เจริญสมาธอยู่สม่ำเสมอค่ะแต่สิ่งที่เจอนี้คืออะไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย มณีดิน, 27 ตุลาคม 2015.

  1. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    มาดูปฏิปทา พระพุทธองค์กัน

    พระพุทธองค์ เห็นการเกิด การตาย ของสัตว์ไหม

    พระพุทธองค์ เห็นการเกิด การตาย ของตน วิถีจิตของตน ที่แล่นไปในภพ ชาติ สังขาร
    หลายชาติ นับไม่ถ้วน ....ซึ่งอันนี้ยกไว้ แต่ต้องกล่าว เพราะ ปฏิทานี้บ่งบอกวิธีภาวนา
    อย่างหนึ่ง คือ กำหนดรู้ที่ตนก่อน ให้จิตมีกำลัง ลำพังตัวเอง มีบุญ มีบาปอย่างไร ก็จะ
    เกิด ตายตามวาระกรรมเหล่านั้น ไม่อาจหลีกหนีได้ .....สัมมาทิฏฐิ ต้องไม่หลงลืม

    หลังจากนั้น จึง พิจารณาการเกิด การตาย ของสรรพสัตว์

    สัมมาทิฏฐิ จากการ รู้เห็น ตัวเองก็ยังไม่รอด หากกรรมจะให้ผล ทำให้ พิจารณากาย
    เกิด การตายของ สรรพสัตว์ได้จำนวนนนนนนนมาววววววววววก์ โดยมีจิตตั้งมั่น ไม่
    ละเมอออกไปช่วยสัตว์ อ้างเลห์ เพทุบาย

    หลังจากนั้น จิตตั้งมั่น ไม่แส่ส่าย ก็น้อมไปใน อาสวะขยะญาณ ทำนิพพานให้แจ้ง
     
  2. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ปฏิบัติ อย่า วาดภาพท่านเจ้าขุนนายบุญ เสด็จ

    พอบอกว่า ระวังเหยียบมดตาย ความที่ ไม่เอา นัยปฏิบัติ ชีวิตจริงเป็นใหญ่

    ไปทะลึ่ง วาดภาพ นักบุญสุดยอด เราจะไม่เหยียบมดตาย ก็เลย เดินไป
    เหมือนหมาหาของแปลdก เดินส่องอยู่นั่น ตรงไหนมีมด กระโดดหลบ สันติ !!!


    เดินไปธรรมดานี่แหละ หากจะเหยียบมันตาย มันเป็นเรื่องเลี่ยงไม่ได้ [ ถึงเลี่ยงได้ มันก็แค่ ชาตินี้
    แล้ว นับแสนล้านชาตที่เกิดมา เหยียบมดไปกี่ตัวแล้ว มันจะไปล้างได้ไหม ]

    ดังนั้น ต้องเร่งภาวนา ทำนิพพานให้แจ้ง ไม่ใช่ไปวาดภาพ ชูคอ
    เป็น นักบุญไม่เหยียบมดจนฝ่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2015
  3. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82
    "ไม่ควรรีบตัดสินเรื่องนั้น ๆ ว่าผิดถูก เป็นไปได้ เป็นไปไม่ได้ ภาษาคือผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ ภาษาเป็นเครื่องกรองสังคม มนุษย์ที่เป็นทาสสังคมจึงตกเป็นทาสของภาษาด้วย" ... ผศ.ดร.สมิทธิพล เนตรนิมิตร (2551)

    คนในสังคม ต้องการขังพวกของตนเองให้เป็นทาส ด้วยภาษา กดไว้ด้วยภาษา ไม่ให้อิสระทางความคิด ยึดสมมุติบัญญัติเป็นของตน
    บางคนแสดงออกเด่นชัด
    บางคนแสดงออกโดยการเหยียบย่ำผู้อื่นก่อนเสมอ แล้วยกตนขึ้นตาม ยัดเยียดมิจฉาทิฏฐิของตนให้ ซึ่งดูเหมือนจริง แต่ที่สุดบิดเบี้ยว ต้นกับปลายไม่ชนกัน และไม่สามารถไปถึงปลายทางได้
    บางคนอาศัยผู้อื่น ใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือของตน
    บางคนอาศัยคำสอนพระพุทธเจ้าเป็นเครื่องมือ ถากถางผู้อื่น ข่มขี่ผู้อื่น

    คนบางคนดูเหมือน พุทธ อ้างตัวเป็นพุทธ แต่แท้ที่จริงกลับไม่ใช่ ไปยึดเทพ3โลก อันเป็นที่นิยมกันในลัทธิ เทวนิยมสมัยใหม่ที่อาจไปอ่านเจอหรือคิดขึ้นเอง อย่างรุนแรง แต่แอบแฝง แล้วค่อยๆ ซึมซับกระจายความคิดนี้ออกไป ต่อผู้ซึ่งยังใหม่และขาดประสบการณ์ จะเชิดชูตัวเองเด่นชัด ... มีสภาวะลอกเลียนแบบโดยแอบอ้างสภาวะของผู้หนึ่งไปบอกกับอีกผู้หนึ่งในขณะที่ตนเองไม่มีสภาวะนั้นเลย และ ไม่เข้าประเด็นในสาระหลักธรรม
    พวกนี้อันตรายมากในยุคนี้ เฝ้าสังเกต ให้ดี ... ลักษณะธรรมของพวกนี้ ไม่มีที่สิ้นสุด หาจุดจบไม่ได้ กระจายวงออกไปเรื่อยๆ แสดงธรรมกระโดดข้ามไปข้ามมา แสดงแต่อจินไตยธรรม สาวแต่อจินไตยธรรม ธรรมที่แสดงไม่ก่อให้เกิดการคลายออก ผ่อนออก
    และท้ายสุด จะแสดงออกเด่นชัด ว่า ไม่รับคำสอนของพระพุทธเจ้า ในบั้นปลาย โดยค้านพระสูตรคำสอนโดยไม่รู้ตัว

    และที่เป็นโทษต่อหมู่มาก คือ แฝงเจตนาร้าย มุ่งบิดเบือน คำสอน ทางอ้อม เพื่อจะนำลัทธิที่ตนเองคิดค้นขึ้น ค่อยๆเผยแพร่ไป


    ระวังข้อนี้ให้ดี


    ธรรมใดอันไม่เป็นธรรมแล้วไซร้ หาจุดจบสิ้นไม่ได้ ... ธรรมนั้นเรียกว่า ไม่เป็นธรรม-ไม่ใช่ธรรม ไม่เป็นเครื่องคลายออก ขจัดออก

    <blockquote style="width:700px;line-height:1.7em;background-color:#cce5ff;border-style:solid;border-color:blue blue cyan cyan; border-width:1px;padding:5px">
    ... ภิกษุ เป็นอันมากจักเป็นคนมักโกรธ มักผูกโกรธไว้ ลบหลู่คุณท่าน หัวดื้อ โอ้อวด ริษยา มีวาทะต่างๆ กัน จักเป็นผู้มีมานะในธรรมที่ยังไม่รู้ทั่วถึง คิดว่าตื้นในธรรมที่ลึกซึ้ง เป็นคนเบา ไม่เคารพธรรม ไม่มีความเคารพ กันและกัน ในกาลข้างหน้า

    โทษเป็นอันมากจักเกิดขึ้นในหมู่สัตวโลก ก็เพราะภิกษุทั้งหลายผู้ไร้ปัญญา จักทำธรรมที่พระศาสดาแสดงแล้วนี้ ให้เศร้าหมอง ทั้งพวกภิกษุที่มีคุณอันเลว โวหารจัด แกล้วกล้า มี กำลังมาก ปากกล้า ไม่ได้ศึกษาเล่าเรียน ก็จักมีขึ้น

    ภิกษุทั้งหลายในอนาคตที่ทรามปัญญา ... จักเป็นคนโง่มุ่งแต่จะเพ่งโทษผู้อื่น ไม่ดำรงมั่นอยู่ในศีล ถือตัว โหดร้าย เที่ยวยินดีแก่การทะเลาะ วิวาท จักมีใจฟุ้งซ่าน เที่ยวชูเขา คือมานะ ... เป็นคนเกียจคร้าน มีความเพียรเลวทราม ...

    </blockquote>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2015
  4. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241

    คุณจะอ้างว่า ตัวเองมี วาจาสัตย์ กระนั้นหรือ

    งั้นตอบสิว่า ศาสดาของท่าน ชื่อ หรือ มีพระนามว่าอะไร

    คนที่มีสัตย์ มีศีล บริบูรณ์ ไม่กลับกรอก ย่อมทราบชัด ศาสดาตน มีเพียงพระองค์เดียว

    นอกนั้น หนาสันตี !! ทั้งนั้น กิเลสไม่เคยชำระ มีแต่ความเมา


    ปล. กรุณาอ่านตามภาษา อย่า ทะลึ่ง เอาอารมณ์อันเกิดจากกิเลสตน เป็นใหญ่ หละ
     
  5. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ลัทธิความเชื่ออื่น มีการปฏิบัติสมาธิไหม

    ก็มีอยู่แล้ว สมาธินี่ ไม่ต้องฝึกอะไร จิตทุกดวงก็มีสมาธิประกอบอยู่แล้ว

    แต่ ลัทธิความเชื่อบางลัทธิ ประเภท " คิดซะมากส์ " นี่เขาก็ทำสมาธิเก่ง
    ด้วย สมัยแรกๆ ที่เดินลุยไฟ มีการเสกอาหาร แทะหินสร้างคำสอน10บรรทัด

    ทว่า ยุคหลังๆ โดนพวกที่ " ว่าติกัน " เขาเล่นการเมืองมากกว่าการศาสนา

    เขาเลยเห็น คนที่ทำสมาธิได้เป็นภัย เป็นขยะศาสนา เขาเลยตั้งกลุ่มไล่ล่า ฆ่าไม่เลี้ยง
    ฆ่ายกครัว ยกหมู่บ้าน หมู่สุดท้ายโดนจับโยนหน้าผาตายฮาไป จนสิ้น

    แล้วไง วันนี้จะมา เล่นสมาธิ จะอ้างว่า ศาสนาตนก็สอนสิ่งนี้ได้ ...ถามพวก "ว่าติกัน" หรือยัง
     
  6. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ยมพ ข.นิด ก.นิด ท.นิด


    ทีนี้ เจ้าของกระทู้ อย่างง ในการ ตบซ้าย ตบขวา อุปมาดั่งการปั้นหม้อดินเผา

    เวลา นักภาวนา ภาวนาแล้วไปติดส่วน " งาม " ธรรมชาติของธรรมที่ควรสดับ
    ในเวลานั้น จะเป็น " การทำให้เห็นว่าไม่งาม "

    ทีนี้ หาก จขกท กำหนดรู้ สิ่งที่งาม ว่าไม่งามได้

    สิ่งที่ควรกำหนดรู้ถัดไปคือ " สิ่งที่เห็นว่าไม่งาม " ก็พิจารณากลับให้เห็นว่า " งาม "

    ทีนี้ หากกิเลสยังมี ยังหาทางไม่เจอ ยังไม่เจออุบายเครื่องนำออก มันจะ สาละวนอยู่
    แต่เรื่อง ทำยังไงจะงาม พอทำไป สิ่งทีงามก็กลับไม่งาม พอทำไปอีก จากไม่งาม
    ก็กลับมางาม นี่คือ อาการยังไม่สิ้น หาทางไม่เจอ

    ถ้าหาทางเจอ เราจะไม่สนใจ การเกิด การดับ การเจริฐ การเสื่อม การบุญ การบาป

    เพราะสิ่งเหล่านี้ คือเรื่องโลกๆ ของชาวบ้าน เขาจะอาศัย ทำประโยชน์ อ้างเป็นเจ้าลัทธิ เจ้าศาสดา


    พระพุทธองค์ และ สาวกของพระพุทธองค์ ที่มี สัจจ ไม่ปลิ้นปล้อน ตลบแตลง จะสามารถ
    เล็งเห็น " ธรรมที่งามและไม่งาม " " ให้งาม " ได้

    ซึ่ง ต้องเอาไป เพียรพิจารณา ลงมือปฏิบัติ เดี๋ยวช่วย เดี๋ยวไม่ช่วย เดี๋ยวเฉยๆเห็นอยู่ก็ไม่ช่วย

    พอทำไปทำมา จะเห็นว่า ธรรมชาติเมตตา มันก็งามของมัน แต่ในความงาม มันติดข้องโลก
    มันย่อมไม่งามเพราะประโยชน์มันไม่ใช่ ของแท้ ของแท้คือ นิพพาน อันมีแต่ มหาศาสดา
    สมณะโคดมเท่านั้น ที่ตรัสถึงสิ่งนั้น นอกนั้น ปฏิเสธสิ่งนี้ หรือไม่ก็ โบ๋ กลวง
     
  7. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ตัว จะ มันคือ มโนสัญญาเจตนาหาร ไปเอา มโนสัญญาเจตนาหาร มาจ้อง

    จะกลายเป็น นกกระยาง ..............ปลา หรือ กิเลสมันหลอก หรือ หลบซ่อน จะสำคัญ
    ผิดว่า เจอต้นจิตคิด

    ต้นตอจิตคิด หรือ ปฏิสนธิจิต ปฏสนธิวิญญาณ จะต้อง กำหนดรู้ไปถึง วิญญาณาหาร

    หากยัง กำหนดรู้ ต้นตอหรือตัวแส่ส่าย ตัวเคลื่อนออก จนเกิดเป็นขันธ์5 ไม่เจอ

    อย่าละเมอสำคัญว่า เจอต้นจิตคิด ( สิ่งที่ ความคิด อาศัย ตั้งขึ้น )

    จิตรู้ไม่ถึงฐานจริง โดน สัญญา(การหมายๆ จะ... จะ... ) หลอกหมด !!

    ตัว จะ ไม่ใช่ต้นเหตุ ตัวต้นเหตุ คือ ตัวจิต วิญญาณ ปฏิสนธิวิญญาณ
    แต่ก็ต้องอาศัย ตัว "จะ" อย่าไปดับ ตัว "จะ" เด็ดขาด ( ภาษาปฏิบัติ คือ อย่าประครองจิต )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2015
  8. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241



    จะไปดับความคิด ทำไมหละคร้าบ

    หากความคิดนั้นเป็นกุศล นำพากุศล ควรแล้วหรือที่ มนุษย์ผู้กินข้าวของชน
    ในนคร จะหยุดคิดทำกุศล แต่ ปากยังกินข้าวสุกของชาวบ้าน


    อย่ากระนั้นเลย พระพุทธองค์ตรัสบอกว่า เวลาเจอพวก อ้างเลห์ หยุดคิด
    ให้ยกคำถามที่เป็น อัพยากฤติ ขึ้นถาม ย่อมตอบไม่ได้ ยิ่งเอ๋อเหรอ

    เอิ่ม...แต่นี่ แค่ยก กุศลกิจ ขึ้นถาม ...จะมี กำลังปฏิสัมภิทาแต่ไหน ตอบได้หรือเปล่า ว่าตกลง "คำสอนให้หยุดคิด" ผิดหรือถืก



    ปล. สมมติว่า สนใจ อัพยากฤติ ก็จะยก กิจที่ชื่อว่า " ผ้าป่าดอลล่า ช่วยชาติ ของหลวงตามหาบัว " อันนี้ จัดเป็น อัพยากฤติ
    เพราะว่า กุศล และ อกุศล ต่างก็ ส่งไม่ถึง จิตหลวงตา ไม่มีผลต่อ จิตหลวงตา จึงเป็น อัพยากฤติ

    ถามว่า หลวงตาต้องหยุดคิดไหม ในการ ทำอัพยากฤติ ผ้าป่าช่วยชาติ !!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2015
  9. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ไม่เทียบ แล้ว พูดทำไม ฮับ

    ในใจมันยิ๊บๆ แย๊บๆ ฝนตกขี้หมูไหล ล้นออกมานี่ ไม่เห็นจะดับ


    อีกอย่างนะ

    พระพุทธศาสนา สอนเพื่อการ สิ้นนิสัย สอนสั่งหนทางสิ้นนิสัย อนุสัย
    ความท้อถอย ติดนอน

    ท่านจึงเน้น การประกอบธรรมอันเป็นความสว่าง ไม่ใช่ความมืด กอดเข่า เจ่าจุก วันๆ นอนมากกว่า ตื่น !!!

    สว่างแล้วได้อะไร ได้จิตคิด

    ได้จิตคิดที่เกิดจากความสว่าง แล้วได้อะไร ได้เห็น ความติดข้อง และ การดับไปของการติดข้อง

    ไม่ใช่ไปดับคิด โดยไม่รู้ โดนความคิดมันหลอกเอาหรือเปล่า ว่าดับคิด

    " ความว่าง " สมองเบลอ ท้อถอย ติดนอน หรือ ความมี นิสัย( สัยแปลว่า มืด นิ
    เป็นคำขยาย ที่บ่งจำนวน ว่า มาววววววววก์ )

    " ความว่าง " สมองเบลอ ท้อถอย ติดนอน ก็คือ อาการคิดดับ อย่างหนึ่ง

    ดับสัญญา ติดนอน ไม่นิพพานหน่าคร้าบ ไม่ได้ ปฏิสัมภิทาด้วย กลายเป็น สัตว์
    เดรัจฉานไร้สมอง โน้นแหละ ดับคิดๆ ใช้สันหลังดิ้นเอา
     
  10. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เออนี่ ถามหน่อย ...

    ตอนเข้ามาครั้งแรก คุณ โพสตัว " พพ " สองตัว .....นี่คือ ปฏิปทา จรณะ ที่แสดง
    เป็นตัวอย่าง การหยุดคิด หรือเปล่า ครับ


    หลังจากนั้น ลบตัว "พ" ออกหนึ่งตัว แล้ว save ...แสดงไปอีก ระยะหนึ่ง เอิ่ม ใช้
    มหาปฏิปทา แสดงการหยุดคิด ที่ยิ่งกว่า "พพ" หรือเปล่าครับ

    ถ้าใช่ ผมก็ ศ.ล. ครับ
     
  11. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    จะบอกว่า เสียดายความคิดที่พิมพ์ลงไป หากกด เซฟ ไม่ติด หรือฮับ

    อะไร๊ กลายเป็น ทาสของความคิด ให้ความคิด มันเป็นเจ้านายสั่ง

    แก พิมพ์ พ ตัวเดียว ดูก่อง พิมพ์เยอะเสียดาย อาลัย อาวิรณ์ พิร่ำรำพัน ถึงkuบ้าง
     
  12. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ฮึย อย่าเอาแต่ คิด จมสิ่งที่คิดขึ้นมา จิฮับ

    ก็ความเป็นจริงเนี่ยะ เขามีอยู่ แสดงอยู่

    คุณ โพสได้ตั้งแต่ เดือน7 แว้ว
     
  13. มณีดิน

    มณีดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +537


    อันผู้รู้ธรรมย่อมประเสริฐกว่าผู้ใด
    ปัญญาทำให้เกิดความสว่าง
    เรียนถามท่านผู้รู้ ว่าทำอย่างไรจะให้จิตนิ่ง ไม่ส่ายซัด
    เห็นภาพชัดเจน และแม่นยำคะ
    หวังว่า ท่านคงตอบได้
     
  14. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82
    คำขอน่าประทับใจ ถามได้ตรง และ ชัดเจนมาก
    แสดงว่า สติดี ไม่หลงไปตามน้ำวนท่วมทุ่ง

    รอฟังคำตอบ บ้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2015
  15. Tboon

    Tboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    2,094
    ค่าพลัง:
    +3,424

    สมัยก่อนผมก็ฝึกแบบนี้แหละ หยุดคิดอย่างเดียว
    จนบางครั้งกำลังจะไปทำอะไรมันนึกไม่ออกเฉยเลย
    บางคนขึ้นบ้าน จะไปหยิบของ ขึ้นไปถึง ลืม ๆ ๆ
    มาเล่าให้กันฟังว่า สัญญามันดับ ฟังดูเหมือน
    ก้าวหน้าในการปฏิบัติมาก จิตไม่ทันเกิดเลยทั้งวัน
    เดินขึ้นไปถึงแล้วลืม เดินลงมานึกได้ เดินขึ้นไปใหม่
    ลืมอีก 2-3 รอบ กว่าจะได้ของที่ต้องการ ผมมาคิดดู
    ฝึกแบบนี้บ่อย ๆ มีสิทธิ์เป็นอัลไซเมอร์ได้

    จริง ๆ เขาไม่ได้ให้ไปห้ามความคิดแบบนั้น สุดโต่ง
    คนไม่เข้าใจ ความคิดกลายเป็นแพะไปท่าเดียว
    อวิชชาโน่น ความไม่รู้ทำให้หลงสังขารความคิด
    ต้องเจริญสติเจริญปัญญาเข้าไปตามดูตามรู้ทุกข์
    ตามความเป็นจริง ให้รู้แจ้งเห็นจริงในเหตุแห่งทุกข์
    จะได้หายสงสัย คลายความหลงยึดมั่นถือมั่น
    หลงกระทำไปตามอำนาจแห่งอวิชชาตัณหาอุปาทานนั่นเอง

    ไม่ใช่เอะอะไรก็กลัวหัวหด ไม่กล้าดู ไม่กล้ารู้
    ไม่กล้ายอมรับความจริง จะหนีท่าเดียว โทษแต่
    ความคิดเป็นแพะๆๆ ผลักไสตลอดวันตลอดคืน
    อย่างนั้นไม่ใช่นะ หินทับหญ้าดี ๆ นี่เอง
     
  16. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เอิ่ม ไปดูมาแล้ว

    มิทราบว่า ท่านบวชเป็นพระ อยู่หรือเปล่า ขอรับ

    ถ้า บวชอยู่ จะได้ไม่ก้าวล่วง

    ถ้า บวชอยู่ โปรดแจ้ง ผู้ดูแลเว็บให้กำหนดสถานะ นักบวช จะเป็น
    การช่วยรักษาประโยชน์ฆราวาส และช่วยยกพระวินัยให้สมบูรณ์
     
  17. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    เอ้ย ท่านคร้าบ ท่านยังไม่ตอบคำถาม ป๋มเลย

    ว่า ท่านยกใครเป็น ผู้เดียวที่สอนหนทางกำจัดกิเลส ตรัสรู้เองโดยชอบ
    อันไม่มีศาสดาใดเสมอเหมือน

    ถ้าไม่ตอบ แล้ว ยังทำเป็น " เก้อ ยาก " แน่ใจหรือครับว่า จะได้แรง
    จิตแรงสรรเสริญ ไปเสริมศาสนาของท่าน

    คนมีธรรม เขาไม่อกตัญญูต่อผู้มีคุณ กันหน่าคร้าบ

    มันยากตรงไหน ที่จะประกาศ ว่า ศาสดาผู้ชี้ทางสว่างของตน คือผู้ใด

    ชาวพุทธ เขาสวดมนต์สรรเสริญ พระพุทธองค์ได้ทุกเช้า สาย บ่าย เย็น หน่าคร้าบ


    หากเป็น โสดาบัน นี่ กราบทุกขณะจิตกันเลยที่เดียว กระแสจิตถึง
    พระพุทธองค์แทบจะเป็นเนื้อเดียวกันเลย ไม่มีปิดบังซ่อนเร้น อ้ำอึ้ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ตุลาคม 2015
  18. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ปล่อยไก่เป็นเล้า แล้วหละ

    หาก แพลมออกมาแบบนี้นะ คนเขาจะรู้เลยว่า ไม่เคยนั่งสมาธิ

    จับแพะ ชนแกะ ผิดลำดับ ผิดอารมณ์การรำพึงของจิต ตามปัจจัยการไปหมด

    หากมันกระโดดไป กระโดดมา ไม่เกิดตาม เหตุปัจจัย ลำดับลำดา

    คนเขาจะทราบอีกอย่างหนึ่ง คือ นั่งละเมอสมาธิ เห็นอะไรวั๊บ จับมาคิด
    วาดภาพ ใส่อารมณ์เข้าไป สำคัญว่าเห็น ออกมาก็ว่าใช่ แต่ มึนหัวไปหมด
     
  19. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    " ละนิวรณ์ ในสมาธิ " อันนี้คนนอกศาสนา คนที่เขาทำสมาธิเป็น เขาจะขำกลิ้งเลย

    นิวรณ์แปลว่า เครื่องขวางกั้นสมาธิ หากมี นิวรณ์ ปฐมฌาณก็ไม่ต้องพูดถึง
    แต่ถ้า มีปฐมฌาณ นิวรณ์มันไม่เกิดแล้วคัฟ มันนอนแอ้งแม้งรอ ตบ หัวทิ่ม
    ตอนออกจากสมาธิโน้นแหละ

    ซึ่งส่วนใหญ่จะไม่ทันมันหลอก เพราะ ก่อนทำสมาธิ นิวรณ์ก็อ้าซ่านอนรอก่อนแล้ว
    ถ้าไม่เข้าใจ วิธีการทำสมาธิแบบ " ทาน ศีล " นำการปฏิบัติ

    ยิ่งไม่มี ไตรสรณะคมน์ก่อนปฏิบัติ ตายฮาเลย นั่งไป เมาลูกเดียว

    อาจจะสำเร็จฌาณนะ แต่ เป็นฌาณเมา เนื้อติดฟัน ไม่สามารถเป็น สัมมาสมาธิ ได้
     
  20. Jsus Christ

    Jsus Christ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +82
    <blockquote style="width:700px;line-height:1.7em;background-color:#cce5ff;border-style:solid;border-color:blue blue cyan cyan; border-width:1px;padding:5px">
    ... ภิกษุ เป็นอันมากจักเป็นคนมักโกรธ มักผูกโกรธไว้ ลบหลู่คุณท่าน หัวดื้อ โอ้อวด ริษยา มีวาทะต่างๆ กัน จักเป็นผู้มีมานะในธรรมที่ยังไม่รู้ทั่วถึง คิดว่าตื้นในธรรมที่ลึกซึ้ง เป็นคนเบา ไม่เคารพธรรม ไม่มีความเคารพ กันและกัน ในกาลข้างหน้า

    โทษเป็นอันมากจักเกิดขึ้นในหมู่สัตวโลก ก็เพราะภิกษุทั้งหลายผู้ไร้ปัญญา จักทำธรรมที่พระศาสดาแสดงแล้วนี้ ให้เศร้าหมอง ทั้งพวกภิกษุที่มีคุณอันเลว โวหารจัด แกล้วกล้า มี กำลังมาก ปากกล้า ไม่ได้ศึกษาเล่าเรียน ก็จักมีขึ้น

    ภิกษุทั้งหลายในอนาคตที่ทรามปัญญา ... จักเป็นคนโง่มุ่งแต่จะเพ่งโทษผู้อื่น ไม่ดำรงมั่นอยู่ในศีล ถือตัว โหดร้าย เที่ยวยินดีแก่การทะเลาะ วิวาท จักมีใจฟุ้งซ่าน เที่ยวชูเขา คือมานะ ... เป็นคนเกียจคร้าน มีความเพียรเลวทราม ...

    </blockquote>

    ความเห็นผิดเหล่านี้ หวังว่าคงจะได้เห็นจริงวันข้างหน้าเถิด
    ทำอะไรไว้ ที่ใดบ้าง ชุมชนไหนบ้าง กับใครไว้บ้าง ทั้งที่แอบซ่อนเร้น คงรู้อยู่แก่ใจดี

    จงเจริญในธรรมสืบไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 ตุลาคม 2015

แชร์หน้านี้

Loading...