เรื่องราวที่คนทั่วๆไปไม่ค่อยรู้

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Aunyasit, 26 สิงหาคม 2005.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. ฐตธนวัฒฆ์

    ฐตธนวัฒฆ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +745
    ทางคณะผู้ดำเนินงานการสร้างพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ได้จัดพิมพ์ซองบอกบุญจำนวนหนึ่ง ท่านผู้มีจิตศรัทธาท่านใดที่ต้องการซองบอกบุญเพื่อบอกบุญต่อไป ติดต่อเพื่อขอรับซองได้ที่ คุณต้น (ฐตธนวัฒฆ์)086-980-443, คุณหนุ่ย (น.ท. วีระพงษ์) 085-099-4861, คุณกบ (กฤษณพจน์) 089-202-7216

    ทางคณะผู้ดำเนินงานจะจัดส่งไปให้ครับ

    ขออนุโมทนากับทุกท่านครับ
     
  2. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    อนุโมทนาสาธุการกับ คุณrin5297และ คุณแม่บุญทิว ปลัดท้วม ครับ


    คุณ จักร

    เรื่องการเคลื่อนย้ายญาณศีลธรรมนั้นคุณจักรยังไม่เข้าใจ เนื่องจากตัวคุณจักรเองปฏิบัติไปไม่ถึงตรงนั้นหรืออาจจะไม่มีหน้าที่ตรงนั้นจึงไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้และผู้ที่อ้างว่ากลั่นกรองญาณศีลธรรมที่วัดนั้นนั้น ยังไม่มีสัมผัสบางประการ ที่ครูบาอาจารย์หลายๆท่าน ท่านมีและใช้กันเป็นปกติ

    การปฏิบัตินั้นต้องสามารถตรวจสอบกันได้ในหมู่นักปฏิบัติด้วยกัน หากคิดว่าเราเคยใกล้ชิดครูบาอาจารย์แล้วเราจะเก่งแบบท่านหรือเลียนแบบท่านนั้นก็เป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาให้ละเอียดถี่ถ้วน และผู้ที่เคยใกล้ชิดหลวงปู่ทองทิพย์นั้นก็มีมากหลายคน คุณจักรลองไปสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับท่านเหล่านั้นดู รวมทั้งผู้ที่ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ทองทิพย์ มาก่อนที่พวกเราจะเกิดก็มีมาก ซึ่งท่านเหล่านี้ท่านเข้าถึงเนื้อในของหลวงปู่ทองทิพย์แน่นอนเพราะท่านพบเจอหลวงปู่ทองทิพย์และคุ้นเคยกันมาตั้งแต่สมัยที่หลวงปู่ท่านปฏิบัติอยู่ที่ภูเขาควายแล้ว และผลของธรรมปฏิบัติของท่านเหล่านั้นก็เป็นเรื่องที่สามารถสนทนาแลกเปลี่ยนกันได้เป็นเนื้อเดียวกัน คุยกันไม่กี่คำก็รู้เรื่องและสามารถชี้แจงหรืออธิบายสภาวธรรมกันอย่างกว้างขวาง สำหรับผมเองไม่สามารถรับรองสภาวธรรมของตัวเองได้แต่มีครูบาอาจารย์ในสายธรรมของหลวงปู่ทองทิพย์ท่านรับรองสภาวให้การสงสัยในการปฏิบัติหรือผลการปฏิบัติจึงไม่มี

    แต่หากนักปฏิบัติคนใดก็ตามปฏิบัติอย่างโดดเดี่ยวไม่มีเหล่าสหธรรมิก หรือไม่เชื่อในผลการปฏิบัติของครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ ก็จะคับแคบเกินไป เหมือนพายเรืออยู่ในอ่าง การยอมรับฟังในข้อปฏิบัติซึ่งกันกันของนักปฏิบัตินั้นก็เหมือนกระจกส่องตัวเราเอง หากเราไม่ยอมให้กระจกส่องก็ถือว่ายังใช้ไม่ได้ หากต้องการทราบเรื่องการปฏิบัติต่างๆของผู้ที่เคยอยู่ปฏิบัติในเขตวัดป่าสีดาฯหรือผู้ที่อยู่ ณ ปัจจุบันนั้นไม่ใช่เรื่องยากเพราะพระสงฆ์ที่ท่านปฏิบัติจนรู้เห็นได้ก็มีไม่น้อย

    เมื่อพูดถึงหลวงปู่ทองทิพย์ในท่ามกลางของพระสงฆ์นักปฏิบัติ ก็จะมีคำตอบคล้ายๆกัน เช่น ท่านนั้นหนึ่งไม่มีสอง ไม่มีใครเกินในผืนปฐพีนี่ ท่านเฉียดพระพุทธจ้าแล้ว หรือเป็นรองก็แต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น
    หากพูดถึงผู้ที่ท่านปฏิบัติอยู่ที่วัด ครูบาอาจารย์หลายๆท่าน ท่านก็รับรองได้แค่ว่าว่าเป็นรูปแบบภายนอก ฯลฯ ไม่มีครูบาอาจารย์นักปฏิบัติท่านใดแม้แต่คนเดียวที่รับรองสภาวภายในให้

    ในสมัยหลวงปู่ทองทิพย์ท่านอยู่ ผมเคยถามท่านตรงๆเกี่ยวกับการปฏิบัติของพระสงฆ์ในวัดแทบจะทุกรูป ว่าใครเป็นอย่างไร ปฏิบัติอย่างไร เมื่อได้คำตอบจากหลวงปู่แล้วผมก็ไม่เข้าใจมาเป็นเวลาหลายปี แต่ปัจจุบันนี้ผมเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่าอะไรเป็นอะไร เข้าใจคำว่า เนื้อนาบุญ รวมทั้งบุพกรรมต่างๆ ที่หลวงปู่ท่านเคยบอกไว้ว่า สถานที่นี้เป็นที่เฮ็ดบารมี ใครจะเฮ็ด(ทำ)อะไรที่วัดนี้ จะทำเกินบารมีตนเองนั้นเฮ็ดบ่ได้ หากเกินบารมีแล้วก็จะมีปัญหา เมื่อเทพเทวดาเขาไม่เห็นด้วยก็จะมีเหตุ ผมก็เลยถามว่าปู่ผมจะสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์สำเร็จเหรอครับปู่ ท่านบอกว่า เฮ็ดสำเร็จอยู่ เฮ็ดไปโลด ปู่จะอยู่แบบไหนปู่ก็จะคอยช่วยดูให้อยู่ ใครจะว่ายังไงก็ช่างเขาไป เรามีหน้าที่เฮ็ดก็เฮ็ดไป มาในยุคปัจจุบันจึงเข้าใจแล้วว่าปู่พูดแบบนั้นทำไม

    และมีพระสงฆ์ที่หลวงปู่พูดถึงและยกย่องมากที่สุดก็คือ พระครูเทพโลกอุดร ผมฟังเรื่องของท่านมาหลายครั้งหลายวาระมาก ก็ได้แต่คิดว่าพระสงฆ์ที่มีบุญญฤทธิ์แบบนี้เราจะมีโอกาสเจอไหมหนอ ไม่คิดว่าสัจจะวาจาของหลวงปู่ทองทิพย์จะเป็นจริงเร็ว มาระลึกนึกถึงคำพูดท่านได้อีกครั้งก็เดินชนพระครูเทพโลกอุดรเข้าจังเบ้อเร่อแล้ว พระครูเทพฯท่านก็มักปรารถกับหลายๆคนที่ผมพาไปพบท่านว่า ที่มานั่งอยู่กับโยมแบบนี้ได้ มาเจอกันได้นั้น ก็เป็นเพราะผู้พันเขาปฏิบัติไปเห็นอาตมาแล้วก็ตามหาจนเจอ ไม่งั้นก็ไม่มีโอกาสเจอกันหรอก เราก็ได้แต่คิดว่าก็อาจารย์ผม หลวงปู่ไม่มาสอนผมแล้วใครจะสอนธรรมผมต่อล่ะ


    ผมได้ถามหลวงปู่เทพโลกอุดรเกี่ยวกับเรื่องที่คุณจักรโต้แย้งอยู่ในเวปนี่เกี่ยวกับวัดป่าสีดาฯและการสร้างพระแล้ว ท่านบอกว่าอาตมาก็ดูเวปไซท์เอาตามต้นไม้น่ะ บุพกรรมเขานะถ้าเขากลับตัวกลับใจไม่ทันก็ตายสถานเดียว บางทีเขาอาจจะอยู่ไม่ถึงวันหล่อพระก็เป็นได้ ก็สงสารนะแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะไม่มีใครต้านทานเนื้อนาบุญของ 31 ภพภูมิที่ปรารถนาร่วมกันสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ในครั้งนี้ได้

    ท่านบอกว่าหลวงปู่ทองทิพย์ท่านไม่สงเคราะห์ผู้หลงผิดหรอก ครูบาอาจารย์ระดับสูงนี่ท่านวางอุเบกขาธรรม หลวงปู่เทพฯท่านบอกว่าคนที่เข้าไม่ถึงเนื้อในของหลวงปู่ทองทิพย์ก็เป็นอย่างนี้แหละ

    คุณจักร พิจารณาเอาเองนะ อยากทำอะไรก็รีบทำซะ เท่าที่ผมใกล้ชิดหลวงปู่เทพฯมา สัจจะวาจาของท่านนั้นเป็นหนึ่งไม่มีสอง แบบเดียวกับสัจจะวาจาของหลวงปู่ทองทิพย์ ครับ

    เรื่องการสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์นั้น หลวงปู่ทองทิพย์ท่านบอกผมไว้หลายอย่าง บางอย่างผมก็เปิดเผย บางอย่างผมก็ไม่เปิดเผยเป็นเรื่องเฉพาะตัว รอพิสูจน์ด้วยกาลเวลาครับ แต่ก็มี่ที่หลายบุคคลร่วมฟังด้วย เช่น ท่านบอกว่าเมื่อถึงกาลเวลาสร้างพระพุทธเจ้า 5 พระองค์นั้นหลวงปู่เทพโลกอุดรท่านจะมาช่วยสร้าง และปัจจุบันนี้ท่านก็มาแล้วจริงๆ หรือแม้แต่แก้วมณีโชติ บนสรวงสวรรค์ที่หลวงปู่กล่าวไว้ก็ลงมาเป็นรูปธรรมแล้วเช่นกัน ซึ่งก็ตรงกับสิ่งที่หลวงปู่ท่านเน้นสอนผมอยู่เสมอว่า "ปฏิบัติให้ภายใน ปรากฏออกมาสู่ภายนอก"


    เพราะว่าคุณจักรไม่ได้เป็นสานุศิษย์ในธรรมของหลวงปู่ทองทิพย์จึงไม่เข้าใจในพระธรรมคำสอนของท่าน จึงมุ่งจิตลงสู่มหาอกุศล ครับ

    ต้องขออภัยคุณจักร ที่อาจจะทำให้กระทบกระเทือนจิตใจครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2006
  3. ฐตธนวัฒฆ์

    ฐตธนวัฒฆ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +745
    พระไตรปิฎกเล่มที่ 33 พระสุตตันตปิฎก เล่ม 25
    ขุททกนิกาย จริยาปิฎก การบำเพ็ญทานบารมี สังขพราหมณจริยา


    <CENTER>สังขพราหมณจริยาที่ ๒</CENTER><CENTER>ว่าด้วยจริยาวัตรของสังขพราหมณ์</CENTER> [๒] อีกเรื่องหนึ่ง เมื่อเราเป็นพราหมณ์มีนามว่าสังขะ ต้องการจะข้าม
    มหาสมุทรไปอาศัยปัฏฏนคามอยู่ ในกาลนั้น เราได้เห็นพระปัจเจก
    พุทธเจ้าผู้รู้เอง ใครๆ ชนะไม่ได้ ซึ่งเดินสวนทางมาตามทางกันดาร
    บนภาคพื้นอันแข็ง ร้อนจัด ครั้นเราเห็นท่านเดินสวนทางมา จึงคิด
    เนื้อความนี้ว่า บุญเขตนี้มาถึงแก่เราผู้เป็นสัตว์ที่ต้องการบุญเปรียบ
    เหมือนบุรุษชาวนาเห็นนาอันเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ (เป็นที่น่ายินดีมาก) ไม่
    ปลูกพืชลงในนานั้น เขาชื่อว่าเป็นผู้ไม่ต้องการด้วยข้าวเปลือกฉันใด
    เราก็ฉันนั้นเหมือนกัน เป็นผู้ต้องการบุญ เห็นเขตบุญอันประเสริฐ
    สุดแล้ว ถ้าไม่ทำบุญ (สักการะ) เราก็ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ต้องการบุญ
    เปรียบเหมือนอำมาตย์ต้องการจะให้ชนชาวเมืองของพระราชายินดี
    แต่ไม่ให้ทรัพย์และข้าวเปลือกแก่เขา ก็ย่อมเสื่อมจากความยินดี
    ฉันใด เราก็ฉันนั้นเหมือนกัน เป็นผู้ต้องการบุญ เห็นทักขิเณยย
    บุคคลอันไพบูลย์แล้ว ถ้าไม่ให้ทานในทักขิเณยยบุคคลนั้นก็จัก
    เสื่อมจากบุญ ครั้นเราคิดอย่างนี้แล้วจึงถอดรองเท้า ไหว้เท้าของ
    ท่านแล้ว ได้ถวายร่มและรองเท้า เพราะฉะนั้น เราจึงเป็นผู้ละเอียด
    อ่อนเจริญสุขได้ร้อยเท่าพันทวี อนึ่ง เมื่อเราบำเพ็ญทานให้บริบูรณ์
    ได้ถวายแก่ท่านนั้น อย่างนี้แล.
     
  4. ฐตธนวัฒฆ์

    ฐตธนวัฒฆ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +745
    ท่านผู้ต้องการบุญ เขตบุญเนื้อนาบุญอันไม่มีประมาณอยู่ต่อหน้าท่านทั้งหลายแล้ว จงขวนขวายในบุญอันนั้นด้วยกันเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
     
  5. Aunyasit

    Aunyasit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    1,312
    ค่าพลัง:
    +13,053
    สำหรับเรื่องของม้าแก้วมณีกาบนั้น เมื่อวานผมได้มีโอกาสปรึกษากับผู้พันฐานันดร์ผู้ที่เคยปวารณาที่จะสร้างม้าแก้วมณีกาบแล้ว เขาก็ยินดีที่จะดำเนินการให้ลุล่วง โดยรับอาสาเป็นผู้รวบรวมปัจจัยและรับผิดชอบในส่วนของม้าแก้วมณีกาบให้

    และจะดำเนินการตามแผนงานเดิมที่ให้โรงหล่อที่จะหล่อพระพุทธเจ้า 5 พระองค์เป็นผู้หล่อม้า ให้ผมตัดสินใจคัดเลือกรูปแบบของม้าบินและตรวจแบบหุ่นม้าก่อนหล่อ และจะนำม้าแก้วมณีกาบเข้าหล่อในพิธีเดียวกันกับพิธีของพระพุทธเจ้า 5 พระองค์

    ขออนุโมทนาสาธุการกับกุศลจิตของผู้พันฐานันดร์ มา ณ ที่นี้ ด้วยครับ
     
  6. mcmees

    mcmees Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2006
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +37
    หยุดเถิด พอเถอะนะ ดีกันไว้เถิด<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ก่อนอื่น ผมขอกล่าวคำว่าสวัสดีครับกับทุกๆคนในเว็บก่อนนะครับ ถ้าสิ่งใดพูดไปแล้วไม่ชอบหรืไม่เห็นด้วย ผมต้องขออภัย ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ก็อย่าได้ถือโทษโกรธกันเลยนะครับ<o:p></o:p>
    ผมเฝ้าดูมานานแล้วนะครับ กระผมรู้สึกอึกอัดใจและไม่สบายใจมากจึงอยากจะขอพูดนิดหนึ่ง คือผมอยากจะบอกกับคุณจักรมากนะครับ แต่ก่อนที่ผมจะพูดผมอยากให้คุณจักรหลับตาและสูดหายใจลึกๆสามครั้งและสงบจิตใจ วางใจเป็นกลางปล่อยวางเรื่องวุ่นวายต่างๆที่มันอยู่ในหัวลงไปนะครับ ขอให้รับฟังผมด้วยใจเป็นกลางและเปิดใจนิดหนึ่งนะครับ อย่าเพิ่งมองในแง่ร้ายผมก่อนนะ ขอให้ใจเย็นๆไว้ก่อน คือผมไม่ได้เข้ามาเพื่อต่อว่าคุณจักรนะ แต่ผมไม่เข้าใจว่าทำไมคุณจักรจึงพูดและเขียนในข้อความที่ทำให้เกิดความขัดแย้งและความสับสนกับคนในเว็บ ซึ่งก็อาจจะมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ทั้งๆที่เรื่องก็จบลงไปแล้ว ผมเข้าใจนะว่า คุณจักรต้องการความโปร่งใส และต้องการให้คณะผู้สร้างพระเจ้าห้าพระองค์ทำให้ถูกต้อง เป็นความคิดที่ดี แต่เท่าที่ผมติดตามดู คณะผู้สร้างท่านนี้ก็ชี้แจงและบอกเห็นผลของเขาทั้งหมดไปแล้ว ซึ่งคำตอบบางคำตอบอาจจะทำคุณจักรไม่พอใจ ผมก็อยากให้คุณจักรเข้าใจว่า การที่จะทำให้คุณจักรพอใจไปหมดเสียทุกอย่างเลยนั้นคงไม่ได้ เ พราะต่างความคิด ต่างสภาวะเหตุผลที่ต่างกันไปในของแต่ละคน อยากให้คุณจักรเข้าใจหน่อยนะ ส่วนผมเองน่ะเข้าใจว่าทางผู้สร้างท่านก็มีเหตุผลของเขาเอง ต่างคนก็ต่างมีเหตุผลแก่กันและกัน เดินคนละครึ่งทาง หรือไม่ก็ต่างคนต่างทำ ต่างเดินก็ได้นะครับ เพราะ ท้ายสุดแล้วทั้งคุณและเขาก็มุ่งหวังจุดประสงค์อันสูงสุดเดียวกัน ผมเชื่อว่าคณะผู้สร้างคงมีเจตนาที่ดีต่อการทำสิ่งที่ดีต่อพระพุทธศาสนาของเรา ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มาทำให้เสียเวลา หนื่อยก็เหนื่อย หรือไม่ก็โดนถูกกล่าวหาอีก มันไม่คุ้มหรอก(อันนี้เผมคิดเองนะ) ส่วนการที่คุณจักรสงสัยคณะผุ้สร้างจะมีความบริสุทธ์ใจในการสร้างพระเจ้าห้าพระองค์หรือไม่นั้น มันก็เรื่องของเขานะครับ เพราะนั่นคือความศรัทธาของเขา ซึ่งคุณจักรเองก็มีความศรัทธาของตัวคุณเองเหมือนกัน แต่คุณก็ยังไปบอกกับพี่น้องชาวเว็บในเว็บอีกว่าทำแล้วจะได้บุญมากน้อยหรือป่าวนั้น ผมคิดว่าคุณจักรไม่น่าพูดเลยนะครับ ไม่ควรไปขวาง เงินของเขา เพราะใครทำใครได้นะครับเพราะผมเชื่อว่าพี่น้องชาวเว็บคงมีวิจารณะญาณในการตัดสินใจของตัวเอง คุณจักรไม่ต้องพูดหรืออ้างหรอกนะ ว่าหวังดี เพราะ ผมเชื่อว่าคณะผู้สร้างและคุณที่ร่วมทำบุญคงรู้ตัวเองดีว่าทำอะไรอยู่ อย่าไปตัดสินใจแทนคนอื่นเลยนะครับ ทำอย่างไร ได้อย่างนั้น หรือ ใครทำ คนนั้นก็ได้ไป ผมคิดว่าท่านควรจะหยุดเถอะนะครับ ในการพูดถึงสิ่งที่ทำให้คนอื่นเขาไม่สบายใจกัน มาพูดในเรื่องอื่นหรือสิ่งที่ดีๆกันดีกว่านะครับเพื่อประโยชน์สุขแก่คนอ่านให้มีจิตใจดีงาม มีความสุขใจกันเถิด ส่วนเรื่องที่คุณจักรตั้งคำถามว่าไม่มีพระที่วัดรับแล้วจะทำบุญได้บุญหรือป่าวนั้น ในส่วนตัวผมเองไม่ทราบนะครับ สำหรับคนที่เขาศรัทธามีความยินดี ก็อย่าไปขวางเขาเลยนะครับ เพราะผมเชื่อว่าคณะผู้สร้างมีความปรารถนาดีต่อพระพุทธศาสนาแน่นอน(ดูจากที่ผ่านมา) และผมเข้าใจว่าคณะผู้สร้างคงมีความตั้งใจและศรัทธาต่อองค์หลวงปู่ทองทิพย์ฯในสร้างพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ (ร่วมทั้งคุณจักรเองด้วยนะครับ) ผมไม่เข้าใจว่าทำไมท่านคอยต้องหาเรื่องต่างๆมาพูดทำให้ผู้อ่านเกิดความเครียดและเบื่อหน่าย ซึ่งมันไม่เกิดประโยชน์เลย ผมว่ามันน่าจะดีกว่านะครับถ้าเราเลิกพูกเรื่องขัดแย้งกัน (อันนี้ผมไม่ได้มีเจตนาจะกล่าวว่านะครับ อย่าเพิ่งโกรธผมนะครับ แค่สงสัยด้วยความเคารพ)<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    <o:p> </o:p>
    ตามความเข้าใจของผมเอง คิดว่าการทำบุญใดๆก็ตามนั้น มันดีหมดน่ะครับ เพราะมันคือการสร้างคุณงามความดีให้แก่พระพุทธศาสนา เชิดชูสรรเสริญยกย่องพระพุทธศาสนา หรือ ทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา อันเป็นประโยชน์ต่อโลกและพุทธศาสนิกชน จะมากหรือน้อยนั้นไม่สำคัญ ส่วนมันจะส่งผลบุญมหาศาล อนิสงค์สูงสุดต่อผู้ทำบุญนั้น ก็ต่อเมื่อ ผู้ทำบุญนั้นมีความศรัทธาอย่างแรงกล้าในการทำบุญนั้นๆด้วยความตั้งใจจริง เจตนาบริสุทธ์ใจจริง และ มีความอิ่มเอิบ ยินดีพอใจ ที่ได้ทำ โดยไม่เสียดายหรือไม่ยึดติดในสิ่งของที่ให้ไปเลยแม้แต่น้อยนิด กลับมีแต่เกิดความชื่นปิติ มีความสุขภายในทั้งกายและใจที่ได้เสียสละให้ไปทุกๆลมหายใจของตัวเองที่ได้นึกหรือระลึกถึงขึ้นมาในจิตใจ เพราะอย่างน้อยเราได้ทำลายกิเลสของตัวเราทีละน้อยแล้ว กิเลสที่ว่านั้นก็คือความยึดมั่นถือมันในการเป็นเจ้าของสิ่งนั้นนั้นๆ(ถือว่าเป็นส่วนสำคัญ) หรือฐิทิในใจของเรานั่นเอง จริงๆแล้วบุญมันไปได้ไปไหนหรอก ไม่ต้องไปหาให้ไกลหรอก มันอยู่ข้างในเรา คือมันอยู่ในจิต มันอยู่ในใจของเราเองนั่นแหล่ะ เพียงแต่เราถูกบดบังด้วยกิเลสหนาของเราเอง ทำให้เราเกิดความโง่เขลาเบาปัญญาขึ้นมาเองโดยไม่รู้ตัว ถ้าเราเปิดใจให้กว้างและปล่อยวางความยึดมั่นถือมันต่างๆ เราก็จะมีความสุขหลุดจากทุกข์ที่เราเผชิญอยู่ เพราะฉะนั้นหมั่นทำบุญเถิด เพื่อเป็นการขจัดล้างกิเลสในใจของตัวเองเพื่อจุดหมายอันสุงสุดของพระธรรมคำสั่งสอนของพ่อเรา(คือ องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง)ขอให้เราอย่าได้ประมาทกิเลสของตัวเอง เพื่อตัวของเราเอง เพียรให้มากๆ เพราะท้ายสุดแล้วไม่มีใครช่วยเราได้เลยนอกจากตัวของเราเอง<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    เพราะเหตุผลที่ผมเข้าใจตามสติปัญญาอันน้อยนิดของผมเองนี้ สิ่งที่ผมตั้งใจเอาไว้แน่วแน่ก็คือผมอยากทำบุญ ร่วมบุญ สร้างพระเข้าห้าพระองค์ ถึงแม้นการทำบุญนี้ จะมีพระท่านใดจะรับหรือไม่นั่น จะได้บุญหรือไม่ จะสร้างสำเร็จหรือไม่ก็ตามนั้น(ตามที่ใครพูดก็ตาม) ผมไม่ได้ซีเรียส เพราะผมถือว่าผมได้ทำตามความตั้งใจและปารถนาของผมเองแล้ว ผมจะไม่รีรอหรือลังเลในการทำคุณงามความดีต่อพระศาสนา(การทำบุญ) อีกต่อไปแล้วเพราะชีวิตเรามันน้อยนิดมาก ผมทำบุญตามแรงศรัทธาของตัวเองโดยไม่เดือดร้อนตัวเองและไม่เบียดเบียนคนอื่น อีกอย่างหนึ่งสมัยนี้เป็นยุคมืด เราไม่รู้หรอกนะครับว่า พระไหนดีไม่ดี วัดไหนดี ไม่ดี อย่ามัวแต่ไปคิดให้เสียเวลาเลยนะครับ เพราะนั่นหมายถึงเราท่านกำลังประมาทอยู่นะครับ ทำบุญไปเถิดครับที่ทำได้ ทำบุญอะไรก็ได้ที่ท่านปรารถนาและตั้งใจทำ ไม่จำเป็นต้องเชื่อผมหรอกนะครับ(เพราะผมไม่ได้มาโฆษณาให้สร้างพระเจ้าห้าพระองค์นะ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร) ผมเพียงมาบอกท่านทุกๆคนไม่ประมาทในการทำความดีต่อพระศาสนาก็เท่านั้นเอง อย่าไปคิดเลยนะครับทำบุญแล้วได้อะไรบ้าง ผลจะเป็นอย่างไรบ้าง มันได้มันเอง อย่าไปยึดติดเลย ส่วนผมเองขอแค่มีความสุข สบายใจที่ได้ทำบุญตามความปรารถนาในการสร้างพระเจ้าห้าพระองค์ตามความศรัทธาของตัวเองเท่านั้นก็พอ ถ้าทำบุญแล้วท่านสบายใจ มีความสุขทั้งกายและใจ ท่านเสียสละได้โดยไม่เกิดความเสียดายในภายหลัง ท่านมีความศรัทธาที่เปี่ยมล้นที่ทำไป ถ้าท่านคิดได้อย่างนี้และทำได้ ผลบุญหรืออนิสงส์ที่ได้นั่นมันมากนะ มหาศาลที่เดียว หาอะไรเปรียบไม่ได้เลยนั่นก็ คืออย่างน้อยท่านได้ชำระล้างลิเกสในจิตใจของท่านแล้ว ถึงแม้ว่ามันไม่มาก แต่ก็ถือว่าท่านได้ตัดทิ้งซึ่งการยึดมั่นถือมั่นในตัวท่านเองได้เล็กน้อยแล้ว มันเป็นผล มันนำมาซึ่งความสุขไม่มีทุกข์ใจ ซึ่งอย่างน้อยมันก็จะเป็นปัจจัยต่อไปให้ท่านได้หลุดพ้นในที่สุด
    <o:p> </o:p>
    ปล. ผมไม่ได้พูดให้ใครทั้งสิ้น หรือไม่ได้อยู่ข้างไหนเลย ผมพูดตามความรู้สึกนึกคิดและเป็นห่วงทุกๆคนเท่านั้น
    ไม่อยากให้ต้องทะเลาะกันเลย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    สุดท้ายนี้ ผมขอประทานโทษสำหรับผู้อ่านแล้วไม่เห็นด้วยกับกระผมนะครับ หรือไม่ชอบข้อความของผม ก็ขออย่าได้ถือโทษโกรธกันเลยนะครับ เพราะผมก็พูดออกมาจากความรู้สึกจากใจและจากสติปัญญาที่ด้อยที่ได้เรียนรู้มาจากครูบาอาจารย์ของผมเองจริงๆ ไม่ได้พูดเพื่อกล่าวว่าใครนะครับ แต่ถ้าคำพูดได้ที่ล่วงเกินและทำให้ท่านผู้อ่านท่านใดเกิดความไม่สบายใจ ผมก็ต้องของประทานอภัย ไว้ด้วยนะครับ เพราะไม่ได้เจตนาเลย ขออโหสิกรรมให้ผมด้วยนะครับ ส่วนคนที่เห็นด้วยกับกระผมก็ขอให้ท่านจงตั้งใจเพียร มุมานะและสู้เอาชนะกับกิเลสตัวเองให้ได้นะครับ ผมจะเป็นกำลังใจ
    ขอขอบคุณนะครับที่ได้สละเวลาอ่าน ขอให้ท่านทุกตนทุกผู้นามที่ได้อ่านหรือไม่ได้อ่าน หรือท่านผู้ที่รับรู้ด้วยความรู้สึกก็ดี สรรพสิ่งในโลกานี้ ทั้งกล่าวมาไม่หมดก็ดี หรือไม่ได้กล่าวนามขึ้นมาก็ดีที่อยู่ใน 3 โลกก็ตามนี้ ก็ให้ท่านจงมีแต่ความสุข กาย และใจ ทุกผู้ทุกตน และขอให้เพียรหมั่นชำระกิเลศตัวเองให้หมดไปจากใจโดยเร็วและหมดสิ้นโดยสิ้นเชิง เพื่อประโยชน์อันสูงสุดของตัวเองในการไปสู่เป้าหมายแห่งหนทางการหลุดพ้นทุกผู้ทุกตนเทอญ
    <o:p> </o:p>
    จาก
    ผู้ปรารถนาให้ทุกคนสร้างความดี ยุติเรื่องขัดแย้ง<o:p></o:p>
     
  7. hyonnn

    hyonnn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +41
    เรียน คณะ ผมอยากจะไปเป็นสักขีพยาน ในวันทำสัญญาที่เพชรเกษม ๗๑ นะครับพอดีผมอยู่ไม่ไกล อยากทราบว่าต้องเข้าไปไกลใหม แล้วถ้าผมไปจะดีหรือไม่อย่างไร ดวงจะเสริม หรือจะขัดคณะหรือเปล่า ใช่โรงหล่อ (แดง) หรือไม่ อย่างไร กรุณาตอบด้วยนครับ
     
  8. ฐตธนวัฒฆ์

    ฐตธนวัฒฆ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +745
    ขอเชิญทุกท่านที่ต้องไปร่วมทำสัญญาที่เพชรเกษม 71 เข้าซอยไปประมาณ 100เมตร ครับ อยู่ด้านซ้ายมือ ประตูสีเขียว ชื่อโรงหล่อวิจิตรทัศนา ไปกันหายๆคนครับจะได้รบทราบกัน จะได้ช่วยกันครับ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งครับ
     
  9. hyonnn

    hyonnn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +41
    พี่ ต้น ถ้ารับขันธ์ไม่ใช่วันพฤหัสได้หรือไม่ อย่างไร และท่านจะชอบวันใหนเป็นพิเศษ หรือเปล่า อย่าไร ขอบคุณครับ
     
  10. hyonnn

    hyonnn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +41
    พรุ่งนี้ ผมพยามไปให้ได้
    ถ้าไม่มีอะไร
    คงได้เจอกันครับ
     
  11. hyonnn

    hyonnn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +41
    มีใครมาบ้าง ไม่ทราบวันทำสัญญา
     
  12. ฐตธนวัฒฆ์

    ฐตธนวัฒฆ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +745
    ตามจริงแล้วการรับขันธ์ทำกันวันไหนก็ได้แล้วแต่สะดวก สุนักขัตตัง สุมังคลัง ทุกวันเป็นวันดี ถ้าเราคิดดี พูดดี ทำดีแล้ว ก็ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรครับ ให้ดูเจตนาเป็นหลัก ประเพณีนิยมทำกันวันอังคาร หรือ วันพฤหัสบดีครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
  13. ฐตธนวัฒฆ์

    ฐตธนวัฒฆ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +745
    อานิสงส์ของการสร้างพระพุทธรูป<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    มีอานิสงส์ยิ่งกว่าทานใดๆแม้แต่การสร้างวิหารทานก็ยังมีอานิสงส์ไม่เท่าเพราะการสร้างพระพุทธรูปองค์หนึ่งแม้จะองค์เล็กเท่าต้นหญ้าก็ดีมีอานิสงส์มากถึงนิพพาน หากแม้นปรารถนาสมบัติพระเจ้าจักรพรรดิ สวรรค์สมบัติหรือนิพพานสมบัติก็ย่อมได้ (ผู้เขียน; ยิ่งเป็นการสร้างพระแก้วมรกต ๕ พระองค์ ถวายพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ ด้วยแล้วยิ่งมีอานิสงส์มากมายเป็นเอนกอนันต์) เพราะนอกจากเทพ พรหมเทวดาทั้งหลายจะร่วมอนุโมทนาแล้ว พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ก็ร่วมอนุโมทนาด้วย<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    หลวงปู่ครูบาชัยวงศาพัฒนาวัดพระพุทธบาทห้วยต้มได้กล่าวถึงอานิสงส์การสร้างพระพุทธรูปไว้ว่าเหมือนเป็นการสร้างธนาคารบุญบุคคลทั้งหลายที่ได้สร้างรูปพระพุทธเจ้าจะได้เสวยสมบัติสิ้นกาลนานนัก จะได้อานิสงส์ 5 กัปป์ คือถ้าเกิดเป็นมนุษย์ก็จะได้พบพระพุทธเจ้าตลอด 5 กัปป์หรือจะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่งในภายหน้าก็จะได้และเมื่อใดที่มีคนมาไหว้พระพุทธรูปที่เราสร้างนั้นเราก็จะได้อานิสงส์นั้นทุกครั้งไป<O:p</O:p

    การสร้างพระพุทธรูป<O:p</O:p

    <O:p
    การสร้างพระพุทธรูปเพื่อแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้เป็นที่เคารพสักการะแก่ปวงชนทั้งหลายนั้นมีอานิสงส์สูงมากตามตำราอานิสงส์สรรพทานของครูบาวงศ์ได้กล่าวไว้ว่า<O:p</O:p
    <O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤศจิกายน 2006
  14. ฐตธนวัฒฆ์

    ฐตธนวัฒฆ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +745
    อานิสงส์ สร้างพระพุทธรูป<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    โดย หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
    พระพุทธรูป หมายความว่าอย่างไร? หมายความว่าพระรูปของพระพุทธเจ้า การสร้างพระพุทธรูปจะมีอานิสงส์อย่างไรบ้าง? การสร้างพระพุทธรูปมีอานิสงส์มากมายหลายประการ เหลือที่จะนับจะประมาณได้ จะขอยกมาแสดงไว้ในที่นี้แต่พอเป็นตัวอย่าง หรือพอเป็นแนวทางเท่านั้นคือ<o:p></o:p>
    ๑. ผู้สร้างพระพุทธรูป ชื่อว่าได้บำเพ็ญบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ ประการคือ<o:p></o:p>
    ๑) ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการให้ทาน หมายความว่า ผู้นั้นต้องเอาพระพุทธรูปไปถวายพระสงฆ์ไว้ในวัดใดวัดหนึ่ง เพื่อให้ภิกษุสามเณรหรืออุบาสกอุบาสิกาได้กราบไหว้สักการะบูชา และก่อนที่จะได้ถวายตัวเองก็ต้องบริจาคเงินสร้างหรือเช่ามาแล้วนี้เป็นทานมัยกุศลชั้นต้น ต่อมาก็มีการเฉลิมฉลองอีก ตัวเองก็บริจาคจตุปัจจัยไทยทานถวายพระทำบุญ นี้เป็นทานมัยกุศลชั้นที่ ๒ ถึงแม้ว่าจะสร้างไปไว้ที่บ้านเพื่อสักการะบูชา ก็ต้องปฏิบัติในทำนองเดียวกันนี้ ดังนั้นผู้สร้างพระพุทธรูปจึงชื่อวาได้บำเพ็ญทานมัยกุศลไปด้วย<o:p></o:p>
    ๒) ศีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล หมายความว่า ก่อนแต่จะทำการถวายทานหรือถวายพระพุทธรูป เจ้าภาพก็ต้องสมาทานศีลเสียก่อน ศีลที่สมาทานคราวนี้เกิดขึ้นเพราะการสร้าพระพุทธรูปเป็นปัจจัย ดังนั้นผู้สร้างพระพุทธรูป จึงชื่อว่าได้บำเพ็ญศีลมัยกุศลไปด้วย<o:p></o:p>
    ๓) ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา คำว่าภาวนานั้นมีสองอย่างคือ สมถภาวนา ๑ วิปัสสนาภาวนา ๑ การได้เห็นพระพุทธรูปด้วยตาได้กราบได้ไหว้ด้วยกาย ได้เปล่งวาจาระลึกถึงพระพุทธคุณ ใจก็น้อมนึกไปตาม ว่าผู้นั้นได้เจริญพุทธานุสสติกรรมฐาน จัดเป็นสมถกรรมฐานเป็นมหากุศล ตายด้วยจิตดวงเดียว อย่างต่ำต้องมาเกิดเป็นมนุษย์ อย่างกลางสามารถไปเกิดในสวรรค์ อย่างสูงสามารถไปสู่พระนิพพานได้ ดังพระปิติมัลละเถระเป็นตัวอย่าง คือพระเถระนั้นได้กวาดลานวัดแต่เช้าตรู่ ได้เห็นพระพุทธรูปของพระพุทธเจ้า ซึ่งเทวดานฤมิตนั้นขึ้น พอท่านเห็นก็เกิดปีติแล้วยกปีติขึ้นพิจารณา เจริญวิปัสสนากรรมฐานได้บรรลุมรรคผลนิพพาน ดังนั้นผู้สร้างพระพุทธรูปจึงชื่อว่าได้บำเพ็ญภาวนากุศลไปด้วย<o:p></o:p>
    ๔) อปจายนมัย บุญสำเร็จด้วยการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อท่านผู้เจริญโดยคุณ โดยวัย โดยชาติ การไหว้พระพุทธรูป ไหว้พระสงฆ์ หรือไหว้ผู้แก่กว่า ชื่อว่าได้ประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อท่านผู้เจริญ จัดเป็นบุญกิริยาวัตถุ ดังนั้นผู้สร้างพระพุทธรูปจึงชื่อว่าได้บำเพ็ญอปจายนมัยกุศลไปด้วย<o:p></o:p>
    ๕) ไวยาวัจจมัย บุญสำเร็จด้วยการช่วยขวนขวายในกิจที่ชอบ หมายความว่า ในการสร้างพระพุทธรูปนั้น จะต้องอาศัยคนเป็นจำนวนมาก การวิ่งเต้นช่วยกันในงานหล่อพระในงานฉลองพระ เป็นต้น ถือว่าเป็นมหากุศลมีผลไม่น้อย เช่น พระเจ้าจันทปัชโชติ พระไวยาวัจจกเถระ เป็นตัวอย่างดังนี้คือ<o:p></o:p>
    ก. พระเจ้าจันทปัชโชติ ได้ช่วยนายรับบาตรพระมาใส่อาหารและนำกลับไปถวายพระ ปรารถนาเป็นพระเจ้าแผ่นดิน และปรารถนาให้มียานพาหนะดี เดินทางได้วันละหลายๆ โยชน์ และปรารถนาให้ตนมีอำนาจวาสนามาก ครั้นตายแล้วก็ได้ไปเกิดเป็นพระเจ้าแผ่นดินมีนามว่า พระเจ้าจันทปัชโชติสมความปรารถนา<o:p></o:p>
    ข. พระไวยาวัจจกเถระ ในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระนามว่าพระวิปัสสี ท่านเป็นผู้ช่วยเหลือในกิจการของวัดและได้ช่วยเหลือในงานทำบุญต่างๆ ตายจากชาตินั้นได้ไปเกิดในสวรรค์ จุติมาเกิดเป็นพระราชาได้ออกบวชเจริญวิปัสสนากรรมฐานสำเร็จเป็นพระอรหันต์ แตกฉานในปฏิสัมภิพาทั้ง ๔ ได้วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ ดังนั้นผู้สร้างพระพุทธรูปจึงชื่อว่าได้บำเพ็ญไวยาวัจจมัยกุศลไปด้วย<o:p></o:p>
    ๖) ปัตติทานมัย บุญสำเร็จด้วยการให้ส่วนบุญ หมายความว่า ผู้ที่ได้สร้างพระพุทธรูปจำเป็นอยู่เองที่จะบอกญาติสนิทมิตรสหายให้ทราบ เพื่อร่วมอนุโมทนาในการฉลองพระ การถวาย เป็นต้น นอกจากนั้นยังจะต้องอุทิศส่วนกุศลส่วนบุญให้แก่บิดามารดาปู่ย่าตายาย ท่านผู้มีพระคุณ เทพบุตร เทพธิดา เป็นต้นอีก ดังนั้นผู้สร้างพระพุทธรูปจึงชื่อว่าได้บำเพ็ญปัตติทานมัยกุศลไปด้วย<o:p></o:p>
    ๗) ปัตตานุโมทนามัย บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ หมายความว่า เมื่อผู้สร้างพระพุทธรูปได้บอกบุญแจ้งข่าวแก่ญาติมิตรแล้ว ญาติมิตรเหล่านั้นก็จะต้องพากันอนุโมทนาต้อนรับเป็นอย่างดี เมื่อผู้อื่นมาอนุโมทนาท่านเจ้าภาพก็พลอยปลื้มปีติอนุโมทนาสาธุการตอบอีก การปฏิบัติอย่างนี้ จัดเป็นมหากุศลด้วยกันทั้งสองฝ่าย ดังนั้นผู้สร้างพระพุทธรูปจึงชื่อว่าได้บำเพ็ญปัตตานุโมทนามัยกุศลไปด้วย<o:p></o:p>
    ๘) ธัมมัสวนมัย บุญสำเร็จด้วยการฟังธรรม หมายความว่า ในการสร้างพระพุทธรูปนั้น เจ้าภาพบางคนก็ได้นิมนต์พระไปสวดชะยันโต เจริญพระพุทธมนต์ แสดงธรรม และเจ้าภาพบางคนได้พิมพ์หนังสือธรรมแจกเป็นธรรมทานในงานฉลองพระ เป็นต้น การปฏิบัติเช่นนี้ ชื่อว่าได้ให้ธรรมเป็นทานด้วย ตัวเองและผู้ได้มาร่วมงานก็ได้ฟังธรรมไปด้วย ดังนั้นผู้สร้างพระพุทธรูป จึงชื่อว่าได้บำเพ็ญธัมมัสวนมัยกุศลไปด้วย<o:p></o:p>
    ๙) ธัมมเทสนามัย บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรม หมายความว่า การที่พระสงฆ์ได้มาสวดมนต์สวดชะยันโต หรือแสดงธรรมนั้น ก็เพราะเจ้าภาพเป็นผู้อาราธนามา นี้ชื่อว่าเจ้าภาพได้บุญอันสำเร็จจากการแสดงธรรมแล้ว ดังนั้นผู้สร้างพระพุทธรูป จึงชื่อว่าได้บำเพ็ญธัมมเทสนามัยกุศลไปด้วย<o:p></o:p>
    ๑๐)ทิฏฐุชุกัมม์ การทำความเห็นให้ตรง หมายความว่า กุศลนั้นมีอยู่ ๔ ชั้นคือ<o:p></o:p>
    ๑.กุศลชั้นกามาวจร ได้แก่ มหากุศลต่างๆ มีการสร้างพระพุทธรูป ถวายทาน สร้างศาลา ฟังธรรม แสดงธรรม เป็นต้น<o:p></o:p>
    ๒.กุศลชั้นรูปาวจร ได้แก่ การเจริญสมถกรรมฐาน เช่น พุทธานุสสติ เป็นต้น<o:p></o:p>
    ๓.กุศลชั้นอรูปาวจร ได้แก่ การเจริญอรูปกรรมฐาน ๔ มีอากานัญจายตนะ เป็นต้น<o:p></o:p>
    ๔.กุศลชั้นโลกุตตระ ได้แก่ การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน<o:p></o:p>
    การที่ผู้สร้างพระพุทธรูปได้เกิดศรัทธา จนถึงสละเงินออกมาสร้างพระพุทธรูปได้ และออกมาทำทานในงานฉลองพระพุทธรูปได้ ชื่อว่าเป็นผู้มีความเห็นตรงเห็นถูกแท้ เพราะเป็นบุญของตนเอง ไม่ใช่บุญของใครเลย<o:p></o:p>
    ๑.ผู้สร้างพระพุทธรูป ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาท<o:p></o:p>
    ๒.ผู้สร้างพระพุทธรูป ชื่อว่าเป็นผู้ได้เตรียมตัวก่อนตาย<o:p></o:p>
    <o:p> </o:p>
     
  15. moddang

    moddang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,464
    ค่าพลัง:
    +5,423
    ดีใจคับที่ผู้พันจำผมได้ ผ่านมาตั้งปีนึกว่าลืมไปซะแล้ว 555

    เรื่องการสร้างพระ ใครทำใคร ก้อได้ ใครอยากทำก้อทำ ไม่อยากทำก้อไม่ต้องทำ ไม่เห็นยากเลย

    ทองแท้ๆ ย่อมเป็นทองแท้
    คนดีๆ ย่อมไม่กลัวการพิสูจน์

    แอบยืมคำพูด ลป พุทธอิสระมาน่ะคับ หุหุ
     
  16. moddang

    moddang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2005
    โพสต์:
    4,464
    ค่าพลัง:
    +5,423
    อ้อ แล้วผู้พันไม่เอาแผ่นทอง แผ่นเงินไปให้ ลป พุทธอิสระ จารมาหล่อบ้างหรือครับ
     
  17. mcmees

    mcmees Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2006
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +37
    ขอให้มีความุขและอนุโมทนาบุญ สำหรับผู้ร่วมบุญสร้างพระเจ้าห้าพระองค์นะครับ สาธุ
     
  18. hyonnn

    hyonnn Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +41
    จะไปร่วม ทสัญญา แต่ไปถึงแล้ว ดวงไม่มี เลยไม่เจอ หาอยู่ตั้งนาน จำชื่อโรงลห่อผิดอีก
    ยังไงอนุโมทาด้วยครับ
     
  19. kitjang

    kitjang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2006
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +511
    คุณ moddang ครับ ทีแรกผมก็กะว่า จะเอาแผ่นจาร เอาไปให้หลวงปู่พุทธะอิสระลง ยันต์สวัสดิกะให้แล้ว แต่ผมก็มาคิดอีกที ผมก็เลยรู้ว่าตัวเองควรวางตัวอย่างไร เพราะหลวงปู่พุทธะอิสระเคยสร้างพระพุทธเจ้าสิบพระองค์มาแล้ว

    เรื่องไปให้ท่านจารนั้นคุณอัญญาสิทธิ์ควรจะเป็นคนไป หาท่านเองดีกว่า เพราะเป็นผู้จัดสร้าง ถ้าจะให้ดีเชิญท่านไปวันงานหล่อได้ ได้เลือดจากท่าน ก็จะถือว่า สำคัญมากๆ เพราะเหล่าศานุศิษย์ท่านจะไปร่วมงานท่านมาก และงานของคุณอัญญาสิทธิ์ก็จะสำเร็จผล
    (แต่ถ้าท่านแนะนำอะไร คุณอัญญาสิทธิ์ก็ต้องฟังนะบอกไว้ก่อน )
     
  20. ศิวดล

    ศิวดล Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    62
    ค่าพลัง:
    +75
    ผมมาแย้ว .....จำได้ไหมจ๊ะ..ยังไม่ตายครับๆ ยังไม่ตาย ไม่ได้ถูกระบบ 3 โลกใดๆหรือบาปกรรมไม่ดีใดๆมาจัดการครับ นน.ขึ้นหลายโลเลยอ่ะ
    แถมฝันดีทูกกกก...คืน สงสัยได้อานิสงค์ในการไม่เข้าร่วมแฮะ อิ อิ


    ขอบคุณสำหรับคุณอัญญาสิทธิ์หรือคุณคนไกลที่รักของผม ที่เตือนผม แต่ไม่ต้องหรอกนะจ๊ะ ผมไม้แก่แล้วดัดยาก ไม่ใช่เด็กหัวอ่อน สอนง่ายเหมือน.......

    ขอบคุณคุณชื่ออ่านยากที่ไปคัดพระสูตรต่างๆมาลงให้อ่านนะ จะให้ดีคุณเองก็ต้องพิจารณาให้มากๆนะ จะได้ไม่ตกนรกไวจ๊ะ

    " ถ้าท่านเองไม่มีศรัทธาหรือไม่เห็นด้วยในการร่วมสร้างพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ก็ไม่เป็นไรครับ

    ถ้าการสร้างพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ครั้งไม่มีอานิสงส์ใดๆ ขอให้การสร้างครั้งนี้จงอย่าได้สำเร็จ..."

    ศิวดลขอสาธุ ดังๆ จ๊ะ วันนี้แล้วสินะที่เซ็นสัญญากัน ก็คงห้ามยากครับ ท่านผู้ชมโบราณว่าน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง ซึ่งช่วงนี้ก็ไม่ได้ขวางมาหลายวัน จริงๆ วันนี้ก็แค่ผ่านเข้ามาดูว่าเป็นไงกันบ้าง คิดว่าหลายคนคงโกรธ และไม่เข้าใจและคิดว่าไปกระทบคนนั้นคนนี้ แต่จริงๆไม่ใช่ ไม่ต้องกลัวคนเขาจะไม่ทำบุญกับพวกคุณหรอก พวกคุณมันเคี่ยวลากดินกันทั้งนั้น ใครจะหยุดอยู่ล่ะ อิ อิ แต่ก็สงสารหลายๆคนที่ทุ่มเททั้งใจ ทั้งกาย ทั้งเงินทอง หน้าซีดหน้าเซียวกันไปตามๆกัน คนที่เข้าใจเนื้อนาบุญในที่นี้จะเหลือซักกี่คนน้า...

    ....ก็หวังว่า ทุกๆ ท่านที่มีความปรารถนาดี(แม้คนอื่นเขาจะไม่ต้องการ) ก็อย่าได้ท้อถอยนะจ๊ะ ศิวดลจะเอาใจช่วยจ๊ะ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...