แคร่ริมคลอง...วันวิสาข์พาไป "พิพิธภัณฑ์สักทอง"

ขอบคุณโยมพี่ ณ ที่แวะมาเยี่ยมที่วัดนะจ๊ะ พี่ๆน้องทุกท่านคงสบายดีนะ
ขอคุณพระคุ้มครองทุกท่าน สาธุ

 

แจ้งเวลาหล่อพระวันที่ 9 นี้ จะหล่อ เวลา 9 โมง เช้านะครับ

ท่านใด สนใจไปร่วมบุญหล่อพระ ได้เลยครับ เป็นพระปูน 6 องค์

ช่วยกันยกถังปูน ครับ

 

สำหรับท่านที่ไม่ได้ไป สามารถดูภาพงานหล่อพระเมื่อวันที่ 9 ที่นี่ได้ครับ
PANTIP.COM : Y9232445

 

ช่วยเอามาลงให้จ้า

งานนี้พี่กบ สังสารวัฏ ได้ถวายพระทองคำ สมเด็จองค์ปฐม 6 องค์ เพื่อบรรจุลงในองค์พระ ด้วยครับ
และก็มีญาติธรรม ได้นำหนังสือพระไตรปิฏก+ตู้ และจัดผ้าป่า มาถวาย ที่สำนักสงพุทธบูชา ด้วยจ้า
ให้ได้บุญกันทุกท่านนะจ้ะ อนุโมทนา สาธุ จ้า

 

ศูนย์การเรียนรู้บ้านดินไทย

เมื่อวันที่7-9 พฤษภาคม 2553 ที่ผ่านมา
ณ ได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมกับบ้านดินไทย จังหวัดชัยภูมิ
หลังจากพลาดกิจกรรมที่บ้านดินมดแดงที่ลพบุรีมาแล้ว
คราวนี้ก็เลยขอโอกาสได้ไปคลุกดินสักที หลังจากที่ห่างหายมานานมากกว่าสิบปี
ตื่นแต่เช้ามืดเหมือนวันทำงาน มีเป้ใบใหญ่อยู่ข้างหลัง เป้ใบเล็กสำหรับใส่
ของกระจุกกระจิกอยู่ด้านหน้า
โดดขึ้นนั่งรถเมลล์ นั่งไปถึงหมอชิตใหม่ก็เจ็ดโมงกว่าแล้ว
พอเข้าไปถึงก็ด่อมๆ มองๆ หาสายรถที่ได้ข้อมูลมาจากพี่กู(google)
แต่ก็เหมือนบ้านนอกเข้ากรุง เอ้ย...ต้องกลับกันสิเนอะ
เหมือนคนกรุงไปบ้านนอก ไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรกับเขาเลยเชียว
เดินวนไป ก็วนมา ไม่เจอแฮะ จะเอาไงดีล่ะ หันซ้าย หันขวา เด๊อๆ ด๊าๆ
ในที่สุดก็ต้องอาศัยอวัยวะ(ปาก) ถามทางกับเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์
สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พร้อมส่งยิ้มไปก่อนเลย กะว่าหวานที่สุดในชีวิตแหละ
หนึ่ง สอง ซัม cheese...
"ขอโทษค่ะ คือว่า จะไปชัยภูมิ จะซื้อตั๋วกับเพชรทัวร์ได้ที่ไหนคะ?"
"เดินเลยหน้าลิฟท์ไปหน่อย ก็จะเห็นเพชรทัวร์"
เจ้าหน้าที่สุดหล่อรีบชี้มือบอกทางให้
สงสัยเจ้าหน้าที่จะตกใจตะลึงในรอยยิ้มขั้นเทพของเรา
"ขอบคุณค่ะ" เสร็จจากการกล่าวขอบคุณในน้ำใจของเจ้าหน้าที่
ณ ก็รีบหลบฉากแวบ...ไปตามทางที่เขาบอกมา
ในที่สุดก็ซื้อตั๋วได้สำเร็จ ราคาหน้าตั๋ว 293 บาท ถูกกว่าไปหนองคายอีกแฮะ...
นั่งรอเวลารถออก บอกไว้ว่า 09.30 น.
ตอนนี้เพิ่งแปดโมงกว่า ยังไงก็คงต้องหาอะไรมารองท้องสักหน่อย
ก็เลยไปนั่งแหมะในศูนย์อาหาร
ได้ข้าวผัดกุ้งกะปลาสลิดทอด แถมแตงกว่ามา 3 ชิ้น
รสชาติก็อย่าไปพูดถึงมันเลย แค่เอามาให้มันหนักท้องของเช้าวันนั้น

 

ณ และผู้ร่วมภาระกิจ เดินทางออกจากกรุงเทพฯด้วยรถทัวร์สายกรุงเทพฯ-หนองบัวแดง
ออกเดินทางก่อนสิบโมงเล็กน้อย นั่งคุยน้ำลายแตกฟองกันมาบ้าง
งีบโงกเงกกันมาบ้าง แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะมีการเอาหัวชนกันนะ
เพราะแต่ละคนติดดิสก์เบรคมาอย่างดี

ใกล้เที่ยงก็ได้แวะลงรับประทานอาหารที่ท่ารถ
ณ ไม่ค่อยอยากกินนัก เพราะยังไม่หิว ก็เลยไปได้ลูกชิ้นหมูปิ้งมา 2 ไม้
อ้าปากกว้างงับเข้าไปลูกนึ่ง...อืม...รู้สึกทราบซึ้งถึงรถชาติ Special แป้งๆๆ
อันที่จริง ณ ไม่ใช่เป็นคนเรื่องมากในเรื่องการกินเลยสักนิด
ด้วยเพราะมันสุดยอด Special เอามากๆ
เลยยอมให้มันผ่านลำคอไปได้อีก 1 เม็ด เป็นอันเสร็จพิธี

จากนั้นก็เดินทางกันต่อ ในที่สุดเรามาถึงตลาดหนองบัวแดงราวสี่โมงเย็น
ใช้เวลาเดินทางร่วมหกชั่วโมงเห็นจะได้
พอลงจากรถมาได้ก็รีบกดเบอร์ไปหาหนุ่มๆ แถวนั้นให้มารับ หุหุ
แหม...ก็นะคนมันมีหน้าตาเป็นอาวุธก็ดีอย่างนี้แหละ
ใช้เวลารอรถราวสิบนาทีเห็นจะได้ หนุ่มหล่อก็เอารถมาเทียบท่า
"พี่ ณ ทางนี้" เรารีบพากันโดดขึ้นรถ กลัวเขาจะเปลี่ยนใจ อิอิ
จากนั้นพวกเราได้เดินทางไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ
เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ผู้ที่มีความเคารพศรัทธาที่อยู่ใกล้เคียงมาอัญเชิญต่อไป

 

ศูนย์เรียนรู้บ้านดินไทย

จากหนองบัวแดง พวกเรามุ่งหน้าบ้านท่ามะไฟหวาน อำเภอแก้งคร้อ
ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้บ้านดินไทย
พ่อหนุ่มสาระถีบอกว่า ระยะทางเกือบ 100 กิโลเมตร เลยที่เดียว
แต่ก็ยินดีและเต็มใจที่จะไปส่งพวกเราให้ ขอให้บุญกุศลในครั้งนี้
ช่วยนำพาให้มีความคล่องตัวในทุกๆ ด้านนะพ่อนะ สาธุๆๆ

แถมระหว่างทางยังพาพวกเราแวะไปวัดผาเกิ้ง(ผาชมจันทร์)
ภายในวัดมีจัดแสดงรูปนรกภูมิ เปรต ให้ดูด้วย











เราไปกราบพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธชัยภูมิพิทักษ์ ความสูงราว 7 เมตร
เป็นพระพุทธรูปปางยืนประทานพร พระพักตร์ หันออกไปทางจุดชมวิวของผาเกิ้ง









กราบพระบรมพระบรมธาตุผาเกิ้ง







ไปไหว้ศาลปู่ด้วงย่าดี ซึ่งจากคำบอกเล่าว่า
ท่านทั้งสองเป็นผู้ดูแลป่าและภูเขาในแถบนี้ทั้งหมด



เราได้อธิษฐานหย่อนเหรียญทำน้ำมนต์ที่บ่อน้ำของวัดผาเกิ้งนี้กันด้วย



จากนั้นโชเฟอร์ใจดีก็ยังพาเราไปกราบนมัสการรอยพระพุทธบาท
ระหว่างทางก็ปรากฏเมฆสีรุ้งกระจายอยู่บนท้องฟ้า





ต่อด้วยแวะไปสถานที่ที่จะสร้างพระปางเลย์ไลย์องค์ใหญ่ที่สุดในโลก
จริงๆ ที่นี่มีพิพิธภัณฑ์แสดงพระบรมสารีริกธาตุ แต่เนื่องจากเราไปถึงก็ค่ำแล้ว
พิพิธภัณฑ์ปิดซะแล้ว แต่ยังมีช่องประตูให้มองเข้าไปดูได้
แค่เห็นเพียงเล็กน้อยก็ยังได้สัมผัสได้เห็นความงดงามของพระบรมสารีริกธาตุ
ที่จัดแสดงอยู่ ณ ที่ตรงนั้น

 

ศูนย์เรียนรู้บ้านดินไทย





กว่าเราจะไปถึงศูนย์เรียนรู้บ้านดินไทยก็เกือบสองทุ่มเข้าไปแล้ว
แต่เรายังโชคดีที่มีนักขับเป็นคนพื้นที่ สอบถามเส้นทางเป็นระยะๆ
ทำให้เรารอดไม่ต้องนอนกลางทาง กินข้าวลิง
ก่อนสาระถีผู้มากล้นด้วยน้ำใจจะอำลากลับไป
เราได้กินข้าวเย็นมือแรกร่วมกันที่บ้านคุณโย (คุณสุรัช สะราคำ)
ซึ่งเป็นวิทยากรของศูนย์เรียนรู้บ้านดินไทย
คืนนั้นเราอาบน้ำเสร็จก็หอบผ้าหอบผ่อนตามกันไปนอนที่วัดภูเขาทอง
ซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์ฯราวหนึ่งกิโลเมตร เจ้าหน้าที่ได้มากางเต็นท์รอไว้เป็นที่เรียบร้อย
จับจองกันได้ตามใจชอบ แต่ด้วยอุณหภูมิที่ค่อนข้างสูง ขนาดสามทุ่มเข้าไปแล้ว
เราก็เลยออกมานั่งคุยกันที่ลานวัด ใกล้ๆ กันมีต้นไทรขนาดใหญ่มาก
ดีว่ามีลมพัดมาพอให้คลายความอบอ้าวลงไปได้บ้าง
ตลอดคืนวันนั้นคุณโยและทีมงานต้องขับรถออกไปรับอาสาสมัคร
ที่เดินทางมาจากที่ต่างๆ ทั้งเหนือ อิสาน กลาง กรุงเทพฯ
ที่มารวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรม แทบทุกคนจะมาลงรถที่ ที่บขส.แก้งคร้อ
ซึ่งใช้เวลาเดินทางมาถึงศูนย์ราว 40 นาที

 

ตอนอธิษฐานหย่อนเหรียญ ที่บ่อน้ำวัดผาเกิ้ง
มองเห็นปรากฎการณ์แปลกแปลกบนสระน้ำ ไม่แน่ใจว่ารูปที่ถ่ายมาจะพอเห็นไหมครับ

 

ศูนย์เรียนรู้บ้านดินไทย









เช้าวันที่ 8 หลังจากกวาดลานวัดไปได้หน่อย พระในวัดภูเขาทองกลับจากบิณฑบาต
เตรียมจะฉันเช้า เราก็เลยรีบเอาขนม กับ หมวกไหมพรม 2 ใบ ไปร่วมถวายด้วย
เสียดายเอามาน้อยไป คราวหน้าถ้ามีโอกาสจะขนไปให้ได้มากกว่านี้
จากนั้นก็ไปรวมกันที่ศูนย์ฯ นับอาสาสมัคร ได้ 30 กว่าคน
หลังจากจัดการกระเพาะให้เต็มอิ่มกันด้วยข้าวต้มร้อนๆ อร่อยๆ กันแล้ว
พวกเราก็เข้าไปร่วมฟังคำบรรยายพร้อมดูสไลด์จากคุณโยกันก่อน
ทุกคนสนใจ และหลายคนก็ซักถามในสิ่งที่สงสัย
และก็ได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจ
จากนั้นคุณโยก็พาพวกเราไปดูสถานที่ก่อสร้างบ้านดิน
ซึ่งได้มีการก่อสร้างไปบ้างบางส่วนแล้ว คราวนี้พวกเราจะมาสร้างกันต่อ

เรามาเรียนรู้วิธีการเลือกดินกันก่อนสักนิดก็แล้วกันนะ
ไม่ใช่ว่าดินทุกที่จะใช้ได้ดีเหมือนกันหมด
ความเหมาะสมสำหรับดินที่ใช้สร้างบ้านดินในแต่ละท้องถิ่นก็จะแตกต่างกันออก
แถบพื้นที่ที่ถือว่าดินค่อนข้างเหมาะสมในการสร้างนั้นจะอยู่ทางเหนือและอิสาน
วิธีการตรวจสอบง่ายๆ ว่าดินที่จะนำมาใช้เหมาะสมหรือไม่

1.เอาดินปั้นเป็นแท่งยาวๆ สัก 1x5 นิ้ว แล้วจับปลายด้านหนึ่งไว้แล้วแกว่งดู
ดินที่เหมาะสมจะค่อยๆ ยืดตัวออก แล้วหลุดออกจากกัน
2.ปั้นเป็นแผ่นตากแห้งแล้วบิดู ดินที่เหมาะสมจะบิดออกจากกันได้ไม่ยากนัก
และส่วนที่แยกออกจากกันยังมีลักษณะของแผ่นดินตากแห้งอยู่ ไม่ป่น

3.เอาดินตากแห้งมาป่นมาร่อนเอากรวดออก แล้วเอาชงในแก้วน้ำ
ดูสัดส่วนของชั้นดิน ดินที่เหมาะสม ชั้นล่างคือชั้นของทราย จะมีประมาณ 50%
ชั้นถัดมาคือชั้นของดินร่วนประมาณ25% ชั้นบนเป็นชั้นของดินเหนี่ยวอีก
25%

สรุปว่าดินที่ดีที่เหมาะสมเป็น The best ของดินในการสร้างบ้านดินคือ
ดินร่วนปนทราย ลองมาเทียบกับต้นไม้แล้ว ต้นไม้ส่วนใหญ่ก็ชอบดินร่วนปน
ทรายเหมือนกันเนอะ

 

ศูนย์เรียนรู้บ้านดินไทย









คราวนี้เราจะกระโดดลงบ่อดิน ไปทำก้อนดินดิบกัน
วิธีการเบื้องต้นคือ ขุดบ่อดินทำให้ดินแตกร่วนแล้วแช่น้ำไว้ให้ดินอิ่มน้ำ
จากนั้นย่ำดินให้เป็นโคลน เอ้าโดดลงมาช่วยกันย่ำหน่อย ซ้าย ขวา ซ้าย
เอ้า ซ้าย ขวา ซ้าย บริหารเอวได้ดีจริงๆ เลย
จากนั้นให้เติมแกลบลงไปในอัตราส่วน 1:1
ตัวแกลบคือไฟเบอร์ที่เข้าไปช่วยยึดเกาะให้ดินมีความแข็งแรงขึ้น
มากกว่าที่จะใช้ดินเพียงอย่างเดียวถึง 10 เท่าเลยทีเดียว
ซึ่งแต่ละท้องที่อาจจะหาวัสดุที่มีในท้องถิ่นมาแทนได้
เช่นเปลือกข้าวโพด ฟางสับ เปลือกมะพร้าวสับ และอื่นๆ ที่พอจะหาได้
พอใส่แกลบเข้าไปแล้ว เราก็มาExercise กันต่อด้วยการย่ำๆๆ ให้ดินกับแกลบเข้ากัน
แล้วให้สังเกตว่าถ้ายกเท้าแล้วมีลักษณะรูปรอยเท้าบนดินที่ย้ำ
แสดงว่าดินใช้ได้แล้ว ถ้ายังไม่ได้ก็ย่ำกันต่อไป อึ๊บ..บ...อึ๊บ
หลายคนย่ำกันไปก็นึกถึงเอาดินมาทำสปาหน้าสปาตัวกันใหญ่
กะจะเอาให้หน้าให้ตัวขาวเหมือนขา อิอิ

 

ย่ำกันจนได้ที่ ก็ตักดินมาใส่ไม้แบบสี่เหลี่ยม ขนาด 8x16x3 นิ้ว
ซึ่งเป็นขนาดมาตรฐานทั่วไป
วิธีการคือเอาไม้แบบจุ่มน้ำก่อน แล้วเอาไปวางบนพื้นเรียบๆ
จากนั้นเทดินที่ได้ที่แล้วลงไป อัดดินด้านขอบมุมให้แน่นก่อน
เพื่อเวลาแกะแบบจะได้เหลี่ยมสวยงาม แล้วก็เอาดินใส่แบบจนแน่นเต็ม
ใช้มือ หรือไม้ หรือเกียงปานดินให้เสมอกัน ยกไม้แบบออกได้เลย
ปล่อยทิ้งตากแดดไว้ประมาณ 3 วัน จากนั้นก็มาพลิกก้อนดินให้ตั้งขึ้น
ตากต่อไปอีกอย่างน้อย 3-4 วัน ก็จะได้ก้อนดินที่พร้อมสำหรับการสร้างบ้านดิน

 

อย่ามัวแต่เต้นฟุตเวิร์ค ไป ๆ มา ๆ รอบเวที...

ช่วยถ่ายทอดและเล่าประสบการณ์ที่ได้รับมาด้วยซิ 5555

 

เสียดาย พี่ลี ไม่ยอมไปด้วย ไม่งั้น
จะได้มาเต้นด้วยกันนะครับ

 

ศูนย์เรียนรู้บ้านดินไทย

Special thanks... www.baandinthai.com


การสร้างบ้านดินเมื่อได้แบบแล้ว ก็จะเริ่มด้วยการก่อฐานวางคานกันก่อน
ที่นิยมกันคือใช้หินก้อนใหญ่มาวางเป็นฐาน
หรืออาจจะเป็นอิฐบล๊อก หรืออิฐมอญ จากนั้นก็เทปูนเป็นคาน
จากนั้นก็จะก่อผนังตามแบบที่ต้องการ
รูปแบบของผนังที่สร้างด้วยดินสามารถสร้างได้หลายรูปแบบ
ทั้งแบบเหลี่ยม ทรงกลม หรือมน หรือแต่ความชอบของเจ้าของบ้าน
ซึ่งดินจะสามารถจัดรูปทรงได้ง่าย

 

ศูนย์เรียนรู้บ้านดินไทย

Special thanks... www.baandinthai.com


Special thanks... www.baandinthai.com


Special thanks... www.baandinthai.com


การเจาะประตู ถ้าต้องการประตูที่มีวงกบก็ให้เอาวงกบประตูมาตั้งที่คาน
โดยใช้ไม้ค้ำยันไว้ จับระดับน้ำให้สมดุล
แล้วค่อยๆ ก่อก้อนดินให้ติดกับวงกบประตู
ใช้มีดช่วยแต่งก้อนดินให้หุ้มวงกบยึดไว้ทั้งสองด้าน
แล้วค่อยๆ ก่อผนังขึ้นไปยึดวงกบประตูไว้

 

ศูนย์เรียนรู้บ้านดินไทย

Special thanks... www.baandinthai.com


Special thanks... www.baandinthai.com


Special thanks... www.baandinthai.com


การก่อผนังก็ให้ใช้ดินผสมแกลบจากบ่อที่เราไปย่ำมานั่นแหละ
แต่ให้มีความเหลวมากกว่าที่ใช้ทำก้อนดินดิบหน่อย
เราจะเอามาเป็นตัวประสานระหว่างก้อนดินดิบ
โดยการเอาดินเหลวมาเทบนคานปูนแล้วกดลงไปให้แน่น
และรอยต่อระหว่างก้อนดินก็เอาดินเหลวมาเป็นตัวประสาน
สรุปง่ายๆ คือเอาดินเหลวทาลงไปก่อนทุกด้านที่จะมีการเชื่อมต่อ
แล้วก็ลงมือก่อขึ้นไปเรื่อย การวางก้อนดินในแต่ละชั้นให้วางสลับกัน
คือให้รอยต่อระหว่างก้อนของแต่ชั้นสลับกันไปไม่ให้ตรงกัน
เพื่อเป็นการยึดผนังดินให้เกิดความแข็งแรงยิ่งขึ้น

 

ศูนย์เรียนรู้บ้านดินไทย

Special thanks... www.baandinthai.com




Special thanks... www.baandinthai.com


เมื่อก่อผนังได้ราว 80 เซนติเมตร ถ้าต้องการทำหน้าต่างแบบมีวงกบ
ก็เอาวงกบหน้าต่างมาวางบนผนังดิน ทำสลักยื่นออกมาจากวงกบ
เพื่อให้ดินหุ้มยึดได้แน่นขึ้น แล้วค่อยๆ ก่อดินยึดเหมือนการทำประตู
เมื่อก่อผนังดินจนถึงขอบบนของประตูหรือหน้าต่างแล้ว
ให้เอาไม้มาวางเป็นคานอีกชั้นก่อนจะก่อผนังทับลงไป
หากจะทำประตูหน้าต่างที่ไม่มีวงกบ ก็ให้ก่อดินเว้นช่องว่างไว้
แล้วค่อยๆ ก่อเชื่อมเข้าหากันในลักษณะที่ต้องการ
อาจจะเป็นโค้ง หรือเหลี่ยมก็ตามชอบใจ
โดยใช้ดินเหลวเป็นตัวประสานตกแต่ง
และถ้าผนังที่ก่อเอียงเราสามารถแก้ไขได้ก่อนดินประสานจะแห้ง
ภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากการก่อ
ก็ต้องคอยดูคอยทุบคอยตีให้เข้าร่องเข้ารอยเข้ารูปเข้าแถวเข้าแนว
เหมือนกระท้อนเลยเนอะ ยิ่งทุบยิ่งหวาน หุ..หุ..

 

ศูนย์เรียนรู้บ้านดินไทย













เรามาคราวนี้ก็มาก่อผนังต่อจากงานทำฐานที่ได้เริ่มทำกันไปบ้างแล้ว
ทุกคนต่างก็ช่วยกันยกก้อนดินที่แห้งแล้วที่ทางทีมงานเตรียมไว้มาก่อผนังกันต่อ
บ้างก็ไปหิ้วดินเหลวในบ่อดินมา บ้างก็เสริฟน้ำกันเป็นที่สนุกสนาน
เรื่องเลอะๆ เป็นเรื่องธรรมดา ใครไม่เลอะสิแปลก!!
ด้วยอุณหภูมิ กี่องศาก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าร้อนมาก โค ตะ ระ ร้อนเลยแม่เจ้า
เหงื่อนี่ไหลโจ๊ก ถ้าเอาถังมารองคงได้หลายถัง แถมเค็มอีกต่างหาก
หลายคนวิ่งไปโดดน้ำที่ปลายเขื่อนลำปะทาว แล้วก็กลับมาก่อผนังกันต่อ
ก่อผนังไปเรื่อยๆ ก็เอาดินเหลวมาฉาบเก็บงานให้ดูเรียบร้อย
จะฉาบด้วยมือหรือด้วยเกียงก็แล้วแต่ความถนัด
ใครทำตรงไหนได้ก็ทำกันไป คนที่ทนๆ อึดๆ ก็ทำมากหน่อย
ใครที่ทึกได้ไม่มาก ก็แวบไปกินน้ำ แวบไปเข้าร่มเป็นระยะๆ
แฮ่...ที่ว่ามานี่ ว่าตัวเองทั้งนั้นนะ หุหุ และแล้ววันแรกก็ผ่านไปกับความร้อนระอุ