เปิดจักระขั้นพื้นฐานผ่านหน้าเว๊บ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย มีแปปเดียว, 24 สิงหาคม 2010.

  1. เปิดใจ

    เปิดใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +148
    ช่วง3-4วันที่ผ่านมาไม่ได้ฝึกติดธุระครับ และพอดีก็ได้สะเก็ดดาวมาฝึก ก็ดีครับลื่นไหลดี แต่ไม่มาก ก็เลยสั่งโมดาไวท์มาลอง พอโมดาไวท์มาถึงก็เลยเอากำไว้ในมือลองเดินจักระ6-7ดูสัก2-3นาทีแต่ไม่ถึงนาทีครับ รู้สึกได้เลยว่าเหมือนมีอะไรมาทำให้จักระ7กับ6เข้มข้นมาก ตอนแรกก็คิดว่าคิดไปเองเลยลองใหม่อีกทีจักระขึ้นมาดีมากเลยครับ
    (แล้วหินควอนตั้มช่วยได้ไหมครับ)
     
  2. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    หินควอนตัม มีผลกับจักระ1-2-3ครับ แต่แพงไปหน่อย
     
  3. Prompiriya

    Prompiriya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    219
    ค่าพลัง:
    +1,081






    :cool: ขออนุโมทนากับท่านอาจารย์ทั้งสองด้วยนะครับ...:cool:
    พลังแห่งจักรวาลมีพลังอันยิ่งใหญ่จริงๆครับ..
     
  4. เปิดใจ

    เปิดใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +148
    อาจาร์ยครับ ถามอีกนะครับ
    1.พอผมเอาหินควอนตั้มมาห้อย แล้วรู้สึกแปลกๆ เช่น ตึงหน้าผาก ปวดหัวนิ๊ดๆ เป็นบางครั้ง (หรือคิดไปเอง หรืออาจจะเดินจักระไม่ถูกต้อง ยังไงอาจาร์ยช่วยพิจารณาด้วยนะครับ)
    2.ถ้าเกิดว่าผมจะเน้นเดินจักระ 7 6 5 ก่อนช่วงแรก จะเป็นอะไรไหมครับ เพราะ 4 3 2 1 แทบจะเดินจักระแล้วไม่รู้สึกว่ามีกำลังเลยครับ
    3.ส่วนเรื่องหูได้ยินเสียงวี๊ๆนี่ อย่างที่อาจาร์ยเคยแนะนำกระผม พอลองสังเกตุดูแล้วเหมือนแปลกอยู่ตรงที่ บางครั้งก็วี๊เบาๆ บางครั้งก็จะวี๊แรงขึ้นมานิ๊ดนึงบ้าง

    อยากให้อาจาร์ย วิเคราะห์ทีครับ รบกวนด้วยนะครับ
     
  5. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    1)เวลาตึงหน้าผากก็ให้บอกตัวเองว่าจักระเอ๋ยจงหมุนเถิด จักระก็จะหมุน
    2) ทำถูกต้องแล้วครับ จักระที่สำคัญก่อนอื่นใดคือจักระที่7 เพราะเป็นจักระที่เรารับพลังผ่านเข้ามาในตัว ถ้าจักระ7หมุนดีแล้วก็ใช้คำที่บอกกระตุ้นให้จักระอื่นหมุนด้วยครับ
    3)ช่วงร่างกายปรับตัวก็จะเป็นแบบนี้ นานๆไปสังเกตตัวเอง ประสาทหูน่าจะดีขึ้นกว่าเดิมครับ
     
  6. เปิดใจ

    เปิดใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +148
    ขอบคุณอาจาร์ยมากเลยครับ (นึกว่าอาจาร์ยหลับซะแล้ว)

    การเดินจักระมีกี่ขั้นตอนครับอาจาร์ย? กระผมก็ทำตามกระทู้ที่อาจาร์ยตั้งไว้ ตอนนี้ก็เริ่มฝึกนึกสีจักระอยู่ครับ จะมีขั้นต่อไปอีกรึเปล่าครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2010
  7. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    มีครับแต่ไม่สำคัญ เป็นการแตกลูกไม้ออกไปเหมือนมวยครับ เราฝึกแม่ไม้ก่อน ลูกไม้ทีหลัง
    ถ้าฝึกเรื่องสี และเรื่องแสง สามารถเข้าสมาธิจนคล่องแล้ว
    ความรู้เก่าๆอาจจะผุดขึ้นมาเองด้วยครับ
     
  8. DMZ_ZONE

    DMZ_ZONE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    260
    ค่าพลัง:
    +649
    ขออนุโมทนาในการเปิดจักระให้ผมในวันนี้ด้วยครับ

    ตอนนี้รู้สึกความร้อนลดลงเรื่อยๆครับ

    เหตุใดฝ่ามือข้างซ้าย ไม่ร้อน แต่ฝ่ามือขวาร้อนมาก
     
  9. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ที่ฝ่ามือก็มีจักระครับ ใช้ทั้งรับและส่งได้ มีจักระที่ปลายนิ้วทั้ง5และใจกลางฝ่ามือ
    เวลาฝ่ามือร้อนมากๆให้ไปเหยียบดินเท้าเปล่าเอามือจับต้นไม้ นึกถึงพลังธรณีเข้าทางฝ่าเท้าและพลังสีเขียวของต้นไม้เข้าทางมือที่ไม่ร้อนครับ
    และให้นีกว่ามีสีแดงออกจากมือที่ร้อน ลองทำดูนะครับ
     
  10. DMZ_ZONE

    DMZ_ZONE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    260
    ค่าพลัง:
    +649

    ขอบคุณมากครับ ผมจะปฏบัติตามได้ผลอย่างไรจะมารายงานครับ
     
  11. เปิดใจ

    เปิดใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +148
    อาจาร์ยครับ อาจาร์ยสามารถตรวจสอบจักระทางไกลได้ไหมครับ คืออยากจะรู้ว่าผมทำถูกทางแล้ว และก็จักระไม่ติดขัดอะไร เพราะผมทำคนเดียวน่ะครับ ไม่มีคนคอยเทรนใกล้ตัว
     
  12. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    วิชชาพลังจักรวาลแนวที่ผมได้โพสในกระทู้และได้แลกเปลี่ยนความรู้กับสหายธรรมเวลาได้พบปะสนทนาธรรมกันนั้น สามารถฝึกฝนได้เองครับ
    การเช็คจักระของตัวเองว่าไม่ติดขัดก็สามารถรู้ได้จากความรับรู้ว่าจักระในร่างกายเราหมุนหรือไม่อย่างไร
    สมมติว่าจักระที่3ของผู้ฝึกไม่หมุนก็ให้อัญเชิญพลังจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองนับถือที่สุด ให้สถิตอยู่บนขอบฟ้าและส่องลำแสงลงมาทะลุผ่านจุดกระหม่อมถึงจักระที่1 และนึกในใจว่าจักระทั้ง7เอ๋ยจงเปิดออก หากไม่หมุนดีก็ให้ไล่ไปทีละจักระ จนหมุนครบทั้ง6จักระ ส่วนจักระที่1เมื่อถึงเวลาเขาจะหมุนเอง ไม่ต้องไปกระตุ้นเขา
    จักระทั้ง7เปิดแล้ว เวลาใช้ชีวิตประจำวัน ทำกิจกรรมใดๆ เขาจะหมุนเองโดบเฉพาะอย่างยิ่งจักระที่7และ6
    ดังนั้นเราสามารถใช้การหมุนจักระเป็นเครื่องมือในการฝึกสติและความรู้เนื่อรู้ตัวได้ดีครับ
    หากมีปัญหาใดๆ ขอให้ถามได้เลยนะครับ ผมยินดีจะตอบโดยสุดความสามารถของสติและปัญญาที่มี
     
  13. เปิดใจ

    เปิดใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +148
    ขออนุโมทนาบุญครับอาจาร์ย เอื้อเฟื้อกระผมมาตลอด โดยไม่ติดขัดอะไรเลย สาธุๆ
     
  14. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    สุดยอดวิชาเดินธาตุ โดย สำเร็จลุนแห่งนครจำปาศักดิ์
    เริ่มตั้งแต่...การบูชาพระ คำนมัสการพระรัตนตรัย คำนมัสการพระพุทธเจ้า คำขอขมาพระรัตนตรัย คำพรรณาพระบรมธาตุ บทไตรสรณคมน์ อาราธนา ศีล 5 คำนมัสการพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ บทบูชาบิดามารดาและครูบาอาจารย์ บทชุมนุมเทวดา ธรรมจักรกัปวัตนสูตร ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก ชินบัญชร พาหุงมหากา บารมี 30 ทัศ อุณหิสวิชัยคาถา แผ่เมตตาให้ตนเองและสรรพสัตว์
    จากนั้นจึงนั่งหันหน้าไปทางทิศใต้เพื่อรับพลังปราณจักรวาลที่ไหลจากทิศใต้มาสู่ทิศเหนือ ด้วยการนั่งพนมมือเพื่อรวมพลังปราณทั้ง 6 สายที่นิ้วมือเพื่อเพิ่มพลังปราณให้กับตนเอง พร้อมกับการท่องมนต์ตราแห่งวิชาเดินธาตุ ซึ่งมีทั้งวิชาเดินธาตุแบบขั้นต้น แบบขั้นกลางและแบบขั้นสูง ซึ่งมีความยากง่ายแตกต่างกันไป...เมื่อฝึกวิชาเดินธาตุแล้ว จะออกจากวิชาเดินธาตุเพื่อผ่อนคลายพลัง เพราะวิชาเดินธาตุนั้นเป็นวิชาที่มีพลังมหาศาล เมื่อฝึกไปได้ถึงระดับหนึ่งแล้วจะรู้สึกว่า ใจจะเย็นเหมือนมีน้ำทิพย์ชโลมใจแต่กายจะร้อนดั่งไฟเผากาย ดังนั้นจึงต้องมีการนั่งสมาธิแบบธรรมดาทั่วไป คือ ท่องพุทโธ หรือ ยุบหนอพองหนอ เพื่อผ่อนคลายพลังอันมหาศาลในการและใจของผู้ฝึก จากนั้นจึงท่องบทอัญเชิญเทวดากลับ ที่ต้องอัญเชิญเทวดากลับทีหลังนั้น เพราะเมื่อฝึกวิชานั้นๆ ก็จะได้มีเทพเทวดาต่างๆมาช่วยปกปักษ์รักษาและช่วยส่งเสริมการฝึกวิชา นั่นเอง

    วิชาเดินธาตุแบบฉุกเฉิน ใช้ในยามคับขัน เมื่อนึกอะไรไม่ออกให้ให้ นะโมพุทธายะ จิเจรูนิ

    วิขาเดินธาตุขั้นต้นนั้นจะใช้ หัวใจของธาตุทั้ง ๔ ไฟ ดิน ลม น้ำ บังเกิดสรรพสิ่งในจักรวาล
    ธาตุทั้ง4 ไฟ ดิน ลม น้ำ ตามหลักแล้วธาตุที่อยู่ตรงข้ามกันจะเกื้อหนุนกัน เช่น ดินกับน้ำ ไฟกับลม นะ โม พุท ธา ยะ นี้เปรียบเสมือนธาตุใหญ่ เป็นรากเหง้าของธาตุทั้ง4
    นะ คือ พระกุกกุสันโธ คือ ธาตุน้ำ หล่อเลี้ยงร่างกายและดวงจิต กำลังธาตุ 12
    โม คือ พระโกนาคม คือ ธาตุดิน ให้กำลังวังชา กำลังธาตุ 21
    พุท คือ พระกัสสป คือ ธาตุไฟ ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย กำลัง ธาตุ 6
    ธา คือ พระสมณโคดม คือ ธาตุลม หล่อเลี้ยงชีวิต ดูดพลังปราณมาหล่อเลี้ยงดวงจิต กำลังธาตุ 7
    ยะ คือ พระศรีอริยเมตตรัย คือ อากาศธาตุ เป็นที่ตั้งของวิญญาณ กำลังธาตุ 10

    เมื่อรวมกำลังธาตุ นะโมพุทธายะ จะได้ 56 คือกำลังพุทธคุณ ส่งผลให้เกิดกำลังธรรมคุณ 38 และกำลังสังฆคุณ 14 รวมกำลัง พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณได้ 108 เชื่อว่าหากกระทำการใดเกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ เช่น ปลุกเสกลงเลขยันต์ให้ครบ 108 ครั้งจะมีความศักดิ์สิทธิ์มากได้ผลตามใจปรารถนา

    เมื่อถอดจากพระเจ้า 5 พระองค์ นะโมพุทธายะ จึงบังเกิดเป็นธาตุทั้ง 4 คือ
    นะ(ธาตุน้ำ)
    มะ (ธาตุดิน)
    พะ(ธาตุไฟ)
    ธะ (ธาตุลม)
    นะ มะ พะ ธะ ธาตุทั้ง4นี้ เป็นธาตุหล่อเลี้ยงร่างกาย สังขารที่ปรุงแต่งขึ้นมาเป็นตัวธาตุ ที่ถอดจากแม่ธาตุใหญ่ คือ นะ โม พุท ธา ยะ

    ถอดลงไปอีกบังเกิด ธาตุพระกรณี(ธาตุพี่เลี้ยง)คือ
    จะ(ธาตุน้ำ)
    ภะ(ธาตุดิน)
    กะ(ธาตุไฟ)
    สะ(ธาตุลม)
    จะ ภะ กะ สะ คือธาตุพี่เลี้ยง นะ มะ พะ ธะ ที่ท่านจัดเป็นกองธาตุทั้ง4กอง คือเมื่อจะตั้งธาตุทั้ง4กองนี้ ต้องมีธาตุพระพุทธเจ้าคือธาตุพระกรณีตั้ง กำกับลงไปด้วย คือ จะ ภะ กะ สะ เพื่อเป็นพี่เลี้ยงคุมธาตุลงไปอีกทีหนึ่ง

    เมื่อตั้งธาตุได้บริบูรณ์แล้ว จากนั้นก็มีการหนุนธาตุ การหนุนธาตุนั้นท่านให้หนุนด้วยแก้ว4ดวง คือ นะ มะ อะ อุ
    นะ คือแก้วมณีโชติ (ธาตุน้ำ)
    มะ คือแก้วไพฑูรย์ (ธาตุดิน)
    อะ คือแก้ววิเชียร (ธาตุไฟ)
    อุ คือแก้วปัทมราช (ธาตุลม)

    เมื่อรวมพระเจ้า 5 พระองค์ ธาตุทั้ง 4 ธาตุพระกรณีและดวงแก้วทั้ง 4 เข้าด้วยกันจึงจะสมบูรณ์ครบถ้วน ทำให้เกิดเป็นอิทธิฤทธิ์ต่าง ๆ ตามหลักวิชาแปรโลกธาตุ คือการปลุกเสกของกายสิทธิ์ให้มีอิทธิฤทธิ์เทียบเท่ากับเหล็กไหลชั้น 1 คือมีสีเปลี่ยนไปจากเดิมจนกลายเป็นสีเขียวปีกแมลงทับ หรือยืดหดกินน้ำผึ้งได้เองเมื่อใช้คาถากำกับหรือใช้อำนาจกำลังของตบะฌานประจุลงไป ณ ธาตุนั้น ๆ

    หลักการใช้ธาตุอย่างกว้าง ๆ คือ ธาตุน้ำเด่นทางเสน่ห์และเมตตา ธาตุดินเด่นทางอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์ คงกระพันชาตรี ธาตุไฟใช้ทำลายสิ่งชั่วร้ายและหลอมรวมวัตถุ ธาตุลมใช้ทางล่องหนหายตัว สะกด เมื่อได้ในพื้นฐานแล้วยังต้องรู้จัก การเดินธาตุ หนุนธาตุ อัดธาตุ ซ้อนธาตุ แยกธาตุ สลับธาตุ ย้อนธาตุและพลิกแพลงธาตุต่าง ๆ ซึ่งยังแบ่งแยกออกตามระดับความยากง่ายอีกด้วย คล้ายกับการเรียนหนังสือ เริ่มจากชั้นประถม มัธยม ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก เพราะถ้าขั้นประถมก็อาจใช้พระคาถาว่า นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะมะมะนะ นะอะอะนะ นะอุอุนะ

    วิชาเดินธาตุขั้นกลาง
    ปฐวีธาตุ หรือ ธาตุดิน ให้ว่าดังนี้
    มะ กะ ทะ นะ พะ กะ สะ จะ
    มิ ตะ ติ อุ อะ มะ นะ
    จิ ตะ ติ จะ พะ กะ สะ
    มุ ตะ ติ มะ นะ อะ อุ

    อาโปธาตุ หัรือ ธาตุน้ำ
    นะ มะ ทะ จะภะ กะ สะ
    ริ ตะ ติ นะ อะ อิ อุ
    ริ ตะ ติ สะ มะ นิ ทุ
    ริ ตะ ตะ วิ กะ วิ ตะ ติ

    วาโยธาตุ หรือ ธาตุลม
    พะ ทะ นะ มะ พะ สะ จะ พะ
    ริ ตะ ติ ทะ พะ มะ นะ
    มิ ตะ ติ อุ อะ มะ นะ
    วิ ตะ ติ พะ สะ กะ สะ

    เตโชธาตุ หรือ ธาตุไฟ
    ทะ นะ มะ พะ สะ จะ พะ วะ
    มิ ตะ ติ พะ จะ สะ กะ
    มุ ตะ ติ นะ มะ อะ อุ
    จุ ตะ ติ กะ ระ มะ กะ

    นอกจากคาถาธาตุตัวเต็มนี้แล้ว สามารถถอดเอาไปใช้เฉพาะเรื่อง
    ทำให้ร่างกายให้โตว่า
    มะ นะ อุ อะ นะ มะ อะ อุ
    ทำให้มีข้าวของเครื่องใช้มากว่า
    อะ อุ มะ นะ นะ มะ อุ อุ
    ทำให้วิ่งเดินเร็วว่า
    อุ อะ มะ นะ นะ มะ อะ อุ
    ทำให้หายตัวไม่มีใครเห็น
    อะ อุ นะ มะ มะ นะ อะ อุ
    ทำให้ฝนตก
    นะ มะ อะ อุ มะ นะ อุ อะ

    และขั้นสูงสุดคือ วิชาเดินธาตุทั้ง 7 อันประกอบด้วย ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ อากาศธาตุ วิญญาณธาตุ จิตธาตุ อันเป็นวิชาอันเล้นลับและซับซ้อนซ่อนเงื่อน ซึ่งเมื่อเดินถึงวิชา 7 ธาตุนี้แล้วจึงจะครอบคลุมทั้ง กสิน ฌาณ มโนมยิทธิ อภิญญา 6 และคือครบวิชชา 8 ประการ แถมด้วยพลังลมปราณและพลังจักรวาลอันเป็นเลิศเพื่อเสริมพลังให้กับร่างกายอีกด้วย
    ---------------------------------------------
    ทำไมต้องพอกกายทิพย์
    เพราะตกใจขณะจิตสงบในสมาธิ เรียกว่ากายทิพย์สะเทือน
    ภาวะตกใจแล้วลุกขึ้นวิ่งหนีจากที่นั่ง เรียกว่า กายทิพย์สะเทือน ถึงขั้นกายทิพย์แตกกระจาย อาจเสียสติได้
    ตกใจในขณะทำสมาธิ.......เกิดเพราะ
    เห็นวิญญาณหรือสิ่งน่ากลัว ต้องมีสติคุมอารมณ์ไม่ให้ตกใจกลัว และไม่ลุกขึ้นจากที่นั่งเป็นอันขาด ต้องวางใจให้นิ่ง ๆ ระลึกถึงครูบาอาจารย์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แล้วอุทิศส่วนบุญกุลศลให้ วิญญาณนั้นก็จะหาย
    ตกใจเพราะเหตุอื่น ทำให้สะดุ้งตกใจ เช่น เสียงดัง ๆ ให้ค่อย ๆ ลืมตาดูช้า ๆ นั่งปรับจิตใจให้สงบดีขึ้นแล้ว จึงจะลุกจากที่นั่งได ้

    วิธีปรับจิตให้สงบ เพื่อรักษากายทิพย์สะเทือน
    ในขณะที่นั่งสมาธิอยู่นั้น เมื่อตกใจ หัวใจจะเต้นแรงผิดปกติ อาจจะมีอาการปวดเสียวเป็นระยะ ๆ หน้าซีด มือที่วางซ้อนอยู่ด้วยกัน อาจจะถูกสลัดออกจากกัน ให้วางซ้อนให้เหมือนเดิม หลับตาลง ถอนหายใจลึก ๆ ช้า ๆ ๕ ครั้ง เริ่มต้น ตั้งจิตใจ ส่งไปที่กึ่งกลางระหว่างคิ้ว หายใจเข้าภาวนาว่า "พุท" หายใจออกว่า "โธ" (คำอื่นก็ได้) ทำอยู่ ๑๕ นาที หัวใจที่เต้นแรงผิดปกตินั้นจะกลับเข้าสู่ภาวะเดิมได้ เมื่อหายกลัวแล้วจึงจะออกจากสมาธิได้

    วิธีรักษากายทิพย์ที่ถูกสะเทือนถึงขั้นแตกกระจาย
    หาครูบาอาจารย์ หรือพี่เลี้ยงใจเย็น ๆ มาช่วยควบคุมให้ผู้นั้นนั่งสมาธิใหม่ ด้วยการมองพระพุทธรูป ให้จำ รูปนั้นแม้หลับตาก็ให้จำภาพนั้นให้ชัดเจน ถ้าภาพหายไปให้ลืมตาดู จนหลับตาก็จำภาพพระพุทธรูปได้ นับว่า เริ่มมีสติรู้สึกตัว ควบคุมตัวเองได้ ต่อด้วยการพอกกายทิพย์ให้สมบูรณ์ ด้วยการส่งความรู้สึกนึกคิดทั้งมวล เพ่งส่งไป ที่พระพุทธรูป เมื่อฝึกทำมาก ๆ ครั้งเข้า ภาพพระพุทธรูปจะค่อย ๆ ชัดขึ้นจนเห็นชัดทุกสัดส่วน เหมือนลืมตา จนพระพุทธรูปนั้นมีความสว่างไสว จนเป็นวงรอบองค์พระเหมือนดวงแก้ว จนมีความปิติสุข เกิดขึ้น แสดงว่า "ท่านหายแล้ว"
    การพอกกายทิพย์นี้ เป็นการดึงเก็บรวบรวมเอา มวลสาร ของอะตอมในโมเลกุลซึ่งเป็นส่วนส่วนละเอียดที่สุด ของส่วนประกอบดวงจิต ที่เหมือนดวงแก้วที่แตกกระจากออกไปนั้น มารวมตัวสมานกันอีกครั้ง เมื่อเพ่งมองพระพุทธรูปจนเป็นนิมิต นั้นทำให้จิตรวมเป็นหนึ่งก็จะเกิดอำนาจดึงดูด เหมือนแม่เหล็ก ยิ่งส่งความนึกคิดเข้าไปในองค์พระพุทธรูปมากเท่าใดแล้ว เหมือนเสริมพลังให้กับแม่เหล็ก อำนาจแม่เหล็ก ที่ศูนย์กลาง คือพระพุทธรูป จะยิ่งเพิ่มพลังดึงดูดมากขึ้น จึงเกิดกำลังทวีคูณดึงดูด เก็บรวบรวมชิ้นส่วนอัน ละเอียดของดวงจิต (ดวงแก้ว) ที่แตกซ่านกระจายนั้นรวมตัวเข้าเป็นวงกลม(ดวงแก้ว) ที่สมบูรณ์ ใหม่ ๆ ดวงแก้วจะไม่ค่อยสว่างและไม่ค่อยกลมด้วย สุดท้ายอำนาจดึงดูดสูงขึ้น ๆ เศษส่วนต่าง ๆ ของดวงแก้วก็ จะติดแน่น สมานจนไม่มีรอยตำหนิ
    (เรียบเรียงจากหนังสือแนวคำสอนสมเด็จโต สมาธิ ทางสงบ ถอดจิต โดยแสง อรุณกุศล )
    __________________
    คัดมาให้ดูกัน
     
  15. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    คนเราส่วนใหญ่จะยึดมั่นถือมั่นว่าเรามีกายทิพย์ที่เหมือนกับตัวเราซ้อนอยู่แบบในหนังฝรั่งหรือที่เรียกว่ากายทิพย์บ้าง อทิสมาณกายบ้าง
    การยึดมั่นแบบนี้เป็นทิษฐิหนึ่งที่เห็นว่าโลกเที่ยง เป็นมิจฉาทิษฐิอย่างหนึ่ง
    พระพุทธเจ้าสอนว่าคนเราประกอบด้วยรูปและนาม (กายและจิต)
    กายและจิตไม่หนีไปจากกฏไตรลักษณ์คือเกิดขึ้น ตั้งอยู่จนกว่าเหตุและปัจจัยไม่ประกอบกัน และดับไป
    จิตในความคิดของเราจะเป็นดวงกลมๆหรือเป็นกายใสๆก็ดีไม่ใช่สาระ
    สาระคือมันไม่เที่ยง
    อุปาทานความยึดมั่นว่าเป็นตัวตน เป็นสาระต่างหากที่ทำให้จิตไม่ยอมดับไป
    เกิดสันตติคือความสืบเนื่องกันไปจิตหนึ่งตายไปสืบทอดต่อให้จิตดวงใหม่
    ดวงจิตนี้จึงเหมือนผีดิบที่ไม่มีวันตาย แสวงหาภพ ชาติอยู่ร่ำไป
    ต่อเมื่อพบสัจธรรมคือกฏไตรลักษณ์พิจารณาให้เห็นถึงความไม่เป็นสาระของรูปและนาม
    จึงเข้าใจ
    ความข่มใช้ได้เฉพาะหน้าไม่เป็นประโยชน์ในระยะยาว บางทีกลับเหมือนรอวันระเบิดอย่างรุนแรงมากขึ้นเป็น2เท่า
    ความเข็ดทำให้ไม่อยากกลับไปเสพอีก เหมือนคนโดนหมากัด ไม่อยากเข้าใกล้หมาอีก
     
  16. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    จิ = จิต
    เจ = เจตสิก
    รู = รูป
    นิ = นิพพาน
    ตัวเราประกอบด้วย จิต+รูป
    อาการของจิตคือเจตสิก เป็นธรรมชาติของจิต ไม่ประกอบด้วยสาระ รู้เท่าทันบ่อยๆด้วยสติ และปัญญา
    จะเข้าใจว่านิพพานคือดับ ดับด้วยการไม่ปรุงแต่งจิตด้วยตัณหาและอุปาทาน ดับภพ ดับชาติ เพราะอวิชชาดับ
    เอาความไม่มีสาระมาใช้เยอะๆ ความเอาสาระกับโลกมันหนัก
    โลกคือเรา เราคือโลก
    อ่านคีรีมานนท์สูตรเยอะๆครับพี่น้อง
     
  17. เปิดใจ

    เปิดใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +148
    อันนี้บทใหม่หรือแยกไปอีกแบบครับอาจาร์ย (ท่าทางจะยากพอสมควร )
    กระผมขออันเก่าให้100เปอร์เซ็นต์ก่อนดีกว่า
    ขออนุโมทนาบุญครับ
     
  18. leia17

    leia17 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    331
    ค่าพลัง:
    +1,368
    เรียน คุณอัคนีวาต

    มีคำถามเรื่องเกี่ยวกับจักระค่ะ คือเจริญสติปัฎฐาน 4 มาประมาณปีกว่าแล้ว ปัจจุบันบริเวณกึ่งกลางหน้าผาก (เหนือคิ้ว) กับบริเวณกลางหัว ค่อนลงไปทางท้ายทอย จะมีอาการตึงตลอดเวลา บางช่วงเหมือนมีไอเย็นๆผ่านบริเวณนั้น บางช่วงปวดจิ๊ดๆ บางช่วงปวดลึกๆ บ่อยครั้งที่ความเย็นมันลามไปทั้งตัว จนทำให้ปัจจุบันธาตุไฟในตัวหย่อนไปเลย แล้วก็มีอาการเจ็บคอเรื้อรังมาตลอด

    มีพี่ที่เคารพท่านนิดบอกว่าพลังมันไปอุดอยู่ตรงบริเวณนั้น ให้พยายามส่งพลังให้ทะลุผ่านกระหม่อมออกไป ด้วยการเจริญกรรมฐานเกสาโลมาฯ ก็เพิ่งลองทำ แต่ยังไม่ได้ผลเลยค่ะ (ฮา)

    เลยอยากถามว่าอาการเช่นนี้ คือ จักรพยายามจะเปิด (หรือเปิดแล้ว) แต่ไม่สำเร็จหรือเปล่าคะ ตรงนี้ไม่ทราบว่าจะต้องทำอย่างไร หรือทำอย่างที่คุณฯได้อธิบายไว้ในหน้าแรกคะ

    อ้อ .. ถามเรื่องเสียงวิ้งๆ ด้วยค่ะ บางท่านบอกว่าเป็นอาการของจิตมีสมาธิ คือถ้าตั้งใจฟังก็จะได้ยินทันที แต่ถ้าธรรมดาๆก็จะไม่ได้ยินค่ะ

    ท้ายนี้ ขออนุโมทนาในความเพียรของคุณอัคนีวาตที่มุ่งหมายเอาพระนิพพานเป็นที่ไป
    สำหรับตัวเองไม่ทราบอีกกี่สิบร้อยชาติจะไปถึงบ้านแห่งนั้นบ้าง

    _/|\_
     
  19. midobunz

    midobunz Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +60
    คุณอัคนีวาตครับคิดว่า วิชาอะไรดีสุดครับ วิชาจักรวาลหรือลมปราณจีน ชี่กง โยคะอินเดีย โยคะสายต่างๆ รวมฝั่งตะวันตก วิชาอะไรที่คุณอัคนีวาต ว่ามีอยู่จริง ฝึกแล้วได้ผล ช่วยแนะนำครับว่าโลกเรามีวิชานี้มายมากแค่ไหน มีอยู่จริงไหมตามนิยาย ตำนานต่างๆ
     
  20. มีแปปเดียว

    มีแปปเดียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2010
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +3,876
    ถ้าท่านฝึกสติปัฐฐาน4จริงๆแบบเข้าใจจุดประสงค์ของการฝึก มีสติพร้อมและใช้กฏไตรลักษณ์พิจารณากาย เวทนา จิต ธรรม อย่างเร็ว7วัน อย่างกลาง7เดือน อย่างช้า7ปี ท่านต้องบรรลุธรรม
    ส่วนอาการของท่านคือปราณธรรมชาติพยายามทะลวงจุดกระหม่อม ขอให้ท่านลองฝึกตามที่ผมโพสไว้ในกระทู้ดูครับว่าจักระที่7หมุนหรือไม่
    ความพยายามอยากส่งพลังอย่างตั้งใจ เคร่งเครียด รังแต่จะทำให้เกิดอันตราย
    พลังของมนุษย์เทียบไม่ได้กับพลังแห่งพระรัตนตรัยแลจักรวาลและธรรมชาติทั้งปวง
    เราแค่รู้วิธีนำพลังนั้นมายังประโยชน์ตนและประโยชน์ท่าน พลังจะไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ
    การฝึกพลังจักรวาลต้องปลอดโปร่ง โล่ง เบา สบาย ผ่อนคลาย
    ปราศจากความคาดหวังและสงสัย
    ปล่อยให้จักรวาลและคุรุทั้งหลายเป็นคนจัดสรร
    เราแค่ปรับคลื่นให้ตรงเท่านั้น
    เมื่อรู้สึกหรือเกิดญาณทรรศนะใดๆก็แค่รับรู้
    เมื่อจิตถอยออกจากสมาธิ จึงนำสิ่งที่รับรู้ต่างๆมาพิจารณาโดยใช้พุทธธรรมเป็นแว่นขยาย ใช้กฏไตรลักษณ์เป็นเครื่องกำกับปัญญา
    ถ้าปรารถนานิพพานอย่าคิดว่าอีกกี่สิบร้อยชาติ ให้ปรารถนาที่นี้ เดี๋ยวนี้ เริ่มได้ทันทีที่ขณะจิตนี้เลย
    อ่านคีรีมานนท์สูตรมากๆแล้วพิจารณาตาม
    ขอท่านเจริญในธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...