เชิญ..ประกาศ..ทฤษฎีสรรพสิ่ง..ตามความคิดของท่าน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย yutkanlaya, 21 กันยายน 2007.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
  2. ปีศาจร้าย

    ปีศาจร้าย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    666
    ค่าพลัง:
    +1,240
    คิดๆไปเหอะ....ดีกว่าไม่คิด ปัญหาที่คิดไม่ถึงกับทำให้โลกแตก.....หรือเพราะโลกแตกก่อนแล้วค่อยคิด....หรือไม่คิดเลย.....สุดท้ายก็คงไม่มีโอกาสได้คิดอีก....ต่อไป ทุกวันนี้เราจะปฏิเสธไม่ได้ว่าวิทยาการใหม่ๆและเครื่องมือเครื่องใช้ที่เราใช้อยู่ทุกวันนี้ แม้แต่คอมที่เรานั่งแช๊ทกันอยู่ทุกวันนี้ ก็เป็นผลมาจากความคิดที่ไม่หยุดนิ่งของมนุษย์ ฉะนั้นจะมาปฏิเสธถึงการมีตัวตนกับสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่ในปัจจุบันเหล่านี้แล้วดูมันขัดกันยังไงอยู่? วิธีแห่งพุทธเป็นองค์ความรู้ที่จะอธิบายเรื่องจากภายในตัวที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้ด้วยจิตให้ได้รับรู้และเข้าใจถึงสภาวะจิต อารมณ์ การมีอยู่และดับไป ส่วนวิทยาศาสตร์นั้นก็มุ่งอธิบายสิ่งที่อยู่รอบตัวถึงไกลตัวเพื่อที่จะให้สามารถเข้าใจได้เป็นรูปธรรมจับต้องได้ ถึงแม้ทั้งสองอย่างนี้จะอยู่กันคนละฝั่งความคิด แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไปด้วยกันไม่ได้? เนื่องจากยังมีจุดเหมือนในความต่างคือ ทั้งสององค์ความรู้นี้นั้นมุ่งให้มนุษย์เราเข้าใจในสิ่่งที่ถูกต้อง กระทำตนในสิ่งที่ถูก รู้แจ้งในสภาวะนั้นๆ หรือเข้าถึงธรรมนั่นเอง และถ้าหากวันหนึ่งวันใดพรมแดนของทั้งสองสามารถที่จะมาบรรจบพบกันได้ วันนั้นก็คงเป็นวันที่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นจริงได้ มนุษย์เราก็คงจะเข้าใจในทุกๆสิ่งและก็คงไม่มีคำว่าปาฏิหารย์....อีกต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 กันยายน 2007
  3. Chaiyaboon

    Chaiyaboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2007
    โพสต์:
    419
    ค่าพลัง:
    +1,803
    คิดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ หยุดคิดจึงรู้ ..
     
  4. surapar

    surapar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    345
    ค่าพลัง:
    +2,408
    รู้สึกจะติดกับอุปกรณ์นะคะ ฝรั่งเนี่ย งบประมาณบานเบอะ ชวนมาทั่งฟังเทศน์ดีก่าเนอะ ^^
     
  5. น้อมโลกธรรม

    น้อมโลกธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +154

    การเชื้อเชิญเพื่อขอทราบแนวคิดของเพื่อนผู้อ่าน สำหรับผม ถือเป็นการให้เกียรติกันอย่างสูง เปรียบเหมือนการมอบฐานะของนักคิดให้แก่เพื่อนผู้ตอบกระทู้ ซึ่งผู้เชื้อเชิญตลอดจนผู้อ่านท่านอื่นๆ จะได้พิจารณาเหตุผลความถูกต้องกันต่อไป นักวิเคราะห์ข้อเท็จจริงในธรรม ไม่ว่าจะเป็นท่านนักปราชญ์ ผู้ฝึกหัด ฯลฯ ย่อมมีจิตวิญญาณอันใฝ่ศึกษาด้วย สุ จิ ปุ ลิ เช่นนี้ แล

    ทฤษฎีสรรพสิ่ง โดยหลักพุทธธรรมมีกล่าวสอนไว้ชัดเจนอยู่แล้ว เช่นหลัก อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นต้น แต่ในที่นี้ขอร่วมเสนอแนวคิดที่น่าสนใจอย่างหนึ่งโดยเป็นการอธิบายผลปัจจัยที่มีอยู่ในสังขตธรรมในแง่ความกว้างใหญ่ของจักรวาลสรรพสิ่งและในแง่ความละเอียดย่อยของอณูสรรพสิ่ง โดยขอเสนอแนวคิดว่า ในสังขตธรรมทั้งปวงมีผลปัจจัยระดับต่างๆ 11 ระดับที่ครอบคลุมเป็นปัจจัยต่อกันทั้งกว้างใหญ่และละเอียดย่อย(อย่างเป็นอนิจจังเปลี่ยนแปรไปตามระยะเวลา มีอุปสรรคเป็นมวลเป็นขนาดที่อยู่ภายใต้ข้อจำกัดของระยะทาง ความเร็ว ฯลฯ) และอีก 1 ระดับอันเป็นอสังขตธรรมที่ครอบคลุมอยู่อย่างยั่งยืนตลอดกาล อิสระทั้งกว้างใหญ่ที่สุด ละเอียดย่อยที่สุด เร็วที่สุด ช้าเนิ่นนานที่สุด ฯลฯ อันเป็นการอ้างอิงตามหลักพระไตรลักษณ์และภูมิระดับของผลปัจจัยดังพระปฏิจจสมุปบาท ท่านผู้อ่านโปรดพิจารณาครับ

    พิจารณาในแง่ความกว้างใหญ่ของ 11 ผลปัจจัยระดับต่างๆ (อาจสามารถทำนายความเป็นไปได้ของสิ่งข้อเท็จจริงต่างๆ ได้ตามลักษณะที่ยังปรากฏในภูมิปัจจัยระดับต่างๆ หรืออาจเป็นแนวคิดที่เป็นประโยชน์สำหรับนักดาราศาสตร์ได้บ้างไม่มากก็น้อย)

    ผลปัจจัยอันเป็นทุกข์ตามอัตภาพชีวิตต่างๆในปัจจุบัน กว้างไกลออกไปยังมีหลักธรรมชาติการเกิดของชีวิตปัจจุบันครอบคลุมและปรากฏอยู่ ... กว้างไกลออกไปอีกธรรมชาติชีวิตในปัจจุบันอาจไม่เป็นที่ปรากฏชัดเจน แต่ภาวะปัจจุบันอันกว้างใหญ่เป็นกายภาพดวงดาวอาจยังครอบคลุมและปรากฏอยู่ ... กว้างไกลออกไปภาวะในปัจจุบันอาจไม่เป็นที่ปรากฏชัดเจน แต่ลักษณะอันกว้างใหญ่ให้ยึดมั่นรู้ได้อาจยังครอบคลุมและปรากฏอยู่ ... กว้างไกลออกไปอีกลักษณะอันยึดมั่นรู้ได้อาจไม่เป็นที่ปรากฏชัดเจน แต่ลักษณะอันกว้างใหญ่อันเป็นที่อยากรู้อยากเห็นได้อาจยังครอบคลุมและปรากฏอยู่ ... กว้างไกลออกไปอีกลักษณะอันเป็นที่อยากรู้อยากเห็นอาจไม่เป็นที่ปรากฏชัดเจน แต่ลักษณะอันกว้างใหญ่ให้รู้สึกได้อาจยังครอบคลุมและปรากฏอยู่ ... กว้างไกลออกไปอีกลักษณะอันเป็นที่รู้สึกได้อาจไม่เป็นที่ปรากฏชัดเจน แต่ลักษณะอันกว้างใหญ่ให้รับรู้ได้อาจยังครอบคลุมและปรากฏอยู่ ... กว้างไกลออกไปอีกลักษณะอันเป็นที่รับรู้ได้อาจไม่เป็นที่ปรากฏชัดเจน แต่ลักษณะอันกว้างใหญ่เป็นรูปธรรมสู่การรับรู้อาจยังครอบคลุมและปรากฏอยู่ ... กว้างไกลออกไปอีกลักษณะอันเป็นรูปธรรมสู่การรับรู้อาจไม่เป็นที่ปรากฏชัดเจน แต่ลักษณะอันกว้างใหญ่ยิ่งเป็นรูปธรรมต่างๆอาจยังครอบคลุมและปรากฏอยู่ ... กว้างไกลออกไปอีกลักษณะอันเป็นรูปธรรมต่างๆอาจไม่เป็นที่ปรากฏชัดเจน แต่ลักษณะอันกว้างใหญ่มหาศาลตามหลักวิญญาณธรรมในปัจจุบัน (ลักษณะอันเป็นจินตภาพหรืออำนวยสู่การนึกคิดได้) อาจยังครอบคลุมและปรากฏอยู่ ... กว้างไกลออกไปอีกลักษณะอันเป็นวิญญาณธรรมปัจจุบันอาจไม่เป็นที่ปรากฏชัดเจน แต่ลักษณะอันเป็นสังขตธรรม(ลักษณะอันอำนวยสู่ความมีอยู่ของจิตหรืออาการเนื่องจากมูลอวิชชาใดได้ทั้งปวง) ย่อมยังครอบคลุมและปรากฏอยู่ ... กว้างไกลออกไปอีกย่อมได้ชื่อว่าเข้าสู่อนันต์ปลายสุดของสังขตธรรม สู่ความไม่มีใดๆให้ทุกข์น้อยใหญ่ทั้งปวงและหาขอบเขตของระยะทางและระยะเวลาที่สิ้นสุดมิได้

    ด้วยหลักของ กาละ เทศะ ที่พุทธศาสนาสอน การอธิบายมิติของระยะทางที่เปลี่ยนไป ณ ขณะเวลาปัจจุบันดังที่กล่าวมา ยังอาจอธิบายด้วยมิติเวลาที่เปลี่ยนไป ณ ระยะทางอันเป็นสถานที่ปัจจุบัน กล่าวคือ อาการทุกข์ของทุกชีวิตที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่หลักของการเกิดในธรรมชาติปัจจุบันอันเป็นหลักชีววิทยาอาจยังดำรงอยู่ ... หลักชีววิทยาอาจแปรเปลี่ยนไปตามกาล แต่หลักฟิสิกส์กายภาพปัจจุบันอาจยังดำรงอยู่ ... หลักฟิสิกส์กายภาพอาจแปรเปลี่ยนไปตามกาล แต่หลักของรูปธรรมในปัจจุบันที่เป็นไปให้ยึดมั่นรู้ได้อาจยังดำรงอยู่ ... หลักฟิสิกส์ของรูปธรรมที่เป็นไปให้ยึดมั่นรู้ได้อาจแปรเปลี่ยนไปตามกาล แต่หลักของรูปธรรมในปัจจุบันที่เป็นไปให้อยากรู้อยากเห็นได้อาจยังดำรงอยู่ ... หลักฟิสิกส์ของรูปธรรมที่เป็นไปให้อยากรู้อยากเห็นได้อาจแปรเปลี่ยนไปตามกาล แต่หลักของรูปธรรมในปัจจุบันที่เป็นไปให้รู้สึกได้อาจยังดำรงอยู่ …… (ละ) ….. หลักฟิสิกส์ของรูปธรรมใดๆในปัจจุบันอาจแปรเปลี่ยนไปตามกาล แต่หลักวิญญาณธรรมอันเป็นลักษณะทางจินตภาพปัจจุบันอาจยังดำรงอยู่ ... หลักวิญญาณธรรมใดๆอาจแปรเปลี่ยนไปตามกาล แต่หลักสังขตธรรมอันเป็นทุกข์อริยสัจประการหนึ่งย่อมยังดำรงอยู่ ... หลักสังขตธรรมของเหตุใด(จิตใด)อาจถึงคราวสิ้นสุดได้ ณ กาลใด สถานที่ใด ที่พ้นเหตุนั้นได้ แต่หลักอสังขตธรรมอันเป็นนิโรธอริยสัจประการหนึ่งย่อมยังดำรงอยู่ตลอดกาล

    พิจารณาในแง่ความละเอียดย่อยของ 11 ผลปัจจัยระดับต่างๆ (อาจสามารถทำนายความเป็นไปได้ของสิ่งข้อเท็จจริงต่างๆ ได้ตามลักษณะที่ยังปรากฏในภูมิปัจจัยระดับต่างๆ หรืออาจเป็นแนวคิดที่เป็นประโยชน์สำหรับนักฟิสิกส์ได้บ้างไม่มากก็น้อย)

    ผลปัจจัยอันเป็นอัตภาพชีวิตต่างๆ ที่ย่อมมีทุกข์ ละเอียดลึกลงไปอาจยังมีผลปัจจัยอันเป็นจุลชีพการเกิดในธรรมชาติปัจจุบันครอบคลุมและปรากฏอยู่(แม้ไม่ปรากฏเป็นอาการทุกข์ชัดเจนเช่นร่างกายชีวิตที่ใหญ่กว่า แต่ก็ย่อมยังต้องเป็นไปในสังขตธรรมภายใต้อาการทุกข์ อาการเกิด ภพ เวทนา ฯลฯ โดยยังมิอาจพ้นอาการของสังขตธรรมได้โดยสิ้นเชิง ย่อมต้องมีการเปลี่ยนอาการทุกข์ อาการเกิด ภพ ฯลฯ ไปตามเหตุปัจจัย ตามกาลเวลาสถานที่) ... ละเอียดลึกลงไปอีกหลักธรรมชาติการเกิดของชีวิตในปัจจุบันอาจไม่เป็นที่ปรากฏชัดเจน แต่ลักษณะอันเป็นกายภาพสสารอาจยังครอบคลุมและปรากฏอยู่ ... ละเอียดลึกลงไปอีกลักษณะอันเป็นกายภาพสสารอาจไม่เป็นที่ปรากฏชัดเจน แต่ลักษณะอันเป็นรูปธรรมให้ยึดมั่นรู้ได้อาจยังครอบคลุมและปรากฏอยู่ ... ละเอียดลึกลงไปอีกลักษณะอันยึดมั่นรู้ได้อาจไม่เป็นที่ปรากฏชัดเจน แต่ลักษณะอันเป็นรูปธรรมให้อยากรู้อยากเห็นได้อาจยังครอบคลุมและปรากฏอยู่ ... ละเอียดลึกลงไปอีกลักษณะอันอยากรู้อยากเห็นได้อาจไม่เป็นที่ปรากฏชัดเจน แต่ลักษณะอันเป็นรูปธรรมให้รู้สึกได้อาจยังครอบคลุมและปรากฏอยู่ ….. (ละ) …… ละเอียดลึกลงไปอีกลักษณะมูลฐานทางรูปธรรมใดๆในปัจจุบันอาจไม่เป็นที่ปรากฏชัดเจน แต่ลักษณะทางจินตภาพอันเป็นวิญญาณธรรมอาจยังครอบคลุมและปรากฏอยู่ (โดยขอรวมอาการนึกคิดของเราทุกคนรวมอยู่ในลักษณะทางจินตภาพอันละเอียดยิ่งดังกล่าว) ... ละเอียดลึกลงไปอีกลักษณะทางวิญญาณธรรมในปัจจุบันอาจไม่เป็นที่ปรากฏชัดเจน แต่มูลลักษณะของสังขตธรรมธรรมย่อมยังครอบคลุมและปรากฏอยู่ (โดยขอรวมอาการอันเป็น จิตหรือมูลอาการจากอวิชชา รวมอยู่ในลักษณะอันละเอียดที่สุดของสังขตธรรมดังกล่าว) ละเอียดลึกลงไปอีกหากสามารถกระทำได้ละเอียดเหนือลักษณะของสังขตธรรมที่ครอบคลุมอย่างละเอียดและกว้างใหญ่ เป็นมาอย่างช้านานนับอนันต์ ย่อมพ้นอาการใดของจิตทั้งปวงเข้าสู่อสังขตธรรมธรรมอันละเอียดสูงสุดเป็นอนัตตาที่ครอบคลุมความเป็นไปในธรรมตลอดกาล
     
  6. สุริยัน-จันทรา

    สุริยัน-จันทรา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +106
    คิดไปก้อปวดหัว หาผัวดีกว่าเรา..... (รู้มากกลุ้มมาก รู้เเล้วปล่อยวาง ไม่ถามอย่าตอบ ให้บอกเเบบเอา เเล้วเราจะไม่ใช่ ผีบร๊า.......เอิ๊กกกกกก)
     
  7. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    ในนิวเคลียส มีอะไร????????????
    อยู่กันอย่างไร???????????
    ทำไมมาอยู่รวมกัน?????????????
    (b-inlove) (b-inlove) (b-flower) (b-deejai)
    ติ๊ก ต็อก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  8. LEEBIG

    LEEBIG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2007
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +186
    ในนิวเคลียส มีอะไร ก็
    มีจิต มีใจ มีความรู้สึก มีอารมณ์ มีความคิด
    แล้วก็มีต้นกำเนิดอยู่ด้วยไง เจ๊า
     
  9. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,480
    ค่าพลัง:
    +1,830
    ผมรู้แต่ว่าจักรวาล นั้นเกิด มากจากบิ฿กแบง หลังจากนั้นก้อ บรึ้ม!! เปงโกโก้ครั้น -0-
     
  10. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    อย่าพึ่งไปในจักรวาล
    ถ้ายังไม่เข้าใจในสิ่งที่เล็กสุดๆๆๆ
    อย่าพึ่งว่าเป็นเรื่องจิตใจ ถ้ายังไม่เห็นเป็นรูปธรรม
    สูงสุดยอด สู่สามัญ กลับคืนมา ค้นหาที่ตัวเอง
    (b-flower) (b-flower)
    นิวเคลียส ประกอบด้วย.........
    โปรตรอน โพสิตรอน
    นิวตรอน นิวตริโน
    มันอยู่รวมกันอย่างไร??????????ใช้หมอง ซิ
    (b-deejai) (b-deejai) (b-deejai)
    ถ้ามี ศีล สมาธิ เดี๋ยวก็มี ปัญญา
     
  11. กิเลศเยอะ

    กิเลศเยอะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +676
    ทุกอย่างคือความว่าง
    ทฎษฎี มายา
     
  12. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    ใครๆก็ตอบได้ เด็กๆก็ตอบได้
    แบบ..สมอง..ว่างเปล่า..จากปัญญา
    ต่อน่ะ......
    นิวตรอน นิวตริโน โปรตรอน โพสิตรอน ฯลฯ
    มันรวมกันได้ ด้วย??????
    แรง เพื่อ การยึดเหนี่ยว รวมกัน ให้อยู่อย่างมั่นคงที่สุด Stable ที่สุด ในจุดสมดุลย์ Equilibrium ที่สุด เพื่อให้ Optimize ที่สุด
    (555) (555) (555) (b-glass)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กันยายน 2007
  13. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,480
    ค่าพลัง:
    +1,830
    ผมเคยได้ยินมานะครับ ไม่ใช่ผมประกาศเอง

    สมัยก่อนนู้นนนนนนน ที่ยังไม่มีจักวาลไม่มีไรเลยมีแต่ความว่างเปล่าทุกสิ่งมืดมิดไปหมด มีพระเจ้าผู้สร้างอยุ่องเดียวท่านอยุ่แบบนี้มาเป็นเวลานานแสน นานเสพสุขกะความว่าง จนวันหนึ่งท่านเบื่อ จึงคิดเกมส์สนุกๆ ขึ้นมา^ ^


    ท่านสร้างจักวาลขึ้นสร้างทุกอย่าง แม้แต่โลก พอท่านสร้างโลก ท่านก้อสร้าง สวรรค์ สร้างพรหม สร้างนรก ขึ้นมา หลังจากนั้นท่านก้อแบ่งภาคตัวเองเป็นย่อยๆหลายล้านภาค ภาคย่อยๆนั่นคือวิญญานมนุษย์ นั่นเอง

    เอาล่ะพอทุกอย่างพร้อม พระผู้สร้าง จึงตั้งกฏ การเล่นเกมส์นี้มาใหม่ คือใครทำชั่ว จะถูกลงโทษที่นรก ทำดีไปสวรรค์ แต่มันก้อยังไม่ใช่วิธีเคลียเกมส์นี้แต่อย่างใด วิธีเคลียเกมส์นี้อย่างสมบูรแบบคือ ได้กลับไปเป็นพระผู้สร้างอีกครั้ง


    แล้วในที่สุด ก้อมี มนุษย์คนหนึ่งซึ่งสามารถจบเกมส์นี้ลงได้ คือ พระพุทธเจ้าองปฐม นั้นเองครับ หลังจากนั้นก้อมีคนเคลียเกมส์นี้เรื่อยๆ การได้ไปสู่นิพพาน นิพพานคือสุขอย่างยิ่งคือการได้ไป รวมตัวเป็นพระผู้สร้างองค์เดิมนั่นเอง รอวันมนุษย์ทุกคนจบเกมส์นี้ได้หมด พระผู้สร้างคงคิดเกมส์รอไว้แล้วแต่ไม่รู้หรอกคราวนี้กกจะเป้นยังไง อิอิ
     
  14. พิศวัสต์

    พิศวัสต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2007
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +431
    วางเรื่องที่คิด จิตจะได้ไม่ทุกข์
     
  15. พิศวัสต์

    พิศวัสต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2007
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +431
    เพียงไม่สั่งสมความคิดไร้แก่นสารจิตก้อว่างอย่างถาวร
     
  16. Khaning

    Khaning เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กันยายน 2007
    โพสต์:
    74
    ค่าพลัง:
    +197
    สนุกค่ะ อยากทราบเหมือนกันว่าคุณจะกระโดดจากพลังงาน (สิ่งรูปธรรม) ไปสู่กรรม (สิ่งนามธรรม) ได้อย่างไรโดยไม่ผิดคอนเซ็ปท์ทฤษฎีสรรพสิ่งที่เป็นทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์แบบหนึ่งของคุณเอง? เพราะ "วิทยาศาสตร์" หมายถึงต้องมีพื้นฐานทางประสบการณ์รองรับ และต้องเป็นประสบการณ์ที่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันพิสูจน์ยืนยันได้ด้วย แต่กรรมเป็นเรื่องยังอยู่นอกขอบเขตของวิทยาศาสตร์ปัจจุบันเราทุกคนก็รู้ การพูดเรื่องนี้จึงหนีไม่พ้นถูกหาว่าเป็นจินตนาการปั้นแต่งของคุณเอง และถ้าคุณจะหนีปัญหานี้ โดยอ้างว่าคุณรับรู้เรื่องกรรมได้โดยตรงผ่านประสบการณ์ของการทำสมาธิวิปัสสนา พุทธศาสนาก็สอนแบบนี้อยู่แล้ว ถ้าเช่นนั้นทฤษฎีของคุณใหม่ตรงไหนคะ?
     
  17. den_siam2523

    den_siam2523 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2006
    โพสต์:
    593
    ค่าพลัง:
    +2,267
    หิวก็กิน ง่วงก็นอน อิอิ
     
  18. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    วิทยาศาสตร์ทางจิต จะแพร่หลายต่อไป จนสูงสุด
    ถ้าศึกษา Physics Chem ธรรม

    ถ้าไม่มี พระพุทธเจ้า
    ถ้าไม่มี ไอน์สไตน์

    พุทธศาสนา กับ วิทยาศาสตร์
    จะไม่มีวัน บรรจบกันได้เลย
    มนุษย์จะไม่มีวัน รู้จักตัวเองจริง

    และตอนนี้ ก็บรรจบ กันแล้ว
    ด้วย ธรรม ฟิสิกส์
    ด้วย E = Mc2 (c2 ค่าคงที่)
    ดังนั้น E = M
    มวลสาร คือ พลังงาน คือ จิตวิญญาณ
    กรรม = พลังงาน
    กฎพลังงาน ทางฟิสิกส์
    พลังงาน ไม่มีวันสูญหาย

    ไขปัญหา
    กฎแห่งกรรม
    สุคติภูมิ ทุคติภูมิ



    ชีววิทยา
    ร่างกายมนุษย์มีเซลล์กว่า 60 ล้านล้านเซลล์
    เซลล์ มีไมโตรคอนเดรีย ผลิตแผ่พลังงาน ตลอดเวลา
    พลังงานจากเซลล์ หลอมรวมกันเป็นหนึ่ง อย่างไร?
    ใช้ จิตวิญญาณ??ธาตุรู้ ควบคุม????

    คิด ใช้ เซลล์สมอง
    พูด ใช้ เซลล์สมอง และ เซลล์ปาก ลิ้น คอ
    ทำ ใช้ เซลล์สมอง และเซลล์ร่างกาย

    กรรม = คิด พูด ทำ = พลังงาน
    (good) (good) :) :) :) (deejai) (deejai) (deejai) (tm-love)
    พลังงานละเอียดที่สุด มนุษย์ยังวัดเป็นค่าไม่ได้ หรือนั่นคือพลังงานจิต
    <!-- / message --><!-- edit note -->
     
  19. bamrung

    bamrung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2006
    โพสต์:
    835
    ค่าพลัง:
    +1,524
    สภาวะแห่งความเป็นเช่นนั้นเอง คล้ายความว่างหรือความใส อยู่เหนือธรรมชาติของสรรพสิ่งที่ตกอยู่ในภาวะแห่งการเกิดดับ ถัดสภาวะนี้ลงมาคือพลังแสงอันมหาศาล ที่รังสรรค์สรรพสิ่ง สรรพสิ่งทั้งหลายจึงมีแก่นเป็นแสงนี้ทั้งสิ้น
     
  20. พิศวัสต์

    พิศวัสต์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2007
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +431
    วิทยาศาสตร์ตามหลังศาสนาพุทธโดยสิ่งที่วิทยาศาสตร์ค้นพบสมัยนี้ แต่ศาสนาพุทธได้บันทึกไว้แล้วตั้ง2500 ปีมาแล้ว คิดดู ว่าวิทยาศาสตร์ตามหลังขนาดไหน และวิทยาศาสตร์กำลังจะถึงทางตันแล้ว .... 5555555555
     

แชร์หน้านี้

Loading...