เรื่องเล่าของข้าพเจ้าความศักดิ์สิทธิ์พระคาถาชินบัญชร

ในห้อง 'สมเด็จโต พรหมรังสี' ตั้งกระทู้โดย ชัชวาล เพ่งวรรธนะ, 1 ตุลาคม 2008.

  1. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    กลีบดอกบัวหนึ่งกลีบมอบให้ทดแทนคุณ

    เมื่อมองย้อนไปในภพชาติ ดอกบัวที่เราสะสมเป็นช่อๆมีมากมายกองท้วมท้นภูเขา
    กลีบแต่และดอก ในแต่ละใบ คือจิตที่อ้องตั้งเอาไว้เพื่อทดแทนคุณบิดามารดา

    ใครจะไปคาดถึงว่าพี่สาวอ้องบางคนก็เป็นมารดาอ้องมาก่อน ตามดูแลรักษากันมา
    ความรักความผูกพันจึงคอยเกื้อหนุนค้ำจุนกันอยู่เสมอ

    แม้ญาติก็ดี ผู้ใหญ่ที่รักเราดั่งลูก ก็คือบิดา มารดา เราแท้ๆ แต่สำนึกแห่งจิตต้องย้อนทวนสติเนปักกะเข้าไปรู้จึงพบเห็นได้

    ความรักใดๆที่อยู่รอบตัวเราก็ล้วนแล้วแต่เคยรัก เคยชิดใกล้ผูกพันตามกันมาทั้งสิ้น แม้แต่ปวงเทพเทวา อารักษ์ ก็ต่างมีความสัมพันกับเราทั้งสิ้น

    พระพุทธองค์จึงตรัสว่า หาได้น้อยที่ไม่ใช่ญาติที่ผูกพัน

    กลีบบัวดอกหนึ่งกลีบลูกขอมอบให้บิดามารดาในภพนี้ ขอทดแทนคุณแห่งการให้กำเนิดของชีวิตและได้พบเจอพระธรรมอันบริสุทธิ์

    กลีบดอกบัวเมื่อคืนที่ผ่านมาลูกจะทำให้บิดามารดาของลูกทั้งหมดทั้งสิ้นนำไปฝากถึงเบื้องพระบาทแห่งพระพุทธองค์ พบธรรมในความบริสุทธิ์แท้ หลุดพ้นจากกองทุกข์ทั้งมวล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 มิถุนายน 2009
  2. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    น้องถามพี่ตอบ

    อนุโมทนาจ๊ะ สำหรับความก้าวหน้าทางการพัฒนาของจิตวิญญาณภายใน
    ของน้อง สุภาพ ด้วยนะ...

    ขึ้นชื่อว่าการออกจากกายหยาบ

    จะออกบริเวณไหนทั้งกระหม่อม ท้ายทอย หน้าผาก หรือลุกออกมา
    ลอยขึ้น เหลื่อมออก

    เป็นจริตนิสัยที่พัฒนามาจากความเคยชิน แม้ออกครั้งแรก ที่ทำได้ ก็มักจะอยู่บริเวณที่เคยกระทำมาก่อน ครั้งแรกที่ออกไม่มีใครบอกให้ออก เหมือนเค้าชินทาง ชินประตูที่เคยออก แต่จดจำไม่ได้ว่าทำไมต้องออกบริเวณนี้

    รู้แ่ต่ว่าจิตไปสร้างรูปสมมุติภายนอกเร็วจนไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ...

    รู้แต่ว่ามันเหลื่อมออกมา ทำทีไร ก็จะออกมาจุดนี้ ตำแหน่งนี้ที่เคยชิน

    ถ้าถามว่าทำอะไรได้บ้าง คงเอาเป็นเครื่องพักผ่อน และทำได้ดีที่สุดตอนจุติ ปฎิสนธิจิต ชนิดเลือกภพ เลือกชาติได้ ตรงนี้ดีไม๊เอ่ย...

    เอาละคราวนี้มาฟังเรื่องของน้องสุภาพในเรื่องจริตนิสัยกันก่อนละกัน

    ผิดถูกอย่าว่ากันนะ แต่คิดว่าใช่ละ...

    เมื่อมีกำลังแห่งศีลปรากฎ สีสรรที่ส่องกระจายออกด้วยความบริสุทธิ์ของจิตย่อมสะอาดสดใส ขาวนวล

    เมื่อมีประกายแห่งรัศมีสีเขียวอ่อนพวยพุ่งออก เป็นเม็ดบ้าง เป็นลำแสงบ้าง
    เป็นรูปกลวยบ้าง เป็นวงบ้าง จิตของน้องสุภาพด้วยความปกติ

    จะเป็นคนเห็นอกเห็นใจผู้อื่น มีเมตตาอยู่ภายในด้วยใจที่บริสุทธิ์ ไม่เลือกที่รักไม่มักที่ชัง

    มีความพึงปรารถนาแห่งสันติต่อมวลชน นี่เป็นพื้นเดิมของจิตแห่งโพธิสัตว์เจ้า แต่ขอลาเสียก่อนด้วยเพราะจิตเกิดการพัฒนาตนครั้งใหญ่

    อันเนื่องมาจากรัศมีสีน้ำเงิน ฟังแล้วอย่าหนาวใจนะน้องผึ้ง เอาเรื่องเลยทีเดียวละ น้องสะใภ้เราคนนี้นะ...

    รัศมีที่ออกมาทางสีน้ำเงินบริสุทธิ์ หาตัวจับได้ยาก พื้นฐานจิตใจมาทางพระศาสนาอย่างหนักแน่น

    ประกอบด้วยคุณธรรมภายในที่สะสมมาอย่างสูงอันเนื่องมาจากการพัฒนาจิตวิญญาณ ที่สะสมมาช้านาน

    เราเีรียกว่าการปรับอินทรีย์ให้บริสุทธิ์ แก่กล้า สร้างคุณธรรมประหารกิเลส...

    เป็นคนไม่อิจฉาริษยาใคร มีความเสียสละ มีคุณธรรมมาทางธรรมอย่างไม่ท้อและไม่ยอมถอยแล้ว

    แสงที่พวกพุ่งออกมาจากคุณธรรมภายใน ยามที่สมาธิมีกำลัง ย่อมส่องประกายออกไปได้ไกล สัมผัสได้ด้วยใจ ใครอยู่ใกล้ย่อมอบอุ่น จริงใจ น่าพูดคุย น่าอยู่ใกล้

    ถ้าหากว่าได้พัฒนาจิตวิญญาณจนปรับระดับสีน้ำเงินแซมม่วงอ่อนสดใสด้วยแล้ว แสดงว่าคุณธรรมอยู่ในระดับที่หน้าตื่นตกใจ ถ้ายิ่งมีดาวประกายทอง ประกายพรึกสุกสดใส แซมออกมาด้วยแล้ว นั่นแสดงว่า เพียงแต่ปรับอินทรีย์ของตน

    ในการหยั่งพิจารณาสู่ขันธ์ นำเอาปัญญาพิจารณารูปนามตามความจริง ในไม่ช้าไม่นาน
    อินทีร์ย่อมแก่รอบ เป็นไทในไม่ช้า

    ขอให้พิจารณาในความละเอียด ก็ไม่เที่ยง

    เมื่อถอยมาอยู่ที่ฐานของอุปจารสมาธิ จิตที่ตั้งมั่น เข้มแข็ง พิจารณาหยั่งลงสู่ธรรม ย่อมเห็นมหาสติสัมมาสติปรากฏอย่างต่อเนื่อง ด้วยมีคุณแห่งสัมมาสมาธิ เอาใจเที่ยงธรรมขัดเกลากิเลสตรงจุด ตำแหน่งรู้ด้วยสัมมาทิฎฐิ

    คุณธรรมที่สะสมมาภายในคือกองทัพปราบกิเลสให้สิ้นเชื้อ

    น้องสะใภ้เราคือคนที่เป็นแม่ทัพแล้ว แต่ยังไม่ยอมออกรบ ขอจงเปิดประตูเมือง ออกไปสู้กับกิเลสมารเถิด...

    รุกฆาตได้แล้ว ทำให้ต่อเนื่อง อบรมสตินะ เพียรชอบ กองทัพย่อมประสพชัย

    อนุโมทนา ผึ้ง และน้อง สุภาพนะ..

    พี่อ้องก็เขียนตามความเข้าใจ ตามที่ศึกษามานะ สำรวมอินทรีย์ ทำให้ต่อเนื่อง น้องเราประเภท สมถยานิก หาตัวจับยาก เอากำลังสมาธิ นำปัญญานะ

    ศึกษาธรรมของหลวงปู่เทสก์ หลวงปู่หล้า หลวงพ่อพุธ นี่จะเข้ากับจริตนะ
    ส่วนดูจิตสงสัยต้องเป็นผึ้ง ตามศึกษาธรรมหลวงพ่อปราโมทย์ ท่านเยอะๆ

    อย่านิ่งนอนใจนะ ในรอบอสงขัยของเรา จะมีช่วงเวลานี้ละที่ฟ้าเป็นใจ
    พลาดไปก็จะเหนื่อยกันอีกนานพอชมทีเดียว

    พี่อ้อง...
     
  3. to2504

    to2504 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2007
    โพสต์:
    1,449
    ค่าพลัง:
    +1,230
    เรื่องเล่า จากความจริงแห่งตน

    จิตใต้สำนึกคนเรานี้ ก่อให้เกิดภพชาติ และเป็นกรรม
    ใครจะไปคาดคิดได้แม้ปัญญา ของตนจะรู้หนทางพ้นทุกข์ได้
    แต่เศษกรรมที่น้อยนิด ซึ่งเป็นกรรมที่ตนกระทำโดยตั้งใจ แต่ได้ละอายต่อบาป ด้วยจิตใต้สำนึกของตนเอง
    จดจำ จนทำให้ก่อเกิดกรรม ในภพนี้
    แม้นว่า จะสำนึกต่อบาปแล้ว แต่จิตใต้สำนึกมันยังไม่อุเบกขาต่อสิ่งที่เกิด อาจเนื่องจากวิบากกรรมที่ตนกระทำ นี่แหล่ะ คือกรรม
    แม้นว่า ตนจะกระทำดีหลังจากนั้นมา สร้างบุญบารมี ทั้งกาย วาจา และใจ ตลอดมา
    แต่กรรมเพียงน้อยนิดนี้ ทำให้ตนต้องเหมือนถูกขัง คือนั่งอยู่ในดอกบัว แต่เป็นดอกบัวที่บานแล้ว ยังดี ที่ดอกบัวยังยอมบาน
    ในชาตินี้ หากจะหลุดพ้นได้จริง ต้องออกจากดอกบัวนี้ให้ได้ แต่จะทำอย่างไรเล่า
    อันปัญญานั้น เข้าใจจริง แต่จิตใต้สำนึกมิยอมรับเลยแม้แต่นิดเดียว กรรม หนอกรรม

    pig_cryy2
     
  4. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    เรารู้แต่จิตไม่รู้ เราเห็นแต่จิตไม่เห็น เราบอกว่าทุกข์แต่จิตไม่เชื่อ
    เราบอกว่าไม่ใช่แต่จิตยังยึดกลุ่มก้อนที่เกิดดับรวดเร็วจนมารวมร่างกลายเป็นเรา
    เราทุกข์เพราะโมหะ เราทุกช์เพราะราคะ เราทุกข์เพราะโทสะ เราทุกข์เพราะโลภะ
    เราที่ไม่มีตัวตน เราที่เป็นธรรมชาติที่จับต้องไม่ได้ ทำไมจึงทุกข์
    เพราะขันธ์มีและยึดขันธ์จึงทุกข์
    เพราะตัณาหา อุปทานแห่งปวงขันธ์จึงทำให้ทุกข์
    เพราะอวิชาปิดบังซ่อนเล้น เพราะการเกิดดับที่เร็วมหาวินาศจนตามไม่ทันแถม
    เร็วจนมารวมกลายเป็นกลุ่มๆก้อนๆมาเป็นกายเรา เร็วจนแม้กระทั่งก็เห็นจิตมาเป็นเรา
    เพราะมีการสืบเนื่องที่รวดเร็ว จึงทำให้จิตยากที่จะลื้อถอนภพ ถอนอุปทานเสียได้

    เราจึงมาอบรมสติ เพื่อมหาสติ เพื่อการตื่น เราไม่ส่งจิตซัดส่ายเพราะจิตที่ซัดส่ายไปภายนอกไม่ใช่ตัวต้นเหตุของอุปทาน ตัวเหตุอยู่ที่กายที่จิต พิจารณาลงที่กายที่จิต
    เหตุเกิดที่จิตจึงต้องแก้ที่จิต

    จิตไปสร้างอุปทานมาซ้ำๆ เราจึงต้องให้จิตไปเห็นอุปทานแบบซ้ำๆเช่นกัน
    อุปทานที่เหมือนดั่งเงาที่ทำให้ทุกข์ เพราะความไม่รู้ในเบื้องต้นแห่งการกำเนิดจึงถูกภวตัณหานำพาท่องเที่ยวสัญจรเป็นสรรพสัตว์

    อวิชชาจึงเป็นความมืดบอดของจิต วิชชาที่ทำให้แจ้ง ปัญญาวิมุตติจึงเหมือนแสงสว่างเข้ามาแทรก เปิดความสว่างให้ชัดแจ้ง ที่ไม่เห็นก็ได้เห็น ที่ไม่รู้ก็ได้รู้ เพราะมีแสงสว่างนำทาง
    ความมืดบอดจึงค่อยๆจางหายไป

    ดีก็จึงเป็นธรรม ชั่วก็เป็นธรรม รู้ดีรู้ชั่ว ปล่อยละวางลงเสียจึงพ้นจากโลกธรรม
    ไม่เอาทั้งดีและชั่ว ไม่เกาะกุม ไม่ใส่ใจ ไม่เหลืออะไร ไม่เอาอะไร บริสุทธิืหมดจด
    สิ้นภพสิ้นชาติ ขาดเชื้อสืบต่อ หมดเหตุหมดปัจจัย ไร้การกระเพื่อมและสั่นไหว

    อยู่กับหนึ่งไม่มีสอง สันติสุขจึงบังเกิด...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 มิถุนายน 2009
  5. ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก"

    ๐นัท๐"เอหิปัสสิโก" สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    223
    ค่าพลัง:
    +21
    สาธุ อนุโมทามิ...

    อยู่กับหนึ่งไม่มีสอง ... สันติสุข(นิพพาน) จึงบังเกิด สาธุ.. สาธุ .. สาธุ <label for="rb_iconid_31">[​IMG]</label>

    เป็นธรรม "จับใจ" จริงๆ สาธุ
     
  6. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ไม่อยู่หลายวันนะครับ
     
  7. naruphos

    naruphos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +1,737
    ผมขอทราบขั้นตอนการฝึกสมาธิ ตามวิธีของพี่ชัชวาลได้ไหมครับ
     
  8. taw_wan

    taw_wan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +124
    อย่าหายไปนานนะค่ะคุณอ้อง รอติดตามอ่านอยู่ค่ะ
     
  9. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ตอบเรื่องสมาธิครับ

    อ้องถูกสอนเรื่องสมาธิมาตั้งแต่5ขวบ ถูกพี่สาวหลอกให้นอนจับลมหายใจเพื่ออยากพบเจอเทวดานางฟ้าครับ
    ปัจจุบันอ้องอายุ42แล้วครับ ครูที่อ้องเคารพมีหลวงพ่อปราโมทย์ครับ ที่ศึกษามีหลวงปู่เทสก์ อาจารย์บุญมี อาจารย์พร พระอริยคุณาธารเส็ง
    หลวงปู่หล้า หลวงปู่ดูลย์

    อ้องทำสมาธิเพื่อพบใจที่เที่ยงธรรมครับแล้วเอาใจไปพิจารณาธรรมชาติตามจริง
    ทุกอย่างออกมาจากใจ แม้จิต เจตสิก สติ ใจ มาจากแหล่งเดียวแต่มีอาการต่างกัน

    อ้องจึงทำสมาธิเพื่อให้จิตตั้งมั่นเพื่อปรากฏสัมมาสมาธิคือใจและเอาใจที่มีอุเบกขาธรรมไปพิจารณารูปนามที่ปรากฏตามจริงด้วยสัมมาสติ
    สมาธิจึงอิงปัญญา ส่วนความรู้ก็คือแสงสว่างที่ขับไล่ความมืดบอดที่จิตไปมีอุปทานในขันธ์

    อ้องทำมาได้2ปีของหลวงพ่อปราโมทย์ครับ
    พึ่งทำลายขอบวงนอกว่าไร้สาระและหันกลับเข้ามาดูต้นเหตุที่แท้จริง
    เหตุเกิดจากจิตจึงต้องแก้ที่จิต
    จิตมีอุปทานจึงต้องให้มันเห็นอุปทานว่าควรยึดหรือไม่

    เมื่อเห็นบ่อยๆ ต่อเนื่องได้ ซักวันเราคงจะพบเจอกันบนเส้นทางแห่งสันติครับ
    คือ สงบ วางลง ไม่เอาอะไร ไม่เหลืออะไร มีแต่บริสุทธิ์ เพราะกิเลสจะทำอะไรผู้รู้แจ้งไม่ได้อีกต่อไปครับ

    สมาธิของอ้องจึง คล้อยตามธรรมชาติแต่ไม่เกาะกุมธรรมชาติ
    เหมือนดั่งต้นไม้ใบหญ้าที่ไหวลู่ตามลมแต่ไม่ถูกพัดพาออกไปจากจุดตำแหน่งที่วางเอาไว้

    สมาธิจึงเหมือนการฝึกความอดทน มีขันติธรรมอยู่ภายในและสร้างคุณธรรมภายในให้เข้มแข็ง

    สมาธิที่จะตั้งมั่นได้ จิตต้องอ่อนโยน มีคุณธรรม มีศีลคือความสะอาดของจิต

    ถ้าอ้องหมกมุ่นกับกามคุณ5 มีพยายาทเป็นนิจ ขี้เกียจเซื่องซึม นิวรณ์ทั้ง5ย่อมเข้ามาทำลายจิตให้ซัดส่ายอยู่เสมอ ไม่สามารถรวมเข้าเป็นหนึ่ง

    ลองกำมือแน่นๆดูนะครับ มั่นคง หนักแน่น และเห็นแก่นกลาง
    สมาธิพบใจเป็นเช่นเดียวกัน จะอยู่แต่อย่างนั้น เที่ยงธรรม เห็นทุกอย่างตามจริงด้วยอุเบกขาธรรม

    บุคคลที่จะทำสมาธิก้าวหน้าจึงต้องอิงคุณธรรม ความอ่อนโยนของจิตและศีล
    ความบริสุทธิ์ของจิต

    สมาธิ วิปัสสนาเราดูที่ความก้าวหน้าของคุณธรรมภายในที่งอกงามขึ้นเป็นลำดับ

    เราดูที่ความฉลาดของจิตที่เริ่มหดตัวแคบลงมาที่ต้นเหตุแทนที่จะซัดส่าย
    เราดูที่สติที่พัฒนาเป็นมหาสติ เราดูที่การตื่นที่เริ่มตื่นแบบต่อเนื่องและมั่นคงดั่งสายน้ำไหล

    เราไม่เอาอะไร เราไม่ต้องการอะไร เราจะทิ้งทุกสิ่งเอาไว้ที่ข้างหลัง
    สิ่งที่เราพึงปรารถนาที่แท้จริงคือ สันติ วางทุกอย่างลงแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
    ด้วยปัญญาวิมุตติ

    วางมันลง แค่อารมณ์ตัวเดียวจะกลายเป็นสักแต่รู้...อย่างถาวร อยู่เพียงหนึงเดียว ธรรมชาติหมดสิ้นภายในใจ หายมลายสูญสิ้น ภพไม่บังเกิด สังขารไม่ปรุงแต่ง ตัณหาตัวผลักดันขาดสิ้นเชื้อ รูปนามไม่ปรากฏ

    ยมบาลจึงมองไม่เห็น โลกจึงว่างเปล่าสำหรับพระอริยเจ้าที่พบสันติสุขอย่างแท้จริง

    อ้องทำเพื่อสิ่งนี้ครับ...สันติ สุขแห่งความสงบที่ปราศจากกิเลส บริสุทธิ์หมดจดหมดสิ้นแรงผลักดัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2009
  10. taw_wan

    taw_wan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +124
    เรารู้แต่จิตมันดื้อ ไม่ยอมเชื่อฟังบังคับไม่ได้ มันก็น่าเบื่อเหมื่อนกันนะคะ

    แต่ก็พยายามตามดูจิตอยู่ค่ะ เวลาจิตคิดอกุศล
     
  11. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    น้องถามเรื่องการแก่นแท้แห่งการสวดมนต์พระคาถา

    สวดมนต์เราไม่ได้มาดูว่าผิดหรือถูก เรามาดูที่ศีลความสะอาดของจิต
    การระลึกในคุณแห่งพระรัตนตรัย ใจต้องมีกุศลจิต ปราศจากโลภะจิต
    เมื่อพร้อม ก็สำรวจใจ แล้วสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัยแล้วตามด้วยบทระลึกคุณสมเด็จโต ปุตตะกา โมละเภปุตตัง...
    และตามด้วยพระคาถาชินบัญชร

    ความศักดิ์สิทธิ์ ไม่ได้อยู่ที่ตัวหนังสือ แต่อยู่ที่ใจเราเอง...

    เมื่อใจเรามีศรัทธาเป็นที่ตั้ง มีศีลพร้อมสมบูรณ์ จิตสัมปยุตต์กับสมาธิในบทสวดอย่างมั่นคง

    พลังงานที่จิตไม่ซัดส่าย อยู่กับหนึ่งในบทสวด ความศักดิ์สิทธิย่อมปรากฏเหมือนสายน้ำอันเป็นสิ่งที่ไหลเข้าหา ฐานลองรับที่บริสุทธิ์

    เมื่อเราจะลองรับความบริสุทธิ์
    เมื่อเราจะลองรับความศักดิ์สิทธิ์
    เราที่เป็นฐานลองรับต้องเสมอเหมือนท่าน จึงจะมีการไหลถ่ายเท
    คุณธรรมของพระรัตนตรัย ในบทแห่งการระลึกถึงท่านได้

    ศีลจึงเป็นที่ตั้งและใจที่สะอาด สดใส คุณธรรมที่มีกำลัง สมาธิที่รวมกำลังมาก พลังงานของจิตย่อมปรากฏและรับเอาคุณธรรมที่สะอาด สดใส ในตำแหน่งที่เราตั้งจิตเอาไว้ตามบทสวดอย่างมั่นคงอย่างสถาพร

    ความศักดิ์สิทธิ์จึงมาจากใจที่ศักดิ์สิทธิ์ของเรา นั่นก็คือวิบากที่เหนือความศักดิ์สิทธิ์ทั้งปวง จะมากหรือน้อยจึงอยู่ที่คุณธรรมภายในของเรากำลังเสมอท่านเท่าไหร่ก็รองรับได้เท่านั้นตามกำลัง

    ความศักดิ์สิทธิ์จึงไม่เสมอเหมือนกันในแต่ละบุคคล ศีล คุณธรรม สมาธิ...
    อย่าสวดมนต์ด้วยกิเลส อย่าสวดมนต์ด้วยความหวังผล
    แต่จงสวดแล้วย้อนมาดูจิตดูใจดูคุณธรรมภายในที่งอกงามขึ้นเป็นลำดับ
    จงสวดเพื่อระลึกในคุณแห่งเมตตา ปัญญาและความบริสุทธิ์ของพุทธองค์

    สิ่งนี้คือแก่นแท้แห่งการสวดมนต์ ความศักดิ์สิทธิ์มีเองไม่ต้องร้องขอถ้ามีวิบากที่ดีสะสมอยู่แล้ว มาเอง ปรากฏเอง

    ผิดพลาดขออภัยครับ
    เพราะอ้องสวดด้วยศรัทธาและบูชาคุณแห่งพระรัตนตรัย ความศักดิ์สิทธิ์มาเองจริงๆไม่ต้องร้องขอ อนุโมทนาครับ

    ไม่อยู่บ้านอีก4วันครับ เจอกันวันพุธครับ

    อ้อง...
     
  12. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ตอบคุณ Taw wan

    ผู้รู้คือจิต ทำไม จิตเห็นจิตจึงเป็นมรรค...มีผลเป็นนิโรธ
    ทางแห่งการพ้นทุกข์คือการเข้าไปเห็นความจริงที่ต้นเหตุ

    เหตุเกิดที่จิตจึงต้องเข้าไปตามรู้จิต ปัญญาคือความสว่างขับไล่ความมืดบอด
    แสงสว่างทีละน้อยที่สะสม จะเริ่มขับไล่ความมืดบอดออกไปคืออุปทาน
    ความวิปราสคลาดเคลื่อนเพราะอวิชาปิดบังซ่อนเล้นความจริง

    เรารู้แต่จิตไม่รู้ ...
    เราในขณะที่จิตไม่ตั้งมั่น สัมมาสมาธิไม่ปรากฏ สัมมาสติไม่ปรากฏ
    คำว่าเรา จะหนักแน่นเพราะมีการรวมรูปนามเหนือแสงมากมายจนกลายมาเป็นเรา
    เพราะการเกิดดับที่เร็วกว่าแสงแถมตามไม่ทันเพราะจิตไม่ตั้งมั่นในอารมณ์หนึ่งเดียว

    เราที่เป็นผู้คิดนึกและเรียนรู้ธรรมเชื่อว่าถูกต้อง
    แต่จิตที่เป็นผู้รู้ต้องรู้ถูกต้องและอาศัยสัมมาสมาธิ สัมมาสติเพื่อเข้าไปรู้สัมมาทิฎฐิอย่างถูกต้องด้วย

    ดังนั้น ไม่ว่าเราจะศึกษาธรรมมากมาย แต่จิตไม่ตั้งมั่น และจิตซัดส่ายส่งออกภายนอก มรรคจิตจึงไม่ปรากฏ ความจริงที่ถูกต้องจึงยังถูกปิดบังซ่อนเล้นอยู่เสมอ

    เราจึงยังเห็น จุด ตำแหน่งและภายในที่มีตัวตน อัตตาอย่างหนาแน่น...

    ผิดกับพระอริยเจ้าที่มองเข้ามาภายในจะพบแต่ความกลวงๆ ปราศจากอัตตาและเริ่มลดน้อยถอยลงไปจนหาจุด ตำแหน่งและขอบเขตไม่พบอีก

    พวกเราที่ยังมีอัตตา ยังมีขอบเขต ยังมีจุด มีตำแหน่งให้สืบค้น

    จึงยังหนีไม่พ้นถึงสิ่งที่เกิดดับเร็วเหนือแสงหลอมรวมมากลายเป็นกายและจิต

    เราเชื่อแต่จิตไม่เชื่อ เรารู้แต่จิตไม่รู้ เราเข้าใจแต่จิตมันดื้อไม่ยอมเชื่อฟัง นั่นก็เพราะ เรายังไม่เดินมรรคที่ถูกต้อง

    เมื่อมรรคเคลื่อน7วัน 7เดือน 7ปี โง่ขนาดไหน ถ้าต่อเนื่องย่อมทำให้จิตที่เห็นจิตอย่างถูกต้องในสัมมาทิฎฐิเกิดคำว่า วิชชา อันตรงกันข้ามกับอวิชชา
    ความสว่างจะเริ่มสะสมมาขับไล่ความมืดบอดออกไปด้วยปัญญาแห่งความรู้แจ้ง

    จิตที่เห็นจิต เห็นความจริงบ่อยๆ จะเห็นว่า กายและจิตมันคืออะไรก็ไม่รู้ที่บอกไม่ถูก อธิบายไม่เป็น มันงึกๆงักๆ หยึกยัก หยึมยุย ไม่มีบัญญัติ ไม่มีสมมุติ

    มีแต่รูปนาม ล้วนๆที่เกิดดับ จิตจะเริ่มหดตัวล่นเข้ามา การกระเพื่อมที่รุนแรงเริ่มลดลง ทุกข์สุขสั้นลง สันติเริ่มปรากฏเหมือนเงาที่ฉายแสงเข้ามารับรู้ได้ด้วยใจแห่งคำว่าสันติสุข นิพพานเริ่มก่อตัวทีละน้อยด้วยคุณธรรมที่สะสมมาปราบกิเลสมารมากขึ้น

    สมาธิที่ไม่เคยตั้งมั่นเริ่มรวมตัวได้เร็วมากขึ้น การเข้าถึงใจและอุเบกขาธรรมเริ่มปรากฏให้เห็นด้วยเพราะความชินในสภาวะที่ปราศจากสมมุติบัญญัติ

    เราจะเริ่มอยู่กับคำว่าสะอาด บริสุทธิ์ ด้้วยการสำรวมระวังมีสติรักษา สัมปชัญญะจะเข้าไปรู้ชัดแจ้งถี่มากขึ้นเป็นลำดับ จิตจะถูกจิตดวงใหม่ที่สะสมเชื้อแห่งสันติเข้าไปทำลายภพทั้งหลายได้ดีมากขึ้นเป็นลำดับ สังขารที่ปรุงแต่งเริ่มถูกทำลายลงไปทีละน้อย ความไวต่ออุปทานในขันธ์เริ่มเห็นคำว่าตื่นตัว ไม่หลง ไม่เผลอเข้าไปยึดอุปทานในขันธ์ได้ดียิ่งขึ้น

    ความสงบ การวางทุกสิ่งจะเริ่มส่อแววแห่งการทำลายขอบวงนอกด้วยการที่จิตที่แต่ก่อนซัดส่ายมาก ก็หดแคบไม่ซัดส่ายไปภายนอกและเข้ามาหาูผู้รู้ที่กายที่จิตอันเป็นขันธ์ที่เป็นเหตุแห่งอุปทานทั้งปวง

    เราจะเริ่มปิดช่องทวารทั้ง5ได้ดีมากขึ้นเป็นลำดับเมื่อจิตไม่ซัดส่ายไปภายนอก
    เห็นจะเริ่มซักแต่เห็น ได้ยินจะเริ่มสักแต่ได้ยิน ทวารทั้ง5จะเริ่มปิดตัวลงเข้ามาอยู่ที่ฐานแห่งใจแท้จริง

    เราจะเห็นใจที่ยังหลงเหลืออุปทานในขันธ์ ปรากฏ จิตที่เราคิดว่าบังคับมันได้จะแสดงตัวตนว่า มันเกิดขึ้นเองตามเหตุและปัจจัยเมื่อมีอดีตกรรม อารมณ์ เจตสิก วัตถุรูปและจิตยกวิถีจิตขึ้นในอารมณ์นั้นๆ

    เราจะเริ่มเห็นทุกข์ล้วนๆที่ปรากฏทางกายและทางจิต
    เราจะเห็นจิตที่เป็นอนัตตาบังคับไม่ได้แส่ซัดหาอามณ์เพื่อมาคลายอุปทานแห่งทุกข์

    เราจะเห็นว่าจิตไม่ใช่เรามากขึ้นเป็นลำดับเพราะจิตที่ดับไปลงต่อหน้า ต่อสัมมาสติ หายวับไป และปรากฏขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่จิตดวงเดิมแต่เป็นเชื้อที่เผาไหม้ต่อเนื่องส่งต่อมามีแต่สิ่งเดิมๆและไร้สาระ ไม่มีแก่นสาร

    คำว่าหายวับไปกับตา คำว่ามีจะเริ่มพิจารณาหยั่งลงไปที่ขันธ์

    ว่าจริงๆมันมีขันธ์อันเป็นธรรมชาติแต่แท้จริงมันไม่ใช่เรา คือยอมรับธรรมชาติว่ามี ยอมรับว่าขันธ์มีแต่ไม่ใช่เรา ที่คิดว่าเป็นเราเพราะมันหลอมรวมในหลายๆสิ่งมากมายมารวมเป็นเรา มันเห็นขันธ์กระจาย ไม่ใช่ขันธ์ที่รวมตัวมาเป็นเรา มันจะเห็นแต่ละอองของขันธ์มากมาย คำว่า สัตว์ ตัวตน เค้าเรา ผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก คนแก่ สัตว์ พืช มากมาย เป็นแค่ละอองของขันธ์

    ละอองต้นไม้ไม่ใช่ต้นไม้ ละอองของอวัยวะของกายไม่ใช่กาย แม้แต่กายผมหนังเล็บฟันอวัยวะทุกชนิดคือละอองของกายที่ถูกรู้ด้วยจิตเปลี่ยนที่เปลี่ยนตำแหน่งอย่างรวดเร็วจนถ้าเราไม่เท่าทันมัน เราจะเห็นละอองแห่งอวัยวะมาเป็นหนึ่งคือกายเรา

    แต่ถ้าลองเห็นที่ละส่วน ทีละอารมณ์ ทีละจุด ทีละตำแหน่ง สิ่งนี้แหละที่อ้องจะบอกว่า มันมีแต่ไม่ใช่เรา มันถูกจับมารวมด้วยสมมุติวิปราสแห่งความเร็วของอำนาจพระไตรลักษณ์ที่เราตามไม่ทันต่างหาก

    สิ่งที่ปรากฏแก่อ้องคือปัญญามันจะเริ่มอบรมจิต จิตมันจะเริ่มรู้แจ้งแห่งความจริงของธรรมชาติว่าเรื่องของธรรมชาติจริงๆมันไม่มีทุกข์แต่ที่ทุกข์เพราะอุปทานและการยึดในอารมณ์ต่างหาก

    จิตเห็นจิตจึงปรากฏมรรคเคลื่อนไหวและหดตัวเข้ามาอยู่ที่หนึ่งเดียวคือความเป็นกลางถึงที่สุดดีก็ไม่หวั่นไหว ชั่วก็ไม่คล้อยตาม
    เพราะถูกอบรมมาดีแล้วด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา ความเป็นกลางจำทำลายจุด ทำลายตำแหน่ง ทำลายอัตตา ทำลายช่องว่างแห่งการสืบต่อ ทำลายขอบเขต ทำลายเวลา ทำลายภพ ทำลายชาติ ทำลายจิตที่จะเกิดสืบเนื่องต่อไป อยู่แค่หนึ่งเดียว
    ธรรมหนึ่ง จิตหนึ่ง ไม่ปรากฏธรรมคู่อีกต่อไป โลกธรรม๘ถูกวางลง เชื้อแห่งเมล็ดพันธ์จะถูกทำลายหายสูญคงเหลือแต่ขันธ์อันเป็นที่ตั้งของบ่อกิเลสแต่กิเลสไม่สามารถเกาะกุมใจแห่งสันติสุขได้ตลอดกาล

    จิตมันดื้อนะคุณ Taw wan ก็เพราะเราสะสมเชื้อมาหลายอสงขัยมากมาย
    ให้เวลาเค้าหน่อยนะครับ ทำให้ต่อเนื่อง อบรมสติที่พื้นฐาน ดูสภาวะธรรมตามจริงคือ ความจริงของกายตอนนี้เป็นเช่นไร ความจริงของจิตตอนนี้เป็นเช่นไร

    มันชัดตรงไหน จิตก็อยู่ตรงนั้น จิตที่เห็นจิตจึงเห็นรูปนาม เห็นขันธ์ตามจริง
    พระไตรลักษณ์ปรากฏตามจริง มันจะเริ่มยอมรับ สังเกตไม่ยากนะครับคือ
    ตอนที่ใจมันเที่ยงธรรมมีสมาธิรักษา สติ สมาธิที่มั่นคงจะทำให้หยั่งลงพิจารณาความจริงในสัมมาทิฎฐิอย่างถูกต้อง

    แวบนึง...ยิ่งกว่าเพชรพลอย แวบนึงยิ่งกว่าทำบุญมหาวิหาร เพราะแวบแห่งสันติ จะเป็นเชื้อที่ทำให้เราทำลายภพชาติอีกไม่นานเกินรอ

    ขออนุโมทนาครับ พิมพ์ผิดขออภัยด้วยนะครับและผิดพลาดขออภัยเป็นความเชื่อในส่วนบุคคลอาจผิดพลาดคลาดเคลื่อน
    จงอย่าเชื่อและทำดูเสียก่อนนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2009
  13. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ไม่อยู่4-5วันนะครับ แล้วมาคุยกันใหม่นะครับ
    ขึ้นไปกรุงเทพเมื่อต้นอาทิตย์ไปทำบุญบ้านให้น้องสาวเพราะรายนี้ซื้อบ้านไม่ยอมทำบุญบ้าน

    เลยเจอเจ้าที่เดินผ่านสองรอบและส่งสัญญานแห่งความไม่สงบสุข
    คนเห็นผี ขอร้องอ้องให้ไปทำบุญบ้านมาเกือบ2เดือน อ้องพึ่งว่างก็เลยไปทำให้

    ช่วง2เดือน เจ้าที่ก็ไม่ค่อยจะใจเย็นเท่าไหร่ มาจนน้องเริ่มนอนผวาและเริ่มรู้สึกว่า
    บ้านเริ่มไม่ใช่บ้านตัวเอง คนเห็นผีนี่ดีตรงที่ว่าเชื่อว่าผีมี แต่อาจจะนอนหลอนและผวา

    อ้องเองก็กลัวผีใช่ย่อย วันที่ไปนอนบ้านน้องคืนแรก คุณเจ้าที่ก็ส่งแรงเข้ามากดทับ
    แต่อ้องนั้นรู้ทันเลยขับแรงส่งที่กดทับออกด้วยความเย็นของจิต

    ผีไม่มาอำสบายแฮ... แต่นอนผวาเพราะกลัวผีมาหลอกเหมือนกันแหะๆ
    เรื่องผีๆนี่ก็เลยไม่ค่อยจะถูกชะตากันเท่าไหร่ ถ้ามาตอนเผลอนี่จิตมันกระเพื่อมแวบทันที
    แต่สติที่ถูกอบรมมันดีขึ้นนะ มันกระเพื่อมและถูกสติระลึกได้และหดตัวลงอย่างที่อดจะยิ้มไม่ได้ว่า...

    ผีอย่ามานะ...ไม่ชอบฝึกสภาวะอย่างนี้เน้อ ทำบุญเรียบร้อย ต่างฝ่ายต่างอยู่ละกัน
    น้องผึ้งจ๊ะ ผู้หญิงผมสั้นหยิกๆ สูงอายุกลางๆคนนะ แหะๆ น้องอ้องมานเห็นกั๊บตาสองรอบทีเดียว ครั้งแรกนึกว่า น้องสาวเดินผ่านตนเองข้างหลังเหลียวไปมองก็ไม่เอะใจ
    ครั้งที่สองนั่งในบ้านเห็นเหมือนแม่เดินเข้าบ้าน ประตูเหล็กนะจ๊ะที่ต้องดันเข้า เปิดผางเข้ามา อย่าว่าแต่ลมนะจ๊ะแรงแค่ไหนก็ดันผางเข้ามาไม่ได้จ๊ะ

    แต่น้องบอกว่าประตูดันเข้ามาและเห็นเหมือนแม่ที่ผมหยิกๆสั้นๆตัวเล็กๆ เดินเข้าไปหลังบ้าน

    น้องก็เลยเดินไปบ่นแม่ว่าเปิดประตูบ้านทำไมไม่ปิด แต่แม่คูณเดินไปหาแม่ไม่มี เลยเดินวนรอบบ้านเวลานั้นอยู่กันสองคนน้องสาวกับแม่

    ปรากฏว่า น้องไปดูที่ห้องแม่ ปรากฏว่านอนหลับปุ๋ย แหะๆ มันร้องเจี๊ยกๆๆ
    โทรมาฟ้องอ้องให้ไปปราบผี...

    โธ่ถัง...มีแต่โดนผีปราบ ให้เราไปปราบผี เลยบอกว่าอยู่กันอย่างสันติเน้อ ส่งจิตไปคุ้มครองบ้านและแผ่เมตตาให้้ก็เบาลง พอทำบุญบ้านเสร็จ มากันสองหน่อเข้ามาหา

    บ้านน้องอ้องมีเจ้าที่สองคน กลางคนและวัยรุ่นอีกคน เพียงแต่อ้องไม่ได้บอกน้องว่าเค้า
    มีรูปร่างอย่างไรเดี๋ยวมันจะนอนไม่หลับ ทำบุญแล้วก็อยู่กันด้วยบุญ ด้วยความร่มเย็น

    นี่หล่ะข้อเสียของคนที่ไม่ค่อยเข้าวัด รักษาศีล ศึกษาธรรมะ ความสะอาด คุณธรรมเลยไม่ได้ปกป้องรักษา สิ่งดีๆหายม๊ด เทวดาอารักษ์หนีกระเจิง สิ่งไม่ดีก็จะเข้ามาเยือนตามจิตของเจ้าของบ้านนั้นๆเป็นผู้เชื้อเชิญดั่งน้ำดีและน้ำไม่ดีย่อมไหลถ่ายเทเข้าหากัน

    พบนี้ชาตินี้ได้เจอพระธรรมและเข้าใจพระธรรมกัน ก็อย่าปล่อยให้เวลามันหายไปต่อหน้า
    อย่าให้โอกาสมันละลายไปกับสายลมนะครับ

    ขออนุโมทนาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2009
  14. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    นักปฎิบัติธรรมเน้อไม่ใช่หมอผีกั๊บ

    เฮ้อ... ขอต่อเรื่องผีอีกนิดเต๊อะกั๊บ
    บ้านอ้องนะเห็นอ้องเป็นหมอผี ใครเจอผีต้องโทรหามาขอร้องให้ช่วยไปพูดกับผี

    โธ่ๆ...
    อย่าว่าแต่พูดเล๊ย.. แค่เงาแวบๆก็เตรียมตัวเผ่นแล้ว

    เมื่อคืนสองทุ่มกว่าพี่ชายก็โทรมา...
    อ้องๆ... ผีพี่สะใภ้แกมา กลิ่นน้ำหอมมันฟุ้งเต็มห้องเลยว๊อย...

    เจริญละ...
    เพราะถ้าเจ๊พี่สะใภ้มาหาพี่ชายอ้องทีไร มานจะมาหาอ้องวันนั้นด้วยเช่นกัน
    และมาทุกครั้งก็จะมานอนข้างๆเพราะสนิทกันเลี้ยงดูอ้องมาตอนเด็กๆ

    เจ๊...สิ้นอายุขัยเพราะมะเร็งในกระเพาะอาหารเกือบสองปีแล้ว
    ช่วงแรกๆอ้องต้องคอยช่วยเอาเรื่องเพราะสภาพแห่งกายที่ปรากฏนั้นอยู่ในสภาพแห่งกายทุกข์เลยทีเดียว
    ปกติเวลามีสติรักษาภายในและถ้าทำสมาธิแล้ววิญญานเข้ามาหาจะไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่

    แต่โฮ๊ะๆ... เจ๊อ้องคนนี้สุดๆ ร่างกายอยู่ในสภาพที่บิดเบี้ยวเพราะผุดขึ้นด้วยบาปที่ตนกระทำมา มีความทุกข์ทางกายเป็นที่ตั้ง จิตได้ไปรสร้างรูปสมมุติด้วยอกุศลที่สะสมเชื้อเอาไว้ อ้องเห็นยังอดกลัวไม่ได้

    นี่อะไรจะไปสร้างรูปร่างได้ทุกข์ทรมานขนาดนี้...
    อ้องเรียกพี่สำใภ้ให้มานอนข้างเตียงและเอาจิตภายในออกมาภายนอก

    มีแต่การสัมผัสด้วยพรหมวิหารแห่งธรรมและการกอดด้วยความรัก ความอบอุ่น
    จึงจะถ่ายเทความรู้สึกเพื่อเข้าไปผ่อนคลายสภาวะแห่งความทุกข์ทางกายและสภาวะแห่งการปรุงแต่งด้วยอกุศล

    อ้องต้องถ่ายเทอารมณ์ที่เป็นพรหมวิหารแ้ท้เพื่อให้เจ๊ตรึกนึกเห็นกุศลที่เคยทำเช่นเคยบวชอ้องมา และอ้องเคยให้เงินไปยกช่อฟ้าหมื่นกว่าบาท

    การที่จะให้วิญญานที่มีสภาวะแห่งกายบาประลึกในกุศลได้นั้น...
    เราต้องทำให้กายบาปเค้าเบาบางลงด้วยความทุกข์ทางกายเสียก่อน
    เพราะจิตที่จะตรึกนึกในอารมณ์ใหม่ได้นั้น จิตที่จะเห็นกุศล เห็นบุญ

    จิตนั้นต้องไม่มีสภาพแห่งทุกข์กายทุกข์ใจ จิตจึงจะเกิดสมาธิและเห็นคตินิมิตปรากฏขึ้น เหมือนกับเรากำลังกล่อมเด็กให้นอนหลับเราต้องสร้างความสบายให้แก่เค้าให้ได้เสียก่อน

    จิตแห่งเมตตา กรุณาที่อ้องกอดพี่สะใภ้ด้วยใจแห่งพรหมวิหารจึงถ่ายเทความเย็นสบายจนเจ๊เริ่มหมดสภาวะแห่งทุกข์ทางกายและจิต
    อ้องจึงอุทิศกุศลที่ตนเองทำมาและกุศลที่เจ๊ระลึกได้ ทำให้เห็นเสียเหมือนสร้างอารมณ์ใหม่ให้ปรากฏ

    และให้เจ๊เห็นอารมณ์ใหม่และเคลิ้มเข้าหาอารมณ์นั้นๆเพื่อเปลี่ยนชาติภพ

    สภาวะแห่งกายทุกข์ของเจ๊หายไปและกายของเจ๊ก็หายวับไปกับอ้อมกอดของอ้อง เจ๊ไปเกิดใหม่แล้วแต่กรรมที่ไปเกิดใหม่แค่ทุกๆ2-4เดือน

    เจ๊ก็จะกลับมาใหม่ในสภาพทุกข์เดิมๆ นี่ไปเกิดและก็ตายซ้ำ ตายถี่ เจ๊ไปสร้างกรรมอะไรมามากมายกันหนอ... บางทีเดือนเดียว บางทีสามเดือน
    นี่เจ๊หายไปเกือบครึ่งปีแล้ว...

    ทุกครั้งเวลามาจะไปหาพี่ชายตัวดีเพื่อหลอกซะทีนึงก่อน โดยปล่อยกลิ่นน้ำหอมจนฟุ้งภายในห้องว่า ตูข้ากลับมาอีกแล้วนะเฟ๊ย...

    เฮียออ้งก็จะนอนผวาและโทรให้อ้องช่วยกล่อมเจ๊ให้อีกที

    แง๊ว...
    ห้าทุ่ม... หมาที่บ้านหอนส่งสัญญานเตือนภัย...
    อ้องนอนหล่ะเว๊ย...เสียวสันหลังชอบกล
    และเมื่อคืนเจ๊ก็มานอนเป็นเพื่อนอยู่พักนึงหลังจากอ้องทำสมาธิตอนตี2

    เจ๊ไปแล้วแต่มีอีกกุ๊ปนึงกำลังมาหากันทั้งเมือง...

    พี่สะใภ้คนโตของอ้อง เป็นนางรำในยุคโบราณและมีถิ่นฐานที่แห่งนี้บนเขาค้อ
    พี่ชายคนโตของอ้องเป็นเจ้าเมืองสมัยโบราณและเคยสร้างเมืองเอาไว้และสร้างพระเจดีย์เอาไว้ที่ตำแหน่งหลังบ้าน

    สิ่งนี้พี่รัตน์เคยบอกให้อ้องเห็นในนิมิตว่าหลังบ้านพี่ชายอ้องเป็นเจดีย์สวยงาม
    และที่สำคัญที่พี่รัตน์ไม่ทราบและอ้องไม่ได้เล่าคือ ที่หลังบ้านเป็นของทางบ้านอ้อง80ไร่

    บ้านอ้องมีที่บนเขาค้อเยอะมาก แต่ไม่มีที่ไหนที่แปลกเท่าบริเวณนี้

    เพราะมีโป่งข่างและใครที่เข้าไปเก็บจะเจอดีกันทุกคน จนในตำแหน่งที่บริเวณนี้
    ชาวบ้านที่ขอทำพืชไร่ จะสร้างศาลจำลองเพียงตาเอาไว้

    ช่วงนี้พอดีมีน้องที่สนิทมาซื้อที่กับอ้องบนเขาค้อเกือบพันไร่ไปแล้ว เงินที่ซื้อไปก็ร่วมๆร้อยกว่าไปแล้ว แต่น้องก็ยังไม่หยุดที่จะซื้อ

    อ้องเลยไปหาที่ๆของทางบ้าน
    อือ...
    แปลงนี้สวยดี เลยกะว่าจะขายให้น้องเลยถามหลานว่าแม่เค้าจะขายไม๊เท่าไหร่
    แค่นี้ก็ได้เรื่อง...

    ตี4กว่าแล้ว...
    มากันทั้งเมือง3-4ร้อยกว่าตน มาบอกห้ามยุ่งถิ่นเค้า อ้องก็ได้แต่แหะๆ...
    ขอบายละ ไม่นำเสนอแน่นอน

    แล้ววันนี้เค้าก็็ให้ที่อ้องอีกแปลงเป็นการตอบแทนที่ไม่เข้าไปยุ่งถิ่นเค้า
    โดยเป็นที่ๆติดๆกันอย่างบังเอิญเพราะลูกน้องอ้องดูแลที่บริเวณนี้พอดี

    เมื่ออ้องไม่เข้าไปยุ่งกับเค้าก็มีของแถมโดยหาคนซื้อที่ดินเพิ่มมาอีกแปลง

    แหะๆงานเข้า...ที่ดินจึงมีอะไรแปลกๆเน๊อะ ของๆใครเมื่อถึงเวลาก็เป็นของเค้า
    แต่ถ้าไม่ใช่และเข้าไปครอบครองก็จะร้อนดั่งไฟ เพราะคนพื้นเดิมไม่ยอมรับ

    สงสัยพี่สะำใภ้คนโตอ้องจะต้องกินแห้วฮิๆขายใครไม่ออกไปอีกนาน...

    ขอจบเรื่องผีๆนะครับ สมาธิช่วงนี้เยอะไปหน่อยไปเห็นเรื่องเพ้อเจ้อมากไป
    อ่านสนุกๆนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 มิถุนายน 2009
  15. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    จับพรหมวิหารของแม่

    วันนี้อ้องเดินทางกลับเขาค้อ ตอนออกจากบ้านก็จะหอมแม่และกอดแม่อย่างชื่นใจ อ้องจับพรหมวิหารของแม่อย่างอบอุ่น

    อ้อมกอดของแม่ช่างอบอุ่นเสียนี่กระไรจะเอ่ย...

    ความรัก ความเมตตาต่อลูก ถ่ายเทเหมือนสายน้ำ ร่มเย็น สุขใจ หายทุกข์กังวล
    การจับยึดอารมณ์แห่งพรหมวิหารมีที่ชัดเจนก็คงจะเป็นอ้อมกอดของแม่นี่ละ

    และอ้องก็จะจับยึดอารมณ์ที่ระลึกได้ยากที่สุดคือเมตตา กรุณามาเป็นเครื่องระลึกถึง เมตตาและกรุณาจึงเป็นอารมณ์ที่อ่อนโยน ร่มเย็น ใสกระจ่าง นุ่มนวล เหมือนดั่งสายน้ำ ที่ไหลอย่างอ่อนโยน มั่นคง สมาธิในกรรมฐานหมวดแห่งพรหมวิหาร

    จึงต้องเป็นคนเรียบร้อย อ่อนโยน มีคุณธรรมภายใน ไม่มักโกรธ ให้อภัยแก่คนได้ง่าย จึงจะจับอารมณ์ดังกล่าวและมาระลึกถึง

    โน้มเข้าถึงกระแสแห่งความร่มเย็นชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี

    เมตตาจึงไม่ใช่การคิดนึกอย่างเดียว ต้องโน้มแบบเข้าถึงจิตถึงใจทีเดียว จึงจะทำให้จิตเข้าถึงกระแสความร่มเย็นเป็นหนึ่งและเกิดสมาธิแห่งพรหม

    ว่างๆใครรักแม่มากๆ ลองกอดแม่ดูเหมือนอ้องนะครับ
    กอดแบบด้วยความรักเสมอเหมือนกัน เราจะรู้ว่าการถ่ายเทใจแห่งพรหมวิหารนั้นทำไมจึงไปแก้ทุกข์ทางกายและทางใจได้

    และทำไมฝรั่งจึงชอบกอดกันนัก...

    ถ้าเราเข้าใจหลักการแห่งการถ่ายเท ความอบอุ่น ความร่มเย็นและจับกระแสดังกล่าวได้ เราจะนำสิ่งที่อ่อนโยนที่สุด อบอุ่นที่สุด มีกระแสแห่งความเย็นแห่งใจถึงที่สุด มาสร้างใจที่นุ่มนวล สร้างคุณธรรมภายใน

    ให้ก้าวไปสู่จุดอันสูงสุดแห่งการพัฒนาตนได้เร็วกว่าสิ่งอื่นใด

    ด้วยพรหมวิหารแท้ด้วยใจบริสุทธิ์นั่นเองครับ

    กอดแม่ช่างอบอุ่นยิ่งนัก...
     
  16. nonnis

    nonnis สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2009
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +1
    Please continue your valuable story soon. We are looking forward to hear :)
     
  17. loveyoutoo2

    loveyoutoo2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +207
    สวัสดีครับอาอ้อง ....

    ^^ ไม่หนีปรากฏการ
     
  18. nina kk

    nina kk สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +9
    " ถ้าฉันเลือกได้....ฉันจะเลือกที่จะไม่หายใจ "

    พี่นีน่าอ่านที่คุณอ้อง เขียนถึงพรหมวิหารของแม่ แล้วต่อมา
    เจอกระทู้นี้ที่บุดเพจ จับได้ถึงความเศร้าซึมและโศรกตรมของเธอผู้นั้น

    อ่านเจอวันแรก อยากปลอบก็พูดไม่ออก เกิดอาการคอหอยตีบตัน
    คิดถึงคุณอ้อง น่าจะช่วยปลุกปลอบเรียกขวัญได้ดีกว่า
    ขอฝากงานนะคะ

    " ถ้าฉันเลือกได้....ฉันจะเลือกที่จะไม่หายใจ "
     
  19. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    ถ้าอ้องเลือกได้ อ้องจะขอรักแม่จนสิ้นลมหายใจ

    ถ้าอ้องเลือกได้ อ้องจะขอรักแม่จนสิ้นลมหายใจ
    ถ้าอ้องเลือกได้ อ้องจะจับมือแม่ฝ่าไปข้างหน้าเพื่อสันติแห่งความสงบ

    ทำไมอ้องจึงเลือกที่จะเป็นและเลือกที่จะรัก
    เพราะอ้องเข้าใจคำว่า แม่...

    ลมหายใจอ้องปรากฏขึ้น ชีวิตเลือดเนื้ออ้องปรากฏขึ้น
    แสงสว่างแห่งรุ่งอรุณ มีแต่แม่ที่ให้อ้องมาทั้งสิ้น

    อ้องไม่โทษแม่... ถ้าแม่จะเกลียดอ้อง ด่าอ้อง หรือสาบแช่งอ้องเพราะแม่คงมีเรื่องที่เศร้าหมองภายใน มีความรู้สึกในชีวิตที่ต้องรับชะตากรรมในอดีตมามากมายแค่ไหน
    ไม่ว่าแม่อ้องจะนิสัยเช่นไร มีคำพูดเช่นไร

    อ้องจะไม่มีวันที่จะหนีจากแม่ไปไหน

    อ้องจะทำให้แม่ที่แสนดี ปรากฏเกิดขึ้นมาด้วยปัญญาที่สะอาดสดใส บริสุทธิ์ ไม่มัวหมองด้วยกำลังและปัญญาของอ้องเอง

    ไม่ว่าจะกี่ภพ กี่ชาติจะขอตามรักแม่ไปตลอดจนพบคำว่าสันติเสมอกัน

    ถ้าอ้องเห็นแม่ มีจิตใจที่อึดอัด คับแคบ มีวาจาไม่สุจริต นั่นก็เพราะแม่ต้องมีทุกข์ภายใน
    จึงแสดงออกมาทางกาย วาจา ใจ ด้วยความคับแคบ ด้วยความเห็นแก่ตัว

    อ้องจะทิ้งแม่ในขณะที่แม่กำลังเร่าร้อนอยู่ภายในเหมือนดั่งตกนรก หนีหายไปจากแม่เพราะ
    ความลำคาญใจและความเห็นแก่ตัวของอ้องเองด้วยกระนั้นหรือ

    ถ้าอ้องเลือกได้ อ้องจะไม่เห็นแก่ตัว...จงใช้ความรักตอบโต้ความเกลียดชัง

    จงใช้ความดีตอบโต้ความเลวร้าย
    จงใช้ความเย็นต่อสู้ไฟร้อน
    จงใช้ความให้อภัยต่อสู้กับความอึดอัดและคับแคบ
    จงใช้ปัญญาและขันติต่อสู้กับอารมณ์
    จงสูดลมหายใจ แห่งความร่มเย็น ความสดใส ให้อภัยต่อแม่ผู้ให้กำเนิดเรามา...

    อ้องเลือกได้ที่จะเป็น อ้องเลือกได้ที่จะทำ อ้องเลือกทางเดินชีวิตที่สดใสเต็มไปด้วยปัญญา
    โดยไม่เอาอารมณ์มาแก้ไขปัญหา

    อ้องเลือกได้ที่จะเป็นคนดี แต่อ้องคงไม่ทำในสิ่งที่แม่ต้องการให้เป็นถ้าเป็นเรื่องไร้คุณธรรม
    อ้องจึงเลือกที่จะใช้ปัญญาแก้ไขปัญหาชีวิต แต่ไม่ท้อแท้ต่อชีวิตเหมือนคนอยู่ไปวันๆ

    อ้องเลือกที่จะต่อสู้โดยไม่มีวันหนีหายไปจากแม่
    ชะตาชีวิตอยู่ที่มืออ้องโดยมีแม่เป็นผู้ให้เครื่องมือที่จะเดิน ที่จะทำ ที่จะเปลี่ยนแปลง
    นั่นก็คือร่างกายที่แม่ให้มาอย่างพร้อมสมบูรณ์

    ไม่ว่าแม่จะดีหรือไม่ดี อ้องขอให้อ้องเป็นคนดีก็เพียงพอและอ้องจะเอาความดีมาสู้กับแม่
    จนสิ้นสุดลมหายใจ

    แม่ครับอ้องรักแม่นะครับ แม่ให้แสงสว่างแก่ลูก แม่เป็นแสงแห่งรุ่งอรุณ เป็นผู้หญิงคนแรกที่ลูกได้เห็น ไม่ว่าแม่จะรัก หรือไม่รักลูกคนนี้

    ตราบจนสิ้นลมหายใจของลูกคนนี้
    ลูกจะไม่ลืมคำว่าพระคุณแห่งการให้กำเนิดลูกมา

    รักแม่จนสิ้นลมหายใจ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กรกฎาคม 2009
  20. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    พี่นีน่า พอดีอ้องส่งไปยังไม่ได้แก้ไข โหลดส่งเรียบร้อยแหะๆ
    เว็บบุดเพจ มักจะแก้ไขข้อความไม่ได้
    อ้องคงเขียนเท่าที่คนๆหนึ่งที่รักแม่ด้วยใจบริสุทธิ์เสมอกัน
    ด้วยความเคารพเสมอ
    อ้องครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...