เจริญสมาธอยู่สม่ำเสมอค่ะแต่สิ่งที่เจอนี้คืออะไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย มณีดิน, 27 ตุลาคม 2015.

  1. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ปริยัติธรรม เสียหายหมด

    นิวง นิวรณ์ อะไร ในสมาธิ ....ในเชิงของ ปริยัติ ท่านจะเปลี่ยนเป็นคำอื่น

    คนศึกษาไม่เป็น ไม่เข้าใจ ได้แต่ อ่านแล้วเปรียบเทียบ เลยไม่รู้ อุบาย
    ในการสอน ทำไมจะต้อง กำกับ บังคับให้ใช้ คำนั้น คำนี้

    ธรรมเขามีลำดับ ความหยาบ ปราณีต ละเอียด ต่างกัน

    ปริยัติธรรม จึงเป็น " สวากขาโต ภควตา ธรรมโม "

    คนปฏิบัติเป็น เขาจะรู้วิธี เช็ดไมล์ ของคนจะมาสอน

    หยุดคิดๆ เขาก็ถามคำเดียว ความสว่างอยู่ไหน รักษา
    เข้า ออก เป็นไหม ตอบไม่ได้ ตอบมั่วซั่ว เขาก็ทราบ
    ทันทีว่า .......

    ซึ่งหากเป็น นักปฏิบัติอินทรีย์อ่อน เขาก็ หวงศีล รักศีล เขาก็เงียบ

    คนมีอินทรีย์พอเอาตัวรอดได้ ล้มละลายแต่ไม่ทิ้งกรรมฐานเป็น
    เขาซัดเปรี่ยง กระเด็นออกไปจาก ตู้สารภาพทุกข์ สันติ !!!! ไวน์ศรัทธาซิ๊บๆ
     
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ผมว่าน๊า ....

    คุณ "ศาสดา" พาหริกะ คร้าบ ท่านไปสอนคนในศาสนาท่าน ให้สมาธิ
    มันแน่นแฟ้นก่อนไม่ดีกว่าหรือ

    ไปฝื้น....นิกายอะไรหว่า เน้นสมาธิ มอรมอน อะเป่า

    อะไรก็ช่าง ไปเลย ไปเน้นก่อน แต่ จะมาถามพระสงฆ์ได้ไหม
    ในวิธีการทำสมาธิ อันนี้เราไม่หวงหน่าคร้าบ

    รัฐเขาสั่ง มีคำสั่งเลยมั้ง ให้ สงฆ์ทำการสอน แลกเปลี่ยนคำสอน
    กันทุกระดับชั้น ทำมาแต่สมัย หลวงพ่อพุธ โน้นนน

    ดังนั้น เรียนไป เก็บได้ก็เก็บไป แต่ จะต้องทำความเข้าใจนิดนึง
    ว่า หาก ไตรสรณะคมน์ไม่ถูกต้อง สรรเสริญ ยกย่อง พระผู้มีพระภาค
    พระองค์เดียวไม่ได้ .....สมาธิที่คุณรับไป ไม่มีความเป็นสัมมาสมาธิ แน่นอน

    ซึ่งจะไปโทษคนสอนไม่ได้ เพราะ คนสอนในพระพุทธศาสนา นั้น ชื่อ ตถาคต เท่านั้น
    นอกนั้นถือเป็น พาหนะ นำพาธรรมให้รู้จัก ให้ได้ยิน เฉยๆ หรือ ที่เรียกหรูๆว่า " ธรรมโฆษณ์ "
     
  3. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82
    ภิกษุ เป็นอันมากจักเป็นคนมักโกรธ มักผูกโกรธไว้
    ลบหลู่คุณท่าน
    หัวดื้อ
    โอ้อวด
    ริษยา

    มีวาทะต่างๆ กัน

    จักเป็นผู้มีมานะในธรรมที่ยังไม่รู้ทั่วถึง
    คิดว่าตื้นในธรรมที่ลึกซึ้ง

    เป็นคนเบา
    ไม่เคารพธรรม
    ไม่มีความเคารพ กันและกัน ในกาลข้างหน้า

    โทษเป็นอันมากจักเกิดขึ้นในหมู่สัตวโลก ก็เพราะภิกษุทั้งหลายผู้ไร้ปัญญา จักทำธรรมที่พระศาสดาแสดงแล้วนี้ ให้เศร้าหมอง ทั้งพวกภิกษุที่มีคุณอันเลว โวหารจัด แกล้วกล้า มี กำลังมาก ปากกล้า ไม่ได้ศึกษาเล่าเรียน ก็จักมีขึ้น

    ภิกษุทั้งหลายในอนาคตที่ทรามปัญญา ...
    จักเป็นคนโง่มุ่งแต่จะเพ่งโทษผู้อื่น

    ไม่ดำรงมั่นอยู่ในศีล ถือตัว
    โหดร้าย
    เที่ยวยินดีแก่การทะเลาะ วิวาท จักมีใจฟุ้งซ่าน

    เที่ยวชูเขา คือมานะ
    ... เป็นคนเกียจคร้าน มีความเพียรเลวทราม ...

    <blockquote style="width:600px;font-size:14px;color:red;background-color:yellow;text-align:center">
    ก็พรหมทัณฑ์เป็นไฉน
    พระผู้มีพระภาคตรัสตอบว่า ดูกรอานนท์ ฉันนะภิกษุพึงพูดได้ตามที่ตนปรารถนา
    ภิกษุทั้งหลายไม่พึงว่า ไม่พึงกล่าว ไม่พึงสั่งสอน ฯ

    </blockquote>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2015
  4. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    คุณคร้าบ พระพุทธองค์ท่านหวังให้คนในบริษัท

    คนที่กราบพระพุทธองค์เปนศาสดา ทำการแก้ไข
    หากเกิดคนนอกศาสนามาจาบจ้วง

    ผมแก้ด้วยการถามว่า ศาสดาท่านมีนามว่าอะไร

    ท่านไม่ตอบ ใครครับ ไม่เคารพธรรม

    และผมก้ต้องการให้คุณเข้าถึงธรรม สัมมาสมาธิ
    ซึ่งก็ไม่ได้ยากอะไร ก็แค่ถามว่า คุณมีสรณะอย่างไร


    หยาบคายตรงไหน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2015
  5. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82
    รออยู่นาน ไม่เห็นมีใครให้ความเห็น


    QUOTE=ชอบบุญ;9820907] อันผู้รู้ธรรมย่อมประเสริฐกว่าผู้ใด
    ปัญญาทำให้เกิดความสว่าง
    เรียนถามท่านผู้รู้ ว่าทำอย่างไรจะให้จิตนิ่ง ไม่ส่ายซัด



    กายนิ่ง > ปากปิด > หลังตรง > วิเวก > หยุดนึกคิด > ไกลคนชั่ว

    ละนิวรณ์5 ในระดับ ปฐมฌาน ทุตติยฌาน และ ตติยฌานให้หมดก่อน ซึ่งในแต่ละระดับจะมีนิวรณ์เฉพาะตัวของมันเองเธอจะรู้เองเมื่อประสบ
    หากมีภาพนิมิตขึ้น ในช่วงนี้ ให้ละความสนใจ อย่าเพิ่งไปให้ความสนใจ ภาพนิมิต ในระดับเหล่านี้
    เพราะนิมิตในระดับนี้ ยังไม่เป็นธรรม ซึ่งจะเป็นธรรมอันเนิ่นช้า ขวางกั้นธรรมที่ปราณีตกว่า

    ในช่วงนี้ ถ้าทำเนสัชชิก ด้วยจะพัฒนาได้เร็ว


    เห็นภาพชัดเจน และแม่นยำคะ


    อันนี้เราคงกำลังคุยถึง จักษุทิพย์ อะนะ (ไม่ใช่ตาที่สาม - ซึ่งเป็นความสามารถเฉพาะคน ไม่ได้มีกับคนทั่วไป)

    เข้าสู่ จตุตถฌาน ได้แล้วฝึกทรงฌานตรงนี้ ให้ได้ นานพอสมควร สักระยะนึงก่อน (ปกติ 8-12 ชั่วโมงต่อครั้ง)
    เมื่อการทรงฌาน มั่นคงดีแล้ว จากการฝึกทรงฌานเป็นแรมเดือน ค่อยเริ่ม เพ่งอุคนิมิต หรือ จะ ปฏิภาคนิมิต อันไหนก็ได้ แล้วแต่จะ ถนัด ขึ้นกับ จริต ของเธอเอง
    ทำบ่อยๆ ภาพจะชัดเจนขึ้นเอง จนเหมือนของจริงภาพโฮโลแกรม และถ้าละเอียดมากๆ จะเสมือนเข้าไปอยู่ร่วมด้วยกับภาพนั้นเลย เหมือนโลกจริง

    (แต่ถ้าหาก เธอไม่สามารถเพ่ง อุคนิมิต หรือ ปฏิภาคนิมิตได้ แสดงว่าไม่มีจริตทางด้านนี้ ไม่ต้องกังวล
    ความสามารถพิเศษอื่น จะปรากฏขึ้นมาทดแทนให้เอง ... เพราะเธอมีความสามารถหยั่งรู้วาระฆาตของผู้อื่นได้เป็นทุนอยุ่แล้ว)




    หวังว่า ท่านคงตอบได้ [/QUOTE]

    ระหว่างฝึก หรือ ฝึกสำเร็จแล้ว หมั่น สนทนากับพระสงฆ์ บ่อยๆ จะทำให้ไม่หลงทาง และ หลงติดให้เนิ่นช้าสู่ปลายทาง
    ศิษย์จะต้องมีครู ... ไม่งั้นละก้อ ไปอยู่บนดาวที่มีดวงจันทร์3ดวงเป็นบริวาร กู่กลับยาก
    ดั่งคำกล่าว ... เจดีย์ต้องมี่ยอด งูต้องมีพิษ ศิษย์ต้องมีครู.
     
  6. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    กั๊กๆๆๆๆ โดน บัญญัติจับขัง หรือคร้าบ

    ยกประโยคเดิมเพื่ออะไร เพื่อบอกว่า ก็นี่ไง ku แสดงแล้วว่าให้ไปถาม " พระสงฆ์ "

    ท่านคร้าบ คำว่าสงฆ์ พระสงฆ์ มันเป็นคำกลาง ทุกศาสนาที่มีคนรวมหมู่ เป็นคณะ
    เป็นสังคม มีพิธีการ เขาก็เรียก หมู่นั้นว่า " สงฆ์ "

    มันจะยากตรงไหนคร้าบ ที่จะสรรเสริญ พระพุทธองค์ว่า


    แม้นว่าจะ เลี่ยงบาลีไปใช้คำว่า " สงฆ์ " เคารพสงฆ์ ก็จงทราบด้วยหน่าคร้าบ
    ว่า พระสงฆ์จะถามกับท่านว่า " ท่านเคารพ บิดา ของสงฆ์ หรือเปล่า ถ้าจะเคารพ
    สงฆ์โดยไม่มารยา อ้างเล่ห์ ก็จง ก้มกราบเราให้ถึง พระพุทธองค์ ด้วย " [ อันนี้
    ก็เป็น สิ่งที่พระพุทธองค์สอนแก่สาวก เพื่อเอาไว้ใช้ต่อพวกที่ จะเข้ามาลักขโมย
    จ๊าบจ้วง ทำอริยูปวาโท .....]

    นะครับ คุณจะชื่ออะไรไม่สำคัญหลอก จงกราบพระพุทธองค์ ซะ !!! พระพุทธองค์
    ทรงเมตตาท่านแล้ว ขอเพียงศรัทธาก้มกราบ ธรรมฐิติ จึงจะเข้าไปตั้งได้ การเคารพ
    ธรรมจึงมีปรากฏ ญาณความรู้จริง ไม่ก๊อปปี้จะเกิด ภายหลัง [ อ้างอิง สุนักขัตสูตร ]
     
  7. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82
    ข้อความนี้ ไม่เห็นในพระไตรปิฏก

    ช่วย อ้างอิงด้วย มาจากเล่มไหน


    ถ้าไม่มี ไม่ควรใช้คำว่าตรัส เพราะหมายถึง พูดตรงโดยออกจากปาก
    ใช้ว่า "บอกเป็นนัยว่า" แทน

    ไม่งั้น จากรุ่นสุ่รุ่น จะเพี้ยนไปเรื่อยๆ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2015
  8. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82
    พระอนาคามี กับ พระอรหันต์ หยุดคิดได้
     
  9. มณีดิน

    มณีดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +537
    ดิฉันคงต้องใช้เวลาอีกนานโขกว่าจะสำเร็จได้ในระดับอริยมรรค จะได้ในชาติไหนหรือก็หารู้ไม่
    ปัจจุบันนี้ขอแค่มีจิตที่ละเอียดมีสติก็พอแล้วค่ะ
    กราบขอบพระคุณอาจารย์ทุกท่านที่เมตตาให้ความรู้อย่างมากมาย
    ดิฉันยอมรับว่า บางครั้งก็ตามจิตไม่ทัน
    อารมณ์มันพุ่งเร็วกว่าจรวดนำวิถีเสียอีกค่ะ
    กว่าจะดับได้ บางทีก็มีเผลอบ้าง วางอุเบกขาก็ไม่ค่อยจะได้
    คงต้องใช้เวลา ทุกวันนี้ก็เลยต้องตั้งสมาธิไว้ตลอดเวลา
    จะรอให้มีเวลาว่างแล้วมานั่งขัดสมาททำสมาธิกล่าว พุทโธ คงไม่ทัน วจีกรรม มโนกรรม กายกรรม
    มันมาไวกว่าสติจะสกัดทันค่ะ ชีวิตนี้จึงต้องกำหนดจิต
    กล่าว พุทโธ ตลอดทั้งวัน ทุกกิจกรรมที่ทำค่ะ
     
  10. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    ฮาร์ดคอร์ภาษา คือหัวเด็ดตีนขาด
    มุมเดียว ต้องอย่างนี้เท่านั้น

    ภาษาไม่ผ่อนคลาย คนก็ไม่ผ่อนคลาย
    ภาษาผ่อนคลาย คนผ่อนคลาย

    ยึดหรือไม่ยึด อยู่ที่การปล่อยวาง เป็นธรรมชาติแค่ไหน
     
  11. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    อย่าไปโดน ลัทธิใส่ไคร้ ขันธ์ เป็นตัวกิเลส สิฮับ

    ความคิด มันคือ " กองสังขาร " พระพุทธองค์ทรงสอน อุบายยกกองสังขาร
    ว่าไม่ใช่ตน ของตน ด้วยการกำหนดรู้

    กำหนดรู้ ไม่ใช่หยุดคิด แต่ให้ อาศัยคิดที่เป็น ทิฏฐิวิสุทธิ ก็แค่ กำหนดรู้
    ว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวง เที่ยยง หรือไม่เที่ยง หากสังขารไม่เที่ยง ย่อมแสดง
    ให้เห็นถึงความตั้งอยู่ไม่ได้ของสังขาร และเพราะตั้งไม่ได้ มันก็ แปรปรวนไปเป็นธรรมดา

    ขันธ์จึงมีหน้าที่ มีกิจ โดยธรรมชาติของมันคือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ อนิจจาวัตสังขารา
    สรรเพ ธรรมาอนัตตา

    ซึ่ง การกำหนดรู้ ประกอบด้วยปัญญา(ทิฏฐิวิสุทธิ -- การตรึกที่ถูกต้อง ) บ่อยๆ
    เนือง จะไม่เสียสติไปเที่ยว ดับความคิดที่เป็นหนทางให้พ้นทุกข์ ตามความเป็นจริง
    ตามมุขนัยของ พระจอมธรรม ไม่ใช่ จาก พระจอมปลอม คนจอมปลอม
     
  12. muisun

    muisun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +94
       พ. อย่าเลย วักกลิ ร่างกายอันเปื่อยเน่าที่เธอเห็นนี้ จะมีประโยชน์อะไร? ดูกรวักกลิ ผู้ใดแล เห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นเรา ผู้ใดเห็นเรา ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นธรรม. วักกลิ เป็นความจริง บุคคลเห็นธรรม ก็ย่อมเห็นเรา บุคคลเห็นเราก็ย่อมเห็นธรรม.
    ที่มา  
     
  13. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    สังเกต การที่เราสามารถกำหนดได้อยู่บ้างว่า กายไม่เที่ยง มีการเปลี่ยนภพชาติ
    ด้วย ชาติ ชรา มรณะ

    แต่ทว่า จิตเองก็เป็นสิ่งไม่เที่ยง หากไม่ได้เรียนพระพุทธศาสนา ก็จะไม่ทราบ
    ถึงการกำหนดรู้ อุบายเข้าไปเห็น จิตไม่เที่ยง

    การที่จะมาเห็น จิตไม่เที่ยง ก็ไม่ใช่ของง่าย แต่ไม่เกินกำลังความ เพียร

    ยกตัวอย่าง

    จิตมันไปอุเบกขา ...ถ้า ยังสดับธรรมไม่มากพอ ยังมี มิจฉาทิฏฐิเห็นจิตเที่ยง
    ก็จะ สำคัญอาการ อุเบกขา เป็น นิพพาน ทำให้ เผลอกำหนดรู้ลงเป็น เวทนาขันธ์

    พอไม่กำหนดรู้ลงเป็นเวทนา เวทนาเขาแสดงธรรม คือ ความไม่เที่ยงให้ดู ก็เลยคลาดไป

    ไปสารวนจะทำให้จิต กลับไปสู่ อุเบกขา


    อุเบกขา มันเป็นธรรม ที่มีความไม่เที่ยง มิจฉาทิฏฐิพาไป รักษา ทำให้มันเที่ยง
    มันเลย ฟังธรรมเท่าไหร่ หูก็ไม่กระดิก


    ลองเอาไป ยกพิจารณาดู อย่าหวงจิต ให้ยกเห็นว่า อุเบกขาเป็น สิ่งไม่เที่ยง เป็นธรรมดา

    รู้แล้วได้อะไร

    จะรู้ว่า สัพเพธรรม อันตตา นั้นมีอยู่ .....และ อสังขตธรรม นั้นมีอยู่แน่ แต่ไม่ใช่
    สิ่งที่อยู่ภายใต้ ขันธ์5 .....ทำการเห็น นมสิการ ใคร่ครวญตรงนี้บ่อยๆ จะ รู้เลยว่า

    พระพุทธองค์ไม่ได้สอนให้หยุดคิด แต่จงใช้คิด ที่เป็น ทิฏฐิวิสุทธิ นำทางไป เพียรภาวนา
    ให้มากๆ ย่อมเล็งเห็น ธรรมชาติที่พ้นขันธ์ ธรรมชาติที่พ้นความเป็นปัจจัยการ ธรรมชาตที่
    เป็นธรรมไม่แปรปรวน หรือ นิพพาน

    อนึ่ง ธรรมนี้เป็นส่วนปริยัติ ส่วนที่เป็นปฏิบัติ ย่อมต้องมี การชำระกิเลส แฝงอยู่
    คนไม่ภาวนา ไม่เพียรเข้ามา จะไม่มี ต้นทุก การสะอาด สว่าง จากอุปกิเลส

    ทำให้ ฟังธรรมแบบตีความ ฟังเท่าไหร่ ก็ไม่ลงใจ

    แต่ถ้า ลงมือปฏิบัติ เห็นหนทาง อุบาย เครื่องนำออก เห็นกิเลสละ วาง ขาดออก
    จากจิต ก็ จะอ๋อ ว่าทำไม ธรรมปริยัติจึงสอนแค่ มรรค ไม่ได้ บรรยายผล ให้ท่วมทุ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2015
  14. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    นี่แหละเกิดดับ เวลาเกิดก็ดิ้นรน ทุรนทุราย กระหาย ใคร่รู้
    พอดับก็ว่า เอ๊ะ เราเป็นบ้าไปเองนี่หน่า ตามไม่ทัน
    ดังนั้นมามีสติ รู้จักธรรมชาติของจิต ธรรมชาติของทุกข์เหล่านี้ให้ดี
    เดี๋ยวดิ้นรน เดี๋ยวกวัดแกว่ง เดี๋ยวใฝ่ไปตามอารมณ์ใคร่
    ไม่มีความแน่นอนอะไรเลย ทุกข์ทั้งนั้น
    ยิ่งยึดยิ่งทุกข์ซ้อนทุกข์เข้าไปอีก ค่อย ๆ เรียนรู้ไปเถิด..
     
  15. muisun

    muisun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +94
      [๑๔๑] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า ดูกรอานนท์ บางทีพวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ปาพจน์มีพระศาสดาล่วงแล้ว พระศาสดาของพวกเราไม่มี ก็ข้อนี้ พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมและวินัย อันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็น ศาสดาของพวกเธอ
     
  16. muisun

    muisun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +94
    เธอทั้งหลายจงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือ จง มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่เถิด.             
     [๗๑๒] ดูกรอานนท์ ก็ภิกษุเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณา เห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติกำจัดอภิชฌา และโทมนัสในโลกเสีย ดูกรอานนท์ ภิกษุเป็นผู้มีตนเป็นเกาะมีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่ อย่างนี้แล.            
      [๗๑๓] ดูกรอานนท์ ก็ผู้ใดผู้หนึ่งในบัดนี้ก็ดี ในเวลาที่เราล่วงไปแล้วก็ดี จักเป็น ผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง ภิกษุเหล่าใดเป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษา ภิกษุเหล่านั้นจักเป็นผู้เลิศ.
     
  17. muisun

    muisun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +94
    เจโตปริยญาณ             [๑๓๕] ภิกษุนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่อเจโตปริยญาณ เธอย่อมกำหนดรู้ใจของสัตว์อื่น ของบุคคลอื่นด้วยใจ คือจิตมีราคะ ก็รู้ว่าจิตมีราคะ หรือจิต ปราศจากราคะ ก็รู้ว่าจิตปราศจากราคะ จิตมีโทสะ ก็รู้ว่าจิตมีโทสะ หรือจิตปราศจากโทสะ ก็รู้ว่าจิตปราศจากโทสะ จิตมีโมหะ ก็รู้ว่าจิตมีโมหะ หรือจิตปราศจากโมหะ ก็รู้ว่าจิตปราศจาก โมหะ จิตหดหู่ ก็รู้ว่าจิตหดหู่ หรือจิตฟุ้งซ่าน ก็รู้ว่าจิตฟุ้งซ่าน จิตเป็นมหรรคต ก็รู้ว่าจิตเป็น มหรรคต หรือจิตไม่เป็นมหรรคต จิตมีจิตอื่นยิ่งกว่า ก็รู้ว่าจิตมีจิตอื่นยิ่งกว่า หรือจิตไม่มีจิตอื่น ยิ่งกว่า ก็รู้ว่าจิตไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า จิตเป็นสมาธิ ก็รู้ว่าจิตเป็นสมาธิ หรือจิตไม่เป็นสมาธิ ก็รู้ว่าจิตไม่เป็นสมาธิ จิตหลุดพ้น ก็รู้ว่าจิตหลุดพ้น หรือจิตไม่หลุดพ้น ก็รู้ว่าจิตไม่หลุดพ้น ดูกรมหาบพิตร เปรียบเหมือนหญิงสาวชายหนุ่มที่ชอบการแต่งตัว เมื่อส่องดูเงาหน้าของตน ในกระจกอันบริสุทธิ์สะอาด หรือในภาชนะน้ำอันใส หน้ามีไฝ ก็จะพึงรู้ว่าหน้ามีไฝ หรือหน้า ไม่มีไฝ ก็จะพึงรู้ว่าหน้าไม่มีไฝ ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นแล เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้ ย่อมโน้มน้อม จิตไปเพื่อเจโตปริยญาณ เธอย่อมกำหนดรู้ใจของสัตว์อื่นของบุคคลอื่นด้วยใจ คือจิตมีราคะ ก็รู้ว่าจิตมีราคะ หรือจิตปราศจากราคะ ก็รู้ว่าจิตปราศจากราคะ จิตมีโทสะ ก็รู้ว่าจิตมีโทสะ หรือจิตปราศจากโทสะ ก็รู้ว่าจิตปราศจากโทสะ จิตมีโมหะ ก็รู้ว่าจิตมีโมหะ หรือจิตปราศจาก โมหะ ก็รู้ว่าจิตปราศจากโมหะ จิตหดหู่ ก็รู้ว่าจิตหดหู่ หรือจิตฟุ้งซ่าน ก็รู้ว่าจิตฟุ้งซ่าน จิตเป็นมหรรคต ก็รู้ว่าจิตเป็นมหรรคต หรือจิตไม่เป็นมหรรคต ก็รู้ว่าจิตไม่เป็นมหรรคต จิตมีจิตอื่น ยิ่งกว่า ก็รู้ว่าจิตมีจิตอื่นยิ่งกว่า หรือจิตไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า ก็รู้ว่าจิตไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า จิตเป็นสมาธิ ก็รู้ว่าจิตเป็นสมาธิ หรือจิตไม่เป็นสมาธิ ก็รู้ว่าจิตไม่เป็นสมาธิ จิตหลุดพ้น ก็รู้ว่าจิตหลุดพ้น หรือจิตไม่หลุดพ้น ก็รู้ว่าจิตไม่หลุดพ้น ดูกรมหาบพิตร นี้แหละสามัญผลที่เห็นประจักษ์ ทั้งดียิ่งกว่า ทั้งประณีตกว่าสามัญผลที่เห็นประจักษ์ข้อก่อนๆ.
     
  18. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424


    อันนี้เรียกว่ายกพระพุทธรูปมากำบังละน้าาา
    เห็นความหวั่นไหวไม่มั่นใจตนเองไหม
    ยังขาดที่พึ่งอยู่ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนนะ
     
  19. muisun

    muisun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +94
    อ้างอิง
    อันนี้เรียกว่ายกพระพุทธรูปมากำบังละน้าาา
    เห็นความหวั่นไหวไม่มั่นใจตนเองไหม 
    ยังขาดที่พึ่งอยู่ ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตนนะ
    Taboon

    ก็เห็นถามว่าบทไหน สูตรไหนก็ตอบไป

    เอาพระพุทธบังหน้า พระพุทธก็ไม่ว่าไรหรอก เพราะเราเป็นลูกศิษย์ เราต้องอาศัยสมเด็จพ่อ
    เพราะพระพุทธเจ้าดับความริษยาได้แล้ว เป็นสาธารณประโยชน์ ไม่หวงสัจธรรมหรอก
     
  20. muisun

    muisun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +94
    ถ้ารู้ทันชอบ ชัง เฉย ก็เหนือธรรมชาติ ถ้ายึดถือชอบ ชัง เฉยก็ไปตามธรรมธรรมชาติ จะยึดดับๆ
    ธรรมะของพระพุทธเจ้าแสดงเพื่อละชอบ ชัง เฉย เท่านั้น จะเฉยดับๆ

    จากสายสืบสั่งสอนนิสัยศาสตร์
     

แชร์หน้านี้

Loading...