เขาหากันให้ควักศิษย์สายลป.เผือก นางพญาวัดกิ่งแก้ว ลป.ทองสุกสมเด็จลพ.ทับวัดสลุด

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 สิงหาคม 2022.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,598
    ค่าพลัง:
    +21,329
    15590316_1757012764620034_590240971445384910_n.jpg i387.photobucket.com_albums_oo316_ducklast_gun.jpg FB_IMG_1725252246099.jpg

    อุวะแบบนี้เขาหากันให้ควัก

    ลองอ่านเรื่องหลวงพ่อเปลี้ยกับการสร้างลิงฮากันครับ หลวงพ่อเปลี้ย วัดชอนสารเดช เดิมชื่อผ่อง เกิดเมื่อ ๔ พ.ย. ๒๔๕๗ ที่บ้านดินเปล้า อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรของนายชุ่ม นางคำ โพธิ์นอก ด้วยขาท่านเสีย ลีบข้างหนึ่งจึงเรียก นามท่านว่าเปลี้ย พออายุได้ ๑๗ ปี ท่านได้บวชเป็นสามเณรที่วัดบ้านเหลื่อม ตำบลวัดโพธิ์ อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อ ๖ พฤษภาคม ๒๔๗๔ โดยมีอาจารย์ช้างเป็นพระอุปัชฌาย์ พออายุครบ ๒๐ ปี ๒ พ.ค.๒๔๗๗ ท่านก็ได้บวชที่วัดบ้านค่าย มีพระครูวิจิตา เป๊นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการแบนเป็นพระกรรมวาจารย์ พระมหาบัวเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ฉายา "คุณสัมปันโน"
    หลวงพ่อท่านมาอยู่วัดชอนสารเดชตั้งแต่ปี ๒๔๙๒ มีหลวงปู่ทรัพย์ เป็นเจ้าอาวาส หลังจากท่านแจ้งความประสงค์ขอมาจำพรรษาที่วัดแห่งนี้ หลวงปู่ทรัพย์ก็ไม่ขัดข้อง นานไปก็ถ่ายทอดสรรพวิชาต่างๆให้ท่านจนหมดสิ้น หลวงพ่อเปลี้ยท่านมีเมตตาเป็นเลิศ ท่านจำวัดไม่กางมุ้ง ไม่จุดยากันยุง ท่านบอกว่า "ให้มันมากัด กินจนอิ่มแล้วมันก็ไปไม่มากัดอีก" !
    ลิงฮา ของหลวงพ่อเปลี้ย วัดชอนสารเดชนี้ ท่านตั้งใจสร้างเป็นหนุมาน ให้มีอิทธิฤทธิ์ตามแนวคิดความเชื่อให้มีพลกำลังแข็งแรง อยู่ยงคงประพัน แต่ท่านสร้างหนุมานของท่านให้มีอริยาบท ยิ้มแย้ม อย่างอารมณ์ดี ชาวบ้านเห็นต่างขนานนามให้เป็น "ลิงฮา"
    ลุงใจ อ่อนละมัย เล่าว่า ครั้งที่ไปหามวลสารเพื่อมาสร้างลิงฮา ที่ศาลพระกาฬ ลพบุรี ปรากฎว่ามีลิงในศาลติดตามมาด้วย ๔ ตัว ทั้ง ๔ ตัวเป็นลูกน้องหนุมาน ตามมาเป็นสักขีพยานในการสร้างลิงฮา หลวงพ่อเปลี้ยท่านปลุกเสกลิงฮานี้ด้วยฌาณอันกล้าแข็ง เรียกว่าเสกจนหนุมานกระโดดออกจากบาตรได้ เหตุที่ท่านทำได้เช่นนี้เพราะท่านมีพลังจิตกล้าแข็งสามารถเข้าออกฌากิดความณได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เห็นความอัศจรรย์ในการสร้างวัตถุมงคลของท่าน จนสามารถคุ้มครองป้องกันผู้พกพา เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยมอย่างแรงกล้า ตามที่หลวงพ่อท่านเสกไว้
    แม่ค้าตลาดบ้านชอนคนหนึ่งเล่าว่า ตั้งแต่ได้ลิงฮาของวัดชอนมาอยู่ที่ร้าน ตอนเช้าก็จุดธูปอธิษฐานขอให้ขายดี เมื่อเปิดร้านแล้วก็เกิดความมั่นใจอารมณ์ดี เหมือนกับอารมณ์ลิงฮา อารมณืดีตลอดวัน ลูกค้าก็เหมือนต้องจังงันของเรา เข้ามาซื้อของที่ร้าน ขายดีทั้งวัน ทุกวันนี้ยังพกติดตัวอยู่เสมอ มีคนมาขอเช่ามากมายแต่ก็หวงแหนยิ่งมิยอมปล่อยให้ใครเด็ดขาด
    ชายคนหนึ่งได้ลิงฮามาเลี่ยมแขวนคอ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปธุระ ขากลับมาก็มีคนมาถามว่าไปเอาลิงที่ไหนมานั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ !! ทุกคนจึงสรุปว่าเป็นปาฏิหารย์ของลิงฮาที่แขวนคอมานั้นมากกว่า
    วัตถุมงคลทุกชนิดของหลวงพ่อมีประสบการณ์
    ขอบพระคุณบทความของคุณ อำพล เจน
    สมเด็จฝังเกศารุ่น1 ปี2538 (พร้อมเหรียญรุ่นแรก) ประสพการณ์ยืนยันว่ามีเส้นเกศาครับ เพราะผู้สร้างได้ขอเส้นเกศาหลวงพ่อเปลี้ย คุณสัมปันโน จากอาจารย์สำรวย (สมัยนั้นมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดชอนสารเดช) เมื่อสร้างเสร็จได้นำวัตถุมงคล รุ่นทวีทรัพย์ มาถวายและให้หลวงพ่อเปลี้ยฯ ปลุกเสก และนำออกมา
    แจกงานประจำปี หลังวันตรุษสงกรานต์ จะมีการทอดผ้าป่าฯที่ศาลาหลวงพ่อใหญ่ โดยมีหลวงพ่อเปลี้ยฯ เป็นประธานรับมอบ และจะแจกวัตถุมงคล รุ่นทวีทรัพย์ แก่ญาติโยมที่นำผ้าป่ามา
    ทอด (ถวาย) ที่วัดชอนสารเดช
    วัดถุมงคลรุ่นนี้น่าเก็บมากๆครับ 1.แจกฟรี 2.สวยและมีเส้นเกศาฯ 3.หลวงพ่อเปลี้ยฯ ชอบใจ และได้กล่าวว่า "มันต้องสวยแบบนี้ซิ ถึงมีศักดิ์ศรีหน่อย" 4.ราคาย่อมเยาว์
    พระสมเด็จทวีทรัพย์ผสมเกษา
    ......
    เหรียญเจ้าสัวหลวงปู่เปลี้ยวัดชอนสาระเดช รุ่นประสบการณ์
    หลวงปู่เปลี้ย วัดชอนสารเดช
    นายดาบตำรวจหนังเหนียว
    December 31, 2016 Ampol Jane หลวงปู่เปลี้ย, อำพล เจน
    หลังจากหลวงปู่เปลี้ยมรณภาพไปเมื่อวันที่ ๖ เมษายน ๒๕๔๐
    เพียงไม่กี่วันเท่านั้น
    นสพ.ท้องถิ่น สร้างสรรค์ ลพบุรี ก็ลงข่าวใหญ่ประจำฉบับ
    นายดาบตำรวจปล้ำจับคนร้าย ถูกคนร้ายล้วงปืนออกมากดปากลำกล้องใส่ท้องของนายดาบตำรวจ
    แล้วเหนี่ยวไก ๒ นัด
    ลั่นโป้งทุกนัด .. กระสุนดี ไม่ด้าน
    แต่กระสุนไม่เข้าหนังนายดาบตำรวจทั้ง ๒ นัด
    หลังจากนั้นกำลังใจก็มา
    ปล้ำแย่งปืนคนร้ายได้
    และจับกุมคนร้ายได้สำเร็จ
    ——-
    นายดาบตำรวจท่านนี้แขวนเหรียญเจ้าสัวของหลวงปู่เปลี้ย
    ( บทความจากfacebook : )
    ลองอ่านเรื่องหลวงพ่อเปลี้ยกับการสร้างลิงฮากันครับ หลวงพ่อเปลี้ย วัดชอนสารเดช เดิมชื่อผ่อง เกิดเมื่อ ๔ พ.ย. ๒๔๕๗ ที่บ้านดินเปล้า อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรของนายชุ่ม นางคำ โพธิ์นอก ด้วยขาท่านเสีย ลีบข้างหนึ่งจึงเรียก นามท่านว่าเปลี้ย พออายุได้ ๑๗ ปี ท่านได้บวชเป็นสามเณรที่วัดบ้านเหลื่อม ตำบลวัดโพธิ์ อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา เมื่อ ๖ พฤษภาคม ๒๔๗๔ โดยมีอาจารย์ช้างเป็นพระอุปัชฌาย์ พออายุครบ ๒๐ ปี ๒ พ.ค.๒๔๗๗ ท่านก็ได้บวชที่วัดบ้านค่าย มีพระครูวิจิตา เป๊นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการแบนเป็นพระกรรมวาจารย์ พระมหาบัวเป็นพระอนุสาวนาจารย์ ฉายา "คุณสัมปันโน"
    หลวงพ่อท่านมาอยู่วัดชอนสารเดชตั้งแต่ปี ๒๔๙๒ มีหลวงปู่ทรัพย์ เป็นเจ้าอาวาส หลังจากท่านแจ้งความประสงค์ขอมาจำพรรษาที่วัดแห่งนี้ หลวงปู่ทรัพย์ก็ไม่ขัดข้อง นานไปก็ถ่ายทอดสรรพวิชาต่างๆให้ท่านจนหมดสิ้น หลวงพ่อเปลี้ยท่านมีเมตตาเป็นเลิศ ท่านจำวัดไม่กางมุ้ง ไม่จุดยากันยุง ท่านบอกว่า "ให้มันมากัด กินจนอิ่มแล้วมันก็ไปไม่มากัดอีก" !
    ลิงฮา ของหลวงพ่อเปลี้ย วัดชอนสารเดชนี้ ท่านตั้งใจสร้างเป็นหนุมาน ให้มีอิทธิฤทธิ์ตามแนวคิดความเชื่อให้มีพลกำลังแข็งแรง อยู่ยงคงประพัน แต่ท่านสร้างหนุมานของท่านให้มีอริยาบท ยิ้มแย้ม อย่างอารมณ์ดี ชาวบ้านเห็นต่างขนานนามให้เป็น "ลิงฮา"
    ลุงใจ อ่อนละมัย เล่าว่า ครั้งที่ไปหามวลสารเพื่อมาสร้างลิงฮา ที่ศาลพระกาฬ ลพบุรี ปรากฎว่ามีลิงในศาลติดตามมาด้วย ๔ ตัว ทั้ง ๔ ตัวเป็นลูกน้องหนุมาน ตามมาเป็นสักขีพยานในการสร้างลิงฮา หลวงพ่อเปลี้ยท่านปลุกเสกลิงฮานี้ด้วยฌาณอันกล้าแข็ง เรียกว่าเสกจนหนุมานกระโดดออกจากบาตรได้ เหตุที่ท่านทำได้เช่นนี้เพราะท่านมีพลังจิตกล้าแข็งสามารถเข้าออกฌากิดความณได้อย่างรวดเร็ว ทำให้เห็นความอัศจรรย์ในการสร้างวัตถุมงคลของท่าน จนสามารถคุ้มครองป้องกันผู้พกพา เป็นเสน่ห์เมตตามหานิยมอย่างแรงกล้า ตามที่หลวงพ่อท่านเสกไว้
    แม่ค้าตลาดบ้านชอนคนหนึ่งเล่าว่า ตั้งแต่ได้ลิงฮาของวัดชอนมาอยู่ที่ร้าน ตอนเช้าก็จุดธูปอธิษฐานขอให้ขายดี เมื่อเปิดร้านแล้วก็เกิดความมั่นใจอารมณ์ดี เหมือนกับอารมณ์ลิงฮา อารมณืดีตลอดวัน ลูกค้าก็เหมือนต้องจังงันของเรา เข้ามาซื้อของที่ร้าน ขายดีทั้งวัน ทุกวันนี้ยังพกติดตัวอยู่เสมอ มีคนมาขอเช่ามากมายแต่ก็หวงแหนยิ่งมิยอมปล่อยให้ใครเด็ดขาด
    ชายคนหนึ่งได้ลิงฮามาเลี่ยมแขวนคอ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปธุระ ขากลับมาก็มีคนมาถามว่าไปเอาลิงที่ไหนมานั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ !! ทุกคนจึงสรุปว่าเป็นปาฏิหารย์ของลิงฮาที่แขวนคอมานั้นมากกว่า
    วัตถุมงคลทุกชนิดของหลวงพ่อมีประสบการณ์
    ขอบพระคุณบทความของคุณ อำพล เจน
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของระบบความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญเจ้าสัวหลวงปู่เปลี้ยรุ่นประสบการณ์ในข่าวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น
    สมเด็จทวีทรัพย์เสกพร้อมเหรียญรุ่นทศบารมี(ปืนแตก)
    ให้บูชาคู่ ๒ องค์ 320 ค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240902_044515.jpg IMG_20240902_044541.jpg IMG_20240902_044620.jpg FB_IMG_1725251836878.jpg FB_IMG_1725251840229.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,598
    ค่าพลัง:
    +21,329
    วันนี้ จัดส่ง
    1725275997972.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,598
    ค่าพลัง:
    +21,329
    FB_IMG_1725193557544.jpg



    พระผงพิมพ์สรงน้ำ
    เหรียญรุ่น ๒ หลวงพ่อพยุงวัดบัลลังก์ ปี๒๕๒๕
    เรื่อง....หลวงพ่อปราบผี
    เรื่ิองที่จะเล่าให้ท่านทั้งหลายได้ฟังนี้ เกิดขึ้นเมื่อปี ๒๕๓๖ ซึ่งในขณะนั้น อาตมาอายุ ๑๔ ปี ในปีนั้นมีพระจำพรรษา ๑๐ กว่ารูป สามเณรมี ๒ องค์ คืออาตมาและสามเณรหัส เดิมทีอาตมามีความศรัทธาหลวงพ่ออยู่แล้ว เพราะได้ยินได้ฟังเรื่องราวของท่านมาจากบิดา ของอาตมาเอง ซึ่งแกจะเล่าเรื่องของหลวงพ่อให้ฟังมาตั้งแต้ยังเด็ก คล้ายนิทานที่ผู้ใหญ่เล่าให้เด็กฟังก่อนนอน เรื่องที่แกเล่าให้ฟังนั้นส่วนมากเป็นเรื่องในสมัยที่แกบวชอยู่จำพรรษา กับหลวงพ่อที่วัดบัลลังก์ โดยแกเล่าให้ฟังถึงปฏิปทา และอิทธิปาฏิหารของหลวงพ่อให้ฟังอยู่เป็นประจำ แต่อาตมาไม่เคยเห็นกับตาเลยสักครั้ง จนได้มาบวชอยู่กับท่าน จึงได้เห็นปฏิปทาของท่าน ว่าเคร่งครัดในพระธรรมวินัย ตามที่โยมบิดาเล่าให้ฟังทุกประการ และในปีนั้นเอง อาตมาได้เห็นอิทธิฤทธิ์ ในพลังจิต และวิชาอาคมของท่านอย่างแท้จริง
    เรื่องมีอยู่ว่า ในสมัยนั้นจะมีญาติโยมเดินทางมาหาหลวงพ่อเป็นประจำ เรียกว่าไม่ขาดสาย เลยในแต่ละวัน ซึ่งหลวงพ่อท่านก็จะนั่งพับเพียบต้อนรับสาธุชนที่เดินทางมากราบนมัสการ อยู่ที่กุฏิหลังเก่า ซึ่งกุฏิหลังนี้ ท่านอยู่จำพรรษามาตั้งแต่ปี ๒๕๒๕ เป็นต้นมา
    การนั่งของท่านนั้นเป็นภาพที่คุ้นตากันดีในหมู่สานุศิษย์ ที่เดินทางไปกราบท่าน คือท่านนั่งพับเพียบตลอดทั้งวัน ไม่ขยับเลย ไม่ว่าใครจะไปจะมา ท่านก็นั่งอยู่อย่างนั้น แต่การต้อนรับญาติโยมนั้น โดยปกติก็ตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น. จนถึง ๑๑.๐๐ น.และช่วงเวลา ๑๓ .๐๐ น.จนถึง ๑๘.๐๐ น.เป็นประจำ ถ้าวันไหนมีญาติโยมมากันมาก ฉันเพลเสร็จท่านก็ออกมารับญาติโยมเลย บรรดาพระเณรที่เป็นอุปฐาก จะรู้หน้าที่ดี คือหลังจาก ๑๘.๐๐น.แล้ว ท่านจะสรงน้ำ พระเณรที่อุปฐากก็จะปิดประตูเหล็ก ที่ท่านนั่งรับแขกอยู่ จนกระทั่งวันหนึ่งในพรรษานั้น ก่อนที่ท่านจะเข้าสรงน้ำ ท่านได้สั่งอาตมาไว้ว่า วันนี้อย่างเพิ่งปิดประตู เดี๋ยวจะมีคนมาหา แล้วท่านก็เข้าห้องไป อาตมาจึงเข้าไปเตรียมน้ำสรง และบริขารถวาย น้ำที่สรงนั้นจะเป็นน้ำอุ่น ในขณะนั้นที่วัดไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่น ต้องต้มน้ำใส่กา แล้วนำไปเทผสมน้ำเย็นให้ได้หนื่งถัง ส่วนผ้าบริขารของท่านที่ใช้ในการสรงน้ำก็มี สบง ๑ ผืน อังสะ ๑ ผืน ผ้าขนหนู ๓ ผืน คือ สำหรับเช็ดหน้าผืนหนึ่ง เช็ดตัวผืนหนึ่ง เช็ดเท้าผืนหนึ่ง การถวายน้ำสรงท่านนั้น พระเณรอุปฐากต้องทำด้วยความนอบน้อม คล่องแคล่ว และรวดเร็ว จึงจะถูกนิสัยกับองค์ท่าน
    . ดังนั้นพระเณรที่คอยอุปฐากหลวงพ่อจึงมีเพียงสองรูปเท่านั้น คือ พระอรุณ(พระใหญ่) และอาตมาซึ่งเป็นสามเณรอีกองค์หนึ่ง เท่านั้น ส่วนมากบรรดาพระเณรทั้งหลายไม่ค่อยเข้าไปอุปฐากองค์ท่าน เพราะถ้าเข้าไปสนิทกับองค์ท่านแล้ว เกรงว่าจะไม่ได้สึก ซึ่งองค์ท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะปกติองค์ท่านก็นิ่งเฉยอยู่แล้ว หลังจากองค์ท่านสรงน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็พักอิริยาบท อยู่ในห้องโดยมีอาตมาเป็นผู้ถวายการนวด จนถึงทุ่มครึ่ง องค์ท่านก็ลุกขึ้นครองจีวร แล้วออกมานั่งที่รับแขกของท่าน .ซึ่งขณะนั้นอาตมาคิดว่าท่านหรือโยมคงนัดกันไว้ อาตมาก็นั่งอยู่แถวนั้นเผื่อองค์ท่านจะเรียกใช้ อีกอย่างเป็นเวลาวิกาล หากผู้ที่มาเป็นผู้หญิงทั้งหมดก็ไม่ต้องด้วยพระวินัย อาตมาจึงคอยสังเกตุการณ์อยู่แถวนั้น
    จนกระทั้งเวลาล่วงไปถึง ๒๐.๐๐ น.กว่าๆ ได้มีรถยนต์คันหนึ่งแล่นเข้ามาในวัด ในขณะที่รถคันนั้นแล่นเข้ามา บรรดาสุนัขทั้งหลายก็พากันส่งเสียงเห่าหอนจนดังไปทั้งวัด รถคันนั้นแล่นมาจอดใต้ต้นพิกุล หน้าหอสวดมนต์ ครู่หนึ่งก็มีผู้ชาย ๕ คน ผู้หญิง ๒ คน ลงจากรถ แล้วช่วยกันฉุดกระชากลากจูงผู้หญิงอีกคนหนึ่ง ลงจากกระบะรถ ซึ่งมีหลังคาอยู่ด้วย ผู้หญิงคนนั้นปากก็พูดว่า กูไม่ไป อย่ามายุ่งกับกู พูดอยู่อย่างนี้ บรรดาสุนัขเจ้ากรรมทั้งหลายก็ส่งเสียงหอนกันไม่เลิก จนอาตมาขนลุกไปทั้งตัว ต้องเข้าไปอยู่ใกล้ๆหลวงพ่อ จึงพอหายกลัวไปได้บ้าง ส่วนคนพวกนั้นกว่าจะขึ้นมาได้ ก็ต้องช่วยกันจับแขน จับขาผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา พอมาถึงหลวงพ่อ ผู้หญิงคนนั่นก็ด่าหลวงพ่อเป็นการใหญ่ ซึ่งท่านก็เฉยไม่แสดงอาการอะไร จนผู้หญิงคนนั้นเลิกด่า ท่านจึงถามโยมที่มาว่า #มาแต่ไหนกันเล่า โยมตอบว่ามาจากหนองปลาไหลครับ ท่านก็ถามอีกว่า เป็นอะไรมาล่ะ โยมที่มาก็แย่งกันเล่าให้ท่านฟังว่า ไม่รู้มันเป็นอะไรหลวงพ่อ มันไปไร่กลับมาตอนค่ำ มันก็มีอาการแปลกๆ กลางวันมันเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง ปิดประตูหน้าต่างหมด ข้าวปลาไม่กินเลย มันจะกินแต่ของสดๆคาวๆเท่านั้นแหละ พาไปหาหมอ หมอตรวจดูก็ไม่เป็นอะไร บางคนก็ว่าผีเข้า หมอผีที่เขาว่าเก่งๆก็ไปหามาทั่วก็ไม่หาย พระอะไรที่ว่าเก่งๆก็ตระเวนไปหามาหลายวัดแล้วหลวงพ่อ จนมีคนเขาบอกว่าให้พามาหาหลวงพ่อนี่แหละ จึงได้พากันมา กว่าจะมาถึงก็ต้องถามเขามาเรื่ิิอย นี่ก็เป็นมา ๗ วันแล้ว ถ้าหลวงพ่อรักษาไม่หาย ก็จะไม่รักษาแล้วล่ะ จะปล่อยให้มันตายไปนี่แหละ ไม่รู้ตะทำยังไงแล้วหลวงพ่อ
    . เมื่ิอถึงตอนนี้หลวงพ่อท่านได้ถามผู้หญิงที่ป่วยว่า เอ็งเป็นอะไร ผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ตอบ ท่านจึงถามอีกว่า เอ็งชื่ออะไร ผู้หญิงคนนั้นตอบว่า บอกไม่ได้ ท่านก็ถามอีกว่า ใครใข้เอ็งมา ผู้หญิงคนนั้นก็ตอบว่า ยอกไม่ได้ โยมที่มาด้วยกันก็ช่วยถามอีกว่า มึงก็บอกท่านไปสิ ผู้หญิงคนนั่นก็ตอบว่าบอกไม่ได้ เขาไม่ให้บอก โยมก็ถามอีกว่าใครไม่ให้บอก เขาก็ตอบว่าบอกไม่ได้ เขาไม่ให้บอก ตอบอยู่อย่างนั้น หลวงพ่อจึงถามว่า เอ็งจะเอาอะไร รึจะกินอะไร ผู้หญิงคนนั่นตอบทันทีเลยว่า อยากจะกินใส้หมู ไส้ไก้ หลวงพ่อท่านก็ตอบไปว่า ที่วัดนี้ไม่มีให้หรอก ไส้หมู ไส้ไก่อะไรนั้นน่ะ มีแต่น้ำมนต์นี่แหละ เอาไปกินก่อน ว่าแล้วท่านก็ใช้แก้วตักน้ำมนต์ในบาตร ซึ่งอยู่ข้างๆท่านส่งให้ โยมที่เป็นผู้ชายค่อนข้างอายุมากหน่อยก็รับน้ำมนต์จากท่านไปให้หญิงคนนั้นกิน แต่หญิงคนนั้นไม่ยอมกินปัดป้องเป็นพัลวัน พอน้ำมนต์หก รดถูกตัว ก็กรีดร้องอย่างโหยหวล จนพระเณรที่อยู่ตามกุฏิแตกตื่นมาดูกันทั้งวัด เมื่อหญิงคนนั้นไม่ยอมกินน้ำมนต์ ท่านจึงเอาน้ำมนต์พรมให้ หญิงคนนั้นก็ร้องดิ้นไปดิ้นมาอยู่อย่างนั้น ปากก็ร้องว่าร้อนๆไม่หยุด จากนั้นหลวงพ่อท่านก็นั่งดูอยู่ครู่หนึ่ง ท่านจึงหยิบด้ายมงคลที่ีอยู่ข้างๆมาจับเป็นมงคลคล้ายสร้อย แล้วบริกรรมอยู่ครู่หนึ่ง ท่านก็บอกว่า เอ้าเอาไปสวมคอดูซิ โยมผู้ชายคนเดิมก็รับด้ายมงคลไป หญิงคนนั้นพอเห็นด้ายมงคลเข้าไปใกล้ตัวเท่านั้นแหละ รีบถอยหลังหนี โยมที่มาด้วยกันต้องช่วยกันจับไว้ แต่หญิงคนนั้นก็ดิ้นจนสุดฤทธิ์ พอได้จังหวะ โยมผู้ชายก็เอาด้ายมงคลใส่คอทันที พอด้ายมงคลใส่เข้าไปเพียงศรีษะเท่านั้น หญิงคนนั้นก็กรีดร้องอย่างสุดเสียง แล้วมีอาการประหนึ่งว่าโดนถีบอย่างแรงหงายท้องทันที พอดีกับโยมที่นั่งอยู่ข้างๆรับศรีษะเอาไว้ทัน หญิงคนนั้นก็แน่นิ่งไป ตลอดเวลาที่หญิงคนนั้นร้องอยู่ สนัขทั้งหลายก็หอนโหยหวลอยู่อย่างนั้น พอหญิงคนนั้นนิ่งไป บรรดาสุนัขก็หอนรับกันไปเป็นทอดๆ ตั้งแต่กุฏิหลวงพ่อจนถึงท้ายวัดเลยทีเดียว
    . เมื่ิอสงบลงแล้ว หญิงคนนั้นก็รู้สึกตัวแต่ก็งงไปหมด ถามว่าที่นี่ที่ไหน แล้วฉันเป็นอะไร พวกที่พามาก็อนะนำให้กราบหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านก็ถามว่า เป็นอย่างไรบ้าง
    เขาตอบว่า ไม่รู้สึกตัวเลยหลวงพ่อ จำได้ว่าไปจุดมันจนเย็นค่ำจึงกลับบ้าน พอเดินมาผ่านจอมปลวกใหญ่ข้างทางก็ไม่รู้ตัวอีกเลย จนถึงตอนนี้แหละ
    หลวงพ่อท่านจึงแนะนำว่าหากพวกเรารู้จักไหว้พระ สวดมนต์ ก็จะไม่มีภูติผี ปีศาจ อะไรมากล้ำกราย แล้วท่านก็พรมน้ำมนต์ให้ทุกคนที่มา แต่โยมเขาขอด้ายมงคลเอาไปใส่คอด้วย ท่านก็ทำให้ทุกคน แต่ละคนก็ขอนำไปเผื่อลูกหลานอีก .ซึ่งท่านก็ทำให้ตามประสงค์ จากนั้นพวกโยมก็พากันกราบลากลับ เมื่อโยมลงจากกุฏิหลวงพ่อแล้ว อาตมายังสงสัยอยู่จึงเข้าไปถาม โยมที่มาว่า โยมนัดหลวงพ่อไว้หรอ เขาตอบว่าเปล่า ไม่ได้นัด ตั้งใจอธิฐานมาตั้งแต่บ้านว่าจะมาขอให้เจอหลวงพ่อ แล้วก็มากันเลย แล้วโยมก็พากันขึ้นรถกลับไป และเวลากลับนี้ สุนัขก็ไม่ได้หอนรับเหมือนตอนที่มา ตอนนั้นอาตมาสงสัยว่าหลวงพ่อรู้ได้อย่างไร ว่าใครจะไปจะมา อีกอย่างในขณะปี ๒๕๓๖ นั้นที่วัดบัลลังก์ก็ยังไม่มีโทรศัพย์ใช้เลย เพิ่งจะมีโทรศัพย์ใช้ครั้งแรกเมื่อปลายปี ๒๕๓๗ แต่หลวงพ่อก็ไม่ได้ใช้ รองเจ้าอาวาสเป็นผู้ใช้อีกต่างหาก จากเรื่องนี้ จึงทำให้เห็นได้ว่า #หลวงพ่อท่านมีอภิญญาสมาบัติและญาณอันแก่กล้า สมกับเป็นพระผู้เป็นที่พึ่งของประชาชนโดยแท้
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระผงพิมพ์สรงน้ำ พระบูชา 250 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240901_192446.jpg IMG_20240901_192215.jpg

    เหรียญรุ่น ๒ หลวงพ่อพยุงวัดบัลลังก์ ปี๒๕๒๕ ให้บูชา 200 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240901_192248.jpg IMG_20240901_192308.jpg
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,598
    ค่าพลัง:
    +21,329
    1725218929818.jpg 1725218931607.jpg
    รูปหล่อหลวงปู่เย็น นารโทและเหรียญ วัดสระเปรียญ หลวงปู่เย็นเป็นศิษย์หลวงปู่สีวัดพระปรางค์หลวงปู่อิ่มวัดหัวเขาครูบาอาจารย์องค์เดียวกับหลวงพ่อกวย และเป็นศิทษ์สายวัดระฆังเรียนวิชาจากหลวงปู่เทพโลกอุดรมาสอน วิชา ทำ พ.พาน วัตถุมงคลท่านส่วนมากจะมีตัวพ. พาน วิชาทำ ตัว พ.พาน ของท่านทำสร้างวัดได้
    คาถา ตัว พอ แก้วสารพัดนึก มหัศจรรย์
    ตำหรับหลวงปู่ ใหญ่เทพโลกอุดร
    พ่อจงมาโปรดลูกคนนี้ให้เขากินอิ่มนอนหลับ
    พ่อจงมาโปรดลูกคนนี้เขาจะเอาอะไร
    ก็ขอให้ช่วยเขาสมปรารถนา
    พ่อจงมาโปรดลูกคนนี้ พุทธะเตเชนะ
    ความใดอย่าให้ถูก ปติเสวามิ พุทธะเมตตาจิต
    ธัมมะเมตตาจิต สังฆะเมตตาจิต นะเมตตา
    โมกรุณา พุทปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู
    อิสวาสุ สุสวาอิ พุทธะปิติอิ
    ๒ องค์
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240902_214221.jpg IMG_20240902_214249.jpg IMG_20240902_214032.jpg IMG_20240902_214106.jpg
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,598
    ค่าพลัง:
    +21,329
    FB_IMG_1725294212337.jpg
    หลวงพ่อฉาบท่านเป็นพระไม่เหมือนใคร เพราะท่านจะอยู่แต่ในกุฏิของท่าน ท่านจะรับแขกตอนก่อนฉันเพลเท่านั้นส่วนในเวลาอื่นก็จะปิดประตูไม่มีใครสามารถเข้าไปในกุฏิของท่านได้ ท่านไม่ยอมออกจากกุฏิไปไหนเลยร่วม 30 ปี แต่เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอยู่ว่าในแต่ละวันจะมีคนมาจากภาคใต้บ้าง ภาคเหนือบ้าง มาที่วัดเพื่อจะมากราบท่าน
    พอลูกศิษย์ถามว่ารู้จักท่านได้อย่างไรเขาก็บอกเหมือนๆ กันว่าท่านไปบิณฑบาตที่หน้าบ้านของเขา เขาก็เลยถามว่าท่านอยู่ที่ไหนแล้วเขาก็ตามมาหาจนเจอ พวกลูกศิษย์ที่วัดบอกจะเป็นไปได้อย่างไรเพราะหลวงพ่อฉาบไม่เคยออกไปไหนเลย พอคนเหล่านั้นขึ้นไปกราบท่านต่างก็ยืนยันว่าเป็นองค์เดียวกัน ทั้งของที่เคยถวายให้ท่านก็ยังเห็นว่ายังมีอยู่ในกุฏิของท่านด้วย
    ประสบการณ์เหรียญ นายสน่ำ มาโนนาท เจ้าของลิเก คณะโนนาท เรืองนาม ไปปิดวิดแสดงที่ภาคอีสาน มีนักเลงมาขอเข้าดูฟรี 20 กว่าคน นายสน่ำ ไม่ให้เข้า โดนนักเลงรุมแทง ปรากฏว่าแทงไม่เข้า นายสน่ำ ได้ห้อยคอติดเหรียญรุ่น1 หลวงพ่อฉาบอยู่ในคอเพียงเหรียญเดียว นายสน่ำ คุยให้ฟังว่าที่รอดตายมาได้เพราะพุทธคุณเหรียญรุ่น1 หลวงพ่อฉาบได้ช่วยชีวิตไว้
    อาจารย์สมพงษ์ วินิจ เป็นศิลปินดีเด่นสาขาประติมากรรมประจำจังหวัดสิงห์บุรี สังกัดคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมแห่งชาติได้เล่าให้ฟังว่า นายทองเติม วินิจ เป็นพี่ชาย เป็นช่างหล่อพระในขณะที่นั่งขัดผิวพระอยู่ ได้มีคนจีน อาแปะวัยประมาณ 60 ปี ได้นั่งรถเก๋งมาจอดที่หน้าโรงงาน แล้วเข้ามาถามหาพระสงฆ์รูปหนึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่เคยบอกว่าท่านอยู่วัดแห่งหนึ่งอยู่ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ชื่อวัดศรี แต่จำไม่ได้ว่าวัดศรีอะไร อาแปะได้อธิบายบอกถึงลักษณะต่าง ๆ แก่ช่างทองเติมอย่างละเอียด จนช่างทองเติม บอกกลับไปว่าใช่หลวงพ่อฉาบ วัดศรีสาครหรือไม่ อาแปะร้อง เออ ใช่แล้ว ช่างทองเติมถามว่ามีอะไรเหรอ อาแปะคนจีนได้เล่าเรื่องราวให้คุณทองเติมฟังว่า เขามีบ้านอยู่เยาวราชจะทำบุญใส่บาตรทุกเช้า ได้พบและใส่บาตรหลวงพ่อรูปนี้และได้ถวายดอกเบญจมาศ วางลงบนฝ่าบาตรหลวงพ่อฉาบ เมื่อหลวงพ่อได้รับแล้วก็ได้หยิบเอาดอกเบญจมาศพร้อมคืนให้อาแปะแล้วกล่าวกับเค้าว่าให้โยมเอาดอกไม้ไปบูชาพระที่บ้านเพราะหลวงพ่ออยู่ไกลอยู่วัดศรีสาคร อ.เมือง จ.สิงห์บุรี เกรงว่าดอกไม้จะเหี่ยวแล้วเค้าก็ได้รับดอกไม้กลับไปบ้าน แล้วลืมนำไปไหว้พระไปวางไว้บนตู้จนเวลาผ่านไป 20 กว่าวันต่อมาได้มาเห็นดอกเบญจมาศวางอยู่บนตู้ยังอยู่ในสภาพปกติไม่เหี่ยวเฉาแม้แต่น้อยจึงเกิดเหตุประหลาดใจทำให้เกิดแรงบันดาลใจอยากทราบความเป็นจริงว่าหลวงพ่อองค์นั้นอยู่ที่ จ.สิงห์บุรีจริงหรือไม่ ท่านต้องไม่ใช่ธรรมดาหรือเป็นอริยะสงฆ์อย่างแน่นอนจึงได้เดินทางมาถามหาหลวงพ่อด้วยความศรัทธาเลื่อมใสยิ่งนัก วัดศรีสาครอยู่ห่างจากโรงงานคุณทองเติมเพียง 2 กม.เท่านั้น คุณทองเติมได้ฟังจากคำบอกเล่าของอาแปะ ก็ได้ขันอาสานำทางพาอาแปะคนจีนไปที่วัดศรีสาครเมื่ออาแปะได้ไปที่วัดศรีสาครแล้วได้เห็นหลวงพ่อฉาบ นั่งบนเก้าอี้อยู่นอกชานกุฏิของท่านถึงกับตลึงรำพึงกล่าวเสียงขึ้นว่า โอ้ใช่แล้วหลวงพ่อองค์นี้ล่ะ แล้วรีบเข้าไปกราบหลวงพ่อฉาบในทันทีเรื่องนี้อาจารย์สมพงษ์ วินิจ น้องชายคุณทองเติม วินิจกล่าวว่าหลวงพ่อฉาบท่านสามารถถอดกายทิพย์ไปบิณฑบาตรในสถานที่แดนไกลได้จริง
    จ.ส.อ.สุวัฒน์ พูลสวัสดิ์ อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ที่5 ต.ต้นโพธิ์ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี บ้านอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับวัดศรีสาคร อยู่มาเช้าวันหนึ่งเวลาประมาณ 6 โมงเช้า จ.ส.อ.สุวัฒน์ พูลสวัสดิ์ ได้ตื่นขึ้นมาล้างหน้าและออกกำลังกายที่ถนนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาได้มองไปที่แม่น้ำเจ้าพระยาได้เห็นหลวงพ่อฉาบได้เดินข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาโดยที่เท้าของท่านไม่เปียกน้ำเข้ามาบิณบาตรฝั่งตรงข้าม จ.ส.อ. สุวัฒน์ ได้นำเรื่องที่เห็นไปเล่าให้ชาวบ้านแถวนั้นฟังจนเป็นข่าวเป็นที่สนใจของคนแก่คนเฒ่าแถบนั้นหลายคนเฝ้าติดตามอยากรู้ว่าในเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หลายคนก็ได้แต่อธิษฐานอยากพบเห็นก็ได้มีนายสำรวย มีสะอาด อยู่บ้านเลขที่ 27 หมู่5 ต.ต้นโพธิ์ ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ในเวลาเช้าวันหนึ่งได้เห็นหลวงพ่อฉาบ เดินข้ามน้ำมาบิณบาตรหลายคนไปเล่าให้หลวงพ่อฉาบฟัง และถามหลวงพ่อว่าท่านได้ข้ามไปบิณบาตรฝั่งหน้าวัดหรือไม่ ท่านตอบยิ้ม ๆ ว่าฉันก็ยังที่วัดไม่ได้ไปไหนผู้คนต่างก็ยังเล่าลือว่าหลวงพ่อถอดกายทิพย์ลอยข้ามไปบิณบาตรฝั่งตรงข้ามหรือเป็นเพราะว่าท่านสำเร็จวิชาแปลงธาตุจากน้ำให้เป็นดินสมดังคำล่ำลือในสมัยหลายปีก่อนที่หน้าวัดศรีสาคร มีท่าเรือข้ามฟาก หลวงพ่อฉาบเคยข้ามไปบิณบาตรฝั่งตรงกันข้ามกับวัดเหมือนกันชาวบ้านกล่าวแต่จุดที่ จ.ส.อ.สุวัฒน์ และนายสำรวยเห็นนั้นห่างจากท่าเรือข้ามฟากถึงกม.เมตรกว่าเห็นท่านเดินข้ามแม่น้ำมาอีกฝั่ง
    รู้ได้ด้วยณาณทิพย์ นางวิภา วินิจ ได้ชวนนางพเยาว์ วินิจ ผู้เป็นพี่สาวไปกราบหลวงพ่อฉาบ ขณะที่ขึ้นบันไดศาลากุฏิหลวงพ่อเห็นหลวงพ่อนั่งอยู่ด้วยอริยะบทยกเข่าขึ้น 2 ข้างแขกที่มาก่อนและนางพเยาว์ต่างก็กราบหลวงพ่อแต่นางวิภาไม่ยอมกราบเพราะเห็นหลวงพ่อยกเข่าไม่สุภาพแค่นางวิภา คิดในใจหลวงพ่อฉาบก็รู้ด้วยญาณแล้วท่านก็เอาเข่าลงทั้ง 2 ข้างนั่งตรงแล้วพูดขึ้นว่าที่อาตมานั่งอย่างนี้เพราะมันเมื่อย นางวิภาตกใจได้บอกกับพี่สาวเค้าว่าฉันแค่คิดเท่านั้นหลวงพ่อรู้ได้อย่างไร
    เมื่อรายปีที่ผ่านมาบริเวณข้างวัดในมีชาวบ้านมาปลุกบ้านอาศัยอยู่มีชาวบ้านคนหนึ่งได้ไปขโมยจับเอาแม่ไก่บ้านนายจง บัวสดไปเหลือแต่ลูกไก่ร้องหาแม่ไก่ส่งเสียงดังเจียวจ่าวไปหมด วันนั้นนายจง พอดีได้มาทำบุญกับหลวงพ่อฉาบที่วัดศรีสาครได้บ่นให้หลวงพ่อฉาบฟังว่าไม่รู้ไอ้มือดีคนไหนมากดเอาแม่ไก่ไปทำให้ลุกไก่ร้องเจียวจ่าวไปหมด หลวงพ่อฉาบฟังแล้วนั่งนิ่งไปสักครู่ก็กล่าวขึ้นว่าไอ้คนที่ลักขโมยแม่ไก่ไปนั่นคือคนที่มีบ้านอยู่ข้างบ้านหลังริมสุดมันเอากระปุกครอบไก่ไว้นอกชานบ้านเอ็นรีบไปดู นายจงได้ไปตามที่หลวงพ่อฉาบบอกก็ปรากฏว่าบ้านหลังดังกล่าวที่นอกชานมีกระปุกครอบอยู่ นายจงได้ไปหงายกระปุกขึ้นดูก็พบว่ามีแม่ไก่ของตนที่หายไปอยู่ในกระปุกนั้นจริงๆ นายจงได้เอาแม่ไก่กลับไปแสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อฉาบมีทิพจักษุหูทิพย์ตาทิพย์
    มีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงพ่อฉาบท่านป่วยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี ขณะที่นอนพักอยู่ในห้องภายในโรงพยาบาลซึ่งไม่มีหน้าต่างวันนั้นได้มีมรรกทายกและกรรมการอีกหลายคนมาเฝ้าดูแลหลวงพ่อ อยู่ๆ หลวงพ่อฉาบท่านก็บอกมรรกทายกว่ารีบออกไปหานายสามพิมพ์ ดิษฐวิเศษ ที่ข้างนอกทีเค้ากำลังหาห้องหลวงพ่อไม่เจอ นายสามพิมพ์ เป็นชาวบ้านอยู่ข้างวัดพอรู้ว่าหลวงพ่อฉาบป่วย ก็รีบเดินทางตามมาโรงพยาบาลโดยที่ไม่มีใครทราบ แต่หลวงพ่อนอนอยู่บนเตียงคนไข้ท่านรู้ได้ด้วยญาณวิเศษว่านายสามพิมพ์ตามมาหาหลวงพ่อและหาห้องพักท่านยังไม่พบ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    ให้บูชา 230 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240902_214619.jpg IMG_20240902_214635.jpg IMG_20240902_214810.jpg IMG_20240902_214840.jpg IMG_20240902_214958.jpg IMG_20240902_214920.jpg IMG_20240902_214545.jpg
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,598
    ค่าพลัง:
    +21,329
    จัดส่งวันนี้
    1725365165490.jpg
    ขอบคุณครับ
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,598
    ค่าพลัง:
    +21,329
    1265350279.jpg
    หลวงปู่ผล วัดเทียนดัด เกจิผู้ปลุกศรัทธาท่ามกลางชาวคริสต์
    เกจิสักยันต์ทางคงกระพัน..."เต่า"คลานไหว้สังขารหน้าโลงศพ
    เมื่อเอ่ยถึงวัดเทียนดัด อ.สามพราน จ.นครปฐม นักเลงจริงยุคเก่าและนักเลงพระทุกยุคต้องยกนิ้วให้ พระครูอาทรพิทยคุณ หรือ"หลวงปู่ผล ธัมมโชติ"ยอดแห่งเกจิอาจารย์ในด้านเวทมนตร์-อาคมขลัง สหธรรมิกรุ่นเดียวกับ"หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม" แม้ชื่อเสียงจะไม่ขจรขจายเท่าหลวงพ่อเงิน แต่คนนครปฐม สมุทรสาคร ราชบุรี แม้กระทั่งชานเมืองกรุงต่างหมายมุ่งที่จะได้ครอบครองเป็นเจ้าของพระเครื่องของท่าน ซึ่งมีพุทธคุณไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทั้งเรื่องคงกระพันชาตรี แคล้วคลาด เมตตามหานิยม
    หลวงพ่อผลท่านมีชื่อเสียงมาตั้งแต่ก่อนปี 2500 เรื่องวิทยาคมของท่านไม่เป็นรองใครในยุคนั้น ก่อนบวชก็ได้ศึกษาวิชาขอม และวิชาอาคมต่างๆจากโยมพ่อและอาจารย์หลายท่าน สมัยที่ยังหนุ่มๆท่านไปมาหาสู่หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม เพื่อสนทนาธรรมและแลกเปลี่ยนวิชาต่างๆ บางครั้งหลวงพ่อเงินไปเรียนวิชาเพิ่มเติมจากอาจารย์ใด ก็มักชวนหลวงพ่อผลไปด้วยเสมอ
    เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านเป็นผู้รู้ในวิชาโหราศาสตร์กับวิชาไสยศาสตร์มีวิชาอาคมขลังรูปหนึ่ง โดยสมัยที่กำลังเชี่ยวชาญวิชาได้เป็นหมอสักยันต์ทางอยู่ยงคงกระพัน มีลูกศิษย์มากมาย สักไปสักมาจนทางราชการขอร้องให้เลิกสัก ท่านจึงเลิกและหันมาทุ่มเทให้กับการพัฒนาวัด
    ในสมัยนั้นพวกเสือโจรเยอะมาก ได้มีกลุ่มเสือโจรระแวกบางกระทึก และวัดเทียนดัด ได้รวมกลุ่มกันเพื่อที่จะเข้าปล้น บ้านคหบดี แถววัดเทียนดัด แต่ยังไม่ทันปล้น ก็เกิดฝนตกหนัก พวกโจรกลุ่มนั้นได้เข้ามาหลบฝนในวัดเทียนดัด ขณะนั้นเอง พวกโจรกำลังประชุมเรื่องแผนปล้น หลวงพ่อผลก็เดินมาได้ยินพอดี จึงได้ขอร้องบอกให้พวกโจรกลุ่มนั้นให้เลิกปล้นกลับตัวเป็นคนดีซะเถอะ เพราะจะทำให้เขาเดือดร้อนมันเป็นบาปกรรม และให้ล้มเลิกความตั้งใจเสีย และหลวงพ่อก็ได้สอนธรรมให้กับพวกโจรกลุ่มนั้น จนพวกโจรกลุ่มนั้นได้กลับใจ
    วัตถุมงคลต่างๆที่ท่านทำพิธีปลุกเสกล้วนแต่มีพุทธานุภาพสูง ใครได้ไว้กับตัวก็จะมีแต่สิริมงคลและแคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง ท่านเคยปลุกเสกเหรียญหลวงพ่อผัน วัดเทียนดัด (พระพี่ชาย) ซึ่งเป็นเหรียญรุ่นแรกปี 2497 เหรียญรุ่นนี้มีประสบการณ์มากและราคาสูง แถมหายากมาก
    หลวงปู่ผลได้สร้างพระสมเด็จองค์ใหญ่ที่สุดไว้ในวัดเทียนดัด รายการทีวี"ตามไปดู"ของ "หมอซ้ง"สมัยนั้น ได้เข้ามาถ่ายทำนำไปออกอากาศว่ามีพระสมเด็จที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยหลวงปู่ผลได้ทำพิธีปลุกเสกด้วยตัวท่านเอง จึงทำให้พระสมเด็จองค์นี้มีความศักดิ์สิทธิ์และมีอภินิหารต่างๆปรากฎให้เห็นบ่อยๆ

    จากประวัติของท่านที่บันทึกไว้ใน"หนังสือ อนุสรณ์ 101 ปี หลวงพ่อผล วัดเทียนดัด" ท่านเกิดในตระกูล"แสงโสภา"ที่บ้านต.ท่าข้าม อ.สามพราน จ.นครปฐม ตรงกับวันเสาร์ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 12 ปีพ.ศ.2433 (ปีขาล ปีเดียวกับหลวงพ่อเงิน) เป็นบุตรของนายใหญ่ ชาวอยุธยา และนางทองสุข ชาวนครปฐม ครอบครัวประกอบอาชีพทำนา มีพี่น้องรวม 10 คน เป็นผู้ชาย 3 คน และผู้หญิง 7 คนคือ 1. นางใย 2. นางยวง 3. นางพวง 4. นายพัน 5. นางเป๋า 6. นางอิน 7. นางแดง 8. นางวิน 9. นายผัน แสงโสภา (หลวงปู่ปลัดผัน) 10. นายผล (หลวงปู่ผล)
    เยาว์วัยพออ่านเขียนหนังสือได้ เมื่ออายุครบเกณฑ์ก็ไปเป็นทหาร หลังปลดประจำการแล้วไดัอุปสมบทที่วัดเทียนดัด โดยมีพระอธิการแสง วัดนางสาว เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการคง วัดนางสาว เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดใจ วัดเชิงเลน เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า"ธัมมโชติ" ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดเทียนดัด ต่อมาได้ไปศึกษาพระธรรมวินัยที่วัดมหาธาตุ โดยอาศัยพำนักอยู่ที่วัดระฆังโฆสิตาราม ธนบุรี
    เมื่อสอบได้นักธรรมขั้นตรีแล้วก็ได้มาเป็นครูสอนปริยัติธรรมที่วัดเทียนดัด และวัดต่างๆหลายวัด เพราะสมัยนั้นหาครูผู้สอนยากมาก โดยได้ไปๆมาๆที่วัดระฆังเสมอ เพราะต้องการเรียนวิชาต่างๆ โดยเฉพาะการเรียนวิปัสสนากรรมฐานที่ท่านสนใจอย่างมากและท่านมีความรู้ด้านนี้พอสมควร

    ยิ่งไปกว่านั้นท่านยังได้เรียนวิชาถ่ายภาพ วิชาเขียนภาพ วิชาเครื่องยนต์ ตลอดจนวิชาไสยศาสตร์เวทมนต์ คาถาจากอาจารย์ต่างๆ แล้วได้นำหลักการทำพระสมเด็จของสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) วัดระฆังมาทำเป็นครั้งแรกช่วงปี พ.ศ.2471-2472 กับพระปลัดผัน พระพี่ชายของท่าน
    หลวงปู่ผลมีอุปนิสัยใจคอเยือกเย็น มีเมตตาธรรมแก่คนทั่วไป ท่านยังเป็นที่คุ้นเคยและเคารพนับถือของพระผู้ใหญ่หลายรูป นอกจากมีวิชาอาคมขลังแล้ว ท่านยังเป็นพระนักพัฒนาที่ตั้งใจบริหารวัดจนเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด มีอาคาร กุฏิ ศาลาบำเพ็ญกุศล เมรุ ถังน้ำบาดาลคอนกรีต ห้องสมุด โรงเรียนปริยัติธรรม อีกทั้งซ่อมอุโบสถและศาลาการเปรียญที่ชำรุดทรุดโทรม ศาลาเอนกประสงค์ ที่สำคัญ ท่านชอบบริจาคทรัพย์ช่วยเหลือคนยากจน และผู้ประสบภัยต่างๆ เช่น ไฟไหม้ น้ำท่วมที่ไหน ท่านก็บริจาคเงินช่วยเหลือทันที
    ในปีพ.ศ. 2528 ท่านจัดพิธีหล่อรูปพระพุทธปางลีลา โดยไดัทูลเชิญ สมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มาทรงเป็นประธานเททองและยกช่อฟ้าอุโบสถ เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2528 ต่อมาในปี พ.ศ.2530 ท่านได้เป็นประธานสร้างเจดีย์ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวโรกาสเจริญพระชนมายุครบ 60 พรรษา และให้เป็นเจดีย์องค์สำคัญประจำจังหวัด เพื่อให้ประชาชนได้สักการะบูชา เจดีย์มีความสูง 38 เมตร กว้าง 12 เมตร ด้านข้าง 4 ด้าน กว้างด้านละ 4 เมตร องค์เจดีย์ปูโมเสกทั้งองค์ พื้นปูหินอ่อน รวมค่าก่อสร้าง 4,000,000 บาทเศษ ครั้นเมื่อวันที่ 10 ม.ค.2532 เป็นวันกำหนดฤกษ์ยกฉัตรเจดีย์ ท่านอาพาธไม่สามารถมาได้ ทำได้เพียงการจับสายสิญจน์อยู่ที่กุฏิ โดยมอบให้พระเทพวรเวที รองเจ้าคณะภาค วัดไร่ขิง มาเป็นประธานแทน
    ผ่านมาได้ 3 วัน ท่านก็มรณภาพลงเมือวันพฤหัสบดีที่ 14 ม.ค. 2532 เวลา 04.00 น ที่โรงพยาบาลบางไผ่ กรุงเทพฯ สิริอายุ 99 ปี ทางวัดจัดพิธีบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมที่ศาลาการเปรียญเป็นเวลา 100 คืน ได้รับเงินจากผู้บริจาค 500,000 บาทเศษ (คณะกรรมการได้นำเงินสร้างพุทธเจดีย์ศรีปฐมบรมธาตุ 200,000 บาท เพื่ออุทิศถวายให้ท่าน
    มีเหตุการณ์อัศจรรย์คือ หลังจากหลวงปู่ผลมรณภาพไปแค่ไม่กี่วัน เต่าที่ท่านได้สลักชื่อและปล่อยไปนานแล้วได้คลานกลับขึ้นมาจากน้ำมาอยู่บริเวณโลงที่บรรจุสังขารของท่านประมาณ15วันก่อนจะคลานกลับลงน้ำไปตามเดิม ประหนึ่งว่ามันมาเคารพสักการะสังขารหลวงปู่ผล
    หลวงปู่ผลได้สร้างพระบูชา พระเครื่อง และเหรียญต่างๆไว้หลายชนิดหลายรุ่น เริ่มจากประมาณปี พ.ศ.2471- 2472 ได้สร้างพระสมเด็จดำ และสมเด็จลูกประคำ 108 โดยนำสูตรการทำสมเด็จนี้มาจากวัดระฆังที่ท่านเคยไปจำพรรษา โดยใช้มวลสารวัตถุสำคัญๆมากมายหลายอย่างมาสร้าง เช่น ผงใบโพธิ์ 108 วัด (ตามตำราสมุดข่อยที่วัดเทียนดัด), ผงว่าน 108 อย่าง, ผงพระหักๆที่ชำรุดใช้ไม่ได้หลายร้อยองค์, ผงแร่ต่างๆที่สำคัญ, ผงปูนพระเกศของหลวงพ่อวัดไร่ขิง และผงปูนพระใหญ่ที่สำคัญหลายวัด, ผงวัตถุที่สมเด็จโตเคยใช้ทำผสมพระ เช่นผงพลู 2 หาง, ไคลโบสถ์, ไคลเจดีย์, ไคลเสมา, ผงพุทธคุณ ผงอิทธิเจ ผงมหาราช ผงปถมังของอาจารย์ต่างๆ, ผงดินสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดีย, น้ำพุทธมนต์ของเกจิอาจารย์ต่างๆ และของท่านเอง
    จากนั้นในปี พ.ศ.2500 เป็นต้นมาได้สร้างพระสมเด็จชานหมาก เหรียญ ผ้ายันต์ พระกริ่งธัมมโชติ (รุ่นแรก) และพระกริ่งโปร่งฟ้า พระชัยวัฒน์รัตนมงคล ครั้นเมื่ออายุ 92 ปี ท่านได้สร้างลูกประคำ 108 และชนิด 9 เม็ด และพระสมเด็จลายเซ็น มีรูปเจดีย์อยู่ด้านหลัง
    เกี่ยวกับเรื่องการสร้างความขลังแก่พระเครื่องมงคล หลวงปู่ผลท่านได้เปิดเผยให้ฟังว่า ท่านได้ตำราดีจากตำนานที่เป็นใบลานที่ผูกไว้เป็นเกณฑ์ ซึ่งล้วนแต่เป็นภาษาขอม แต่ท่านก็อ่านออก เขียนได้ทั้งนนั้น ส่วนคาถาต่างๆ ที่คนโบราณเขียนไว้นั้น มีอยู่ทุกชนิด ทั้งคาถาเมตตามหานิยม และคงกระพันชาตรี ตลอดจนอื่นๆอีกที่มีทั้งให้คุณและให้โทษ แต่หลวงปู่ท่านเลือกเอาแต่วิชาที่ให้คุณเท่านั้น เพราะท่านถือความมีเมตตาเป็นใหญ่
    "พระกริ่งโปร่งฟ้าชินบัญชร " เป็นวัตถุมงคลยอดนิยมอย่างหนึ่งของหลวงปู่ผล สร้างขึ้นในโอกาสฉลองอายุครบ 89 ปี ในปีพ.ศ.2521 ท่านได้ลงจารแผ่นทองแดงด้วยตนเอง แล้วอาราธนาพระเกจิอาจารย์ร่วมสมัยที่ทรงวิทยาคมมาช่วยจารและนั่งปรกปลุกเสกเพื่อให้เกิดความเข้มขลังยิ่งขึ้น อาทิ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี,หลวงพ่อเพิ่ม วัดสรรเพชร,หลวงพ่อทองอยู่ วัดหนองพะอง,หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ,หลวงพ่อผ่อง วัดสามปลื้ม,หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม,หลวงพ่อสุด วัดกาหลง หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณมิตร,หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช,หลวงพ่ออุตตมะ วัดวิเวการาม กาญจนบุรี,พระอาจารย์ธรรมรังสี วัดเทียนดัด ฯลฯ
    พระกริ่งโปร่งฟ้าฯได้สวดคาถาชินบัญชร คาถาทิพย์มนต์ อิติปิโส 1019 จบ คาถาบารมี 30 ทัศ และมนต์บทสำคัญๆอีกมากบท โดยมีอุปเท่ห์ในการใช้ว่า ผู้ใดมีพระกริ่งโปร่งฟ้าไว้บูชา ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นหน้าที่การงาน ความรัก อาชีพ หรือปัญหาอุปสรรคใดๆ จะสำเร็จลุล่วงปลอดโปร่ง ไม่พบกับปัญหาติดขัดใดๆเลยสมดังชื่อของพระกริ่ง
    สำหรับประสบการณ์ทางด้านวัตถุมงคลนั้นมีให้เห็นจนเป็นที่ศรัทธาของชาวเทียนดัดและคนในละแวกนั้น แม้กระทั่งคนที่นับถือศาสนาคริสต์ซึ่งมีอยู่จำนวนมาก ต่างก็ให้ความเคารพรักหลวงพ่อผลไม่ต่างจากชาวพุทธเลย เพราะท่านเป็นผู้เมตตา และเมื่อใดมีคนมาขอบูชาวัตถุมงคลท่าน ท่านก็จะสอนธรรมมะเสริมให้อีก
    ท่านบอกว่า วัตถุมงคลของท่านสร้างเพื่อ 1.ทำให้คนเข้าวัด พระจะได้มีโอกาสสั่งสอน 2.แขวนพระแล้วจะได้มีจิตระลึกไม่ให้ทำความชั่ว 3.เพื่อคุ้มภัย (ถ้าเชื่อว่าคุ้มได้เพราะมั่นใจ) 4.จะได้นำปัจจัยมาพัฒนาวัดให้เจริญๆ

    สำหรับลูกศิษย์สายตรงแล้ว เชื่อเต็มร้อยว่า พระเครื่องทุกชนิดของหลวงปู่ผลช่วยให้สัมฤทธิผลด้านดี

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงปู่ผลวัดเทียนดัดปี ๒๕๑๖ ออกวัดบ้านนกน้อย
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240903_190444.jpg IMG_20240903_190508.jpg
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,598
    ค่าพลัง:
    +21,329
    FB_IMG_1725395156059.jpg

    สมัยอดีตที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านได้รับสมญานามยกย่องว่า หลวงปู่หล้าตาทิพย์ เพราะหลวงปู่ท่านสามารถทราบเหตุการณ์ล่วงหน้าได้ มีการกล่าวขวัญกันมาของผู้เฒ่าผู้แก่จนถึงทุกวันนี้ ในสมัยนั้นเล่ากันว่า มีอยู่วันหนึ่งฝนตั้งเค้าจะตกหนัก หลวงปู่หล้าบอกให้พระเณรรีบออกจากกุฏิ เพราะกุฏิเก่าทรุดโทรมและมีต้นลานใหญ่อยู่ด้านข้าง เดี๋ยวต้นไม้ จะหักโค่นลงมาทับกุฏิ เมื่อพระเณรขนของออกมาเสร็จหมดแล้ว ปรากฏว่าวันนั้นฝนตกหนักกิ่งต้นลานก็หักโค่น ลงมาทับกุฏิพังทั้งหลัง พระเณรทุกองค์ปลอดภัย และตั้งแต่นั้นมาก็ต่างพากันสรรเสริญกันว่า หลวงปู่มี ตาทิพย์ และเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป

    FB_IMG_1725394776053.jpg
    หลวงปู่หล้า ตาทิพย์ ท่านมรณภาพลงเมื่อ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ 2536 แต่สังขารของท่านกลับไม่ เน่าเปื่อย ทางวัดและศิษยานุศิษย์ จึงได้นำสรีระ ร่างกายของหลวงปู่ท่านเก็บรักษาในโลงแก้ว ตั้งไว้ บนศาลาการ เปรียญ เพื่อให้คนทั่วไปได้เข้าไปนมัสการกราบไหว้และเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ มาจนถึงปัจจุบัน
    หลวงปู่หล้าตาทิพย์ (พระครูจันทสมานคุณ) วัดป่าตึง อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เป็นพระอาจารย์อีกท่านหนึ่ง ที่เป็นพระเกจิอาจาย์ของล้านนาไทยที่ครูบาน้อยไปมาหาสู่เสมอตั้งแต่ปี 2527 จนได้รับการถ่ายทอด วิชาการ ศึกษาต่าง ๆ มากมาย เช่นคำปะพรมน้ำมนต์ ซึ่งเป็นคำโคลงของล้านนาไทยที่อวยพรให้แก่คณะศรัทธาญาติโยม ให้มีความสุข ความเจริญในหน้าที่การงาน ตลอดถึงมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง พร้อมทั้งวิธีการต้อนรับ แขกผู้มาเยือน ด้วยความกตัญญูต่อพระอาจารย์ที่ท่านเคารพรัก ครูบาน้อยได้ซื้อรถยนต์ (รถตู้) ถวายครูบาหล้า ระหว่างที่ครูบาหล้าป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล ครูบาน้อยได้ไปเยี่ยมอยู่อย่างสม่ำเสมอ จนหลวงปู่ครูบาหล้ามรณภาพ เมื่อปี 2536 ครูบาน้อยได้สูญเสียพระอาจารย์ ที่มีความเมตตาท่านมาตลอดไปอีกองค์หนึ่งแล้วนับเป็นการสูญเสีย ที่ยิ่งใหญ่ของครูบาน้อย “

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มารับส่งครับ
    เหรียญระฆังเมตตาหลวงปู่หล้า (ตาทิพย์) วัดป่าตึงเชียงใหม่ ปี ๒๕๒๙
    ให้บูชา 220 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ
    IMG_20240904_024000.jpg
    IMG_20240904_024026.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2024 at 16:48
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,598
    ค่าพลัง:
    +21,329
    FB_IMG_1725406783494.jpg



    พระนางพญาพุทโธสาริกาผสมเกศาหลังพญาครุฑ หลวงพ่อวราห์ วัดโพธิ์ทอง

    ให้บูชา 170 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ(ปิดรายการ)

    IMG_20240904_022513.jpg IMG_20240904_022538.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2024 at 17:16
  10. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,079
    ค่าพลัง:
    +6,753
    -ขอจองพระนางพญา ลพ.วรา ครับ
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,598
    ค่าพลัง:
    +21,329
    FB_IMG_1725392981198.jpg showimage (10).jpeg หลวงพ่อทับ วัดสลุด.jpg
    ประวัติโดยสังเขป หลวงปู่เกิดวันที่ ๑๙ เม.ย. ๒๔๕๗ ปีขาลปัจจุบันอายุ 102 ปี เดิมชื่อ ทองสุข นกขมิ้น เป็นบุตรพ่อหมอก แม่สำลี นกขมิ้น บ้านท่านอยู่แถววัดกิ่งแกวนั่นเอง พออายุ ๘ ขวบพ่อแม่เอาหลวงปู่มาฝากเป็นเด็กวัดกิ่งแก้วเพื่อศึกษาเล่าเรียนและปฏิบัติหลวงปู่เผือก จนกระทั่งเป็นหนุ่มอายู ๑๘ จึงได้ออกจากวัดไปช่วยพ่อแม่ทำนา พออายุ ๒๐ จึงมาอุปสมบทเป็นพระภิกษุอีกครั้ง โดยมีหลวงปู่เผือกเป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากนั้นได้พายเรือผ่านคลองประเวศเข้าคลองทับช้างและคลองเจ๊กไปกราบฝากตัวกับหลวงปู่ทอง วัดราชโยธาซึ่งตอนนั้นอายุมากแล้ว โดยแรกเริ่มเดิมทีคิดเพียงอยากจะได้ตะกรุดกับหลวงปู่ทองเท่านั้น แต่ต่อมาเกิดถูกชะตาศรัทธาหลวงปู่ทองมากๆเนื่องจากท่านใจดี จึงได้ไปกราบท่านอยู่เรื่อยๆ จนท่านมรณภาพ ในช่วงถัดมานั้นหลวงปู่ทองสุขเริ่มร้อนวิชาจึงได้สึกออกมาเป็นฆราวาสและจนเบื่อหน่ายและกลับมาบวชอีกครั้งในปี พ.ศ.๒๕๐๓ (เมื่อหลวงปู่เผือกสิ้นแล้ว) โดยมีหลวงปู่ทอง วัดลาดกระบัง (ศิษย์หลวงปู่ทอง วัดราชโยธา) เป็นอุปัชฌาย์ หลวงพ่อแจ่มและหลวงพ่อสิน วัดกิ่งแก้ว เป็นคู่สวด หลังจากนั้นหลวงปู่บุญมี วัดบางโฉลง เจ้าคณะอำเภอและเป็นศิษย์ผู้พี่ท่าน ได้ขอให้ท่านไปช่วยเป็นเจ้าอาวาสและสร้างโบสถ์ให้วัดราษฎร์นิยมธรรม ท่านก็ไปอยู่ให้ จนสร้างโบสถ์เสร็จก็ลาออกกลับมาอยู่วัดกิ่งแก้วอย่างเงียบๆตามเดิม สำหรับพระเนื้อผงท่านได้นำผงเก่าของเก่าหลวงปู่เผือกเป็นจำนวนมากมาจัดสร้างพระสมเด็จรุ่นนี้และได้อาราธนาพระอริยะสงฆ์ พระเกจิมาทำพิธิอธิษฐานจิตปลุกเสกอีกมากมาย ถือว่าเป็นพิธีใหญ่อีกพิธีหนึ่งก็ว่าได้ในยุคนั้น มีหลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อเงิน หลวงเต๋ ร่วมปลุกเสก

    ขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    พระนางพญาหลังหลวงปู่เผือกวัดกิ่งแก้วหลวงปู่ทองสุกสร้าง ปี๒๕๒๒

    พระสมเด็จทรงช้างสามเศียรหลังหลวงปู่เผือก หลวงพ่อทับวัดสลุดสร้าง ปี๒๕๒๓

    ให้บูชายกชุด องค์ 300 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    FB_IMG_1725392984084.jpg FB_IMG_1725392986734.jpg

    IMG_20240904_022416.jpg IMG_20240904_022443.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 กันยายน 2024 at 17:52
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,598
    ค่าพลัง:
    +21,329
    FB_IMG_1725454771638.jpg หลวงพ่อจรัญ.jpg FB_IMG_1725454777574.jpg

    พระพุทธนฤมิตรโชค (กวางเล็ก) หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน ออกที่ศูนย์เวฬุวัน สาขาวัดอัมพวัน
    ศูนย์ปฎิบัติธรรมสวนเวฬุวัน สาขาวัดอัมพวัน
    หลวงพ่อจรัญได้ดำริจัดสร้างศูนย์ปฎิบัติธรรมสวนเวฬุวันขึ้นในปี 2536 พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมสิงหบุราจารย์ ได้สร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน จังหวัดขอนแก่น ไว้เพื่อเป็นสาขาของ วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี โดยท่านได้แสดงเจตนารมณ์ของท่านไว้อย่างชัดเจน โดยการสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวันแห่งนี้ไว้เพื่อพัฒนาจิตให้กับประชาชนและเยาวชนของชาติ และเพื่อที่จะคืนของดี (สติปัฎฐาน4) ที่ได้มาจาก อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น ให้กับชาวจังหวัดขอนแก่น และชาวภาคอิสาน ซึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านได้เล่าถึงประวัติและเจตนารมณ์ของท่านไว้ดังนี้.
    อาตมาเคยมาได้ของดีที่จังหวัดขอนแก่นนี่ ท่านทั้งหลายทราบดี จึงพยายามตั้งใจอยู่ตลอด จนชีวิตจะหาไม่ เราต้องตายไปหนึ่งครั้งแล้ว เรารอดตายมาได้ ถ้าไม่มาที่นี่แล้ว เราต้องตายที่เมืองพม่า มันดาเลย์ เมืองหงสาวดี ที่หลวงพ่อดำพาเราไปเดินธุดงค์ ต้องตายแน่ อันนี้ทำให้เรามั่นใจ ซึ้งใจ คือหลวงพ่อดำ องค์ที่ให้กรรมฐานพระเจ้ากรุงธนบุรี พี่น้องทุกคนอาจยังไม่ทราบ ว่าเราต้องสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน
    เรื่องเชื่อมโยงมาจากหลวงพ่อเดิมพูดมาหลายครั้ง แต่ต้องย้ำอีกหนให้ท่านทราบ พี่น้องทุกคนอย่าคิดว่ารู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม อย่าเข้าใจผิดไม่ได้ผล คนไม่ได้คิดจะไม่มีสติปัญญา จะไร้เหตุผล เมื่อเรากลับมาจากมันดาเร เมืองหงสาวดี แล้วก็มาเจอเครื่องบินจะตกที่ยุโรปเราก็รอดตายมาได้เพราะเหตุใด รอดจากคอหักตาย รถชนตายเพราะเหตุใด เมื่อคิดได้เช่นนี้แล้ว ก็คิดได้ว่า หลวงพ่อดำเนี่ย บางคนก็บอกว่าเป็นหลวงพ่อโลกอุดร หลวงพ่อถ้ำวัวแดง เนี่ยไม่ใช่ทั้งนั้น ท่านทั้งหลายอย่าลืม ที่น้ำพอง ท่านพาอาตมาไปได้รับของดีมาจากขอนแก่นหลากหลาย เชื่อมโยงมาจากหลวงพ่อเดิมอีกที หลังจากที่เราคอหักแล้ว เราก็คิดว่าเราตายไปแล้ว เรายังไม่เคยสนองพระเดชพระคุณหลวงพ่อดำ ให้เป็นชิ้นเป็นอัน เป็นหลักเป็นฐานแต่ประการใด จากที่ท่านให้คติธรรมเตือนใจว่า โปรดทำตามพระพุทธเจ้า ว่าสร้างคนดีกว่าสร้างวัตถุ สร้างคนให้มีความรู้ สร้างคนให้มีความดี มีสติปัญญา เราก็คิดอยู่ตลอดเวลาว่า ทำอย่างไรเราถึงจะสนองพระเดชพระคุณหลวงพ่อดำได้ " นี่เป็นคำปรารภของหลวงพ่อ มาโดยสังเขป
    พระพิมพ์มหามงคล
    พระพุทธนฤมิตโชค
    ครบ ๑๐ ปี ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน ขอนแก่น
    สาขาวัดอัมพวัน สิงห์บุรี
    เจตมาในการจัดสร้าง เพื่อบูชาคุณพระรัดมตรัย พร้อมด้วยคุณครูบา
    อาจารย์ และร่วมฉลอง ๑๐ ปี ศูนย์ปฏิบัติธรรม
    สวนเวฬุวัน
    มวลสาร
    ดินจากสังเวชนียสถานประเทศอินเดีย
    ของศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆ อีกกว่า ๑,๐๐๐ ชนิด
    รูปแบบพิมพ์
    ย้อนยุดพระพุทธนฤมิตโชค วัดอัมพวัน สิงห์บุรี
    ปี พ.ศ. ๒๕๑๒
    การอธิษฐานจิต
    ในพระอุโบสถวัดอัมพวัน สิงห์บุรี
    ตลอดไตรมาสพรรยา ปี พ.ศ. ๒๕๔๓
    โดยหลวงพ่อจรัญ ชิตธมโม และ คณะสงฆ์
    ผู้ดำเนินการจัดสรั้ง พระครูวินัธธรรธีรวัฒน์ จาบุตตโร ผู้อำนวยการ
    ศูนย์ปฏิบัติธรรมสวนเวฬุวัน ขอนแก่น
    วิธีบูชาพระ
    นะโม ๓ จบ หลับตานึกภาพองค์พระให้ติดตา
    แล้วภาวนาว่า "อะระหัง พุทโธ อิติปิโส ภะคะวา
    นะมามิหัง" & จบ อธิษฐานจิตตามความปรารถนา
    (ใช้เพิ่มบารมีในการปฏิบัติภาวนาดีนักแล)
    รักษาศีล ๕ ตั้งจิตให้เป็นสมาธิ ยึดคุณพระรัตนตรัย
    พ่อแม้ ครูบาอาจารย์ให้มั่นคง กรุณาอย่านำ
    พระไป อธิษฐานใช้ในทางทุจริต
    * ระวังของปลอมและเลียนแบบโดยพวกมารศาสนา *
    แจกฟรี ห้ามจำหน่าย
    ข้อเตือนใจ
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    พระพุทธนฤมิตรโชคปลุกเสกไตรมาสปี๒๕๔๗ และเหรียญยืน ปี๒๕๔๒
    ให้บูชา 420 บาทค่าจัดส่งด่วน 30 บาทครับ

    IMG_20240904_200244.jpg IMG_20240904_200319.jpg IMG_20240904_200401.jpg IMG_20240904_200425.jpg IMG_20240904_200454.jpg IMG_20240904_200519.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...