***เครื่องรางของขลังคณาจารย์ดัง***...Updateเริ่มหน้า 5///

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย TRUSTthanong, 28 มกราคม 2011.

  1. papawich

    papawich เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    898
    ค่าพลัง:
    +1,399
    เหรียญจิ้งจก 9 หาง หลวงพ่อเงิน วัดถ้ำน้ำ ราชบุรี

    โอนเรียบร้อย 1050 ธ.กรุงไทย เวลา 20.03 น. 27/11/54
    ส่ง พีรวิชญ์ ดิษย์เทวาทรณ์
    101 ม.3 ต.ขุมเงิน อ.เมือง จ.ยโสธร 35000
     
  2. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รับทราบการจองครับ ขอบคุณมากครับ
     
  3. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    ขอบคุณมากครับ วันนี้จัดส่งให้ครับ
     
  4. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    สะเก็ดดาว หรือ อุลกมณี(Tektite)
    จัดเป็นวัถุหนึ่งที่เป็นประเภทแก้วธรรมชาติ ที่พบบนโลก ซึ่งมีด้วยกันหลายชนิดที่ ในทางภายนอกทางกายภาพแล้ว สะเก็ดดาวจะมองดูลักษณะคล้ายแก้ว ซึ่งมีสีแตกต่างกันออกไป ตามประเภทและแหล่งที่พบ อันนี้เกี่ยวเนื่องไปถึงอายุของสะเก็ดดาวด้วย และนอกเหนือจากนั้นในทางอนุภาคขนาดเล็ก เมื่อทำการทดสอบแล้ว พบว่าสะเก็ดดาวมีความหล้ายคลึงกับแก้ว ประเภท Obsidian แต่ส่วนประกอบแตกต่างจากแร่ คริสตัล ทั่วไป นั้นเป็นที่มาที่ไปให้นักวิทยาศาสตร์ สงสัยและยังหาข้อสรุปไม่ได้ สะเก็ดดาวเป็นส่วนประกอบทางธรรมชาติที่ประกอบด้วยวัตถุเหมือนกัน ซึ่งเกิดจากการหลอมละลายและการผสมผสานที่ลงตัว ในสะเก็ดดาวยังพบว่ามีส่วนประกอบของน้ำและอากาศที่น้อยมาก ซึ่งสังเกตได้จากเมื่อมีการตัดทดสอบสะเก็ดดาวแล้วพบว่า ไม่มีฟองอากาศเลย แต่ผิวภายนอกมีมากมายหลายแบบ เนื้อภายในปิดสนิท สะเก็ดดาวเกิดจากการหลอมตัวที่อุณหภูมิสูงมากๆ และมีอายุยาวนานหลายแสนปี จนถึงหลายล้านปี
    สะเก็ดดาวมาจากที่ใด ไม่มีใครทราบและยืนยันได้แน่ชัด เท่าที่ทราบเวลาผ่านมามากกว่า ร้อยปี ยังไม่มีข้อสรุปมีแต่สมมติฐานเท่านั้น ซึ่งสมมติฐานที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ สมมติฐานการชนของอุกกาบาตกับโลก กระจายเป็นสะเก็ดดาวตกไปตามที่ต่างๆ ทั่วโลก
    ในหลุมดาวตก ดินและหินที่อยู่ใกล้ หลอมรวมกันเป็นน้ำร้อนเหลว บางส่วนระเหยกลายเป็นไอ คล้ายกับปากปล่องภูเขาไฟ ซึ่งสะเก็ดดาวอาจเกิดจากทฤษฏีนี้ และมีคำถามต่อมาว่า หากเป็นกรณีนี้จริง มักจะพบคำถามที่ว่า สะเก็ดดาวกระเด็นกระดอนไปไกลเท่าไหร่ กระโดดไปสูงเท่าไหร่ หรืออาจมีเส้นทางโครจรไป ในอวกาศแล้วตกกลับลงมา ซึ่งชิ้นส่วนที่ตกลงมาต้องมีความเร็วที่สูงมาก และมีระยะทางเคลื่อนที่ที่ไกลพอสมควร ทำให้มีเวลาที่จะ เปลี่ยนหรือสร้างรูปทรงเป็นแบบต่าง ก่อนจะตกลงมาสู่พื้นโลก ซึงจากการทดสอบพบว่า สะเก็ดดาวกลุ่ม Australasian สามารถโปรยตกออกไปได้ 1,000 กิโลเมตร จากแหล่งที่ตก หรือจากหลุมอุกกาบาต ซึ่ง ระยะนี้ เพียงพอที่จะทำให้สะเก็ดดาว สร้างแบบของตัวเอง เป็นรูปทรงแบบต่างๆ โดยรูปทรงที่ว่านี้ เกิดจากการหมุนรอบตัวเอง ด้วยความเร็วนั่นเอง ปัจจุบันนี้ นักวิทยาศาสตร์ ยังพบแล้วว่า ในการทดสอบ สะเก็ดดาวมีความเกี่ยวเนื่องกันกับ หินบนพื้นโลก มีการหลอมตัวคล้ายคลึงกับหินบนโลกบางชนิด แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวครับ

    สะเก็ด ดาว มีพละพลังสูงส่ง หากท่านที่สามารถจับพลังได้ทดลองจับดูจะรู้สึกร้อนมือ หรือมีบางอย่างกระตุ้นที่ฝ่ามือ หรือ ชาๆ ที่มือ สะเก็ดดาว หรือ Tektite มาจากคำว่า Tektos ในภาษากรีก แปลว่า หลอมละลาย ชื่อนี้ถูกขนานนามโดย SUESS เมื่อปี ค.ศ 1900 ท่านผู้นี้เชื่อว่าสะเก็ดดาวเป็นแร่ชนิดหนึ่ง มาจากนอกโลกหรือต่างพิภพ บางท่านเชื่อว่ามาจากดวงจันทร์ รูปลักษณ์สัณฐาน ไม่แน่นอน อาจเป็นก้อนกลวงรูปไข่ยาวแบน แต่ที่แน่ ๆ คือที่ผิวของสะเก็ดดาวจะเป็นหลุมเล็ก ๆ โดยรอบ ทั้งนี้เนื่องจากซิลิกา (Silica) หลอมละลายเป็นแก้วเมื่อเสียดสีกับบรรยากาศ มีขนาดความกว้าง ไม่เกิน 2 นิ้ว ที่พบเสมอ ๆ คือขนาดประมาณ 1 นิ้ว สีดำ น้ำตาล หรือสีเขียว มักพบจมดินอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม

    คุณสมบัติของสะเก็ดดาว

    เป็น แหล่งของศิลปศาสตร์ความรอบรู้และพลัง กระตุ้นเตือนจิตสำนึกก่อให้เกิดความจดจำอันแม่นยำ ลึกซึ้ง จึงควรใช้ขณะปฏิบัติการต่าง ๆ เช่น ขณะทำสมาธิจิต การพกพาไว้กับตัวก่อให้เกิดสนามพลังแก่ออร่ารอบตัว ทำให้ออร่าเข้มเข็ง มั่นคง ปกป้องคุ้มครอง และขับไล่สิ่งที่มารุกราน ขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ (วิญญาณแฝงหรือพลังแฝง)
    นำสะเก็ดดาววางไว้ ที่จักระ 6 ขณะทำสมาธิจิต หรือสรรสร้างพลังตาทิพย์ เกิดความรู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรมแห่งธรรมชาติ เกิดความรู้ความคิดสร้างสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ เหมาะกับนักออกแบบ ศิลปิน นักแสดง นักดนตรี นักศึกษาหาความรู้ ถ้าวางไว้ที่จักระ 4 หรือทำเป็นจี้ห้อยคอ ช่วยบรรเทาอาการผิดปกติต่าง ๆ ของจิตใจ ผู้ที่มีความรู้สึกหมดหวัง หมดอาลัยในชีวิต ถ้านำสะเก็ดดาววางไว้ที่จักระ 5 ใช้ในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นที่อยู่ห่างไกล หรือติดต่อกับวิญญาณที่อยู่ต่างมิติ ( Telepathic Communication )



    การใช้สะเก็ดดาวร่วมกันกับพลอยชนิดอื่น ๆ

    ใช้ สะเก็ดดาวร่วมกับ พลอยสีม่วง จะช่วยเพิ่มพลังแก่จักระที่ 6 และ 7 เกิดการหยั่งรู้ ( Intuition ) ต่อเชื่อมกับผู้รู้และเทพเบื้องบน ใช้ร่วมกับ Rose Quartz ที่จักระ 4 ก่อให้เกิดพลังแห่งความเมตตา เหมาะแก่ผู้ที่มีอารมณ์กร้าวร้าว ดุดัน โหดร้าย เห็นแก่ตัว ชอบเอาเปรียบผู้อื่น ใช้ร่วมกับพลอย Lapis Lazuli ก่อให้เกิดพละพลังแห่งความนึกคิดทั้งหลาย มีความเฉลียวฉลาดมีไหวพริบดีขึ้น ใช้ร่วมกับ Citrine ก่อให้เกิดความนึกคิดแห่งการสรรสร้าง วางไว้ที่จักระ 6 เกิดญาณหยั่งรู้ เหมาะแก่ครูอาจารย์ และผู้ศึกษาหาความรู้

    ตามความเชื่อ

    เชื่อกันว่ามีสรรพคุณน้องๆเหล็กไหล แต่หาคนใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ได้น้อย

    เด่นทางด้านโชคลาภ ค้าขายจึงเรียกว่า แก้วข้าว ในทางเหนือนิยมเก็บไว้ที่ยุ้งฉาง
    จะทำให้พืชพันธ์ให้ผลผลิตสูง

    เป็นนายแห่งอัญญมณีทั้งปวงช่วยขจัดพลังอัญมณีให้โทษ และเสริมฤทธิ์อัญมณีมีคุณทั้งปวง
    (ขอขอบคุณข้อมูลจากwww.esantektite.com)

    คนโบราณกาลเชื่อว่าสะเก็ดดาวคือ แก้วแห่งพระราหู ใช้สื่อถึงพลังทิพยฤทธิอำนาจแห่งมหาอสุรินทรเทพราหู มีผลด้านหนุนดวงชะตา กลับร้ายกลายเป็นดี เป็นมหาโชคลาภครับ
    สะเก็ดดาวเป็นแก้วแห่งองค์ราหู และได้นำเข้าพิธีพุทธาภิเษกมาแล้วหลายพิธี

    องค์นี้ขนาดใหญ่หายากสูงประมาณ 4 ซม.นิดๆ เป็นสะเก็ดดาวทรงกลมหลังเต่า หายากครับ

    ราคาพิเศษ 800 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0005.jpg
      IMG_0005.jpg
      ขนาดไฟล์:
      206.8 KB
      เปิดดู:
      357
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  5. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    คดมะพร้าว หลวงพ่อเงิน วัดถ้ำน้ำ ราชบุรี
    คดชิ้นนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่ชิ้น เพราะมะพร้าวเกิดเป็นคดบนบริเวณเขาวัดถ้ำน้ำ หลวงพ่อเงินท่านพบเข้า ท่านว่าเป็นของดี มีเทวดารักษา ท่านจึงทำพิธีพลีกรรมขอนำมาคุ้มครองลูกศิษย์ ลูกหาสร้างบุญร่วมทำนุบำรุงพระศาสนา เสกในพรรษา 1 ไตรมาส ของหายากอีกชิ้นหนึ่งครับ ขนาดประมาณเหรียญห้าบาท

    คดมะพร้าว
    อานุภาพของคดมะพร้าวนั้นดีเลิศในทางป้องกันภัย กันคุณไสยมนต์ดำ ภูตผีปีศาจ แคล้วคลาด มหาอุด คงกระพัน เมตตา โชคลาภ ติดตัวเข้าป่าเข้าดงหรือไปในที่มีอาถรรพ์ลี้ลับจะปลอดภัยถือว่าเป็นของดีรอบตัวทีเดียว สามารถล้างอาถรรพ์ได้

    [​IMG]


    ประวัติ หลวงพ่อเงิน วัดถ้ำน้ำ ราชบุรี


    หลวงพ่อเงิน เกิดเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๔๗๕ ที่ จ.นครปฐม เมื่ออยู่ในวัยรุ่น ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อน้อย วัดท่ามอญ นครชัยศรี โดยเรียนวิชาจากหลวงพ่อน้อยหลายอย่าง แม้จะอยู่ในวัยรุ่น ท่านก็ถือคาถาได้ขลังมาก
    ต่อมาท่านสมัครเข้าเป็นตำรวจประจำการ อยู่สายหาข่าว และปราบปราม พล.ต.ท.ประชา บูรณธนิต นายตำรวจใหญ่ (ฉายา สิงห์เหนือ คู่กับ เสือใต้ คือ พล.ต.ตรี.ขุนพันธรักษ์ราชเดช) ได้ให้ลูกน้องซึ่งเป็นมือปราบชื่อดัง มาตามท่านให้ประจำอยู่ที่ จ.นครปฐม เพื่อช่วยหาข่าว ปราบก๊กโจรต่างๆ หรือพวกผู้มีอิทธิพลในทางผิดกฎหมาย ซึ่งในสมัยนั้นมีอยู่มาก
    ท่านรับราชการเป็นตำรวจประมาณ ๑๒ ปี ได้ช่วยงานของราชการมากมาย โดยเฉพาะการปลอมตัวเข้าไปหาข่าวในชุมโจร ก๊กโจร หลายครั้งหลายหนได้อยู่รอดปลอดภัยตลอดมา เพราะมีวิชาดี แถมยังได้วิชาใหม่ๆ จากชุมโจร ทุกที่ที่ไปสืบข่าว เป็นวิชาในแนวของโจรเวทย์ เริ่มตั้งแต่แต่งทัพ จับพล เสกกุมารทอง ไว้ใช้งาน เสกหุ่นพยนต์ไว้เฝ้าทรัพย์สิน ระวังภัย วิชาส่งข่าว คงกระพัน แคล้วคลาด และเมตตามหาเสน่ห์ ต่อมาท่านเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตการเป็นตำรวจ จึงได้บวชเป็นพระ เพื่อแสวงหาความสงบ และเพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่พ่อแม่ครูบาอาจารย์
    โดยบวชกับหลวงพ่อน้อย วัดท่ามอญ จากนั้นได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อน้อย และเรียนวิชาการทำผงรอดกระดาน ปัถมัง กับหลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอม วิชาเสกตุ๊กตาทอง กับหลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม
    ต่อมาท่านได้ถือธุดงควัตรขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ จนได้เรียนวิชาจากครูเฒ่าฆราวาสท่านหนึ่งซึ่งเป็นศิษย์ของท่านครูบาศรีวิชัย จนถึงปี ๒๕๒๒ ท่านได้ธุดงค์มาถึง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้บังเกิดนิมิตเป็นแสงสว่าง นำพาท่านให้เดินตามเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งก็คือถ้ำน้ำ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ท่านจึงตกลงใจสร้างวัดถ้ำน้ำ และพัฒนามาจนถึงทุกวันนี้
    ที่ผ่านมาท่านได้สร้างวัตถุมงคลหลายอย่าง อาทิ พระสมเด็จบรรจุพระธาตุ เหรียญ รูปหล่อ ตะกรุดแบบต่างๆ แมวอุ้มหนู วัวธนู นางกวักมะรุมเงิน-มะรุมทอง, ตุ๊กแกมหาลาภ ฯลฯ ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ลูกศิษย์อย่างกว้างขวาง



    หลวงพ่อเงิน เป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ผู้มั่นในศีลานุวัตร มีปฏิปทาเป็นผู้ให้โดยแท้ ท่านมุ่งปฏิบัติ และเพียรฝึกฝนทางจิตอย่างเข้มแข็ง เป็นพระสงฆ์ผู้มีเมตตาอย่างที่สุด ไม่เคยบ่นว่าศิษย์ ไม่เคยแสดงอาการเหนื่อยหน่าย หรือรำคาญ ใครจะให้ท่านทำอะไร ท่านจะสงเคราะห์ให้ทั้งหมด นับเป็นพระแท้ที่น่ากราบไหว้อย่างยิ่ง

    หลวงพ่อเงินได้มรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๔ สรีระของท่านได้จัดเก็บไว้ในหีบแก้วที่วัด เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ และผู้ที่เคารพนับถือได้กราบไหว้ต่อไป

    บูชาเพียง 800 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    แถมฟรี...เลี่ยมพลาสติกกันน้ำพร้อมใช้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG.jpg
      IMG.jpg
      ขนาดไฟล์:
      243.7 KB
      เปิดดู:
      4,686
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  6. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    สุดยอดแห่งตะกรุดสายนี้!!!!!!
    ตะกรุดนพเคราะห์หนุนดวง เสริมโชคชะตา เสริมดวงการเงิน อุดผงนพเคราะห์มหาโชค มหาเศรษฐี
    ขนาด 1 นิ้ว
    หลวงพ่อเงิน วัดถ้ำน้ำ ราชบุรี

    เคยนั่งสนทนากับท่านเกี่ยวกับตะกรุดชุดนี้ ท่านว่า ตะกรุดชุดนี้ท่านสร้างหลักร้อยและสร้างเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น เพราะสร้างยากมากๆ ท่านใช้ยันต์เทวดานพเคราะห์ทั้ง 9 จารลงตะกรุดซึ่งเป็นเนื้อตะกั่ว ท่านบอกว่าตะกั่วรับพลังได้ดีมาก คณาจารย์ยุคเก่า เช่น หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หลวงพ่อเนียม วัดน้อย สุพรรณบุรี เป็นต้น จะนิยมใช้ตะกั่วมาทำเป็นตะกรุดกันมากมาย
    สำหรับผงที่อุดตะกรุดนี่สิครับ พิถีพิถันละเอียดละออสุดๆและหาคนทำได้ยากมากๆ
    ถ้าเสกต้องเสกในพรรษาและต้องเสกในโบสถ์เท่านั้น

    โดยใช้ยันต์นพเคราะห์ทั้ง 9 คือ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระพฤหัสบดี พระศุกร์ พระเสาร์ พระราหู พระเกตุ
    โดยต้องลบผงเพื่อให้ได้ยันต์นพเคราะห์แต่ละวันตามฤกษ์มหัทธโนฤกษ์ที่ดีที่สุดของวันนั้นๆ
    มหัทโนฤกษ์นี้ คือ ฤกษ์แห่งเศรษฐี ฤกษ์แห่งความร่ำรวย

    เมื่อลบครบทั้ง 8 วันยกเว้นพระเกตุ ให้นำผงทั้ง 8 วันมาปั้นเป็นแท่งผง แล้วจึงลบผงพระเกตุปิดท้าย ส่วนแท่งผงที่เหลือท่านจะลบผงยันต์ต่างๆ เช่น ยันต์จตุโรบังเกิดทรัพย์ ยันต์พระสีวลี ยันต์พระสังกัจจายนะ ยันต์พระอุปคุต ยันต์ที่เสริมดวงด้านโชคลาภการเงินต่างๆ สุดท้ายลงยันต์พระเจ้าเปิดโลกเพื่อเปิดดวงชะตาผู้สวมใส่
    และต้องทำในวันออกพรรษาเท่านั้น เพราะเป็นวันพระพุทธเจ้าเปิด 3 โลก
    จากนั้นจึงนำมาอุดที่ตะกรุดที่ท่านจารเองกับมือซึ่งท่านได้ม้วนเสกตัวตะกรุดเรื่อยมาเพื่อรอผงนพเคราะห์ตลอดพรรษา
    สุดท้ายนำเข้าพิธีนพเคราะห์ บวงสรวงอัญเชิญเทวดานพเคราะห์ทั้ง 9 มาประสิทธิประสาทพลังงานแห่งเทวานพเคราะห์อีกครั้ง และให้พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์สวดนพเคราะห์เสริมดวง สวดพระปริตร เป็นอันจบพิธี
    หลวงพ่อบอกว่าผงนี้ทำยากเล่นเอาเหนื่อยมาก จึงสร้างเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น

    [​IMG]


    ประวัติ หลวงพ่อเงิน วัดถ้ำน้ำ ราชบุรี


    หลวงพ่อเงิน เกิดเมื่อวันที่ ๕ มีนาคม ๒๔๗๕ ที่ จ.นครปฐม เมื่ออยู่ในวัยรุ่น ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อน้อย วัดท่ามอญ นครชัยศรี โดยเรียนวิชาจากหลวงพ่อน้อยหลายอย่าง แม้จะอยู่ในวัยรุ่น ท่านก็ถือคาถาได้ขลังมาก
    ต่อมาท่านสมัครเข้าเป็นตำรวจประจำการ อยู่สายหาข่าว และปราบปราม พล.ต.ท.ประชา บูรณธนิต นายตำรวจใหญ่ (ฉายา สิงห์เหนือ คู่กับ เสือใต้ คือ พล.ต.ตรี.ขุนพันธรักษ์ราชเดช) ได้ให้ลูกน้องซึ่งเป็นมือปราบชื่อดัง มาตามท่านให้ประจำอยู่ที่ จ.นครปฐม เพื่อช่วยหาข่าว ปราบก๊กโจรต่างๆ หรือพวกผู้มีอิทธิพลในทางผิดกฎหมาย ซึ่งในสมัยนั้นมีอยู่มาก
    ท่านรับราชการเป็นตำรวจประมาณ ๑๒ ปี ได้ช่วยงานของราชการมากมาย โดยเฉพาะการปลอมตัวเข้าไปหาข่าวในชุมโจร ก๊กโจร หลายครั้งหลายหนได้อยู่รอดปลอดภัยตลอดมา เพราะมีวิชาดี แถมยังได้วิชาใหม่ๆ จากชุมโจร ทุกที่ที่ไปสืบข่าว เป็นวิชาในแนวของโจรเวทย์ เริ่มตั้งแต่แต่งทัพ จับพล เสกกุมารทอง ไว้ใช้งาน เสกหุ่นพยนต์ไว้เฝ้าทรัพย์สิน ระวังภัย วิชาส่งข่าว คงกระพัน แคล้วคลาด และเมตตามหาเสน่ห์ ต่อมาท่านเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตการเป็นตำรวจ จึงได้บวชเป็นพระ เพื่อแสวงหาความสงบ และเพื่ออุทิศส่วนกุศลแด่พ่อแม่ครูบาอาจารย์
    โดยบวชกับหลวงพ่อน้อย วัดท่ามอญ จากนั้นได้อยู่ปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อน้อย และเรียนวิชาการทำผงรอดกระดาน ปัถมัง กับหลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอม วิชาเสกตุ๊กตาทอง กับหลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม
    ต่อมาท่านได้ถือธุดงควัตรขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ จนได้เรียนวิชาจากครูเฒ่าฆราวาสท่านหนึ่งซึ่งเป็นศิษย์ของท่านครูบาศรีวิชัย จนถึงปี ๒๕๒๒ ท่านได้ธุดงค์มาถึง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ได้บังเกิดนิมิตเป็นแสงสว่าง นำพาท่านให้เดินตามเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งก็คือถ้ำน้ำ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ท่านจึงตกลงใจสร้างวัดถ้ำน้ำ และพัฒนามาจนถึงทุกวันนี้
    ที่ผ่านมาท่านได้สร้างวัตถุมงคลหลายอย่าง อาทิ พระสมเด็จบรรจุพระธาตุ เหรียญ รูปหล่อ ตะกรุดแบบต่างๆ แมวอุ้มหนู วัวธนู นางกวักมะรุมเงิน-มะรุมทอง, ตุ๊กแกมหาลาภ ฯลฯ ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่ลูกศิษย์อย่างกว้างขวาง



    หลวงพ่อเงิน เป็นแบบอย่างของพระสงฆ์ผู้มั่นในศีลานุวัตร มีปฏิปทาเป็นผู้ให้โดยแท้ ท่านมุ่งปฏิบัติ และเพียรฝึกฝนทางจิตอย่างเข้มแข็ง เป็นพระสงฆ์ผู้มีเมตตาอย่างที่สุด ไม่เคยบ่นว่าศิษย์ ไม่เคยแสดงอาการเหนื่อยหน่าย หรือรำคาญ ใครจะให้ท่านทำอะไร ท่านจะสงเคราะห์ให้ทั้งหมด นับเป็นพระแท้ที่น่ากราบไหว้อย่างยิ่ง

    หลวงพ่อเงินได้มรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ ๑๘ สิงหาคม ๒๕๕๔ สรีระของท่านได้จัดเก็บไว้ในหีบแก้วที่วัด เพื่อให้ศิษยานุศิษย์ และผู้ที่เคารพนับถือได้กราบไหว้ต่อไป



    บูชาเพียง 1,500 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท

    รับประกันแท้ 100%
    แถมฟรี...ใส่หลอดตะกรุดพร้อมใช้
    ดอกนี้ผมใช้กาวยางเคลือบผงที่หัวท้ายตะกรุดเพื่อป้องกันผงหลุดร่อน เพราะเสียดายผงมากๆครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0010.jpg
      IMG_0010.jpg
      ขนาดไฟล์:
      223.8 KB
      เปิดดู:
      688
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  7. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    ราหูกะลาตาเดียว นะมหามงคลทั่วทิศ
    หลวงปู่แขก วัดสุนทรประดิษฐ์ จ. พิษณุโลก ด้านหลังติดแผ่นตะกั่วลงยันต์หัวใจพระราหู และยันต์นะมหามงคลทั่วทิศ
    หายากมาก สร้างน้อยชิ้น หลวงปู่แขกจารมือเอง และ ตอกโค๊ด
    ปลุกเสกฤกษ์ราหูอมจันทร์
    วันจันทรคราส 15 ค่ำ เดือน8
    22 ก.ค.52
    เสริมดวงดีเยี่ยม

    [​IMG]

    พระครูสุนธรธรรมประภาส (หลวงพ่อแขก วัดสุนทรประดิษฐ์)
    ตำบลบางระกำ อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก

    ประวัติ หลวงปู่แขก
    นามเดิมชื่อ ลำยอง นามสกุล นาทีทองพิทักษ์ เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ.2467 ตรงกับแรม 7 ค่ำ เดือน 10 ปีชวด ณ บ้านกรุงกรัก ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก บิดาชื่อ นายเฮง มารดาชื่อ นางพัน อาชีพทำนา มีพี่น้องรวม 7 คน

    ท่านเป็นพระอาจารย์ที่ชาวจังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดใกล้เคียงให้ความเคารพนับถือท่านเป็นอย่างมาก เพราะท่านเป็นพระที่ถือสันโดษ บำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง
    ในด้านการปฏิบัติของท่านนั้น ถือเอาปฏิบัติสัจจะเป็นที่ตั้ง ท่านจึงมีสานุศิษย์ใกล้ชิดที่มีความเคารพมาก เพราะได้ประจักษืแก่สายตาของตนเองมาแล้วทั้งนั้น
    หลวงปู่แขกท่านมีชื่อเสียงมากทางด้านปลุกเสกวัตถุมงคล ทั้งเหนือ กลาง อีสาน ใต้เมื่อมีการสร้างวัตถุมงคลที่ไหนก็มักจะมีรายชื่อหลวงปู่แขกร่วมอธิษฐานจิตอยู่ด้วยเสมอ (ข้อมูลจาก อ.สุเมธ ธนะชัย ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงปู่)

    ภาคประสบการณ์
    ผมได้รับความเมตตาอย่างสูงจากท่านเจ้าคุณพระมงคลสุธี (หลวงปู่แขก ปภาโส) วัดสุนทรประดิษฐ์ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2552 (1 วันก่อนเขียนบทความ) ซึ่งก่อนหน้านี้ผมได้มีโอกาสสัมผัสขาหลวงปู่ตอนที่หลวงปู่ปรกปลุกเสกพระพุทธชินราช – พระพรหม รุ่น มหามงคลพรหมอุดมทรัพย์ ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ ซึ่งท่านรองฯธวัชได้เรียกตัวเข้าไปรับใช้ถ่ายรูปต่างๆในพิธีปลุกเสกวาระแรก ขณะที่หลวงปู่กำลังปลุกเสก กายเนื้อของหลวงปู่เริ่มสั่นโยก โยมใกล้ชิดของหลวงปู่ก็รีบมาประคองเพื่อไม่ให้หลวงปู่ลอยจากอาสน์สงฆ์ เพราะก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นในพิธีปลุกเสกพระกริ่ง ณ บริเวณหน้าพระวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช ต่อหน้านายทหารชั้นผู้ใหญ่ และประชาชนที่เข้ามาร่วมในพิธีมากมาย ประจักษ์พยานในเหตุการณ์นั้นเล่าว่า กายเนื้อของหลวงปู่ลอยออกมาจากอาสน์สงฆ์ซึ่งสูงมาก ลงมายังพื้นด้านล่าง ผู้รู้กล่าวว่า รุ่นนี้หลวงปู่ปลุกเสกอย่างแรง พอผมได้สัมผัส (จริงๆแล้วเจตนาจะช่วยจับ เพราะโยมใกล้ชิดของหลวงปู่ร่างเล็ก กลัวจะไม่ไหว) ขอแขนมือขวาลุกซู่ แล้วค่อยลามมายังต้นแขน หัวไหล่ เป็นระลอกเหมือนคลื่นของน้ำกระทบฝั่ง ผมจำเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่เคยลืม (ข้อมูลจากเว็ปamulet.saweedus)
    ประสบการณ์ในการปลุกเสกวัตถุมงคลของท่านนั้นยังมีอีกมากมาย ที่หลายท่านได้ประสบพบเจอกัน เช่นการปลุกเสกน้ำมนต์จนโอ่งแตกที่จ.พิจิตร โดยมีผู้ร่วมพิธีหลายพันคนต่างตกตะลึงในความมหัศจรรย์ ทั้งทีโอ่งใบนี้ใหญ่และแข็งแรงมากระดับว่าต้องใช้ชายฉกรรณ์ถึงกว่า10คนยกขึ้นมาในสถานที่ทำพิธี รวมถึงการลอยตัวลงจากอาสนะขณะปลุกเสกน้ำมนต์ที่ ลอสแองเจอลิส สหรัฐอเมริกา และการปลุกเสกประจุพลังยกวัตถุมงคลที่หนักกว่า 40-60 กิโลให้ลอยเหนือศรีษะ ด้วยมือเพียงข้างเดียว ฯลฯ ยังมีอีกมากมายเลยครับเล่ายังไงก็ไม่จบ
    (ข้อความโดยคุณ พระธรรม เวปพลังจิต)

    บูชาเพียง 1,500 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    แถมฟรี...เลี่ยมพลาสติกกันน้ำพร้อมใช้
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0004.jpg
      IMG_0004.jpg
      ขนาดไฟล์:
      316.4 KB
      เปิดดู:
      396
    • IMG_0001.jpg
      IMG_0001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      389.2 KB
      เปิดดู:
      399
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  8. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    เหรียญหล่อโบราณองค์ราหู เนื้อทองแดง นะมหามงคลทั่วทิศ
    หลวงปู่แขก วัดสุนทรประดิษฐ์ จ. พิษณุโลก
    หลวงปู่แขกจารยันต์ยันต์หัวใจพระราหู และยันต์นะมหามงคลทั่วทิศ
    เหรียญนี้หนา 0.5 ซม.หลวงปู่แขกดำริให้ทำขอบเหรียญออกมาหนาเพื่อหลวงปู่จะได้จารขอบเหรียญรอบเหรียญทั้งหมด หายากมาก ท่านเมตตาศิษย์มากๆครับ
    หลวงปู่จารมือเองด้านหน้า ด้านหลัง ขอบเหรียญทั้งหมด
    ด้านบนเหรียญอุดผงพุทธคุณ ตะกรุดจารมืออีก 1 ดอก
    หลวงปู่แขกจารมือเอง และ ตอกโค๊ด
    ปลุกเสกฤกษ์ราหูอมจันทร์
    วันจันทรคราส 15 ค่ำ เดือน8
    22 ก.ค.52
    เสริมดวงดีเยี่ยม

    [​IMG]

    พระครูสุนธรธรรมประภาส (หลวงพ่อแขก วัดสุนทรประดิษฐ์)
    ตำบลบางระกำ อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก

    ประวัติ หลวงปู่แขก
    นามเดิมชื่อ ลำยอง นามสกุล นาทีทองพิทักษ์ เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ.2467 ตรงกับแรม 7 ค่ำ เดือน 10 ปีชวด ณ บ้านกรุงกรัก ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก บิดาชื่อ นายเฮง มารดาชื่อ นางพัน อาชีพทำนา มีพี่น้องรวม 7 คน

    ท่านเป็นพระอาจารย์ที่ชาวจังหวัดพิษณุโลก และจังหวัดใกล้เคียงให้ความเคารพนับถือท่านเป็นอย่างมาก เพราะท่านเป็นพระที่ถือสันโดษ บำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวมอย่างแท้จริง
    ในด้านการปฏิบัติของท่านนั้น ถือเอาปฏิบัติสัจจะเป็นที่ตั้ง ท่านจึงมีสานุศิษย์ใกล้ชิดที่มีความเคารพมาก เพราะได้ประจักษืแก่สายตาของตนเองมาแล้วทั้งนั้น
    หลวงปู่แขกท่านมีชื่อเสียงมากทางด้านปลุกเสกวัตถุมงคล ทั้งเหนือ กลาง อีสาน ใต้เมื่อมีการสร้างวัตถุมงคลที่ไหนก็มักจะมีรายชื่อหลวงปู่แขกร่วมอธิษฐานจิตอยู่ด้วยเสมอ (ข้อมูลจาก อ.สุเมธ ธนะชัย ลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดหลวงปู่)

    ภาคประสบการณ์
    ผมได้รับความเมตตาอย่างสูงจากท่านเจ้าคุณพระมงคลสุธี (หลวงปู่แขก ปภาโส) วัดสุนทรประดิษฐ์ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2552 (1 วันก่อนเขียนบทความ) ซึ่งก่อนหน้านี้ผมได้มีโอกาสสัมผัสขาหลวงปู่ตอนที่หลวงปู่ปรกปลุกเสกพระพุทธชินราช – พระพรหม รุ่น มหามงคลพรหมอุดมทรัพย์ ของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ภาคเหนือ ซึ่งท่านรองฯธวัชได้เรียกตัวเข้าไปรับใช้ถ่ายรูปต่างๆในพิธีปลุกเสกวาระแรก ขณะที่หลวงปู่กำลังปลุกเสก กายเนื้อของหลวงปู่เริ่มสั่นโยก โยมใกล้ชิดของหลวงปู่ก็รีบมาประคองเพื่อไม่ให้หลวงปู่ลอยจากอาสน์สงฆ์ เพราะก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นในพิธีปลุกเสกพระกริ่ง ณ บริเวณหน้าพระวิหารหลวงพ่อพระพุทธชินราช ต่อหน้านายทหารชั้นผู้ใหญ่ และประชาชนที่เข้ามาร่วมในพิธีมากมาย ประจักษ์พยานในเหตุการณ์นั้นเล่าว่า กายเนื้อของหลวงปู่ลอยออกมาจากอาสน์สงฆ์ซึ่งสูงมาก ลงมายังพื้นด้านล่าง ผู้รู้กล่าวว่า รุ่นนี้หลวงปู่ปลุกเสกอย่างแรง พอผมได้สัมผัส (จริงๆแล้วเจตนาจะช่วยจับ เพราะโยมใกล้ชิดของหลวงปู่ร่างเล็ก กลัวจะไม่ไหว) ขอแขนมือขวาลุกซู่ แล้วค่อยลามมายังต้นแขน หัวไหล่ เป็นระลอกเหมือนคลื่นของน้ำกระทบฝั่ง ผมจำเหตุการณ์ครั้งนั้นไม่เคยลืม (ข้อมูลจากเว็ปamulet.saweedus)
    ประสบการณ์ในการปลุกเสกวัตถุมงคลของท่านนั้นยังมีอีกมากมาย ที่หลายท่านได้ประสบพบเจอกัน เช่นการปลุกเสกน้ำมนต์จนโอ่งแตกที่จ.พิจิตร โดยมีผู้ร่วมพิธีหลายพันคนต่างตกตะลึงในความมหัศจรรย์ ทั้งทีโอ่งใบนี้ใหญ่และแข็งแรงมากระดับว่าต้องใช้ชายฉกรรณ์ถึงกว่า10คนยกขึ้นมาในสถานที่ทำพิธี รวมถึงการลอยตัวลงจากอาสนะขณะปลุกเสกน้ำมนต์ที่ ลอสแองเจอลิส สหรัฐอเมริกา และการปลุกเสกประจุพลังยกวัตถุมงคลที่หนักกว่า 40-60 กิโลให้ลอยเหนือศรีษะ ด้วยมือเพียงข้างเดียว ฯลฯ ยังมีอีกมากมายเลยครับเล่ายังไงก็ไม่จบ
    (ข้อความโดยคุณ พระธรรม เวปพลังจิต)

    บูชาเพียง 900 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    แถมฟรี...ตลับสแตนเลสพร้อมใช้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0003.jpg
      IMG_0003.jpg
      ขนาดไฟล์:
      424.8 KB
      เปิดดู:
      397
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  9. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    จัดส่งให้เรียบร้อยแล้วนะครับ
    EI568013108TH
     
  10. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    พระสังกัจจายนะ หินจุยเจียแกะสลัก
    หินจุยเจียนั้น เชื่อกันว่า สามารถปรับสมดุลย์ตามธรรมชาติของร่างกายได้ และพลังที่เปล่งออกมา เป็นพลังที่มีแต่ความเยือกเย็น อันเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าจากธรรมชาติอย่างแท้จริง ในขณะเดียวกัน แก้วจุยเจีย นี้สามารถเปล่ง และขยายพลังออกมาได้อย่างมากมาย
    แก้วจุยเจีย แบ่งออกได้เป็น ๒ กลุ่ม ได้แก่
    ๑.จุยเจียใส มีลักษณะ เป็นแก้วใส แต่มีสีที่แตกต่างกัน โดยขึ้นกับสถานที่กำเนิดว่า มีโลหะหนักชนิดใดเจือปนอยู่มาก จะมีพลังโดดเด่นทาง ด้านขับไล่อาถรรพ์ร้ายให้ออกไป และอำนวยโชคลาภโภคทรัพย์
    ๒. จุยเจียเข็มทอง มีลักษณะเป็นแก้วใส แต่ภายในมีเส้นสายแร่วิ่งผ่าน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นสีทอง จึงมีพลังเด่นในด้านความมั่งคั่ง และแคล้วคลาดปลอดภัย
    พระโบราณจารย์ เอาแก้วจุยเจียมาแกะสลักเป็นพระพุทธรูปขนาดห้อยคอ แล้วนำไปสมโภชปลุกเสก จนมีพุทธคุณครบถ้วนตั้งแต่เมตตา มหานิยม คุ้มครอง แคล้วคลาด มหาอุด คงกระพัน ชาตรี ป้องกันคุณผี คุณคน มหาอำนาจ เพิ่มพูนวาสนาถ้านำมาใช้ทางปฏิบัติธรรมจะช่วยทำให้จิตเป็นสมาธิได้รวดเร็ว ขึ้น

    มีให้เลือก 2 องค์ครับ
    ทั้ง 2 องค์ส่วนสูงประมาณ 4.5 ซม.

    บูชาองค์ละ 450 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2011
  11. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    ปิดรายการแล้วครับ

    ราหูกะลาตาเดียว ครูบาเลิศ วัดทุ่งมานใต้ ลำปาง
    ผู้สืบสานวิชาราหู ครูบานันตา วัดทุ่งมานใต้
    มาครบคู่สุริยัน-จันทรา

    ราหูอมสุริยัน พระยันต์สุริยประภา - แคล้วคลาด มหาอำนาจ
    ราหูอมจันทรา พระยันต์จันทรประภา - เมตตามหาเสน่ห์มหานิยม โชคลาภ

    องค์นี้รับมาจากมือครูบาเลิศครับ ท่านเมตตามากๆ ครับ
    (ขนาดประมาณเหรียญ 5 บาท)

    ราหูของครูบาท่านสร้างตามตำราเก่าอุดผง 2 รู โดยอุดผง เกสร จันทน์เทศ ผสมฝักส้มป่อย เป็นมงคลแก้ได้สารพัดกำจัดสิ่งไม่ดีทุกชนิด

    กะลาราหูนั้นใช้ไฟแกะเดินเส้นยันต์รูปพระราหูตำราพระราหู ครูบาจารมือบางๆกำกับอีกครั้งหนึ่ง
    เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่า มีเคราะห์ทุกข์ภัย ความตกต่ำย่ำแย่ ชีวิตพลิกผันพระราหูกลืนกิน แก้ได้หมด ใครนำพาพระราหูติดตัวเป็นเนืองนิตย์จะมีแต่สวัสดิฌสพิน กว่าคนทั้งหลาย ทุกข์หนักเท่านักปานใดผ่านพ้นไปเร็วไว ไปถึงความสำเร็จสมหวังดังเป้าหมาย ทุกประการ อีกทั้งตำราว่ายันต์แห่งขุมทรัพย์
    สิทธิการิยะ ประเสริฐกว่ายันต์อื่นใดในโลก ถ้าบุคคลใดปรารถนาสมบัติ แก้ว แหวน เงินทองทุกประการ บูชายันต์เถิด มีตำนานกล่าวว่า มีพระฤาษี 2 ตน สถิตอยู่ ณ เขายุคนธร ได้พิจารณาเล็งดูมนุษย์ทั้งหลายว่า ในกาลภายหน้าจักมีทุกข์เวทนาหาสมบัติมิได้ จึงใคร่จะช่วยทุกข์มนุษย์ทั้งหลาย ฤาษีตนหนึ่งจึงสร้างยันต์ขึ้นยันต์ชื่อ สุริยประภา อีกตนหนึ่งสร้างยันต์ จันทรประภาขึ้นลงในกะลตาเดียวจะหาสิ่งใดเทียบเทียมได้ยาก แม้ว่าสมบัติบรมจักรพรรดิและสมบัติพระอินทร์ หรือดวงแก้มณีโชติ ก็หาอาจเปรียบเทียบพระยันต์ทั้งสองนี้ได้
    ผู้ที่หวังเจริญในลาภยศและอยากจะมั่งมีทรัพย์สินเงินทองก็ให้คิดสร้างกันเถิด และนำไปบูชาเถิด ให้จุนเจิมด้วยแป้งหอม น้ำมันหอม แล้วเอาบูชาไว้พระยันต์ทั้งสองนี้ ผู้ใดนับถือบูชาไว้ มิรู้อดอยาก ตกทุกข์ได้ยากเลยเมื่อจะใช้ยันต์สุริยประภานั้นให้เอาคาถานี้นมัสการก่อน ๗ ที
    เอกะจักขุ นาฬิเกลา สุริยะประภา จันทระประภา ราหูคาหา สัตตะ ระตะนะ สัมปันโน มณีโชติระโส ยะถา สุวัณณะ รัชชะตะ สะมิทธา อะหัง วันทามิ เมสะทาฯแล้วจึงว่าพระคาถากำกับพระยันต์ดังนี้
    กลางวันกุเสโต มะมะ กุเสโต โตราโม มะมะ โตราโม คุยหะโม มะมะ คุยหะโม คุตติโม มะมะ คุตติโม(ว่ากำกับ 6 จบตามกำลังพระอาทิตย์)
    กลางคืน ยะถาตัง มะมะ ตังถายะ ตังวะตัง มะมะ ตังวะตัง ตังเสกา มะมะ กาเสตัง กาติยะ มะมะ ยะติกา(ว่ากำกับ 15 จบตามกำลังพระจันทร์)



    [​IMG]

    ครูบาเลิศ แห่งวัดทุ่งม่านใต้ อายุ ๗๘ ปี นามเดิมชื่อ บุญเลิศ เกิดที่หมู่บ้านทุ่งม่านใต้ ตำบลบ้านเป้า อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง เกิดเมื่อ วันอังคารที่ ๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๗๔ พ่อชื่อหน้อยมา สุธทเสนา แม่ชื่อพุธ สุธทเสนา มีพี่น้องทั้งหมด ๒ คนคือ ๑. พ่อแก้ว๒. ครูบาเลิศ ชื่อบุญเลิศนี้ ครูบานันตาเป็นผู้ตั้งให้เพระว่าหลวงปู่ท่านเกิดวันที่ ๑ มกราคม ซึ่งถือเป็นวันต้นปี ถือว่าเป็นฤกษ์ยามดีเลิศประเสริฐแล จึงให้ชื่อว่าบุญเลิศบวชเณรเมื่อ ปี พ.ศ.๒๔๘๗ ครั้นบวชเณรได้ ๑๓ พรรษาก็ได้ติดตามครูบาอ่องส่า วัดท่าผา อ.เกาะคา เพื่อออกธุดงค์ หลังจากออกธุดงค์ได้ ๑ ปี ก็กลับมาปฏิบัติธรรมกรรมฐานอยู่กับครูบานันตา ได้ศึกษาวิชาต่างๆ ที่ครูบาสอนโดยเฉพาะวิชาการทำพระราหู พออายุครบ ๒๐ พรรษา ก็อุปสมบทโดยมีครูบานันตาเป็นพระอุปัชฌาจารย์ และครูบาโถ มณีคุณเจ้าคณะอำเภอแจ้ห่มเป็นพระกรรมวาจาจารย์ ท่านอยู่ได้ ๑ พรรษา ก็ขอลาสิกขามาเป็นฆราวาส ดำรงตำแหน่งเป็นกำนัน หมุ่บ้านแม่ก๋ง และเป็นสารวัตรกำนันตำบลบ้านเป้า ในระหว่างนั้นก็ได้ช่วยกิจการทั้งทางวัดและทางโรงเรียนบ้านแม่ก๋ง และเปิดกิจการค้าขายอยู่ในตัวเมืองลำปาง ต่อมาในปี พ.ศ.๒๕๓๔ จึงได้กลับสู่ร่มกาสาวพักตร์อีกครั้ง ณ วัดทุ่งม่านใต้ และจำพรรษาที่วัดทุ่งม่านใต้ตลอดจนปัจจุบัน

    รับประกันแท้ 100%
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0006.jpg
      IMG_0006.jpg
      ขนาดไฟล์:
      260.5 KB
      เปิดดู:
      303
    • IMG_0007.jpg
      IMG_0007.jpg
      ขนาดไฟล์:
      270 KB
      เปิดดู:
      267
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2011
  12. kajit

    kajit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,656
    ค่าพลัง:
    +3,351
    วันนี้โอนให้แล้ว 550 บาท
    ชื่อที่อยู่ดู PM ครับ
     
  13. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    รับทราบครับ พรุ่งนี้จัดส่งให้ครับ
    ขอบคุณมากครับ
     
  14. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    จัดส่งเรียบร้อยแล้วครับ
    EI427045117TH
     
  15. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    จัดส่งให้เรียบร้อยแล้วนะครับ
    RF698119961TH
     
  16. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    คุณ strom9 จองแล้วครับ
    ปาฏิหาริย์หินพระธาตุเขาสามร้อยยอด
    (ขอขอบคุณข้อความโดยคุณ MOUNTAIN เวปจิต)

    ผมได้รวบรวมเรื่องราวของหินพระธาตุเขาสามร้อยยอด จากหนังสือบูรพาปาฏิหาริย์ เมื่อปี 2546 โดยคุณยมุนา เขียนติดต่อกันรวม 6 ฉบับ น่าสนใจมาก จึงขอคัดย่อลงมาให้ผู้สนใจได้รับรู้เรื่องราวศักดิ์สิทธิ์ที่มีอยู่ในแผ่นดินสยามของเรา เรื่องมีดังนี้ครับ

    หินพระธาตุศักดิ์สิทธิ์นี้ มีแหล่งกำเนิดอยู่ในบริเวณเทือกเขาที่ซับซ้อน ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีลักษณะเป็นเม็ดหินสัณฐานกลมเป็นปริมณฑล มีหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเท่ากำปั้น ไข่ไก่ จนกระทั่งขนาดเท่า ไข่จิ้งจกและไข่ปลาดุก สีที่พบส่วนมากเป็นสีขาวคล้ายไข่จิ้งจก ส่วนสีอื่นก็มี สีแดงคล้ายดินเผา ออกใสคล้ายสีน้ำผึ้งก็มี หินดังกล่าวจะซ่อนตัวโดยการฝังอยู่ในแท่งหิน แท่งหินเหล่านี้จะทำหน้าที่คล้ายฝักและมีหินพระธาตุเหล่านี้อยู่ภายใน บางคนอาจเรียกหินพระธาตุดังกล่าวอีกชื่อหนึ่งว่า พระธาตุไข่ในหิน

    หินพระธาตุเขาสามร้อยยอด เป็นหินศักดิ์สิทธ์ที่นิยมในหมู่ผู้ชอบสะสมของแปลกและพวกเครื่องรางของขลัง มานานกว่า 40 ปีแล้ว มีการขอสัมปทานขุดหินเขาสามร้อยยอดออกมาขาย โดยจำหย่ายในรูปแบบต่างๆ เช่น หินดิบที่มีพระธาตุฝังอยู่ นำมาแกะเป็นพระ เจียร์เป็นเครื่องประดับต่างๆ ก็มาก
    มีผู้รู้ทั้งหลายกล่าวกันว่า พระธาตุส่วนมากที่พบในลักษณะของไข่ในหินนั้น เป็นพระธาตุของพระปัจเจกพระพุทธเจ้า และยังอาจมีพระธาตุของพระสาวกรูปอื่นๆรวมอยู่ด้วย ในแผ่นหินหนึ่งแผ่นจึงอาจเป็นที่รวมของพระธาตุหลายชนิด มีอานุภาพครอบจักรวาล เป็นของมหามงคลสูงสุด ที่ใครได้ไว้นับว่าเป็นโชคลาภมหาศาล
    ขุนเขาแหล่งพระธาตุแห่งนี้ มีครูบาอาจารย์ทั้งหลายจาก ทุกภาคของประเทศ นิยมมาอัญเชิญพระธาตุไปประดิษฐาน ณ บ้านเมืองตน ที่เขาสามร้อยยอดนี้ยังเต็มไปด้วยพระธาตุสาวกหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น พระองคุลีมาล พระอัญญาโกณฑัญญะ พระโมคคัลลา พระสารีบุตร และพระสีวลี ทั้งนี้ยังปรากฏผงพระธาตุสีต่างๆ อีกด้วย หรือมี่เรียกกันว่า ผงพระเจ้า เท่าที่ทราบผงพระธาตุที่พบมีสีขาวบริสุทธิ์คล้ายแป้ง ภายในจะเป็นเกล็ดแก้วสวยงามมาก นอกจากนี้ยังมีสีคล้ายน้ำตาลปี๊บ ผงแต่ละสีจะอยู่แยกกันตามธรรมชาติในถ้ำไม่ปะปนกัน เหมือนมีผู้นำมาแยกเอาไว้

    หินพระธาตุเขาสามร้อยยอดไม่ใช่หินธรรมดา เป็นหินศักดิ์สิทธิ์มีเทพรักษาและยังถือว่าเป็นธาตุของผู้สำเร็จทางจิตท่านต่างๆในอดีตที่ผ่านมาแน่นอน ดังนั้นหินดังกล่าวจึงมีศักดิ์ศรีเหนือกว่า วัตถุมงคลโดยทั่วไปมากมายนัก สามารถปัดป้องอุบัติภัยได้

    เก้งกายสิทธิ์.............................................
    ที่มาของหินพระธาตุเขาสามร้อยยอดและเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป จากคำบอกเล่าของลุงไล้ ชาวจังหวัดประจวบฯ เล่าให้ฟังว่า หินพระธาตุนี้ เริ่มเป็นที่รู้จักเพราะเก้ง ธรรมดา ตัวเดียว มีนายพรานพบเห็นเก้ง ในเขตเขาสามร้อยยอดนี่แหละ จึงทำการขึ้นนกสับไกปืนขึ้นเล็งเตรียมที่จะยิง เมื่อได้จังหวะดีก็เหนี่ยวไกออกไป เสียงแชะ ปรากฏว่าลูกกระสุนปืนด้าน ยิงไม่ออก เก้งรู้ตัวจึงวิ่งหนีไป นายพรานตามมาทันได้จังหวะ ก็ลองยิงซ้ำอีกครั้ง เสียงดังแชะ อีกเช่นเคย ลองยิงเป็นครั้งที่ สาม และสี่ก็เป็นเหมือนเดิม จึงลองหันปากกระบอกปืนไปยังทิศทางอื่น ปรากฏว่าปืนสามารถยิงได้เป็นปกติตามเดิม นายพรานนึกแปลกใจ จึงค่อยๆตามอีเก้งตัวนั้น พบว่าเก้งตัวนั้น เลียน้ำจากโขดหินอันหนึ่งที่มีลักษณะแปลกตา โขดหินที่ว่า มีลักษณะคล้ายไข่ไก่ ไข่เป็ด ขนาดเขื่อง ฝังตัวอยู่ภายในก้อนหินทั้งแท่ง ตั้งแต่นั้นมาเรื่องราวของหินพระธาตุเขาสามร้อยยอดก็เริ่มแพร่สะพัด ระยะแรกเป็นที่รู้กันในเฉพาะกลุ่มพรานป่า ที่นิยมมาแงะเอาหินเขาสามร้อยยอดพกติดตัวป้องกันภัย โดยพลังอำนาจที่ร่ำลือกันมากที่สุดคือ อำนาจทางด้านมหาอุด คงกระพันนั่นเอง
    ข่าวเรื่องหินพระธาตุเขาสามร้อยยอด ยิ่งแพร่สะพัดเป็นทวีคูณ เมื่อมีผู้หนึ่งพกหินพระธาตุฯไปโดนกับระเบิด เพื่อนที่ไปด้วยตายทั้งคันรถ เหลือรอดอยู่เพียงคนเดียวคือ ผู้มีหินพระธาตุฯติดตัว เรื่องนี้เป็นที่โด่งดังมากมากในเขตชุมพร เมื่อ สามสิบกว่าปีที่ผ่านมา สรรพคุณของหินพระธาตุฯยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีก เมื่อผู้ว่าเมืองประจวบฯยุคนั้น พกหินพระธาตุฯ ไปตรวจราชการ ณ บริเวณที่มีระเบิดชุกชุม จะว่าดวงท่านไม่ถึงฆาตหรือเพราะพลังลี้ลับจากหินพระธาตุฯ ก็แล้วแต่ ตลอดเวลาที่ท่านอยู่ในบริเวณนั้น ไม่มีระเบิดลูกใดปะทุระเบิดขึ้นเลย แทนทีที่ท่านจากไป ปรากฏว่าจุดที่ท่านยืนอยู่นั้นเกิดระเบิดขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สรรพคุณของหินพระธาตุฯ เพิ่มมากขึ้น และเป็นที่รู้จักของนักนิยมเครื่องรางของขลังในเวลาต่อมา

    ไม่เพียงแต่การเชื่อถือกันสืบมาว่าหินพระธาตุเขาสามร้อยยอดนั้น เป็นพระธาตุของพระอรหันต์หลายรูปมาประชุมกัน ณ หุบเขาแห่งนี้ แต่ชาวใต้บางคนยังเชื่อว่านี่คือ เหล็กไหล ธาตุกายสิทธิ์แห่งพระผู้เป็นเจ้าอีกด้วย
    คุณสุริยาทิตย์ นักเขียนท่านหนึ่ง ได้ เขียนเรื่องราวของเหล็กไหลในพระธาตุ ตอนหนึ่งว่า ท่านได้เดินทางลงใต้ ชาวบ้านเขาบอกว่ามีเหล็กไหลติดตัวกัน ท่านก็ขอชม ปรากฏว่าสิ่งที่ชาวบ้านนำมาอวดนั้น กลับเป็นเม็ดพระธาตุ ดูแล้วเหมือนกับพระธาตุโมคคัลลา คุณสุริยาทิตย์ก็เลยบอกว่านี่มันพระธาตุ ชาวบ้านก็เถียงว่าเป็นเหล็กไหลต่างหาก จนได้ผลสรุปในที่สุดว่า คุณสุริยาทิตย์ ถูกข้างนอก พวกชาวบ้านถูกข้างใน เพราะสันนิษฐานกันว่ามันคือเหล็กไหลในองค์พระธาตุ ศัพท์เฉพาะที่เรียกเหล็กไหลในองค์พระธาตุว่า หัวใจพระธาตุ พระธาตุพระสาวกทุกองค์ หรือของพระปัจเจกพระพุทธเจ้า มักพบสิ่งที่เรียกว่า หัวใจพระธาตุ หรือแก่นพระธาตุ ซึ่งชาวใต้เขาเชื่อว่า นี่คือเหล็กไหล ลักษณะของหัวใจพระธาตุนั้น แต่ละองค์แตกต่างกัน บางองค์มีสีแดง บางองค์มีสีขาว บางองค์มีสีดำ เฉพาะที่มีสีดำนั้นเขาเชื่อว่าเป็นพระธาตุเหล็กไหล สรุปได้ว่าหินพระธาตุเขาสามร้อยยอด เป็นของดีที่มีความเป็นมาลึกลับ และเป็นกฤติยาคมแฝด คือเป็นทั้งพระธาตุภายในตัวและยังมีของกายสิทธิ์อย่างเหล็กไหลแฝงไว้ภายในอีกด้วย

    สำหรับท่านที่มีหินพระธาตุฯติดตัว อย่าริทำการทุบหินพระธาตุเพื่อดูแก่น หรือหัวใจพระธาตุที่เป็นเหล็กไหลอยู่ภายในว่าจริงหรือไม่ เพราะจะเป็นอัปมงคลแก่ตัวเอง และถือว่าเป็นการลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอเพียงรู้ว่ามีของดีมีค่าอยู่กับตัวก็พอแล้ว

    เทพนิมิต...............
    เรื่องราวของพระธาตุเขาสามร้อยยอดยังไม่หมดเพียงเท่านี้ มีเรื่องของ ลุงจร ซึ่งเป็นผู้หนึ่งที่ได้สัมผัสกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งเขาสามร้อยยอด ลุงจร ได้เล่าว่า ในตำบลเขาสามร้อยยอดนั้น แกนับว่าเป็นคนรุ่นแรกๆ ที่ได้ทำการบุกเบิกนำเอาหินพระธาตุเขาสามร้อยยอด มาแกะสลักเป็นรูปเคารพต่างๆ แกเล่าประวัติความเป็นมาว่า ก่อนที่จะมายึดอาชีพแกะหินจากเขาสามร้อยยอดนั้น แกไม่มีฝีมือทางด้านแกะสลักหินแต่อย่างใด ต่อมาคืนหนึ่งแกได้เห็นดวงไฟประหลาดเป็นสีเขียวสว่างโร่ลอยเข้ามาหาแก เมื่อใกล้ถึงตัว ดวงไฟนั้นกลับกลายเป็นร่างคน เป็นร่างของนักพรตจีนรูปหนึ่งมีหนวดเครายาว ตัดผมประหลาดเป็นรูปคล้ายสี่เหลี่ยม(เหมือนเซียนในลัทธิเต๋า) ตอนนั้นแกไม่รู้ว่าเป็นอะไร ได้แต่ตะลึงจังงังอยู่ จำได้แต่เพียงว่า เซียนองค์นั้น ได้มาบอกอนุญาตให้แกนำหินพระธาตุ มาแกะเป็นรูปเคารพของเทพเจ้าตามศาสนานิกายต่างๆได้ เพื่อยังชีพ จะได้ไม่ต้องไปเป็นนายพรานล่าสัตว์ทำบาป ละเมิดศีลข้อปาณาติบาตอีกต่อไป

    แปลกแต่จริง ตั้งแต่นั้นมาลุงจร แกก็สามารถทำการแกะหินพระธาตุ เป็นรูปเคารพต่างๆได้ เช่น แกะเป็นสมเด็จพุทธาจารย์โต พระพิคเณศ พระแม่กวนอิม และเซียนต่างๆได้ จากที่เล่ามาสันนิษฐานได้ว่า เทพเจ้าที่ทำการปกปักรักษาดินแดนแห่งนี้น่าจะเป็นเทพเจ้าในลัทธินิกายจีน หรือเป็นที่น่าเข้าใจอีกประการหนึ่งว่า ดินแดนแห่งนี้เคยมีนักพรตของนิกายเต๋า ธุดงค์มาพักที่นี่แล้วมามรณภาพดับขันธ์ จนกลายมาเป็นเทพเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์คอยพิทักษ์ดินแดนแห่งนี้เอาไว้

    เรื่องที่น่าคิดอีกเรื่องหนึ่งว่าเหตุใดสมัยนี้ธาตุกายสิทธิ์จากเขาสามร้อยยอดหรือจากที่ต่างๆถึงได้มีออกมาสู่ตลาดต่างๆ ทั้งภายในวัดหรือร้านค้าทั่วไปมากมาย เรื่องนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นการคลายตัวของเงื่อนเวลาที่เมื่อถึงเวลาหนึ่งของหายากก็จะกลับเป็นง่าย เหล่านี้เป็นความลี้ลับของโลกธาตุที่ยากจะเข้าใจ

    แต่สามารถอธิบายได้คร่าวๆว่า ในขณะนี้โลกของเราเข้าสู่กึ่งกลางของพระศาสนา นับวันโลกจะยิ่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ มีโรคแปลกๆ ออกมาเพื่อคร่าชีวิตมนุษย์ นักวิทยาศาสตร์ได้ปลดปล่อยสัตว์ร้ายจากนรก ออกมาทำลายมนุษย์เราเอง ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และบางครั้งก็เป็นความจงใจของเขา โลกเราที่ร้อนขึ้นทุกวันนี้เพราะเกิดช่องโหว่ของชั้นโอโซน ทำให้รังสีอัลต้าไวโอเลต ผ่านเข้าในชั้นบรรยากาศได้มากขึ้น ทำให้เกิดการเผาไหม้ผิวหนังของมนุษย์ จนก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนัง การทดลองทางชีวภาพอีกหลายต่อหลายอย่างที่สร้างสรรค์ชีวิตนอกรูปแบบของธรรมชาติที่มีอยู่เดิม เหล่านี้ คือการการปลดปล่อยและสร้างสัตว์ร้ายขึ้นมา หากแต่ศาสตร์และศิลป์ ของศาสนาโบราณ ได้มีวิธีช่วยเหลือ ป้องกันภัยจากมหันตภัยร้ายเหล่านี้ไว้ให้เราแล้ว เพียงแต่ เราจะเชื่อหรือไม่ท่านั้น ธาตุกายสิทธิ์ที่มีอยู่บนโลกและที่เรากำลังกล่าวถึง คือ หินพระธาตุเขาสามร้อยยอด ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยปกป้องคุ้มครองเราจากภาวะดังที่เป็นอยู่

    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]แร่บางอย่างที่พบในศตวรรษที่ 20 เช่น เรเดียม ยูเรนียม โคบอลต์ 60 เหล่านี้นับว่าเป็นธาตุที่อันตรายมาก เพราะมันสามารถเปลี่ยนแปลง และทำลายโครโมโซมที่มีอยู่ในตัวสิ่งมีชีวิต ให้เกิดการผิดเพี้ยนทางพันธุกรรม สามารถส่งผลให้เกิดเป็นมะเร็งในเม็ดเลือดไขสันหลังได้ โดยที่เราแทบไม่รู้ตัว แต่ในขณะเดียวกันความเชื่อแห่งพลังของลัทธิศาสนาโบราณได้กล่าวว่า หินพระธาตุ จากดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์เขาสามร้อยยอด มีอานุภาพในการป้องกันกัมมันตภาพรังสีได้ แม้เพียงน้ำที่ใช้แช่หินพระธาตุ ก็มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะรักษาอาการป่วยของผู้ที่ทุกข์ทรมานจากรังสีมหันตภัยเหล่านี้ เรียกได้ว่าอำนาจจากธรรมชาติแท้นี่เอง ที่จะสามารถเยียวยาความทุกข์ร้อนอันเกิดจากการฝืนภาวะทางธรรมชาติของมนุษย์เรา​

    เรื่องโด่งดังเกี่ยวกับปาฏิหาริย์หินพระธาตุเขาสามร้อยยอด อีกเรื่องหนึ่งคือ การลองของกับหินพระธาตุ โดยมีผู้คนที่ไปสนทนากับลุงจร นำมาเล่าว่า พระแกะหินพระธาตุฯมีลักษณะเป็นองค์พระที่บริเวณพระเศียรที่แกะพอดีกับวงพระธาตุเมื่อแกะเรียบร้อยแล้วองค์พระจะมีลักษณะคล้ายกับว่ามีรัศมีแผ่ออกมาเป็นรอบๆ ชั้นๆ ที่บริเวณพระเศียรนั้น เคยมีผู้คนบางท่านนำมาลองยิงด้วยปืนเอ็ม 16 ปรากฏว่ากระสุนด้านทุกนัด อีกเรื่องหนึ่ง มีคนนำหินพระธาตุแกะเป็นพระสมเด็จแล้ว นำไปให้หลวงพ่อคูณปลุกเสก ปรากฏว่าเมื่อถึงพิธีปลุกเสก หลังจากนั่งปรกแล้วถึงขั้นตอนที่ท่านจะประพรมน้ำพระพุทธมนต์ลงบนพระเครื่อง โดยพระเครื่องที่แกะจากหินพระธาตุแพ็กไว้ในลังไม่มีใครอื่นรู้ เมื่อหลวงพ่อคูณมาถึงลังพระสมเด็จหินพระธาตุฯก็ชะงักลง ไม่ประพรมน้ำมนต์เหมือนลังอื่นๆที่ผ่านมา ญาติโยมก็ถามว่า ทำไมท่านถึงไม่พรมลังนี้ ท่านบอกว่า บารมีท่านไม่ถึง พระที่แกะจากหินนี้พุทธคุณสูงในตัว ไม่จำเป็นต้องปลุกเสก นับว่าเป็นกายสิทธิ์ดีอยู่แล้ว พระชุดเดียวกันนี้ ได้นำเอาไปให้หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก ปลุกเสกอีกครั้ง แต่ก็ได้รับคำยืนยันแบบเดียวับหลวงพ่อคูณ
    [FONT=ms Sans Serif, Thonburi, DB ThaiTextFixed]หินพระธาตุฯ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจากปราณของผู้สำเร็จทางจิต หรือเป็นอัฐิธาตุของผู้สำเร็จมาแต่โบราณ ฝังตัวเองอยู่ในแท่งหินและฝักหินต่างๆ นานนับพันนับหมื่นปี ม่อาจคาดคะเนหรือนึกคิดได้ เพราะเป็นเรื่องของญาณวิสัย นอกจากนี้หินพระธาตุย่อมเป็นสิ่งสักการะของเทพเทวดาต่างๆ หินชนิดนี้จึงมีเทพหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์คอยรักษาหรือแฝงเร้นอยู่ภายในเสมอ ก่อให้เกิดอำนาจมหัศจรรย์ต่างๆ จากดวงจิตที่เข้ายึดมั่นถือมั่นผูกพันกับหินชนิดนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วหินพระธาตุฯจึงมีศักดิ์ศรี มีความศักดิ์สิทธิ์ มีอานุภาพที่เด็ดขาดกว่าหินบ้านเมืองอื่นนัก[/FONT]
    อานุภาพบำบัดโรค..............................
    หินพระธาตุฯนี้ ไม่เพียวแต่ปกป้องคุ้มครองเท่านั้น ยังมีอานุภาพของการรักษาโรค ก้เป็นเรื่องที่เห็นประจักษ์ในหมู่ที่เคยทดลองเอาหินพระธาตุมาทำน้ำมนต์ ครูบาอาจารย์หลายท่านก็นิยมนำมาใช้ทำน้ำมนต์ มีอานุภาพสุดวิเศษ ยิ่งถ้าได้ทำการอาราธนาในคืนวันเพ็ญพระจันทร์เต็มดวง อันเป็นคืนวันพระใหญ่ด้วยแล้วยิ่งมีผลดีที่สุด เพราะพลังแห่งพระจันทร์ ขณะเต็มดวงจะช่วยเข้าเสริมพลังในหินพระธาตุให้เข้มขลังยิ่งๆขึ้น น้ำมนต์ที่ทำขึ้นมานี้สามารถใช้ได้หลายประการ เช่น ขับไล่คุณไสย เป็นเมตตามหานิยม ใช้รักษาโรคบางอย่างที่แพทย์แผนปัจจุบันรักษาไม่หาย โดยน้ำมนต์ขันแรกนั้นท่านให้ดื่ม ให้อาบทันทีที่กลางแจ้ง ที่เหลือให้เก็บไว้ล้างหน้า เป็นเสน่ห์เมตตาดีที่สุด หรือเอาไว้อาบกินอีกก็ได้ อธิษฐานระลึกถึงคุณพระธาตุก็สามารถใช้ได้ทุกประการแล

    [/FONT]หินพระธาตุเขาสามร้อยยอดนี้ สามารถนำเอาหินที่แกะเป็นพระแล้วขนาดพกติดตัว นำมาแนบกายจะเป็นการคล้องคอ หรือพกติดกระเป๋าเสื้ออยู่เสมอ เพียงเท่านี้ พลังอำนาจจากหินพระธาตุก็สามารถซึมลงไปในร่างกาย ปรับสมดุลธาตุทั้ง 4 ให้บังเกิดความแข็งแรงกระชุ่มกระชวยอยู่เสมอ เดี๋ยวนี้มีศาสตร์แห่งพลังหินเข้ามาเผยแพร่ เราก็สามารถใช้เทคนิคพลังปราณเพื่อสัมผัสพลังหินพระธาตุได้เช่นเดียวกัน

    ดวงพระธาตุยามค่ำคืน.................................
    ที่เขาพระธาตุเขาสามร้อยยอดนั้น ได้ฟังจากคำบอกเล่าของชาวบ้าน รวมทั้งลุงจร ที่มีอาชีพแกะหินพระธาตุ ว่า ดวงพระธาตุนั้นจะมีสีเหลืองคล้ายพระจันทร์อย่างหนึ่ง แต่ที่พิเศษของเขาสามร้อยยอดมีผู้พบว่าดวงพระธาตุนั้นมักมีสององค์ องค์หนึ่งเป็นดวงสีเขียว อีกองค์หนึ่งนั้นเป็นดวงสีแดง ทั้งสององค์จะทำการลอยเวียนเป็นทักษิณาวรรต รอบๆหุบเขา บางครั้งเห็นสององค์ลอยจากฝั่งซ้ายและขวา วิ่งเข้าหากัน นับเป็นเรื่องแปลกและตื่นตาตื่นใจของชาวบ้านแถบนั้น

    ดินแดนเปิดมิติ..................................
    ผู้มีความรู้ความสามารถทางจิตบางท่านกล่าวว่า ดินแดนเขาสามร้อยยอดแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่เปิดมิติได้ จึงมีความลี้ลับ มีพลังงานไหลวนอย่างน่าประหลาด คำว่าเปิดมิติที่ว่านั้น หมายความว่า เป็นสถานที่ๆเทพพรหมลงมาติดต่อกับมนุษย์ สถานะของสถานที่คล้ายกับเป็นประตูมิติที่มีคลื่นถี่อื่นๆ สามารถจูนเข้ากับมนุษย์ จึงไม่แปลกที่คนบนเขาสามร้อยยอด มีโอกาสเห็นเหตุการณ์แปลกๆตามธรรมชาติได้บ่อย อย่างพระธาตุเสด็จ เป็นต้น คาดว่านักปฏิบัติจิตยุคก่อนสามารถเข้าฌานสมาบัติได้ คงล่วงรู้ด้วยญาณวิถีว่า สถานที่แห่งนี้ เป็นจุดสำคัญจุดหนึ่งที่เมื่อเข้าฌานแล้วจะสามารถเชื่อมต่อกับภูมิรู้ของห้วงจักรวาลได้ สามารถรู้ถึงภูมิธรรมของมิติที่สูงกว่า ทำให้เกิดความรุดหน้าในการปฏิบัติอย่างรวดเร็ว และปราณจากหินพระธาตุก็จะส่งผลให้ธาตุขันธ์ของผุ้ปฏิบัติมีความคงทนแข็งแรง ไม่หิว ไม่เพลีย ก่อให้สำเร็จเป็นวัชระกาย วัชระจิต ได้ง่ายโดยแท้
    พลังชีวิตจากหินพระธาตุ คล้ายกับกายสิทธิ์ชนิดอื่นๆ เป็นหินที่มีธาตุน้ำในตัวสูง
    จึงมีความเย็นและความชุ่มฉ่ำอยู่มากกว่าหินชนิดอื่นๆ ด้วยเหตุผลนี้ พลังงานที่มีอิทธิพลต่ร่างกายของผู้ที่สวมใส่ หรือได้สัมผัสพลังงานจากหินพระธาตุ จึงเกิดความเย็นสบาย และชุ่มชื่นแก่ชีวิต เหมาะแก่ผู้มีธาตุไฟกำเริบ ตัวร้อนบ่อยๆ หรือเป็นร้อนใน มีจิตใจหงุดหงิด โมโหง่าย

    พลังจากหินพระธาตูฯเหล่านี้เย็นเป็นส่วนมาก และยังมีผลต่ออวัยวะภายในไม่ว่ากระแสเลือด ตับ ปอด หัวใจ สามารถส่งพลังชีวิตทำให้อวัยวะภายในเหล่านี้มีพลังชีวิตมากขึ้น และปรับธาตุทั้ง 4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ให้สม่ำเสมอกัน ก่อให้เกิดสุขภาพแข็งแรงไม่เจ็บป่วยบ่อยๆ ทดลองทำสมาธิด้วยการสัมผัสพลังของหินพระธาตุบ่อยๆ ก็จะเก็บผลได้ในไม่ช้า



    สะเก็ดดาว หรือ อุลกมณี(Tektite)
    จัดเป็นวัถุหนึ่งที่เป็นประเภทแก้วธรรมชาติ ที่พบบนโลก ซึ่งมีด้วยกันหลายชนิดที่ ในทางภายนอกทางกายภาพแล้ว สะเก็ดดาวจะมองดูลักษณะคล้ายแก้ว ซึ่งมีสีแตกต่างกันออกไป ตามประเภทและแหล่งที่พบ อันนี้เกี่ยวเนื่องไปถึงอายุของสะเก็ดดาวด้วย และนอกเหนือจากนั้นในทางอนุภาคขนาดเล็ก เมื่อทำการทดสอบแล้ว พบว่าสะเก็ดดาวมีความหล้ายคลึงกับแก้ว ประเภท Obsidian แต่ส่วนประกอบแตกต่างจากแร่ คริสตัล ทั่วไป นั้นเป็นที่มาที่ไปให้นักวิทยาศาสตร์ สงสัยและยังหาข้อสรุปไม่ได้ สะเก็ดดาวเป็นส่วนประกอบทางธรรมชาติที่ประกอบด้วยวัตถุเหมือนกัน ซึ่งเกิดจากการหลอมละลายและการผสมผสานที่ลงตัว ในสะเก็ดดาวยังพบว่ามีส่วนประกอบของน้ำและอากาศที่น้อยมาก ซึ่งสังเกตได้จากเมื่อมีการตัดทดสอบสะเก็ดดาวแล้วพบว่า ไม่มีฟองอากาศเลย แต่ผิวภายนอกมีมากมายหลายแบบ เนื้อภายในปิดสนิท สะเก็ดดาวเกิดจากการหลอมตัวที่อุณหภูมิสูงมากๆ และมีอายุยาวนานหลายแสนปี จนถึงหลายล้านปี

    สะเก็ดดาวมาจากที่ใด ไม่มีใครทราบและยืนยันได้แน่ชัด เท่าที่ทราบเวลาผ่านมามากกว่า ร้อยปี ยังไม่มีข้อสรุปมีแต่สมมติฐานเท่านั้น ซึ่งสมมติฐานที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดคือ สมมติฐานการชนของอุกกาบาตกับโลก กระจายเป็นสะเก็ดดาวตกไปตามที่ต่างๆ ทั่วโลก
    ในหลุมดาวตก ดินและหินที่อยู่ใกล้ หลอมรวมกันเป็นน้ำร้อนเหลว บางส่วนระเหยกลายเป็นไอ คล้ายกับปากปล่องภูเขาไฟ ซึ่งสะเก็ดดาวอาจเกิดจากทฤษฏีนี้ และมีคำถามต่อมาว่า หากเป็นกรณีนี้จริง มักจะพบคำถามที่ว่า สะเก็ดดาวกระเด็นกระดอนไปไกลเท่าไหร่ กระโดดไปสูงเท่าไหร่ หรืออาจมีเส้นทางโครจรไป ในอวกาศแล้วตกกลับลงมา ซึ่งชิ้นส่วนที่ตกลงมาต้องมีความเร็วที่สูงมาก และมีระยะทางเคลื่อนที่ที่ไกลพอสมควร ทำให้มีเวลาที่จะ เปลี่ยนหรือสร้างรูปทรงเป็นแบบต่าง ก่อนจะตกลงมาสู่พื้นโลก ซึงจากการทดสอบพบว่า สะเก็ดดาวกลุ่ม Australasian สามารถโปรยตกออกไปได้ 1,000 กิโลเมตร จากแหล่งที่ตก หรือจากหลุมอุกกาบาต ซึ่ง ระยะนี้ เพียงพอที่จะทำให้สะเก็ดดาว สร้างแบบของตัวเอง เป็นรูปทรงแบบต่างๆ โดยรูปทรงที่ว่านี้ เกิดจากการหมุนรอบตัวเอง ด้วยความเร็วนั่นเอง ปัจจุบันนี้ นักวิทยาศาสตร์ ยังพบแล้วว่า ในการทดสอบ สะเก็ดดาวมีความเกี่ยวเนื่องกันกับ หินบนพื้นโลก มีการหลอมตัวคล้ายคลึงกับหินบนโลกบางชนิด แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวครับ

    สะเก็ด ดาว มีพละพลังสูงส่ง หากท่านที่สามารถจับพลังได้ทดลองจับดูจะรู้สึกร้อนมือ หรือมีบางอย่างกระตุ้นที่ฝ่ามือ หรือ ชาๆ ที่มือ สะเก็ดดาว หรือ Tektite มาจากคำว่า Tektos ในภาษากรีก แปลว่า หลอมละลาย ชื่อนี้ถูกขนานนามโดย SUESS เมื่อปี ค.ศ 1900 ท่านผู้นี้เชื่อว่าสะเก็ดดาวเป็นแร่ชนิดหนึ่ง มาจากนอกโลกหรือต่างพิภพ บางท่านเชื่อว่ามาจากดวงจันทร์ รูปลักษณ์สัณฐาน ไม่แน่นอน อาจเป็นก้อนกลวงรูปไข่ยาวแบน แต่ที่แน่ ๆ คือที่ผิวของสะเก็ดดาวจะเป็นหลุมเล็ก ๆ โดยรอบ ทั้งนี้เนื่องจากซิลิกา (Silica) หลอมละลายเป็นแก้วเมื่อเสียดสีกับบรรยากาศ มีขนาดความกว้าง ไม่เกิน 2 นิ้ว ที่พบเสมอ ๆ คือขนาดประมาณ 1 นิ้ว สีดำ น้ำตาล หรือสีเขียว มักพบจมดินอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม

    คุณสมบัติของสะเก็ดดาว

    เป็น แหล่งของศิลปศาสตร์ความรอบรู้และพลัง กระตุ้นเตือนจิตสำนึกก่อให้เกิดความจดจำอันแม่นยำ ลึกซึ้ง จึงควรใช้ขณะปฏิบัติการต่าง ๆ เช่น ขณะทำสมาธิจิต การพกพาไว้กับตัวก่อให้เกิดสนามพลังแก่ออร่ารอบตัว ทำให้ออร่าเข้มเข็ง มั่นคง ปกป้องคุ้มครอง และขับไล่สิ่งที่มารุกราน ขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายต่าง ๆ (วิญญาณแฝงหรือพลังแฝง)
    นำสะเก็ดดาววางไว้ ที่จักระ 6 ขณะทำสมาธิจิต หรือสรรสร้างพลังตาทิพย์ เกิดความรู้แจ้งเห็นจริงในสัจธรรมแห่งธรรมชาติ เกิดความรู้ความคิดสร้างสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ เหมาะกับนักออกแบบ ศิลปิน นักแสดง นักดนตรี นักศึกษาหาความรู้ ถ้าวางไว้ที่จักระ 4 หรือทำเป็นจี้ห้อยคอ ช่วยบรรเทาอาการผิดปกติต่าง ๆ ของจิตใจ ผู้ที่มีความรู้สึกหมดหวัง หมดอาลัยในชีวิต ถ้านำสะเก็ดดาววางไว้ที่จักระ 5 ใช้ในการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นที่อยู่ห่างไกล หรือติดต่อกับวิญญาณที่อยู่ต่างมิติ ( Telepathic Communication )



    การใช้สะเก็ดดาวร่วมกันกับพลอยชนิดอื่น ๆ

    ใช้ สะเก็ดดาวร่วมกับ พลอยสีม่วง จะช่วยเพิ่มพลังแก่จักระที่ 6 และ 7 เกิดการหยั่งรู้ ( Intuition ) ต่อเชื่อมกับผู้รู้และเทพเบื้องบน ใช้ร่วมกับ Rose Quartz ที่จักระ 4 ก่อให้เกิดพลังแห่งความเมตตา เหมาะแก่ผู้ที่มีอารมณ์กร้าวร้าว ดุดัน โหดร้าย เห็นแก่ตัว ชอบเอาเปรียบผู้อื่น ใช้ร่วมกับพลอย Lapis Lazuli ก่อให้เกิดพละพลังแห่งความนึกคิดทั้งหลาย มีความเฉลียวฉลาดมีไหวพริบดีขึ้น ใช้ร่วมกับ Citrine ก่อให้เกิดความนึกคิดแห่งการสรรสร้าง วางไว้ที่จักระ 6 เกิดญาณหยั่งรู้ เหมาะแก่ครูอาจารย์ และผู้ศึกษาหาความรู้



    อเมทิสต์(Amethyst)

    มีพลังด้าน

    ปกป้องคุ้มครอง เปลี่ยนแปลงฮวยจุ้ย ยกระดับจิตใจ เพิ่มพูนการรับรู้ทางประสาทสัมผัส ขจัดความเครียด ก่อให้เกิดสมาธิ ช่วยให้ร่างกายและสมองผ่อนคลายอเมทิสต์เป็นหินที่ได้รับความนิยมและมีหลากหลายรูปทรง บางชนิดจะมีสีม่วงปนแดงซึ่งพบมากในแถบเทือกเขาอูราล ประเทศรัสเซีย บางแหล่งที่พบก็จะมีลายสีขาวพาดผ่านเหมือนเสือลายพาดกลอนพาดอยู่ทั่วไป บางชนิดก็กำเนิดร่วมอยู่กับคริสตัลใส พบมากในประเทศศรีลังกา อินเดีย ออสเตรเลีย แถบทวีปแอฟฟริกา บราซิล และสหรัฐอเมริกา

    ตำนานที่เล่าขาน
    คนโบราณนับถืออเมทิสต์ในฐานะที่เป็นหินที่มีพลังในการบำบัดสูงมาก ทั้งยังเชื่อว่าจะปกป้องคุ้มครองผู้สวมใส่ได้เป็นอย่างดี ได้รับความนิยมมากตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 เป็นต้นมา มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับความมหัศจรรย์ของหินชนิดนี้อยู่มากมาย โดยเฉพาะในเรื่องของการเป็นหินที่ช่วยแก้ไขเปลี่ยนแปลงฮวยจุ้ยที่เสียภายในบ้านให้ดีขึ้น เสริมฮวงจุ้ยที่ดีให้กับบ้านช่วยให้คนในบ้านสมัครสมานสามัคคีกันมากขึ้น โดยเฉพาะจีโอด อเมทิสต์ ใช้วางตามจุดต่าง ๆ ในบ้านเพื่อเสริมพลัง ชนเผ่ายิปซีโบราณเชื่อว่า หินชนิดนี้จะช่วยเสริมให้เกิสัมพันธภาพที่ดี ๆ ระหว่างแม่ผัวลูกสะใภ้ ใช้ในเรื่องของคุณไสยเสน่ห์ที่แม่ผัวรักหลง หรือให้ลูกสะใภ้อยู่ในโอวาทได้เป็นอย่างดี
    ด้านความเชื่อ
    คุณสมบัติของอเมทิสต์ที่สำคัญ คือ ก่อให้เกิดความยุติธรรมขึ้นในจิตใจ และขจัดความคิดด้านลบ อเมทิสต์มีพลังในการถ่ายทอดสูง สามารถยกระดับจิตใจและกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้และปลุกสำนึกทางจิตวิญญาณ เรียกได้ว่าเป็นการเพิ่มพูนการรับรู้ทางประสาทสัมผัส (sense) ได้อย่างดียิ่ง ชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ ก่อให้เกิดสมาธิ เหมาะจะวางไว้เพื่อเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างผู้คนในบ้านหรือในที่ทำงานได้อีกด้วย
    ด้านการบำบัด
    อเมทิสต์มีส่วนช่วยในการฟอกเลือด หรือสร้างเม็ดเลือดได้ ในคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเม็ดเลือกต่าง ๆ จึงควรสวมใส่เครื่องประดับที่ทำด้วยหินชนิดนี้ ในสมัยโบราณเชื่อกันว่าหากมีผู้ป่วยกระทันหันเกิดขึ้นในบ้าน ให้นำอเมทิสต์ที่ล้างสะอาดมาแช่ในน้ำครู่หนึ่งแล้วกำหนดลงหายใจเหมือนการทำน้ำมนต์ด้วยพลังความเชื่อศรัทธาที่มีต่อหิน บวกกับคุณสมบัติด้านการบำบัดที่สูงของอเมทิสต์จะช่วยให้น้ำนั้นมีพลังในการรักษา เรียกว่า น้ำประจุพลัง นำน้ำนั้นมาดื่มจะช่วยให้อาการป่วยทุเลาลง นอกจากนี้หินยังช่วยขจัดความเครียด รักษาโรคนอนไม่หลับ หรือปลอบปลุกในคนที่ฝันร้าย ในยามโกรธหากกำหินชนิดนี้ไว้ในมือ จะสามารถสยบอารมณ์โกรธหรือสยบอารมณ์ร้าย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สามารถควบคุมอารมณ์ในคนเมา ให้คนเมาดื่มน้ำแช่หินชนิดนี้จะช่วยให้สร่างเมาเร็วขึ้น และไม่ค่อยมีอาการเมาค้าง


    รวมพลังหินที่ทรงพลัง เสริมสร้างพลังแห่งจิต กระตุ้นจักระแห่งการหยั่งรู้ ญาณวิเศษ
    หินพระธาตุเขาสามร้อยยอดหลากหลายวรรณะหายากรวม 9 เม็ด
    เม็ดประคำสะเก็ดดาว 1 เม็ด
    เม็ดประคำอเมทิสต์ 1 เม็ด
    ใส่หลอดตะกรุดพร้อมใช้ยาว 5 นิ้ว

    [​IMG]

    บูชาเพียง 950 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    [​IMG]<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1IMG_0001.jpg
      1IMG_0001.jpg
      ขนาดไฟล์:
      158.5 KB
      เปิดดู:
      392
    • IMG.jpg
      IMG.jpg
      ขนาดไฟล์:
      157.3 KB
      เปิดดู:
      780
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 ธันวาคม 2011
  17. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    ปิดรายการแล้วครับ

    ผานไถพลิกชีวิต กลับดวงชะตา
    หล่อหลอมจากผานไถนาโบราณอายุหลายร้อยปี
    ตามตำราโบราณที่มีอุปเท่ห์ทระบุว่า ผานไถนั้นได้ผ่านการพลิกผืนหน้าดินเพื่อปลูกข้าวทำนากันมาหลายชั่วอายุคน
    พลิกดินดีขึ้นมาจากใต้ผืนแผ่นดินเพื่อการปลูกข้าว ย่อมสามารถพลิกชีวิตที่แห้งแล้ง ดวงตกต่ำให้ดีขึ้นยิ่งขึ้น
    นำมาลงยันต์ ปลุกเสกตามตำราโบราณที่เป็นเคล็ดลับเฉพาะสายวิชามนตราอาคมเผ่าลาวซ้ง สายวิชาที่อาจารย์คมถนัด
    ด้านใต้อุดผงมหาเสน่ห์ที่สร้างได้เฉพาะฆราวาสเท่านั้น

    ใครดวงตก ดวงไม่ดี ทำอะไรเจอแต่อุปสรรค ลองใช้คู่กับพระราหูครับ แล้วคอยดูการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นของชีวิต เพราะเวลาชีวิตที่เจอกับวิบากรรมเก่าที่เคยสร้างมาไม่ว่าชาติใด พลังพระพุทธคุณ หรือ พระเครื่องอาจส่งผลช่วยเหลือน้อย เพราะทุกอย่างย่อมเป็นไปตามกรรม
    แต่เครื่องรางนั้นไม่ว่ามีวิบากกรรมมากเพียงใดก็ช่วยผ่อนปรนได้มาก ผมเคยเจอมากับตัวแล้วครับ

    [​IMG]

    อาจารย์คม ไตรเวทย์
    ฆราวาสผู้เรืองวิทยาอาคมแห่งสยามประเทศ ท่านเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในพระเวทย์คัมภีร์ไสยศาสตร์ลี้ลับมากมาย อาจารย์คมท่านเป็นศิษย์เอกของ หลวงพ่อพุฒิ วัดกลางบางพระ
    ครูบาแก้ว วัดร่องดู่ หลวงพ่อพล ปุญญกาโม และสุดยอดฆราวาสด้าน คาถาอาคมคืออาจารย์อมร ศรีมาโนช ฆราวาสที่เก่งด้านมหาเสน่ห์ ชาวพม่า และอาจารย์ฉุย วงศ์สุวัณ
    อาจารย์คม ไตรเวทย์ ท่านเป็นคนชอบเก็บตัวเงียบๆ ไม่แสดงตัวว่าตนเก่ง คนที่ใช้ของๆท่าน เกิดประสบการณ์มากมายจนมีศิษย์ทั้งชาวไทย และต่างประเทศ ปัจุบันมีสื่อเริ่มค้นหาท่านและลงประวัติอย่างมากมายตามหนังสือ และโทรทัศน์ อ.คม ก่อนบวชเรียนท่านเป็นช่างแกะสลัก ที่มีฝีมือสุดยอด ท่านจะออกแบบเครื่องราง สวยงามและ เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองยากจะเลียนแบบ คล้ายๆกับอาจารย์เฮง ไพวัลย์

    นอกจากนี้ท่านได้ศึกษาเวทย์มนต์คาถาต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการเข้าฌาณฝึกพลังจิต กระทั่งมีวิทยาอาคมแก่กล้า ปลุกเสกวัตถุมงคลเข้มขลังของจริง จนกลายเป็นที่ยอมรับนับถือของบรรดาลูกศิษย์ไทยและต่างประเทศ

    ความแตกต่างของ เครื่องรางสายพระ กับฆราวาสอย่างไหนแรงกว่ากัน ด้านพลังพุทธคุณพระเสกย่อมแรงกว่า และเมตตามหานิยมสูงกว่า แต่สิ่งที่พระเสกให้ไม่ได้คือการดลจิตดลใจให้คนเกิดความรัก(ฉันชู้สาว-สามีภรรยา) เพราะจะหมายถึงการอาบัติอย่างร้ายแรงเทียบเท่าการฆ่าสิ่งมีชีวิต ดังนั้นเครื่องรางสายฆราวาสจึงมีอานุภาพด้านเสน่ห์ ด้านการกระตุ้นให้เกิดความต้องการทางเพศมากกว่า แรงกว่า และหากผู้เสกที่เป็นฆราวาสเป็นผู้มีวิชาอาคมมาก และสร้างถูกต้องตามตำรา ย่อมมีพลังสูงมาก


    รับประกันแท้100%
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0003.jpg
      IMG_0003.jpg
      ขนาดไฟล์:
      221.1 KB
      เปิดดู:
      267
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 ธันวาคม 2011
  18. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    พระพิราพ มหาเทพอสูรบันดาลทรัพย์


    [​IMG]


    อาจารย์คม ไตรเวทย์
    ฆราวาสจอมขมังเวทย์แห่งแดนสยาม
    รุ่นนี้แรงสุดฤทธิ์ ประสบการณ์มากมาย อ.คมอัดพลังเต็มแรง เนื้อผงมหาราชเสน่หาที่พระสงฆ์ปลุกเสกไม่ได้ เพราะจะผิดพระธรรมวินัย

    ความแตกต่างของ เครื่องรางสายพระ กับฆราวาสอย่างไหนแรงกว่ากัน ด้านพลังพุทธคุณพระเสกย่อมแรงกว่า และเมตตามหานิยมสูงกว่า แต่สิ่งที่พระเสกให้ไม่ได้คือการดลจิตดลใจให้คนเกิดความรัก(ฉันชู้สาว-สามีภรรยา) เพราะจะหมายถึงการอาบัติอย่างร้ายแรงเทียบเท่าการฆ่าสิ่งมีชีวิต ดังนั้นเครื่องรางสายฆราวาสจึงมีอานุภาพด้านเสน่ห์ ด้านการกระตุ้นให้เกิดความต้องการทางเพศมากกว่า แรงกว่า และหากผู้เสกที่เป็นฆราวาสเป็นผู้มีวิชาอาคมมาก และสร้างถูกต้องตามตำรา ย่อมมีพลังสูงมาก

    พระพิราพขนาด 5 ซม. ปิดทองสวยงาม เนื้อผงมหาราชเสน่หา


    บูชาเพียง 300 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    แถมฟรี...เลี่ยมพลาสติกกันน้ำพร้อมใช้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0002.jpg
      IMG_0002.jpg
      ขนาดไฟล์:
      232.4 KB
      เปิดดู:
      325
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2011
  19. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    ลูกอมพระสังกัจจายนะมหาลาภ
    เนื้อทองฝาบาตร
    หลวงปู่คำพันธ์ โฆษปัญโญ
    วัดธาตุมหาชัย นครพนม
    [​IMG]


    หลวงปู่บอกว่าลูกอมพระสังกัจจายนะ มหาลาภ รุ่นนี้ ท่านเสกให้อย่างเต็มที่ ใครอาราธนาติดตัวแล้วเงินทองจะไม่ขาดมือ เมื่อเงินขาดมือ จะมีเหตุให้ได้เงินเข้ามา หลวงปู่เสกเพื่อเสริมดวงการเงินโดยเฉพาะครับ
    ผมก็ใช้อยู่ลูกหนึ่ง เป็นไปตามคำหลวงปู่ครับ..."เงินจะไม่ขาดมือ"...


    พระสังกัจจายน์ พระแห่งโชคลาภ

    พระสังกัจจายน์ พระแห่งโชคลาภ "โชคลาภ" เป็นสิ่งปรารถนาของคนทุกชาติทุกศาสนา และที่เหมือนกัน คือ ทุกศาสนาและทุกชนชาติต่างก็มีองค์เทพเป็นที่พึ่ง

    พระสังกัจจายน์ มีพุทธลักษณะอ้วน พุงพลุ้ย มีความหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ โชค ลาภ เป็นหนึ่งในพระสาวกผู้ใหญ่ จัดอยู่ในเอตทัคคะ ลักษณะของพระสังกัจจายน์ โดดเด่นมองเห็นก็รู้ว่า เป็นพุทธสาวกองค์ไหน เมื่อสรุปแล้วจะเห็นว่า พุทธสาวกจำนวน ๘๐ องค์ พระเอตทัคคะ ๔๑ องค์นั้น มีเพียง พระสังกัจจายน์ เท่านั้นที่สร้างอย่างโดดเด่น คติการสร้างพระสังกัจจายน์นิยมการสร้างมาก พระสังกัจจายน์จีน แบบมหายาน หินยาน โดยเฉพาะแบบจีน พระสังกัจจายน์จีนนิยมสร้างมากกว่าในเมืองไทย มีวัดจีนหลายวัดที่สร้างพระสังกัจจายน์ใหญ่ เป็นเนื้อโลหะ เครื่องเคลือบ สมัยเช็งเตาปังโคย กังไส ก็เคยพบพระสังกัจจายน์ในจำนวนมาก พระอรหันต์ทั้ง ๑๘ องค์ รวมพระสังกัจจายน์ไว้ด้วยอีกหนึ่งองค์ โดยมีคติความเชื่อที่ว่า

    "ผู้ใดบูชาพระสังกัจจายน์ ย่อมเป็นมหามงคลอุดมด้วย ลาภ ยศ ความเจริญรุ่งเรืองดีนักแล"

    ประวัติ พระสังกัจจายน์
    ในตำนานพุทธสาวกทั้ง๘๐ องค์มี ประวัติพระสังกัจจายน์ กล่าวว่า พระสังกัจจายน์ เป็นบุตรของพราหมณ์ปุโรหิต กัจจานโคตร หรือกัจจายนโคตร ในแผ่นดินของพระเจ้าจัณฑปัชโชต กรุงอุชเชนี เมื่อกัจจายนะกุมารเจริญวัย เรียนจบไตรเพท บิดาได้ถึงแก่กรรม จึงได้รับตำแหน่งปุโรหิตแทนบิดา

    ครั้นต่อมาพระเจ้าจัณฑปัชโชต ทรงทราบว่า พระศาสดาตรัสรู้แล้ว เสด็จเที่ยวโปรดสัตว์สั่งสอน ประชุมชนธรรมะที่พระองค์สอนนั้น เป็นธรรมที่แท้จริง ยังประโยชน์แก่ผู้ประพฤติตาม จึงมีพระประสงค์ใคร่เชิญเสด็จพระบรมศาสดาไปประกาศที่กรุงอุชเชนี จึงรับสั่งให้กัจจายนะปุโรหิตไปทูลเสด็จกรุงอุชเชนี

    กัจจายนะปุโรหิตพร้อมด้วยผู้ติดตาม ๗ คน จึงออกจากกรุงอุชเชนี ครั้นมาถึงจึงพากันเข้าเฝ้าพระบรมศาสดา พระองค์ทรงเทศน์สั่งสอน ในที่สุดบรรลุอรหันต์ทั้ง ๘ คน หลังจากนั้นทั้ง ๘ ก็ทูลขออุปสมบท ทรงขออนุญาต ครั้นอุปสมบทแล้ว จึงทูลเชิญเสด็จกรุงอุชเชนี ตามหน้าที่ พระองค์รับสั่งว่า

    "ท่านไปเองเถิด เมื่อท่านไปแล้ว พระเจ้าปัชโชตจักทรงเลื่อมใสท่าน"

    พระกัจจายนะจึงออกเดินทางพร้อมพระอรหันต์อีก ๗ องค์ ที่ติดตามมาด้วย กลับคืนสู่กรุงอุชเชนี และประกาศสัจธรรมให้แก่พระเจ้าจัณฑปัชโชต พร้อมชาวพระนครเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา และถ้อยคำประการอันเป็นสัจธรรม

    หลังจากนั้นกลับคืนสู่สำนักของพระพุทธองค์ ตรัสว่า ท่านเป็นผู้ฉลาดในการอธิบายแห่งการย่อคำพิสดาร

    นับจากนั้นมาพระสังกัจจายน์ก็เป็นผู้สรุปย่อคำสอนบอกแก่บรรดาสาวกทั้งหลาย ด้วยความพอใจอย่างยิ่ง ในคำย่อนั้น และยังเป็นผู้ทูลขอให้พระพุทธองค์บัญญัติแก้ไขพุทธบัญญัติบางประการ ปรากฏว่าเป็นที่พอพระทัยแก่องค์พระศาสดาเป็นอย่างมาก

    พระสังกัจจายน์ เป็นผู้มีรูปงาม ผิวเหลืองดุจทอง ตำนานเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีโสเรยยะบุตรเศรษฐีคะนอง เห็นพระสังกัจจายน์จึงปากพล่อยกล่าวว่า ถ้าเราได้ภรรยามีรูปกายงดงามเยี่ยงท่านนี้ จักพอใจยิ่ง

    พลันปรากฏว่าโสเรยยะบุตรมหาเศรษฐีหนุ่มคะนองปาก ได้กลายเพศเป็นหญิงในทันที จึงหลบหนีไป ต่อมาได้สามีและบุตรสองคน จึงกลับมาขอขมากับพระสังกัจจายน์ โสเรยยะจึงกลับคืนสู่เพศชายเช่นเดิม นับว่าพระสังกัจจายน์มีฤทธิ์อำนาจยิ่งองค์หนึ่งในพุทธสาวก

    มีเรื่องแทรกเข้ามาว่าเพราะ รูปกายอันงดงามของพระสังกัจจายน์ สร้างความปั่นป่วนแก่อิตถีเพศอย่างมาก จึงได้เนรมิตกายใหม่ให้อ้วน พุงพลุ้ย น่าเกลียด เพื่อความสงบแห่งจิตและกิเลส
    ประวัติพระสังกัจจายน์ เรื่องราวของพระสังกัจจายน์ พอสรุปได้ว่าเป็นพระพุทธสาวกที่มีความเฉลียวฉลาดมีความรู้ และเป็นที่โปรดของพระพุทธองค์ยิ่ง มีบารมี มีอิทธิฤทธิ์ ผู้ใดบูชาพระสังกัจจายน์ จึงได้รับพรจากพุทธสาวก อันเป็นเอตทัคคะอย่างสมบูรณ์


    ราคา 800 บาท
    ค่าจัดส่ง 50 บาท
    รับประกันแท้ 100%
    แถมฟรี...เลี่ยมพลาสติกกันน้ำพร้อมใช้<!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSC00002.JPG
      DSC00002.JPG
      ขนาดไฟล์:
      158.3 KB
      เปิดดู:
      205
    • DSC00007.JPG
      DSC00007.JPG
      ขนาดไฟล์:
      157 KB
      เปิดดู:
      259
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2011
  20. TRUSTthanong

    TRUSTthanong สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2011
    โพสต์:
    136
    ค่าพลัง:
    +12
    [​IMG]
    ถ้าเราจะมากล่าวถึงพระเครื่องรางที่ให้คุณ ในด้านของโชคลาภ, การพ้นจากเคราะห์ต่างๆ และเพื่อเสริมดวงชะตาก็คงจะต้องยกให้กับพระราหูอมจันทร์หรืออมจันทร์อย่างแน่นอน
    เชื่อกันว่าพระราหูเป็น "เจ้าแห่งยักษ์และเป็นผู้ปกครองเหล่าปีศาจ มีร่างกายเป็นอมตะ เนื่องจากดื่มน้ำอมฤต ผู้ที่บูชาจะช่วยหนุนดวงชะตา เปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี ต่อต้านสิ่งเลวร้าย


    พระราหูตามตำนานทางไสยศาสตร์ได้กล่าวไว้ว่า พระราหูนั้นเป็นยักษ์ดุร้าย น่ากลัว ผิวดำเป็นเงาวาวเหมือนนิล มีหางเป็นนาคราชและมีพญาครุฑเป็นพาชนะรับใช้ประจำ สถิตย์พำนักอยู่ในอากาศแวดล้อมด้วยม่านสีดำ แต่เหตุที่ทำให้พระราหูมีเพียงองค์ครึ่งเดียวนั้น เนื่องจากพระราหูต้องจักรของพระนารายณ์ตัดขาดเพราะว่ าพระราหูแอบดื่มน้ำอมฤต ในขณะที่พระราหูดื่มน้ำอมฤตอยู่นั้น พระอาทิตย์และพระจันทร์ได้มาเห็นเข้าก็เลยนำความไปฟ้ องพระนารายณ์ พระนารายณ์ทรงกริ้วเป็นเหตุให้ขว้างจักรไปต้องกายพระราหูขาดครึ่ง

    แต่พระราหูไม่ตายเนื่องจากได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไปเลยเป็นนิรันดร์ พระราหูจึงมีความแค้นเคืองต่อพระอาทิตย์และพระจันทร์ ที่คอยเสนอหน้าไปฟ้องพระนารายณ์จึงคอยเฝ้าจับพระอาทิตย์และพระจันทร์กินอยู่เสมอมา ถ้าเผลอเมื่อใดเป็นโดนอันหมายถึงสุริยคราสและจันทรคราสนั่นเอง

    เหตุของการสร้างราหูอมจันทร์นั้นาจากความต้องการอมตะ หรือเป็นนิรันดร์ของพระราหูที่ไม่รู้จักตายนั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...