เรื่องเด่น เปิดกรุพระดี.....สำหรับมีไว้บูชาอย่างแท้จริง

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย หนุ่มเมืองแกลง, 16 มีนาคม 2012.

  1. Magicbunny

    Magicbunny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    766
    ค่าพลัง:
    +614
    เรียนพี่หนุ่ม
    ผมได้รับภาพเรียบร้อยแล้วครับ
    ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. -Sapphire-

    -Sapphire- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +293
    ได้รับภาพแล้วครับ สวยมากๆครับ
     
  3. pinyosin

    pinyosin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2013
    โพสต์:
    441
    ค่าพลัง:
    +1,015
    ได้รับรูปถ่ายหลวงพ่อแล้วครับ ขอบคุณครับ
     
  4. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ยินดีด้วยครับ ขอบคุณครับ
     
  5. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ยินดีด้วยครับ ขอบคุณครับ
     
  6. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ยินดีด้วยครับ ถึงเร็วมากเลย ขอบคุณครับ
     
  7. Umalee

    Umalee สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2021
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +3
    ขอตอบในฐานะเป็นผู้นับถือหลวงพ่อพรหมครับ
    พิมพ์เข่ากว้างสร้างจากเนื้อระฆังในปี16 ประสบการณ์พระของหลวงพ่อมีประสบการณ์ทุกรุ่น
    เเต่เนื้อระฆังเป็นรุ่นที่เซียนพระบนห้างกระซิบบอกให้เก็บครับ เหรียญจตุรพิธพรชัย รุ่นนี้ผมยังไม่มี มีแต่ภาพถ่ายท่านครับ หลวงพ่อมุ่ยผมมีแต่พระผง ประสบการณ์ด้านเมตตา ค้าขายครับ ส่วนกุมารหลวงปู่ทิมผมไม่มีครับ แต่เคยอ่านจากพี่หนุ่ม ว่าเด่นด้านเมตตาครับ ทุกองค์ที่คุณNUTNARONG ถามผมอยากได้ แต่ขาดปัจจัย ราคาน่าจะหลักหมื่นทุกองค์ครับ เรียงจากหมื่นต้นไปหลายหมื่น (หลวงพ่อมุ่ย,เหรียญจตุรพิธพรชัย,หลวงพ่อพรหมพิมพ์เข่ากว้าง,ส่วนกุมารหลวงปู่ทิมผมไม่มีข้อมูล)ถ้าใครงบถึงผมแนะนำให้หาเช่าไว้ครับ ไม่ได้มาเชียร์พี่หนุ่ม แต่พระพี่เขาแท้ และจะหาแท้ในตลาดพระ อ้างคำพูดกำนันชูชาติมีน้อยมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กรกฎาคม 2021
  8. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ขอบคุณเพื่อนสมาชิกทั้งสองท่าน ที่มาช่วยอธิบายให้คำตอบเพื่อนสมาชิกท่านอื่น ผมเองพยายามเลี่ยงการตอบหน้าเวปเพื่อลดการเข้าใจผิดว่าเป็นการส่งเสริมการขายของตัวเองหรือมีหน้าม้า แต่ผมมักจะให้คำตอบในข้อความส่วนตัว ทางเวปเองมีคนดูกระทู้นี้เป็นพิเศษอยู่นานแล้ว สามาถตรวจสอบได้ว่าไม่ได้รู้จักกันเลย และในขณะเดียวกันก็ยังมีคนอีก2คนในเวปนี้แหละที่ชอบแอบแฝงตัวเป็นพระคู่สวด เพราะมักส่งpm ไปตามสวดลับหลังพระแทบทุกองค์ที่เพื่อนสมาชิกขอแบ่งบูชาไป ผมมีหลักฐานเก็บไว้แล้ว จะนำมาลงให้ดูในวันหน้า ในสังคมส่วนรวมนั้น การเคารพสิทธิของคนอื่นและการไม่ก้าวล่วงเป็นสิ่งสำคัญ
     
  9. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    เรื่องราวของเหตุการต่อไปนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในแผ่นดินไทย เมื่อปี2524 ผมได้ขออนุญาตผู้เกี่ยวข้อง เพื่อนำมาลงเป็นเครื่องเตือนใจในการใช้ชีวิต และการใช้บูชาวัตถุมงคล เรื่องราวและเหตุการต่างๆในลักษณะนี้จำนวนมาก จะมีลงในหนังสือ "ตามรอยหลวงพ่อกวย"
     
  10. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    บันทึกเลือด จากอิทธิฤทธิ์หนุมานหลวงพ่อกวย

    ไอ้พวกเหี้ยยย ถ้ามึงแน่จริงมาเดี่ยวกับกูตัวต่อตัวซิวะ อย่ารุมแบบหมาหมู่”

    เสียงตะโกนร้องด่าอย่างท้าทายที่ดังสนั่นลั่นทุ่งในกลางดึก และเสียงดังหนักๆเหมือนการตีวัวสลับกับเสียงด่าทอโวยวายดังโหวกเหวกตลอดเวลากว่า10นาที ปลุกให้ชาวบ้านในเรือนไม้เล็กๆ2หลังที่อยู่ห่างออกไปไม่มากนักและกำลังนอนหลับหลังจากตรากตรำทำงานหนักมาตลอดวัน ต้องลุกขึ้นมาแอบดูตามช่องหน้าต่างและรูของฝาบ้าน เพื่อมองเหตุการณ์รุนแรงที่กำลังเกิดขึ้นในเงามืดบนถนนปากทางเข้าวัดเขาดิน อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี และท่ามกลางความชุลมุนที่เห็นในความมืดสลัวตรงหน้า เป็นชายวัยรุ่นกลุ่มใหญ่กำลังเข้าห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ท่ามกลางเงาสลัวในคืนพระจันทร์ข้างแรม มีทั้งมีดดาบและไม้ท่อนยาวหลายอันที่กระหน่ำเข้าไปยังร่างหนึ่งที่เล็กแต่ดูแข็งแรง จนโอนเอนเซซัดหมุนไปมาดังสนต้องพายุ แม้จะถูกตีจนล้มลุกคลุกคลานไปไม่รู้ว่ากี่ครั้ง ร่างนั้นก็ยังผุดลุกขึ้นและทะยานใส่พวกหมาหมู่เหมือนราชสีห์ในฝูงหมาป่า แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟเป็นสัจธรรม
    เสียงด่าทอโวยวายดังแผ่วเบาลง มีแต่เสียงหายใจที่ดังอย่างเหนื่อยหอบและอ่อนล้า ร่างที่ไร้เรี่ยวแรงแม้พยายามจะทรงตัวยืนแต่ก็สั่นสะท้านและต้องทรุดตัวนั่งไปอีกครั้ง แขนสองข้างห้อยขนานกับลำตัวอย่างผิดรูป เสื้อที่ขาดวิ่นรุ่งริ่ง กางเกงที่เปื้อนฝุ่นและเนื้อตัวที่มอมแมมทำให้มองไม่รู้ว่าเป็นใครที่โชคร้าย เลือดที่ทะลักเป็นลิ่มจากปากออกมาเปื้อนตัวและไหลหยดลงดินตลอดเวลา เสียงดังแผ่วเบาที่แหบแห้งอย่างอ่อนล้าหลุดจากปากนักสู้เดียวดายผู้อาภัพ ยังพอจะทำให้ฝูงหมาหมู่ได้ยินกันทั่ว

    ใครก็ได้มาเดี่ยวกับกูตัวต่อตัว ถ้ากูแพ้กูจะยอมตาย ใครแน่จริงเข้ามาเลย
    เสือย่อมไม่มีลายหมาฉันใด หมาก็ย่อมเป็นเสือไม่ได้ฉันนั้น หัวใจแม้โตเท่ากัน แต่ใจคนไม่เท่ากัน ไอ้ตัวหัวโจกในฝูงหมาหมู่ร้องบอกสั้นว่า “พวกเรา..เอามันให้ตาย” พร้อมกระโดดฟาดด้วยไม้ไผ่รวกลำเหมาะมือเข้าใส่ร่างที่กึ่งนั่งกึ่งยืนอยู่กลางถนนดินลูกรัง จากนั้นอีกนานกว่า10นาทีที่หมาหมู่ฝูงใหญ่รุมกระหน่ำท่อนไม้ขนาดต่างๆเข้าใส่ชายร่างเล็กอย่างไม่นับ โดยไม่สนใจว่าจะโดนส่วนไหนของร่างตรงหน้าที่เป็นคนเหมือนกัน เสียงดังหนักๆทึบๆจากไม้ที่กระทบเนื้อคนรัวติดกันเหมือนเสียงล้อรถไฟบดขยี้รางอย่างต่อเนื่อง สลับด้วยเสียงร้องโอดโอยโหยหวนอย่างเจ็บปวดรวดร้าว ชวนให้สยดสยองขนลุกขนพองเกินจะบอกให้รับรู้ได้ทั้งหมด กรรมกำลังทำหน้าที่ของมันอย่างยุติธรรม เวรกรรมของแต่ละคนที่สะสมมาแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีมากมาย มีแต่บุญเท่านั้นที่เกื้อหนุนให้ยังอยู่ดีมีสุข วันใดที่สิ้นบุญก็หมดวาสนา เมื่อหมดเวลาของ “บุญ” ก็ถึงเวลาของ “กรรม”

    “พวกนักเลงมันตีกัน อย่าออกไปเดี๋ยวโดนลูกหลง” เสียงกระซิบบอกกันของคนที่แอบดูอยู่ในบ้านแหบโหย และสั่นกระเส่าอย่างตกใจระคนความหวาดกลัวสุดขีดต่อเหตุการณ์ที่เห็น ในเวลาค่อนชีวิตของคนบ้านนอกที่สองมือจับจอบเสียมและมีดถางป่ามาตลอดตั้งแต่เด็กจนเวลานี้มีผมสองสีแล้ว ก็ยังไม่เคยเห็นความโหดร้ายสยองใจแบบนี้มาก่อน เคยภาคภูมิใจต่อคำพูดของคนรุ่นใหญ่กว่าที่มักผ่านหูมาแต่เด็กเสมอว่า “สุพรรณบุรีมีแต่คนจริง เป็นคนสู้คนและมีน้ำใจ รักและสามัคคีกัน”

    แต่ภาพความโหดที่เห็นตรงหน้าทำให้ความคิดนี้สะดุดลงทันที หวนคิดถึงคำของพ่อเคยสอน “นักเลงจริงต้องมีศักดิ์ศรี สัจจะและคุณธรรม ถ้าขาดสามอย่างนี้เป็นได้เพียงอันธพาล” แม้แต่หน้าวัดที่เป็นดินแดนแห่งเขตอภัยทานแท้ๆ บนถนนเข้าสู่แผ่นดินของพระพุทธศาสนา แต่การฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมกำลังจะเกิดตรงหน้า.
     
  11. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    คนพื้นบ้านสุพรรณบุรีมักตัวไม่ขาว บวกกับสำเนียงพูดหนักเหน่อ ซึ่งไม่เหมือนสำเนียงการพูดของชาวกรุงที่ถือว่าเป็นเสียงกลางมาตรฐาน ทั้งชอบถือมีดดาบหรือเหน็บหลังด้วยมีดพกเล่มโต เมื่อรวมกับสำเนียงเสียงพูดที่หนักแน่นและสั้นห้วน ทำให้ในสายตาของหลายคนเหมาเอาว่าคนสุพรรณเป็นคนดุ เป็นนักเลง เป็นคนน่ากลัว ซึ่งในความจริงแล้วคนสุพรรณไม่ได้เป็นคนดุร้ายใจดำ แต่เป็นคนจริง รักพวกพ้องเพื่อนฝูงแบบตายแทนกันได้ สมดังคำที่เคยได้ยิน “เลือดสุพรรณย่อมไม่ทิ้งกัน” ไม่ว่าจะมีคนแปลกหน้าจากไหนมาก็จะให้การต้อนรับเป็นอย่างดี และจะเดือดร้อนแทนพรรคพวกเพื่อนฝูงยามถูกรังแก จนบางครั้งก็ออกหน้าไปโต้ตอบแทนกัน ดังเรื่องราวต่อไปนี้ที่เคยเกิดขึ้นจริงเมื่อ 40ปีที่ผ่านมาในเมืองสุพรรณบุรี และยังเล่าขานสืบต่อกันมาเป็นตำนานของความมหัศจรรย์ในอิทธิฤทธิ์และพุทธานุภาพของหนุมานหลวงพ่อกวย ชุตินธโร วัดโฆสิตาราม อ.สรรพยา จ.ชัยนาท

    ชัย...เป็นลูกชายของครอบครัวใหญ่ที่มีฐานะดีในตลาดท่าช้าง อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี เขาเติบโตมาท่ามกลางการดูแลและเอาใจใส่ของพ่อแม่และพี่ๆอย่างอบอุ่น เมื่อย่างเข้าวัยรุ่นก็เริ่มสนใจในความโลดโผน ชอบเรื่องแปลกใหม่ที่ท้าทายชีวิตผิดไปจากพี่น้องคนอื่นๆที่วุ่นอยู่กับการค้าขายในแต่ละวัน รวมทั้งกิจการทำไร่อ้อยขนาดใหญ่ทั้งในสุพรรณบุรีและที่ชัยนาท บ่อยครั้งที่เขาท่องเที่ยวไปหลายแห่งกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ ด้วยความใจใหญ่ ใจถึงแบบกล้าได้กล้าเสียและรักพวกพ้องของเขา ทำให้มีเพื่อนฝูงมากมายทั้งในตลาดและตัวอำเภอ เพื่อนคนไหนมีเรื่องต้องมีชัยเข้าไปร่วมด้วยเสมอ เพื่อนๆรักเขาทุกคนและให้ฉายาว่า “ชัย..ใจช้าง” หากเพื่อนคนไหนไปมีเรื่องต่างถิ่นหรือไปโดนดีจากหมู่บ้านอื่นมา เรื่องก็จะต้องถึงหูหนุ่มชัยทุกครั้ง และไม่ผิดหวังที่ชัยจะออกหน้าไปเอาคืนให้เพื่อน จนลือกันไปทั้งบางในความใจกล้าและรักเพื่อนของเขา แต่พ่อแม่และพี่ๆทุกคนต่างหนักใจและเป็นห่วงในความหุนหันพลันแล่นของหนุ่มชัย ที่นับวันจะยิ่งไม่กลัวใครหน้าไหนและพร้อมลุยบวกกับทุกคนที่แหลมเข้ามา แบบที่เรียกว่าไม่สนหน้าอินหน้าพรหม ในสิ่งเดียวกันที่ผองเพื่อนเรียกว่า “ใจถึง” แต่พ่อแม่พี่น้องที่ห่วงใยต่างเรียกว่า “ใจร้อน”

    เมื่อชัยอายุเข้าวัยหนุ่มเต็มตัวก็เริ่มสนใจในไสยศาสตร์เรื่องคาถาอาคม โดยเฉพาะเรื่องคงกะพัน ยิงไม่ออก ฟันแทงไม่เข้า เพราะวิถีคนสู้คนสมัยก่อนจะยังมีเพียงไม้ตะพดและมีดพกเท่านั้นที่ใช้ห้ำหั่นกัน เรื่องวัยรุ่นต่างหมู่บ้านตีกันถือเป็นเรื่องปกติและเห็นได้บ่อยในชีวิตชนบท เมื่อพี่ชายของเขาพูดให้ฟังถึงเรื่องพระเกจิที่เก่งในวิชาอาคมและมีวิชาดีทางอยู่ยงคงกะพันเป็นที่เลื่องลือในชัยนาท ทำให้เขาหูผึ่งฟังด้วยความสนใจและซักถามในรายละเอียดอยู่หลายครั้ง จากวันเป็นเดือนและเป็นปีที่เขาซึมซับรับรู้และได้ยินในเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ของพระเกจิแห่งชัยนาทผู้เก่งกาจ ผู้มีพลังจิตกล้าแกร่ง มีอาคมเข้มขลังที่ชื่อหลวงพ่อกวย ชุตินธโร ช่วงเวลานั้นกิตติศัพท์การสักยันต์ของหลวงพ่อกวยดังระบือลือเลื่องไปทั่วคุ้งน้ำภาคกลาง แม้ท่านได้ครอบครูให้อาจารย์ทรงและลุงหล่อนเป็นคนลงเข็มสักยันต์แทนท่านแล้วก็ตาม โดยตัวท่านเองคงทำให้เฉพาะเป่าคาถาเพื่อลงวิชาให้ตามที่สักอักขระไว้บนร่างกาย ด้วยเหตุที่ทางราชการมาขอร้องไม่ให้ท่านสักให้พวกเสือร้ายและนักเลงอันธพาล เพราะยิงหรือฟันแทงไม่เข้าและจับตัวไม่ได้ จนทำให้ชุมเสือหลายแห่งขยายตัวเติบโตอย่างได้ใจและล้วนฮึกเหิมในของดีที่คุ้มตัวอยู่ จนทางราชการมองว่าเป็นชุมโจรที่เป็นภัยร้ายของแผ่นดิน ซึ่งหลวงพ่อก็รับฟังคำขอของทางราชการ แต่ความรักและห่วงใยในลูกศิษย์ก็ไม่เคยเลือกที่รักมักที่ชัง สัจจะที่ตั้งไว้คือไม่สักยันต์ให้ใครอีก แต่ท่านไม่ได้รับปากเรื่องเป่าอาคมเรียกหัวใจคาถาต่างๆเมื่อสักเสร็จแล้ว

    ในปี2516 เมื่อพี่ชายของชัยได้กราบฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อกวยเต็มตัวและได้รับการสักยันต์หงส์ทองที่ไหล่ รวมทั้งได้รับการลงกระหม่อมมาแล้ว ชัยที่รู้เรื่องก็อยากจะสักยันต์บ้างทันทีเพราะเขารอเวลานี้มานานแล้ว ดังนั้นอีกเพียง5วันต่อมาเขาจึงโลดแล่นไปถึงวัดบ้านแคกับเพื่อนสนิทอีก1คน หลังจากนั่งรอด้านล่างด้วยความกระวนกระวายใจจนแขกของหลวงพ่อเบาลงก็พรวดขึ้นไปบนกุฏิทันทีพร้อมด้วยลิโพ 6ขวดที่เขาซื้อเตรียมมาจากในอำเภอเรียบร้อยแล้ว

    ผมจะมาสักยันต์กับหลวงพ่อครับ ” เสียงชัยดังฟังชัดหลังจากกราบหลวงพ่อกวยแล้วถวายลิโพที่เตรียมมา เขามีจุดหมายเดียวคือการสักยันต์ที่โด่งดังทั่วคุ้งน้ำเจ้าพระยาของหลวงพ่อกวยคือหนุมาน หลวงพ่อมองแล้วนิ่งเฉยไม่พูดอะไร จนชัยต้องกราบท่านอีกครั้งก่อนจะบอกว่า “ผมเป็นน้องเฮียมลท่าช้างครับ เฮียเขาสักไปแล้ว ผมมาขอหลวงพ่อสักบ้าง เมตตาผมอีกสักคนเถอะครับ ผมจะขอเป็นศิษย์หลวงพ่อด้วย”

    “อ้าวเป็นน้องเสี่ยตี๋นั่นเองหรือ แล้วเอ็งจะสักอะไรล่ะไอ้หนุ่ม”
    “ผมสองคนมาขอสักหนุมานครับ ขอแบบลงครบสูตรเลยครับหลวงพ่อ”

    หลวงพ่อมองนิ่งไปข้างหน้าแล้วถอนหายใจอย่างอึดอัด ท่านขยับนั่งตัวตรงแล้วมองหน้าเขาก่อนเอ่ยถามย้ำ “เอ็งแน่ใจนะว่าจะสักหนุมาน ไอ้นี่มันร้อนนะ มันจะทำให้ใจร้อนถ้าคุมสติไม่อยู่ เอาหงส์ทองไหม เป็นเมตตาค้าขายดี ไม่มีเรื่องมีราวกับใคร” แต่ชัยก็ยืนยันกลับในทันทีโดยไม่รอให้ท่านพูดจบ “ผมจะสักหนุมานครับ ยันต์อื่นอะไรๆผมก็ไม่เอาทั้งนั้น”

    “เอาล่ะ ถ้าเอ็งแน่วแน่ว่าจะสักหนุมานก็เอา ทุกคนชะตากำหนดมาแล้ว” ท่านบอกอย่างตัดสินใจและเรียกลุงหล่อนมาดำเนินการลงเข็มสักให้ ยันต์หนุมานของชัยแปลกไปจากคนอื่นๆ เพราะท่านให้ลงตัวใหญ่กลางหลัง แทนการลงสีข้างเช่นที่สักให้ศิษย์ส่วนใหญ่ที่เคยทำตลอดมา หลังจากสักเสร็จแล้วทั้งสองคน ท่านเป่าเพื่อลงคาถาให้ “แป๊ะ” เพื่อนของชัยที่มาด้วยกันก่อนแล้วให้ลงไปรอด้านล่างกุฏิ ส่วนชัยนั้นท่านเรียกมานั่งตรงหน้า แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง สีหน้าเคร่งเครียดมีแววหนักใจปะปนอยู่

    วิชาอาคมมีไว้คุ้มครองตัว ไม่ได้มีไว้อวดใคร ถ้าลองพร่ำเพรื่อจะไม่ได้ผลในเวลามีภัยถึงตัว เอ็งสักหนุมานไปแล้วก็ครองสติให้มั่น ต้องมีสติในการใช้ชีวิต อะไรที่ไม่ใช่เรื่องใช่ราวของเรา ก็อย่าไปผสมโรงกับเขา เพราะมันจะทำให้เดือดร้อนทั้งเอ็งและครอบครัว เอ็งทำได้ไหมไอ้หนุ่ม

    ชัยรีบรับปากทันทีโดยไม่ต้องคิดอะไร หัวใจเขาลิงโลดที่ได้สักยันต์อันโด่งดังมีชื่อของหลวงพ่อกวยสมใจแล้ว ยังรอเพียงท่านลงวิชาให้เท่านั้น หลวงพ่อบริกรรมแล้วเป่าลงที่กลางหลังของเขา3ครั้ง ก่อนเอามือตบหลังอีก3ทีแล้วบอกว่า “เอาล่ะ ดีแล้ว” ชัยหันมาแล้วถามว่า”เสร็จแล้วหรือครับหลวงพ่อ” ใจเขานึกไปว่าทำไมเร็วจัง ไม่เห็นสวดคาถานานๆเหมือนสำนักอื่นๆที่เขาเคยไปเห็นมาบ้าง แล้วมันจะได้ผลจริงไหม เขาได้แต่คิดในใจแต่ไม่กล้าถามออกมา เมื่อกราบลาแล้วก็หันหลังก้าวลงบันไดจนถึงขั้นสุดท้าย

    “ปั๊ก...โอ๊ย” สองเสียงที่เกิดพร้อมกัน เสียงแรกมาจากหอกแหลมที่หลวงพ่อพุ่งไปกลางหลังของเขาจนหัวคะมำล้มลงพร้อมเสียงร้องอย่างตกใจของชัย “เป็นไง เอ็งหายสงสัยหรือยัง” ท่านถามแล้วยิ้มอย่างเมตตา ชัยเอามือป้ายไปด้านหลังเพื่อหาเลือดแต่ก็ไม่ปรากฏอะไรติดมือให้เห็น เขาสิ้นสงสัยทุกอย่างที่เคยครุ่นคิด รีบคุกเข่าที่พื้นดินหน้าบันใดแล้วกราบงามๆอีก3หน ก่อนหลวงพ่อจะย้ำอีกครั้งด้วยความห่วงใย

    อะไรที่ไม่ใช่เรื่องของเรา ให้ยับยั้งชั่งใจให้ดี ต้องคุมสติให้ได้ จำเอาไว้นะ
     
  12. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    หลังจากสักหนุมานมาแล้ว ชัยมีความเชื่อมั่นและฮึกเหิมมากกว่าเดิมเป็นทวีคูณ แต่เขายังระลึกคำหลวงพ่อได้ดีว่าต้องคุมสติให้มั่น อย่าไปมีเรื่องกับใคร หลายครั้งที่เขาแวะเวียนไปกราบหลวงพ่อที่วัดบ้านแคพร้อมกับเพื่อนๆกลุ่มใหญ่ โดยมีแป๊ะเพื่อนสนิทคนที่เห็นหอกพุ่งปักกลางหลังชัยแต่ไม่เข้า ได้ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่าสู่กันฟังในหมู่เพื่อนฝูงและคนอื่นๆที่อยากรู้ จนหลายคนก็ขอให้ชัยพาไปสักกับหลวงพ่อบ้าง ซึ่งทุกคนก็ไม่ผิดหวังและต่างฝากตัวเป็นลูกศิษย์กลุ่มใหญ่ของหลวงพ่อวัดบ้านแค วัยรุ่นกลุ่มนี้จับกลุ่มไปไหนไปกันและต่างเชื่อมั่นในของดีที่คุ้มตัวอยู่

    เมื่อรวมตัวกันมากก็ย่อมใจห้าวเป้งและคึกคะนองเป็นธรรมดาของหนุ่มวัยคะนอง การมีเรื่องมีราวกระทบกระทั่งกันในกลุ่มวัยรุ่นต่างถิ่นจึงเกิดขึ้นแทบทุกวัน แต่ไม่ถึงกับชีวิตแค่เพียงเลือดเป็นยางบอน แค่พอได้แผลฟกช้ำมาเล่าสู่กันฟังเท่านั้น ยิ่งนานวันก็เริ่มเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้น โดยมีชัยเป็นตัวหัวโจกนำขบวน แต่ชัยก็ยังไปกราบหลวงพ่อกวยที่วัดบ้านแคทุกปี และท่านก็จะเป่าคาถาลงด้านหลังที่สักหนุมานให้อีกทุกครั้ง และก็ยังย้ำเตือนเช่นเดิมเรื่อง “การคุมสติตัวเอง”

    อีดาบหรือมีดเหน็บ ไม่เคยได้เลือดจากชัยเลยแม้แต่ครั้งเดียว ประสบการณ์มีจากหนึ่งครั้งเป็นสองครั้ง แล้วก็เป็นหลายครั้งที่เขาผ่านสมรภูมิดงนักเลงในตำบลและขยายชื่อไปต่างบ้าน จนใครๆก็รู้จัก ชัย..หนังเหนียว จนเวลาผ่านไป 7ปีนับจากวันที่เขาสักหนุมานมาจากหลวงพ่อกวยและผ่านรอยต่อของเวลาที่ไม่มีหลวงพ่อให้เขาไปกราบแทบเท้าอีกแล้ว แต่บัดนี้เขามีชื่อเสียงดังไปทั้งอำเภอและในกลุ่มเพื่อนๆทุกคนก็ยกให้ชัยเป็นพี่ใหญ่

    ด้วยความที่ครอบครัวมีฐานะและมีของดีติดตัว ทำให้ใจเขาเตลิดไปกับเสียงยกยอชื่นชมจากผองเพื่อนที่ห้อมล้อมไม่เว้นวัน มิใยที่พ่อแม่และพี่ๆจะร้องเตือนทุกครั้งที่ยามเจอหน้ากัน การเข้าวัดทำบุญเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่การร่ำสุรากับเพื่อนจนดึกดื่นค่อนคืนแล้วไปลองของกับวัยรุ่นต่างหมู่บ้านหรือต่างถิ่นกลายเป็นเรื่องน่าลอง เขาลืมคำเตือนของหลวงพ่อเสียสิ้น ความทระนงในตัวเองมีอำนาจเหนืออื่นใด จนเรียกได้ว่าเป็น “ความประมาท ขาดสติ” เขาบ่มเพาะศัตรูโดยไม่รู้ตัว เมื่อมีคนรักก็ต้องมีคนชังเป็นของคู่กัน

    จนล่วงมาถึงต้นปี2524 บัดนี้เขาอายุเข้า25 เข้าสู่วัยเบญจเพสแล้ว พ่อแม่ขอร้องอยากให้เขาบวชสัก1พรรษาเพื่อศึกษาด้านพระธรรมจะได้ใจเย็นลง แต่ชะตาชีวิตกำหนดมาแล้ว เสบียงบุญเขาก็ได้ใช้ไปเกือบหมดแล้ว วันหนึ่งมีคนวิ่งมาบอกว่าหนุ่มรุ่นน้องในตลาดท่าช้างโดนนักเลงต่างถิ่นมาหาเรื่องถึงหลังตลาด และก็ไม่พลาดที่ชัยจะรีบขี่รถเครื่องไปในทันทีและได้ทันเจอสองนักเลงรุ่นใหญ่จากตัวอำเภอที่มาทวงเงินวัยรุ่นบ้านท่าช้าง ที่ไปกู้ยืมมาหลายเดือนแล้วและไม่ส่งดอกส่งต้นเลยสักบาท จนเจ้าของเงินต้องให้คนมาตามหาถึงบ้านและตบสั่งสอนไปบ้าง คนทวงเงินยังสำทับว่าจะโดนอีกถ้ายังไม่จ่ายเงิน

    ชัยยอมไม่ได้ที่คนต่างถิ่นมาออกฤทธิ์ในถิ่นของเขา ด้วยความเชื่อมั่นในตัวเองว่าของดีมีอยู่กับตัว เขานึกถึงหลวงพ่อกวย ทำใจให้นิ่งแล้วบริกรรม “ โอมผงเผ่าเถ้าธุลี คงกระพันชาตรี สวาหะ หะนุมานะ คลุกคลีตีมะอะ " แล้วตบลงไปที่หน้าออกตัวเอง3ทีจนขนลุกเกรียว เส้นผมเห่อไปทั้งหัว เขากระชากเสื้อแอ่นอกหราก่อนจะร้องท้าทาย “มึงแน่จริงมายิงกูนี่ แต่ถ้ามึงยิง 3ทีแล้วกูไม่ตาย หนี้สินที่ค้างอยู่ต้องหายกันไป มึงกล้าไหม ถ้าไม่กล้าก็มากราบตีนกู”

    คำว่า “นักเลง..ฆ่าได้ หยามไม่ได้” ยังใช้ได้เสมอ คนต่างถิ่นถูกหักหน้าท้าทายต่อหน้าหลายคนที่รุมดูหลังตลาด เมื่อทางถอยถูกปิดแล้ว การเดินหน้ารับคำท้ายังพอมีโอกาสชนะ ปืนกระบอกโตสีดำเลื่อมถูกชักออกมาจากเอวด้านหลัง ก่อนยกใส่หน้าอกชัยที่ยืนห่างไม่ถึงวาและลั่นกระสุนอย่างไม่ลังเล “แชะ แชะ แชะ” ความรู้สึกของคนยิงคือเจอดีเข้าแล้ว นักเลงต่างถิ่นหน้าเสียก่อนจะยอมในเงื่อนไขของชัย “เออ กูยกหนี้ให้มันก็ได้ วันพระไม่ได้มีหนเดียว”

    “มึงยังไปไม่ได้ มึงต้องกราบตีนกูก่อน” ชัยบอกเสียงดังลั่นตลาด ขณะนั้นเพื่อนๆเขาที่รู้เรื่องก็มากันแล้วอีกหลายคน เสียงกระชากลูกเลื่อนปืนดังกราวใหญ่จากคนที่รุมล้อมสองนักเลงต่างถิ่น ศักดิ์ศรีถูกหยามให้ได้อายต่อหน้าคนจำนวนมาก จนต้องขี่รถกลับบ้านพร้อมด้วยเหลี่ยมนักเลงที่ถูกลบจนไม่เหลืออะไรให้ภาคภูมิได้อีกแล้ว การอาฆาตผูกใจเจ็บและรอวันเอาคืนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วจากคนต่างถิ่น

    ก่อนสงกรานต์ในปีนั้น แม่ผู้ชราของชัยที่ปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง ได้เรียกชัยไปคุยด้วยความรักและห่วงใย “อย่าไปมีเรื่องอีกเลยนะลูก เดี๋ยวมันจะเดือดร้อน อยู่ร้านช่วยอาเจ๊ หรือไปช่วยเฮียเขาทำไร่ดีกว่า แล้วตัดสินใจจะบวชได้หรือยัง ตอนนี้อายุ 25แล้วนะ แม่อยากให้บวช แค่สักเดือนเดียวก็ได้”

    “เรื่องบวชเอาไว้ก่อนแม่ ปีหน้าค่อยบวช เอาเต็มพรรษาเลยก็ได้” ผู้เป็นแม่ได้แต่ถอนหายใจและหวังในทางที่ดีว่า ลูกชายคนนี้จะหันมาช่วยครอบครัวทำมาค้าขาย ช่วยแบ่งเบาภาระของเตี่ยและพี่ชายได้บ้าง ชัยเองอาจจะไม่รู้ว่าแม่ของเขาเวลานั้น ได้เป็นผู้ที่เข้าใจในสัจธรรมชีวิต ชอบสวดมนต์ปฏิบัติภาวนาและถือศีลอย่างเคร่งครัด แม้แต่เตี่ยของเขาเองก็เริ่มหันมาปฏิบัติธรรมตามแม่เช่นกัน คงปล่อยงานทั้งหมดให้ลูกๆทั้ง10คนช่วยกันดูแลทั้งการค้าขายและงานไร่

    ชีวิตคนนั้นแสนสั้น อยู่กันไม่นานก็ลาจาก เหลือแต่คุณงามความดีให้ระลึกถึงและอาลัยรัก เหมือนน้ำค้างสดใสในยามเช้าและสลายไปเมื่อแดดเผา บางทีชีวิตก็เหมือนเปลวแดดระยิบระยับยามเที่ยง มองไกลๆเหมือนมีตัวตนน่าสนใจ แต่พอเข้าไปใกล้กลับเหลือแต่ความว่างเปล่า
     
  13. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    เช้าวันหนึ่งในหน้าแล้งขณะที่อากาศร้อนอบอ้าว หนุ่มชัยที่เพิ่งจะตื่นนอนและยังงัวเงียอยู่ ได้ถอดเสื้อเตรียมจะอาบน้ำแปรงฟันเพื่อจะออกไปหาเพื่อนเช่นที่ทำเป็นประจำทุกวัน แต่ทันใดนั้นสายตะกรุดโทนที่ใช้คาดเอวมานานกว่า 7 ปีก็ขาดหลุดร่วงลงแทบเท้าของเขา ตะกรุดดอกนี้เขารับมาจากมือหลวงพ่อกวย ในครั้งที่ย้อนไปกราบเยี่ยมหลังจากสักหนุมานมาแล้ว เป็นตะกรุดทองแดงเปลือยและไม่มีเชือกถักหุ้มด้านนอก เขาใช้สายเชือกร้อยคาดติดตัวตลอดมาตั้งแต่วันที่รับจากหลวงพ่อและไม่เคยถอดจากตัวแม้สักวันเดียว มากกว่า7ปีที่ผ่านมานั้นเขามีเพียงรอยสักหนุมานกลางหลังและตะกรุดโทนดอกนี้เท่านั้นที่ติดตัวตลอดเวลา จนผ่านวิกฤติเหตุการณ์อันตรายที่ลุยดงตีนมารอบทิศ จะมีบ้างเพียงพกช้ำดำเขียวแต่ไม่เคยเสียเลือดให้ใครตลอดเวลาหลายปี

    เขาหวนนึกถึงคำที่หลวงพ่อเคยสั่งไว้ว่า
    "ตะกรุดนี้จะคุ้มครองเอ็งได้เท่าที่เอ็งยังนึกถึงข้าและยังไม่หมดบุญ ที่สำคัญต้องจำไว้คือ..ห้ามด่าพ่อด่าแม่ของใครเด็ดขาด ถ้าทำได้..ตะกรุดอยู่ คนก็ยังอยู่"

    ชัย..ที่เป็นคนเล่นของและสนใจทางไสยศาสตร์มาแต่วัยรุ่นรู้ดีว่า นี่คือสัญญาณเตือนให้ต้องระวังขั้นสูงสุด เขาใจเสียเล็กน้อยและครุ่นคิดไปต่างๆนานา ก้มลงหยิบตะกรุดที่ตกบนพื้นมาวางบนโต๊ะ ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะไปหาซื้อเชือกร่มมาร้อยเสียใหม่ จากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดเมื่อสักครู่ ทำให้เขาไม่ออกไปข้างนอกเลยตลอดทั้งวันแม้แต่จะไปนั่งหน้าบ้าน ทำให้ทุกคนในบ้านก็แปลกใจที่วันนี้เห็นเขานั่งเงียบๆอยู่ในบ้าน

    เมื่อแสงตะวันลับเหลี่ยมเขาไปแล้ว ความมืดก็เริ่มปกคลุมทุกพื้นที่ในบ้านท่าช้าง พอเข้าสามทุ่มก็เงียบไปทั้งตลาด ไม่มีเสียงรถหรือเสียงเพลงเหมือนเดี๋ยวนี้ อากาศเริ่มเย็นลงมากจากสายลมที่พัดเบาๆทำให้รู้สึกสบายตัว หลังจากอาหารมื้อเย็นในครอบครัวผ่านไป คนอื่นในบ้านก็แยกไปทำภารกิจส่วนตัวทั้งอาบน้ำและเตรียมตัวเข้านอนหลังจากเหนื่อยมาทั้งวัน ส่วนชัยนั้น..เขาได้เดินมานั่งที่โต๊ะหินหน้าบ้านเพื่อรับลมเย็นยามหัวค่ำ ในเวลาเดียวกันนั้นมอเตอร์ไซค์แบบวัยรุ่นก็ขับมาจอดหน้าบ้านพร้อมเสียงตะโกนพอได้ยิน " พี่ชัยรีบไปเร็วๆ พี่แปะโดนตีหัวที่หน้าวัดเขาดิน" เมื่อตะโกนบอกแล้วมันก็เร่งเครื่องจากไปทันที

    เมื่อชัยได้ยินว่าเพื่อนรักที่ลุยมาด้วยกันถูกตี ทำให้เขาลืมตัวที่ตั้งใจจะไม่ออกข้างนอกจนกว่าจะขึ้นวันใหม่ ลุกขึ้นได้ก็กระโดดคว้ามอเตอร์ไซค์คู่ชีพขี่พุ่งปราดไปเหมือนลูกธนู ด้วยระยะทางแค่10กิโลเมตร เขาใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึงหน้าวัดเขาดินที่มืดสลัวไร้แสงไฟเช่นทุกวันนี้ มีเพียงบ้านคนอยู่ข้างลำคลองท่ามะนาวที่ห่างออกไปเกือบ100เมตรเพียง2 หลังเท่านั้น สิ่งที่เขาเห็นจากแสงไฟหน้ารถคือ มีคนกลุ่มใหญ่ยืนล้อมกรอบร่างหนึ่งที่ล้มลงกับพื้นถนนดินลูกรัง

    ความประมาทคือจุดอับบนถนนนักเลง ความใจร้อนขาดสติเป็นจุดเริ่มของความฉิบหาย ด้วยความใจร้อนทำให้ชัยไม่ได้สังเกตเลยว่ารถเครื่องคันที่ขี่ไปตะโกนบอกเขาที่ตลาดท่าช้างก็จอดอยู่ใกล้ๆนั่นด้วย เมื่อจอดรถได้เขาก็พุ่งทะยานเข้าใส่คนทั้งกลุ่มพร้อมตะโกนลั่น "ใครทำเพื่อนกูวะ พวกมึงรู้จักกูไหม" ชายกลุ่มใหญ่แตกออกด้านข้าง ร่างที่เคยเห็นว่าล้มลงกับพื้นกระโดดกลับลุกขึ้นอย่างเร็วไว พร้อมเสียงหัวเราะอย่างสะใจ และระเบิดเสียงคำรามออกมา " มาแล้วหรือวะไอ้ชัย ไอ้หน้าโง่ วันนี้เป็นวันตายของมึง "

    ซึ่งชัยเพิ่งจะเห็นว่า คนที่ล้มลงไปนั้นไม่ใช่แป๊ะเพื่อนรักของเขาอย่างที่มีคนไปบอกหน้าบ้าน แต่ทุกอย่างก็สายเสียแล้ว วงล้อมของอันธพาลหมาหมู่ฝูงใหญ่ได้ล้อมกรอบเขาไว้ เหมือนวันที่เขาและพรรคพวกเคยล้อมนักเลงทวงหนี้ที่หลังตลาด วูบหนึ่งของสติที่หวนคิดถึงคำเตือนของหลวงพ่อกวยและของพ่อแม่แวบเข้ามาในห้วงความคิด แต่ยังไม่ทันได้คิดมากไปกว่านั้น ไม่ไผ่ลำเท่าแขนหลายอันก็รุมฟาดมาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง
     
  14. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ข่าวร้ายของครอบครัวได้ส่งถึงตลาดท่าช้างก่อนรุ่งสางของวันใหม่ จากชาวบ้านที่เห็นร่างของชัยนอนกองเป็นผ้าขี้ริ้วอยู่ข้างทางหน้าวัด พี่ชายคนโตและน้องอีก2คนโดดขี้นรถแลนด์โรเวอร์ขับห้อตะบึงไปในทันที ส่วนคนที่บ้านก็ตกใจร้องเรียกกันอย่างโกลาหนวุ่นวาย ที่หน้าวัด..บัดนี้ชัยเหลือแต่เพียงกายที่ไร้ลมหายใจ ไม่มีคำบอกลาใดๆทั้งสิ้น ไม่มีเพื่อนฝูงมาห้อมล้อมเหมือนอย่างเคย กำนันตามไปที่เกิดเหตุพร้อมตำรวจโรงพักเดิมบางนางบวชและดำเนินการตามขั้นตอนของเจ้าหน้าที่อยู่นาน ผู้เสียชีวิตไม่มีบาดแผลจากลูกปืน ไม่มีรอยแทงหรือแผลจากมีด มีแต่รอยเขียวช้ำทั่วร่าง และกระดูกหักทั้งตัว เลือดที่เป็นลิ่มแห้งกรังบนพื้นเกิดจากการถูกกระแทกของอวัยวะภายในจนปอดฉีกขาดและตับแตก พบหลักฐานจากข้างถนนเป็นเศษของมีดพกที่หัก2เล่ม เหล็กขูดชาร์ฟ 1อัน รองเท้าแตะหูคีบ 2คู่ ไม่ไผ่ที่แตก5 ลำ

    เมื่อนำร่างไร้ลมหายใจกลับมาถึงบ้านในตลาดก็เป็นเวลาสายมากแล้ว มีคนรู้ข่าวมาเฝ้ารอดูจำนวนไม่น้อยทั้งเพื่อนบ้านและเพื่อนของชัยที่เคยเฮไหนเฮกัน แต่คนแรกที่ยืนหน้าบ้านรอรับร่างของลูกด้วยหัวใจที่ระทมทุกข์คือแม่ของเขา เสียงสะอื้นเบาๆปิ่มว่าจะขาดใจของแม่และเตี่ยที่ร่างสั่นสะท้านตามวัยที่ชราภาพแล้ว บาดหัวใจคนที่ได้เห็นและได้ยิน กำนันบอกเสียงเคร่งครึม “ พวกเอ็งจะว่ายังไงกันต่อ จะจัดการมันยังไง เอาเรื่องไหม”

    เพื่อนๆหลายคนที่มาดูต่างร้องบอกให้ตามไปแก้แค้นเพราะพอมีเค้าลางว่าใครลงมือทำ พี่ๆน้องๆตาแดงด้วยอารมณ์โกรธระคนความโศกเศร้า ถึงน้องชายคนนี้จะเป็นยังไงก็คือสายเลือดที่คลานตามกันมา แต่..แม่ที่เพิ่งสูญเสียสายเลือดในอกได้ยกมือห้ามในทันที “แม่ขอร้องนะลูกๆ ขออย่าไปอาฆาตจองเวรกันอีกเลย สร้างบาปกรรมมามากแล้ว อยู่กันอย่างสงบบ้านใครบ้านมันดีกว่า ใครทำอะไรก็ต้องได้อย่างนั้นเช่นกัน จะช้าหรือเร็วเท่านั้น

    การจัดงานศพเป็นไปอย่างเงียบๆตามประเพณีจนเสร็จลุล่วงอย่างเรียบร้อย ส่วนคดีความยังค้างคาอยู่ที่โรงพักเดิมบางนางบวช เนื่องจากไม่มีคนอยากจะเป็นพยานเห็นเหตุการณ์ ทำให้สาวไม่ถึงตัวคนทำและบงการ สำหรับตะกรุดโทนของชัย..ยังอยู่ในแก้วบนโต๊ะตัวเดิม แต่เจ้าของคงไม่ได้กลับมาใช้อีกแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น..ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป

    แปะ..เพื่อนคนสนิทของชัยยังแวะเวียนมาเยี่ยมแม่ของเพื่อนรักบ้างเป็นครั้งคราว เมื่อมีครอบครัวและกลายเป็นคนรอบคอบ ใจเย็น ไม่ประมาทและระวังตัว โดยใช้ชีวิตเช่นคนทำมาหากินปกติในเวลาต่อมา เขายังได้รับการคุ้มครองจากหนุมานของหลวงพ่อกวยที่สักมาพร้อมกับชัยอีกหลายครั้ง จนเริ่มเข้าสู่วัยสูงอายุที่ใช้ชีวิตอย่างสงบกับภรรยาและลูกสองคน ข่าวล่าสุดทราบว่าเขาได้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อไม่กี่ปีมานี้

    ส่วนอันธพาลฝูงใหญ่ก็กระจายหลบหนีไปอาศัยอยู่ต่างถิ่นกันนานหลายปีเพื่อรอให้เรื่องเงียบ บางคนก็ไปทิ้งชีวิตไว้ต่างบ้านด้วยลูกปืนของขาใหญ่ในพื้นที่ สองรายที่ตายเพราะอุบัติเหตุ บางคนต้องพิการจนทำกินไม่ได้เลยจนเวลานี้ ยังเหลืออีกเพียงรายเดียวที่กลับมาอยู่กับญาติในถิ่นเดิมเพราะจนตรอกหมดที่ไป แต่ชีวิตไม่มีเหลืออะไรในบั้นปลาย ลูกก็ติดยา เมียก็ทิ้งไป จึงเมาเช้าเมาเย็นและรอเวลาขึ้นสู่เมรุ

    ในชีวิตของคนที่ทำมาหากินตามปกติในโลกของความเป็นจริง นาทีแห่งความเศร้า มักยาวกว่าชั่วโมงแห่งความสุขเสมอ เสียงหัวเราะด้วยความสุขมักมาแล้วก็จากไปเร็ว แต่เสียงร้องไห้มักเกาะติดตัวอยู่นานกว่า ไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอนในชีวิต ขึ้นอยู่กับว่าจะเปลี่ยนแปลงช้าหรือเร็วเท่านั้น การเกิด-แก่-เจ็บ-ตายเป็นสัจธรรมที่ทุกคนต้องเจอด้วยตัวเอง ดังนั้นคำว่า “อยู่ก็ให้คนเขารัก จากก็ให้เขาอาลัย ล่วงลับไปก็ให้คนเอ่ยถึง” จึงควรนำมาพิจารณาบ้างยามยังมีลมหายใจ สองครั้งของชีวิตที่จะติดอยู่ในความทรงจำได้ดีที่สุด คือ “ครั้งแรก” กับ “ครั้งสุดท้าย

    อยู่อย่างให้คนรัก......คืออยู่อย่างเป็นผู้ให้ มีจิตเมตตาเผื่อแผ่ต่อผู้อื่น
    จากไปอย่างให้คนอาลัย....คือก่อนจากก็เคยได้ทำสิ่งมีคุณค่าต่อผู้อื่น
    ล่วงลับไปให้คนระลึกถึง...คือยามที่มีชีวิตได้ทำความดี จนเป็นที่จดจำ

    บันทึกเลือดเรื่องนี้...บันทึกจากเรื่องจริงทั้งบุคคลและสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี2524 ในอำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรี จึงขอนำมาถ่ายทอดเพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนใจ และเป็นการสร้างความศรัทธาในพุทธคุณของวัตถุมงคลที่หลวงพ่อกวย วัดบ้านแคได้เคยทำไว้ ทั้งยังเป็นคติสอนใจในความไม่ประมาทขาดสติในการครองชีวิต

    หากใครมีจิตเมตตาคิดแผ่กุศลผลบุญให้กับผู้ล่วงลับในเหตุการณ์นี้ ขอให้ส่งผลตรงกับ นายเทียนชัย พลพิทักษ์กุลผู้เสียชีวิต ข้าพเจ้าและทุกคนในครอบครัวได้อโหสิให้กับทุกชีวิตและไม่ติดใจในเรื่องที่เคยเกิดขึ้น ทุกอย่างขอให้เป็นไปตามกฎแห่งกรรมที่ยังเที่ยงธรรมเสมอ

    ด้วยความรักและอาลัย.....กมล พลพิทักษ์กุล
     
  15. เมืองรถม้า

    เมืองรถม้า สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2020
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    ได้รับรูปหลวงพ่อแล้วครับ ขอบคุณครับ
     
  16. DRAKOY

    DRAKOY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 สิงหาคม 2013
    โพสต์:
    798
    ค่าพลัง:
    +1,133
    ได้รับพัสดุแล้วครับ วันนี้ช่วงบ่าย ขอบคุณครับผม
     
  17. ปัญญามรรค

    ปัญญามรรค เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    1,110
    ค่าพลัง:
    +1,440
    ได้รับรูปเรียบร้อยแล้วครับ ขอบคุณครับ
     
  18. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ยินดีด้วยครับ ขอบคุณครับ
     
  19. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ยินดีด้วยครับ ขอบคุณครับ
     
  20. หนุ่มเมืองแกลง

    หนุ่มเมืองแกลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 เมษายน 2007
    โพสต์:
    32,522
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +210,857
    ยินดีด้วยครับ ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...