เมื่อพระยามัจจุราชมาทวงชีวิตข้าพเจ้า

ท่านเริ่มเข้าใจมาได้ แล้วไงครับ ที่ท่านว่า เข้าถึงอวิชชา ความไม่รู้
ความไม่รู้ก็ต้องเข้าถึงให้มันได้ เพราะความรู้ทั้งหลายมันรู้อยู่แล้ว ถึงไม่รู้แต่ก็มีให้รู้แบบไม่รู้จบ แต่ความไม่รู้นี่สิ มีความไม่รู้เดียว รู้ความไม่รู้(ที่สุดของรู้) จะเป็นการรู้จบของรู้ทั้งมวล

และจิตที่สว่างนั้น ไม่ไช่จิตของผมหรอก มันคือรู้ของธรรมชาติ ที่มันมีอยู่เช่นนั้นเอง

 

จิตสว่างนั้นมันก็สว่างของมันอยู่
ที่รู้นั้น มันก็รู้ของมันอยู่
ที่ไม่รู้นั้น คือ สิ่งที่ไม่มีในรู้นั้น
ดังนั้น จะรู้ หรือไม่รู้ มันก็เป็นของมันอยู่อย่างนั้น ไม่มีเรามาตั้งแต่แรก ไม่เคยมีเราอยู่ในรู้ ในไม่รู้นั้นเลย
มันมีแค่รู้ กับไม่รู้ ของมัน อยู่อย่างนั้น

ไม่ได้เป็นรู้ของใคร เอาเป็นว่า ไม่รู้อะไร ก็ได้ เบากว่าเยอะ รู้ก็ได้ ไม่รู้ก็ได้

 

รู้ที่เห็น สว่างที่เห็น ไม่มีใครเอาไปได้
มันเป็น ธรรม ของกลาง ที่มีที่เป็นอยู่อย่างนั้น
ผู้รู้ทั้งหลาย ก็ไม่ได้มีใครเอามันมาเป็นเจ้าของ นั่นเพราะ พุทธะหรือผู้รู้ แค่ชื่อเรียก
แต่ความจริงแล้ว เขาแค่ รู้ ไม่มี ผู้ มารับมาแบกมาเอา สิ่งใดเลย

 

เห็นอ้างอิงไว้ แต่ยังไม่ตอบ ยังไงรบกวนอีกที หรือถ้าเป็นการรบกวนเกินไปก็ไม่เป็นไรครับ

ขอบคุณครับ

 

==============

ขณะนี้ ปฏิบัติมาถูกทางแล้วครับ ก่อนหน้านี้ โลดโผน มีออกนอกลู่บ่อยครั้ง จริตเป็นอย่างนั้น แต่เมื่อทำมาหลายๆอย่าง จิตปัญญา เกิดตกผลึก ประกอบกับมีวาสนาเก่า วิบากกรรมดีให้ผล ร่วมหนุนส่ง มีดวงตาเห็นธรรม รู้แจ้งในวิถี แห่งการชำระกิเลส ตั้งมั่นในบุญทาน ศีล ภาวนา เจริญปัญญา ต่อเนื่อง จิตก้าวหน้า รู้เห็นพระนิพพาน ที่เหลือ จึงเป็นสิ่งที่คุณเองก็ทราบอยู่แล้วในหนทางว่าต้องก้าวต่อไปอย่างไร มรรคต้องก้าวต่ออย่างไร สิ่งที่ต้องรักษาไว้คือ สติปัฏฐาน4 ที่ต้องทำให้ก้าวหน้าต่อเนื่อง มรรค8ที่ต้องทำให้สมบูรณ์ ทุกข้อ บารมีที่ต้องสร้างเพื่อหนุนส่ง จิตชำระสลัดกิเลส สำรอกออกให้หมด ครับ สาธุ

บารมีสมเด็จองค์ปฐม ท่านสมเด็จโต ท่านหลวงพ่อฤาษีจะถ่ายทอดบารมีธรรมแก่ท่านให้งอกงามไพบูลย์ ทำอะไรต้องไม่ลืมครูอาจารย์แล้วจะสำเร็จตามที่ปราถนาครับ สาธุ

 

ขอบคุณมากครับ

 

กราบครูทีเจเอสและโมทนากับครูด้วยความเคารพยิ่ง สาธุ สาธุ สาธุ

 

รบกวนคุณ tis ช่วยตอบปัญหาให้ด้วยนะคะ ขอบพระคุณมากๆค่ะ

 

เล่าสู่กันฟังเรื่อง การฝึกมโนมยิทธิ
=================

ด้วยประสพการณ์ฝึกปฏิบัติ ขอกล่าวว่า
อภิญญา เป็นผลพลอยได้จากสมาธิ

วันนี้ท่านฝึกสมาธิได้แน่วแน่มั่นคง ดีพร้อมหรือยัง

สำหรับผม มโนมยิทธิ ไม่ง่าย ตามประสพการณ์ผม เมื่อสมาธิเรามีพื้นฐานดีแล้ว อย่างน้อยๆก็ต้อง อุปจาร หรือสมาธิฌาณ1เป็นต้น
อภิญญาตัวแรกที่เกิดคือ อดีตตังคสญาณ เป็นญาณตาทิพย์ไปเห็นภาพอดีตชาติตนเอง

เมื่อทำตรงนี้ชำนาญ เห็นจนชำนาญ ก็ให้ฝึกมโนมยิทธิ ต่อ โดยการฝึกส่งกระแสจิตตนเองไป ยังสถานที่ ที่เราเห็น
แต่ของผมมันโลดโผนไปหน่อย ก่อนได้มโนมยิทธิ ก่อนส่งกระแสจิตไปได้นั้น ครูอาจารย์ให้ให้ถอดจิต ให้ได้ก่อน พอถอดจิตได้แล้ว ก็รู้ว่า อันตราย จึงเลิกทำ แล้วจึงหันมาส่งกระแสจิต ท่องไป ได้ เป็นมโนมยิทธิ นั่นเอง
สิ่งสำคัญของมโนมยิทธิ ที่กระผมประสพมาคือใหม่ๆ เมื่อเราทำได้ ส่งกระแสไปได้ก็จริง แต่การสื่อจิตกับจิตผู้อื่น เทพพรหม ละเราทำอย่างไร ทำเป็นหรือไม่ กว่าจะฝึกฝนจนเข้าใจและรู้วิธี กว่าจะทดสอบว่าจริงหรือไม่จริง ตรงนี้แหละย่อมเป็นบทพิสูจน์ อย่างหนึ่ง ขอให้มีปัญญาประกอบด้วยธรรมพิจารณาเสมอไม่ขาด

ปัญหา คือ
ฝึกอย่างไรให้เป็นขั้นเป็นตอน ไม่ข้ามขั้น จะปลอดภัยและสำเร็จ เกิดประโยชน์ได้จริงทำได้แล้ว รักษาอย่างไร ให้เป็นสัมมามโนมยิทธิ ที่ดีงาม ไม่เสื่อม เพราะในที่สุดอภิญญาทุกตัว เสื่อมลงได้เสมอ

ผมฝึกตามแบบของหลวงพ่อฤาษี และแบบเทพพรหมปู่ฤาษีท่านส่งเคราะห์แบบผสมผสาน มีหลวงปู่ทวดท่านเป็นผู้นำทาง อนึ่งคนที่จะฝึกได้ ตามขั้นตอน นอกจากมีของเก่าแล้ว ต้องอาศัยความเพียรด้วยนะครับ สมาธิต้องทำได้มากกว่าผู้อื่น ถึงขั้นเก่งในสมาธิก็ว่าได้ครับ เมื่อพื้นฐานดี อภิญญาก็จะเ้กิดปรากฏหรือฝึกฝนต่อได้ตามลำดับขั้นครับ

 

คนฝึกสมาธิจะต้องพบเจอหรือรู้เห็นอะไรแบบนั้นทุกคนไหมคะ มีไหมที่สมาธิเก่งแล้วแต่ไม่ไปไหนเลย นั่งสงบๆอยู่อย่างนั้น

 

=================

มีเหมือนกันที่สงบอย่างเดียว แต่ก็น้อยมากประมาณ1ในพันหรือในหมื่น ครับ ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่า สภาพจิตปุถุชนทั่วไป ใหม่ๆเมื่อสามารถกำหนดสมาธิรวมเป็นหนึ่งได้ สภาพนั้น จิต จะแสดงกริยา หรือทำงานต่างไปจากเดิม นิมิตร คือผลพวงจากอำนาจของสมาธิ ที่ส่งผลต่อการทำงานของจิต นิมิตรที่ปรากฏก็มีทั้งจริงและไม่จริง เมื่อใดที่วิปัสสนา ปัญญาญาณเกิดมากขึ้น นิมิตรจะเกิดน้อยลง และเมื่อปัญญาบริสุทธิ์ นิมิตรจะไปเกิด หรือหากเกิดก็เป็นสัจจริง เป็นนิมิตรของพระอรหันต์ ครับ สรุปแล้วก็ขึ้นอยู่กับกำลังสมาธิ กำลังจิต และภูมิวาสนาเดิมของเขาด้วยเป็นกำลังสนับสนุนกันครับ

 

วาสนาบารมีที่เกิดจากการทำบุญทาน ที่มีอานิสงค์มาก ประกอบด้วยแรงอธิฐานที่มีกำลังมาก ย่อมให้ผลที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่อได้รับผลบุญอันเป็นมหากุศลแล้ว การมีใช้ชีวิตเพื่อเสวยผลบุญนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญ ผู้ใดผ่านการสั่งสม ศีลและสวดมนต์ภาวนา ผ่านการอบรมจิต ยกภูมิจิตสูงได้แล้ว ย่อมเสวยผลบุญและสร้างบารมีของตนอย่างชาญฉลาด ด้วยปัญญา และจะไม่ก้าวล่วงสู่บาปกรรม ไม่ยึดติดในบุญวาสนาที่ได้รับ เพราะมีปัญญาในธรรม ที่สูงมากพอ เหนือกิเลสครอบงำ ย่อมเสวยผลบุญอย่างธรรมดาปกติสุข


เช่นนี้แล้วเราจะพบว่า คนรวยบางคนที่รวยมาก มีอำนาจวาสนามาก นั่นเพราะอาศัยบุญทาน เก่าที่มีกำลังมากที่ตนกระทำไว้ และอธิฐานไว้ แต่ทว่าบุคคลผู้มั่งมีรำ่รวยเงินทอง อำนาจ กลับ ใช้ชีวิตไม่เป็น กลับเห็นผิดเป็นชอบ ลุ่มหลงในเงินทองและอำนาจ สร้างบาปกรรม ที่ร้ายกาจต่อเพื่อนมนุษย์ ที่เป็นอย่างนี้ เพราะเขาเหล่านั้น ไม่ได้สั่งสมบารมี ที่เรียกว่า ศีลบารมีและ ภาวนาบารมี ที่เป็นการชำระจิต ยกจิตให้มีธรรม มีปัญญาเหนืออำนาจแห่งกิเลส นั่นเอง

ไม่ใช่เฉพาะการมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วเป็นเช่นนี้

แม้ผู้ที่ไปเกิดในสวรรค์ชั้นสูงๆ เพราะอาศัยแค่กำลังของบุญทาน แต่ขาดซึงศีลและภาวนาบารมี เขาเหล่านั้นแม้จะได้เสวยทิพย์สมบัติสวรรค์ชั้นสูงก็จริง แต่เพราะจิตยังหยาบ เมื่อไปอยู่ร่วมกับเทพพรหมชั้นสูง ก็ไม่สามารถเข้าใจหรือปรับสภาพจิตให้เสมอเหมือนกับเขาได้ ก็อยู่อย่างไม่มีความสุข ไม่นานก็จักต้องเปลี่ยนอัตภาพภพภูมิของตนใหม่ เพราะจิตของตนที่ยังหยาบเป็นเครื่องฉุดรั้ง ให้ตกลงไปนั่นเอง

การรักษาศีล การภาวนา จึงเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ที่เป็นส่วนสำคัญในการยกภูมิจิต ภูมิธรรมให้สูงขึ้นนั่นเองครับ สาธุ

 

ถ้า โลภะ โทสะ โมหะ ของเธอเหล่านั้นยังมีมาก เธอก็ไม่สามารถเข้าใจหรือสามารถเป็นสหายมิกธรรมกับเทพพรหมชั้นสูงได้ การทำลายโลภะ โทสะ โมหะ ด้วยบุญทาน จึงมีกำลังน้อย หากแต่จะต้องอาศัยกำลังจากศีลบารมีและภาวนาบารมีเท่านนั้นจึงจะทำให้ โลภะ โทสะ โมหะ อ่อนกำลังลงและดับได้ในที่สุดครับ

 

สาธุค่ะ คุณก้องอธิบายได้ลึกซึ้ง เข้าใจง่าย จิตสงสัยติดขัดเรื่องนี้อยู่พอดี. สาธุค่ะ

 

ท่าน ทีเจเอส เมื่อคืนเหมือนผมจะฝันนิมิตรดีอีกแล้วนะ
ผมฝันว่า ได้ปีนอยู่บนต้นไม้สูงใหญ่ มากๆ อยู่กับภรรยาสองคน ต่อมาเหมือน ภรรยาผมจะร้องเพลงอะไรไม่รู้ รู้สึกเพราะมาก และมีเสียงประสานกับลูกสาวอีกสองคนร้องพร้อมกัน เพราะมาก แบบว่า เนื้อเพลงที่ร้องนั้น มันปรากฏขึ้นเป็นตัวหนังสือ ที่หน้าผาของภูเขา และ ตามผนังตึกตามรายทางที่ขึ้นเขานั้นด้วย

ผมรู้สึกตัวขึ้นมา ผมยังจำทำนองที่ร้องนั้นอยู่เลย ผมเลยรีบจดเนื้อร้องนั้นเอาไว้ในโทรศัพท์ จำได้แค่ท่อนซ้ำ ว่า ฉันนักเว่อ ดูสิดูสิดูสิ ฉันนักเว่อ มากมายนักที่รักเธอ ฉันนักเว่อ ดูสิดูสิดูสิ ฉันนักเว่อ แต่พอตื่นเช้ามา ดันจำทำนองไม่ได้แล้ว รู้งี้ ร้องอัดเสียงเอาไว้ซะก็ดี ดันคิดไม่ทัน

แต่ทำนองที่ร้องมันเพราะนะ แต่ตอนนี้ลืมละ ท่านทำนายฝันอีกหน่อยนะครับ อย่าพึ่งเบื่อนะครับ

 

===============

ต้องขออภัย ด้วยครับ ฝันในลักษณะเช่นนี้ ไม่สามารถทำนายได้เพราะ ความฝัน เป็นลักษณะที่เกิดจาก การทำงานของสมอง ไม่ใช่ของจิตครับ

แต่หากจะทำนาย ก็ทำนายว่าสมองนั้นถ่ายทอดอะไรออกมา ซึ่งหมายความว่า สมองที่นึกคิด หรือ เจตสิกอาการของจิต ที่ถ่ายทอด ถึงเรื่องราวสิ่งหนึ่ง ที่เป็นจริตเดิม ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด แห่งหนใด สภาวะใด ถ่ายทอดให้ทราบว่า ตนเป็นผู้รักความเรียบง่าย สบายๆ แม้การแสดงออกอาจจะดูมากไป ผิดเพี้ยนไป แต่การแสดงออกหรือทำไป ก็ไม่ได้มีอะไร ที่พิเศษ หากแต่เป็นความธรรมดา ตามอุปนิสัยเดิมๆที่ฉันมี ก็เท่านั้นครับ

การทำนายฝัน จัดได้ว่า บางครั้งทำนายได้ยาก เพราะเหตุปัจจัยจากการฝัน มีหลายเหตุปัจจัย จริงบ้างไม่จริงบ้าง ที่จริง หมายถึง จิตทำงานของมันจริง ด้วยกำลังที่บริสุทธิ์ หรือมีเทพพรหมอำนวยสื่อให้เห็นฝันจริง หรือหากไม่จริง ย่อมเกิดจากเหตุคือ เป็นการทำงานของสมองที่ปรุงแต่ง หรือเกิดจากเจตสิกปรุงแต่ง ซึ่งเกิดได้และมีความไม่จริงสูง คือเกิดนั้นเกิดจริง แต่ความจริงในสิ่งที่เกิดนั้นมีความไม่จริงสูง อย่างไรก็ตามการทำนายฝันก็เป็นสิ่งที่พึ่งฟังไว้เพื่อทราบ เพื่อเสริมความคิด ในแง่การดำรงชีวิตในทางที่ดีงาม เป็นฝ่ายสัมมาทิฏฐิ เพื่อการแก้ไขเหตุ ที่ไม่ดีให้ดีเพื่อผลที่ดีในปัจจุบันและอนาคตนั่นเองครับ

 

เรียนคุณก้อง

ขวัญส่งข้อความไปถามทาง PM เกี่ยวกับเรื่องนั่งสมาธิ และเรื่องการคลอดบุตรคฯที่สองนะคะ ติดขัดเรื่องนั่งสมาธิน่ะค่ะ รุ้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยไปถึงไหนเลย

ขอบคุณค่ะ

 

==============

เรื่องสมาธิ ตอบให้แล้วนะครับ

เรื่องการคลอดบุตร มีข้อจำกัดหลายอย่างในการเลือกวันที่ดีให้กับบุตร ปีมะเมีย ตรงกับเลข7 เป็นตัวบังคับ

ส่วน เดือนนี้คือเดือน 9 สำหรับสัปดาห์นี้คือถึงวันอาทิตย์ วันดีไม่มี ส่วน วันดีจะตรงกับวันอาทิตย์ที่24 สค แรม14 ค่ำ เดือน 9 ปีมะเมีย รวมแล้วตกเศษ8 ครับ

แต่เขาจะมีสุขภาพไม่ดีนัก และไม่ค่อยถูกชะตากับคุณนัก แต่วาสนาการเงิน ดีมาก วาสนาอื่นๆดีพอสมควร เขาจะอายุยืน จะมีเสน่ห์มาก ชีวิตเขา ต้องมีครูอาจารย์พระอริยะ มีเทพพรหม ให้ปฏิบัติธรรมแล้วจะก้าวหน้าดีมากครับ

สรุปคือ วันอาทิตย์ ที่24นี้ครับ ส่วนวันอื่นๆไม่ดีเท่าที่ควรครับ
============

เลขของเขาจะเป็นเลขเดียวกับของผม แต่ที่ต่างกันคือ ของผมเศษ5 จะลำบากตั้งแต่เกิด แต่เขาถ้าคลอดวันอาทิตย์ที่24นี้ เศษเขาคือเลข8 จะดีกว่าของผมมาก เพราะจะไม่ลำบากตั้งแต่เกิด แต่ดวงชะตาชีวิตจะเหมือนกัน หรือคล้ายกัน ส่วนเรื่องสุขภาพจะเป็นๆหายๆ แต่เพราะผมไม่ฆ่าสัตว์ตลอดชีวิต ไม่ทำบาป และปล่อยปลาให้ทานชีวิตสัตว์บ่อยๆ สุขภาพจะไม่เป็นอะไรมาก ในที่สุดจะอายุยืนครับ และด้วยเลขเศษ8 จะมีครูอาจารย์ ทั้ง จีน ไทย เทพ ครบครับ แต่ว่าวาสนาของเด็กคนนี้จะได้เกิดวันอาทิตย์หรือเปล่า นี่สิตอบยาก ให้อธิฐานดูนะครับ

 

================

คนเกิดวันอาทิตย์ ต้องเป็นนักบุญเพราะทำคุณคนไม่ขึ้น ต้องเป็นนักเสียสละและอดทน ด้านหน้าที่การงาน เขาจะได้เป็นนายคนแน่นอน เขาจะเป็นคนใจกว้าง ติดดิน เป็นคนดีคนหนึ่ง ลองปรึกษาคุณหมอดูครับ หากกำหนดวันได้ ขอให้เลือกวันอาทิตย์ที่24นี้ ให้เลือกเวลา ก่อน8.25หรือหากไม่ทันให้เลือกเวลา 13.30-15.30 ครับ

 

คุณก้องคะ ขอบคุณสำหรับคำตอบมากค่ะ ขอผลบุญที่บังเกิดจากการที่คุณก้องช่วยตอบคำถามคลายความทุกข์ใจให้กับดิฉันในครั้งนี้ จงบันดาลให้คุณก้องประสบความสำเร็จในทางธรรม ปราศจากอุปสรรคทั้งปวง ด้วยเทอญ ขอบคุณมากๆค่ะ