แฉความลับ (ทหารปฏิรูปประเทศไทย)

ในหลวง ในสายตาพระอริยะสงฆ์##
รวมบทความที่พระเถระและพระอริยสงฆ์ กล่าวถึง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

“พระองค์ทรงมีกระแสจิตแรงมาก ฉันเองยังสู้ท่านไม่ได้ เรื่องปรารถนาพุทธภูมินี่ พระองค์ (ในหลวง) ปรารถนามานาน แต่เวลานี้บารมีเป็น “ปรมัตถบารมี” เหลืออีก ๕ ชาติ และที่พระองค์ปฏิบัติมามันเลยแล้ว ไม่ใช่ไม่สำเร็จ พุทธภูมินี่ต้องบำเพ็ญกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์เป็น “วิริยาธิกะ” ต้องบำเพ็ญถึง ๑๖ อสงไขยกำไรแสนกัป นี่เกิน ๑๖ อสงไขยแล้ว “แสนกัป” อาจยังไม่ครบ จึงต้องเกิดอีก ๕ ชาติ"
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

“นี้รูปพระเจ้าแผนดิน เก็บดีๆ แด้นั้น
เอาไว้ในห้องพระ กราบไหว้บูชา พระพุทธเจ้านะนั้น”
พระครูภาวนาภิรัต วิ. (หลวงปู่สังข์ สังกิจโจ)
วัดป่าอาจารย์ตื้อ ต.สันมหาพน อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

“ก็มีแต่คนไม่ฉลาดเท่านั้นแหละ
ถึงไม่รู้ว่าพระเจ้าแผ่นดินพระองค์นี้มีดีอะไร”
พระอาจารย์วัน อุตฺตโม (พระอุดมสังวรวิสุทธิเถร) วัดถ้ำอภัยดำรงธรรม (วัดถ้ำพวง) อ.ส่องดาว จ.สกลนคร
พระอุปัฏฐากหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ทำหน้าที่ยาวนานที่สุด

หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร
ได้กล่าวรับรองไว้ด้วยองค์เองทีเดียวว่า
“ครูบาขาวปี วัดพระพุทธบาทผาหนาม เคยเป็นช้างนาฬาคิริง ส่วนในหลวงองค์ปัจจุบันเป็นช้างป่าเลไลยก์นะ...!!!” (ช้างป่าเลไลยก์คือพระโพธิสัตว์)
หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร
วัดถ้ำผาปล่อง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่

“วันหนึ่งข้างหน้า
ในหลวงจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งของโลก ในหลวงเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพุทธภูมิ”
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย

“หากไม่มีในหลวง พระพุทธศาสนาก็ตั้งอยู่ไม่ได้”
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

“พระองค์มัวแต่เป็นห่วงคนอื่น
แต่ไม่ทรงห่วงพระองค์เองบ้างเลย...”
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ

“ในหลวงพระองค์นี้ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์น๊ะ...”
ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิต

“...การดูหมิ่นในหลวง ก็คือโค่นชาติบ้านเมือง
เพราะนี่คือหัวใจของชาติ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย
...โลกอยู่ได้ด้วยของดี คนดี ไม่ใช่อยู่ได้ด้วยของชั่ว คนชั่ว... ในหลวงเป็นคนดีมากที่สุด เราหาได้ที่ไหนในเมืองไทยเรานี้ พระองค์เสด็จนู้นเสด็จนี้ เราก็เห็นไม่ใช่เหรอ ไม่ได้หยุดเลย
เหมือนกังหัน เพราะความห่วงชาติบ้านเมือง รักประชาราษฎร เพราะเป็นลูกของท่าน เราจะหาใครได้อย่างในหลวง ทำไมไปตำหนิในหลวงได้ลงคอ คนคนนั้น (ผู้ดูหมิ่นในหลวง) เป็นคนประเภทใดพิจารณาดูเถิด
...พึงบูชาคุณของคนดี เคารพ เลื่อมใส ยินดี...
จะไปตำหนิในจิตเช่นนั้นแล้ว แสดงว่าคนนั้นเป็นคนที่ทำลายโลกได้อย่างร้ายแรงมาก เป็นคนเลวมาก อย่าถือเป็นคติตัวอย่าง ไม่ดี...”
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด (วัดเกสรศีลคุณ) อ.เมือง จ.อุดรธานี

.....ขนลุกซู่ไปทั้งตัวไม่หยุด.....

 

นี่เป็นเวปพลังจิต วิทยาศาสตร์ลึกลับ แล้วให้ไอ้พวกนี้มาพร่ามอะไรวะ วิทยาศาสตร์ พลังจิตเขาไม่มายุ้งเรื่องพวกนี้หรอกไอ้บ้า

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=NfHeLgCtntk]ในหลวง รัชกาลที่8 และ สมเด็จย่า - YouTube[/ame]

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=gKgN4Lb3OAY]รัชกาลที่ 8 ตอนที่ 2 พระราชกรณียกิจ - YouTube[/ame]

 

อาถรรพ์เซ็นทรัลเวิลด์คำสาปวังเพชรบูรณ์

วังเพ็ชรบูรณ์ เคยตั้งอยู่ริมถนนพระราม 1 และถนนราชดำริ เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทราชัย พระราชโอรสองค์ที่ 72 ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5
สำหรับที่ตั้งวังเพ็ชรบูรณ์คือ พระราชวังปทุมวัน ซึ่งรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเสด็จประพาสและให้ประชาชนไปแล่นเรือ โดยโปรดให้ขุดสระใหญ่ 2 สระติดกัน โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพลับพลา 2 ชั้น สำหรับประทับแรม ริมสระมีพลับพลาเสด็จออกและโรงละคร พร้อมกับตำหนักฝ่ายใน โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดใกลักับพระราชวัง พระราชทานนามว่า วัดปทุมวนาราม
สำหรับตำหนักมีดังนี้

ตำหนักประถม เดิมเป็นตำหนักที่ประทับของสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก ต่อมาโปรดให้เป็นที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุษบันบัวผัน ซึ่งทรงเป็นผู้ถวายพระอภิบาลสมเด็จฯ เจ้าจุฑาธุชธราดิลก มาแต่ทรงพระเยาว์ เป็นตำหนักที่ก่อสร้างด้วยไม้ สูง 3 ชั้น ปัจจุบันได้ถูกชลอมาปลูกสร้างใหม่ ที่ตำหนักของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธสิริโสภา ซึ่งเป็นพระธิดา ที่จังหวัดนนทบุรี

ตำหนักแพ ปัจจุบันอยู่ที่วังเลอดิสตำหนักแพ เป็นตำหนักที่ประทับของสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก ภายหลังจากที่ทรงย้ายจากตำหนักประถม ลักษณะเป็นเรือนไทย 2 หลังอยู่บนแพ ปัจจุบันชลอมาอยู่ที่วังเลอดิส ถนนสุขุมวิท ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช พระโอรส

ตำหนักสันนิบาตน้อย เป็นที่ประทับของหม่อมเจ้าบุญจิราธร จุฑาธุช พระชายาในสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก
ตำหนักน้ำ เป็นที่อยู่ของหม่อมละออในสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก เป็นเรือนไม้ชั้นเดียวหลังเล็กๆ ปัจจุบันชลอมาปลูกใหม่ ณ ตำหนักของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุทธสิริโสภา ที่จังหวัดนนทบุรี
เรือนกินรำ เป็นที่อยู่ของคณะละครวังเพ็ชรบูรณ์


ในสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อสมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฑาธุชธราดิลก กรมขุนเพ็ชรบูรณ์อินทรา ชัยเสด็จกลับจากศึกษาที่ประเทศอังกฤษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชวังปทุมวัน นี้ว่า "วังเพ็ชรบูรณ์" ภายในวังประกอบด้วยตำหนัก ซึ่งมีชื่อเป็นเพลงไทยเดิม เนื่องจากทรงมีความสนพระทัยในด้านนาฏศิลป์และดุริยางคศิลป์

แต่ต่อมาวังเพ็ชรบูรณ์ ได้ถูกขอเช่าที่ดินไปสร้างเป็นห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถ.ราชประสงค์ ปัจจุบัน


อาจารย์วิศิษฐ์ เตชะเกษม ผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ยชื่อดังของไทย กล่าวถึงความอาถรรพ์ของ แยกราชประสงค์ว่า เป็นที่ดินที่มีการสาปแช่งว่าห้ามผู้ใดเข้ามาใช้สถานที่นี้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอาจจะถึงตาย

"ที่ตรงนั้นเคยเป็นทางแยกและเป็นคลองตรงจุดทางแยก ซึ่งส่วนใหญ่จะมีวิญญาณชั่วร้ายอาศัยอยู่ค่อนข้างเยอะ สมัยโบราณตอนแรกที่ตั้งโรงแรมเอราวัณก็ประสบปัญหามากมายถึงขั้นลมละลายกันบ่อย แต่หลังจากมีพระผู้ใหญ่ที่เป็นพราหมณ์ แนะนำให้ตั้งศาลพระพรหมที่ตรงโรงแรมเอราวัณ หลังนั้นสถานการณ์ต่างๆ ก็ดีขึ้น
หรืออย่างที่ตั้งของโรงพยาบาลตำรวจเมื่อก่อนยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มักจะมีเหตุการณ์ตาย จนกระทั่งมีการตั้งพระนารายณ์ เพื่อให้ควบคุมสถานการณ์ได้ หรือ
อย่างสมัยก่อนตรงหัวมุมตรงนั้นก็มีการสร้าง "ห้างไทยไดมารู" ขึ้น แต่ก็ต้องเจ๊งระเนระนาด เนื่องจากว่าตรงห้างไทยไดมารูที่ตรงนั้นเดิมเคยเป็นสถานที่ศักสิทธิ์เป็น พระราชวังที่ประทับของ ร.4 ซึ่งตรงจุดนั้นก็มี การประทับพระตรีมูรติ โดยสร้างในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และก็มีการสืบทอด มาอันเชิญมาตั้งอยู่ในวังเพชรบูรณ์
ตรง ถ.ราชดำริ ซึ่งพื้นที่ตรงนั้นถือเป็นที่นและก็มีการสาบแช่งไว้มากมาย"

สุดท้ายที่ดินสุดสวยก็กลายไปเป็นของตระกูลจิราธิวัฒน์ ฉะนั้นพอใครไปถึงตรงนั้นจะต้องรู้ว่ามีพลังศักดิ์สิทธิ์มาก แต่ทีนี้การที่มีม็อบมาตั้งเวทีตรงนั้นเชื่อว่าเสื้อแดงมีการใช้ไสยเวทย์ ด้วยกันหลายเรื่อง

"ที่เห็นได้ชัดมากก็คือ วันที่เสื้อแดงเทเลือด ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 วันนั้นเป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทยตามราชประเพณี ซึ่งวันนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือตัวแทน ซึ่งเป็นสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะเป็นตัวแทนเข้าไปไหว้พระสยามเทวาธิราช ซึ่งวันนั้นเองที่เสื้อแดงเทเลือดกัน ไม่รู้ว่าจะเป็นการจงใจหรือไม่แต่อย่างไร เพราะนี่คือการทำอาถรรพ์ใส่กับประเทศชาติ อาถรรพ์แบบนี้เขาเรียกกันว่า "แช่งบ้านสาปเมือง"แต่ ทีนี้การทำลักษณะนี้จริงๆ มันเป็นการกระทำอันตรายต่อคนทำเป็นอย่างยิ่ง เพราะพระสยามเทวาทิราชนั้นมีพระพลานุภาพที่ยิ่งใหญ่มาก ใครที่เป็นคนคิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นมาได้ถือว่าแย่มาก การสาปแช่งบ้านเมืองตัวเอง ซึ่งบาปก็จะติดตัวไปจนตาย"



อาจารย์วิศิษฐ์ ยังพูดถึงประเด็นการการตั้งเวทีหันหลังให้พระพรหมนั้น ไม่เป็นผลดีต่อคนทำ แน่ๆ เพราะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านอยู่ด้วยความสงบสุข

"ทำแบบนั้นก็ถือเป็นการไปรบกวนเสียเปล่า พอรบกวนไปแล้วก็คิดว่าท่านจะบันดาลไม่ให้ประสบผลสำเร็จ ซึ่งตนก็จับตาดูสถานการณ์ของเสื้อแดงตลอด และ
วันที่ 5 นี้เองนั้น จริงๆแล้วเป็นวันที่ปราบดาภิเษกของ ร.1 และวันที่ 6 คือวันราชาภิเษกของพระองค์ท่าน ฉะนั้นมองว่าเป็นการเล่นเอาวันสำคัญเป็นการแก้เคล็ด อย่างไรก็ดี เชื่ออย่างหนึ่งว่าเสาหลักเมืองมีความศักดิ์สิทธิ์ การที่มีคนทำพิธีเกี่ยวกับประเทศชาติเนี่ย เราคิดว่าบารมีเรามีมากพอ ในสมัยโบราณมีการทำกันระหว่างกษัตริย์ แต่นี่คือประชาชนทำจะเป็นเช่นไร สำหรับทางออกนั้น ผมอยากจะบอกว่า จริงๆคือการเล่นไสยเวทย์กันทั้งสิ้นไสยเวทย์จะบอกไว้นิดนึงว่าใครทำเข้ามัน จะ ย้อนกับมาเล่นตัวเรา ซึ่งมันรุนแรงมาก ยิ่งกว่าไม่มีบ้านให้อยู่เหมือนกับตกอยู่ในขุมนรกเลยทีเดียว" อาจารย์วิศิษฐ์ กล่าวทิ้งท้าย


นอกจากคำบอกเล่าของสถาปนิกที่ผันตัวมาเป็นหมอดูฮวงจุ้ยแล้ว เรื่องเล่าเกี่ยวกับอาถรรพ์วังเพชรบูรณ์ยังมีอีกมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ข้อความข้างล่างนี้

"แยกราชประสงค์ถือว่าเป็นอันตรายมาก ๆ เรียกกันว่าเป็นที่ที่มีฮวงจุ้ย "ใบพัด" เหมือนกับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อมีคนเยอะๆ ใบพัดก็จะหมุน ซึ่งตรงนั้นมีเทพเจ้ามากมาย ส่งผลให้เทพทุกองค์ต่างแสดงอำนาจกันใหญ่

จากประวัติศาสตร์ตอนสร้าง กทม.ลงเสาหลักเมือง กทม.มีการใส่คนจริงยังไม่ตายไปก้นหลุมด้วย พอลงเสาจะกลบหลุมมีงู 4 ตัวเลื้อยลงไป และถูกฝังไปพร้อมกับคน....เป็นเครื่องบอกลางอาถรรพ์ของกรุงเทพว่าครบรอบต้องบูชายันต์ กทม.ครั้งใหม่ อีกแล้วโดยผู้มีอำนาจ

นอกจากนี้สี่แยกราชประสงค์เป็นลางไม่ดี ยังอยู่ใกล้โรงพยาบาลตำรวจที่มีคนตายทุกวันตั้งแต่ตั้งโรงพยาบาลมามีคนตายไปแล้วหลายพันหลายหมื่นคน เป็นสี่แยกอาถรรพ์แต่บรรพกาล อีกทั้งยังเรียกกันว่าเป็นที่ประตูผีซึ่งเป็น อาถรรพ์"

 

โห.. อาณาเขตใหญ่เนาะ สปป.ล้านนา
แต่ ทำไม ไม่เอาอุ้งผางเนาะ หรือไม่รู้ว่าอุ้งผางอยู่ในตาก
กำแพง พิจิตร เพชรบูรณ์ โดน

ฮี่ๆๆๆ ไม่เอานครสวรรค์ แดงนครสวรรค์ร้องไห้ขี้มูกโป่ง ร้องไห้ดีใจ

จังหวัดตาก ถูกแบ่งครึ่งบนล่าง :boo:

 

สาธุ...สาธุ...สาธุ...

 

นี่มันเป็นเวปวิทยาศาสตร์ พลัจิตไอ้ โมทาไม่ใช่เวปการเมืองแล้วไอ้เจ้าของเวปไม่เอาออกลำพังผีเจ้าทรงในนี้ยังพอรับได้และทุกวันนี้ก็แทบจะไม่มีสาระแล้วยังให้ไอพวกนี้มาโพดอะไร พวกมึงจะรู้อะไรในประเทศนี้ไอ้โกหกปั่นนํ้าแล้วมาพร่ามมึงมีหลักฐานอะไรแม่งแต่งมาทั้งนั้นลูกน้องอีเทพ เทือกเหรอ

 

ไปทวงคืน ป.ต.ท ก็แค่ไปยกขาหลังเยี่ยว แล้วก็หางจุกตูดกลับ

 

บอกว่ารักชาวนา ไปไถเงินมาได้ก็เอาไปแบ่งกันเอง จีนมาซื้อข้าว 1ล้านตัน ก็ยกพวกไปปิดสถานทูต มันรักยังไง

 

ยมโลกนรกขุมที่ ๓ ที่ชื่อว่า

อสินขนรก ( นรกผีดิบ )

ยมโลกนรก ที่เหล่าสัตว์มีร่างกาย ผอมแห้งพิกลพิการ หนังหุ้มกระดูกแห้งตายซาก เล็บมือเล็บเท้าของตนแหลมยาว กลับกลายเป็นอาวุธ เป็นหอก เป็น ดาบ เป็นเสียมอันคมกล้า เอาเล็บมือถากตะกุยกินเนื้อกินหนังกินกระดูกตนเองกินเป็นอาหารดุจคนบ้าเสียสติ บ้างก็ไล่ถากไล่กินตัวอื่นหวังเป็นอาหาร จนตายแล้วฟื้นขึ้นมาใหม่ เป็นอยู่อย่างนี้ตลอดกาล

เนื่องจากกรรมแห่งอทินนาทานครั้งมีชีวิตอยู่ เป็นคนใจบาป คนพาล เกะกะ ระราน ชอบลักเล็กขโมยน้อย ลักขโมยในสถานที่สาธารณะ ของที่เขาถวายแด่พระพุทธศาสนาหรือลักขโมยของใช้เช่น เสื้อผ้า อาหาร

และพวกที่กระทำการทุจริตคอรัปชั่นติดสินบาทคาดสินบน โกงบ้านกินเมือง ไม่ว่าจะโดยวิธีใด ๆ โดยทางตรงหรือทางอ้อม

( อย่าว่าแต่เงินหมื่นเงินแสนล้านเลย แม้เงินเพียงหนึ่งบาทหนึ่งสตางค์ที่โกงมาทุจริตมาก็คือเงินที่มาจากหยาดเหงื่อแรงงานน้ำพักน้ำแรงของคนเป็นล้านคน ใครทำอะไรไว้ตนเองยุ่อมรู้ดีผลแห่งกรรมย่อมติดตามรอให้ผลแก่ผู้กระทำ)

 

กร๊ากกกกก .. ประเทศจีน ต้องนำเข้าข้าว? แผ่นดินออกจะใหญ่ ที่ดินเหลือบาน คนงานก็บาน .. แถมจีนยังมีพันมิตร ทั้ง พม่า เวียตนาม กร๊ากกกกกกกก

ไม่ใช่พวกหวังลมๆแล้งๆ เอาข้าวไปแลกรถไฟความเลวสูงเหรอะ
ไม่ใช่จัดฉากเพราะหาเรื่องกล่าวร้ายผู้ชุมนุมรักชาติเรอะ

ถ้าจีนอยากได้ข้าวจริง คงไม่บ้าจี้ล้มเลิกเพราะแค่สถานทูตปิดหรอก .. ปัดโถ้

 

ปัญหา G2G ปลอม ที่นายกกับกี้อริสมันต์และเมียกี้ ไปตั้งบ.ในจีน ทำเป็นซื้อข้าวระหว่างประเทศ ทำให้จีนฉีกหน้ารัฐบาลไทยเพราะไม่เอาคอร์รัปชั่น


"นิวัฒน์ธำรง" รับ บ.จีน ยกเลิกสัญญาซื้อข้าวไทย 1.2 ล้านตันแล้ว หวั่นมีปัญหาแบบ G2G ยัน ก.คลัง เร่งหาเงินกู้จ่ายชาวนา ขณะที่ กรุงไทย ยัน ไม่ปล่อยเงินกู้จำนำข้าวรัฐบาล มองมีความเสี่ยงสูง ด้านพนักงานกรุงไทย รวมตัว บุกเป่านกหวีดคัดค้านปล่อยกู้จำนำข้าว

นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ยอมรับว่า บริษัท เป่ยต้าฮวง ซึ่งเป็นบริษัทรัฐวิสาหกิจในมลฑลของจีน ส่งหนังสือยกเลิกสัญญาซื้อขายข้าวกับไทยจำนวน 1.2 ล้านตันแล้ว โดยเกรงว่าอาจมีปัญหาภายหลังได้ เนื่องจากเป็นสัญญาการซื้อขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ หรือ จีทูจี กับรัฐบาลจีน หลังจากทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ได้ดำเนินการตรวจสอบการระบายข้าวของรัฐบาล ที่ไม่ได้มีการทำสัญญาขายข้าวให้กับรัฐบาลกลางของประเทศจีนโดยตรง

อ่านต่อ..
พณ.รับจีนยกเลิกซื้อข้าวไทยลุยหาเงินให้ชาวนา : INN News

 

อนุโมทนา...

วันนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้นำเงินจำนวน 105,000 บาท บริจาคเข้าบัญชี "กองทุนช่วยเหลือชาวนา" กับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ในนามของ โรงแรม เอส ซี ปาร์ค โดย พระพุทธะอิสระ

ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าว เป็นเงินที่เคยได้รับจากโรงแรม เอส ซี ปาร์ค เป็นค่าชดเชยในการยกเลิกการเข้าพักของพี่น้องชาวนา ตามที่เคยเป็นข่าวเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2557 จำนวน 120,000 บาท โดย หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้นำเงินจำนวนดังกล่าวใช้จ่ายเป็นค่าเดินทาง ค่าอาหาร ให้แก่พี่น้องชาวนามามาโดยตลอด

สาธุ อนุโมทนา กับ โรงแรม เอส ซี ปาร์ค... คุณได้ทำบุญใหญ่แล้วล่ะ เงินของคุณไม่เคยสูญเปล่า

 

ขอบคุณที่นำมาให้อ่านอย่างต่อเนื่อง มาหลบๆอยู่ในมุมฮาร์คอร์แบบนี้แหละเข้าข่ายตามเกณฑ์Black Holeอาจไม่ถูกใจพวกทุยแดง แต่ถึงใจผมยิ่งนักแต่จุดจบของอ้ายพวกเนี้ย ผมว่าน่าจะให้ตายทั้งที่ยังเป็นๆน่าจะเข้าทีเข้าท่ากว่านะ อาทิเช่น"โดนหนอนเจาะโดนกินแทะจากข้างในตัวชนิดหาสาเหตุไม่ได้ว่ามาจากไหน ผสมกับร้อนไปทั่วทั้งตัวอย่างที่เรียกว่า"ไฟไหนเท่าจะร้อนเท่าไฟนรก"ขณะที่ยังไม่ตายมันน่าจะสาสม นี่ถ้าไม่ติดเรื่องทำมาหากินละก้อจะไปอยู่ร่วมด้วยทุกๆวันเลย อ้ายพวกโกง,นิยมโกงชอบความเลวจะได้น้อยๆลงๆไป

 

หลวงปู่แห่งเทือกเขาตะนาวศรี กล่าวไว้ชัดเจน ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายชั่ว
ฝ่ายชั่วคือฝ่ายจ้องจะพลิกฟ้า แยกแผ่นดิน ที่พระมหากษัตริย์ไทยสร้างบ้านเมืองมานับพันปี
โดยการอ้างประชาธิปไตย รักชาติ เป็นเรื่องหลอกลวงทั้งนั้น

ท่านยังกล่าวไว้ว่าสุดท้ายฝ่ายที่จะชนะ คือฝ่ายที่ทำเพื่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

ท่านว่าคนชั่วจริงๆมีไม่กี่คน ที่โลภ บ้าอำนาจ (และอยากพลิกฟ้า) ที่ทำให้บ้านเมืองปั่นป่วนถึงขนาดนี้
มันอายุแค่ หกสิบเจ็ดสิบปี จะมาทำลายชาติ ที่พระมหากษัตริย์ไทยสร้างมานับพันปี

 

ชอบไอเดียภาพธงแดงบนปก

 

เงินถุงแดง



เมื่อพ.ศ.๒๔๓๖ เกิดเหตุการณ์ที่เราเรียกกันว่า วิกฤตการณ์ ร.ศ.๑๑๒ ไทยเราถูกกองเรือฝรั่งเศสรุกเข้าสู่พระนคร นำปืนเรือจ่อพระบรมมหาราชวัง โดยสั่งให้ไทยชำระเงินค่าเสียหาย๓ล้านฟรัง(ราว ๑,๕๖๐,๐๐๐ บาท)ภายใน๔๘ชม. มิฉะนั้น ฝรั่งเศสจะยึดไทยเป็นเมืองขึ้น

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ไม่เป็นอันเสวยหรือบรรทม จนประชวรหนัก เพราะเหตุทรงเจ็บช้ำพระราชหฤทัย ขมขื่นและระทมทุกข์ จากชาติฝรั่งเศสที่เข้ามารุกรานแผ่นดินสยาม จนท้อพระทัยว่า พระนามของพระองค์จะถูกลูกหลานในอนาคตติฉินนินทาไม่รู้จบสิ้น

"เงินถุงแดง"มรดกจาก พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาล ที่ ๓ จึงถูกนำมาเป็น"ค่าไถ่แผ่นดิน"คืนจากฝรั่งเศสโดยนำไปสมทบกับเงินในท้องพระคลังหลวงที่มีอยู่ก็ยังไม่พอกับเงิน ๓ ล้านฟรังก์ เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ พระบรมวงศานุวงศ์

ตลอดจนข้าราชการ จึงช่วยกันถวายเงิน ทองและสร้อย เพชรนิลจินดาไปแลกเป็นเงินเหรียญ รวบรวมใส่ถุงขนออกจากพระบรมมหาราชวังทางประตูต้นสนไปยังท่าราชวรดิษฐ์กันตลอดทั้งวันทั้งคืนออกไปหลายเที่ยว

เนื่องจากมีเวลาจำกัดเพียง ๔๘ ชั่วโมง กล่าวกันว่าน้ำหนักของเงินเหรียญที่ใส่รถออกไปหลายเที่ยว ทำให้ถนนเป็นรอยสึกเพราะน้ำหนักของเงินเหรียญจำนวนมากมายมีน้ำหนักถึง ๒๑ ตัน

สุดท้ายสยามก็ชดใช้เงินให้ฝรั่งเศส๓ล้านฟรัง พร้อมกับต้องแลกกับการเสียดินแดนฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง และยึดเอาจันทบุรีกับตราดไว้เป็นประกัน

ทีนี้คุณรู้หรือยังครับ ว่าแผ่นดินไทยที่เรายืนอยู่นี้ เป็นของใคร?

เงินถุงแดง มรดกจากรัชกาลที่ ๓ ที่ช่วยรักษา “เอกราช” ของชาติไว้ ในเวลาต่อมา

พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๓ ทรงเป็นคนเก่งหลายด้าน จนแทบไม่น่าเชื่อว่าคนคนเดียวจะมีคุณสมบัติได้มากมายถึงขนาดนี้ แต่ก็เป็นความจริง ทรงเป็นทั้งกวี นักรัฐศาสตร์ นักเศรษฐศาสตร์ นักการทหาร นักการศึกษา ภูมิสถาปนิก อุบาสกผู้ทะนุบำรุงพุทธศาสนา ผู้อุปถัมภ์ศิลปะไทย

และเป็นนักธุรกิจที่ประสบผลสำเร็จดีเลิศ อย่างหลังสุดนี้คือ ทรงค้าสำเภา ส่งของไปค้าขายกับเมืองจีนตั้งแต่ยังทรงเป็นพระเจ้าลูกยาเธอกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ในรัชกาลที่ ๒ ถึงขั้นร่ำรวยจนพระราชบิดาทรงเรียกว่า "เจ้าสัว"

สมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ไม่ได้เสด็จออกไปเมืองจีนเอง แต่ทรงมอบให้ขุนนางไทยเชื้อสายจีนที่ไว้วางพระราชหฤทัย ให้จัดการบริหารงานค้าขายให้แทน ขุนนางผู้นั้นก็ได้ทำงานถวายด้วยความซื่อสัตย์ตลอดชีวิต จนบั้นปลายได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นเป็น " เจ้าพระยานิกรบดินทร์" ต่อมาในรัชกาลที่ ๖

เมื่อมีพระราชบัญญัตินามสกุล ลูกหลานเจ้าพระยานิกรบดินทร์จึงได้รับพระราชทานนามสกุลว่า " กัลยาณมิตร" ด้วยเหตุที่ต้นสกุลได้รับพระกรุณายกย่องเป็น "มิตรที่ดีงาม" ในรัชกาลที่ ๓ ส่วนเงินกำไรที่สมเด็จพระนั่งเกล้าฯได้มาเป็นเงินส่วนพระองค์นี้ มิได้ทรงใช้จ่ายเพื่อความบันเทิงใดๆ หรือยกให้พระราชโอรสธิดาตามพระทัยชอบทั้งที่มีสิทธิ์ทำได้ แต่ทรงนำมาใส่ถุงแดง

แยกเป็นถุง ถุงละ ๑๐ ชั่ง ตีตราปิดปากถุง เก็บไว้ในหีบกำปั่นข้างห้องพระบรรทม ส่วนหนึ่งทรงเก็บไว้เพื่อสร้าง และทะนุบำรุงวัดวาอารามต่างๆ ทั้งในพระนครและภายนอก อีกส่วนหนึ่งก็ทรงยกให้แผ่นดิน มีพระราชดำรัสว่า "เอาไว้ไถ่บ้านไถ่เมือง" หมายถึงว่าถ้าต้องเพลี่ยงพล้ำกับข้าศึกศัตรูแล้ว จะได้นำเงินนี้ออกมาใช้กอบกู้บ้านเมือง

พระราชดำรัสนี้น่าประหลาดตรงที่เมื่อเวลาผ่านไปอีกหลายสิบปี จนถึง ร.ศ. ๑๑๒ ก็เกิดเป็นความจริงขึ้นมา เมื่อไทยถูกฝรั่งเศสปรับโทษเป็นเงิน ๓ ล้านฟรัง จนท้องพระคลังมีไม่พอ ก็ได้ ‘ เงินถุงแดง ‘ ส่วนนี้ไปสมทบ ไถ่บ้านเมืองเอาไว้ได้จริงๆ แสดงว่าเงินถุงแดงที่ทรงสะสมไว้ มีจำนวนมากมายทีเดียว

สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยบ้านเมืองยิ่งกว่าเรื่องส่วนพระองค์จวบจนวาระสุดท้ายของพระชนม์ชีพ เมื่อประชวรหนักใกล้เสด็จสวรรคต ก็มิได้ทรงพะวงกับเรื่องอื่นนอกจากความสงบสุขของแผ่นดิน ถึงกับพระราชทานพระบรมราโชวาทแก่ขุนนางข้าราชบริพารที่เข้าเฝ้า ไว้เป็นครั้งสุดท้ายว่า

"การศึกสงครามข้างญวนข้างพม่าก็เห็นจะไม่มีแล้ว จะมีอยู่ก็แต่ข้างพวกฝรั่ง ให้ระวังให้ดี อย่าให้เสียทีแก่เขาได้ การงานสิ่งใดของเขาที่คิด ควรจะเรียนเอาไว้ก็ให้เอาอย่างเขา แต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสไปทีเดียว"

น่าประหลาดอีกเช่นกัน ทรงมีสายพระเนตรกว้างไกลในเรื่องนี้อย่างแม่นยำเช่นเดียวกับเรื่อง ‘ เงินถุงแดง ‘ เพราะถ้าเรานึกถึงปัญหาเศรษฐกิจที่ประเทศไทยประสบอยู่ในปัจจุบัน แม้เวลาล่วงเลยหลังจากเสด็จสวรรคตมาแล้วถึง ๑๔๙ ปี

พระบรมราโชวาทเรื่องนี้ก็ยังเป็นสิ่งทันสมัย
ควรแก่การนำมาทบทวนและเตือนใจคนไทยอีกครั้งหนึ่ง

 

7 มี.ค.57 เผย..ต้นตระกูลแก๊งค์อั้งยี่แดง สู่ตับๆ เปรี้ยงๆ เด็ดปีกแมงเม่าแดง

ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีอั้งยี้กลุ่มหนึ่งที่ จ.จันทบุรี ได้สร้างความเดือดร้อนให้คนไทยเป็นอย่างมาก ชื่อว่าคณะ " งี่เฮ็ง" มีนายง่วนเส็ง แซ่คู เป็นหัวหน้าซึ่งเคยถูกพิพากษาจำคุกที่ จ.ตราด โดยหลวงวิพิธพจนาการ (แจ่ม สูตบุตร์) เป็นเปาบุ้นจิ้นพิพากษา หลายปีต่อมานายง่วนเส็งฯ พ้นโทษ และย้ายกลับมาอยู่ที่ จ.จันทบุรี เมื่อทราบว่าหลวงวิพิธฯ มาประจำตำแหน่งที่นั่น จึงได้ส่งคนไปลอบทำร้ายหลวงวิพิธฯ ต่อมานายง่วนเส็งฯ ถูกจับกุมอีกครั้ง และถูกส่งตัวเข้ามาคุมขังใน กรุงเทพฯ

ต่อมาปรากฏหลักฐานในจดหมายเหตุว่า "นายง่วนเส็ง" เป็นพ่อ "นายชุนเชียง" ซึ่งอพยพมาจาก จ.จันทบุรี แล้วไปตั้งถิ่นฐานที่ จ.เชียงใหม่ แล้วนายชุนเชียง เปลี่ยนชื่อ-นามสกุลเป็น "นายบุญ..ชิน.." ซึ่งก็คือพ่อของ "ชายดูไบ" นั่นเอง ดังนั้นตระกูลนี้ทั้งที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสัมภารเบื้องสูงของไทย "แซ่คู" หรือสกุล "ชิน.." เป็นอั้งยี่ซ่องโจร เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศ และลอบทำร้ายเปาบุ้นจิ้นมานานแล้วตั้งแต่ ร.5 นั่นเอง !!

1. การก่อการร้ายสากล

เคยเล่าให้ฟังแล้วว่า มีหลักฐานสายข่าวความมั่นคงชัดเจน ว่าชายดูไบตั้งกองทุนลับ เพื่อนำไปสนับสนุนทุน และสั่งการให้ก่อการร้ายสากล สั่งฆ่าพี่น้องมุสลิม และไทยพุทธ พระ เด็ก ผู้หญิง คนแก่ ที่ 3 จังหวัดภาคใต้ มานานนับ 10 ปีแล้ว โดยมีกองกำลังใต้ดินหลายกลุ่ม เช่น วาะดะห์ และอีกหลายแก๊งค์ เพื่อให้ภาคใต้วุ่นวาย คนท้องถิ่นอพยพหนี และ “ขายที่ดิน” ซึ่งเป็นที่รู้กันในบรรดา บ.น้ำมัน ว่าใต้ดินและฝั่งทะเลที่ 3 จังหวัดใต้คือแหล่ง “น้ำมัน” ทรัพยากรชั้นเลิศ ที่ดูดขึ้นมาให้ร่ำรวยนั่นเอง และมีการแอบให้สัมปทานกับ บ.ตะวันออกกลางลับๆ อีกด้วย

เมื่อคนท้องถิ่น หรือ ไทยพุทธ หวาดกลัว ทำให้ขายที่ดินแล้วอพยพหลบหนีออกจากพื้นที่ แก๊งค์อั้งยี่แดงก็จะไปช้อนกว้านซื้อที่ดินเหล่านั้นทันที และมีทุจริตการใช้งบ ศอ.บต.ของทวี สมุนชายดูไบ เป็นหลักหมื่นล้านต่อปี จัดซื้อจัดจ้างวิธีพิเศษผ่านโครงการต่างๆ โคตรแพง และบางงานไม่มีงานจริงหรืองานจ้างเพียงจิ๊บจ้อย แต่มีการตรวจรับและเบิกจ่ายงบมาแบ่งกันจำนวนมากอย่างหน้าด้านๆ เป็นการหากินท่ามกลางศพ และความตายของเพื่อนร่วมชาติ และชายชุดเขียวไทยชั้นผู้น้อย ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้..คือการก่อการร้ายสากลโดยแก๊งค์อั้งยี่แดง..นี่ก็เป็นเหตุผลที่หนึ่งที่ผ่านมาเขาต้องกีดกันถวิล สมช.ออกไปนั่นเอง !!

การชักดาบเงินค่าจำนำข้าวชาวนาที่ผ่านมา นี่ก็เป็นแผนส่วนหนึ่งของแก๊งค์อั้งยี่แดงนี่แหละ ที่โกงกันตรงๆ ก็คือ แอบเอาข้าวไปขาย เอาข้าวประเทศเพื่อนบ้านมาสวมสิทธิ์เบิกเงิน การกินหัวคิวหักเปอร์เซ็นต์จากชาวนา ไซฟ่อนเงินไปฮ่องกง 6 หมื่นล้านบาท ฯลฯ ส่วนในทางแฝงที่คนไทยรู้น้อยก็ คือ รัฐแดงเลือกจ่ายเงินค่าจำนำข้าว 1.63 หมื่นล้านบาท ในฤดูกาล 56/57 ให้เฉพาะ 5 จังหวัดฐานการเมืองก่อน คือ เชียงราย สุพรรณ นครสวรรค์ ฉะเชิงเทรา กำแพงเพชร (จังหวัดละ 2.8 -3.7 พันล้านบาท) ส่วนจังหวัดอื่นๆ จ่ายน้อยมากหรือไม่จ่ายเลย เช่น ลพบุรี 10 ล้าน, อุทัย 30 ล้าน ฯลฯ

นั่นเพราะว่านายทุนแก๊งค์อั้งยี่แดง ได้สมคบกับต่างชาติตะวันออกกลาง ที่มาตั้ง บ.ทำนา แล้วส่งข้าวกลับประเทศตนเองเพราะราคาถูกกว่าซื้อจากประเทศไทยผ่านการค้าขายปกติ พวกนี้จ้องจะรอช้อนซื้อที่ดินจากชาวนาที่สิ้นหนทาง มีหนี้สินพ้นตัวและต้องกู้เงินนอกระบบจากนายทุนเหล่านี้เหล่าเอง ในเขตจังหวัดแถวภาคกลาง สุพรรณ ชัยนาท กำแพง ฯลฯ ตอนนี้มี บ.ทำนา ต่างชาติตะวันออกกลาง กว้านซื้อที่ดินชาวนาไปทำแทบหมดแล้ว มีการอำพรางใช้ชื่อคนไทยจ้างถือกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นแทนต่างชาติ นี่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติที่รุนแรงเหมือน 3 จังหวัดชายแดนไต้

2. การเดินเกมส์ต่อรองทางการเมืองของชายดูไบ

ด้วยสถานการณ์ของแก๊งค์อั้งยี่แดงพ่ายแพ้แน่นอนแล้ว ขุนพลสายลับอีสานรายงานว่า ชายดูไบจึงเรียกเป็ดเหลิม บินไปพบที่สิงค์โปร์ช่วง 6-9 มี.ค. เมื่อเจอหน้าเป็ดเหลิม ณ ห้องสวีทในโรงแรมแห่งหนึ่งที่สิงค์โปร์ ชายดูไบได้ด่าพ่อล่อแม่ บริภาษ เป็ดเหลิมอยู่เกือบชั่วโมง ก่อนจะเริ่มคุยกัน ด้วยบรรยากาศรอยร้าว..ฮา

เป็ดเหลิม รายงานยืนยันว่าการเลือกตั้ง 2 ก.พ.เป็นโมฆะแน่นอน (เรื่องนี้โภคิน ก็รู้มาก่อนแล้ว) เพราะผู้ตรวจการแผ่นดินฯ ส่งเรื่องไปที่ศาลไคฟงรัฐธรรมนูญแล้ว ชายดูไบถึงกับเอาเท้ากุมขมับ และหัวฟัดหัวเหวี่ยงบ้าคลั่งหนัก หากผลคำพิพากษาออกมาว่าโมฆะ สั่งพลิกเกมส์ใหม่ทันที โดยให้เร่งเจรจาต้มตุ๋นกับฝ่ายต่างๆ ดังนี้
- เป็ดเหลิม..เร่งเจรจากับ ปชป.ให้ลงเลือกตั้งครั้งหน้าให้ได้ และให้ช่วยคุยกับหญิงกระบังลมเพื่อให้เดินสายล็อบบี้ผู้หลักผู้ใหญ่ ให้กดดัน ปชป.ให้ลงเลือกตั้งครั้งใหม่ให้ได้ ( เพราะชายดูไบ ไม่ค่อยกล้าคุยกับเมียหลวงที่แกล้งหย่า เพราะกลัวถูกด่า เนื่องจากตนเองมีเมียน้อยและมีกิ๊กหลายคน..ฮา)
- สั่งปูเน่าและเจ้กระบังลม..ให้เจรจาล็อบบี้ต้มตุ๋นผู้นำเหล่าทัพ กดดันให้สนับสนุนให้ ปชป.ลงเลือกตั้งครั้งใหม่ และให้หลอกต้มพรรคร่วมฯ ว่าสนับสนุนกันต่อเถอะ ครั้งหน้าจะไม่ส่งคนในตระกูลชินลงชิงนายกฯ แล้ว
- สั่งให้สื่อในเครือข่าย..สร้างกระแสไปสู่การเลือกตั้งครั้งใหม่ "ทุกพรรคต้องลงเลือกตั้ง"..คอยดูข้อความประมาณจะถูกกลุ่มพวกโลกสวยจุดกระแสในไม่ช้าหลังคำพิพากษา
- สั่งบริษัทเผาไทย ให้เปลี่ยนโครงสร้างคณะกรรมการยุทธศาสตร์ มาเป็นคณะกรรมการประสานภารกิจ เพื่อหลอกผู้สมัคร ส.ส.ว่า จะให้มีส่วนร่วมตัดสินใจมากขึ้น
- ส่วนชายดูไบเอง..จะเดินทางไปจีน (ปักกิ่ง) เพื่อขอให้เพื่อนพาเข้าพบผู้นำระดับสูง ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เพื่อจะขอให้จีนสนับสนุน ให้เกิดการเลือกตั้งครั้งหน้าในประเทศไทย และจะขอให้จีนให้สถานที่ลี้ภัยกับปูเน่าด้วย หากปูต้องแอบหลบหนีออกจากประเทศไทยแบบฉุกเฉิน หลัง ปปช.ชี้มูลความผิดข้อหาทุจริต และอีกสารพัดคดีที่จำไม่หวาดไม่ไหว
- ในอีกทางก็จะขอให้จีนสนับสนุน เหมือนสมัยเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 เพื่อติดอาวุธให้กองกำลัง สปป.ล้านนา แล้วประกาศแยกดินแดน เปลี่ยนการปกครองเป็นประเทศคอมมิวนิสต์เหมือนจีนเต็มตัว
- เรื่องนี้ล่วงรู้ไปถึงหน่วยข่าวของอเมริกาแล้ว ถึงกับควันออกหูอย่างแรง เพราะจะทำให้เสียดุลอำนาจในภูมิภาคนี้ และทราบมาว่าจีนก็ไม่เอาด้วยกับความคิดนี้แน่นอน เพราะมีสัมพันธ์ที่ดีมากกับสถาบันมายาวนานนั่นเอง

3. ความเคลื่อนไหวชายชุดเขียว
- ผบ.หน่วยซีล เมื่อยังไม่อยากย้ายไปกินตำแหน่งที่สูงกว่า ก็มีพลังลึกลับให้อยู่ที่เดิมต่อไป
- พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ (ลูกชายนายพลเสื้อคับ..คนนี้แหละที่เอามือชี้หน้าเสื้อแดง..เจ้าของคำพูดว่า"กูทหารของพระราชา") ได้ย้ายมาเป็น ผบ.พล1 รอ. คุมกำลังสำคัญกลางกรุงฯ ที่รักษาความสงบเรียบร้อยอยู่ตอนนี้

4. สถานการณ์ก่อการร้ายสากล และการปะทะกับแมงเม่าแดง

4.1 หลังจากมีการเป่านกหวีดไล่หญิงกระบังลม ขณะเดินซื้อกระเป๋าราคาหลายแสนในห้าง ก็มีการใช้อาวุธสงครามกับแกนนำมวลชน กปปส.หลายครั้ง ทั้งถล่มบ้านด้วย M16 , การปาระเบิดเพิ่ม , มีการข่มขู่นักเรียนเด็กๆ ตัวเล็กๆ , เอาระเบิดควัน, สีแดงมาทาป้าย รร.ศรีวิกรม์
, สีสเปรย์พ่นป้ายโรงเรียน ฯลฯ

รายงานการข่าวว่า ต่อมามีการโทรไปบ้านแม่แกนนำ กปปส.ข่มขู่บอกว่า พี่ชายดูไบเขารักเมียหลวงมาก ใครทำอะไรเมียพี่พี่ชายดูไบเขายอมไม่ได้ จึงฝากจากคุณหญิงกระบังลมให้ "ทยา" ขอโทษโดยการขึ้นเวทีขอโทษออกทีวี เป็นการบอกตรงๆ ว่าถ้าขึ้นเวทีขอโทษแล้วจบ หรือบอกเปิดเผยหน้าด้านๆ ว่าเหตุการณ์ก่อการร้ายที่ผ่านมา ตระกูลชินสั่งการนั่นเอง !! ทำให้ทยาสงสารเด็กๆ ที่ถูกแก๊งค์อั้งยี่รังแก จึงตัดสินใจเว้นวรรคยุติการเคลื่อนไหวทางการเมืองชั่วคราว

เสธ เคยฟันธงแล้วว่าจุดอ่อนของชายดูไบ คือ ครอบครัว การกำจัดจุดอ่อนคือการใช้ “นกหวีดแบบท่อเก็บเสียง” กับครอบครัวเขาเท่านั้น เจอที่ไหนก็เป่าที่นั่น..ส่วนจุดอ่อนอีกจุดคือธุรกิจในเครือชิน ที่ตอนนี้พังพินาศไปกว่า 7 หมื่นล้านบาทแล้ว ดูการไปที่ตึกชิน 3 ของมวลชน กปปส.ที่ผ่านมาซิ ถึงกับถูกลอบยิงโดย M79 , ปืน จากชายชุดดำบนตัวตึกนั้น เพราะมีสำนักงานของ บ.มูบาดาลา ปิโตรเลียม บ.พลังงาน ของรัฐอาบูดาบี มีบริษัทลูก ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในชื่อ“เพิร์ล ออยส์ (ประเทศไทย) ” มีส่วนเกี่ยวข้องทางด้านธุรกิจพลังงาน กับชายดูไบ..เกี่ยวพันกับการก่อการร้าย ฮุบแหล่งพลังงานตามที่เอ่ยมาช่วงต้นๆ ด้านบน..นั่นเอง!!

ทั้ง 2 เหตุการณ์มันตอกย้ำจุดอ่อนของชายดูไบนั่นเอง ในส่วนตึกชิน 3 นั้น จะมีทางไปที่จอดรถ VIP ที่มีเฉพาะแกนนำเท่านั้นเข้าไปได้ มีการขนถ่ายอาวุธโดยรถยนต์ที่ใช้ตาข่ายพรางด้านท้ายรถ และกองกำลังต่างชาติจำนวนมาก ลอบมาโจมตีตามจุดต่าง ๆ ไปทั่ว กทม. โดยมีลิฟท์พิเศษจากจุดจอดรถนั้น ขึ้นไปในตัวอาคารโดยตรงโดยไม่ต้องตรวจจาก รปภ.ปกติ..ที่นี่แหละคือแหล่งบัญชาการและซ่องสุมอาวุธ กำลังพลในการก่อการร้ายตลอดมา

4.2 การปะทะกับแมงเม่าแดง

เคยเตือนหลายครั้งแล้วพวกแมงเม่าแดงก็ไม่ฟัง ว่าเจ้าที่แถวแจ้งวัฒนะนั้นดุและเฮี้ยนสุดๆ อย่าเที่ยวทะเล่อทะล่าไปลองของแถวนั้น แต่แมงเม่าแดงพวกนี้มันก็อยากลองพระดี จึงขอรายงานยอดผู้บริโภคล่าสุด!! เมื่อคืนดังนี้
- เวลา 20.00 น. คืนที่ผ่านมา อันธพาลแดงใช้อาวุธปืนยิงระยะไกล เข้าไปที่ชั้น 7 แผนกห้องผ่าตัด รพ.มงกุฎวัฒนะ ไม่มีผู้บาดเจ็บ
- เวลา 02.20 น. ฝั่งตรงข้ามศาลไคฟงรัฐธรรมนูญ ภาพจากกล้องวงจรปิด พบแมงเม่าแดงลอบกัด 2 ตัว ขับรถเก๋งโตโยต้า วีออส สฎ 4578 กทม. ขับฝ่าจุดตรวจด้านศาลฯ ตรงเข้าไปที่จุดชุมนุมของหลวงปู่ฯ ที่แจ้งวัฒนะ ด้านหลังเวทีปราศรัยเต็นท์แกนนำ กปปส.แจ้งวัฒนะ และเต๊นท์นักข่าว แล้วกราดยิงใส่
- จากนั้นวนรถออกมา ไปยังจุดตรวจด้านปั๊มเชลล์ ยิงปืนใส่ในจุดตรวจของการ์ด เพื่อที่จะขับรถฝ่าจุดตรวจหนี แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
- ทันใดนั้นเชพกระทะเหล็กลึกลับ (จากที่ไหนก็ไม่รู้) จำนวนหลายคนที่ซุ่มเล่น LINE อยู่ได้วิ่งตรงเข้ามา ใช้ตะหลิ๋วอันใหญ่ดำทมึน คั่วป๊อบคอร์นร้อนๆ กระหน่ำใส่อย่างหูดับตับไหม้ เสียงคั่วดังตับๆๆๆ เปรี้ยงๆๆๆ ถี่ยิบหลายนาที..เหมือนเทศกาลดอกไม้ไฟเลย..ฮา
- แมงเม่าที่บาดเจ็บหนัก อารามตกใจได้เปิดประตูรถแล้ววิ่งหลบหนี ท่ามกลางน้ำเฮลล์บลูบอย และรูกลมๆ เล็กๆ เต็มร่าง 1 คน จึงถูกการ์ดต้อนรับขับสู้อย่างดีด้วยมิตรไม่ตรี ดนตรีพื้นบ้านของไทย ผสานดนตรีสากล เสียงดัง ตุ๊บ พลั่ก อึก ผั๊ว เปรี๊ยะ โพล๊ะๆๆ ได้ยินดนตรีที่แสนไพเราะ ดังระงมอยู่หลายนาที พอดนตรีสงบลง พบแมงเม่าแดงมันนอนหลับตาพริ้มมองฟ้าอยู่เพียงลำพัง..คงชอบละซิ
- สันนิษฐาน มันวิ่งถือขวดน้ำเฮลล์บลูบอยมา แล้วเกิดอุบัติเหตุสะดุดหญ้าหกล้ม ขวดเฮลล์บูลบอยเลยแตกเป็นชิ้นแหลมเล็กๆ ทิ่มเข้าไปที่หน้าอกมันจนมันเป็นรูเต็มไปหมด..
- ในเวลาต่อมาชายชุดเขียว จำนวนมาก มาที่เกิดเหตุ พอถามการ์ด ผู้ชุมนุม และชายชุดเขียว ว่าใครเจอเชพกระทะเหล็กเมื่อสักครู่บ้างไหม?? ทุกคนพร้อมใจกันส่ายหน้าบอกว่า “ไม่เจอ” ช่วงนั้นหันหน้าไปทางอื่นบ้าง มองดูท้องฟ้าบ้าง จึงไม่มีใครเห็นเชพกระทะเหล็กกลุ่มลึกลับสักคน..งานนี้แมงเม่าแดงเจ็บฟรี จับมือที่ 4 ไม่ได้ ไม่รู้เป็นใครจริงๆ..ฮา
- ส่วนอีกคนวิ่งเข้าไปปะปนกับผู้ชุมนุม ทำให้เชพกระทะเหล็กยั้งมือคั่วข้าวโพดแจก วิ่งหลบหนีพาร่างกายโชกไปด้วยเฮลล์บลูบอย หนีไปได้..ยอดผู้บริโภคป๊อบคอร์นจึงมีเพียง 1 ตัว ค้นหลักฐานชื่อ นายมารุต จันทร์นวล อายุ 35 ปี พนักงานบริษัท แท็กซ์เคม แมคทีเรียล (ไทยแลนด์) จำกัด
- ชายชุดเขียว และการ์ด หามร่างที่แทบจะเป็นชิ้นส่วน ส่งโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ช่วงเช้านำส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลศิริราช (มีประกันสังคม)
- เจ้าหน้าที่ EOD ได้ร่วมกันตรวจค้นรถยนต์วีออสคันก่อเหตุ เก็บรอยนิ้วมือภายในรถ ยังพบมีการซุกระเบิด 1 ลูก ทำจากท่อพีวีซี ชนิดแสวงเครื่อง (คล้ายใน 3 จังหวัดชายแดนไต้) เป็นระเบิดทำมือชนิดขว้างที่ยังไม่ได้ใช้งาน บอมบ์ (แบบที่ขว้างใส่บ้านแกนนำ กปปส.ที่เป่านกหวีดใส่หญิงกระบังลม) อยู่ในที่เก็บของด้านข้างคนขับ ด้านหน้ารถยนต์ เจ้าหน้าที่ EOD ได้ทำลายระเบิด และนำกระเดื่องไปตรวจสอบ และเอกสารจำนวนหนึ่ง
- เวลา 10.30 น. แก๊งค์อั้งยี่แดงซุกระเบิดไปป์บอมบ์ (แบบที่ขว้างใส่บ้านแกนนำ กปปส.ที่เป่านกหวีดใส่หญิงกระบังลม) ข่มขู่ที่หน้าศาลไคฟงรัฐธรรมนูญ แจ้งวัฒนะ เพื่อให้ตัดสินให้ฝ่ายตนเองชนะคดี และ จนท.EOD กู้แล้ว

เสธ ก็บอกเตือนแมงเม่าแดงไปหลายครั้งแล้ว บางคนบอกไม่จริง แล้วเป็นไงล่ะ !! สินค้าป๊อบคอร์นที่เชพกระทะเหล็กเค้าคั่วร้อนๆ รอไว้นานแล้ว ช่วงหลังมันขายไม่ค่อยดี บางคืนขายไม่ได้เลย พ่อค้าป๊อบคอร์น พอเขาเจอลูกค้ารายใหม่แมงเม่าแดง เขาจึงดีใจกันมาก..รีบประเคนสินค้าให้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค พอขายเสร็จเขาก็ล่องหนหายตัวไปทันที..

มือที่ 4 ก็แบบนี้แหละ..มาเร็วเคลิมเร็วว่างั้นเถอะ..ว่างๆ แวะมากินกันอีกนะ คิดถึง..ฮา

 

ไม่น่าเชื่อ

เรื่องราวของหัวหน้าอั้งยี่คณะงี่เฮ็ง ที่มีนายง่วนเส็ง แซ่คู เป็นหัวหน้า หลวงสาครคชเขตต์ ได้บันทึกไว้ในจดหมายเหตุความทรงจำสมัยฝรั่งเศสยึดจันทบุรี กล่าวถึง นายง่วนเส็ง แซ่คู หลังพ้นโทษแล้ว ได้ประกอบอาชีพเป็นทนายความขณะฝรั่งเศสยึดจังหวัดตราด ปรากฏหลักฐานการลอบทำร้ายผู้พิพากษาศาล คือ หลวงวิพิธพจนาการ(แจ่ม สูตบุตร์) ผู้พิพากษาขณะฝรั่งเศสยึดจังหวัดตราด ภายหลังได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้พิพากษาศาลเมืองขลุงบุรี ขณะย้ายจากจังหวัดตราดมาพักที่จันทบุรี ได้ถูกนายง่วนเส็งส่งพรรคพวกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บ เนื่องจากมีความเจ็บแค้นที่หลวงพิพิธฯ ครั้งที่เป็นผู้พิพากษาศาลจังหวัดตราด ได้ตัดสินจำคุกอั้งยี่กลุ่มตน แต่ในที่สุดไม่สามารถจับกุมคนลอบทำร้ายได้ ทั้งไม่มีหลักฐานอย่างอื่น สรุปว่าหลวงวิพิธฯถูกทำร้ายเปล่า และที่จังหวัดจันทบุรี ได้ปรากฏหลักฐานของบุคคลอีกท่านหนึ่งที่นี่ คือ นายชุนเชียง แซ่คู ได้ย้ายจากจันทบุรีไปอยู่เชียงใหม่ขณะเป็นเด็ก และต่อมาหลังแต่งงานได้ให้กำเนิดบุตรชายคนที่ 4 จากจำนวนพี่น้อง 12 คน ชื่อ นายเลิศ แซ่คู ซึ่งต่อมาบุคคลท่านนี้ ได้กลายเป็นอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดเชียงใหม่ และเปลี่ยนชื่อนามสกุลเป็น นายบุญเลิศ ชินวัตร
มันจะไม่เล่นตลกได้ยังไงเพราะหลวงวิพิธพจนการผู้พิพากษาที่ถูกทำร้ายคนคนดังกล่าวเป็นคนเดียวกับ หลวงวิพิธพจนการ (แจ่ม สูตะบุตร) ผู้เป็นคุณตาของ พ.ญ.สดใส เวชชาชีวะ (สกุลเดิมสูตะบุตร) มารดาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หรือนัยหนึ่ง หลวงวิพิธพจนการเป็นคุณตาทวด ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนั่นเอง

ซึ่งก็หมายถึงว่าก๋งของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ชื่อ คูชุ่นเส็ง-จีนง่วนเส็ง เคยมีกรณีวิวาทขนาดส่งลูกน้องไปทำร้ายร่างกายตาทวดของ อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เหตุเกิดที่เมืองจันทบุรี ในช่วงพ.ศ. 2449-2450 โดยประมาณ !!



ที่มา webboard.serithai.net/topic/33993[/url]