*เครื่องรางของขลัง/วัตถุมงคล...รายการละ 100 บ./พร้อมส่ง บูชา 3 รายการ แถม 1 รายการ...

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Pitiphat, 4 มิถุนายน 2018.

  1. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    7,984
    ค่าพลัง:
    +6,583
    ขอจอง512ครับ
     
  2. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รับทราบการจองครับ
     
  3. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่520 พระหล่อโบราณ เนื้อโลหะ ไม่ทราบที่
    IMG_20181030_062925.jpg IMG_20181030_062915.jpg IMG_20181030_062907.jpg
     
  4. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่521 พระพุทธชนะมาร ฐานพระแม่ธรณีบีบมวยผม เนื้อผงเก่า วัดบางเกาะเทพศักดิ์ แม่กลอง
    คุณMK2508 ปิดครับ
    ประวัติพระพุทธชนะมาร
    พุทธรูปปางชนะมาร
    เป็นพระพุทธรูปปางที่สร้างขึ้นจากพระพุทธประวัติตอนที่พระพุทธเจ้าผจญมาร ก่อนที่จะตรัสรู้ ดังมีเรื่องกล่าวไว้ย่อๆว่า ในครั้งนั้นพระสิทธัตถะรู้ด้วยพระปรีชาญาณว่า พระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมโพธิญาณ พระองค์จึงสระสรงพระวรกายหมดจดแล้วเสด็จไปประทับนั่งยังโคนต้นโพธิ์ วันนั้นเป็นวันเพ็ญเดือนวิสาขะ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา ก่อนพุทธศก ๔๕ ปี เวลาเช้านางสุชาดาบุตรีเศรษฐีใหญ่แห่งหมู่บ้านเสนานิคม คิดจะบวงสรวงเทวดาด้วยการจัดข้าวมธุปายาสใส่ถาดทอง นำไปถวายยังโคนต้นโพธิ์
    เมื่อ มาถึงก็พบเห็นพระสิทธัตถะประทับนั่งอยู่ ที่โคนต้นโพธิ์ด้วยอาการที่สงบ ก็เกิดความเลื่อมใสศรัทธา คิดว่าเป็นเทวดาจึงน้อมถาดข้าวมธุปายาสเข้าไปถวาย พระสิทธัตถะทรงรับข้าวมธุ ปายาสนั้นไว้ แล้วเสด็จไปยังท่าน้ำเนรัญชรา ทรงเสวยข้าวมธุปายาสนั้นทั้งหมด ต่อจากนั้นก็ทรงถือถาดทองลงสู่แม่น้ำแล้วอธิษฐานเสี่ยงพระบารมีว่า ถ้าพระองค์จะได้ตรัสพระปรมาภิเษกสัมโพธิ ญาณ ขอให้ถาดทองนี้จงลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป แล้วก็ทรงลอยถาดทองนั้นลงไปในแม่น้ำเนรัญชรา
    ขณะ นั้นด้วยอานุภาพพระบารมีของพระองค์ ที่ทรงบำเพ็ญมาบริบูรณ์ดีแล้วได้แสดงให้เห็นอัศจรรย์ ทำให้ถาดทองนั้นลอยทวนกระแสน้ำเนรัญชราขึ้นไปประมาณ1เส้น แล้วก็จมลงตรงนาคภพพิมานแห่งพญากาฬนาคราช
    ครั้นเวลาเย็นพระสิทธัตถะเสด็จกลับยังโคนต้นโพธิ์ ระหว่างทางเสด็จได้พบกับคนหาบหญ้า ชื่อโสตถิยะ เขาได้เห็นพระอาการอันละมุนละไม ของพระสิทธัตถะก็เกิดความเลื่อมใสใคร่จะถวายของ แต่ไม่มีอะไรอื่นนอกจากหญ้าคา จึงน้อมนำหญ้าคาไปถวาย พระสิทธัตถะทรงรับหญ้าคาปูลาดเป็นอาสนะ แล้วทรงตั้งสัตยาธิษฐาน 8 ณ รัตนบัลลังก์ไต้ต้นโพธิ์นั้นว่า แม้จะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม พระองค์จะไม่ยอมลุกจากที่นั่งนั้นจนกว่าจะตรัสรู้ ถึงแม้จะอดตายในที่นั้นก็ยอม เหล่าเทพยดาได้ยินสัตยาธิษฐานก็พากันชื่นชมโสมนัสยินดีปรีดา พากันเฝ้ารอพระมหาบุรุษเพื่อจะได้สักการะ บูชา


    หากพระองค์ตรัสรู้
    ฝ่าย พญาวัสวดีมาราธิราชพญามาร ได้ยินมหาบุรุษตั้งสัตยาธิษฐานก็อิจฉากลัวเจ้าชายสิทธัต ถะจะตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณพ้นจากอำนาจของตน จึงป่าวประกาศเรียกพลเสนามารนำสรรพอาวุธยกทัพเข้าขัดขวางการบำเพ็ญบารมี
    เมื่อ พญามารมาถึง ก็สั่งให้เหล่าเสนามารห้อมล้อมพร้อมทั้งประกาศศักดานุภาพของตนข่มให้พระมหา บุรุษสะดุ้งตกใจกลัว ครั้นเมื่อไม่เห็นพระองค์ทรงหวั่นไหว จึงสั่งให้หมู่เสนามารบุกรุกเข้าทำร้ายด้วยการพุ่งสรรพอาวุธเข้าใส่ แต่สรรพอาวุธทั้งหลายไม่อาจทำอันตรายใดๆกลับกลายเป็น บุปผามาลัยมาบูชาพระสิทธัตถะแทน
    เมื่อ พญามารไม่อาจทำร้ายพระองค์ได้ จึงกล่าวว่า ดูก่อนสิทธัตถะ บัลลังก์นี้เกิดขึ้นด้วยบุญของเรา ท่านเป็นผู้ไม่มีบุญสมควรจะนั่ง จงลุกไปเสีย
    พระมหาบุรุษตรัสตอบว่า ดูก่อนพญามาร บัลลังก์นี้เกิดขึ้นด้วยบุญที่เราได้บำเพ็ญมานานนับประมาณหามิได้ เราผู้เดียวเท่านั้นที่สมควรจะนั่ง
    พระ มหาบุรุษทรงดำริ ในที่นี้มีแต่หมู่เสนามาร ไม่มีใครหาญกล้ามาเป็นพยานได้ จึงตั้งสัต ยาธิษฐานว่า ดูก่อนแม่นางธรณีเอ๋ย เธอจงมาเป็นพยานในการบำเพ็ญกุศลของเราในกาลบัดนี้เถิด
    พระ นางวสุนธราเจ้าแม่ธรณีไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ต่อไปได้จึงแทรกปฐพีขึ้นมาปรากฏกาย ทำอัญ ชลีอภิวาทพระมหาบุรุษแล้วประกาศให้พญามารทราบว่า พระมหาบุรุษเมื่อครั้งยังเป็นพระโพธิ์สัตว์
    ได้ บำเพ็ญบุญมามากมายตลอดกาลเหลือที่จะประมาณได้ แม้แต่น้ำกรวดที่หลั่งลงบนมวยผมข้าพเจ้าก็เหลือที่จะคณานับ กล่าวจบก็ปล่อยมวยผมบีบน้ำที่พระมหาบุรุษกรวดสะสมไว้ในอดีตเป็นอเนกชาติ ให้หลั่งไหลออกมากลายเป็นทะเลหลวง กระแสน้ำพัดพาเอาพญามารและหมู่เสนามารลอยไปสุดขอบฟ้าจักรวาล พญามารตกตะลึงด้วยความกลัวและอัศจรรย์ใจ ด้วยความกลัวภัย พนมมือนมัส การเปล่งคำสรรเสริญในบุญบารมียอมรับความปราชัยแล้วรีบอันตรธานหนีหายไปจาก ที่นั้นโดยเร็ว
    เมื่อพระมหาบุรุษ ทรงกำจัดพญามารและหมู่เสนามารให้ปราชัยไปด้วยพระบารมีแล้ว ก็ทำให้พระองค์ทรงเบิกบานพระทัย ได้ปิติเป็นกำลังภายในสนับสนุนเพิ่มพูนแรงปฏิบัติธรรมภาวนา มากขึ้น ดังนั้นพระองค์จึงมิได้ปล่อยให้เสียเวลา ทรงตั้งพระทัยที่จะเจริญสมาธิภาวนาทำจิตให้แน่วแน่ ปราศจากอุปกิเลสจนจิตสุขุมโดยลำดับ และตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในที่สุด
    จาก พุทธตำนานนี้
    ในอดีตมีผู้นำเอารูปพระพุทธเจ้ามาประกอบเข้ากับรูปพระแม่ธรณีแล้วสร้าง เป็นพระพุทธรูปปางชนะมารมาแล้ว เนื่องมาจากความเชื่อและความศรัทธาที่มีต่อพระแม่ธร ณีและบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่สามารถขจัดพญามารและเหล่าเสนามารให้ผ่ายแพ้ผ่านพ้นอุปสรรค์มาตรัสรู้ได้ นั้น จะช่วยทำให้ผู้ที่มีไว้กราบไหว้บูชาทำมาหากินเจริญรุ่งเรือง มี โชคมีลาภ มีความสำเร็จในสิ่งที่ปรารถนาและชนะมาร ชนะอุปสรรค์ ชนะศัตรู ชนะวิบากกรรม ทำให้เรื่องที่ร้ายๆกลับกลายเป็นดีขึ้นได้
    IMG_20181104_065718.jpg IMG_20181104_065709.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2018
  5. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่522 พระผงรูปเหมือน หลังพระพุทธเจ้าปางเปิดโลก หลวงพ่อคง จตฺตมโล วัดเขาสมโภชน์ อ.ชัยบาดาล ลพบุรี หลังฝังพลอย ขนาด 3.5 ซ.ม. ปี๒๕๕๑
    คุณMK2508 ปิดครับ
    IMG_20181104_065838.jpg IMG_20181104_065828.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2018
  6. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่523 พระผงหลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี ออกวัดศาลพันท้ายนรสิงห์ รุ่นวางศิลาฤกษ์อุโบสถ ปี2537 สมุทรสาคร หลังยันต์เพชร ทาทองเดิม
    IMG_20181104_065640.jpg IMG_20181104_065632.jpg
     
  7. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่524 พระผงน้ำมันพระพุทธเจ้า ประสูติ ตรัสรู้ แสดงธรรม ปรินิพพาน หลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ จ กระบี่
    คุณMK2508 ปิดครับ
    ประสูติ
    เป็นวันประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ ณ ลุมพินีสถาน เมื่อวันเพ็ญเดือน ๖ ตรงกับวันศุกร์ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีจอ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี เมื่อพระนางสิริมหามายา พระมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงพระครรภ์แก่จวนจะประสูติ พระนางได้รับพระบรมราชานุญาต จากพระสวามี ให้แปรพระราชฐานไปประทับ ณ กรุงเทวทหะ ซึ่งเป็นพระนครเดิมของพระนาง เพื่อประสูติในตระกูลของพระนางตามประเพณีนิยมในสมัยนั้น ขณะเสด็จแวะพักผ่อนพระอิริยาบถใต้ต้นสาละ ณ สวนลุมพินีวัน พระนางก็ได้ประสูติพระโอรส ณ ใต้ต้นสาละนั้น ครั้นพระกุมารประสูติได้ ๕ วัน ก็ได้รับการถวายพระนามว่า "สิทธัตถะ" ซึ่งต่อมาพระองค์ได้ออกบวช จนบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ (ญาณอันประเสริฐสูงสุด) สำเร็จเป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า จึงถือว่าวันนี้เป็นวันประสูติของพระพุทธเจ้า

    ตรัสรู้
    เป็นวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ อนุตตรสัมโพธิญาณ ณ ร่มพระศรีมหาโพธิบัลลังก์ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม เมื่อวันเพ็ญเดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๔๕ ปี
    การตรัสอริยสัจสี่ คือของจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ ของพระพุทธเจ้า เป็นการตรัสรู้อันยอดเยี่ยม ไม่มีผู้เสมอเหมือน วันตรัสของพระพุทธเจ้า จึงจัดเป็นวันสำคัญ เพราะเป็นวันที่ให้เกิดมีพระพุทธเจ้าขึ้นในโลกชาวพุทธทั่วไป จึงเรียกวันวิสาขบูชาว่า วันพระพุทธ(เจ้า) อันมีประวัติว่า พระมหาบุรุษทรงบำเพ็ญเพียรต่อไป ที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์นั้น ทรงเริ่มบำเพ็ญสมาธิให้เกิดในพระทัย เรียกว่าการเข้า "ฌาน" เพื่อให้บรรลุ "ญาณ" จนเวลาผ่านไปจนถึง ...
    ยามต้น : ทรงบรรลุ "ปุพเพนิวาสานุติญาณ" คือทรงระลึกชาติในอดีตทั้งของตนเองและผู้อื่น
    ยามสอง : ทรงบรรลุ "จุตูปปาตญาณ" คือการรู้แจ้งการเกิดและดับของสรรพสัตว์ทั้งหลาย
    ยามสาม : ทรงบรรลุ "อาสวักขญาณ" คือรู้วิธีกำจัดกิเลสด้วย อริยสัจสี่ ( ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ) ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในคืนวันเพ็ญเดือน ๖ ซึ่งขณะนั้น พระพุทธองค์มีพระชนมายุได้ ๓๕ พรรษาธรรมะที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ อริยสัจ ๔ หรือ ความจริงอันประเสริฐ ๔ ประการ ได้แก่
    ๑. ทุกข์ คือ ความลำบาก ความไม่สบายกายไม่สบายใจ
    ๒. สมุทัย คือ เหตุที่ทำให้เกิดทุกข์
    ๓. นิโรธ คือ ความดับทุกข์ และ
    ๔. มรรค คือ ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับแห่งทุกข์
    ทั้ง ๔ ข้อนี้ถือเป็นสัจธรรม เรียกว่า อริยสัจ เพราะเป็นสิ่งที่พระอริยเจ้าทรงค้นพบ เป็นสัจธรรมชั้นสูง ประเสริฐกว่าสัจธรรมสามัญทั่วไป

    ปรินิพพาน
    เป็นวันปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ณ ร่มไม้รัง (ต้นสาละ) คู่ ในสาลวโนทยานของมัลลกษัตริย์ ใกล้เมืองกุสินารา เมื่อวันเพ็ญเดือน ๖ ก่อนพุทธศักราช ๑ ปี วันที่พระพุทธเจ้าเสด็จเข้าสู่ปรินิพพาน (ดับสังขารไม่กลับมาเกิดสร้างชาติ สร้างภพอีกต่อไป) การปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ก็ถือเป็นวันสำคัญของชาวพุทธทั่วโลกเพราะชาวพุทธทั่วโลกได้สูญเสียดวงประทีปของโลก เป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่และครั้งสำคัญชาวพุทธทั่วไปมีความเศร้าสลดเสียใจและอาลัยสุดจะพรรณนา อันมีประวัติว่าเมื่อพระพุทธองค์ได้ตรัสรู้และแสดงธรรมมาเป็นเวลานานถึง ๔๕ ปี ซึ่งมีพระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา ได้ประทับจำพรรษา ณ เวฬุคาม ใกล้เมืองเวสาลี แคว้นวัชชี ในระหว่างนั้นทรงประชวรอย่างหนัก ครั้นเมื่อถึงวันเพ็ญเดือน ๖ พระพุทธองค์กับพระภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย ก็ไปรับภัตตาหารบิณฑบาตที่บ้านนายจุนทะ ตามคำกราบทูลนิมนต์ พระองค์เสวยสุกรมัททวะที่นายจุนทะตั้งใจทำถวาย ก็เกิดอาพาธลง แต่ทรงอดกลั้นมุ่งเสด็จไปยังเมืองกุสินารา ประทับ ณ ป่าสาละ เพื่อเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน ในราตรีนั้น ได้มีปริพาชกผู้หนึ่ง ชื่อสุภัททะขอเข้าเฝ้า และได้อุปสมบทเป็นพระพุทธสาวกองค์สุดท้าย เมื่อถึงยามสุดท้ายของคืนนั้น พระพุทธองค์ก็ทรงประทานปัจฉิมโอวาทว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลายอันว่าสังขารทั้งหลายย่อมมีความเสื่อมสลายไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงอันเป็นประโยชน์ของตนและประโยชน์ของผู้อื่นให้บริบูรณ์ด้วยความไม่ประมาทเถิด" หลังจากนั้นก็เสด็จเข้าดับขันธ์ปรินิพพาน ในราตรีเพ็ญเดือน ๖ นั้น
    IMG_20181104_065700.jpg IMG_20181104_065650.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2018
  8. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่525 พระผงพิมพ์ขี่ปลา ผสมผงเก่า(เศษพระดินที่แตกหักพระหลวงพ่อปาน) วัดกุดปลาเข็ง อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา
    ***รูปแบบพิมพ์หลวงพ่อปานเป็นแบบจัดสร้างย้อนโบราณ
    IMG_20181104_064212.jpg IMG_20181104_064200.jpg
     
  9. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่526 สมเด็จพระนอน วัดพระนอนจักรสีห์ เนื้อกระเบื้องหลังคาพระวิหารหลวง ปี38
    คุณMK2508 ปิดครับ
    ประวัติ พระนอนจักรสีห์ วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร จ.สิงห์บุรี
    พระพุทธไสยาสน์องค์นี้ เป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่และยาวที่สุดของประเทศ สร้างมานานเก่าแก่จนไม่ทราบ แน่ชัดว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล่าในทำนองนิยายปรำปรา ทำนองเดียวกันกับพระ ปฐมเจดีย์ เช่น กล่าวว่าพระเจ้าสิงหพาหุเป็นผู้สร้าง แต่ก็ไม่มีใครทราบว่าพระเจ้าพาหุคือผู้ใด ครองเมืองอะไร ในยุคสมัยใด สันนิษฐานว่าสร้างก่อนตั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี องค์พระหันพระเศียรไปทางทิศตะวันออก ความยาว 3 เส้น 3 วา 2 ศอก 1 คืบ 7 นิ้ว

    วัดพระนอนจักรสีห์ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร อยู่ที่ตำบลจักรสีห์ อำเภอเมือง จังหวัดสิงหบุรี พื้นที่ของวัดมีขนาดกว้างประมาณ 7 เส้น (280 เมตร) ยาวประมาณ 10 เส้น (400 เมตร) สภาพที่เป็นอยู่เมื่อปี พ.ศ. 2421 จากพระราชนิพนธ์เรื่อง ระยะทางเสด็จประพาสมณฑลอยุธยา มีว่า " วัดนี้อยู่ ห่างแม่น้ำสามสิบวา เป็นที่ลุ่มน้ำท่วม ต้องทุบถนนและมีสะพานข้าม รอบวิหารพระนอนมีกำแพงแก้วเตี้ย ๆ ชั้นหนึ่ง ตัวพระวิหาร ยาว 1 เส้น 7 วา กว้าง 11 วา เสาข้างในเป็นแปดเหลี่ยม อาการที่พระพุทธไสยาสน์บรรทม ไม่เหมือนอย่างกรุงเก่า หรือกรุงเทพ ฯ พระกรทอดออกไปมากเพราะเขนยหนุนไม่สู้ชันนัก เป็นบรรทมราบ แต่พระบาทซ้อนกันตรงเหมือนอย่างพระนอนทั้งปวง "

    หลักฐานที่มีอยู่คือ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการ เมื่อปีจอ ฉศก จุลศักราช 1111 ซึ่งตรงกับปี พ.ศ. 2297 และได้เสด็จไปอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ. 2299 เพื่อสมโภชฉลอง ต่อมาสมัย กรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ได้เสด็จไปทรงนมัสการ เมื่อปี พ.ศ. 2421 ในครั้งนั้น พระวิหารและพระนอนชำรุดทรุดโทรมมาก เนื่องจากขาดการบูรณะปฏิสังขรณ์มานาน พระธรรมไตรโลก (อ้น) วัดสุทัศน ได้ทูลขอพระราชทานเงินค่านาสำหรับวัดเพื่อทำการปฏิสังขรณ์ พระองค์ก็ได้มอบถวายให้ และโปรดเกล้า ฯ ให้สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระบำราศปรปักษ์เป็นที่ปรึกษา การปฏิสังขรณ์ทำเสร็จในปี พ.ศ. 2428 การปฏิสังขรณ์ครั้งล่าสุดทำเมื่อปี พ.ศ. 2510

    "พระนอนจักรสีห์" เป็นพระพุทธไสยาสน์ปางโปรดอสุรินทราหู เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ มีพุทธลักษณะที่งดงามองค์หนึ่ง และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ

    ตั้งอยู่ที่วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร ต.จักรสีห์ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ห่างจากตัวเมืองสิงห์บุรีประมาณ 50 กิโลเมตร ไปทางด้านทิศตะวันออก

    พระพุทธไสยาสน์ปางโปรดอสุรินทราหู องค์ใหญ่ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีพุทธลักษณะที่งดงามองค์หนึ่งของประเทศ บริเวณวัดยังเป็นที่ปฏิบัติธรรม เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ทางด้านพุทธศาสนา สำหรับนักธรรม-บาลี และมีพระแก้ว พระกาฬ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่วัด

    ชาวสิงห์บุรี มีความเชื่อว่าหากมีโอกาสได้นมัสการวัดพระนอนจักรสีห์ฯ แล้วเดินชมต้นสาละลังกาใหญ่ที่ปลูกไว้กว่า 100 ต้น ในบริเวณวัดแล้วอธิษฐานปรบมือใต้ต้นสาละ หากดอกสาละร่วงลงมา คำอธิษฐานนั้นจะประสบผลตามที่หวังไว้

    ประวัติ "หลวงพ่อพระนอนจักรสีห์" เป็นพระพุทธรูปปางพระพุทธเจ้าทรงไสยาสน์ เทศนาโปรดยักษ์อสุรินทราหู เพื่อลดทิฐิของอสุรินทราหูที่ถือตัวว่ามีร่างกายใหญ่โตกว่ามนุษย์ พระพุทธเจ้าจึงเนรมิตร่างกายให้ใหญ่กว่ายักษ์

    "หลวงพ่อพระนอน" จึงเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่และยาว สร้างโดยท้าวอู่ทอง มีความยาว 1 เส้น 3 วา 2 ศอก 1 คืบ 7 นิ้ว (47.40 เมตร) พระเศียรชี้ไปทางตะวันออก หันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ มีความงดงามเป็นอย่างมาก

    มีเรื่องเล่าสืบกันมาว่า "สิงหพาหุ" มีพ่อเป็นสิงห์ พอรู้ความจริงคิดละอายเพื่อนว่ามีพ่อเป็นสัตว์เดรัฐฉาน จึงฆ่าสิงห์ตาย ภายหลังรู้สึกตัวกลัวบาปและเสียใจเป็นอย่างมาก จึงสร้างพระพุทธรูปโดยเอาทองคำแท่งโต 3 กำมือ ยาว 1 เส้น เป็นแกนขององค์พระ เป็นการไถ่บาปและพระพุทธรูป มีอยู่ให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้บูชามาหลายชั่วอายุคน จนองค์หลวงพ่อพระนอนได้พังทลายลงเป็นเนินดิน

    ทั้งนี้ ไม่มีใครทราบว่าพระเจ้าสิงหพาหุ คือ ผู้ใด ครองเมืองอะไร ในยุคสมัยใด แต่สันนิษฐานว่าสร้างก่อนตั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี

    กาลนานต่อมา ท้าวอู่ทอง ได้นำพ่อค้าเกวียนผ่านมาทางนี้ แล้วพบแกนทองคำฝังอยู่ในเนินดิน และทราบเรื่องสิงหพาหุ เกิดความเลื่อมใสและเห็นประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา จึงชักชวนพ่อค้าเกวียนก่อสร้างพระพุทธรูปนี้ขึ้น โดยใช้แท่งทองคำที่พบนั้นเป็นแกนขององค์พระ

    สำหรับ "วัดพระนอนจักรสีห์" เป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร อยู่ที่ตำบลจักรสีห์ อ.เมือง จ.สิงหบุรี พื้นที่ของวัดมีขนาดกว้างประมาณ 7 เส้น (280 เมตร) ยาวประมาณ 10 เส้น (400 เมตร) สภาพที่เป็นอยู่เมื่อปี พ.ศ.2421

    จากพระราชนิพนธ์เรื่อง ระยะทางเสด็จประพาสมณฑลอยุธยา มีว่า "วัดนี้อยู่ ห่างแม่น้ำสามสิบวา เป็นที่ลุ่มน้ำท่วม ต้องทุบถนนและมีสะพานข้าม รอบวิหารพระนอนมีกำแพงแก้วเตี้ยๆ ชั้นหนึ่ง ตัวพระวิหาร ยาว 1 เส้น 7 วา กว้าง 11 วา เสาข้างในเป็นแปดเหลี่ยม อาการที่พระพุทธไสยาสน์บรรทม ไม่เหมือนอย่างกรุงเก่า หรือกรุงเทพฯ พระกรทอดออกไปมากเพราะเขนยหนุนไม่สู้ชันนัก เป็นบรรทมราบ แต่พระบาทซ้อนกันตรงเหมือนอย่างพระนอนทั้งปวง"

    หลักฐานที่มีอยู่คือ พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงนมัสการ เมื่อปีจอ ฉศก จุลศักราช 1111 ซึ่งตรงกับปี พ.ศ.2297 และได้เสด็จไปอีกครั้งเมื่อปี พ.ศ.2299 เพื่อสมโภชฉลอง

    ต่อมาสมัย กรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ได้เสด็จไปทรงนมัสการ เมื่อปี พ.ศ.2421 ในครั้งนั้น พระวิหารและพระนอนชำรุดทรุดโทรมมาก เนื่องจากขาดการบูรณปฏิสังขรณ์มานาน พระธรรมไตรโลก (อ้น) วัดสุทัศน์ ได้ทูลขอพระราชทานเงินค่านาสำหรับวัด เพื่อปฏิสังขรณ์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานเงินค่านาของวัดและของเมืองสิงห์ให้บูรณปฏิสังขรณ์พระพุทธไสยาสน์ ด้วยเมื่อนึกถึงว่าพระพุทธไสยาสน์ วัดพระนอนจักรสีห์ เป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ที่สร้างขึ้นเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว ในสมัยที่เครื่องจักรเครื่องทุ่นแรงยังไม่มีใช้กันเช่นปัจจุบันก็พอจะทำให้เราเห็นถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของคนไทยในอดีตว่ายิ่งใหญ่เพียงใดได้เป็นอย่างดี
    พระองค์ได้มอบถวายให้ และโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระบำราศปรปักษ์ เป็นที่ปรึกษา

    การปฏิสังขรณ์แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2428
    วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2519 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯมาทรงสักการะพร้อมพระบรมวงศานุวงศ์
    IMG_20181104_065741.jpg IMG_20181104_065732.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2018
  10. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่527 พระผงรูปเหมือนองค์พระประธานปางมารวิชัย องค์หลวงพ่อโต เนื้อผงพุทธคุณ ผสมผงว่านเกษร 108 ด้านหลังเป็นรูปเจดีย์ปฐมน้อย สร้างและอธิฐานจิตปลุกเสกโดยพระครูจารุวัฒนคุณ (หลวงพ่อเพ้ง จารุวณฺโณ) วัดหอมเกร็ด ต.หอมเกร็ด อ.สามพราน จ.นครปฐม รุ่น 1
    ประวัติหลวงพ่อเพ้ง จารุวณฺโณ เดิมชื่อ จักรวาล (เพ้ง) หลีกอาญา เกิดวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2490 ที่หมู่ 3 ต.หอมเกร็ด อ.สามพราน จ.นครปฐม เป็นบุตรนายตึ๊ง นางกิมเอ็ง หลีกอาญา อุปสมบท วันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2515 ณ พัทธสีมาวัดหอมเกร็ด มีพระครูถาวรวิทยาคม วัดสรรเพชญ เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับ ฉายาว่า จารุวณฺโณ ศีกษาและรอบรู้เรื่องสมุนไพร เป็นเจ้าอาวาสวัดหอมเกร็ดตั้งแต่ปี 2531 และเป็นเจ้าคณะตำบลไร่ขิง จนถึงปัจจุบัน
    IMG_20181104_065818.jpg IMG_20181104_065809.jpg
     
  11. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่528 พระผงพระพุทธนฤมิตร รุ่นชนะภัย วัดอรุณราชวราราม
    คุณMK2508 ปิดครับ
    องค์หลวงพ่อพระพุทธนฤมิตร วัดอรุณ
    วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร ถือเป็นวัดไทยอีกแห่งหนึ่งที่เป็นหน้าเป็นตาของเมืองไทย ที่บรรดานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่างกล่าวขวัญถึงความโดดเด่นของพระปรางค์วัดอรุณฯ ปรากฏริมแม่น้ำเจ้าพระยาอันงดงามมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นหนึ่งสัญลักษณ์ ของกรุงเทพฯ ด้วย วัดไทยโบราณแห่งนี้ มีนามว่า "วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร" มีหลักฐานการสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา วัดนี้เดิมชื่อ วัดมะกอก ต่อมาเรียกว่า วัดมะกอกนอก เพราะได้มีการสร้างวัดขึ้นอีกวัดหนึ่งในตำบลเดียวกัน แต่อยู่ในคลองบางกอกใหญ่ชาวบ้านเรียกวัดที่สร้างใหม่ว่า วัดมะกอกใน (วัดนวลนรดิศ) แล้วจึงเรียกวัดมะกอกซึ่งอยู่ปากคลองบางกอกใหญ่ว่า วัดมะกอกนอกครั้น เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงตั้งราชธานีที่กรุงธนบุรี พ.ศ.2310 ได้เสด็จมาถึงหน้าวัดแห่งนี้ตอนรุ่งแจ้งจึงโปรดเกล้าฯ ให้เทียบเรือพระที่นั่งที่ท่าน้ำ เสด็จขึ้นไปสักการบูชาพระมหาธาตุ ซึ่งเป็นพระปรางค์องค์เดิมองค์ที่เห็นในปัจจุบันสมเด็จพระเจ้า ตากสินมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดมะกอกและเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า "วัดแจ้ง" ทรงเอาป้อมวิชัยประสิทธิ์ข้างฝั่งตะวันตกเป็นที่ตั้งตัวพระราชวัง แล้วขยายเขตพระราชฐานจนวัดแจ้งเป็นวัดภายในพระราชวัง เช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์สมัยกรุงศรีอยุธยา และเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ที่อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ใน พ.ศ.2322 ก่อนย้ายมาประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามใน พ.ศ.2327 ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร ได้เสด็จมาประทับที่พระราชวังเดิม และได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดแจ้งใหม่ทั้งวัด แต่ยังไม่ทันสำเร็จก็สิ้นรัชกาลที่ 1 สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระบาทสมเด็จพระพุทธ เลิศหล้านภาลัย พระองค์ได้ทรงบูรณปฏิสังขรณ์วัดแจ้งและ พระราชทานนามใหม่ว่า "วัดอรุณราชธาราม" พระองค์มีพระราชดำริที่จะเสริมสร้างพระปรางค์หน้าวัดให้สูงขึ้น แต่สิ้นรัชกาลเสียก่อนจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้เสริมพระปรางค์ขึ้นและให้ยืมมงกุฎที่หล่อสำหรับพระพุทธรูปทรงเครื่องที่ จะเป็นพระประธานวัดนางนองมาติดต่อบนยอดนภศูลในรัชสมัยพระบาท สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์วัดอรุณราชธารามหลายรายการ และให้อัญเชิญพระบรมอัฐิของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยมาบรรจุไว้ที่ พระพุทธอาสน์ของพระประธานในพระอุโบสถด้วย เมื่อการปฏิสังขรณ์เสร็จสิ้นลง พระราชทานนามว่า "วัดอรุณราชวราราม"
    IMG_20181104_065800.jpg IMG_20181104_065751.jpg

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2018
  12. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่529 พระผงรูปเหมือนหลวงพ่อปัญญา (พระครูนิเวฐปัญญาภรณ์) วัดกกกว้าว นครสวรรค์ หลังยันต์ ปี2539 ศิษย์สายหลวงพ่อโอด หลวงพ่อพรหม
    ประวัติพระครูนิเวฐปัญญาภรณ์ (หลวงพ่อปัญญา ปัญญาฑีโป)
    เจ้าอาวาสวัดกกกว้าว ต.พรหมนิมิต อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
    จังหวัดนครสวรรค์กล่าวได้ว่าเป็นดินแดนแห่งเกจิเรืองวิชาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
    จากสายพุทธาคมที่สืบทอดจากบูรพาจารย์ อันโด่งดัง หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ
    หลวงพ่อรุ่งวัดหนองสีนวล หลวงพ่อพรหมวัดช่องแค และหลวงพ่อโอดวัดจันเสน ส่งต่อมายังหลวงพ่อปัญญา วัดกกกว้าว


    หลวงพ่อปัญญา ปัญญาฑีโป เกิดเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2494 ณ. บ้านเลขที่ 97 หมู่ 6 ต.พรหมนิมิต อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ บิดาชื่อ ตา วิเชียร มารดาชื่อ เผื่อน วิเชียร

    ในวัยเยาว์นั้น ตั้งแต่เกิดเด็กชายปัญญา มักจะขี้โรคเจ็บป่วยบ่อยๆพ่อและแม่ต้องคอยเลี้ยงดูประคบประหงมดูแลเป็นพิเศษ ในสมัยนั้นการแพทย์ไม่สะดวกสะบายเหมือนสมัยนี้บางครั้งก็ต้องพึ่งพาหมอผีพ่อมดแต่อาการเจ็บป่วยบ่อยๆของเด็กชายปัญญาก็ไม่หายขาด ยังคงเป็นอยู่อย่างนั้นเรื่อยมา

    ตามความเชื่อของคนโบราณถ้าเด็กที่เลี้ยงยากเจ็บป่วยจะยกให้เป็นลูกของพระหลังจากเรียนจบชั้นป.4 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดที่โรงเรียนวัดในสมัยนั้น แม่จึงพาเด็กชายปัญญามายกให้เป็นบุตรบุญธรรมของ หลวงพ่อโอด วัดจันเสน (พระครูนิสัยจริยคุณ) เมื่อหลวงพ่อโอด รับเป็นบุตรบุญธรรมแล้วท่านเห็นว่าเด็กผู้นี้ป่วยบ่อย ท่านจึงได้ทำพิธีบรรพชาบวชเป็นสามเณร ให้เพื่อตัดวิบากกรรม ในวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2509

    หลังจากนั้นเป็นต้นมาสามเณรปัญญา จึงได้รับใช้เป็นองค์อุปัฏฐาก หลวงพ่อโอด วัดจันเสน อย่างใกล้ชิดตลอดมา

    จนกระทั่งอายุ 22 ปี หลวงพ่อโอด วัดจันเสน จึงทำพิธีอุปสมบทที่พระอุโบสถ วัดจันเสน ในวันที่ 22 เมษายน 2516

    -โดยมีหลวงพ่อโอด (พระครูนิสัยจริยคุณ) วัดจันเสน เป็นพระอุปปัชฌาย์
    -พระครูลำไย เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    -พระปลัดบุตร เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ได้รับฉายาว่า “ปัญญาทีโป” อุปปัชฌาย์ให้ความหมายว่า ผู้มีปัญญาดุจประทีป หลังจากบวชแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดจันเสนเช่นเดิม โดยได้ศึกษาพระปริยัติธรรม สอบได้นักธรรมชั้นตรี ชั้นโท และชั้นเอก แล้วเดินทางไปศึกษาบาลี จบประโยต 1 และ 2 จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระเลขาฯ หลวงพ่อโอด ซึ่งเป็นเจ้าคณะอำเภอตาคลีในสมัยนั้น

    จากการที่หลวงพ่อปัญญา ท่านเริ่มมีความรู้และได้รับการถ่ายทอดวิชาต่างๆจากหลวงพ่อโอด หลวงพ่อโอดท่านเห็นว่า หลวงพ่อปัญญาเป็นบุตรบุญธรรมและศิษย์เอกของท่าน สมควรที่จะไปปกครองวัดกกกว้าว ซึ่งขณะนั้นไม่มีเจ้าอาวาสปกครอง ทางคณะสงฆ์และหลวงพ่อโอดจึงส่งไปรักษาการเจ้าอาวาสในปี 2521

    ในปี 2522 หลวงพ่อปัญญาจึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดกกกว้าวอย่างเป็นทางการและได้ดูแลพัฒนาวัดเสมอมา

    หลวงพ่อโอด วัดจันเสน (ความสัมพันธ์กับหลวงพ่อปัญญา)

    ท่านเป็นหลานของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ และหลวงพ่อรุ่ง วัดหนองสีนวล ได้ทำการถ่ายทอด วิชาอาคมต่างๆ ตลอดจนวิชาการเพ่งแผ่พลังจิต ให้กับหลวงพ่อปัญญาทั้งหมด ตั้งแต่เป็นสามเณร จนหลวงพ่อโอดละสังขารเรียกได้ว่าท่านเป็นศิษย์เอกองค์เดียวที่เหลืออยุ่ของสายนี้เลยก็ว่าได้ จะเห็นได้ว่าวัตถุมงคลหลายๆรุ่นของหลวงพ่อโอดที่มีชื่อเสียงมาออกที่วัดกกกว้าว

    หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค (ความสัมพันธ์กับหลวงพ่อปัญญา)

    หลวงพ่อปัญญา ติดตามหลวงพ่อโอดอยู่เสมอ วันหนึ่งหลวงพ่อพรหม ได้เล่าเรื่องราวการธุดงค์ให้ หลวงพ่อปัญญาฟัง หลวงพ่อปัญญาเกิดความสนใจ จึงได้ศึกษาวิชาสมถะกัมมัฏฐาน วิปัสสนากัมมัฏฐาน วิชาอาคมต่างๆ กับหลวงพ่อพรหม พอสำเร็จวิชาแล้วหลวงพ่อพรหม จึงมอบชานหมากให้เป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเคยมาฝึกกับหลวงพ่อพรหม อีกทั้งหลวงพ่อพรหมเคยเอ่ยปากจะให้หลวงพ่อปัญญามาอยุ่ด้วยเผื่อจะได้เรียนวิชาแต่หลวงพ่อปัญญาซึงเป็นพระอุปัฏฐากหลวงพ่อโอดต้องคอยรับใช้อาจารย์

    นอกจากนี้ หลวงพ่อปัญญา ยังได้เรียนวิชาอาคมต่างๆกับ หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ จ.นครปฐมซึ่งท่านให้ความเมตตาหลวงพ่อปัญญามากมีอยุ่ระยะนึงหลวงพ่อเปิ่นได้มาอยุ่ที่วัดกกกว้าวด้วย และยังมี หลวงพ่อเจ๊ก วัดระนาม จ.สิงห์บุรี ที่หลวงพ่อปัญญาได้รับถ่ายทอดสรรพวิทยามา

    ปัจจุบัน หลวงพ่อปัญญา ได้ใช้วิชาที่ได้รับสืบทอดมาจากบูรพาจารย์ของท่านช่วยเหลือญาติโยมให้พ้นจากเคราะห์กรรมต่างๆ อีกทั้งการปัดเป่ารักษา เพ่งแพร่พลังจิตรักษา ให้จากอาการหนักกับทุเราเบาบางลงหรือหายก็มากมาย

    IMG_20181104_065623.jpg IMG_20181104_065613.jpg
     
  13. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่530 พระผงพุทธคุณใบโพธิ์พระพุทธฝังพลอย วัดคลองขนุน จ.จันทบุรี
    IMG_20181104_065603.jpg IMG_20181104_065551.jpg
     
  14. MK2508

    MK2508 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มกราคม 2012
    โพสต์:
    2,922
    ค่าพลัง:
    +4,264
    จอง 521 ,522 , 523 , 526 , 528
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2018
  15. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รับทราบการจองครับ
     
  16. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    ////สวัสดีครับ ขอแจ้งการบูชาครบ 1600 บาท/////
    แถม... พระพิมพ์ขุนแผนทรงพลใหญ่"พ่อท่านฉิ้น วัดเมืองยะลา" (พระเนื้อผง-เนื้อว่าน)...1 องค์ครับ*** ปิดครับ
    เนื้อว่านเก่าวัดเมืองยะลา,ดินกากยายักษ์,ผงแร่เหล็กน้ำพี้,ฝังตะกรุดเงิน 2 ดอก กล่องเดิม รุ่นฉลอง 45 ปี วัดเมืองยะลา สร้างปี 2547 ตอกโค๊ดชัดเจน พ่อท่านฉิ้นเป็นศิษย์ทายาทธรรมหลวงปู่ทวด องค์สุดท้ายเป็นองค์ที่ 4 องค์ที่1 หลวงปู่ทิม วัดช้างให้,องค์ที่2 พระโสภณธรรมคุณ วัดนาประดู่, องค์ที่ 3 อาจารย์นอง วัดทรายขาว, องค์ที่ 4 พ่อท่านฉิ้น วัดเมืองยะลา
    IMG_20181002_211015 (1).jpg 4192301-85e54296b2b470666346fb920e769f95.jpg 4192306-91c39886e9bbabb6312e455a6bae8fce.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤศจิกายน 2018
  17. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่531 พระผงพุทธคุณพระนอนจักรสีห์ วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร อ.เมือง จ.สิงห์บุรี
    ประวัติ พระนอนจักรสีห์ วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร จ.สิงห์บุรี
    พระพุทธไสยาสน์องค์นี้ เป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่และยาวที่สุดของประเทศ สร้างมานานเก่าแก่จนไม่ทราบ แน่ชัดว่ามีประวัติความเป็นมาอย่างไร ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเล่าในทำนองนิยายปรำปรา ทำนองเดียวกันกับพระ ปฐมเจดีย์ เช่น กล่าวว่าพระเจ้าสิงหพาหุเป็นผู้สร้าง แต่ก็ไม่มีใครทราบว่าพระเจ้าพาหุคือผู้ใด ครองเมืองอะไร ในยุคสมัยใด สันนิษฐานว่าสร้างก่อนตั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี องค์พระหันพระเศียรไปทางทิศตะวันออก ความยาว 3 เส้น 3 วา 2 ศอก 1 คืบ 7 นิ้ว

    IMG_20181104_133906.jpg IMG_20181104_133857.jpg
     
  18. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่532 พระสมเด็จเนื้อผง วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร จ.น่าน
    มี 4 องค์ บูชาองค์ละ 100 บาท

    วัดช้างค้ำวรวิหาร มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป คือ วัดช้างค้ำ วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร และวัดหลวงกลางเวียงวัดนี้ตั้งอยู่กลางใจเมือง ในเขตเทศบาลเมืองน่าน เลขที่ ๑๓ ถนนสุริยพงษ์ บ้านช้างค้ำ ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ตรงข้ามวัดเป็นเทศบาลเมืองน่าน และศาลจังหวัดน่าน ปัจจุบันสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย

    วัดช้างค้ำวรวิหารมีที่ดินตั้งวัดเนื้อที่ ๑๑ ไร่ ๓ งาน ๗๒ ตารางวา ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อ พ.ศ. ๑๙๔๖ เขตวิสุงสีมา กว้าง ๑๑ เมตร ยาว ๑๙.๕๐ เมตร มีที่ธรณีสงฆ์จำนวน ๑ แปลง เนื้อที่ ๗ ไร่ ๓ งาน ๙ ตารางวา อาณาเขตของวัดมีกำแพงล้อม รอบทั้ง ๔ ด้าน ปัจจุบันวัดช้างค้ำวรวิหารเป็นวัดอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหารโดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชพระบรมราชาอนุญาตให้ยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวง เมื่อวันที่ ๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๐๑ จึงนับได้ว่าวัดช้างค้ำวรวิหารเป็นพระอารามหลวงแห่งแรกและแห่งเดียวในจังหวัดน่าน

    ตามประวัติที่แจ้งไว้กล่าวว่าวัดพระธาตุช้างค้ำสร้างเมื่อ พ.ศ.๑๙๔๖ แต่พงศาวดารน่าน ชื่อ “พระญาภูเข่ง” หรือ “ภูเช็ง” เป็นผู้สร้างขึ้นเมื่อจุลศักราช ๗๖๘ ตรงกับพ.ศ. ๑๙๔๙ เดิมวัดนี้เป็นวัดหลวงประจำเมืองที่เจ้าเมืองใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญของบ้านเมือง นอกจากนี้วัดช้างค้ำยังตั้งอยู่กลางใจเมืองด้วย จึงมีชื่อเรียกวัดนี้ว่าวัดหลวงบ้าง วัดหลวงกลางเวียงบ้าง รวมถึงชื่อ วัดหลวงกลางเมือง สำหรับชื่อ “วัดช้างค้ำ” หรือ“พระธาตุช้างค้ำ” ที่เรียกกันในปัจจุบันนี้ สืบเนื่องมาจากที่วัดมีพุทธเจดีย์หรือพระธาตุหลวงก่อเป็นรูปช้างล้อมสัณฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสยกฐานสูง ก่ออิฐถือปูนปั้นเป็นรูปช้างครึ่งตัวโผล่หน้าออกมารอบองค์พระเจดีย์ไว้จึงเรียกกันว่า “วัดช้างค้ำ” สืบมาและชื่อดังกล่าวเพิ่งจะมาเรียกในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์นี้เอง

    พระธาตุเจดีย์ช้างค้ำวรวิหาร เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีลิกธาตุไว้ภายใน นับเป็นปูชนียสถานสำคัญ เป็นเจดีย์ที่ได้รับอิทธิพลทางด้านศิลปะสุโขทัยจากเจดีย์ทรงลังกาคือเจดีย์วัดช้างล้อมนั่นเอง พระธาตุเจดีย์สร้างด้วยอิฐถือปูน มีสัณฐานเป็นรูปสี่เหลื่ยมจัตุรัสซ้อนกัน ๓ ชั้น กว้างด้านละ ๙ วา ฐานจากชั้นแรกสูงถึงชั้นสองมีรูปช้างค้ำอยู่ในลักษณะเหมือนฐานรองรับไว้ด้านละ ๖ เชือก รวมทั้งหมด ๒๔ เชือก ช้างแต่ละตัวโผล่ส่วนหัวลอยออกมาครึ่งตัว ขาหน้าทั้งคู่ยื่นพ้นออกมาจากเหลี่ยมฐานเหนือขึ้นไปเป็นฐานปัทม์(ฐานบัว) ซ้อนกัน ๓ ชั้น และเป็นองค์ระฆังแบบลังกา ต่อจากองค์ระฆังทำเป็นฐานเขียงรองรับมาลัยลูกแก้วลดหลั่นกันไปเป็นส่วนยอด ปัจจุบันพระธาตุเจดีย์ช้างค้ำได้รับการบูรณะซ่อมแซมและหุ้นด้วยแผ่นทองเหลืองทั้งองค์ มีความสวยงามมาก


    นอกจากนี้ยังมีตำนานการสร้างวัดช้างค้ำวรวิหารเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อครั้งที่กองทัพพม่ายกมาหมายจะยึดเอานครน่านเป็นเมืองออกนั้น เจ้าผู้ครองนครน่านเห็นว่าศึกครั้งนี้เกินกำลังที่จะรับได้ จึงใช้อุบายขอทำศึกด้วยธรรมะ คือให้แข่งขันกันสร้างพระเจดีย์ โดยเริ่มทำการก่อสร้างตั้งแต่เวลาพระอาทิตย์ตกดินจนถึงเช้าวันรุ่งขึ้น หากฝ่ายใดสร้างเสร็จและยกฉัตรพระเจดีย์ขึ้นก่อน ก็จะเป็นผู้ชนะ ฝ่ายนครน่านใช้ไม่ไผ่สานสังเวียนขนาดใหญ่น้อยลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ ให้มีรูปลักษณะเหมือนองค์พระเจดีย์ และระดมทั้งกำลังคนและกำลังช้างขน ดิน กรวด ทรายทับถมลงไปในสังเวียนแล้วใช้ผ้าขาวหุ้มมองดูแต่ไกลเหมือนองค์เจดีย์ ก่อนรุ่งเช้าเพียงเล็กน้อยทางนครน่านก็ยกยอดฉัตรขึ้นสำเร็จ ทางฝ่ายพม่าสร้างเจดีย์เสร็จทีหลังจึงยอมแพ้เลิกทัพกลับไป เจ้าผู้ครองนครเห็นว่า เพื่อเป็นอนุสรณ์ในชัยชนะครั้งนั้น จึงโปรดฯ ให้สร้างพระเจดีย์ของจริงขึ้นพร้อมกับสร้างวัดขึ้น ณ บริเวณที่ก่อสร้างพระเจดีย์เทียมแข่งกับพม่านั้นเอง โดยที่รอบฐานของพระเจดีย์ชั้นที่ ๒ ทรงโปรดฯ ให้สร้างรูปปั้นช้างเป็นสัญลักษณ์ว่าช้างมีส่วนสำคัญในการค้ำจุนให้พระองค์ได้รับชัยชนะ (ตำนานดังกล่าวไม่มีปรากฏในพงศาวดารหรือจดหมายเหตุใดๆ) นับแต่นั้นเป็นต้นมาวัดพระธาตุช้างค้ำก็ได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้าผู้ครองนครอย่างสืบเนื่องกันมาโดยตลอด ตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา จนกระทั่งถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์

    คำบูชา
    ตั้งนะโม ๓ จบ "อิมัสะมิง นันทะปุระภิรัมเม ปะติฏฐิตัง ชินะปะระมะธาตุยา ฐะปะนัง หัตถิถัมภะ วะระธาตุเจติยัง อะหัง วันทามิ สัพพะทา"
    IMG_7757_1a.jpg

    องค์ที่1 IMG_20181104_133845.jpg IMG_20181104_133836.jpg ปิดครับ
    องค์ที่2 IMG_20181104_133827.jpg IMG_20181104_133817.jpg ปิดครับ
    องค์ที่3 IMG_20181104_133807.jpg IMG_20181104_133758.jpg ปิดครับ
    องค์ที่4 IMG_20181104_133749.jpg IMG_20181104_133740.jpg ปิดครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤศจิกายน 2018
  19. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่533 พระผงรูปเหมือนหลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข รุ่นรวยให้เข็ด
    ท่านเป็นอีกหนึ่งสุดยอดพระทองคำแห่งยุค
    ที่หลวงพ่อพระราชพรหมยาน แห่งวัดท่าซุง
    ท่านได้กล่าวไว้ หลวงปู่ท่านเป็นพระอรหันต์
    ที่มีเมตตามาก ๆ วัตถุมงคลของท่านมีพุทธคุณมากล้น
    เหมาะสำหรับไว้แขวนบูชาเป็นอย่างยิ่ง

    คุณกันทิมา@บุญ ปิดครับ
    IMG_20181104_223440.jpg IMG_20181104_223430.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 พฤศจิกายน 2018
  20. Pitiphat

    Pitiphat 51 สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    5,412
    ค่าพลัง:
    +88
    รายการที่534 พระผงพิมพ์พระรอด หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิงวรวิหาร กรุงเก่า อยุธยา
    พุทธคุณ: พระพิมพ์รอด มีความเชื่อกันว่า มีความศักดิ์สิทธิ์ หรือความขลังในด้านแคล้วคลาด ปราศจากภัยอันตราย และความวิบัติต่างๆ มีเสน่ห์เมตตามหานิยม ได้ลาภผล และคงกระพันชาตรี
    IMG_20181104_223422.jpg IMG_20181104_223413.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...