เชิญบูชา "เหรียญพระศรีอารย์-ลป.ทวด" เพื่อร่วมสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ ลป.ญาท่านสวน

ในห้อง 'พระพุทธรูป - วิหารทาน - สิ่งก่อสร้าง' ตั้งกระทู้โดย Noo Norway, 14 มีนาคม 2011.

  1. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    ภาคใต้

    นราธิวาส... หลวงพ่อดำ วัดใหม่นภาราม (พี่ธรรมประทีป)

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    นครศรีธรรมราช... พ่อท่านประ วัดภูเขาดิน อายุ 112 ปี (น้อง kang_som และคุณโอภาส ทองบุญ)

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    นครศรีธรรมราช... พ่อท่านพุ่ม วัดบนเขา อายุ 108 ปี (น้อง kang_som และคุณโอภาส ทองบุญ)

    <!-- google_ad_section_end -->[​IMG] [​IMG]

    นครศรีธรรมราช... พ่อท่านเอื้อม วัดบางเนียน อายุ 106 ปี (น้อง kang_som และคุณโอภาส ทองบุญ)

    [​IMG] [​IMG]

    พัทลุง... พระอาจารย์อุทัย วัดวิหารสูง (น้อง kang_som และคุณโอภาส ทองบุญ)

    [​IMG] [​IMG]

    พัทลุง... พระอธิการห้อง วัดเขาอ้อ (น้อง kang_som และคุณโอภาส ทองบุญ)

    [​IMG] [​IMG]

    ปัตตานี... พ่อท่านพรหม วัดพลานุภาพ (น้อง kang_som + คุณ dansa)
    ภูเก็ต... หลวงปู่สุภา วัดสีลสุภาราม (คุณ Lee_bangkok)
     
  2. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    รายชื่อจังหวัดที่ยังขาดชนวนแผ่นยันต์อยู่

    ภาคเหนือ

    แม่ฮ่องสอน
    ลำปาง
    แพร่

    ภาคกลาง

    กำแพงเพชร
    นครนายก
    พิษณุโลก
    พิจิตร
    สมุทรสาคร

    ภาคตะวันออก

    ระยอง
    ปราจีนบุรี
    สระแก้ว

    ภาคตะวันตก

    กาญจนบุรี
    ประจวบคีรีขันธ์<!-- google_ad_section_end -->

    ภาคอีสาน

    อุดรธานี
    นครพนม
    ศรีสะเกษ
    ยโสธร
    หนองคาย
    มหาสารคาม
    ขอนแก่น
    กาฬสินธุ์
    อำนาจเจริญ
    หนองบัวลำภู

    ภาคใต้

    สุราษฎร์ธานี
    ชุมพร
    กระบี่
    พังงา
    ระนอง
    สตูล
    ตรัง
    ยะลา
    สงขลา<!-- google_ad_section_end -->
    <!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end --><!-- google_ad_section_end -->
    จึงขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมสร้างบารมีร่วมกันในครั้งนี้นะคะ <!-- google_ad_section_end -->
     
  3. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    รับทราบตามนั้นค่ะ... ใช่แล้ว... ถึงแน่นอนหากไม่จ่าหน้าซองผิด (smile)
     
  4. ธรรมประทีป

    ธรรมประทีป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    2,208
    ค่าพลัง:
    +6,617


    พระทางสายใต้ยังมีอีกหลายจังหวัด ที่ยังไม่มีแผ่นจาร
    หากท่านใดอยู่ในพื้นที่ อยากให้มีส่วนร่วมหาแผ่นจารสร้างพระด้วยครับ

    ติดต่อทางคุณหนู หรือผมทางPM.ได้ครับ
     
  5. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,800
    รับแซบครับบบบบ

    ตอนนี้กำลังเป็นสะพานบุญ ให้ญาติธรรม คุณพี่ดอนอยู่ครับ น่าจะได้หลายวัดอยู่ครับ...... แต่ยังไม่รู้ที่ไหนบ้าง....
     
  6. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    ความรู้สึกลึกๆบอกว่าทางสายน้อง kang_som คงได้หลายวัดหลายจังหวัดอยู่ค่ะ ^^
     
  7. ธรรมประทีป

    ธรรมประทีป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    2,208
    ค่าพลัง:
    +6,617




    เอาใจช่วย ขอให้สำเร็จและบุญรักษาครับ
     
  8. หนึ่ง1

    หนึ่ง1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,638
    หลวงปู่สมนึก วัดหนองถ่านเหนือ...เห็นยังไม่ได้ลงชื่อวัดครับ
     
  9. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    งานนี้บุญนำหน้าและเดินหน้าด้วยบุญจริงๆค่ะ ^^
     
  10. Noo Norway

    Noo Norway เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    23,623
    ค่าพลัง:
    +82,120
    ขอบใจมากน้องหนึ่ง... ที่ไม่ได้ลงชื่อวัดไว้นั้นก็เพราะไม่รู้ว่าวัดชื่ออะไร เพราะวันที่ไปกราบหลวงปู่ท่านกับคุณเอและน้องวัฒน์ (nu_wa) หลังจากที่น้องหนึ่งเลี้ยงข้าวเย็นเสร็จมันก็มืดแล้ว มองอะไรแทบจะไม่เห็นแม้กระทั่งป้ายวัด ^^"
     
  11. ธรรมประทีป

    ธรรมประทีป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    2,208
    ค่าพลัง:
    +6,617
    วันนี้ วันพระ
    ขอนำธรรมะมาลงให้ญาติธรรมได้เจริญสติ






    ธิดาช่างหูก
    (ผู้มีอุปนิสัยทางธรรม)



    [​IMG]


    ครั้งหนึ่ง เมื่อพระตถาคตเจ้าเสด็จถึงเมืองอาฬวี ชาวเมืองอาฬวีดีใจชวนกันอาราธนาพระองค์และถวายทานอย่างมโหฬารยิ่ง เมื่อเสวยเสร็จแล้วพระองค์ทรงอนุโมทนาปฏิสังยุตต์ด้วยมรณัสสติกถาว่า

    “ดูก่อนชาวเมืองอาฬวีทั้งหลาย ชีวิตเป็นสิ่งไม่แน่นอน แต่ความตายเป็นสิ่งแน่นอน เราทั้งหลายจะต้องตายเป็นแน่เท้ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่เวลาใดก็เวลาหนึ่ง ชีวิตทุกชีวิตมีความตายเป็นที่สุด จบลงด้วยความตาย ท่านทั้งหลายจงเจริญมรณัสสติภาวนาดังนี้เถิด เพราะบุคคลที่ไม่เคยเจริญมรณัสสติภาวนาดังนี้เถิด เพราะบุคคลที่ไม่เคยเจริญมรณัสสติภาวนา เมื่อถึงมรณสมัยย่อมถึงความสะดุ้ง หวาดกลัวปานประหนึ่งได้เห็นอสรพิษอันมีพิษร้าย ส่วนบุคคลผู้ได้เจริญมรณัสสติภาวนาอยู่เสมอ ย่อมไม่กลัวไม่สะดุ้ง เมื่อความตายใกล้เข้ามา

    “อายุของมนุษย์นี้น้อยนัก จำต้องไปสู่สัมปรายภพ จึงควรรีบนำกุศล รีบประพฤติพรหมจรรย์ ผู้ที่เกิดมาแล้วจะไม่ตายนั้นเป็นอันไม่มีผู้ที่อยู่ได้นานก็เพียงร้อยปี หรือที่เกินร้อยไปก็น้อยคนนัก

    “อายุของมนุษย์นี้น้อยนัก คนดีมีปัญญาพึงดูหมิ่นอายุนั้น คือไม่ควรภูมิใจเพลินใจในอายุว่ามีมาก พึงรีบประพฤติความดี เสมือนคนผู้มีไฟติดทั่วแล้วที่ศีรษะรีบดับเสียโดยพลัน เรื่องความตายจะไม่มาถึงนั้นเป็นอันไม่มี

    “บุคคลใดเจริญมรณัสสติว่า น่าปลื้มใจหนอที่เราอยู่มาได้ตลอดวันหนึ่งคืนหนึ่ง โดยอันตรายแห่งชีวิตไม่เข้ามาตัดเสียในระหว่าง ด้วยเหตุนี้เราจึงควรใส่ใจคำสอนของพระผู้มีพระภาค

    “การเจริญมรณัสสตินั้น ทำทุกวัน ทุกครึ่งวัน ทุกชั่วโมงก็น้อยไป ความจริงมรณัสสตินั้นบุคคลควรเจริญทุกลมหายใจเข้าและออก อย่างนี้แหละจึงจะชื่อว่าผู้มีชีวิตอยู่อย่างไม่ประมาท”

    ประชาชนชาวอาฬวีส่วนมากเมื่อฟังพระธรรมเทศนา อนุโมทนาจบแล้วก็รีบกลับไปเพราะเป็นผู้ขวนขวายในกิจธุระของตน แต่ก็มีเด็กสาวคนหนึ่งเป็นธิดาของนายช่างหูกมีอายุประมาณ ๑๕ – ๑๖ ปี คิดว่า “โอ พระดำรัสของพระพุทธเจ้าช่างอัศจรรย์จริงหนอ เราควรเจริญมรณัสสติอย่างที่พระองค์ตรัสสอน” คิดดังนี้แล้วจึงเจริญมรณัสสติทั้งกลางวันและกลางคืน

    บุคคลผู้มีอุปนิสัยในทางธรรม เมื่อได้ฟังธรรมแม้เพียงครั้งเดียวก็มีใจดื่มด่ำอยากทำตาม

    ส่วนผู้ไม่มีอุปนิสัย แม้ฟังแล้วฟังอีก อยู่ใกล้ชิดกับบุคคลผู้มีธรรม แต่กระแสธรรมก็หาซึมซาบไม่ หากเขาไม่ข่มใจให้สนใจเสียบ้างในครั้งแรกๆ อุปนิสัยก็จะไม่เกิดขึ้น และคงเป็นอยู่เช่นนั้นเรื่อยไป


    พระผู้มีพระภาคเสด็จออกจากเมืองอาฬวีแล้วเสด็จไปสู่เมืองสาวัตถีประทับอยู่ ณ วัดเชตวัน ส่วนกุมาริกาธิดานายช่างหูก หลังจากได้ฟังพระธรรมเทศนาอันปฏิสังยุตต์ด้วยมรณัสสติภาวนาแล้ว ลองทำดูก็เห็นผลว่าทำให้จิตใจสงบ ไม่กลัวตาย มีสติ สังเวช และญาณ นางจึงบำเพ็ญติดต่อกันเป็นเวลาสามปี และได้เห็นผลดีขึ้นตามลำดับๆ

    เช้าวันหนึ่ง พระศาสดาทรงตรวจดูสัตว์โลกตามพุทธประเพณี ทรงเห็นกุมาริกาธิดาแห่งนายช่างหูกชาวเมืองอาฬวีเข้าไปในข่ายคือพระญาณของ พระองค์ ทรงพิจารณาต่อไปอีกก็ทรงทราบว่า ตั้งแต่วันที่ธิดานายช่างหูกฟังพระธรรมเทศนาของพระองค์แล้ว ก็เจริญมรณัสสติอยู่นานถึงสามปี เธอมีอุปนิสัยควรแต่โสดาปัตติผล

    ทรงดำริต่อไปว่า “เราควรไปในที่นั้นแล้วถามปัญหา ๔ ข้อแก่นาง นางจักดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล”

    แลแล้ว พระผู้มีพระภาคมีภิกษุสงฆ์จำนวนร้อยเป็นบริวารก็เสด็จไปสู่เมืองอาฬวี ประทับอยู่ ณ อัคคาฬววิหาร

    ชาวเมืองอาฬวีพูดกันว่า “พระศาสดาเสด็จมาแล้ว” จึงพากันไปสู่วิหารนั้น แม้ธิดาแห่งช่างหูกได้ฟังการมาของพระศาสดาจึงคิดว่า

    “บิดาของเรามาแล้ว พระองค์ทรงเป็นอาจารย์ของเราด้วย พระองค์ทรงพระนามว่า โคตมพุทธะ ผู้มีพระพักตร์เปล่งปลั่งเบิกบานประดุจดวงจันทร์ เป็นเวลาสามปีแล้วที่เรามิได้เห็นพระศาสดาผู้มีพระฉวีดุจไล้ด้วยทอง วันนี้แหละเราจักได้เห็นพระองค์และได้ฟังพระธรรมเทศนาที่ไพเราะจับใจยิ่ง”

    บังเอิญบิดาของนางกำลังจะไปโรงทอผ้า ได้สั่งนางไว้ในเวลานั้นว่า

    “ลูกรัก พ่อรับทอผ้าของลูกค้าคนหนึ่งไว้ กำลังทอค้างอยู่ พอดีด้ายหมด ให้ลูกช่วยกรอด้ายให้พ่อด้วย เพราะจะต้องให้เสร็จวันนี้”

    กุมาริกาคิดว่า “เราประสงค์จะไปฟังธรรมของพระศาสดา แต่บิดาสั่งให้กรอด้าย เราจะทำอย่างไรดีหนอ จะกรอด้ายให้บิดาหรือจะไปฟังธรรมของพระผู้มีพระภาค หากเราทิ้งงานของบิดาไปฟังธรรม ท่านอาจโบยหรือตีเรา เพราะฉะนั้นเราควรกรอด้ายให้เสร็จก่อน แล้วไปฟังธรรมทีหลัง” คิดดังนี้แล้วนางจึงนั่งกรอด้ายอยู่บนตั่งน้อย แต่จิตใจของนางพะวงอยู่แต่การไปเฝ้าพระศาสดาตลอดเวลา


    ชาวอาฬวีอังคาร (เลี้ยงดู) พระตถาคตเจ้าด้วยขาทนียะโภชนียาหารอันประเสริฐ แล้วรับบาตรพระองค์และยืนเฝ้าอยู่เพื่อรับการอนุโมทนา

    พระ จอมมุนีไม่เห็นกุมาริกาธิดานายช่างหูก จึงทรงดำริว่า “เราเดินทางมาถึงสามสิบโยชน์เพื่อโปรดธิดานายช่างหูก แต่บัดนี้นางยังไม่มีโอกาสมาหาเรา เมื่อนางมาแล้วเราจึงค่อยทำอนุโมทนา” ทรงดำริเช่นนี้แล้วจึงทรงดุษฎีอยู่




    .
     
  12. ธรรมประทีป

    ธรรมประทีป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    2,208
    ค่าพลัง:
    +6,617
    เมื่อพระศาสดาทรงนิ่ง ใครๆ ในโลกพร้อมทั้งเทวโลกก็ไม่อาจให้พระองค์ตรัสได้ พุทธบริษัททุกคนจึงเงียบหมด บรรยากาศอยู่ในสภาพเช่นนั้นเป็นเวลานาน จนกระทั่งธิดานายช่างหูกกรอด้ายเสร็จแล้วเก็บใส่ไว้ในกระเช้า แล้วรีบมาสู่สำนักของพระศาสดา นางยืนอยู่ตอนท้ายของพุทธบริษัท ยืนมองดูพระศาสดาอยู่ แม้พระผู้มีพระภาคก็ทรงชะเง้อพระศอมองดูนางเหมือนกัน

    ธิดานาย ช่างหูกเป็นคนฉลาด เมื่อเห็นพระอาการเช่นนั้นก็ทราบว่าพระศาสดาคงรอคอยการมาของตน มิฉะนั้นแล้วไฉนเล่าพระองค์จึงทรงชะเง้ออยู่ท่ามกลางพุทธบริษัทมากมาย นางจึงวางของที่ถือติดมือมาคือกระเช้าด้ายหลอด เข้าไปสู่ที่ใกล้พระผู้มีพระภาค

    เหตุไฉนพระศาสดาจึงทรงกระทำเช่นนั้น

    คำ ตอบก็คือเพราะพระมหากรุณา พระองค์ทรงดำริว่าการตายของปุถุชนนั้นมีคติไม่แน่นอน ธิดาช่างหูกมาสู่สำนักของพระองค์แล้ว เมื่อได้ตรัสถามปัญหาสี่ข้อนางจักได้บรรลุโสดาปัตติผล มีคติแน่นอนไม่ตกต่ำอีกเลย และนางจะต้องตายในวันนั้น ไม่สามารถหลีกพ้นได้ ดูเถิดพระมหากรุณาของพระตถาคตเจ้า


    นางเข้าไปเฝ้าพระศาสดาด้วยสัญญาณที่พระองค์ทรงมองดูนั้น ถวายบังคมแล้วยืนอยู่ พระศาสดาตรัสถามนางว่า

    “ดูก่อนกุมาริกา เธอมาจากไหน”
    “ไม่
    ทราบ พระเจ้าข้า” นางทูลตอบ

    “เธอจะไปไหน”
    “ไม่ทราบ พระเจ้าข้า”

    “เธอไม่ทราบหรือ”
    “ทราบ พระเจ้าข้า”

    “เธอทราบหรือ”
    “ไม่ทราบ พระเจ้าข้า”


    พระผู้มีพระภาคตรัสถามปัญหาสี่ข้อแก่นางด้วยประการฉะนั้น

    มหาชนซึ่งประชุมกันอยู่ ณ ที่นั้นได้ฟังแล้วพากันตำหนิว่า

    “ดู เถิดท่านทั้งหลาย ธิดาช่างหูกกล้ากล่าวเล่นลิ้นกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงปานนี้ ก็เมื่อพระองค์ตรัสถามแล้วตอบเสียตามความเป็นจริงมิได้หรือว่า เธอมาจากเรือนของนายช่างหูกผู้เป็นบิดา และจะไปสู่โรงทอผ้า”

    พระตถาคตเจ้าทรงทราบเรื่องที่มหาชนตำหนินางเช่นนั้นแล้วจึงตรัสถามว่า

    “ที่เธอบอกว่าไม่ทราบมาจากไหนนั้นหมายความว่ากระไร”

    “ข้า แต่พระองค์ผู้ประเสริฐ” นางทูลตอบ “ข้าพระพุทธเจ้าทราบดีว่ามาจากเรือนนายช่างหูก แต่ไม่ทราบว่าก่อนจะมาเกิดในชาตินี้ ข้าพระพุทธเจ้ามาจากกำเนิดใด เพราะฉะนั้นข้าพระองค์จึงทูลว่าไม่ทราบ”

    “ก็เมื่อเราถามว่า เธอจะไปไหน ทำไมเธอจึงบอกว่าไม่ทราบ”

    “ข้า พระองค์ทราบว่า จะไปสู่โรงทอผ้า แต่ข้าพระองค์ไม่อาจทราบได้ว่า เมื่อสิ้นชีพจากชาตินี้แล้วจะไปเกิดในที่ใด จะกำเนิดเป็นมนุษย์หรือดิรัจฉาน เปรต อสุรกาย หรือเทพเจ้าเหล่าใดเหล่าหนึ่ง”

    “เมื่อเราถามว่า ไม่ทราบหรือ เธอตอบว่าทราบ หมายความว่าอย่างไร”

    “ข้อแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ข้าพระองค์ทราบว่า ข้าพระองค์จะต้องตายอย่างแน่นอน”

    “เมื่อเราถามว่า เธอทราบหรือ เหตุไฉนจึงตอบว่าไม่ทราบ”

    “เพราะข้าพระพุทธเจ้าไม่ทราบว่า จะตายวันใด เวลาใด และที่ไหน”

    พระศาสดาทรงประทานสาธุการทุกครั้งที่นางตอบปัญหาของพระองค์รวมถึง ๔ ครั้ง และแล้วพระองค์ได้ตรัสกับประชาชนว่า

    “ท่าน ทั้งหลาย
    ท่านมิได้รู้ความหมายอันลึกซึ้ง
    ที่ธิดาช่างหูกกล่าวแล้วจึงติเตียน
    บัดนี้เธอได้อธิบายให้แจ่มแจ้งแล้ว
    เราสาธุการต่อคำตอบของเธอ
    คำตอบนั้นถูกต้อง

    บุคคลผู้มีจักษุพิจารณาแล้วย่อมเห็นตาม”


    พระผู้มีพระภาคตรัสต่อไปว่า

    “โลกนี้มืดยิ่งนัก สัตว์โลกส่วนใหญ่เป็นผู้มืดบอด มีน้อยคนที่มีปัญญาเห็นแจ้งและมีคนจำนวนน้อยที่จะไปสวรรค์ เหมือนนกที่ติดข่ายแล้ว ที่พ้นจากข่ายของนายพรานมีน้อยฉะนั้น”

    โลกนี้มืดยิ่งนัก มืดอยู่ด้วยอวิชชาและความหลงผิด หาใช่ความมืดของโอกาสโลกไม่ แต่หมายถึงสัตวโลก สัตว์ทั้งหลายที่อาศัยอยู่ในโลกเขาอยู่ในความมืดจนเคยชินกับความมืดนั้น แต่เมื่อใดเขาค่อยๆ เดินออกมาสู่แสงสว่างทีละน้อยจนได้รับแสงสว่างเต็มที่ เขาได้การเปรียบเทียบจึงรู้ว่าการอยู่ในความมืดนั้นเป็นความทรมาน เป็นการเสี่ยงต่ออันตรายอันน่าหวาดกลัว และการอยู่ในที่ใหม่ซึ่งเต็มไปด้วยแสงสว่างนั้นเป็นความผาสุก มีอันตรายน้อย มีโอกาสเห็นสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริงได้มากกว่า (โอกาสโลก คือ โลกคือแผ่นดิน , สัตวโลก คือ โลกคือหมู่สัตว์)

    เป็นที่น่าเสียดายว่า มีคนอยู่จำนวนน้อยที่มีปัญญาเห็นแจ้งว่าอะไร เป็นอะไร ความจริงเขาพอจะรู้บ้างว่าอะไรควรเว้น อะไรควรทำ

    แต่อะไรเล่าทำให้เขาต้องตกอยู่ในห้วงแห่งความมืด
    อะไรเล่าทำให้เขาต้องทนทรมานอยู่ในข่ายคือโมหะ

    อาจเป็นเพราะเขาประมาทมัวเมาเกินไป
    อาจเป็นเพราะเขาเห็นคุณค่าของธรรมน้อยเกินไป
    หรือเพราะไม่อาจทนต่อสิ่งเร้าอันยั่วยวนต่างๆ ได้
     
  13. ธรรมประทีป

    ธรรมประทีป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    2,208
    ค่าพลัง:
    +6,617
    <table border="0" width="100%"><tbody><tr><td valign="middle">
    </td> <td style="font-size: smaller;" height="20" align="right" valign="bottom">
    </td></tr></tbody></table>เมื่อจบพระธรรมเทศนาของพระศาสดา ธิดาช่างหูกได้บรรลุโสดาปัตติผล เทศนาได้มีประโยชน์แก่มหาชนเป็นอันมาก

    ธิดา ช่างหูกถวายบังคมพระศาสดาแล้วรีบไปสู่สำนักของบิดา ณ โรงทอผ้า ขณะนั้นนายช่างหูกผู้เป็นบิดานั่งหลับอยู่ นางมิได้ดูให้แน่ว่าบิดาหลับอยู่หรือตื่นอยู่ จึงสอดด้ายหลอดเข้าไป ด้านหลอดนั้นกระทบปลายฟืมเสียงดังแล้วตกลงไปเบื้องล่าง นายช่างหูกตื่นขึ้นกระชากปลายหูกกลับมากระทบกับหน้าอกของธิดาสาวโดยแรง นางถึงกาลกิริยาทันที

    นายช่างหูกได้เห็นลูกสาวมีสรีระแดงฉานด้วยเลือดและสิ้นใจเสียแล้ว ก็เสียใจมาก คิดว่า “ความโศกของเราครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ใครเล่าจักดับได้นอกจากพระศาสดา” จึงคร่ำครวญมีหน้าชุ่มด้วยน้ำตาไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค กราบทูลว่า “ขอพระองค์ผู้ประเสริฐจงช่วยยังความโศกของข้าพระพุทธเจ้าให้ดับด้วยเถิด”

    พระศาสดาทรงปลอบนายช่างหูกว่า
    “อย่าเศร้าโศกเลย ในสังสารวัฏอันมีเบื้องต้นและเบื้องปลายอันบุคคลไม่อาจรู้ได้นี้ น้ำตาของท่านที่หลั่งไหลออกมาในสังสารวัฏนี้เพราะมรณกรรมแห่งธิดามีประมาณ ยิ่งกว่าน้ำในมหาสมุทรเสียอีก

    ดูก่อนเปสกะ จงบรรเทาความโศกเสียเถิด สังสารวัฏอันยาวนานนี้ระดะไปด้วยความทุกข์นานาประการ สุดที่ใครจะกำหนดได้ เช่น

    - ความทุกข์ในการแสวงหาอาหาร
    - ความทุกข์เพราะความป่วยไข้
    - ความทุกข์เพราะความชรา
    - ความทุกข์เพราะการวิวาทกัน
    - ความทุกข์เพราะกิเลสเผาผลาญ
    - ความทุกข์เพราะพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักเริงใจ
    - ความทุกข์เพราะไม่ได้สัตว์และสังขารตามปรารถนา
    - ความทุกข์เพราะต้องบริหารขันธ์ คือร่างกายอันเป็นเหมือนเด็กอ่อนอยู่เสมอนี้

    “ดก่อนเปสกะ ทางแห่งสังสารวัฏเป็นทางที่น่ากลัวเพราะมีภัยต่างๆ เสมือนบุคคลหลงเข้าสู่ป่าลึกซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายนนานาชนิด จึงควรหาทางออกจากป่าคือสังสารวัฏนี้ เราตถาคตได้เดินออกจากสังสารวัฏแล้วและชักชวนคนทั้งหลายให้เดินออกด้วย บัดนี้ธิดาของท่านได้สำเร็จโสดาปัตติผลแล้ว ได้เห็นทางออกจากสังสารวัฏแล้ว เธอมีคติแน่นอนไม่ตกต่ำเป็นธรรมดาแล้ว ท่านเบาใจเสียเถิด”


    นายช่างหูกนั้นสดับพระพุทธพจน์อันมี เหตุผล บรรเทาความโศกได้แล้ว ขอบรรพชาอุปสมบทแล้ว ไม่นานนักได้สำเร็จอรหัตผลเป็นพระอรหันต์
     
  14. ธรรมประทีป

    ธรรมประทีป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    2,208
    ค่าพลัง:
    +6,617
    ธรรมะชุดนี้ อ่านแล้วซาบซึ้งมาก
    ทำให้เตือนตัวผมเองไม่ให้ประมาท หลงอยู่

    ใครอนากฟังเป็นเสียง mp3 เชิญฟังหรือโหลดเก็บไว้ได้ ที่นี่ครับ
    เรื่องที่ 10 (ยังมีอีกหลายเรื่องดีๆ)

    ลีลากรรมของสตรีสมัยพุทธกาล mp3 (อ.วศิน อินทสระ) (ดาวน์โหลด)



    คนไปสวรรค์เท่าเขาโค
    คนไปนรกเท่าขนโค



    วันนี้วันพระ ขอทุกท่าน เจริญในธรรม
     
  15. ธรรมประทีป

    ธรรมประทีป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    2,208
    ค่าพลัง:
    +6,617
    ภาคผนวก
    เรื่องธิดาช่างหูก

    สัตว์โลกนี้เป็นผู้มืดบอด
    มีน้อยคนที่เห็นแจ้ง น้อยคนจะไปสวรรค์ได้
    เหมือนนก (ที่ติดข่ายแล้ว) หลุดจากข่ายมีน้อย ฉะนั้น


    พระอรรถกถาจารย์อธิบายว่า
    “โลกียชนมหาชนนี้ ชื่อว่าเป็นผู้มืดบอดเพราะไม่มีดวงจักษุคือปัญญา”

    “คนในโลกนี้มีน้อยที่เห็นในไตรลักษณ์”

    “คนส่วนใหญ่ถูกข่ายคือมารวบรัด มีน้อยคนที่จะหลุดไปได้
    ส่วนมากถูกรวบรัดแล้วชักพาไปสู่นรก ที่ไปสวรรค์หรือนิพพานมีน้อยเหลือเกิน”

    ต่อไปนี้จะอธิบายขยายความ โดยถือเอาคำของพระอรรถกถาจารย์เป็นแนว

    โลกียมหาชนนั้น คือคนส่วนมากผู้ยังข้องอยู่ในโลกหรืออารมณ์ของโลก ยังเห็นโลกสวยงามน่าภิรมย์ชมชื่น เป็นโอกาสให้มารย่ำยีสมดังพระพุทธภาษิตว่า

    สุภานฺปสฺสึ วิหรนฺตํ อินฺทฺริเยสุ อสํวุตํ
    โภชนมฺหิ อมตฺตญฺญํ กุสีตํ หีนวีรยํ
    ตํ เว ปสหติ มาโร วาโต รุกฺขํ ทุพฺพลํ


    แปล ว่า “มารย่อมย่ำยีผู้มีปกติเห็นอารมณ์ว่างาม ผู้ไม่สำรวมอินทรีย์ ไม่พอประมาณในการบริโภค เกียจคร้าน มีความเพียรเลว เหมือนลมพัดเอาต้นไม้ที่ทุรพล ฉะนั้น”

    โลกียมหาชนนี้ หลงเพลิดเพลินอยู่ในโลก หลงแสวงหาไขว่คว้าโลกียารมณ์ต่างๆ เช่น ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เมื่อไม่ได้ก็เดือดร้อน ได้ก็ติดอยู่ จมอยู่ ไม่อาจถอนตนได้ ท่านเปรียบผู้เช่นนี้ว่า เหมือนผู้บอดเพราะไม่มีจักษุภายในคือปัญญา จึงไม่อาจมองเห็นสัจจะแห่งโลกได้ เขามีแต่ตาเนื้อสำหรับเห็นรูปต่างๆ อันยั่วยวนให้หลงรัก หลงชัง


    มีคนจำนวนน้อยที่เห็นแจ้ง เห็นแจ้งในอะไร

    ตอบว่า ในไตรลักษณ์ คือความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ และความเป็นอนัตตาของสิ่งทั้งปวง ส่วนมากจะเห็นเที่ยง สุข และเป็นตัวตน
    ท่านเรียกการเห็นอย่างนี้ว่าวิปัลลาส คือเป็นคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง หรือเข้าใจผิด

    วิปัลลาสนั้นเป็นไปใน ๔ เรื่องคือ
    ๑. เห็นสิ่งไม่เที่ยงว่าเที่ยง
    ๒. เห็นสิ่งเป็นทุกข์ว่าสุข
    ๓. เห็นสิ่งมิใช่ตัวตนว่าตัวตน
    ๔. เห็นสิ่งไม่งามว่างาม

    สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง สังขารทั้งปวงเป็นทุกข์ ธรรมทั้งปวงไม่ใช่ตัวตน กายนี้ไม่งาม ปฏิกูลด้วยอาการต่างๆ

    ความเกิดขึ้นในเบื้องต้น ความแปรปรวนในท่ามกลาง ความแตกสลายในที่สุด
    เป็นเครื่องหมายว่าไม่เที่ยง (อนิจจลักษณะ)

    ความทนไม่ได้เป็นเครื่องหมายว่าเป็นทุกข์ (ทุกขลักษณะ)

    ความไม่ได้ตามใจหวังเป็นเครื่องหมายว่าไม่ใช่ตัวตน (อนัตตลักษณะ)
    ความปฏิกูลต่างๆ เป็นเครื่องหมายว่าไม่งาม

    ความจริงใครจะเข้า ใจอย่างไร สิ่งทั้งหลายทั้งปวงก็คงสภาพอยู่อย่างนั้น ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามความเข้าใจของคน ใครจะเข้าใจตะวันออกเท่ากับตะวันตก ก็เปลี่ยนทิศตะวันออกให้เป็นตะวันตกได้ไม่ ผู้นั้นสำคัญผิดเข้าใจผิดไปเอง (วิปัลลาส) แต่ผลแห่งการเข้าใจถูกและเข้าใจผิดต่างกัน ความเข้าใจถูกสำเร็จประโยชน์ได้เร็ว ความเข้าใจผิดทำให้เสียประโยชน์เสียเวลา เช่นเดียวกับการเดินทาง ระยะทางที่จะไป ใกล้ไกลเท่าใด ก็คงอยู่เท่านั้น เมื่อใครเข้าใจถูกก็ไปถูก และไม่ต้องเสียเวลามากใครเข้าใจผิดก็ไปผิด หรือหลงทาง ต้องเดินวกวนอ้อมค้อมยืดยาวเกินกว่าระยะทางที่ควรเดิน ทำให้เสียเวลาเปล่าไปมาก

    สัตว์โลกทั้งหลายนี้ ต่างก็เดินทางไกลด้วยกันทุกคน
    ทางไกลคือสังสารวัฏนี้ เวียนเกิดเวียนตายกันอยู่ไม่รู้จักจบ
    แต่เมื่อได้พบพระพุทธเจ้าได้สดับธรรมของท่าน
    เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วปฏิบัติตาม จึงทำที่สุดชาติที่สุดทุกข์ได้

    อย่างไรก็ตาม แม้ในสมัยของพระพุทธเจ้า
    คนที่ได้เคยเฝ้าพระพุทธเจ้าที่เห็นแจ้งก็มีน้อยอยู่นั่นเอง
    ส่วนมากวนอยู่ในความมืดคืออวิชชา มืดบอดเพราะตัณหาอุปาทาน


    คนส่วนมากถูกมารรัดไว้ ถูกชักดึงไปสู่นรก
    มารในที่นี้ กล่าวเจาะจงเอากิเลสมาร
    มหาชนติดอยู่ในบ่วงมารเหมือนนกติดข่าย
    น้อยตัวที่จะเอาตัวรอดได้ นอกนั้นเป็นเหยื่อของนายพราน
    มนุษย์ก็เหมือนกัน มีน้อยคนที่จะไปสวรรค์

    พระพุทธเจ้าเคยตรัสเปรียบไว้ว่า
    คนไปสวรรค์เท่าเขาโค
    ส่วนคนไปนรกเท่าขนโค ต่างกันมาก
    <table style="table-layout: fixed;" border="0" width="100%"><tbody><tr> <td colspan="2" class="smalltext" width="100%">
    </td> </tr><tr> <td class="smalltext" id="modified_4607" valign="bottom">
    </td> <td class="smalltext" align="right" valign="bottom">
    </td></tr></tbody></table>
    .....
     
  16. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,800
    สวสัดีครับ...........พี่โก๋ พี่หนู วันนี้วันพระพี่โก๋จัดยาวเลย อ่านไม่ทัน............5555
     
  17. supatach

    supatach เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,638
    ค่าพลัง:
    +6,666
    เรียนท่านเจ้าของกระทู้ และ เพื่อนสมาชิกจำประจำกระทู้นี้
    วันนี้ วันดี ผมขออนุุญาติประชาสัมพันธ์ ครับผม
    เนื่องจากผมและเพื่อนๆพี่ๆน้อง ได้ก่อตั้งกองทุนรัศมีบุญ ขึ้น
    วัตถุประสงค์ เพื่อรวบรวม ระดมเงินบริจาค เพื่อจัดซื้อเครื่องล้างไตฟอกเลือด เพื่อบริจาคให้แก่โรงพยาบาลต่างจังหวัด
    ปัจจุบัน มีผู้ป่วยโรคไต ที่ต้องทนทุกข์ทรมาน และ เสียชีวิต ก่อนจะได้รับคิวล้างไตฟอกเลือดมากมาย ผมขอเชิญทุกๆท่านมาร่วมบุญช่วยเหลือเพื่ีอนมนุษย์ด้วยกันนะครับ
    http://palungjit.org/threads/%E0%...8D.302325/

    อีกลิ้งค์หนึ่งเป็นเวปไซค์หลักของกองทุนรัศมีบุญ ครับผม

    https://sites.google.com/site/rusmeeboon/
    ขอบพระคุณครับ __________________
    ช่วยต่อชีวิตผู้ป่วยโรคไต กับ กองทุนรัศมีบุญ
     
  18. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,800
    Update จ้า......

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. kang_som

    kang_som เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    11,853
    ค่าพลัง:
    +27,800
    เมื่อวานไปกราบหลวงพ่อตี๋ วัดหูช้าง ก็เลยขอความเมตตาหลวงพ่อจารแผ่นโลหะให้ครับ แต่ท่านรีบๆ จะออกไปธุระข้างนอก ว่าจะขอวัตถุมงคลท่านซะหน่อย อดเลย อิอิอิ.....แล้วก็ไปกินข้าวที่วัดตะเคียน ตลาดน้ำกำลังจะวาย ผมไปสายเกือบบ่าย 3 แล้ว

    หลวงปู่ยังอาพาธครับ อยู่ห้องปลอดเชื้อ ที่ รพ.วิชัยยุทธ คณะลูกศิษย์ลงความเห็นว่ายังให้ท่านรักษาตัวที่ รพ. ยังไม่ให้กลับวัดเพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อครับ

    มีข่าวมาแจ้ง ที่วัดตะเคียน จะออกเสือรุ่น 6 โดยเปิดให้จองที่วัดวันที่ 9 กันยายน ครับ......
    <!-- google_ad_section_end -->
     
  20. ธรรมประทีป

    ธรรมประทีป เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    2,208
    ค่าพลัง:
    +6,617


    อนุโมทนาบุญกับน้องแกงส้มครับ

    นึกได้ว่า อยู่แถวนนท์ วิ่งกราบพระสายนนท์-คลองบางตะไนน่าจะง่าย

    ฝากช่วยสอบถามหลวงพ่อสิริ ว่าท่านอยู่ที่ใดตอนนี้
    เป็นอีกองค์ที่อยากไปกราบขอแผ่นจารมาสร้างพระ



    หรือหากท่านใดทราบ กรุณาPM.มาแจ้งจะขอบพระคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...