ผมลืมบอกไปว่า ผมเองไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่ พยายามรักษาศีล5 มาโดยตลอด ก็ยังขนาดนี้เลยครับ ...ถ้าคุณไปรับแล้วก็เตรียมตัวรับสถานกาณ์ให้ดีๆ และก็ต้องอดทนให้มาก ทนไม่ได้ก็ต้องทนครับ เหมือนชีวิตผมที่เป็นอยู่ขณะนี้ครับ อยากรู้มากกว่านี้โทรหาผมได้นะ 087-2187223 ...(ธรรมรักษาอุดร)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 สิงหาคม 2007
  2. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964

    กรณีผมท่านว่า

    ไม่ให้รับจากใคร ให้รับจากตัวเอง และคิดเองทำเองทั้งหมดครับ
     
  3. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964

    ที่มาเป็นแบบนี้อ่ะ เลยงงว่าจะทำไงดี?
     
  4. พิชญ์

    พิชญ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    760
    ค่าพลัง:
    +3,392
    ในสังคม.....ของจริงก็มี ของที่ไม่จริงก็มี แล้วถามว่าจะดูรู้ได้อย่างไรว่าสิ่งไหนคือของจริง หรือของปลอม....ขึ้นกับดุลยพินิจของผู้รับนะ มุมมองต่างกัน ความคิดเห็นย่อมต่างกันเสมอ เป็นเรื่องธรรมดา พระพุทธองค์ท่านสอนให้รับรู้ด้วยของจริง แล้วปล่อยวาง แต่บางคนเมื่อรับมาแล้ว รู้แล้ว กลับไม่ปล่อยวาง เพราะเห็นเป็นของวิเศษ เป็นฤทธิ์ เป็นเดช เขาเรียกว่าหลง หลงในองค์ หลงในความเป็นเทพ มูมเบอแรง เมื่อเขวี้ยงกลับไปแล้ว มักจะย้อนกลับมาหาผู้เขวี้ยงเสมอ เสมือนหนึ่งการทำความดี จักได้ความดีเป็นผลตอบแทน

    กับกระทู้ที่ตั้งมานี้ คงไม่ต่างอะไรกับ รับ / หรือไม่รับในการร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ. 2550
    ท่านสมาชิกคนขายธูป ลองขึ้นธูป 16 ดอก กลางแจ้ง เสี่ยงทายในโชคชะตาตัวเองดูซิ ใช้ความเป็นคนขายธูป ให้เกิดประโยชน์ ขึ้นธูป ขอคำตอบจากเบื้องบน บางทีเทวดาอาจจะมาบอกความนัย ในบางสิ่ง

    พึงระลึกไว้เสมอว่า การกราบไหว้บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ เพื่อขอพรก็จะไม่เป็นผลอะไร หากคุณเองยังไม่ได้พยายามอย่างที่สุดและหาทุกหนทาง เพื่อจะช่วยเหลือตนเอง........สาธุ
     
  5. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    พิธีการ


    ๑. เริ่มวันที่ ๙ เดือน ๙ เวลา ๘. ๐๐ ขึ้นไป นั่งสมาธิสงบจิตเป็นเบื้องต้น
    ๒. ถึงเวลา ๙.๙ นาฬิกา เตรียมธูป ๙ ดอก กล่าวคำรับขันธ์

    สถานที่ ต่อหน้าองค์พระ "อวโลกิเตศวรกวนอิม" ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ศรีราชา)


    ของในพิธี

    -ดอกบัวขาว ๙ ดอก
    -ธูป ๙ ดอก

    หมายถึง

    ๓ ดอกแรก พระพุทธเจ้าสามพระองค์
    ๓ ดอกที่สอง พระรัตนตรัย
    ๓ ดอกที่สาม พระตรีมูรติ ผู้ช่วยสร้าง, รักษา และปราบมารให้พุทธศาสนา


    กล่าวคำรับขันธ์ต่อองค์พระ เสร็จปักธูป วางดอกไม้ประดับ


    ---- จบพิธี ----


    แค่นี้ได้ป่าวอ่ะครับ?
     
  6. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    ถ้ากล่าวและทำตามนี้ จะตรงไหมกับที่คุณเสนอ?

    คำกล่าวรับขันธ์ของข้าพเจ้า



    ข้าพเจ้า ...... (กล่าวชื่อตนเอง) <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ขอตั้งจิตน้อมนบนมัสการเบื้องพระบาทแห่งพระพุทธเจ้าทั่วอนันต์จักรวาลทั้งปวง<O:p</O:p
    ขอตั้งจิตน้อมนบนมัสการพระธรรมอันเกิดเองและพระธรรมอันมีผู้ตรัสรู้โดยชอบ<O:p</O:p
    ขอตั้งจิตน้อมนบนมัสการพระอรหันต์ผู้สำเร็จธรรมเป็นหน่อเนื้อนาบุญโดยแท้ทั้งหลาย<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    บัดนี้ ข้าพเจ้า ...... (กล่าวชื่อตนเอง)<O:p</O:p
    ได้รับวิบากกรรมอันยิ่ง ต้องทนทุกข์ทรมาน จากภัยด้านต่างๆ ทั้งโรคภัยไข้เจ็บ อุปสรรคในหน้าที่การงานการศึกษาเล่าเรียน การยอมรับในสังคม ฯลฯ นานัปการ ข้าพเจ้าได้รับรู้ถึงผลกรรมที่ข้าพเจ้าได้ก่อไว้แต่อดีตชาติ และสำนึกผิดทั้งสิ้นแล้ว ขอเจ้ากรรมนายเวรจงโปรดเห็นใจให้อภัยต่อข้าพเจ้าที่ได้ละเมิดล่วงเกินท่านทั้งหลายไปด้วยความเขลานั้น และร่วมรับผลบุญที่ข้าพเจ้าตั้งจิตจะอุทิศตนเพื่อบำเพ็ญเพียรโปรดสัตว์ ตั้งตนอยู่ในศีลธรรม ตราบชีวิตนี้จะหาไม่ด้วยเทอญ <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ข้าพเจ้าขอตั้งจิตบำเพ็ญเพียรตามปณิธาน ดังต่อไปนี้<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    ๑. ขอน้อมนบบูชาพระรัตนตรัยอันควรค่าหาที่สุดมิได้ ตราบเท่าชีวิตนี้จะหาไม่<O:p</O:p
    ๒. ขอดำรงไว้ซึ่งความปกติแห่งมนุษย์อันประเสริฐ ด้วย
     
  7. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    ถ้าทำแล้วเป็น "สัมมา" ไหมครับ?
     
  8. นายฉิม

    นายฉิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    2,099
    ค่าพลัง:
    +2,696
    ขอออกความเห็นนิดหน่อยว่าไม่จำเป็นเลยครับที่จะต้องรับขันธ์ ก็แล้วแต่ความเชื่อล่ะนะครับ
     
  9. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    ที่ผ่านมา ก็ทำตามที่เขียนนั่นแหละฮะ
    แล้วก็เก็บเงียบๆ ไว้ในใจ


    หรือว่าเขาต้องการให้เรา "พูดออกมา" ให้เป็นกิจลักษณะ??


    ปรารถนาในใจ ปรารถนาทางวาจา ปรารถนา?????? คืออะไร? ทำไมต้องพูด?
     
  10. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    หรือว่าเขาต้องการให้เราพูดกับ "เจ้ากรรมนายเวร" และ "เทพที่ดูแลเรา"
    ให้ชัดเจน ไม่งั้น เทพ และ เจ้ากรรมนายเวร ไม่ยอมปล่อยเรา ทำชีวิตเราวุ่นวายอย่างที่ผมเป็น
     
  11. PAGE.14A

    PAGE.14A เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2006
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +305
    ...............................................
    ทั้งนั้นทั้งนี้อยู่ที่ตัวเราและความสบายใจของเรานะคะ
    ตัดสินใจเองได้
    แต่ถ้าจะให้ตอบความคิดเห็นแบบสบายใจก็
    ตลาดที่ไหนก็มีค่ะ รับขันนั้นไม่ยากมีราคาตั้งแต่25บาท จนราคา200
    แสตนเหลดจะแพงหน่อยค่ะ
     
  12. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    555

    ผมเป็นขันธ์ห้าน่ะซี ไม่มีขาย เป็นของโดยธรรมชาติ
    แล้วท่านฯ ว่าให้เราจากตัวเอง ไม่ต้องไปรับจากใคร
     
  13. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    ในพิธีรับขันธ์ของผม จะกล่าวปณิธานและสัจจะที่จะบำเพ็ญต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์
    แต่จะไม่มี "ขัน" ใส่อะไรไว้บูชาทั้งสิ้น (ผมว่ามันเพี้ยนนะที่มีขันน้ำมาน่ะ)
     
  14. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964

    พิธีมีแค่นี้อ่ะ ไม่รู้ถูกป่าว แต่ที่แน่ๆ ไม่มีขันฮะ มีแต่ขันธ์ห้า
     
  15. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
     
  16. surapong chot

    surapong chot เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    220
    ค่าพลัง:
    +1,212
    ผมขอต่อนิดนะครับ ที่ผมไปรับขันธ์ก็รักษาอาการป่วยครับไม่ใช่รับเพื่อเป็นร่างทรงครับ เพราะผมเป็นคนรุ่นใหม่ครับ ต้องพิสูจน์ ด้วยเหตุและผลด้วย แต่ถ้าถามว่า ตอนนี้ผมคิดอย่างไร ตอนนี้ผมเริ่มเชื่อแล้วว่าสิ่งที่พระพุทธองค์กล่าวสอนเรานั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง พระองค์เสร็จขึ้นไปบนสวรรค์เพื่อเทศน์ฯ ก็แสดงว่าเทพ พรหม เทวดา นั้นน่าจะมีจริง แต่ทุกวันนี้นะต้องระวังครับหลอกกันมากกว่าครับ จริงนะก็มีอยู่ เพราะอะไรครับ ความโลภครับ ทำให้คนเปลี่ยนทำให้เทพพรหมเทวดาเสื่อมเสีย เอาชื่อเขามาหากินก็เยอะครับ
     
  17. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    [​IMG]การรับขันธ์ [​IMG]
    หลายคนคงจะประสพปัญหา เกี่ยวกับชีวิต หน้าที่การงาน การเจ็บป่วย เชื่อถือในเรื่องไสยศาสตร์ สิ่งลี้ลับ ก็มักจะไปตามตำหนักทรงต่าง ๆ บ่อยครั้งที่ถูกทักว่า“มีองค์” ต้องรับขันธ์ จึงจะทำให้ชีวิตหน้าที่การงาน การเงิน คู่ครอง การค้าขาย หรือ สุขภาพจะดีขึ้น แรก ๆ ก็อาจเฉย ๆ พอถูกทักบ่อยเข้า ชักเขว ก็เลยตกกระไดพลอยโจน ไปกับเขาด้วย ขันธ์หนึ่งก็ไม่ต่ำกว่า ๕00 บาทขึ้นไป จนเหยียบ ๑๐,๐๐๐ บาท แล้วแต่จะเป็นขันธ์ ๕ ขันธ์ ๘ ขันธ์ ๙ ขันธ์ ๑๐ ขันธ์ ๑๖ ก็ว่ากันไป ไม่รู้ว่าอุปทานหรือไม่ บางคนก็ว่าอะไร ๆ ดีขึ้น แต่ส่วนใหญ่พบว่า เลวยิ่งกว่าเก่า ปัญหารุมเร้าหนักกว่าเดิม พาลเป็นบ้าเป็นบอ เจ็บป่วยหนักกว่าเดิม

    [​IMG]
    [​IMG] ขันธ์ ๕ คือ เครื่องสักการะบูชา ที่ผู้จะมาขอเป็นศิษย์ จัดมาให้ครูบาอาจารย์ เพราะในบรรพกาล ผ่านมาจวบจนปัจจุบัน การเรียนรู้สารพัดวิชา จะต้องอาศัยการศึกษา จากผู้ที่เป็นครู และการจะขอเรียนวิชาการ เหล่านั้นก็จำเป็นต้องจัดตั้งขันธ์ 5 [​IMG]
    ขันธ์ ๕ ดังกล่าวประกอบด้วย ดอกไม้ขาว ธูป เทียน ผ้าขาว และใช้ใบตองทำกรวยทรงแหลม ๕ กรวย บรรจุดอกไม้ ธูป เทียน ๕ คู่ ใส่ลงในกรวยทั้ง 5 แล้วจึงนำวางลงบนผ้าขาวที่วางรองรับอยู่บนพานหรือภาชนะ แล้วจึงนำเข้าไปกราบครูบาอาจารย์ เพื่อขอเป็นศิษย์ ซึ่งผู้เป็นครูก็จะตรวจดูดวงชะตา ว่าสมควรจะรับเป็นศิษย์ได้หรือไม่ เพราะบางทีจะกลายเป็นศิษย์คิดล้างครูได้ในภายหลัง จึงจำเป็นต้องตรวจเช็คดูเสียก่อน หากไม่ประสงค์จะรับเข้าเป็นศิษย์ก็จะไม่รับขันธ์ 5 หากพิจารณาเห็นสมควรแล้วก็รับขันธ์ ๕ นั้นมา
    [​IMG] ขันธ์ครู คือ เครื่องมงคลทั้ง ๕ ที่ผู้เป็นครูประสิทธิประสาทพร ในรูปแบบของวัตถุให้กับศิษย์เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติ และเป็นที่รำลึกแก่ศิษย์ให้มีความขยันหมั่นเพียรศึกษาวิชาความรู้ที่ครูมอบให้ไปศึกษาเล่าเรียน
    ขันธ์ ๕ องค์เทพ หมายถึงขันธ์ ๕ และขันธ์ครูรวมเข้าด้วยกันนั่นเอง
    [​IMG]กรณีการรับขันธ์ [​IMG]

    [​IMG]
    [​IMG] ขันธ์ 5 ของมนุษย์นั้น ประกอบไปด้วย รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ [​IMG]
    [​IMG] เทพ เป็นจิตวิญญาณ มีขันธ์เพียง ๓ ขันธ์ คือ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ วิญญาณขันธ์ จึงต้องอาศัยการแต่งขันธ์ 5 ของมนุษย์ ที่จัดตบแต่งขึ้นมาเป็นตัวแทนของตน ว่าได้ยอมรับเป็นร่างให้กับเทพองค์นั้น ๆ และยังหมายถึงข้อตกลง ระหว่างเทพกับมนุษย์ผู้ตกลงปลงใจยอมรับหน้าที่เป็นสังขารขันธ์ให้กับองค์เทพผู้นั้นไว้ใช้ร่างของตนสร้างบารมี โดยมีองค์เทพผู้ทำพิธีมอบขันธ์ให้เป็นสักขีพยาน หากแม้นมีใครระหว่างเทพกับมนุษย์มีการผิดข้อตกลง ก็ต้องเดือดร้อนถึงผู้เป็นครูที่เป็นสักขีพยาน จะต้องทำหน้าที่ว่ากล่าวตักเตือนผู้กระทำผิดต่อไป

    [​IMG]
    ดังนั้น ความหมายของการรับขันธ์ ขององค์เทพ จึงเป็นสัญญาใจ หรือข้อตกลง ในการประพฤติปฏิบัติทำหน้าที่เหมือนเป็นตัวแทนแห่งเทพ ดังนั้น จึงต้องปฏิบัติตน ให้ถูกต้องในความหมายดังนี้ [​IMG]
    ขันธ์ ๕ หมายถึงการรับศีล ๕ มาปฏิบัติโดยเคร่งครัด ถ้าทำไม่ได้ก็อย่าเผลอไปรับเข้า มิฉะนั้นอาจถูกลงโทษได้
    ขันธ์ ๘ หมายถึงการรับศีล ๘ ซึ่งจะต้องประพฤติพรหมจรรย์ ห้ามร่วมหลับนอนฉันท์สามีภรรยา งดเว้นอาหารมื้อเย็น สวดมนต์ไหว้พระ เจริญสมาธิภาวนา

    [​IMG] ขันธ์ ๙ หมายถึงการรับศีลอุโบสถ ถือศีล ๘ เคร่งครัด เด็ดดอกไม้ก็ไม่ได้ ดมดอกไม้หรือเครื่องหอมก็ไม่ได้ กินแต่อาหารเจ หรือมังสวิรัติ
    [​IMG]
    ขันธ์ ๑๐ หมายถึงศีลของสามเณรหรือสามเณรี ก็เท่ากับการถือบวชโดยถือสิกขาบท ๑๐ ประการ
    ขันธ์ ๑๖ หมายถึงศีลของนักบวช ที่มุ่งการบำเพ็ญสมาธิภาวนา กินอาหารมือเดียว งดเว้นของสดของคาว กินแต่ผลไม้ เผือกมัน ไม่เที่ยวเดินพลุกพล่าน อยู่ด้วยการสำรวมปฏิบัติ นั่งสมาธิเป็นที่เป็นทาง แทบจะทำตัวเหมือนนักบวช เพียงแต่เป็นการบวชใจไม่ได้บวชกายเท่านั้น [​IMG]

    [​IMG]
    ดังนั้น หากถือปฏิบัติตามที่กล่าวมาแล้วไม่ได้ ก็จงอย่าได้รับเลย หากแม้นมีใครแนะนำให้รับ ก็จงพิจารณาให้ถ้วนถี่เสียก่อน เพราะการรับขันธ์นั้น ไม่ใช่เพียงนำมาบูชาเท่านั้น จะต้องปฏิบัติเป็นประจำด้วย ก็คือ การสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา ถึงองค์เทพที่รับมาด้วย จึงจะถูกต้อง ไม่เช่นนั้นแล้วอาจสร้างปัญหา ให้เดือดร้อนได้ เพราะถือว่าผิดสัจจะที่รับมา

    [​IMG]
    ถ้าจำเป็นต้องรับ ด้วยเหตุอันใดก็ตาม เช่น นิมิตจากองค์เทพมาบอกเอง ก็ควรพิจารณาให้ดี ว่าจะรับจากใคร หรือถ้าเป็นตำหนัก ก็ต้องดูว่าร่างนั้น ปฏิบัติตนอยู่ในหลักศีลธรรมหรือไม่ เหมาะที่จะเป็นครูบาอาจารย์ ที่จะทำพิธีมอบขันธ์ให้หรือเปล่า เพราะหากเป็นร่างที่แอบอ้าง หรือเป็นเทพกึ่งเปรต ก็อาจจะนำเอาบริวาร ที่เป็นตีนโรงตีนศาล มาครอบให้แทน ก็จะวุ่นวายไปกันใหญ่ อันนี้ต้องระวังให้หนัก

    [​IMG]สัจจะองค์เทพฯ[​IMG]

    [​IMG]
    มนุษย์เมื่อรู้ว่าจำเป็นต้องรับขันธ์ เพื่อยอมอุทิศตนเป็นร่าง ให้กับองค์เทพแต่ละองค์นั้น ก็จำเป็นต้องทราบว่า ควรจะปฏิบัติตนอย่างไร จึงสมควรแก่ภาระหน้าที่ ที่ได้รับมอบหมาย ดังเช่น
    ๑. การปฏิบัติตัว คือการทำตนเองให้เป็นนักบุญ หมั่นแสวงหาบุญกุศลเหมือนการสร้างสั่งสมบารมีให้มากที่สุด เช่น การไหว้พระสวดมนต์ ทำบุญใส่บาตร ถือศีล กินเจ สมาธิภาวนา
    ๒. การปรนนิบัติ คือการใช้หนี้ใช้สิน อันเกิดจากชาตินี้และชาติที่ผ่านมา รู้จักกตัญญูและกตเวที เช่น การปรนนิบัติ บิดา มารดา ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณ เป็นต้น
    ๓.
    การโปรดสัตว์ คือการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ หรือสัตว์โลกทั้งหลายให้พ้นทุกข์ เท่าที่จะสามารถทำได้ รู้จักมีเมตตาธรรมนั่นเอง<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>

    ส่วนสิ่งที่มนุษย์จะได้รับ ตอบแทนจากองค์เทพนั้น ขึ้นอยู่กับการอธิษฐาน ขอในตอนครอบขันธ์ ทั้งนี้ทั้งนั้นย่อมไม่เกินกฏแห่งกรรม
    <o:p> [​IMG]</o:p>
    <o:p> [​IMG][​IMG]</o:p>
    [​IMG]ลักษณะของชั้นเทพ[​IMG]
    [​IMG]ลักษณะของจิตวิญญาณ ในระดับต่าง ๆ ที่ลงมาประทับทรง หรือเข้าทรงมนุษย์นั้น หากเรารู้จักสังเกตุ ให้ดี ก็พอจะแยกได้ว่า เป็นเทพหรือเป็นผี โดยอาศัยหลักพิจารณาโดยสังเขปดังนี้

    [​IMG] . ประทับทรงจากส่วนล่าง จิตวิญญาณใดที่ประทับทรงจากปลายเท้าขึ้นมา มักจะเป็นพวกสัมภเวสี หรือ วิญญาณมนุษย์ที่ตายไปแล้ว
    ๒. ประทับทรงจากด้านหลัง จิตวิญญาณใดประทับทรงจากด้านหลัง มักจะเป็นวิญญาณทั่วไปที่มีฤทธิ์อำนาจ ซึ่งมักจะเรียกขานกันว่า เจ้าพ่อ เจ้าแม่ เจ้าปู่ ฯลฯ
    ๓. ประทับทรงจากด้านหน้า จิตวิญญาณใดที่ประทับทรงจากด้านหน้า มักจะเป็นวิญญาณของมนุษย์ที่ไปเกิดเป็น เทวดาชั้นจาตุมฯ ที่อยู่ใกล้ชิดมนุษย์
    ๔. ประทับทรงจากทางบ่า จิตวิญญาณใดที่ประทับทรงจากทางบ่า มักจะเป็นเทพหรือดาบสที่มีฤทธิ์ ในระดับกลาง ๆ
    ๕. ประทับทรงจากกลางกระหม่อม จิตวิญญาณใดที่ประทับทรงจากส่วนศรีษะหรือกระหม่อม มักจะเป็นเทพในระดับสูง <o:p></o:p>

    [​IMG]คำแนะนำ [​IMG]
    [​IMG]
    ดังนั้น ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ จะมีองค์หรือไม่ก็ตาม ถ้าท่านหมั่นสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ แผ่เมตตา ถึงครูบาอาจารย์ องค์เทพเทวา ที่คุ้มครองรักษาตนเอง ก็น่าจะเพียงพอ เพราะการที่เทพมาอยู่กับเรา ก็ด้วยเหตุที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น คือปรารถนาจะได้ร่วมสร้างบารมี และช่วยเหลือผู้ที่เคยเกี่ยวข้อง กันมาก่อน พาร่างสร้างบารมีทำบุญ ไหว้พระ สร้างแต่กรรมดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น [​IMG]
    ถ้าเราทำได้ดังนี้ ก็ไม่มีความจำเป็น อะไรที่ต้องไปรับขันธ์ เทพเป็นผู้ที่มีจิตเมตตา ประกอบด้วย หิริโอตตัปปะ คือ ความละอายและเกรงกลัวต่อบาป ย่อมไม่สร้างปัญหาใด ๆ ให้กับร่างที่จะมาอยู่ด้วย เพราะท่านกลัวบาป การที่จะทำให้เจ็บป่วย หรือลงโทษอะไรหนักหนาคงไม่มี นอกจากช่วยเหลือเท่านั้น แต่ที่มันเจ็บป่วยหรือมีปัญหา ในหน้าที่การงาน การเงิน จนล้มละลาย มันเป็นเรื่องของวิบากกรรม ที่ใครจะเข้าไปแก้ไขได้ นอกจากช่วยประคับประคอง หรือดลจิตดลใจให้ไปหา ผู้ที่สามารถแก้ไขวิบากรรม ส่วนนี้ได้
    ดังนั้น บางทีพอรับขันธ์เข้า แล้ว หันหน้ามาปฏิบัติ สวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ อะไร ๆ มันก็ดีขึ้น ตามบารมีของตน เพราะก่อนหน้าเมื่อยังดีอยู่นั้น ก็ไม่เคยคิดปฏิบัติจริงจัง ทำบุญก็มีบ้างตามโอกาสเท่านั้น เพราะหากเทพจะมาอยู่ด้วย ก็คงไม่จำเป็นต้องทำพิธีอะไรมากมาย การรับขันธ์เป็นเรื่องสมมุติกันขึ้นมาเท่านั้น เพราะท่านจะมาอยู่กับมนุษย์นั้น บางทีก็ติดตามมาแต่เกิด อยู่ติดตามเรามาตลอด เพียงแต่ไม่รู้เท่านั้นเอง เพิ่งจะมาคิดรับขันธ์เพื่อรับองค์เทพ เพราะอยากรวยเท่านั้นหรือ เว้นแต่ผู้เป็นร่างทรงที่ทำหน้าที่สงเคราะห์มนุษย์ในการบำบัดรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ก็เป็นหน้าที่ขององค์เทพที่ผ่านร่างมาจะสั่งดำเนินการตามโอกาสต่าง ๆ <o:p></o:p>

    [​IMG] ข้อสังเกต [​IMG]
    [​IMG]มนุษย์ผู้ที่มีองค์เทพแฝงอยู่นั้นสังเกตได้ด้วยตนเองไม่ยาก[​IMG] <o:p></o:p>

    ๑. มึนศรีษะข้างเดียวเป็นประจำ บางทีทางการแพทย์ว่าเป็น “ไมเกรน”
    ๒. หนักต้นคอ บางครั้งหนักบ่าสองข้างเหมือนมีใครมาขี่คอ บางทีขับรถอยู่ดี ๆ ก็รู้สึกหนักบ่า
    ๓. แน่นหน้าอกเป็นบางครั้ง เหมือนคนหายใจไม่อิ่ม บางคนเป็นบ่อย จนหมอว่าเป็นโรคหัวใจ
    ๔. ฝันแม่นยำ มีลางสังหรณ์แม่นยำ บางทีเรียกสัมผัสที่หก หรือ “ซิกเซ้นท์”
    ๕. ชอบฝันหรือตีเป็นตัวเลข เสี่ยงโชคได้ใกล้เคียง บางที ผิดแต้มเดียว กลับบนกลับล่าง กลับหน้ากลับหลัง ซื้อทีไรก็เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาเป็นประจำ แต่ถ้าไม่ซื้อเที่ยวบอกใคร เขาก็จะถูก
    ๖. บางครั้งหูจะได้ยินเสียงเรียกชื่อเบา ๆ เหมือนเสียงกระซิบก็มี เสียงดังก้องในหู ก็มี
    ๗. ไปตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หรือ มีอะไรที่ลี้ลับ จะรับรู้โดยการสัมผัส ขนลุกชันเย็นซ่าไปทั้งตัว
    ๘. บางครั้งสวดมนต์เป็นภาษาบาลีอยู่ดี ๆ ก็เปลี่ยนเป็นภาษาอื่นรัวเร็วขึ้นมา
    ๙. หากนั่งสมาธิจะได้หูทิพย์ ตาทิพย์ เร็วกว่าคนทั่วไป
    <o:p></o:p>

    ดังนั้น อาการบางอย่างหาหมอก็แล้ว กินยาก็แล้ว มันไม่หาย ก็ให้ สวดมนต์นั่งสมาธิตามที่ว่าแล้วแผ่เมตตาบ่อย ๆ ทุกอย่างมันจะหายไปเอง เสี่ยงโชคลาภก็จะได้ เพราะบารมีที่ทำนี่แหละ แต่บางอย่างก็อาจจะเกิดจากสัมภเวสีได้เช่นกัน <o:p></o:p>
    . ปวดศรีษะเป็นประจำ บางครั้งปวดมากจนทนไม่ไหว หมอว่าเป็นความดันบ้างก็แล้วแต่ ก็ควรตรวจเช็คแก้ไข เพราะอาจถูกสัมภเวสีเกาะอยู่ในศรีษะได้
    ๒. ปวดไหล่เป็นประจำ หมอว่าเป็นเส้นเอ็นอักเสบ กินยาทายาก็แล้ว มันไม่หาย ตึงไปหมด ถือว่าผิดปกติ
    ๓. มือเท้าชาเป็นซีก จากไหล่ หรือตะโพก หัวเข่าก็ตาม
    ๔. แน่นหน้าอกมากผิดปกติ
    ๕. ปวดบริเวณกระเบนเหน็บ บางที่การแพทย์ระบุว่า หมอนรองกระดูกทับเส้น เว้นแต่กรณีการเกิดอุบัติเหตุ ลื่นหกล้มจนกระแทกพื้นอย่างแรง นั่นก็จะต้องพิจารณารายละเอียดเป็นกรณีไป
    อาการเหล่านี้อาจไม่เกี่ยวกับองค์เทพ แต่เป็นการแทรกซ้อนจากวิญญาณเร่ร่อนหรือสัมภเวสีที่ไม่มีที่อยู่นั่นเอง หากรักษาแล้วแก้ไขแล้วไม่ดีขึ้น ก็ลองติดต่อขอรับการสงเคราะห์หรือปรึกษากับ หลวงพ่อวัชระ วัดถ้ำแฝด กาญจนบุรี เพราะท่านอาจจะพอหาทางแก้ไขให้ได้
    [​IMG] ดังนั้น การที่ได้กล่าวพาดพิงถึง การรับขันธ์หรือองค์เทพ ก็เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ใช้วิจารณญาณในการแก้ไขตนเองให้ถูกต้อง ไม่ใช่ใช้เงินแก้ไข เพราะวิบากกรรมเป็นของมนุษย์ที่กระทำกันมา ครูบาอาจารย์องค์เทพก็ตาม ก็ไม่อาจฝืนกฏแห่งกรรมได้ แต่อาจชี้ทางแก้ไขได้ เพราะการเจ็บป่วยหรือปัญหาต่าง ๆ ที่รุมเร้ามนุษย์นั้น มีกรรมเป็นต้นเหตุที่สำคัญ การแก้ไขเรามาแก้กันที่ปลายเหตุมันก็ไม่จบ ต้องรู้จักต้นเหตุ เพราะเหตุเกิดที่ไหนก็ดับที่นั่น [​IMG]

    [​IMG]
    หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ยังไม่ชัดเจน ก็ติดต่อสอบถามได้จาก หลวงพ่อวัชระ ที่วัดถ้ำแฝด อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี

    [​IMG]โทร. 01-6438603 ท่านยินดีรับฟังและแนะนำให้ท่านผู้อ่านทุกท่านได้มีความกระจ่างในเรื่องราวลี้ลับเหล่านี้
    [​IMG][​IMG][​IMG]

    http://www.mai95.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=123578&Ntype=2
     
  18. Nefertity

    Nefertity เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    128
    ค่าพลัง:
    +634
    จิตเดิมนี้ได้เวียนว่ายในสังสารวัฏมานักต่อนัก การที่คุณมีวิบากร่วมด้วยกับองค์เทพ(พระพรหม)ก็ถือว่าเป็นเส้นทางอันเป็นกุศลแล้วจึงมิเป็นการอันเสียหายที่จะรับขันธ์ ดั่งที่เหล่าเทพและเทวดาได้กราบทูลอาราธนาอายุพระพุทธศาสนา ให้ล่วงต่อได้อีก 2,500 ปีหลัง การที่คุณจะรับขันธ์ ก็เพิ่มเติมเพียงส่วนแห่งบารมีร่วมกับองค์พรหมที่อาจมีคุณต่อกันมาแต่หนหลัง (ภพที่คุณไม่อาจระลึกด้วยจิตปุถุชนได้) และเป็นหนทางที่เทพจะได้ติดต่อเพื่อเสริมกำลังศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนาก็เป็นได้ ส่วนลาภสักการะอันจะเกิดจากการรับร่างทรง คุณก็ใช้สติพิจารณา ไตร่ตรองดูเองว่าจะกำหนดให้เป็นไปในทิศทางใด คุณก็อาจนำเงินทองข้าวของที่ผู้คนมาทำทาน ไปบำเพ็ญทานต่อแทนพวกเขา หรือจัดตั้งคณะบุญของศัทธาไปทำประโยชน์อื่นๆต่อไปได้อีก
     
  19. คนขายธูป

    คนขายธูป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    252
    ค่าพลัง:
    +2,964
    <TABLE width="100%"><TBODY><TR width="100%"><TD colSpan=2>ร่างทรง"คนทรงเจ้า"หรือ"คนทรงเจ้า"

    คำนี้ดูศักดิ์สิทธิ์อยู่ไม่น้อย ถ้าเราไม่สังเกตุ จะเห็นว่าคล้ายกันมาก แต่จริงๆแล้วมันแตกต่างกันมาก เรามาพิจารณากัน

    -คนทรงเจ้า ไม่ต้องมีเจ้าหรือองค์อะไรมาประทับทั้งนั้น คนจะทำเองได้ โดยที่คนๆนั้นอาจจะมีความรู้เรื่อง วิชาอาคม วิทยากล สมุนไพร ดูดวงเป็น(เดาส่งเดช)หรืออาจมีเดรัจฉานวิชา เช่น การทำเสน่ห์ เล่นของ เป็นต้น สังคมไทยกำลังวิ่งเข้าหาสิ่งเหล่านี้ ตำหนัก สำนักต่างๆในประเทศไทยร้อยละ80-90ทีเดียวที่ผู้คนลุ่มหลงคิดว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หารู้ไม่คนเหล่านี้ทำเพื่อจะกอบโกยเอาเงินเข้ากระเป๋า อ้างชื่อเทพองค์ต่างๆ โดยมากจะเป็นองค์ใหญ่ๆ ร่างทรงประเภทนี้เข้าพวก เทพกึ่งเปรตหรือเปรตเดรัจฉาน อาศัยการพูดจาและการแสดง ที่จะหลอกให้คนอื่นเชื่อถือ

    -เจ้าเข้าทรง จะตรงข้ามกับคนทรงเจ้า องค์เทพจะลงประทับทรงเพื่อสร้างบารมี ร่างทรงจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย องค์เทพลงมาจริงๆ ตำหนักต่างๆในประเทศไทยคงจะมีไม่ถึงร้อยละ10 องค์เทพจะช่วยบำบัดทุกข์ให้มนุษย์ ไม่กินไม่ขอ ไม่แบ่งชั้นวรรณะ มีแต่จะช่วยเหลือ ร่างทรงจะได้บารมีที่ร่วมสะสมกับองค์เทพ ร่างทรงจะได้ความช่วยเหลือจากองค์เทพโดยมากจะพอกินพอใช้ ไม่ร่ำรวยมากนัก

    ฉะนั้น เราอยากจะถามท่านว่า ทุกวันนี้ที่ท่านไปตำหนักต่างๆ ท่านเจอ "คนทรงเจ้า" หรือ "เจ้าเข้าทรง" กันแน่!!

    ทำไมต้องมีร่างทรง

    เขาว่ากันว่า(อาจจริงหรือเท็จ)ก่อนพระพุทธศักราช พระศาสนาของตถาคต องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อนที่ท่านจะเสด็จดับขันธ์เข้านสู่พระปรินิพพาน ท่านจึงได้ตรัสถามกับพระอานนท์ว่าในศาสนาของตถาคต รวมทั้งหมด 5 ,000ปี ใครจะมาทำหน้าที่อะไรบ้าง พระอานนท์กราบทูลว่า ขอให้พระภิกษุสงฆ์ สามเณร ภิกษุณี นางชีพราหมณ์ อุบาสก อุบาสิกา เป็นผู้ดูแลและบำรุงพระศาสนา กึ่งหนึ่งเป็นเวลา 2,500ปี พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงอนุญาต แล้วก็ทรงถามต่อไปอีกว่า ใครจะขออะไรบ้าง ปวงเทพทั้งหลาย มี พระอินทร์ พระพรหม พระยม พระกาฬ และเหล่าเทวดาอารักษ์ทั้งหลาย จึงพร้อมใจกันกราบทูลขอให้ปวงเทพได้ดูแล และบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไปอีกครึ่งหนึ่งของพระอานนท์ คือเป็นเวลาอีก 1,250ปี ให้พวกเราดูแลจนเสื่อมลงไปจนหมดพอดี 5,000ปี ตามที่พระพุทธฎีกาได้กำหนดไว้ พอปี 2,500เป็นต้นไปจึงเป็นหน้าที่ของปวงทพทั้งหลายที่จะดูแลบำรุงศาสนาต่อไปจึงเป็นที่มาว่า ร่างทรงในปัจจุบันจึงมีมากมาย องค์เทพเป็นเพียงอากาศธาตุ มีเพียงธาตุลม ดังนั้นจึงต้องอาศัยมนุษย์ซึ่งมีธาตุทั้ง4คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ มาประทับร่างเพื่อติดต่อกับมนุษย์ได้จุดประสงค์เพื่อจะดูแลและบำรุงพุทธศาสนาเท่านั้น

    ถ้าเป็นจริงอย่างที่เขาว่ากันตามที่กล่าวมานี้ เราอยากจะถามท่านว่า ร่างทรงที่เราพบเห็นกันในปัจจุบัน ได้ทำหน้าที่ ดูแล บำรุงพระศาสนา หรือ ดูแลทรัพย์สินกระเป๋าตัวเอง กันแน่!!

    มีองค์...มีองค์...!

    ตามที่บอกกล่าวไว้ว่า องค์เทพเป็นเพียงอากาศธาตุ องค์เทพแต่ละองค์ ท่านมีความประสงค์จะลงมาสร้างบารมี ช่วยมนุษย์ บำรุงพระศาสนา ท่านจึงต้องเลือกร่างทรงที่มีคุณสมบัติและความดีงาม มีจิตใจเป็นกุศล เพื่อท่านจะได้ลงมาโปรดมนุษย์ได้ ท่านจะเลือกคนดี มีบารมีเท่านั้น องค์เทพชั้นสูงจะไม่มองคนไม่ดี นอกจาก องค์เทพที่ต่ำชั้นจะเลือกคนไม่ดีเพื่อทำเรื่องไม่ดี

    ฉะนั้น จะเห็นว่า เวลาไปตำหนักหรือ สำนักต่างๆ มักจะถูกทักว่า"มีองค์"ท่านอย่าได้หลงดีใจไป เพราะ นี่คือก้าวแรกที่จะทำให้ท่านต้องเสียเงินให้ตำหนักนี้อีก ไม่ว่าจะเป็น การรับขันธ์ 5 การไหว้ครูประจำปี เป็นต้น ทางเราเชื่อว่า ประสบการณ์การถูกทักว่า"มีองค์"ท่านคงได้เจอมาแล้ว แล้วหลังจากนั้น ท่านไปตำหนักนี้อีกกี่ครั้งล่ะ! เสียเงินไปเท่าไหร่แล้วหล่ะ! แล้วคำถามสุดท้าย ท่านมีองค์จริงหรือ!.....หรือว่า ถูกหลอก!....

    ประเภทขององค์

    มี 5 ประเภทด้วยกัน

    1.องค์เทพ ท่านจะเลือกคนดีเป็นร่างทรง เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ จรรโลงศาสนา รายชื่อองค์เทพ เช่น พระศิวะ พระแม่อุมา พระนารายณ์ พระฤาษีในชั้นเทพ เป็นต้น

    2.องค์พรหม ท่าจะเลือกร่างทรงที่ปฏิบัติ เคร่งในศีล มีบารมีมากๆ ยึดมั่นในคุณธรรม เช่น พรหมวิหาร4 มี เมตตา กรุณา มุฑิตา อุเบกขา พระพรหมจะช่วยมนุษย์ในการประทานพร รักษาโรค

    3.องค์เจ้า เจ้าต่างๆบางองค์มาแสดงอภินิหาร อวดอิทธิฤทธิ์ ลงมาสร้างบารมี รักษาโรคให้มนุษย์

    4.ผี เป็นวิญญาณที่ไม่ยอมไปผุดไปเกิด คอยช่วยดูแล คุ้มครองป้องกันมิให้เกิดสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม บางครั้ง เข้าสิงคนเพื่อบอกกล่าวให้รู้ล่วงหน้าในสิ่งที่จะเกิดขึ้น

    5.วิญญาณพเนจร ไม่ดี รังแก รบกวน ให้ร้าย สร้างความเดือดร้อน

    เราอยากถามท่านว่า ท่านไปหาร่างทรงตามสำนักต่างๆ ท่านรู้ไหมว</TD></TR><TR width="100%"><TD width="90%">โดย: [0 3] ( IP )</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <HR><TABLE width="100%"><TBODY><TR width="100%"><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 1
    ่า องค์ประเภทที่ 4 และ 5 มีมากกว่าร้อยละ 80 ท่านรู้ไหมว่า ท่านไปเจอร่างทรงแบบไหนกันล่ะ!เทพ พรหม เจ้า หรือผี วิญญาณ

    ขันธ์ 5

    เมื่อ เราคนธรรมดา ถูกทักว่า"มีองค์"ก็มักจะได้ยินคำว่า"รับขันธ์" เพราะร่างทรงหรือลูกศิษย์ในตำหนัก จะบอกว่า ให้รับขันธ์ เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว บางคนก็รับขันธ์เพื่อรักษาโรคให้ตัวคนได้รับ บางคนก็ถูกอ้างว่า จะได้รับครูบาอาจารย์อย่างถูกต้อง เป็นทางสว่าง โดยแต่ละราย ก็ต้องจ่ายค่ารับขันธ์ (อย่างต่ำเท่าที่รู้หรือสัมผัสมา 500บาทขึ้นไป)บางตำหนักแบ่งเป็นรับขันธ์ 5 รับขันธ์8,9,10ขันธ์16 จ่ายเงินตามเกรด โดยถูกหลอกมาเป็นทอดๆ และจริงๆคืออะไรกันแน่

    ขันธ์ 5 จริงๆแล้วคือ ศีล 5 นั้นเอง เพราะเราไปยึดติดกับพิธีกรรมการรับขันธ์ มากเกินไป จึงหลงจ่ายเงินให้ตำหนักได้สร้างความร่ำรวยจากการทำขันธ์ไปหลายรายแล้ว ทางเราของย้ำว่า ไม่จำเป็นต้องรับขันธ์ 5 เลย ถ้าท่านใจสะอาด รักษาศีล 5 มีสัจจะ สวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ ทำจิตใจให้เป็นสมาธิ หมั่นทำบุญทำทานเป็นประจำ ปฏิบัติให้ถูกต้อง รับรองว่า จะเป็นมงคลชีวิตมากกว่าการรับขันธ์จากร่างทรงซึ่งไม่รู้ว่า ร่างทรงปฏิบัติธรรม ถือศีล5อย่างเคร่งครัดหรือเปล่า

    ดังนั้น การไปรับขันธ์ เพื่อจะเปผ็นร่างทรง หรือจะรับสักการะบูชา หัวใจไม่ได้อยู่ที่การรับขันธ์ ความสำคัญอยู่ที่ศีล 5 ที่เราปฏิบัติต่างหาก แล้วท่านล่ะ! รับมากี่ขันธ์แล้วล่ะ(ห้า...ห้า...ห้า...)

    คู่มือการไปตำหนัก(หาร่างทรง)

    องค์เทพไม่ว่า แขก-ไทย-จีน ล้วนมีฤทธิ์และอนุภาพต่างกัน แต่ฤทธิ์และอนุภาพนั้นจะสัมฤทธิ์ผล ขึ้นอยู่กับร่างทรงแท้ๆ ไม่เกี่ยวกับองค์เทพ ถ้าร่างทรงดี ปฏิบัติดี องค์เทพก็ขลัง และนี่คือตำราหรือคู่มือการไปตำหนัก(หาร่างทรง) คุณต้องจำ 10 ประการดังนี้ไว้พิจารณาร่างทรง ดังนี้

    1.จิตใจของผู้เป็นร่างทรงว่ามี จิตใจเมตตา หรืออยากได้ของของผู้อื่นหรือไม่

    2.บุพกรรมของร่างทรงมีมากน้อยเพียงใด จึงไม่ส่งผลให้เหมือนคนอื่น

    3.ร่างทรงมีความขยันหมั่นเพียรในการปฏิบัติตน ในสิ่งที่บุญมากน้อยเพียงใด

    4.ร่างทรงมีวาจาที่สุภาพอ่อนโยน ถ่อมตัว หรือ หยิ่งยะโส มากน้อยเพียงใด

    5.ร่างทรงมีการเป็นอยู่ดีมากน้อยเพียงใด ในที่นี้มิได้หมายถึงความร่ำรวย

    6.ร่างทรงได้รับการสั่งสอนจากบิดามารดา ครูบาอาจารย์มาดีเท่าใด

    7.ร่างทรงมีวาสนานากรช่วยเหลือหรือสร้างบุญมากแค่ไหน มิใช่เห็นคนอื่นได้ดีก็จะต้องทำให้เหมือนคนอื่น

    8.ครอบครัวร่างทรงกีดกันหรือขัดขวาง สนับสนุนมากน้อยเพียงใด

    9.ร่างทรงตั้งตนอยู่ในคุณธรรมหรือเล่นการพนันหรือไม่

    10.ร่างทรง มีทิฐิมานะมากน้อยเพียงใด

    ถ้าท่านพิจารณาครบ 10 ข้อ(ย้ำครบ 10 ข้อแล้ว9,8,7 ข้อไม่ได้นะ!)เห็นดีดีครบ 10 ข้อแล้ว ดิ่งไปเถอะนะ ตำหนักที่ว่าน่ะ แต่ถ้าไม่รู้อะไรเลยทั้ง 10 ข้อ เก็บตัวอยู่กับบ้านเถอะ อย่าไปให้ถูกหลอก เสียเงิน เสียทรัพย์เลย...

    ลบหลู่เถอะร่างทรงแบบนี้!

    พวกทรงเจ้า เข้าผี ปลอมเป็นร่างทรง มี 5 จำพวก

    1.พวกเป็นโรคจิต ตื่นตามข่าวรือหรือเหตุการณ์ พวกนี้ไม่มีเทพเจ้ามาเข้า เช่น มีข่าวลือว่ามีต้นไผ่ออกมาเป็นรูปของสมเด็จย่า ก็มีพวกไปทำทีว่า สมเด็จย่าเข้าทรง เป็นต้น

    2.พวกโรคจิตอยากดัง อยากให้คนห้อมล้อมกราบไหว้ เพื่อเรียกร้องความสนใจ ก็ทำเป็นเจ้าเข้าทรง

    3.พวกจิตอ่อน ถูกทักว่ามีองค์ ก็ทำเป็นเวียนหัว คลื่นไส้ ทั้งที่ไม่มีอะไร

    4.พวกจิตมีความโลภ สร้างตำหนักหลอกคน โดยแสดงเก่งทั้งนั้น

    5.พวกจิตมีกรรมติดตัวมา จำใจรับเพราะคนอื่นมอบให้ เช่นถูกหลอกว่ามีองค์ ถ้าไม่รับเป็นร่างแล้วจะเป็นบ้า เมื่อรับแล้วก็เป็นวิญญาณของผีปอบ แทนวิญญาณขององค์เทพ

    ฉะนั้นเราช่วยกันประณาม หรือลบหลู่ได้เลยถ้าพิสูจน์แล้วว่าเป็นของปลอม!

    พิสูจน์ร่างทรงกันไหม...?

    ทางเราไปจับผิดมาหลายตำหนัก หลายสำนัก ขอยืนยันว่า โดยมากจะมีพิรุธ บางทีอาจเป็นร่างทรงเอง บางทีก็ลูกศิษย์เอง พอประมวลได้ดังนี้

    1.ก่อนทรง-หลังทรง รู้เรื่องหมดเลยว่า เราคุยอะไรกับองค์เทพบ้าง ระหว่างทรงก็แกล้งปิดตาตลอด

    2.เรียกเงินเราระหว่างทรง บางทีก็เรียกเป็นทอง แหม่...เทพใช้เงินทอง น่าแปลกใจจัง!

    3.ทักจังว่า “มีองค์”เพื่อให้รับขันธ์เสียเงินเพิ่ม

    4.แกล้งขู่ว่า “ไม่เชื่อแล้วมาทำไม”ให้เราฝ่อ และอีกหลายคนในตำหนักเชื่อ ยอมเสียเรา 1 คนเพื่อที่จะได้ลูกค้าอีกเป็น 10

    5.บางทีเราแกล้งบอกว่า“ดวงไม่ดี”(ทั้งที่เราไปลองของ)เรียก “สะเดาะเคราะห์”ทันทีเลยแฮะ!

    6.อวดจังว่าช่วยมาหลายคนแล้ว ช่วยได้ ช่วยได้ ช่วยไม่ได้ไม่เห็นเล่าให้เราฟังบ้างเลย!

    7.อ้าง ตำรวจ ทหารผู้ใหญ่ มาเฝ้าเทพที่ตำหนักนี้ แต่ไปทีไรหน้าเดิมทุกที

    8.พูดคำ ด่าคำ เทพหยาบคายจัง ทำไมเทพอยู่สูงแต่พูดจาต่ำจังเลยนะ!

    9.บอกชีวิตเราว</TD></TR><TR width="100%"><TD width="90%">โดย: [0 3] ( IP )</TD><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <HR><TABLE width="100%"><TBODY><TR width="100%"><TD colSpan=2>ความคิดเห็นที่ 2
    ่า “มืดตลอด”ต้องทำพิธีถวายเทียน สารพัดรูปแบบที่ต้องจ่าย
    ถ้าท่านเจอแบบ 9 ข้อแรก เชื่อเถอะ...ว่า“เทียม”

    เห็นว่าในนี้อาจจะเป็นประโยชนืบ้างไม่มากก็น้อยครับ
    เวปมาสเตอร์ถ้าเห็นว่าไม่เหมาะสมลบได้ครับ (ไม่ต้องเกรงใจ ตามกติกา)</TD></TR></TBODY></TABLE>

    http://www.pantown.com/board.php?id=2594&name=board4&topic=437&action=view
     
  20. ปกรณ์

    ปกรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    404
    ค่าพลัง:
    +3,761
    ขอแสดงความเห็นสักเล็กน้อยว่า
    1.ขันธ์ห้าเรามีอยู่แล้วและปรากฎให้เราเห็นและแบกกันอยู่ทุกเวลาซึ่งเพียงเท่านี้ก็หนักหนาสาหัสมากแล้ว หากรับมาอีกห้า ก็เป็นสิบขันธ์ คงจะหนักเพิ่มขึ้นอีกมิใช่น้อย แล้วมีเหตุผลอะไรที่เราจะรับมาเพิ่มอีก
    2.เนื้อความคำกล่าวรับขันธ์ พิจารณาให้ดี เห็นว่าเป็นการเปิดรับเทพ(ซึ่งเทพมีทั้งสัมมาทิฐฐิและมิจฉาทิฐิ)ให้เข้ามาครอบงำเราได้ ถ้าเป็นสัญญาในทางกฎหมาย ถือเป็นการให้ความยินยอมแบบครอบจักรวาล หากเปิดรับไปภายหลังจะมาแก้ไขเป็นไม่รับก็เป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าสเทพที่มานั้นสัมมาทิฐฐิ และถึงแม้จะสัมมาทิฐฐิก็ไม่ควรยอมกันถึงขนาดนั้น
    3.เคยมีตัวอย่างของผู้รับขันธ์ห้ามาแล้ว โดนแทรกอยู่บ่อย ๆ ขาดความเป็นตัวของตัวเอง และถูกครอบงำโดยไม่รู้ตัว
    ผมเคยเข้าร่วมเพื่อช่วยคนเหล่านั้นให้หลุดจากการถูกครอบงำ จนเกือบโดนเล่นงานหลายครั้ง(ถึงขนาดมาปรากฎตัวให้เห็นด้วยตาเนื้อ) แต่เนื่องจากพระและผู้มีพระคุณยังเมตตาสงเคราะห์จึงรอดมาได้

    ทั้งหมดคือข้อแนะนำ ส่วนว่าจะรับหรือไม่รับขันธ์ห้า อยู่ที่ดุลพินิจของท่าน ถามถึงความเห็นส่วนตัวอยู่แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วมั่นคงให้พระรัตนตรัยให้สุดใจ อย่างอื่นก็ไม่ต้องพูดถึงครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...