โพธิสัตว์พันเศียรบำเพ็ญกันอย่างไร?

คำว่าลึกซึ้งของคุณ ผมไม่รู้ในระดับไหน ระดับที่เข้าใจปรัชญาศาสนาและประติกรรม หรือว่าจะเข้าใจถึงจิตวิญญาณที่สื่อสารกับพระองค์ได้ พระสูตรต่างๆ ที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ ไม่ว่าจะเป็นไวบูลยสูตร หรือปรัชญาปารมิตาสูตร ก็ตาม ก็ล้วนแต่เป็นการสรรเสริญและมนตราทั้งสิ้น โดยเฉพาะกรัณฑวายูหสูตร ที่พรรณาถึงคุณลักษณะของพระอวโลกิเตศวร รวมไปถึงการสร้างโลกธาตุของพระอาทิพุทธด้วยสมาธิ ซึ่งถือว่าพระองค์ทรงถือกำเนิดเองและทรงเป็นต้นกำเนิดของสรรพสิ่งทั้งปวง เขาไม่ได้กล่าวถึงพระแม่กวนอิมเลย ถึงแม้ท่านจะแบ่งกายหรือบิดเบือนกายได้เป็นหมื่นโกฎิก็ตามที


แล้วคุณจะให้ลึกซึ้งขนาดไหนอีก หรือว่าต้องสื่อประทับญาณจึงจะลึกซึ้งพอ คุณเองก็ต้องตระหนักในการนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่งั้น คนเขาไขว้เขวกันไปหมด ไม่งั้นคุณก็ต้องบอกว่ามหายานจีน วัชรยานทิเบต หรือเนปาล จะได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น มหายานเองก็ไปรวบของนิกายเขามา จนแยกแยะกันไม่ออก นี้แหละหนอ ปรุงแต่งจนวุ่นกันไปหมด

 

ทำไมเวลาคุณป่าวอันถัง แสดงธรรมแล้วมีผู้สงสัยขึ้นมาจึงไม่ชี้แจงหล่ะครับ
ปล่อยให้ผู้อื่นเข้าใจไปคนละอย่าง จนสับสน จนเห็นธรรมะที่ท่านแสดงเป็นเรื่องขบขัน
หรือนี่คือเจตนาของท่านอยู่แล้ว

 

ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เวลาที่ผมชี้แจงตอบ เขาเองก็ไม่เคยตอบกลับมาเลยสักครั้ง จะได้เข้าใจให้ถูกต้องโดยทั่วกัน

การแสดงธรรมไม่ใช่เป็นเรื่องขบขันนะคุณ แต่กับเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เจตนาผมพูด ผมก็พูดตรงๆ ตรงประเด็น และไม่อ้อมค้อม ก็ขอให้ผู้แสดงธรรมโปรดใช้วิจารญาณด้วยครับ คิดเสียว่าเป็นการแบ่งปันความรู้ และประสบการณ์แบบมีส่วนร่วม น่าจะดีกว่าครับ

 

ธรรมชาติก็มีความหลากหลายอยู่ ธรรมดานะ
คนก็เป็นธรรมชาติหนึ่ง มีความหลากหลายเหมือนกัน


เราเคารพธรรม คนเป็นธรรม ก็เคารพความหลากหลายในคน
ไม่อาจสามารถที่ทำให้ทุกคนเห็น คิด รู้ แจ้ง เช่นกันทั้งหมด
แม้แต่เราเองก็ไมได้รู้ไปหมดทุกอย่าง


สำคัญที่ความรู้แต่ละท่านนั้น ปฏิบัติให้ได้มรรคผลจริงเท่าไรเท่านั้นเอง
ซึ่งตรงนี้เป็นเรื่อง "ไม่ใช่ตัวกูของกู" ใครทำใครได้น่ะครับ
ผมทำแล้วในกิจส่วนผม ท่านอื่นก็ทำๆ ไปในส่วนของเขา
บุญกรรมต่างคนต่างได้รับครับ ไม่เกี่ยวกัน
บารมีผมเต็มเมื่อไรก็บาย บายน่ะครับ


;aa37

 

ไม่ทราบว่าครูบาอาจารย์ฝ่ายมหายานท่านบันทึกได้ด้วยการใช้วิธีใด
ในเถรวาทก็ไม่มีบันทึก ดังนั้น ที่เผยแพร่ไป ก็เผยแพร่เท่าที่พอปฏิบัติได้
รายละเอียดบางอย่างก็ไม่ใช่ว่าจะรู้หมด


บางองค์ก็ยังไม่ได้รู้จัก จึงไม่รู้ว่าจะตอบว่าถูกหรือผิดอย่างไร
ก็ไม่เมื่อไม่เคยไปติดต่อกับท่านผู้นั้น
ที่ติดต่อก็องค์กวนอิม ก็พอทราบเท่านั้นเอง
องค์อื่นไม่รู้เหมือนกัน


ก็ตอบเท่านี้ละครับ

 

เคยได้สัมผัสองค์ "วรประภา" ซึ่งชื่อนี้ไม่มีในไตรปิฎกเถรวาทและมหายาน
ก็เหมือนๆ กับนักวิทยาศาสตร์ ไปพบสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่แล้วนำมาเผยแพร่
ตามสื่อต่างๆ ตามกรรมวิธีของตนๆ ที่พอจะค้นพบได้


อันนี้เผยแพร่ไปก็ไม่รู้จะถูกจะผิดยังไงดี เพราะอ้างตำราที่ไหนมาก็ไม่มีครับ
เหมือนกัน เคส องค์กวนอิม บางอย่างสัมผัสมาแล้วมันอย่างไรละ ก็สัมผัสมาแบบนี้
ก็สื่อไปแบบนี้ ทำหน้าที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ ค้นหา ค้นพบ แล้วเผยแพร่
ผมก็ทำได้เท่านี้ละครับ หน้าที่ "พิพากษา" ความถูกผิดใดๆ นั้น ไม่ใช่หน้าที่ผมครับ

 

หวัดดี ท่านป่าวอันถัง

 

ขอบคุณมากครับที่แสดงความเห็น นี้คือ สิ่งที่ต้องการให้แสดง เพราะทุกครั้งที่คุณนำเสนอข้อมูล ด้วยการสื่อสารกับพระองค์ท่านโดยตรง ซึ่งเข้าใจว่าผ่านการนั่งสมาธิ หรือไม่ก็การประทับญาณ ผมเองก้ไม่ต่างกับคุณมากนัก เพียงแต่การสื่อสารเรื่องราวนั้น ผู้สื่อสารจะต้องมีฐานองค์ความรู้เพียงพอที่จะทำความเข้าใจในเรื่องราวต่างๆ บ้าง

ผมเองก็ติดวิจิกิจฉา จนคิดว่าเราอุปทานหรือนึกคิดไปเอง แม้แต่การติดต่อสื่อกับ alian หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่นอกโลกก็ด้วยเช่นกัน อันนี้ก็แล้วแต่เคส ผมเองก็ชื่นชมคุณอยู่หลายครั้งกับสิ่งที่สื่อมาได้แล้วตรงใจ แต่บางอย่างก็หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ดังนั้น สิ่งที่ได้สะกิดไปก็เพื่อให้นำกลับไปทบทวนก่อนนำเสนอ เพื่อให้มีเกิดความชัดเจนมากขึ้น โดยการเทียบเคียงกับหลักฐานหรือความรู้เดิมบ้าง จะทำให้ขัอมูลมีน้ำหนักมากขึ้น อันนี้ ก็แล้วแต่คุณจะพิจารณาครับ

 

สวัสดีมนุษย์...

 

สวัสดี อันตัวเจ้าละ เป็นมนุษย์ หรืออมนุษย์

 

คุณ motivate<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1910258", true); </SCRIPT> บอกว่า อมุนุด ง่า ปะปา^^~

 

คุณป่าวอันถังแสดงธรรมตามที่พระอาจารย์สื่อมาสอน...ซึ่งเป็นธรรมชาติจิตของท่านป่าวอันถังที่อยากรู้อยากเห็นเรื่องต่างๆ...บางครั้งจิตที่อยากรู้อยากเห็นของเรา...เราก็ไม่อาจบังคับได้...ท่านจะสื่อมาสอนจนเข้าใจ...จนท่านป่าวอันถังสามารถปล่อยวางลงได้...
เราก็เคยได้รับสื่อแบบนี้เหมือนกัน...รับมาจนเข้าใจทางโลก...เมื่อคำถามเกิดขึ้นในใจ...จะมีคำตอบกลับมาทันที...แต่สุดท้ายทั้งหมดนั้นก็เพียงเพื่อเข้าใจ...เราต้องทำเองให้ได้...ความเข้าใจ...กับการได้ทำ...และการทำได้ช่างต่างกันมากนัก...ต้องเพียรๆๆ...

 

ผมไม่ได้ศึกษาทางวัชรญาณนะคับ อยากจะทราบว่าถ้าพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร ไม่ใช่พระแม่กวนอิมแล้วท่านจะเป็นใครหล่ะคับ ถ้าไปถามใครๆในประเทศไทยว่า อวโลกิเตศวร นี่ใคร 95% คงต้องบอกว่า พระแม่กวนอิมแหละคับ
ในความคิดผมนะคับ ไม่เชื่อตามตำรา เพราะมันเรื่องเดียวกัน แต่เนื้อหามักไม่ค่อยเหมือนกันในแต่ละเล่ม ผมว่านะ คงเป็นคนๆเดียวกันแหละ แตกต่างสถานที่ ชื่อเลยต่างกัน เหมือนเราเรียกพระพุทธเจ้าว่าพระพุทธเจ้านั่นแหละ บางที่เรียกตถาคต ไม่รู้นะคับ อันนี้มันความคิดผม ผิดถูกก็ช่วยชี้แนะด้วยคับ

 

ลองไปศึกษาเรื่อง ประติมานวิทยาองค์พระอวโลกิเตศวร โดย ศ.มจ. สุภัทรดิศ ดิศกุล แล้วจะได้เข้าใจมากยิ่งขึ้นครับ ทั้งในอินเดีย เนปาล ชวา และเขมร ก็เหมือนกันหมดครับ แตกต่างกันแค่เพียงศิลปะเท่านั้น

ตัวอย่างครับ



องค์พระอวโลกิเตศวร ศิลปะแบบสมโบร์ไพรกุก
คริสต์วรรษที่ 7 พิพิธภัณฑ์สถานกีเมต์ ปารีส ฝรั่งเศส

 

พระมหาโพธิสัตต์กวนอิม ใช่และ ไม่ใช่พระอวโลกิเตศวร
เพราะ.............
พระอวโลกิเตศวร ถือกำเนิดในร่างมนุษย์ สมัยพุทธกาล
พระโพธิสัตต์กวนอิม ถือกำเนิดในร่างมนุษย์ หลังพุทธกาล
แต่ทั้งสองพระองค์ บำเพ็ญธรรมแนวทาง....เหมือนกัน
และบรรลุ...เหมือนกัน
***การบำเพ็ญ โพธิสัตต์ตามแนวมหายาน และหินยานนั้นต่างกัน
หินยานถือว่า บำเพ็ญโพธิสัตต์ เพื่อสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า แล้ว นิพพาน
แต่สำหรับ โพธิสัตต์แห่งมหายานแล้ว ไม่ได้บำเพ็ญเพื่อสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า
แต่บำเพ็ญ เพื่อสำเร็จเป็นพระมหาโพธิสัตต์ เพื่อช่วยสรรพสัตว์ ไม่มีที่สิ้นสุด

 

พระองค์ท่านถือกำเนิดเป็นร่างมนุษย์ ด้วยหรือครับ พระองค์เป็นธยานิโพธิสัตว์
ที่แบ่งพระภาคมาจากองค์พระอาทิพุธ เป็นคู่พระบารมีขององค์พระอมิตาภะ
หน้าที่ของพระองค์ท่าน คือ โปรดสรรพสัตว์ครับ
พระองค์ท่านไม่ต้องการบำเพ็ญเพื่อเป็นพระพุทธเจ้าหรอกครับ เพราะนี้คือ ธยานิโพธิสัตว์ ไม่ใช่มนุษิโพธิสัตว์ อีกอย่างพระองค์ก็คือพระภาคหนึ่งของพระพุทธเจ้า แล้วใยต้องกลับไปเป็นพระพุทธเจ้าอีกละครับ

เข้าใจครับ การบำเพ็ญพระโพธิสัตว์ของมหายาน มีมุติตาเป็นเบื้องต้น มีธรรมเมฆาเป็นที่สุด หรือทีเรียกกันว่า บารมีสิบทัศน์

คุณเข้าใจคำว่าพระโพธิสัตว์ไหม มีขั้นตอนอย่างไรในการบำเพ็ญเพียร กลับไปอ่านเรื่องมรรคาแห่งพระโพธิสัตว์ ของ อ. โสรัจจ์ หงศ์ลดารมภ์ แล้วจะเข้าใจได้เป็นอย่างดี

มนุษย์ทุกคนใช่ว่าจะเกิดมาเป็นพระโพธิสัตว์ได้นะครับ คำว่า พระโพธิสัตว์เป็นมงคลยิ่ง ต้องผ่านการบำเพ็ญเพียรอย่างเต็มกำลัง ไม่ใช่จะได้กันง่ายๆ นะครับ

 

กำลังอ่านอยู่เจอมุกท่านวิษณุ ตลกดีจังเลย...ฮ่ะ..ฮ่ะ..

 

ดีค่ะ ดี..เห็นด้วยกับข้อความข้างต้น
1. อธิษฐานยกผลบุญให้พระพุทธเจ้า (ไม่ได้หมายความว่าพระพุทธเจ้าในปัจจุบันเท่านั้นที่ตรัสรู้ก่อนและกำลังจะตรัสรู้หลังจากนี้ไปมีอีกเพียบ)
..ผลบุญกลับสะท้อนดันเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมไม่รู้ตั้งเท่าไร...ไม่ work

2. แบ่งภาคจิต ออกมากๆ เช่น แบ่งกายเป็นหมื่นโกฏิ เพื่อลดทอนบุญบารมีตน
เอง เพราะข้อเสียนี่เองจึงต้องมีงานเพิ่มมากตามเก็บภาคจิตทั้งที่ติดกรรมและไม่ติดกรรม (เพราะได้ฟอกธาตุให้สะอาดเรียบร้อยแล้ว) ..ไม่ Work เหมือนกันตอนนี้ท่านตามเก็บกันอยู่

3. การบำเพ็ญ ....อันนี้ Work สามารถเข้าถึงผู้มีบุญบารมีน้อยลงไปได้..แถมมีโอกาสตามเก็บร่างแบ่งภาคข้อ 2
...งานหลักก็ต้องปราบมารและอสูรที่บารมีมากๆ + ตามเก็บร่างที่แบ่งภาคไปอีกให้มารวมกัน เพิ่มพลังงานต้นแบบ...

 

กลับมาเล่าเรื่องการบำเพ็ญเพียรต่อ... การบำเพ็ญนอกจากเพิ่มเศียรแล้ว บางองค์ก็เพิ่มกรและเพิ่มศัตราวุตครบมือเพื่อเอามาปราบมารก็มี (ภาคอิทธิฤทธิ์) ...นั่นแหละ..สุดยอด...

 

ชอบอ่านค่ะ น่าสนใจดี




เปนกำลังใจค่ะ