เรื่องราวที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Aunyasit, 26 สิงหาคม 2005.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ปราบไตรจักร

    ปราบไตรจักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +104
    อบ จักร ศิวดล ITV_man เอก แจ็ค

    ใครรับขันธ์อะไร อย่างไรกับหลวงปู่ทองทิพย์ไว้ตอนที่ท่านมีชีวิตอยู่ก็รีบๆไปทำกันซะ เช่น บวชตลอดชีวิต อะไรทำนองนี้นะ

    ผ้าไตรจีวรงานกฐินเอามาใช้เอง ผิดวินัยมั้ย

    ให้คนแต่งขันธ์สาบานทำบุญคนละแสน คนละล้าน ถูกวินัยมั้ย ถ้าทำไม่ได้จะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ถูกมั้ย

    ถ้าการสร้างพระแก้วครั้งนี้ ไม่ได้สร้างโดยคณะของผู้พันจะมีปัญหาะไรมั้ย จะเป็นไปได้มั้ยว่าคนที่รับหน้าที่สร้างพระแก้ว 5 พระองค์หลวงปู่ทองทิพย์จะมีคนอื่นด้วยที่ไปทางนิมิตหรือว่าณานภายใน เช่นถ้าคนนี้เป็นผู้ใหญ่ของบ้านเมืองจะพากันต่อต้านมั้ย หรือว่ายังไม่เห็นด้วย ก็แสดงว่าไม่ทราบเจตนารมณ์หลวงปู่ท่านอย่างแท้จริง

    มีผู้ใหญ่บ้านเมืองร่วมกันทำด้วย โดยเฉพาะมาจากกองทัพ (นายพลหลายท่าน) ผมคิดว่าท่านเหล่านี้คงไม่งมงายและไม่ทราบเรื่องราวต่างๆครึ่งๆกลางๆเกี่ยวกับวัดนี้ อีกอย่างแต่ละท่านก็ไม่ธรรมดาในเรื่องการปฏิบัติทางจิต อย่าให้ท่านเหล่านั้นออกโรงเอง มันจะเสียแล้วจะมองหน้ากันไม่ติด

    อะไรที่ควรจะหยุด ก็หยุดได้แล้ว ระวังจะเจอตอสะดุดล้มแล้วลุกไม่ขึ้นก็ได้

    ใช้ปัญญา ศรัทธาอันเป็นสัมมาทิฐินำชีวิต พิจารณาถูกผิดให้ดีๆ สามัคคีกัน ช่วยกัน อยากให้วัดสร้างเสร็จทีเดียว หรือจะค่อยเป็นค่อยไป สิบปี ยี่สิบปี พิจารณาเอา

    ผู้หวังดี
     
  2. ปราบไตรจักร

    ปราบไตรจักร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +104
    ศิวดล

    จะเอาอะไรมาสอน รถคว่ำครั้งหนึ่งยังไม่เข็ดอีกหรือ คุณแม่หายดียัง
     
  3. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    อบ...เรื่อง การรับหรือไม่รับพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ของหลวงพี่นั้น ยังมีกาลเวลาที่จะคิด อยากให้ท่านคิดหลายๆแง่มุม สำหรับสูตรพระที่มี สมอง หัวใจ ลำใส้ ฯลฯ นั้น ไม่ใช่ที่วัดเราอย่างเดียวที่รู้สูตรนี้ พี่เองไปเจอหลายที่เขาสร้างพระเขาก็ใช้แบบนี้กัน ซึ่งโดยทั่วๆไปการสร้างพระส่วนใหญ่ก็ทำแบบธรรมดา

    ทีนี้เราลองมาพิจารณาว่า สูตรในการสร้างพระนั้น เราเรียนมาจากครูบาอาจารย์แต่โบราณ มีพระศักดิ์สิทธิ์มากมายที่ไม่ได้ใช้สูตรนี้ ยกตัวอย่าง พระแก้วมรกตหลวงพ่อโสธร หลวงพ่อบ้านแหลม หลวงพ่อองค์ตื้อ ฯลฯ ก็ล้วนแต่ไม่ได้ใช้สูตร สมอง หัวใจ ลำใส้ ฯลฯ แบบที่หลวงพี่จะใช้ แต่พระเหล่านั้นก็ทรงความศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนทั่วประเทศกราบไหว้หรือบนบานศาลกล่าวกัน

    ถามว่าความศักดิ์สิทธิ์เป็นไปตามอำนาจของเทพเทวดาที่รักษา ใช่หรือไม่ ทีนี้ลองพิจารณาดูว่าหลวงปู่ท่านเคยบอกพี่ว่าพระที่สร้างจะศักดิ์สิทธิ์ได้นั้น ต้องมีองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น บารมีของผู้สร้าง ถ้าบารมีมากก็ศักดิ์สิทธิ์มาก เจตนาในการสร้าง การทำพิธี การสักการะบูชาที่ถูกต้อง ฯลฯ ศาสตร์นี้ล้วนเรียนรู้มาจากเบื้องบนทั้งสิ้น ความศักดิ์สิทธิ์นั้นเทพเทวาเขาเป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทน์ให้ พี่ฟังหลวงปู่มาเยอะพอควรเกี่ยวกับการสร้างพระ หลวงปู่ท่านก็ทราบดีว่าการสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์นั้น บรรดาสานุศิษย์หลวงปู่ท่านคงไม่มีใครมีบุญบารมีที่จะทำศาสน์ศิลป์ในการสร้างพระได้ดีเท่ากับพระครูเทพโลกอุดร ท่านจึงดำริว่าเมื่อถึงเวลาสร้างพระ พระครูเทพโลกอุดรท่านจะมาช่วย ซึ่งเท่าที่ผ่านมา ท่านก็ช่วยมาทุกอย่าง และที่สำคัญก็คือพระครูเทพโลกอุดรนั้นท่านก็เป็นผู้ที่หลวงปู่ทองทิพย์ท่านเอ่ยถึงในการสร้างพระและก็ตรงกันกับที่หลวงปู่เทพโลกอุดรมีหน้าที่ในพระศาสนาคือ สอนธรรมและทำนุบำรุงพระศาสนาจนครบ 5000 ปี และการสร้างพระในครั้งนี้ หลวงปู่เทพโลกอุดร ท่านเป็นผู้ทำศาสน์ศิลป์ในการสร้างพระให้ ดังนั้ศาสน์ศิลป์ที่หลวงพี่มีนั้น คงจะรู้ไม่เกินพระครูเทพโลกอุดรหรอก

    พระพุทธเจ้า 5 พระองค์ที่พี่จะสร้างนั้น ผู้ที่ร่วมสร้างนั้นรวมกันหมดทั้ง 31 ภพภูมิ หลวงปู่ทองทิพย์ท่านยังคงเป็นประธานในการสร้าง อยู่เหมือนเดิม ท่านเคยบอกพี่อยู่เสมอว่า ปู่จะอยู่แบบไหนก็ตาม เมื่อสร้างพระเจ้า 5 พระองค์มาแล้วปู่ก็จะรับให้ ซึ่งพระครูโลกอุดร ท่านเป็นผู้เชื่อมประสานระหว่างภพภูมิ คณะผู้สร้างก็เหมือนเป็นลูกมือให้หลวงปู่ทองทิพย์ท่านทำในสิ่งที่ท่านปรารนาให้สำเร็จ

    หากเหตุการณ์ออกมาอย่างที่เห็น พี่ก็อยากจะถามอบว่า หลวงพี่จะบอกใครๆว่าเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ทองทิพย์อย่างภาคภูมิใจได้อย่างไร เมื่อการปฏิบัตินั้นขัดกับเจตนารมย์ของครูบาอาจารย์ตนเอง แบบนี้ไม่เท่ากับปฏิเสธครูบาอาจารย์ตนเองหรือ อ่านแล้วลองพิจารณาดูลึกๆนะ

    หากพิจารณาเรื่องของทิฐิ ลองพิจารณาดูว่าพี่มีทิฐิหรือเปล่า อบก็รู้ว่าหลวงพี่ท่านปฏิเสธการสร้างพระในครั้งนี้ตั้งแต่ตอนต้นแล้ว ตอนที่เราคุยโทรศัพย์คุยกันสามสายน่ะ ในขณะที่สานุศิษย์คนอื่นๆของหลวงปู่ทั่วประเทศ ที่พี่ติดต่อไป เขาอนุโมทนาสาธุการในการสร้างพระถวายบูชาหลวงปู่ทองทิพย์กันทั้งนั้น ก็ลองถามตัวเองว่าเราสร้างคุณงามความดีกับครูบาอาจารย์กันมาตั้งหลายปี ปัญญาที่ก่อเกิดนั้นต้องสามารถแสดงเหตุและผลได้บ้าง

    หากพี่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการปฏิบัติของพระสงฆ์รูปต่างๆ พี่คงไม่ดั้นด้นพาพวกเราแสวงหามาจนเจอหลวงปู่ทองทิพย์หรอก พระครูโลกอุดรนั้นท่านมาเป็นอาจารย์ของพี่ก่อนที่จะพาพวกเรามาพบหลวงปู่ทองทิพย์แล้ว ตอนนั้นศึกษากันด้วยกายทิพย์ แต่ตอนนี้ท่านมากายเนี้อให้เจอแล้ว การที่ได้มาพบเจอหลวงปู่ทองทิพย์นั้นก็เป็นเส้นทางการทำบุญบารมีที่หลวงปู่เทพโลกอุดรฯท่านชี้ทางมาก่อน เมื่อหลวงปู่ทองทิพย์ท่านละไปทำหน้าที่ของท่าน หลวงปู่เทพโกอุดรท่านก็มาสงเคราะห์ต่ออีก นี่แหละคำว่าลูกศิษย์กับอาจารย์นั้นเขาไม่ทิ้งกัน ก็เหมือนกับหลวงปู่ทองทิพย์ที่ท่านอยู่กับพวกเราตลอดเวลา แต่เราจะสัมผัสท่านได้หรือไม่ก็อีกเรื่องนึง จะเชื่อหรือไม่อบก็พิจารณาเอาเองนะ บอกได้แค่ว่าการสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ในครั้งนี้ เป็นจุดเปลี่ยนแปลงของระบบโลกที่หลวงปู่ท่านเคยบอกพวกเราไว้ คนเราจะเก่งเกินเทพเทวดาเขานั้น เป็นไปได้ยากนา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 พฤศจิกายน 2006
  4. ศิวดล

    ศิวดล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +75
    ....ไม่ต้องเดาหรอกว่าศิวดลเป็นคนนั้น คนนี้ ไม่ถูกหรอก จะปราบไตรจักรได้หรือแค่นี้ก็ยังไม่รู้ว่าใคร ล่วงล้ำพระสงฆ์องค์เจ้าก็เป็นกรรมแบบนี้แหละ มันร้อนลนจนทนไม่ไหวเหมือนอเวจีอยู่ในอกไง ถ้าคุณเป็นคนจริงหรือคุณศักดิ์สิทธิ์จริงป่านนี้ศิวดลและท่านอื่นๆมิตายกันไปหมดแล้ว หรือแต่นี่ไม่เป็นอะไรแถมมีท่านอื่นๆกลับมีความคิดที่น่าตรองใหม่ๆมาให้พิจารณาอีก นี่ล่ะเค้าเรียกว่าระบบเทวาของจริงที่กำลังตรวจสอบการกระทำของคุณ ลองไปปรึกษาคุณชื่ออ่านยากดูนะว่าทำยังไงให้ใจเย็นลง ตำราเค้าเยอะ

    และไม่ต้องเดาว่าใครเป็นใครหรอก เพราะญาณรู้คุณมันไม่บริสุทธิ์ มันเห็นยาก เข้าใจ๋
     
  5. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,057
    อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ....อิอิ.....คุณศิวดลนี่นักสู้จริง ๆ รถคว่ำหรือครับ....ขอให้คุณแม่หายไว ๆ นะครับ....
     
  6. ศิวดล

    ศิวดล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +75
    ช่วยคุณอบ ตอบหน่อยนะจ๊ะ ไหนๆเขาก็แบ่งพรรคแบ่งพวกให้แล้วนี่นา ว่าจะเป็นกลางแล้วเชียวน้า
    นี่ๆ มันรายการ big brother ของผมนะ ไม่ใช่ลูกศิษย์วัดตีกัน คุณคนไกลนี่ทำรายการผมเสียหายหมดเลยแฮะ
    อย่าไปว่าน้องเขาเลย ดูเขาก็เคารพรักคุณดีนี่ ศิวดลไม่รู้จักใครหรอก แต่รู้จักคุณคนเดียวก็พอแล้วล่ะ ศิวดลว่าคุณดูเพี้ยนๆ มากกว่า ขอถามว่ามีเหตุผลอะไร
    ที่คุณชอบอ้างชื่อพระครูเทพโลกอุดรและทำไมต้องมาประกาศตัวท่านชัดเจนถึงเรื่องนั้นเรื่องนี้ที่ล้วนแต่พิสูจน์ยาก แถมไม่ใช่ของจริงอีกต่างหาก นี่ๆต้องการอะไรอ่ะ แล้วที่ใครๆ
    เขาถามปัญหาที่คนดีๆเขาตอบกันสบายๆ แต่คุณคนไกลกลับตอบแบบเลือดขึ้นหน้านี่ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะจ๊ะ ระวังนะถ้าไปผิดครูใหม่คนไกล
    อาจจะเป็นอย่างที่เขาพูดว่าท่านอื่นๆไว้ก็เป็นได้ เคยได้ยินมั้ยของเข้าตัวน่ะ ท่านผู้ชมเคยพิจารณาไหมว่า ถ้าศิวดลทำผิดคุณคนไกลจริงๆ นี่สงสัย 31
    ภพภูมิของคุณคนไกลมาตีกะบาลแล้ว แต่นี่กลับตรงข้ามกินอิ่มนอนหลับ นี่แสดงว่าอะไรก็ของมันไม่ขึ้นไง เพราะถ้าของมันขึ้นก็คงกลับไปหาเจ้าของ
    ก็เท่านั้นเอง อยากฝากช่วงท้ายเวปนี้เป็นที่สาธาณะก็จริงแต่การแสดงออกถึงพระรัตนตรัย ต้องนอบน้อมกว่านี้นะสำหรับคนที่จะมานำหมู่นำคณะสร้าง
    พระเจ้า 5 พระองค์น่ะ ไม่ใช่เป็นแบบนี้ ไม่ผ่าน...
     
  7. ศิวดล

    ศิวดล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +75
    <CENTER>//ให้ดูพระเจ้าสังขจักรในการแสดงความนอบน้อมต่อพระรัตนตรัย เป็นตัวอย่างแล้วท่านจงเอาเป็นตัวอย่างนะ ถ้าศรัทธานับถือหลวงปู่ทองทิพย์จริง อย่างที่พูดไว้น่ะ//</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER>พระเจ้าสังขจักร</CENTER>
    การบำเพ็ญบารมีของพระองค์ครั้งหนึ่ง ปรากฏชัดเจนเป็นปรมัตถบารมีอันยิ่งยอดกว่าพระบารมีทั้งปวง ฉะนั้น สมเด็จองค์ปัจจุบันจึงนำมาซึ่งอดีตนิทานแห่งการสร้างพระบารมีของพระศรีอาริยเมตไตรย มาตรัสแสดงแก่ พระสารีบุตร มีใจความว่า
    อตีเต กาเล.. ในกาลล่วงมาช้านาน ได้มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติขึ้นในโลกพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่า พระสิริมิตร ครั้งนั้น พระศรีอาริยเมตไตรย ได้เสวยศิริราชสมบัติในเมืองอินทปัตรมหานคร ทรงพระนามว่า บรมสังขจักร มีแก้ว ๗ ประการ อยู่มาในกาลวันหนึ่ง พระเจ้าสังขจักรเสด็จนั่งอยู่ภายใต้เศวตฉัตร มีพระทัยปรารถนาว่า ผู้ใดมาบอกข่าวว่า พระพุทธรัตนะ พระธรรมรัตนะ พระสังฆรัตนะ บังเกิดมีแล้ว พระองค์จะสละราชสมบัติบรมจักร พระราชทานให้แก่ บุคคลผุ้นั้น แล้วพระองค์ก็จะเสด็จพระราชดำเนินไปยังองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า
    ในกาลนั้น ยังมีกุลบุตรเข็ญใจผู้หนึ่ง ไปบรรพชาเป็นสามเณรอยู่ในพระพุทธศาสนา ด้วยมารดาของสามเณรเป็นทาสีอยู่ในตระกูลหนึ่ง สามเณรนั้นคิดแสวงหาทรัพย์จะไปให้แก่มารดาเพื่อให้พ้นจากการเป็น ทาสรับใช้ จึงเที่ยวไปโดยลำดับจนถึงกรุงอินทปัตร ฝูงมหาชนชาวพระนครไม่รู้จักว่าสามเณรเป็นอย่างไร ครั้นเห็นเข้าก็สงสัยว่าเป็นมหายักษ์ ต่างก็พากันจับไม้ไล่ทุบตีสามเณร ฝ่ายสามเณรมีความกลัวก็วิ่ง หนีมหาชนเข้าไปจนถึงพระราชวัง ไปยืนอยู่ตรงพระพักตร์ของพระราชา พระองค์จึงตรัสถามว่า มานพนี้มีนามว่าอย่างไร?
    เจ้าสามเณรจึงกราบทูลว่า อาตมภาพมีนามว่า "สามเณร" จึงตรัสถามว่า สามเณรนั้นด้วยเหตุใด สามเณรจึงทูลว่า ข้าพเจ้ามีนามว่าสามเณรนั้น ด้วยเหตุว่าข้าพเจ้ามิได้กระทำบาปในกายนอก แล้วตั้งอยู่ภายใน แห่งกุศล เหตุดังนั้นจึงมีนามว่า "สามเณร" พระองค์ก็ทรงตรัสถามต่อไปว่า นามกรของท่านนั้น บุคคลผู้ใดตั้งให้แก่ท่าน สามเณรจึงทูลว่า พระอาจารย์ของข้าพเจ้าตั้งให้
    พระองค์จึงตรัสถามอีกว่า อาจารย์ของท่านนั้นชื่อใด สามเณรจึงถวายพระพรว่า อาจารย์ของอาตมาท่านมีนามว่า "ภิกษุ" จึงตรัสถามต่อไปว่า พระอาจารย์ของท่านนั้นมีนามว่า "ภิกษุ" ด้วยเหตุอะไร สามเณรจึงทูลว่า อาจารย์ของข้าพเจ้านั้นชื่อ "รัตนะ" เป็นแก้วอันหาค่ามิได้
    ครั้นพระราชาได้ทรงสดับว่า "พระสังฆรัตนะ" ในพระพุทธศาสนาหาได้เป็นอันยากยิ่งนัก พระองค์ก็มีความชื่นชมยินดีหาที่จะอุปมามิได้ คำนึงอยู่ในพระราชหฤทัยว่า จะเสด็จลงจากพระราชอาสน์ไปทรง นมัสการเจ้าสามเณร
    ในทันใดนั้นเอง .. พระวรกายของพระองค์ก็ลอยไปตกลงตรงหน้าเจ้าสามเณรด้วยอำนาจแห่งธรรมปีติ ด้วยเดชะที่พระองค์มีความเลื่อมใสในคุณพระสังฆรัตนะ ดอกปทุมชาติ คือ ดอกบัวก็บังเกิดผุด ขึ้นรองรับพระองค์ไว้มิได้เป็นอันตราย จึงถวายนมัสการเจ้าสามเณรโดยเบญจางคประดิษฐ์ แล้วจึงตรัสถามต่อไปว่า "พระสังฆรัตนะ" อาจารย์ของท่านนั้น บุคคลใจให้นามกร
    เจ้าสามเณรก็ทูลว่า อาจารย์ของข้าพเจ้านั้น คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงพระนามว่า " พระสิริมิตร " พระองค์โปรดประทานให้นามว่า "พระสังฆรัตนะ" แก่พระอาจารย์ของข้าพเจ้า พระเจ้าสังขจักรบรมโพธิสัตว์เจ้า ผู้ทรงพระอุตสาหะรอการสดับข่าวว่า เมื่อใดพระพุทธเจ้าจะทรงอุบัติขึ้นในโลก ครั้นได้ทรงฟังสามเณรออกวาจาว่า องค์ สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว พระองค์ก็ถึงกับทรงวิสัญญีภาพ คือ สลบลงอยู่ตรงนั้นเอง
    ครั้นพระองค์ได้พระสติขึ้นมา จึงตรัสถามสามเณรอีกว่า ดูก่อน .. เจ้าสามเณรผู้เจริญ บัดนี้ องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าเสด็จประทับอยู่ที่ไหน สามเณรจึงทูลว่า สมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จยับยั้งอาศัยอยู่ใน บุพพารามวิหาร อันมีอยู่ในทิศอุดร คือ ทางเหนือของกรุงอินทปัตรนี้ไปไกลกันมีประมาณ ๑๖ โยชน์ ครั้นได้ทรงสดับข่าวจากสามเณรว่า สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า บังเกิดแล้วในโลก จึงตรัสว่า ดูก่อน .. สามเณร! หากว่าองค์สมเด็จพระสัพพัญญูเจ้าเสด็จอยู่ในทางทิศใด เราก็จะไปในประเทศทิศนั้น
    สมเด็จพระเจ้าสังขจักรบรมบพิตรผู้ประเสริฐ หาความห่วงใยในศิริราชสมบัติบรมจักรของพระองค์ไม่ ด้วยมีพระทัยนั้นผูกพันอยู่ในการที่จะได้พบเห็นองค์สมเด็จพระศรีสรรเพชรเป็นที่ยิ่งอย่างอุกฤษฏ์ ก็ กระทำการราชาภิเษกเจ้าสามเณรนั้น ให้สึกออกมาเสวยราชสมบัติแทนพระองค์เป็นพระราชาอันประเสริฐ
    ครั้นกระทำการราชาภิเษกเจ้าสามเณรแล้ว เสด็จลำพังแต่เพียงพระองค์เดียว มีพระทัยเฉพาะต่อทิศอุดร ตั้งพระทัยไปสู่บุพพารามวิหาร อันเป็นที่ประทับแห่งองค์สมเด็จพระสิริมิตรสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่พระ เจ้าสังขจักรเป็นสุขุมาลชาติ พระสรีรกายนนั้นละเอียดอ่อนเป็นอันดี เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปตามหนทางแต่พระบาทเปล่า เพียงเวลาวันเดียวเท่านั้น พระบาททั้งสองข้างก็แตกจนพระโลหิตไหลไปตามฝ่าพระบาท ทั้งสอง
    เมื่อพระบาททั้งสองบาดเจ็บจนเดินไปมิได้แล้ว ในกาลนั้นพระองค์ก็ลงนั่งคุกเข่าคลานไปทีละน้อย ไปตามหนทางที่เจ้าสามเณรบอกมานั้น ไม่ยอมละเสียซึ่งความเพียร ครั้นล่วงไปถึง ๔ วัน พระหัตถ์ซ้ายขวา และพระชงฆ์ ( แข้ง ) ทั้งสองข้างนั้นก็แตกช้ำ โลหิตไหลออกมา จะคุกคลานไปก็มิได้ให้เจ็บปวดแสนสาหัส เห็นขัดสนพระทัยนักแล้ว ถึงกระนั้นพระองค์จะได้คิดท้อถอยย้อนรอยกลับคืนมาหามิได้ ทรงมุ่งมั่นในพระทัยว่า จะต้องไปให้ถึงสำนักขององค์สมเด็จพระจอมไตรให้จงได้
    ครั้นพระองค์คุกคลานมิได้แล้ว ก็ทรุดลงพังพาบไถลไปแต่ทีละน้อย ด้วยพระอุระ ( อก ) ของพระองค์ ประกอบไปด้วยทุกขเวทนาเหลือที่จะอดกลั้น พระองค์ยึดหน่วงเอาพระพุทธคุณของสมเด็จพระพุทธองค์ เป็นอารมณ์ ด้วยเจตนาใคร่จะทรงพบเห็นพระองค์ผู้ทรงประเสริฐยิ่งกว่าใครในโลก แล้วก็ทรงอดกลั้นซึ่งทุกขเวทนานั้นเสีย หาได้ทรงอาลัยในพระวรกายของพระองค์ไม่
    ครั้งนั้น สมเด็จะพรสิริมิตรสัพพัญญูผู้ประเสริฐ พระองค์ทรงพระมหากรุณาเล็งแลดูสัตวโลกทั้งหลายด้วยพระสัพพัญญุตญาณ ก็รู้แจ้งเห็นด้วยกำลังความเพียรของพระเจ้าสังขจักรนั้นเป็นอุกฤษฏ์ยิ่งโดย วิเศษแล้ว ก็มิใช่อื่นมิใช่ไกล เป็นหน่อพระพุทธางกูรพุทธพงศ์วงศ์เดียวกันกับพระตถาคตนั่นเอง สมควรที่ตถาคตจักเสด็จไปสู่ที่ใกล้แห่งบรมสังขจักร
    เมื่อพระพุทธองค์ทรงพระดำริแล้ว ก็เสด็จพระพุทธดำเนินมาด้วยพระศิริวิลาสเป็นอันงาม แล้วพระองค์กระทำอิทธิฤทธิ์เนรมิตพระวรกายของพระองค์ให้อันตรธานหาย กลับกลายเป็นมานพน้อย ขึ้นขับรถ ทวนมรรคามาเฉพาะหน้าแห่งสมเด็จพระบรมสังขจักรนั้น แล้วมเด็จพระพุทธสัพพัญญูเจ้าจึงร้องถามไปว่า ผู้ใดมานอนอยู่กลางทางขวางหน้ารถเรา จงหลีกไปเสีย เราจะขับรถไป.. !
    ฝ่ายพระบรมโพธิสัตว์เจ้าจึงตรัสตอบว่า ดูก่อน.. นายสารถีผู้ขับรถ ท่านจะมาขับเราไปให้พ้นจากหนทางนั้นด้วยเหตุใด ตัวเราผู้รู้จักคุณสมเด็จพระจอมไตรเป็นอารมณ์ยิ่งนัก หากแต่นายสารถีจะยั้งรถของท่านให้ หลีกเราไปเสียจึงจะสมควร ถ้าท่านไม่หลีกก็ให้ท่านขับรถไปเหนือหลังเราเถิด ซึ่งจะให้เราหลีกนั้นเราหาหลีกไม่ แล้วจึงมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า ถ้าท่านจะไปยังสำนักพระพุทธเจ้าแล้ว จงมาขึ้นรถไปกับเราเถิด เราจะพาท่านไปให้ถึงสำนักพระประทีปแก้วให้สมดังความปรารถนา
    สมเด็จพระราชาธิบดีจึงตรัสตอบว่า ถ้าท่านเอ็นดูกรุณาแก่เรา เราก็มีความยินดีสาธุอนุโมทนาด้วย แล้วก็อุตสาหะดำรงทรงพระวรกายขึ้นสู่รถแห่งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า พระพุทธองค์ก็ทรงหันหน้ารถไป ตามถนนหนทาง ในระหว่างทางนั้น สมเด็จอมรินทราธิราชกับนางสุชาดาผู้เป็นอัครมเหสี จึงได้นำเอาโภชนาหารอันเป็นทิพย์กับทั้งน้ำทิพย์ลงมา จำแลงเพศเป็นบุรษยืนอยู่ตรงหน้ารถแล้วร้องว่า
    ดูก่อน.. นายสารถีผู้เจริญ! ท่านต้องการข้าวน้ำโภชนาหารหรือ... เราจะให้ เมื่อท้าวโกสีย์สักกเทวราชกับนางสุชาดากล่าวดังนั้น องค์สมเด็จพระภควันต์บรมศาสดาซึ่งแปลงเพศเป็นายสารถีขับรถจึงกล่าวว่า มานพผู้เจริญ! บุรุษทุพพลภาพผู้หนึ่งมาในรถด้วยกับเรา มีความลำบากเวทนานัก ท่านจะให้ข้าวน้ำโภชนาหารแก่เราก็ให้เถิด เราจะได้ให้แก่บุรุษผู้นี้บริโภค องค์อัมรินทร์ปิ่นธานีกับนางสุชาดาก็ให้ข้าวน้ำ โภชนาหารอันเป็นทิพย์ แด่องค์สมเด็จพระธรรมสามิสตร์ แล้วพระองค์ก็ทรงประทานให้แก่พระบรมโพธิสัตว์สังขจักรเสวยข้าวน้ำอันเป็นทิพย์นั้น
    ครั้นพระองค์เสวยอิ่มหนำสำเร็จแล้ว ด้วยอานุภาพแห่งข้าวน้ำอันเป็นทิพย์นั้น ทำให้ทุกขเวทนาในพระสรีรกายอันตรธานหาย มีพระวรกายเป็นสุขสมบูรณ์เสมอเหมือนแต่ก่อน องค์สมเด็จพระชินวรเจ้า จึงพาพระยาสังขจักรไปใกล้ "บุพพารามวิหาร" แล้วพระองค์ก็ประทับนั่งบนพระพุทธอาสน์ในพระวิหาร ส่วนหน่อเนื้อพระบรมพงศ์โพธิสัตว์ก็เสด็จลงจากรถ เข้าไปสู่บุพพารามทอดพระเนตรไปเห็นองค์สมเด็จ พระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประกอบไปด้วยลักษณะมหาบุรุษ ๓๒ ประการ และอนุพยัญชนะอีก ๘๐ ทั้งประดับด้วยพระพุทธรัศมีอันโอภาสสว่างรุ่งเรืองออกจากพระวรกาย อันเสด็จประทับ นั่งอยู่ในที่นั้น พระองค์ก็ทรงสลบลงตรงพระพักตร์แห่งองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยความโสมนัส เกิดความปีติยินดีหาที่สุดมิได้ ส่วนสมเด็จพระบรมศาสดาจึงมีพระพุทธฎีกาตรัสว่า ดูก่อนมหาบุรุษราชผู้ประเสริฐ พระตถาคตเสด็จอยู่ในที่นี้แล้ว ครั้งนั้นสมเด็จพระบรมสังขจักรก็ได้พระสติฟื้นขึ้นมา เกิดความเลื่อมใสศรัทธา น้อมเศียรเกล้าคลานเข้าไป แล้วเสด็จนั่งยังที่อันสมควร จึงยกพระกรขึ้นประนมถวายบังคมเหนือเศียรเกล้า กระทำการอภิวาทนมัสการกราบทูลว่า
    " ภันเต ภควา .. ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เจริญ พระพุทธเจ้าข้า บัดนี้ ข้าพระบาทได้ถึงสำนักของพระองค์แล้ว ขอจงทรงพระกรุณาเป็นที่พึ่งแก่ข้าพระพุทธเจ้า โปรดตัสแสดงพระสัทธรรมเทศนาให้ ข้าพระบาทฟังเถิด.. พระพุทธเจ้าข้า "
    สมเด็จพระศาสดาจารย์จึงมีพระพุทธบรรหารว่า "ดูก่อน.. มหาบพิตรผู้ประเสริฐ ! จงตั้งโสตประสาทสดับรสพระพุทธพจน์เทศนาของพระตถาคต แล้วพิจารณาธรรมกถาอันกล่าวในคุณพระนิพพานนี้เถิด"
    ปางนั้นองค์สมเด็จพระบรมโลกเชษฐ์จึงตรัสพระสัทธรรมเทศนาโปรดแก่พระยาสังขจักร เมื่อพระองค์ได้ทรงสดับพระสัทธรรมเทศนาบทหนึ่งสิ้นเนื้อความลงแล้ว ก็กราบทูลห้ามสมเด็จพระประทีปแก้วว่า ขอพระองค์จงหยุดการแสดงธรรมเสียเถิด
    มีคำถามว่า.. เหตุไฉนพระเจ้าสังขจักรจึงทูลห้ามเช่นนี้ เพราะเดิมทีมีพระทัยผูกพันในพระพุทธศาสดา ระลึกถึงซึ่งคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า เป็นอันมาก สู้ทรงสละราชสมบัติบรมจักร เสด็จมาด้วยความลำบากแทบถึงซึ่งชีวิต ครั้นมาประสบพบองค์พระสัพพัญญูเจ้า พระองค์ประทานธรรมเทศนาแล้ว กลับห้ามเสียด้วยเหตุประการใด..?
    มีคำตอบว่า.. สมเด็จพระบรมสังขจักรทรงพระดำริว่า ถ้าสมเด็จพระบรมศาสดาโปรดประทานพระสัทธรรมเทศนาเป็นอันมาก แล้วพระองค์ก็เสด็จมาแต่เพียงลำพังพระองค์เดียวเปลี่ยนพระทัยนัก จะหาเครื่องไทยธรรมอันสมควรที่จะสักการบูชาให้สมควรแก่รสพระสัทธรรมนั้นหามีไม่ บัดนี้ เราได้สดับรับรสแห่งอมตธรรมแต่บทเดียว เครื่องสักการบูชาของเรานี้ มิพอสมควรกันกับพระสัทธรรม พระองค์ดำริ ดังนี้แล้ว จึงกราบทูลห้ามองค์สมเด็จพระประทีปแก้วเสีย แล้วพระองค์จึงกราบทูลว่า
    "ข้าพระพุทธเจ้าได้สดับพระสัทธรรมของพระองค์ในกาลครั้งนี้ พระองค์ทรงพระมหากรุณาตรัสพระธรรมเทศนาแสดงพระนิพพานอันเดียวเป็นที่สุดพระสัทธรรมอยู่แล้ว ข้าพระพุทธเจ้าจะตัดเศียรเกล้าอัน เป็นที่สุดสรีระกายแห่งข้าพระพุทธเจ้าออกกระทำการสักการบูชาพระสัทธรรมเทศนาของสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าก่อน"
    <CENTER>ตัดพระเศียรบูชาพระธรรม</CENTER>
    ครั้นตรัสดังนั้นแล้ว พระเจ้าสังขจักรผู้มีอัธยาศัยในพระโพธิญาณ จึงทรงอธิษฐานขอให้เล็บของพระองค์คมดังพระแสงดาบ เด็ดซึ่งพระศอให้ขาด แล้ววางไว้บนฝ่าพระหัตถ์ พร้อมตั้งมโนปณิธานความปรารถนา ออกพระโอษฐ์ตรัสด้วยวาจาว่า
    " ภันเต ภควา .. ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงศิริ ขอเชิญพระองค์เสด็จเข้าสู่เมืองแก้วอันเกษมสานต์ คือ พระอมตมหานิพพาน อันสำราญก่อนข้าพระบาทเถิด ข้าพระบาทจะขอตามเสด็จไปสู่พระนิพพานอันสำราญ ต่อภายหลัง ด้วยข้าพระพุทธเจ้าได้ถวายเศียรเกล้าบูชาพระสัทธรรมเทศนาของพระองค์ในกาลบัดนี้ ด้วยมิได้หวังสมบัติใดในโลกนี้ มีความปรารถนาเพียงอย่างเดียวคือการบรรลุพระโพธิญาณ เป็นพระศาสดา จารย์พระองค์หนึ่งในอนาคตกาลนั้นเทอญ .. "
    ในที่สุดแห่งพระวาจาที่ได้ตั้งความปรารถนาขาดลง พระบรมโพธิสัตว์ก็สิ้นพระทัยไปบังเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต
    ดูก่อน.. สารีบุตร! ครั้นเมื่อพระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ได้บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณเป็นองค์สมเด็จพิชิตมารบรมศาสดาจารย์แล้ว จึงมีพระองค์สูงได้ ๘๘ ศอก ด้วยผลทานที่เด็ดพระเศียรกระทำ สักการบูชาแห่งพระสัทธรรมเทศนา พระองค์ทรงพระรัศมีสิ้นทั้งกลางวันกลางคืนมิได้ขาดนั้น ด้วยอานิสงส์ที่พระองค์ทรงอุตสาหะไปในหนทาง ปรารถนาจะพบเห็นสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า จนพระ โลหิตไหลออกจากพระบาท พระชงค์ พระหัตถ์ และพระอุระ ของพระองค์ ในคราวเสวยพระชาติเป็นพระเจ้าสังขจักรนั้น
    อนึ่ง พระพุทธรัศมีของพระองค์แผ่ซ่านตลอดไปเบื้องบนจนถึงพรหมโลก เบื้องต่ำตลอดลงไปจนถึงอเวจีมหานรก ด้วยผลอานิสงส์ที่พระองค์เด็ดพระเศียรออกกระทำสักการบูชาพระสัทธรรม โลหิตไกลออกจากพระเศียร
    อีกประการหนึ่ง ในพระศาสนาแห่งพระศรีอาริยเมตไตรยบังเกิดมีต้นไม้กัลปพฤกษ์ นึกได้สำเร็จสมความปรารถนา นั้นด้วยผลานิสงส์ที่พระองค์เสด็จไปตามถนนหนทาง ใคร่จะพบองค์สมเด็จพระสัพพัญญูเจ้า มีกำหนดถึง ๗ วัน จึงได้ประสพพบพระพุทธองค์สมพระราชหฤทัย ดูก่อน. สารีบุตร! ผู้เป็นธรรมเสนาบดีของตถาคต ฝูงชนทั้งหลายที่มิได้เห็นรูปกายของพระตถาคตนี้ แม้ได้พบเห็นแต่พระพุทธศาสนาของพระตถาคต แล้วได้กระทำ ทาน รักษาศีล เจริญเมตตาภาวนา ด้วยเดชะผลานิสงส์นี้ บรรดาปวงชนทั้งหลายเห่านั้น จักได้บังเกิดทันพระพุทธศาสนาแห่งองค์สมเด็จพระศรีอาริยเมตไตรย อันจะมาอุบัติบังเกิดเป็นพระสัพพัญญูสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต แสดงมาด้วยเรื่อง " พระศรีอาริยเมตไตรยบรมโพธิสัตว์ " ก็ยุติไว้แต่เพียงเท่านี้ เอวัง..ก็มีด้วยประการฉะนี้ ฯ
     
  8. ศิวดล

    ศิวดล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +75
    ตอนนี้เริ่มร้อนแรงแฮะ เคยได้ยินไม๊ ทองแท้ไม่กลัวไฟลน อิ อิ ตอนนี้ไม่ต้องไฟหรอกแค่หยดเทียนนี่ก็จะเดี้ยงแล้วท่านผู้ชม สงสารน่ะสงสารแต่เหมือนเด็กดื้อตัวน้อยถ้าเราไม่ตีวันนี้วันหน้าก็จะเป็นผู้ใหญ่ดื้อ ซึ่งถึงวันนั้นอาจต้องเชิญศรราม เทพพิทักษ์มาสอน ศิวดลไม่อยากให้ถึงวันนั้นไง อยากให้เข้าใจความหวังดีครั้งนี้....แฟนคลับอย่าโกรธนะ
     
  9. ศิวดล

    ศิวดล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +75
    เรียน คุณ chatyman ถ้ารถผมคว่ำนี่สงสัยจะไม่เป็นไร ไม่ใช่รถหงายท้องซะหน่อย แต่ไม่รู้ว่าปราบไตรจักรเอาเรื่องอะไรโพส สงกะสัยติดโรคท่านอาจารย์ตัวเองมา โรคนี้สงสัยรักษายากต้องใช้น้ำมนต์วัดลิงขบซะแล้วกระมัง
     
  10. tomon2

    tomon2 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +77
    ขออนุโมทนาคุณอบครับ ลงรูปกิจกรรมแบบนี้ดีครับ คนอื่นๆจะได้ร่วมด้วย คงอีกสักพักครับ ตอนนี้เคลีย์งานอยู่วันที่ 5 ธันวากึ่งๆอยู่ครับครับ แต่ถ้ายังไงจะรวบรวมปัจจัยไปร่วมบุญครับ
     
  11. tomon2

    tomon2 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +77
    ปัญหาคาใจต่างๆ ที่ผมเรียนไปเมื่อโพสที่แล้ว น่าจะยังคงอยู่ และไม่จบง่ายๆ ผมว่า ต้องเปิดใจกันและใช้ธรรมะนำในการแก้ปัญหา ปัญหาก็ต้องมีการแก้ไขชัดเจนด้วย มิฉะนั้นจะมีทั้งผู้และไม่รู้หรือผู้ประมาทและปรามาสกันเต็มกระทู้ไปหมด อายศาสนาอื่นเขานะ ขอให้เจริญในธรรมทุกๆท่านครับ...
     
  12. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,057
    แม้คุณ อบ เอารูปมาลง เห็นเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นครับ....วันนั้นผมไม่ได้ไป...อิอิ(ผ่านมา 2 ปีแล้ว)....พระแม่ธรณีท่านสวยจังครับ.....นึกย้อนกลับไปเมื่อวันนั้น และ ณ วันนี้หอจักรแม่พระธรณีก็จะแล้วเสร็จแล้ว...ทุกคนที่มีส่วนร่วม ในวันนั้นจนถึงวันนี้ ....ทุกคนคงรู้สึกดีเป็นอย่างยิ่ง....และหอจักรฯยิ่งใกล้เสร็จแล้ว ยิ่งรู้สึกอะไรที่มันดี ๆ ในความรู้สึกนั้น......ผมคงรู้สึกได้ไม่เท่ากับทุกท่านที่อยู่ ณ เวลานั้นจนถึง ณ เวลานี้นะครับ...เพราะผมไม่ได้ไปร่วมกับทุกท่าน ณ วันนั้น....และ ณ วันนั้นผมเองอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ซิ....ถ้าผมอยู่ ณ วันนั้นสงสัยเสร็จพิธีกรรมแล้วท้องคงอิ่มน่าดูเลย นะนี่ อิอิ.
     
  13. พรหมิกา

    พรหมิกา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    19
    ค่าพลัง:
    +55
    ท่านทั้งหลาย <?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    การที่จะมาขัดแย้งกันนั้นมันไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่ายแน่ๆ จริงๆแล้วน่าจะลองหันหลังกลับไปมองตัวเองกันสักนิดก่อน แล้วค่อยหันหน้ามาคุยกันใหม่ดีๆ ด้วยเหตุด้วยผล ด้วยปัญญาที่พิจารณาดีแล้ว ไม่ใช่อารมณ์ส่วนตัว ลดทิฐิกันสักนิดน่าจะดีขึ้น <o:p></o:p>
    เรื่องของการปฏิบัติธรรมนั้นทุกคนย่อมทราบดีว่ามีทั้งเรื่องที่ มองเห็น(ด้วยตา) มองไม่เห็น(ด้วยตา) ที่พิสูจน์ให้ยอมรับได้ง่าย และพิสูจน์ให้ยอมรับได้ยาก เพราะมีทั้งเรื่องของ ธรรมภายนอก และ ธรรมภายใน ที่พิสูจน์ยาก แต่ต้องใช้ปัญญาพิจารณาโดยมองหลายด้าน (มองด้วยจิตที่เป็นกลางด้วย)<o:p></o:p>
    แต่ที่อยากจะให้ทำกันตอนนี้ก็คือ อยากให้มีจิตที่ตั้งมั่นใน พระพุทธองค์ และพระศาสนา ทำตามคำสอนของท่าน(ตามพระธรรมที่ท่านให้ใว้เ) ไม่ว่าใครจะทำด้วยวิธ๊ไหน แบบใด ที่ไหน เมื่อไหร่ า เพราะที่สุดแล้วทุกคนก็ตั้งใจที่จะทำเพื่อบำรุงศาสนากันทั้งนั้น <o:p></o:p>
    ตราบใดที่เรายังไม่เจอทาของพุทธองค์ เราก็ไม่ควรตัดสินเส้นทางของคนอื่น เพราะแม้แต่พุทธองค์เอง ก่อนที่ท่านจะตรัสรู้ได้ท่านก็เลือกทางเดินหลายแบบโดยไม่ได้ตำหนิทางของผู้อืน ที่ปฏิบัติกัน ท่านใช้ตัวท่านพิสูจน์ความถูกต้องของการปฏิบัติ มิได้ใช้การกระทำของคนอื่นในการพิสูจน์ว่าใครปฏิบัติถูก ท่านลองปฏิบัติแบบที่คนอื่นปฏิบัติเพื่อให้รู้ว่าถูกต้องหรือไม่โดยใช้ปัญญาพิจารณาด้วย <o:p></o:p>
    จงพิจารณาสิ่งต่างๆทั้ง ด้านสว่าง และด้านมืด อย่าตัดสินเมื่อท่านมองได้เพียงด้านเดียว และเมื่อมองทั้งสองด้านแล้วก็ใช้ปัญญาพิจารณาด้วย<o:p></o:p>
    ขอความสงบสุข และความเจริญ จงมีแด่ทุกๆท่าน <o:p></o:p>
     
  14. ฐตธนวัฒฆ์

    ฐตธนวัฒฆ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +745
    ทุกคนเข้ามาในกระทู้นี้ก็เพื่อต้องการศึกษาเรื่องของพระศริอาริยเมตไตรย และแสวงหาควาหลุดพ้นออกจากทุกข์ จากชาติกัน แสวงหาความรู้ที่จะนำไปพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น และเสริมสร้างศรัทธาปสาทะ ให้เกิดความมั่นคงในพระศาสนายิ่งขึ้นไป ถ้าได้พบได้ทำบุญร่วมกับครูบาอาจารย์ที่สร้างสมบารมีเพื่อตรัสรู้เป้นพระพุทธเจ้าในอนาคตอันใกล้ และได้พบกับพระอมตะของโลกคือหลวงพ่อบรมครูเทพโลกอุดร สามารถได้ทำบุญสร้างมหากุศลอันยิ่งใหญ่ร่วมกับท่าน พร้อมกับ ๓๑ ภพภูมิ และคนทั้งประเทศ ทั้งโลก<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ผมคิดว่า ไม่ว่าคุณศิวดล จักร อบ ITV_man เอก แจ๊ค chatyman tomon2 พร้อมกับท่านอื่นๆทั้งที่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย หรือสงสัยกันอยู่ ต่างก็แสวงหาบุญ หากุศลกันอยู่ไม่ใช่หรือครับ ทุกคนนับถือพระพุทธเจ้า หลวงปู่ทองทิพย์ หลวงพ่อเทพโลกอุดร ครูบาอาจารย์เพื่ออะไรกันครับ เพื่อสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้หรือครับ เพื่อการทะเลาะกันหรือ เพื่อความคึกคะนองกันหรือ เพื่อทิฐิมานะตนเองหรือ เพื่อความสะใจหรือ หรือว่าเพื่อความมันในจิตตนเอง<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ขอให้ทุกท่านพิจารณาให้ดี<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ผมอยากให้ทุกคน หายใจลึกๆ ทบทวนตนเองดูว่า นับถือพระพุทธศาสนาเพื่ออะไร นับถือหลวงปู่ทองทิพย์เพื่ออะไร ในเมื่อหลวงปู่ท่านได้ดำริไปแล้วกับศิษยานุศิษย์ทุกคนว่า ใครทำหน้าที่อะไร อย่างไร เมื่อไหร่ กับใคร หลวงปู่ท่านก็ได้แสดงชัดเจนแล้ว ทำไมไม่ทำตามละ <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ศิวดล คุณจะเป็นใครมาจากไหน ก็แล้วแต่ คุณลองพิจารณาตนเองให้ดีๆ ตั้งแต่เกิดมา จนถึงบัดนี้เวลานี้ได้เคยทำอะไร เป็นชิ้นเป็นอันในชีวิต ทำประโยชน์อะไรต่อตนเอง ต่อครอบครัว ต่อส่วนรวม ถ้าคุณคิดว่าตนเองทำมากกว่าคนอื่นๆแล้ว ทำมากกว่าพระพุทธเจ้าแล้ว ค่อยมาคุยกัน หรือว่าต้องการมีส่วนร่วมก็เชิญได้เลย <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    วันเททองหล่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๐ จะมีการตั้งโรงทานให้กับผู้ที่มาร่วมงาน คุณศิวดล จักร itv_man อบ แจ๊ค เอก มาช่วยงานในส่วนนี้ก็ได้ขาดคนพอดี หาคนช่วยทำอยู่ รีบติดต่อมานะ จะรอ <o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
    ต้องการคุยส่วนตัวโทรมาได้เลย 086-980-4431หรือต้องช่วยแจกซองบอกบุญโทรมาได้เลยจะได้จัดส่งไปให้<o:p></o:p>
    <o:p></o:p>
     
  15. Tewadhol

    Tewadhol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +694
    รําคาญ!

    อ้ายคนที่ชอบตอบกระทู้ เถียงเอามันส์ จับคําพูดคนโน้นนิด

    คนนี้หน่อย มาตั้งเป็นประเด็น ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง

    สํานวนวาจาเหมือนเด็กเล่นขายของ รําคาญ...!
     
  16. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    สำหรับรูปภาพแม่พระธรณีที่อบ นำมาลงให้ชมนี้ ผมเป็นคนถ่ายภาพนี้เอง จำได้ว่าตอนถ่ายภาพผมอธิษฐานขอพระแม่ธรณีว่า แม่ให้ผมเห็นภายในบ่อยหากแม่อยู่ทำบารมีกับผมจริงก็ขอให้ปรากฏปาฏิหารย์เพื่อเป็นสักขีพยาน เมื่อถ่ายภาพออกมาก็มีดวงศีลธรรมสีม่วงปรากฏ ในด้านบนของภาพ คืนนนั้นผมเดินอธิษฐานถ่ายภาพในหลายสถานที่รอบๆวัด ขอภาพปาฏิหาริย์ไปเรื่อย จนไปที่พระธาตุ เมื่อขอภาพปาฏิหาริย์ มีกระแสเสียงมาว่า จะเอาอะไรอีกกับปาฏิหาริย์ ที่พบเห็นอยู่เป็นประจำนั้นยังเป็นปาฏิหาริย์ไม่พออีกเหรอ ก็เลยเลิกถ่ายภาพในคืนนั้น

    ที่จริงเรื่องการรับพระพุทธเจ้า 5 พระองค์นั้น สำหรับเรื่องของโลกภายในนั้น สำเร็จกิจตั้งแต่ตอนสร้างพระหรือหล่อพระแล้วครับ เมื่อผู้ที่ร่วมกันสร้างพระทั้ง 31 ภพภูมิ รวมทั้งครูบาอาจารย์ พระสงฆ์ทั้งภายนอกและภายในท่านทำพิธีกันนั้น ก็เหมือนมีพระสงฆ์หรือเทพเทวาจำนวนมากท่านรับให้โดยอัตมัติอยู่แล้วครับ และหลวงปู่ทองทิพย์ท่านก็บอกผมไว้อยู่ว่าทำเสร็จแล้วปู่ก็จะรับให้ เฮ็ดไปโลด ที่จริงเมื่อสร้างเสร็จก็สำเร็จกิจในการถวายสำหรับเรื่องภายในตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว มีอานิสงส์เต็มครับ
    สำหรับการประดิษฐานพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ที่วัดป่าสีดาฯ ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของเรื่องภายนอก ที่หลวงปู่ท่านมีจุดประสงค์จะให้บรรจุของสำคัญหลายอย่างไว้ในองค์พระ เรื่องนี้สานุศิษย์หลวงปู่หลายคนทราบดีครับ ที่หลวงปู่ท่านบอกผมไว้ก็มี ที่ท่านบอกพระสงฆ์สานุศิษย์รูปอื่นๆไว้ก็มีครับ ลองคุยกับพระสงฆ์สานุศิษย์รูปอื่นๆดูได้ครับ หากใครอยากทราบความจริง วันหล่อพระเชิญมาถามได้ครับ จะได้ทราบเจตนารมย์ที่แท้จริงของหลวงปู่ ส่วนในด้านของเรื่องภายในนั้นหลวงปู่ท่านคงจะปรุงระบบของท่านไปตามที่ท่านปรารถนา

    ผมมั่นใจว่าการหล่อพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ในครั้งนี้จะมีผู้ใหญ่ ที่เป็นบุคคลสำคัญของประเทศมาร่วมด้วยหลายท่าน โดยเฉพาะหลายๆท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องและเคารพนับถือพระแก้วมรกต บางทีอาจจะมีบุคคลสำคัญบางท่านของต่างประเทศมาร่วมด้วยก็เป็นได้ โดยเฉพาะประเทศที่นับถือพุทธศาสนา ทางคณะได้เปิดกว้างสำหรับพุทธศาสนิกชนทั่วโลกครับเพราะเนื้อนาบุญในการสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ในครั้งนี้เป็นเนื้อนาบุญของโลกครับ ทุกครั้งที่หลวงปู่ทองทิพย์ท่านทำหรือสร้างสิ่งต่างๆนั้น ท่านจะประกาศอยู่เสมอว่าท่านทำเพื่อพระพุทธศาสนาและเพื่อโลก สานุศิษย์ท่านจะได้ยินได้ฟังบ่อย มีอยู่หลายๆงานที่ผมเป็นเจ้าภาพในการจัดงาน หลวงปู่ท่านจะเทศน์เรื่องการสร้าง การทำเพื่อพระพุทธศาสนาและเพื่อโลก ให้ฟังอยู่เป็นประจำ แม้แต่งานที่ท่านให้ผมไปจัดหาเต่ามา 5,000 ตัวเพื่อให้หลวงปู่ท่านอธิษฐานปล่อยสัตว์ หลวงปู่ท่านก็บอกกับผมว่า ผู้พันการทำอย่างนี้ได้อานิสงส์มากเป็นสิ่งที่บุคคลกระทำได้ยากเราทำครบพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ทำครบ 5,000 ปีเป็นการรักษาอายุพระศาสนา เป็นการสงเคราะห์โลก ปู่จะได้อธิษฐานเพื่อพระพุทธศาสนาและเพื่อโลกได้

    และแทบทุกครั้งในการทำบุญถวายหลวงปู่ ท่านจะสรุปบุญให้ อย่างเช่นตอนที่ผมเป็นเจ้าภาพถวายกฐินให้ท่านในปีแรก เมื่อถวายกฐินเสร็จ ท่านก็เรียกผมกับผู้พันวัฒนะไปหาแล้วก็บอกว่า ผู้พันอานิสงส์กฐินในครั้งนี้อยู่ในสวรรค์ชั้นที่ 2นะ ผู้สำเร็จราชการแทนพระอินทร์เขาลงมารับ พระอินทร์ไม่ได้ลงมา

    เมื่อถวายกฐินในปีที่สองเสร็จงานกฐินแล้วท่านก็เรียกผมกับผู้พันวัฒนะไปหาท่านบอกว่า กฐินที่ทำนี่ยังไม่เป็นมหากฐินนะ เอาเถอะปู่จะรับมหากฐินให้ครั้งนึงในปีหน้า ต้องมีเครื่องประกอบเยอะ แต่บ่มีผู้รู้ ที่ทำกันมากมายส่วนหนึ่งเป็นกฐินบูด กฐินเน่า บ่เป็นมหากฐินได้ มหากฐินนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยากเพราะต้องมีพระพุทธเจ้าท่านเป็นประธานในการรับกฐินและผู้ที่จะรับมหากฐินได้อีกคนนึงก็คือผู้ที่สำเร็จธรรมแปดประการหรือเป็นตัวแทนพระพุทธเจ้า ผู้พันไปหาสิ่งที่ปู่บอกมา ทำตามนี้แล้วปู่จะรับมหากฐินให้ครั้งนึง แล้วต่อไปวัดเราจะไม่มีการรับกฐินอีก สิ้นสุดที่มหากฐิน

    เมื่อถึงปีที่จะถวายมหากฐิน ก็เตรียมทำมหากฐินกัน แต่ปู่ก็ละไปก่อนแล้วตอนต้นปี ก็คิดๆว่า ปู่สัญญาว่าจะรับมหากฐินให้ผมแล้วทำไมปู่ไปเสียก่อน ในช่วงนั้นก็พบเห็นปู่หลายครั้งในโลกภายในว่าท่านยังอยู่ปกติ จนใกล้ๆวันถวายมหากฐินก็ได้ยินเสียงหลวงปู่ท่านบอกว่า เอ็ดไป เดี๋ยวปู่จะรับให้อยู่ ปัจจุบันนี้ไม่ทราบว่าผ้ากฐินนั้นอยู่ที่ไหนในวัด จะมีพระสงฆ์รูปใดนำผ้ามหากฐินที่ถวายหลวงปู่ไปห่มครองหรือเปล่าผมไม่แน่ใจ ถือว่าเราถวายหลวงปู่ไปแล้ว ถวายพระศาสนาไปแล้วเราได้อานิสงส์ไปแล้ว ใครจะนำไปทำแบบไหนก็เป็นกรรมของเขาเอง

    มีอยู่งานนึงหลวงปู่ท่านเทศน์แต่ขาตั้งไมโครโฟนล้มบ่อย ผมเลยต้องคอยไปประคองไมโครโฟนขณะที่ท่านเทศน์ วันนั้นหลวงปู่ท่านเทศน์บอกเอ่ยวาจาชัดเจนว่าต่อสาธารณะว่า "ณ ที่นี้พระศรีอริยเมตไตรโยโพธิสัตว์ มาทำบารมีชาติสุดท้าย" ผมก็ได้แต่นึกในใจว่าวันนี้หลวงปู่เปิดระบบตรงๆเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2006
  17. xchan

    xchan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +106
    ร่วมรากเกิด

    ต้นถั่วเผาต้มถั่ว ร่ำระรัวถั่วในกะทะ
    ร่วมรากเกิดแล้วจะ เร่งเผาผลาญกันทำไม


    โจสิด

    ใครพอรู้จักกวีบทนี้บ้างครับ พอดีเข้ามาอ่านบ้างเป็นครั้งคราวเลยนึกถึงกวีบทนี้ซึ่งแต่งโดย "โจสิด" ตั้งแต่สมัยสามก๊ก (พ.ศ.763-823) ซึ่งต่อมาถูกเรียกว่า "เจ็ดก้าวกวี"

    จะขอติดตามชม "ศิลปแห่งความขัดแย้ง" นี้ต่อไปครับว่าจะลงเอยอย่างไร
    แต่ผมจะขอมองในแบบของ ธรรมมะ นะครับ

    แต่เชื่อว่าสุดท้ายก็จะเป็นดั่งคำที่ท่านพุทธทาสกล่าวเสมอๆ ครับว่า "เช่นนั้นเอง"

     
  18. kitjang

    kitjang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2006
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +511
    ผมเอาธรรมจากครูบาอาจารย์มาฝากทุกท่าน
    ทำบุญด้วยปัญญา

    จะทำยังไงก็แล้วแต่เถอะ
    อยากจะบอกเอาไว้ว่า
    อย่าทำจนกระทั่งเราคิดว่า เราเดือดร้อน
    การทำบุญ ก็คือ ต้องทำด้วยความเต็มใจ
    ขณะทำตั้งใจ กำลังทำเต็มใจ
    และทำแล้วสบายใจ
    ถ้า 3 กาลนี้ ครบเมื่อไหร่ ถือว่านั่นเป็นบุญ
    แต่ถ้าหากว่าขณะที่ทำ ไม่ตั้งใจ
    กำลังทำก็ไม่เต็มใจ แต่ทำแล้วยิ่งลำบากใจ
    ถือว่าการทำบุญอันนั้นไม่เป็นบุญ
    บุญนั้นเป็นหมัน ไม่มีผลตอบสนองหรือตอบแทน
    เพราะฉะนั้น ถ้าเราเดือดร้อน ก็อย่าคิดว่าต้องทำบุญ
    แม้แต่พระศาสดายังทรงสั่งสอนว่า
    การจะแสดงธรรม ก็จงอย่าแสดงธรรมต่อคนหิว
    คนกำลังมีเวทนากล้า เพราะคนที่หิว
    เป็นคนที่ขาดสติ มีความเดือดร้อนกายเป็นปกติ
    คนที่มีเวทนากล้า คือ คนที่มีความทรมานทางกาย
    เกิดจากอาการ เจ็บป่วยอย่างหนักจนไร้สติ
    แล้วก็คนเมา แสดงให้เห็นว่า
    พระองค์ทรงสอนให้เรา
    ทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องเต็มไปด้วยความรู้สึก
    ที่ได้ประโยชน์อย่างยิ่ง อย่าทำแบบสุ่ม 4 สุ่ม 5
    อย่าตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
     
  19. chatyamn

    chatyamn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    664
    ค่าพลัง:
    +4,057
    อนุโมทนาบุญครับ...คุณกิต...ทำให้ผมเข้าใจการทำบุญขึ้นอีกมาก...นึกว่าจะไม่แวะเวียนเข้ามาอีกแล้วสะอีก....ขออนุโมทนาบุญจากใจจริง.
     
  20. BiMode

    BiMode เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +2,322
    กรรมใดที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินบุคคล ณ ที่นี้ด้วยกาย วาจา ใจ ตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี รู้เท่าถึงการณ์หรือไม่ก็ดี. ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมนั้นที่ได้ล่วงเกินแก่ท่านทั้งหลายด้วยเถิด...
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...