เพียง๙๙บาทร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม ถวายวัดถ้ำพระ แม่ฮ่องสอน

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 23 ธันวาคม 2013.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    พุทธโอวาท ก่อนปรินิพพาน เรื่องความไม่ประมาท
    [​IMG]

    สัตว์ทั้งปวง ทั้งที่เป็นคนหนุ่ม คนแก่
    ทั้งที่เป็นคนพาลและบัณฑิต
    ทั้งที่มั่งมี และ ยากจน
    ล้วนแต่มีความตายเป็นที่ไปถึง ในเบื้องหน้า.
    เปรียบเหมือนภาชนะดินที่ช่างหม้อปั้นแล้ว
    ทั้งเล็กและใหญ่ ทั้งที่สุกแล้ว และยังดิบ
    ล้วนแต่มีการแตกทำลายเป็นที่สุด ฉันใด
    ชีวิตแห่งสัตว์ทั้งหลายก็มีความตายเป็นเบื้องหน้าฉันนั้น
    วัยของเรา แก่หง่อมแล้ว ชีวิตของเราริบหรี่แล้ว
    เราจักละพวกเธอไป
    สรณะของตัวเองเราได้ทำไว้แล้ว
    ภิกษุ ท. ! พวกเธอจงเป็นผู้ไม่ประมาท
    มีสติ มีศีลเป็นอย่างดี
    มีความดำริอันตั้งไว้แล้วด้วยดี
    ตามรักษาซึ่งจิตของตนเถิด
    ในธรรมวินัยนี้ ภิกษุใดเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
    จักละชาติสงสาร ทำที่สุดแห่งทุกข์ได้.
    มหา. ที. ๑๐/๑๔๑/๑๐๘

    - See more at: พระพุทธศาสนาเริ่มต้น | พุทธคุณ
     
  2. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    เหตุแห่งความสุขที่แท้จริง
    ผู้ทำดีย่อมได้ดี ผู้ทำชั่วย่อมได้ชั่ว (สมเด็จพระญาณสังวร)
    [​IMG]
    ๏ สิ่งปรารถนาของมนุษย์

    อันความสุขย่อมเป็นที่ปรารถนาของคนทุกๆ คน และทุกๆ คนย่อมเคยประสบความสุขมาแล้ว ความสุขเป็นอย่างไร จึงเป็นที่รู้จักกันอยู่ ในเวลาที่กายและจิตใจอิ่มเอิบ สมบูรณ์ สบาย ก็กล่าวกันว่าเป็นสุข ความสุขจึงเกิดขึ้นที่กายและใจนี่เอง

    ๏ ความสุขทางร่างกาย

    สำหรับกายนั้น เพียงให้เครื่องอุปโภคบริโภคพอให้เป็นไปได้ก็นับว่าสบาย แม้กายสบายดังกล่าวมานี้ ถ้าจิตไม่สบาย กายก็พลอยซูบซีดเศร้าหมองด้วย

    ส่วนกายเมื่อไม่สบายด้วยความเจ็บป่วย หรือด้วยความคับแค้นอย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าจิตยังร่าเริงสบายอยู่ ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นทุกข์เป็นร้อนเท่าใดนัก และความไม่สบายของกายก็อาจบรรเทาไปได้ เพราะเหตุนี้ความสุขจิตสุขใจนั่นแลเป็นสำคัญ

    ๏ ความสุขทางจิตใจ

    อันความสุขทางจิตใจนี้ คิดๆ ดูก็เห็นว่าหาได้ไม่ยากอีก เพราะความสุขอยู่ที่จิตใจของตนเอง จักต้องการให้จิตเป็นสุขเมื่อใดก็น่าจะได้ ใครๆ เมื่อคิดดูก็จักตองยอมรับว่าน่าคิดเห็นอย่างนั้น แต่ก็ต้องยอมจนอีกว่า สามัญชนทำไม่ได้เสมอไป เพราะยังต้องการเครื่องอุปกรณ์แห่งความสุข มีเงินทอง เครื่องอุปโภคบริโภค เป็นต้น

    ถ้าเครื่องอุปกรณ์แห่งความสุขขาดไป หรือมีไม่เพียงพอ ก็ทำให้เป็นสุขมิได้ นี้เรียกว่ายังต้องปล่อยใจให้เป็นไปตามเหตุการณ์อยู่ ข้อนี้เป็นความจริง เพราะเหตุฉะนี้ ในที่นี้จึงประสงค์ความสุขที่มีเครื่องแวดล้อม หรือที่เรียกว่า “สุขสมบัติ” อันเป็นความสุขขั้นสามัญชนทั่วไป

    ๏ ความสุขอยู่ที่ไหน ?

    คิดดูเผินๆ ความสุขนี้น่าจักหาได้ไม่ยาก เพราะในโลกนี้มีเครื่องอุปกรณ์แห่งความสุขแวดล้อมอยู่โดยมาก หากสังเกตดูชีวิตของคนโดยมากที่กำลังดำเนินไปอยู่ จักรู้สึกว่าตรงกันข้ามกับที่คิดคาด ทั้งนี้มิใช่เพราะเครื่องแวดล้อมอุดหนุนความสุขในโลกนี้มีน้อยจนไม่เพียงพอ แต่เป็นเพราะผู้ขาดแคลนความสุขสมบัติไม่ทำเหตุอันเป็นศรีแห่งสุขสมบัติ จึงไม่ได้สุขสมบัติเป็นกรรมสิทธิ์ ส่วนผู้ที่ทำเหตุแห่งสุขสมบัติ ย่อมได้สุขสมบัติมาเป็นกรรมสิทธิ์ เพราะเหตุนี้ ผู้ปรารถนาสุขจึงสมควรจับเหตุให้ได้ก่อนว่า อะไรเป็นเหตุของความสุข และอะไรเป็นเหตุของความทุกข์

    ๏ เหตุแห่งความสุข และเหตุแห่งความทุกข์

    บางคนอาจเห็นว่า เหตุของความสุขความทุกข์อยู่ภายนอก คือสุขเกิดจากสิ่งภายนอก มีเงินทอง ยศ ชื่อเสียง บ้านที่สวยงาม เป็นต้น ส่วนความทุกข์ก็เกิดจากสิ่งภายนอกนั้นเหมือนกัน บางคนอาจเห็นว่าความสุขความทุกข์เกิดจากเหตุภายใน

    ๏ เงื่อนไขของความสุข

    สิ่งภายนอกโดยมากถ้าเป็นส่วนที่ดี มีเงินทอง ยศชื่อเสียง เป็นต้น ก็เป็นที่ปรารถนาตรงกันของคนเป็นอันมาก จึงต้องมีการแสวงหาแข่งขั้นกันโดยทางใดทางหนึ่ง เมื่อได้มาก็ให้เกิดความสุขเพราะสมปรารถนาบ้าง เพราะนำไปเลี้ยงชีพตน และผู้อื่นให้อิ่มหนำสำราญบ้าง สิ่งภายนอกย่อมอุดหนุนความสุขฉะนี้

    แต่สิ่งภายนอกเป็นของไม่ยั่งยืน แปรเปลี่ยนอยู่เสมอ ความสุขที่เกี่ยวเกาะติดอยู่ก็ต้องแปรเปลี่ยนไป ความทุกข์จึงปรากฏขึ้นติดๆ กันไปทีเดียว ความสุขเช่นนี้เป็นความสุขที่ลอยไปลอยมา หรือเรียกว่าเป็นความสุขลูกโป่ง และในความแสวงหา ถ้าไม่ได้หรือได้สิ่งที่ไม่ชอบก็ให้เกิดความทุกข์ เพราะไม่สมปรารถนา
     
  3. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
  4. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
  5. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    [​IMG]
    สัตว์ทั้งปวง ทั้งที่เป็นคนหนุ่ม คนแก่
    ทั้งที่เป็นคนพาลและบัณฑิต
    ทั้งที่มั่งมี และ ยากจน
    ล้วนแต่มีความตายเป็นที่ไปถึง ในเบื้องหน้า.
    เปรียบเหมือนภาชนะดินที่ช่างหม้อปั้นแล้ว
    ทั้งเล็กและใหญ่ ทั้งที่สุกแล้ว และยังดิบ
    ล้วนแต่มีการแตกทำลายเป็นที่สุด ฉันใด
    ชีวิตแห่งสัตว์ทั้งหลายก็มีความตายเป็นเบื้องหน้าฉันนั้น
    วัยของเรา แก่หง่อมแล้ว ชีวิตของเราริบหรี่แล้ว
    เราจักละพวกเธอไป
    สรณะของตัวเองเราได้ทำไว้แล้ว
    ภิกษุ ท. ! พวกเธอจงเป็นผู้ไม่ประมาท
    มีสติ มีศีลเป็นอย่างดี
    มีความดำริอันตั้งไว้แล้วด้วยดี
    ตามรักษาซึ่งจิตของตนเถิด
    ในธรรมวินัยนี้ ภิกษุใดเป็นผู้ไม่ประมาทแล้ว
    จักละชาติสงสาร ทำที่สุดแห่งทุกข์ได้.
    มหา. ที. ๑๐/๑๔๑/๑๐๘.
     
  6. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    ปาฏิหาริย์พระพุทธมนต์ อุณหิสวิชัย
    [​IMG]
    เนื่องจากผมมีอาการไซนัสกำเริบมาอาทิตย์กว่าๆแล้วยังปวดโพรงจมูกอยู่เลยก็พยามกินยารักษาตัวไปเรื่อยๆ ขนาดวันเสาณือาทิตย์ที่ไปคุยงานกับญี่ปุ่นก็ต้องสั่งน้ำมูกหลายรอบจนเพื่อนบีของผมเหนื่อยแทน พอดีวันนี้ลงรถแท๊กซี่ ก้ทำยาร๊อกซี่ ที่ทานประจำหาย เลยเดินไปซื้อยา เภสัชก็บอกว่าร๊อกซี่ไม่มี มีแต่ยาที่ดีแรงกว่าร๊อกซี่เอาอาการไซนัสไม่อยู่ แกก็จัดให้ ปรากฎพอกินเข้าตาเริ่มปิด ลำตัวเริ่มมีผื่นแดงทั้งตัว ใจเริ่มสั่นๆๆๆ พอดีนึกถึงคำสอนของหลวงพ่อพ่อบิดาแท้ๆของผมขึ้นมาได้ว่า พระพุทธคาถาอุณหิสวิชัยนั้นสามารถทีจะเจริญบริกรรมพระคาถาเอาจิตยึดถึงองค์พระบรมไตรโลกนาถสมเด็จพระพุทธเจ้าได้ อาการป่วยจักทุเลา จึงขอขวดน้ำและนำมาสวดภาวนาพระคาถาอุณหิสวิชัยแล้วดื่มเข้าไปน้องสาวขับรถมารับไปโรงพยาบาลก้จะสวดภาวนาอุณหิสวิชัยตลอดทางพอถึงโรงพยาบาลรู้สึกเหงื่อออก ตาที่ปิดก้สามารถเปิดเองได้ใจเริ่มหยุดสั่น จึงลงเดินไปแจ้งชื่อที่เวชระเบียนแล่วพอเข้าไปก้นอนรอประมาณ๑๕นาทีอาการต่างๆก็หายไปผื่นหายจนเกือบหมดร่างกายปกติหมอมาวัดไข้ มาตรวจหัวใจปกติอาการที่แพ้ไม่แสดงออก หมอเลยบอกว่าอาการคนไข้ดีขึ้นแล้วแต่ขอฉีดยาแก้แพ้นะคะ ผมพยักหน้าตอบและพอดีเภสัชมาตรวจสอบอาการแพ้ เภสัชก็บอกว่าแพ้ยาแต่พี่ไม่แสดงออกเลยนะครับเลยบอกก่อนมาแขนขึ้นเป็นปื้นๆๆเภสัชขอดูรอยแพ้ปรากฎว่าจางไปมากๆจนแทบมองไม่เห็นเลยพอทราวว่าแพ้tinidazoleเภสัชก็ตกใจเพราะเคสที่โรงพยาบาลเคยแพ้จะมีการมากถึงอาเจียนเป็นโลหิตและตาพร่ามัว เภสัชก็บอกว่าพี่โชคดีมากครับแค่คันและอาการมันหายได้เองก่อนฉีดยาด้วยซ้ำพร้อมเตือนเรื่องซื้อยากินเองและออกใบเตือนยามาให้ จากเหตุการณ์นี้ผมเชื่อว่าเป็นเพราะ การภาวนาถึงอุณหิสวิชัยคาถาซึ่งเป็นพระคาถายึดเอาคุณของพระพุทธเจ้าผุ้เป็นที่พึ่งของเหล่าสัตว์ทรงเป็นผุ้มีมหากรุณา แด่สัตว์ทั้งปวงจึงขอนำเรื่องเล่านี้มาลงเตือนใจให้สำรวมยึดเอาพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ ดั่งคำที่ว่า พุทธังสรณังคัจฉามิ ข้าพเจ้าขอยึดถือพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งที่ระลึกกำจัดภัยได้จริง ไว้ตรงนี้ครับ เดี๋ยวอาการดีขึ้นจะพิมพ์พระคาถาอุณหิสวิชัยของเดิมฉบับเต็ม(ต้นฉบับใบลานของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี)มาแจกแด่ทุกท่านครับ
    ตัวพระคาถาฉบับทั่วไป
    อุณหิสสะวิชะยะคาถา
    อัตถิ อุณ์หิสสะ วิชะโย ธัมโม โลเก อะนุตตะโร
    สัพพะสัตตะหิตัตถายะ ตัง ต์วัง คัณหาหิ เทวะเต
    ปะริวัชเช ราชะทัณเฑ อะมะนุสเสหิ ปาวะเก
    พะยัคเฆ นาเค วิเส ภูเต อะกาละมะระเณนะ วา
    สัพพัส์มา มะระณา มุตโต.... ฐะเปต์วา กาละมาริตัง
    ตัสเสวะ อานุภาเวนะ โหตุ เทโว สุขี สะทา
    สุทธะสีลัง สะมาทายะ ธัมมัง สุจะริตัง จะเร
    ตัสเสวะ อานุภาเวนะ โหตุ เทโว สุขี สะทา
    ลิกขิตัง จินติตัง ปูชัง ธาระณัง วาจะนัง คะรุง
    ปะเรสัง เทสะนัง สุต์วา .... ตัสสะ อายุ ปะวัฑฒะตีติ


    เรื่องการยืดอายุการตายออกไป พระพุทธองค์ทรงประทานพระคาถาให้เทวดาองค์หนึ่ง ชื่อ “เทพสุปฏิตะ” ซึ่งตระหนักถึงเวลาต้องจุติลงมาเกิดในโลกมนุษย์ แต่ไม่อยากลงมาใคร่อยู่ในเทวโลกต่อ
    และกราบทูลขอต่อพระพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ก็ทรงเมตตาประทานพระคาถายืดอายุ ให้เทพองค์นั้นจึงมี ชีวิตยืนยาวอยู่ในเทวโลก
    พระคาถานี้ท่านระบุว่า ถ้าผู้ใดสวดเป็นประจำทุกคืน นอกจากจะยืดอายุให้ยืนยาวกว่าปกติ ยัง จะแคล้วคลาดจากภัยพิบัติทั้งหลายทั้งปวง และเป็นพระคาถาที่ใช้สวดในพระราชพิธีสำคัญต่างๆ มาแต่
    โบราณจนปัจจุบัน

    คาถาอุณหิสวิชัยแปล
    พระธรรมอันชื่อว่า อุณหิสวิชัยมีอยู่ เป็นธรรมอันยอดเยี่ยมในโลก ดูก่อนเทวดา ท่านจงเรียนอุณหิสวิชัยธรรมนั้น เพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่สรรพสัตว์ พึงหลีกเว้นเสียได้ ซึ่งราชทัณฑ์ อมนุษย์ทั้งหลาย เพลิงไฟ เหล่าเสือ นาค สัตว์มีพิษร้าย รอดพ้นจากอกาลมรณะ (ความตายในเมื่อยังไม่ถึงเวลาอันสมควร)
    จากความตายทุกอย่าง ทุกประการ เว้นแต่กาลมรณะ (ความตายในเมื่อถึงกาลอันสมควร)
    ด้วยอานุภาพแห่งอุณหิสวิชัยธรรมนนั้น ขอเทพเจ้าจงเป็นผู้มีความสุขทุกเมื่อ (พระธรรมนี้) เอามาเขียนก็ดี นึกคิดก็ดี บูชาก็ดี ทรงจำก็ดี บอกกล่าวเคารพก็ดี ฟังที่ท่านแสดงแก่ผู้อื่นก็ดี จะทำให้มีอายุจำเริญแล.

     
  7. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    การวางจิตเมื่อถูกกล่าวหา

    [​IMG]
    ภิกษุ ท. ! ทางแห่งถ้อยคำที่บุคคลอื่นจะพึงกล่าวหาเธอ ๕ อย่าง เหล่านี้ มีอยู่ คือ
    ๑. กล่าวโดยกาลหรือโดยมิใช่กาล
    ๒. กล่าวโดยเรื่องจริงหรือโดยเรื่องไม่จริง
    ๓. กล่าวโดยอ่อนหวานหรือโดยหยาบคาย
    ๔. กล่าวด้วยเรื่องมีประโยชน์หรือไม่มีประโยชน์
    ๕. กล่าวด้วยมีจิตเมตตาหรือมิโทสะในภายใน

    ภิกษุ ท. ! เมื่อเขากล่าวอยู่อย่างนั้น ในกรณีนั้น ๆ เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ว่า“จิตของเรา จัก
    ไม่แปรปรวน, เราจักไม่กล่าววาจาอันเป็นบาป เราจักเป็นผู้มีจิตเอ็นดูเกื้อกูลมีจิตประกอบ และจักมีจิตสหรคตด้วย เมตตา อันเป็นจิตไพบูลย์ ใหญ่หลวง ไม่มีประมาณ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท แผ่ไปสู่โลกถึงที่สุดทุกทิศทาง มีบุคคลนั้นเป็นอารมณ์ แล้วแลอยู่” ดังนี้.

    ภิกษุ ท.! เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้แล
    ภิกษุ ท. ! ถ้าโจรผู้คอยช่อง พึงเลื่อยอวัยวะน้อยใหญ่ของใครด้วยเลื่อยมีด้ามสองข้าง ผู้ใดมีใจ
    ประทุษร้ายในโจรนั้น ผู้นั้นชื่อว่าไม่ทำตามคำสอนของเรา เพราะเหตุที่มีใจประทุษร้ายต่อโจรนั้น

    ภิกษุ ท. ! ในกรณีนั้น เธอพึงทำการสำเหนียกอย่างนี้ว่า “จิตของเราจักไม่แปรปรวน เราจักไม่กล่าว
    วาจาอันเป็นบาป เราจักเป็นผู้มีจิตเอ็นดูเกื้อกูล มีจิตประกอบดว้ ยเมตตาไม่มีโทสะ ในภายในอยู ่ ด้วยเมตตา ไม่มี
    โทสะในภายใน อยู่ , จักมีจิตสหรคตด้วยเมตตาแผ่ไปยังบุคคลนั้น อยู่ และ จักมีจิตสหรคตด้วยเมตตา อันเป็นจิต ไพบูลย์ ใหญ่หลวง ไม่มีประมาณ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท แผ่ไปสู่โลกถึงที่สุดทุกทิศทาง มีบุคคลนั้นเป็นอารมณ์ แล้วแลอยู่” ดั้งนี้.

    ภิกษุ ท.! เธอพึงทำการ สำเนียกอย่างนี้ ภิกษุ ท. ! เธอพึงกระทำในใจถึงโอวาทอัน
    เปรียบด้วยเลื่อยนี้ อยู่เนืองๆ เถิด

    ภิกษุ ท! เมื่อเธอทำในใจถึงโอวาทนั้นอยู่ เธอจะได้เห็นทางแห่งการกล่าวหาเล็กหรือใหญ่ที่เธออดกลั้น
    ไม่ได้ อยู่อีกหรือ ?
    “ข้อนั้นหามิได้พระเจ้าข้า”

    ภิกษุ ท. ! เพราะเหตุนั้นในเรื่องนี้ พวกเธอทั้งหลายจงกระทำในใจถึงโอวาทอันเปรียบด้วยเลื่อยนี้อยู่
    เป็นประจำเถิด นั่นจักเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่เธอ ทั้งหลายตลอดกาลนาน

    - มู.ม. ๑๒/๒๕๕-๒๘๐/๒๖๗-๒๗๓
     
  8. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
  9. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440

    คาถาอุณหิสวิชัย(ของเก่า)ได้จากสมุดสมเด็จของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี
    [​IMG]
    อัตถิ อุณหิสสะ วิชะโย ธัมโม โลเก อะนุตตะโร
    สัพพะ สัตตะ หิตัตถายะ ตัง ตัตวัง คัณหาหิ เทวะเต
    ปะริวัชเช ราชะทัณเฑ อะมะนุสเสหิ ปาวะเก
    พะยัคเฆ นาเค วิเส ภูเต อะกาละมะระเณนะ วา
    สัพพัสสะมา มะระณา มุตโต ฐะเปตะวา กาละมาริตัง
    ตัสเสวะ อานุภาเวนะ โหตุ เทโว สุขี สะทา
    สุทธะสีลัง สะมาทายะ ธัมมัง สุจะริตัง จะเร
    ตัสเสวะ อานุภาเวนะ โหตุ เทโว สุขี สะทา
    ลิกขิตัง จินติตัง ปูชัง ธาระณัง วาจะนังคะรุง
    ปะเรสัง เทสะนัง สุตตะวา ตัสสะ อายุ ปะวัฑฒะ ตีติฯ
    สักกัตวา พุทธะรัตตะนัง โอสะถัง อุตตะมังวะรัง
    หิตัง เทวะมะนุสสานัง พุทธะเตเชนะ โสตถินา
    นัสสันตุ ปัททะวา สัพเพ ทุกขา วูปะสะเมนตุ เมฯ
    สักกัตวา ธัมมะรัตตะนัง โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง
    ปะริฬาหูปะสะมะนัง ธัมมะเตเชนะ โสตถินา
    นัสสันตุ ปัททะวา สัพเพ ภะยา วูปะสะเมนตุ เมฯ
    สักกัตวา สังฆะรัตตะนัง โอสะถัง อุตตะมังวะรัง
    อาหุเนยยัง ปาหุเนยยัง สังฆะเตเชนะ โสตถินา
    นัสสันตุ ปัททะวา สัพเพ โรคา วูปะสะเมนตุ เมฯ
    เภสัชชัง เทวะมะนุสสานัง กฎกัง ติตติการะสัง
    อัมพิลัง ละวะณัญเจวะ สัพพะพะยาธิง วินัสสะติ
    เอกัทวิติทินัง วาปิ ปัญจะสัตตะทินัง ตะภา
    ยาวะ ทุกขา นัสเมนติ ชีวะทานัง กะโรตุ เต
    ชีวะทานัง ทะทันตัสสะ อายุ วัณณัง สุขัง พะลัง
    ชีวะทานานุภาเวนะ โหตุ เทโว สุขี สะทา
    ชีวะทานังปิ ทัตวานะ โอสะถัง อุตตะมัง วะรัง
    สะรีระทุกขัง นาเสติ เภสัชชัง ทานมุตตะมัง
    ตัสมา กะเรยยะ กัลละยาณัง นิจยัง สัมปะรายะยิกัง
    ปุญญานิ ปะระโลกัสมิง ปะติฎฐา โหนติ ปาณิณัง
    อิมินา ชีวะทาเนน ตุมหากัง กิง ภะวิสสะติ
    ทีฆายุกา สะทา โหนติ สุขิตา โหนติ สัพพะทา
    ชีวะทานัง ทะทันตัสสะ อายุ วัณณัง สุขัง พะลัง
    ทีฆายุกา สะทา โหนตุ ชีวะทานัง มะหัป ผะลัง
    โยโส ทะทาติ สักกัจจัง สีละวันเตสุ ตาทิสุ
    ปาณะทานัง วารัง ทัตวา ชีวะทานัง มะหัป ผะลัง
    เอวัง มะหิท์ธิกา เอสา ยะทิทัง ปุญญะสัมปะทา
    ตัสมา ธีรา ปะสังสันติ ปัณฑิตา กะตะปุญญะตัง
    สุโข วิปาโก ปุญญานัง อะธิปาโย สมิชฌะติ
    ชิปปัญจะ ปะริโยสาเน นิพพานัง อะธิคัจฉะติ
    โย ภาชนะสะหัสเสหิ ปูระณัง วะระโภชะนัง
    ทะเทย์ยะ เจ ปะริมาณัญเจ เอกะปัตตัมปิ นาละเภ
    พุทธุปปาเท สาริปุตโต เย วัญเญ อัคคะสาวะกา
    ปัตตะปูรานุภาเวนะ มาตาปิตา ปะมุจจะตีติ

    (จบคาถาอุณหิสวิชัยเพียงเท่านี้)
    พระคาถาอุณหิสวิชัย ฉบับนี้เป็นตำราที่ได้จากสมุดสมเด็จของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี ท่านว่าอุปเท่ห์ว่าผู้ใดจำเริญพระคาถาอุณหิสวิชัยคาถานี้ หากไม่ถึงกาลมรณะ(สิ้นอายุขัย)ย่อมปราศจากโรคภัยไข้เจ็บแข็งแรง แม้ในทางโหราศาสตร์ว่าชะตาขาด แต่หากมีใจยึดเกาะเอาคุณแห่งพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสังฆเจ้า และภาวนามนต์นี้ก็จักอาจต่อชะตาไปได้โดยไม่ต้องทำพิธีให้ยุ่งยากเพียงแต่เคารพเลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรม พระอริยสังฆเจ้าภาวนาก่อนนอนทุกวันกันชะตาขาดได้ พระคาถานี้อย่างเต็ม พระมหาจ่าง วัดสุทัศน์ท่านว่าจัดเป็นสิ่งสำคัญจะต้องจารในชนวนพระกริ่งของสมเด็จสังฆราชแพ ทำให้พระกริ่งยุคก่อนค่อนข้างเข้มขลังกว่าสมัยนี้ที่หล่อสำเร็จแล้วเสกที่หลัง หลวงตาแยบ วัดโรงช้าง จังหวัดพิจิตร ได้ตำราสมุดสมเด็จมา ท่านได้เมตตาสั่งสอนหลวงพ่อโบ้ บิดาของข้าพเจ้า เมื่อบิดาของข้าพเจ้าบวช ก็ได้กำชับว่าให้ภาวนาคาถานี้อย่าขาดเมื่อวานที่ผู้เขียนแพ้ยาก็ภาวนาพระคาถานี้ก็หายก่อนหมอจะฉีดยาแก้แพ้ให้เลยขอนำลงเป็นวิทยาธาร เผยแพร่กิตติคุณพระพุทธคาถานี้และอนุรักษ์คำของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสีไว้ไม่ให้หายไปไหนผุ้ใดจะใช้คาถานี้ให้รำลึกถึงเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี หลวงตาทวด แย่บ อัตถพาโร วัดโรงช้าง พิจิตรก่อนก็ดี ท่านทั้งสองจะได้มาอนุโมทนาสาธุการจำเริญพรให้พระคาถานี้คงศักดิ์สิทธิ์ขึ้นกว่าเดิมแล
    ที่มาคาถาอุณหิสวิชัย(ของเก่า)ได้จากสมุดสมเด็จของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี | พุทธคุณ
     
  10. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    ความฉิบหายของผู้หลงสักการะ

    [​IMG]
    ภิกษุ ท. ! ลาภสักการะและเสียงเยินยอ เป็นอันตรายที่ทารุณแสบเผ็ด
    หยาบคาย ต่อการบรรลุพระนิพพาน อันเป็นธรรมเกษมจากโยคะ ไม่มีธรรม
    อื่นยิ่งกว่า.

    ภิกษุ ท. ! พระเทวทัตถูกลาภสักการะและเสียงเยินยอครอบงำเอาแล้ว
    มีจิตติดแน่นอยู่ในสิ่งนั้น ๆ, จึงทำลายสงฆ์.

    ภิกษุ ท. ! เมื่อพระเทวทัตถูกลาภสักการะและเสียงเยินยอครอบงำเอา
    แล้ว มีจิตติดแน่นอยู่ในสิ่งนั้น ๆ, รากเหง้าแห่งธรรมอันเป็นกุศลของเธอจึง
    ถึงความขาดสูญ.

    ภิกษุ ท. ! เมื่อพระเทวทัตถูกลาภสักการะและเสียงเยินยอครอบงำเอา
    แล้ว มีจิตติดแน่นอยู่ในสิ่งนั้น ๆ, ธรรมอันเป็นตัวกุศลของเธอ จึงถึงความ
    ขาดสูญ.

    ภิกษุ ท. ! เมื่อพระเทวทัตถูกลาภสักการะและเสียงเยินยอครอบงำเอา
    แล้ว มีจิตติดแน่นอยู่ในสิ่งนั้น ๆ, ธรรมอันขาวสะอาดของเธอ จึงถึงความขาด
    สูญ.

    ภิกษุ ท. ! ลาภสักการะและเสียงเยินยอ เป็นอันตรายที่ทารุณแสบเผ็ด
    หยาบคาย ต่อการบรรลุพระนิพพาน อันเป็นธรรมเกษมจากโยคะ ไม่มีธรรม
    อื่นยิ่งกว่า ด้วยอาการอย่างนี้. เพราะฉะนั้น ในเรื่องนี้ พวกเธอทั้งหลายพึง
    สำเหนียกใจไว้ดังนี้ว่า “เราทั้งหลาย จักไม่เยื่อใยในลาภสักการะและเสียงเยินยอ
    ที่เกิดขึ้น. อนึ่ง ลาภสักการะและเสียงเยินยอที่เกิดขึ้นแล้ว ต้องไม่มาห่อหุ้มอยู่
    ที่จิตของเรา”. ภิกษุ ท. ! พวกเธอทั้งหลาย พึงสำเหนียกใจไว้อย่างนี้ แล.

    ๑. บาลี พระพุทธภาษิต นิทาน. สํ. ๑๖/๒๘๒/๕๘๒-๕๘๕.
     
  11. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
  12. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    ปัญหา ในศาสนาฝ่ายเทวนิยม ผู้ใดมีความเชื่อและความรักในพระผู้เป็นเจ้า ผู้นั้นย่อมมีหวังเข้าสู่สวรรค์ ในเรื่องนี้ พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้อย่างไรบ้าง?
    [​IMG]
    พุทธดำรัสตอบ “….บุคคลใดมีเพียงความเชื่อ เพียงความรักเราบุคคลนั้นทั้งหมดเป็นผู้มีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า”

    ผลแห่งการละกิเลส
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในธรรมที่เรากล่าวไว้ดีแล้วอย่างนี้ เป็นของตื้น เปิดเผย ปรากฏ แยกขยายแล้ว
    ภิกษุเหล่าใด เป็นพระอรหันต์ มีอาสวะสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว
    มีกิจที่จำต้องทำ ทำเสร็จแล้ว มีภาระ ปลงลงแล้ว ลุถึงประโยชน์ของตนแล้ว มีสัญโญชน์ในภพหมดสิ้นแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ภิกษุเหล่านั้นย่อมไม่มีวัฏฏะ เพื่อจะบัญญัติต่อไป.
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในธรรมที่เรากล่าวไว้ดีแล้วอย่างนี้ เป็นของตื้น เปิดเผย ปรากฏ แยกขยายแล้ว
    ภิกษุเหล่าใดละโอรัมภาคิยสัญโญชน์ทั้ง ๕ ประการ ได้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นทั้งหมดเป็นโอปปาติกะ ปรินิพพานในโลกนั้น มีการไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในธรรมที่เรากล่าวไว้ดีแล้วอย่างนี้ เป็นของตื้น เปิดเผย ปรากฏ แยกขยายแล้ว
    ภิกษุเหล่าใดละสัญโญชน์ ๓ ประการได้แล้ว กับมีราคะโทสะและโมหะบางเบา ภิกษุเหล่านั้นทั้งหมด เป็นพระสกทาคามี มาสู่โลกนี้คราวเดียวเท่านั้น จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้.
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในธรรมที่เรากล่าวไว้ดีแล้วอย่างนี้ เป็นของตื้น เปิดเผย ปรากฏ แยกขยายแล้ว ภิกษุเหล่าใดละสัญโญชน์ ๓ ประการได้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นทั้งหมด เป็นพระโสดาบัน ผู้มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยง มีปัญญาเครื่องตรัสรู้เป็นเบื้องหน้า.
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในธรรมที่เรากล่าวไว้ดีแล้วอย่างนี้ เป็นของตื้น เปิดเผย ปรากฏ แยกขยายแล้ว
    ภิกษุเหล่าใด ผู้เป็นธัมมานุสารี เป็นสัทธานุสารี ภิกษุเหล่านั้นทั้งหมด มีปัญญาเป็นเครื่องตรัสรู้ดีเป็นที่ไปในเบื้องหน้า.
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในธรรมที่เรากล่าวไว้ดีแล้วอย่างนี้ เป็นของตื้น เปิดเผย ปรากฏ แยกขยายแล้ว
    บุคคลเหล่าใด มีเพียงความเชื่อ เพียงความรักในเรา บุคคลเหล่านั้นทั้งหมด เป็นผู้มีสวรรค์ เป็นที่ไปในเบื้องหน้า.

    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นมีใจชื่นชม เพลิดเพลินภาษิตของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล.
    จบ อลคัททูปมสูตรที่ ๒

    อลคัททูปมสูตร มู. ม. (๒๘๘)
    ตบ. ๑๒ : ๒๘๑ ตม. ๑๒ : ๒๓๐
    ตอ. MLS. I : ๑๒๘

    - See more at: ผลของศรัทธาในพระพุทธเจ้า | พุทธคุณ
     
  13. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    มื่อวานเกิดเหตุแผ่นดินไหวในภาคเหนือ หลายคนกลัว บางคนโทษเป็นลางร้าย ทั้งที่สาเหตุจริงๆคือเราทำร้ายโลกที่เราอยู่ลงไปทุกวัน ทำลายสิ่งแวดล้อมดีดี พอเกิดเหตุแผ่นดินไหวก็บอกว่าเป็นลางร้าย ตามวิสัยโหรห้อยที่ชอบทำนายทายทักให้คนกลัว หลายคนขาดที่พึ่งก็จะต้องเดินสายแก้บน หรือสะเดาะเคราะห์ เพื่อสตางค์แก่พวกโหรห้อย หรือ จำพวกพระอลัชชีทั้งหลาย เพื่อแสงสว่างแห่งปัญญา ผมจะขอยกพระพุทธวจนะของสมเด็จพระผุ้มีพระภาคเจ้าเรื่อง ที่พึ่งอันเกษมสูงสุด เพื่อเป้นแสงสว่างแก่ปัญญาชาวพุทธทั้งมวลครับ
    มนุษย์เป็นอันมาก ได้ยึดถือเอาที่พึ่งผิด ๆ(www.พุทธคุณ.net)
    [​IMG]
    มนุษย์ทั้งหลายเป็นอันมาก ถูกความกลัวคุกคามเอาแล้ว ย่อม

    ยึดถือเอาภูเขาบ้าง ป่าไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์บ้าง สวนศักดิ์สิทธิ์บ้าง รุกขเจดีย์บ้าง

    ว่าเป็นที่พึ่งของตน ๆ : นั่นไม่ใช่ที่พึ่งอันทำความเกษมให้ได้เลย, นั่นไม่

    ใช่ที่พึ่งอันสูงสุด ; ผู้ใดถือเอาสิ่งนั้นๆ เป็นที่พึ่งแล้ว ย่อมไม่หลุดพ้นไป

    จากทุกข์ทั้งปวง ได้.

    ส่วนผู้ใด ที่ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งแล้ว

    เห็นอริยสัจทั้งสี่ ด้วยปัญญาอันถูกต้อง คือ เห็นทุกข์, เห็นเหตุเป็ นเครื่อง

    ให้เกิดขึ้นของทุกข์, เห็นความก้าวล่วงเสียได้ซึ่งทุกข์, และเห็นมรรค

    ประกอบด้วยองค์แปด อันประเสริฐ ซึ่งเป็นเครื่องให้ถึงความเข้าไปสงบ

    รำงับแห่งทุกข์ : นั่นแหละคือ ที่พึ่งอันเกษม, นั่นคือ ที่พึ่งอันสูงสุด ;

    ผู้ใดถือเอาที่พึ่งนั้นแล้ว ย่อมหลุดพ้นไปจากทุกข์ทั้งปวง ได้แท้.

    - ธ. ขุ ๒๕/๔๐/๒๔.

    - See more at: ที่พึ่งอันเกษมสูงสุด | พุทธคุณ
     
  14. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
  15. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
  16. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440

    [​IMG]
    อัคโคหะมัสมิ โลกัสสะ
    เชฏโฐหะมัสมิ โลกัสสะ
    เสฏโฐหะมัสมิ โลกัสสะ
    อะยะมันติมา เม ชาติ นัตถิทานิ ปุนัพภะโวติ ฯ

    ในโลกนี้ เราเป็นผู้ยอดที่สุด เป็นผู้เจริญที่สุด เป็นผู้ประเสริฐที่สุด การเกิดของเรานี้
    เป็นครั้งสุดท้าย ภพใหม่ต่อไปไม่มี ฯ

    ซึ่งพระวาจาที่เปล่งนี้ เรียกว่า “ พระอภิสวาจา “ พระเถระผู้ใหญ่หลาย ๆ องค์ ได้บอกว่าพระอภิสวาจานี้ถือเป็นคาถาเปิดโอษฐ์ ตื่นเช้ามาให้กล่าวคาถานี้ก่อนคำพูดใด ๆยึดถือเป็นมงคลอันสูงสุดประจำใจ จะทำการสิ่งใดย่อมมีสติ มีปัญญา และสำเร็จสมความปรารถนาตามส่วนที่ควรได้รับท่องทุกเช้าเมื่อเปิดโอษฐ์ ท่องทุกครั้งเมื่ออ่านตำราศึกษาเล่าเรียน เป็นสิริมงคล ไม่ว่าข้าราชการ ทหาร ตำรวจ เปิดประตูเข้าที่ทำงาน เปิดบัญชีทรัพย์รับเงิน เปิดแฟ้มงานสำคัญๆ คาถานี้มีพลังให้สติเรามีที่ตั้งอย่างไม่ประมาท ขอแนะนำอย่างนี้ มิใช่ทางไสยศาสตร์แม้แต่น้อย แต่เป็นวิทยาศาสตร์ เพราะเราสามารถให้คำตอบได้ ให้เหตุผลได้
    ในโอกาส วันวิสาขบูชามหาวันแห่งความสุขของชาวพุทธ ด้วยพระอภิสวาจาของพระบรมโพธิสัตว์ผู้ทรงเป็นเลิศในโลก ขอทุกท่านจงเป้ไปอย่างพระอภิสวาจาของพระพุทธเจ้า มีความสุข บุญรักษาในวันวิสาขบูชานะครับ
     
  17. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
  18. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
    สมณพราหมณ์ที่ไม่ควรไหว้
    [​IMG]
    ปัญหา ขึ้นชื่อวาเป็นสมณพราหมณ์ ครองเพศบรรพชิตแล้ว เราควรเคารพกราบไหว้บูชาทั้งนั้นหรือ ? หรือว่ามีสมณพราหมณ์ประเภทใดบ้างที่ไม่ควรเคารพกราบไหว้ ?

    พุทธดำรัสตอบ “…..ดูก่อนคฤหบดีทั้งหลาย สมณพราหมณ์ เหล่าใดยังมีความกำหนัด ความขัดเคือง ความลุ่มหลงในรูปที่รู้ได้ด้วยจักษุ….. ในเสียงที่รู้ได้ด้วยโสต…. ในกลิ่นที่รู้ได้ด้วยฆานะ… ในรสที่รู้ได้ด้วยชิวหา…. ในโผฏฐัพพะที่รู้ได้ด้วยกาย…. ในธรรมารมณ์ที่รู้ได้ด้วยมโน ไม่ไปปราศแล้ว ยังมีจิตไม่สงบภายใน ยังมีความประพฤติลุ่ม ๆ ดอนๆ ทางกาย ทางวาจา ทางใจ อยู่สมณพราหมณ์ เช่นนี้ ไม่ควรสักการะ เคารพ นับถือ บูชา นั่นเพราะเหตุไร เพราะว่าแม้พวกเราก็ยังมีความกำหนัด ความขัดเคือง ความลุ่มหลงในรูปที่รู้ได้ด้วยจักษุ…. ธรรมารมณ์ที่รู้ได้ด้วยมโน ไม่ไปปราศแล้วยังมีจิตไม่สงบภายใน ยังประพฤติลุ่มๆ ดอน ๆ ทางกาย ทางวาจา ทางใจอยู่ก็เมื่อเราทั้งหลายไม่เห็น แม้ความประพฤติสงบของสมณพราหมณ์ พวกนั้นที่ยิ่งขึ้นไป ดังนั้น ฉะนั้นท่านสมณพราหมณ์ เหล่านั้นจึงไม่ควรสักการะ เคารพ นับถือ บูชา….”
    นครวินเทยยสูตร อุ. ม. (๘๓๓)
    ตบ. ๑๔ : ๕๒๙ ตท. ๑๔ : ๔๕๔
    ตอ. MLS. III : ๓๔๐

    - See more at: สมณพราหมณ์ที่ไม่ควรไหว้ | พุทธคุณ
     
  19. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440
  20. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,555
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,440

แชร์หน้านี้

Loading...