เก็บไว้ให้คิด...คนเล่นวิชชาต่ำ

ประพน · 21 กรกฎาคม 2013

apiraks said: ↑

ก่อนอื่น, ผมขอบอกก่อนว่าไม่ได้ต้องการจะพูดเพื่อให้ผู้อื่นมองว่า
มีความรู้มากกว่าท่านอื่นอย่างไรนะครับ

หากท่านไม่เคยอ่านพระไตรปิฎกผ่านตามมาบ้าง ผมอาจพอแนะนำ
ให้ได้ครับ แต่ถ้าเคยอ่านผ่านตามาบ้างแล้วก็ถือว่ากล่าวซ้ำเพื่อให้
จำได้แม่นยำยิ่งขึ้นแล้วกันนะครับ

ในทางพุทธศาสนาแล้วคำว่า "วิชชา" และ "อวิชชา" แปลดังนี้
วิชชา แปลว่า ความรู้แจ้งในอริยสัจ
อวิชชา แปลว่า ตรงๆตามตัว คือความไม่รู้ในอริยสัจ

หนทางนี้ท่านย่อมรู้อยู่แก่ใจดีว่าเป็นอวิชชาหรือไม่

พระพุทธเจ้าท่านสำเร็จสมาบัติแปด รูปฌาณ 4และ อรูปฌาณ4
ตั้งแต่เป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ฝึกได้ภายในวันเดียว ซึ่งอาจารย์ของ
ท่านในต้องใช้เวลาฝึกถึง 10 ปีจึงสำเร็จ แถมเจ้าชายสิทธัตถะ
ยังสามารถใช้ฌาณสมาบัติได้รวดเร็วกว่าผู้เป็นอาจารย์หลายเท่า

แต่ด้วยความที่บำเพ็ญโพธิญาณจนบารมีเต็มทั้งสิบทัศ ท่านจึง
รู้สึกได้ว่าความวิเศษนี้ ยังไม่ใช่หนทางที่จะพ้นทุกข์ไปได้ แม้ว่า
อาจารย์ของท่านจะเห็นความสามารถและชักชวนให้ช่วยกันดูแล
สำนักสืบต่อไปก็ตาม ท่านก็ปฏิเสธและแสวงหาหนทางพ้นทุกข์
จนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกาลต่อมา

จะเห็นได้ว่าอิทธิฤทธิ์ทั้งหลายทั้งมวล แค่เพียงเจ้าชายสิทธัตถะ
ก็ถือว่ามากสุดประมาณแล้ว ใยต้องมาบวชและตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
อีกเพื่อสิ่งใด นั่นแสดงให้เห็นว่าเส้นทางนั้นไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ตามที่
พระพุทธองค์ท่านได้แสดงไว้ให้เห็นแล้วนั่นเอง

ปุถุชนหากตายขณะที่กำลังเข้าฌาณ ตายในรูปฌาณ ไปเกิดในพรหม
เป็นรูปพรหม ตายในอรูปฌาณ ไปเกิดในพรหมเป็นอรูปพรหม อายุยาว
นานเป็นหลายพันกัป ซึ่งนานจนบางครั้งพอนึกย้อนไปในอดีต ก็หลงไป
เลยว่าเป็นพรหมนั้นเที่ยง สามารถอยู่ได้เป็นอมตะก็มี

ผู้ที่เกิดในภพภูมิของเทวดาและพรหม ส่วนน้อยได้กลับมาเกิดสุขติภูมิ
ส่วนใหญ่ลงสู่อบายภูมิทั้งสิ้น เพราะความหลง ติดสุข ติดฌาณ เรื่องราว
เหล่านี้ท่านสามารถหาอ่านได้ในพระไตรปิฎกนะครับ มีครบหมด

เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวนะครับ หากไม่ถูกใจท่านผู้ใด ผมขอรับผิด
แต่เพียงผู้เดียว ด้วยความต้องการเพียง อยากให้ชาวพุทธเข้าใจธรรมะ
ของพระพุทธเจ้าในทางที่ถูกต้องเท่านั้น ผิดพลาดประการใดท่านผู้รู้
ทั้งหลายอโหสิกรรมให้ผมด้วยนะครับ

ขอเจริญในธรรมทุกท่านนะครับ

ปล. ขำๆนะครับ ไสยศาสตร์ แปลตามตัวคือ ศาสตร์แห่งการนอน,
การหลับ แต่พระพุทธองค์ท่านเป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

อยากทราบจริงๆว่า ท่านเจ้าของกระทู้ออกจากวิชชาต่ำนั้นได้อย่างไร
พอจะเล่าให้ฟังประดับปัญญาบ้างได้ไหมครับ
Click to expand...

ขอบคุณครับ บัณฑิตนักอ่าน

Workgroup · 22 กรกฎาคม 2013

apiraks said: ↑

ก่อนอื่น, ผมขอบอกก่อนว่าไม่ได้ต้องการจะพูดเพื่อให้ผู้อื่นมองว่า
มีความรู้มากกว่าท่านอื่นอย่างไรนะครับ

หากท่านไม่เคยอ่านพระไตรปิฎกผ่านตามมาบ้าง ผมอาจพอแนะนำ
ให้ได้ครับ แต่ถ้าเคยอ่านผ่านตามาบ้างแล้วก็ถือว่ากล่าวซ้ำเพื่อให้
จำได้แม่นยำยิ่งขึ้นแล้วกันนะครับ

ในทางพุทธศาสนาแล้วคำว่า "วิชชา" และ "อวิชชา" แปลดังนี้
วิชชา แปลว่า ความรู้แจ้งในอริยสัจ
อวิชชา แปลว่า ตรงๆตามตัว คือความไม่รู้ในอริยสัจ

หนทางนี้ท่านย่อมรู้อยู่แก่ใจดีว่าเป็นอวิชชาหรือไม่

พระพุทธเจ้าท่านสำเร็จสมาบัติแปด รูปฌาณ 4และ อรูปฌาณ4
ตั้งแต่เป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ฝึกได้ภายในวันเดียว ซึ่งอาจารย์ของ
ท่านในต้องใช้เวลาฝึกถึง 10 ปีจึงสำเร็จ แถมเจ้าชายสิทธัตถะ
ยังสามารถใช้ฌาณสมาบัติได้รวดเร็วกว่าผู้เป็นอาจารย์หลายเท่า

แต่ด้วยความที่บำเพ็ญโพธิญาณจนบารมีเต็มทั้งสิบทัศ ท่านจึง
รู้สึกได้ว่าความวิเศษนี้ ยังไม่ใช่หนทางที่จะพ้นทุกข์ไปได้ แม้ว่า
อาจารย์ของท่านจะเห็นความสามารถและชักชวนให้ช่วยกันดูแล
สำนักสืบต่อไปก็ตาม ท่านก็ปฏิเสธและแสวงหาหนทางพ้นทุกข์
จนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในกาลต่อมา

จะเห็นได้ว่าอิทธิฤทธิ์ทั้งหลายทั้งมวล แค่เพียงเจ้าชายสิทธัตถะ
ก็ถือว่ามากสุดประมาณแล้ว ใยต้องมาบวชและตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
อีกเพื่อสิ่งใด นั่นแสดงให้เห็นว่าเส้นทางนั้นไม่ใช่ทางพ้นทุกข์ตามที่
พระพุทธองค์ท่านได้แสดงไว้ให้เห็นแล้วนั่นเอง

ปุถุชนหากตายขณะที่กำลังเข้าฌาณ ตายในรูปฌาณ ไปเกิดในพรหม
เป็นรูปพรหม ตายในอรูปฌาณ ไปเกิดในพรหมเป็นอรูปพรหม อายุยาว
นานเป็นหลายพันกัป ซึ่งนานจนบางครั้งพอนึกย้อนไปในอดีต ก็หลงไป
เลยว่าเป็นพรหมนั้นเที่ยง สามารถอยู่ได้เป็นอมตะก็มี

ผู้ที่เกิดในภพภูมิของเทวดาและพรหม ส่วนน้อยได้กลับมาเกิดสุขติภูมิ
ส่วนใหญ่ลงสู่อบายภูมิทั้งสิ้น เพราะความหลง ติดสุข ติดฌาณ เรื่องราว
เหล่านี้ท่านสามารถหาอ่านได้ในพระไตรปิฎกนะครับ มีครบหมด

เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวนะครับ หากไม่ถูกใจท่านผู้ใด ผมขอรับผิด
แต่เพียงผู้เดียว ด้วยความต้องการเพียง อยากให้ชาวพุทธเข้าใจธรรมะ
ของพระพุทธเจ้าในทางที่ถูกต้องเท่านั้น ผิดพลาดประการใดท่านผู้รู้
ทั้งหลายอโหสิกรรมให้ผมด้วยนะครับ

ขอเจริญในธรรมทุกท่านนะครับ

ปล. ขำๆนะครับ ไสยศาสตร์ แปลตามตัวคือ ศาสตร์แห่งการนอน,
การหลับ แต่พระพุทธองค์ท่านเป็น ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

อยากทราบจริงๆว่า ท่านเจ้าของกระทู้ออกจากวิชชาต่ำนั้นได้อย่างไร
พอจะเล่าให้ฟังประดับปัญญาบ้างได้ไหมครับ
Click to expand...

ตอนที่ พระพุทธเจ้า พบ องคุลิมาล พระพุทธเจ้า ก็แสดง ฤทธิ์ ให้องคุลิมาล มาบวช ได้ครับ พระพุทธเจ้า ไม่สอนให้ยึดติดครับ ฤทธิ์ แสดงได้แต่ต้อง เมตตาเยอะๆครับไม่งั้น จะเห็น กงจักร เป็นดอกบัว
สาธุ เจริญธรรม

องคุลิมาลพบพระพุทธเจ้า

เช้าตรู่วันนั้นพระบรมศาสดาทรงตรวจดูสัตว์โลก ทรงเห็นว่าองคุลิมาลเป็นผู้มีอุปนิสัยพอที่จะโปรดให้บรรลุมรรคผลได้ และทรงพระดำริเห็นว่า ถ้าพระองค์มิได้เสด็จไปโปรด องคุลิมาลก็จะกระทำมาตุฆาต ฆ่ามารดาของตนเสีย จะเป็นผู้กระทำอนันตริยกรรม ไม่สามารถบรรลุธรรมใด ๆ ได้ในชาตินี้ แม้จะได้ฟังธรรมโดยตรงจากพระพุทธองค์ พระองค์จึงเสด็จจาริกมุ่งตรงไปยังป่าชาลิวันเป็นระยะทาง ๓๐ โยชน์ เพื่อสกัดองคุลิมาลไว้มิให้ทันได้ฆ่ามารดา

ธรรมดาการเสด็จจาริกของพระผู้มีพระภาคเจ้า มี ๒ อย่างคือ เสด็จจาริกอย่างรีบด่วน ๑ เสด็จจาริกอย่างไม่รีบด่วน ๑ ใน ๒ อย่างนั้น การที่พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นบุคคลที่ควรให้ตรัสรู้ได้แม้ในที่ไกล ก็จะเสด็จไปโดยเร็วเพื่อประโยชน์แก่การตรัสรู้ของเขา ชื่อว่าเสด็จจาริกอย่างรีบด่วน. เช่นในการเสด็จไปเพื่อประโยชน์แก่พระอังคุลิมาลในครั้งนี้

ในระหว่างทางนั้นพวกคนเลี้ยงโคได้พากันวิ่งเข้าไปกราบทูลขอร้องถึง ๓ ครั้ง มิให้เสด็จไปหาองคุลิมาลเพราะกลัวพระองค์จะได้รับอันตราย แต่พระพุทธองค์ทรงเฉยเสียแล้วเสด็จดำเนินต่อไปจนถึงป่าชาลิวัน

โจรองคุลิมาลได้เห็นพระผู้มีพระภาคเสด็จมาแต่ไกล ก็คิดว่าน่าประหลาดจริงหนอ เมื่อก่อน แม้พวกบุรุษมากันสิบคนก็ดี ยี่สิบคนก็ดี สามสิบคนก็ดี สี่สิบคนก็ดี ก็ยังต้องรวมเป็นกลุ่มเดียวกันเดินทาง แต่ถึงอย่างนั้น บุรุษพวกนั้นยังต้องตายเพราะมือเรา นี่มีเพียงสมณะนี้ผู้เดียว ไม่มีเพื่อนมาด้วย ชะรอยสมณะนี้คงจะมีดีอะไรสักอย่างแล้วจะมาลองดีกับเรา ถ้ากระไร เราพึงปลิดชีวิตสมณะนี้เถิด ครั้งนั้น องคุลิมาลโจรถือดาบและโล่ผูกสอดแล่งธนู ติดตามพระผู้มีพระภาคไปทางพระปฤษฎางค์ ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงบันดาลอิทธิฤทธิ์ ในลักษณะที่องคุลิมาลจะวิ่งจนสุดกำลัง ก็ไม่อาจทันพระผู้มีพระภาค ผู้เสด็จไปตามปกติได้

เมื่อเป็นดังนั้น องคุลิมาลโจรก็ได้มีความคิดว่า น่าอัศจรรย์จริง เมื่อก่อนนี้ แม้ช้างกำลังวิ่ง ม้ากำลังวิ่ง รถกำลังแล่น เนื้อกำลังวิ่ง เราก็ยังวิ่งตามจับได้ แต่ว่านี่เราวิ่งจนสุดกำลัง ยังไม่อาจทันสมณะนี้ซึ่งเดินไปตามปกติได้ คิดดังนี้แล้ว จึงหยุดยืนกล่าวกะพระผู้มีพระภาคว่า จงหยุดก่อนสมณะ จงหยุดก่อนสมณะ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เราหยุดแล้ว องคุลิมาล ท่านเล่าจงหยุดเถิด

ครั้งนั้น องคุลิมาลโจรคิดอยู่ว่า สมณศากยบุตรเหล่านั้น ปกติมักเป็นคนพูดจริงมีปฏิญญาจริง แต่สมณะรูปนี้ กำลังเดินไปอยู่แท้ ๆ กลับพูดว่า เราหยุดแล้ว คงจะต้องมีนัยอะไรสักอย่าง เราน่าจะถามสมณะรูปนี้ดูจะดีกว่า

ครั้งนั้น องคุลิมาลโจรได้กราบทูลพระผู้มีพระภาค สมณะ ท่านกำลังเดินไป ยังกล่าวว่า เราหยุดแล้ว และยังกล่าวกะข้าพเจ้าผู้หยุดแล้ว ว่าไม่หยุด สมณะ ข้าพเจ้าขอถามท่านว่า ท่านหยุดแล้วเป็นอย่างไร ข้าพเจ้ายังไม่หยุด เป็นอย่างไร?

ประพน · 22 กรกฎาคม 2013

มาได้จังหวะเลยคุณโบ้

สรุป คือ การใช้ฤทธิ์หรือมนต์ต่างๆ นั้น ขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้ใช้ ถ้าเจตนาเราดี เช่น นำไปใช้ในสัมมาอาชีพ ก็เป็นสิ่งที่ดีใช่ไหมคุณโบ้ ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจตนาและจุดประสงค์

Workgroup · 22 กรกฎาคม 2013

ประพน said: ↑

มาได้จังหวะเลยคุณโบ้

สรุป คือ การใช้ฤทธิ์หรือมนต์ต่างๆ นั้น ขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้ใช้ ถ้าเจตนาเราดี เช่น นำไปใช้ในสัมมาอาชีพ ก็เป็นสิ่งที่ดีใช่ไหมคุณโบ้ ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจตนาและจุดประสงค์
Click to expand...

สัมมาอาชีวะเป็นหนึ่งในมรรค 8 หรือ มรรคมีองค์แปด
เลี้ยงชีพชอบ หมายถึงการทำมาหากินด้วยอาชีพที่สุจริต
ฆราวาส สัมมาอาชีวะ หมายถึง การเว้นมิจฉาอาชีวะ อันได้แก่ การเลี้ยงชีพไม่ชอบ คือการแสวงหาปัจจัยมาบริโภคที่มิชอบ คือการโกงหรือหลอกลวง เว้นการประจบสอพลอ การบีบบังคับขู่เข็ญ และการต่อลาภด้วยลาภ หรือก็คือการแสวงหาลาภโดยไม่ประกอบด้วยความเพียร (สัมมาวายามะ ) คือขี้เกียจ อยากได้มาง่ายๆโดยไม่อาศัยกำลังแห่งสติปัญญาและแรงกาย ซ้ำโลภจนไม่ชอบธรรม เช่น เบียดเบียนลูกจ้าง และทำลายสิ่งแวดล้อม สังคม เพื่ออย่างได้มาก เสียให้น้อย

ครับพี่ประพน ถ้าเราไม่ได้ทำผิดศีล ห้า ก็ทำไปเลยครับ ทำเผื่อ เป็น สัมมาอาชีพ ก็ อยู่ใน มรรคมีองค์แปด อยู่แล้วครับ สาธุครับพี่ เอาของดีมาแบ่งผมมั่งครับห้าห้า

ประพน · 22 กรกฎาคม 2013

Workgroup said: ↑

สัมมาอาชีวะเป็นหนึ่งในมรรค 8 หรือ มรรคมีองค์แปด
เลี้ยงชีพชอบ หมายถึงการทำมาหากินด้วยอาชีพที่สุจริต
ฆราวาส สัมมาอาชีวะ หมายถึง การเว้นมิจฉาอาชีวะ อันได้แก่ การเลี้ยงชีพไม่ชอบ คือการแสวงหาปัจจัยมาบริโภคที่มิชอบ คือการโกงหรือหลอกลวง เว้นการประจบสอพลอ การบีบบังคับขู่เข็ญ และการต่อลาภด้วยลาภ หรือก็คือการแสวงหาลาภโดยไม่ประกอบด้วยความเพียร (สัมมาวายามะ ) คือขี้เกียจ อยากได้มาง่ายๆโดยไม่อาศัยกำลังแห่งสติปัญญาและแรงกาย ซ้ำโลภจนไม่ชอบธรรม เช่น เบียดเบียนลูกจ้าง และทำลายสิ่งแวดล้อม สังคม เพื่ออย่างได้มาก เสียให้น้อย

ครับพี่ประพน ถ้าเราไม่ได้ทำผิดศีล ห้า ก็ทำไปเลยครับ ทำเผื่อ เป็น สัมมาอาชีพ ก็ อยู่ใน มรรคมีองค์แปด อยู่แล้วครับ สาธุครับพี่ เอาของดีมาแบ่งผมมั่งครับห้าห้า
Click to expand...

ของดีก็รอคุณโบ้มาเอาอยู่อ่ะครับ เดี๋ยวไว้รอปรอทหมอกครับ

apiraks · 22 กรกฎาคม 2013

Workgroup said: ↑

ตอนที่ พระพุทธเจ้า พบ องคุลิมาล พระพุทธเจ้า ก็แสดง ฤทธิ์ ให้องคุลิมาล มาบวช ได้ครับ พระพุทธเจ้า ไม่สอนให้ยึดติดครับ ฤทธิ์ แสดงได้แต่ต้อง เมตตาเยอะๆครับไม่งั้น จะเห็น กงจักร เป็นดอกบัว
สาธุ เจริญธรรม

องคุลิมาลพบพระพุทธเจ้า

เช้าตรู่วันนั้นพระบรมศาสดาทรงตรวจดูสัตว์โลก ทรงเห็นว่าองคุลิมาลเป็นผู้มีอุปนิสัยพอที่จะโปรดให้บรรลุมรรคผลได้ และทรงพระดำริเห็นว่า ถ้าพระองค์มิได้เสด็จไปโปรด องคุลิมาลก็จะกระทำมาตุฆาต ฆ่ามารดาของตนเสีย จะเป็นผู้กระทำอนันตริยกรรม ไม่สามารถบรรลุธรรมใด ๆ ได้ในชาตินี้ แม้จะได้ฟังธรรมโดยตรงจากพระพุทธองค์ พระองค์จึงเสด็จจาริกมุ่งตรงไปยังป่าชาลิวันเป็นระยะทาง ๓๐ โยชน์ เพื่อสกัดองคุลิมาลไว้มิให้ทันได้ฆ่ามารดา

ธรรมดาการเสด็จจาริกของพระผู้มีพระภาคเจ้า มี ๒ อย่างคือ เสด็จจาริกอย่างรีบด่วน ๑ เสด็จจาริกอย่างไม่รีบด่วน ๑ ใน ๒ อย่างนั้น การที่พระองค์ทรงทอดพระเนตรเห็นบุคคลที่ควรให้ตรัสรู้ได้แม้ในที่ไกล ก็จะเสด็จไปโดยเร็วเพื่อประโยชน์แก่การตรัสรู้ของเขา ชื่อว่าเสด็จจาริกอย่างรีบด่วน. เช่นในการเสด็จไปเพื่อประโยชน์แก่พระอังคุลิมาลในครั้งนี้

ในระหว่างทางนั้นพวกคนเลี้ยงโคได้พากันวิ่งเข้าไปกราบทูลขอร้องถึง ๓ ครั้ง มิให้เสด็จไปหาองคุลิมาลเพราะกลัวพระองค์จะได้รับอันตราย แต่พระพุทธองค์ทรงเฉยเสียแล้วเสด็จดำเนินต่อไปจนถึงป่าชาลิวัน

โจรองคุลิมาลได้เห็นพระผู้มีพระภาคเสด็จมาแต่ไกล ก็คิดว่าน่าประหลาดจริงหนอ เมื่อก่อน แม้พวกบุรุษมากันสิบคนก็ดี ยี่สิบคนก็ดี สามสิบคนก็ดี สี่สิบคนก็ดี ก็ยังต้องรวมเป็นกลุ่มเดียวกันเดินทาง แต่ถึงอย่างนั้น บุรุษพวกนั้นยังต้องตายเพราะมือเรา นี่มีเพียงสมณะนี้ผู้เดียว ไม่มีเพื่อนมาด้วย ชะรอยสมณะนี้คงจะมีดีอะไรสักอย่างแล้วจะมาลองดีกับเรา ถ้ากระไร เราพึงปลิดชีวิตสมณะนี้เถิด ครั้งนั้น องคุลิมาลโจรถือดาบและโล่ผูกสอดแล่งธนู ติดตามพระผู้มีพระภาคไปทางพระปฤษฎางค์ ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงบันดาลอิทธิฤทธิ์ ในลักษณะที่องคุลิมาลจะวิ่งจนสุดกำลัง ก็ไม่อาจทันพระผู้มีพระภาค ผู้เสด็จไปตามปกติได้

เมื่อเป็นดังนั้น องคุลิมาลโจรก็ได้มีความคิดว่า น่าอัศจรรย์จริง เมื่อก่อนนี้ แม้ช้างกำลังวิ่ง ม้ากำลังวิ่ง รถกำลังแล่น เนื้อกำลังวิ่ง เราก็ยังวิ่งตามจับได้ แต่ว่านี่เราวิ่งจนสุดกำลัง ยังไม่อาจทันสมณะนี้ซึ่งเดินไปตามปกติได้ คิดดังนี้แล้ว จึงหยุดยืนกล่าวกะพระผู้มีพระภาคว่า จงหยุดก่อนสมณะ จงหยุดก่อนสมณะ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า เราหยุดแล้ว องคุลิมาล ท่านเล่าจงหยุดเถิด

ครั้งนั้น องคุลิมาลโจรคิดอยู่ว่า สมณศากยบุตรเหล่านั้น ปกติมักเป็นคนพูดจริงมีปฏิญญาจริง แต่สมณะรูปนี้ กำลังเดินไปอยู่แท้ ๆ กลับพูดว่า เราหยุดแล้ว คงจะต้องมีนัยอะไรสักอย่าง เราน่าจะถามสมณะรูปนี้ดูจะดีกว่า

ครั้งนั้น องคุลิมาลโจรได้กราบทูลพระผู้มีพระภาค สมณะ ท่านกำลังเดินไป ยังกล่าวว่า เราหยุดแล้ว และยังกล่าวกะข้าพเจ้าผู้หยุดแล้ว ว่าไม่หยุด สมณะ ข้าพเจ้าขอถามท่านว่า ท่านหยุดแล้วเป็นอย่างไร ข้าพเจ้ายังไม่หยุด เป็นอย่างไร?
Click to expand...

อันนี้จริงครับ, อิทธิฤทธิ์เหล่านี้พระพุทธเจ้าท่านใช้เพื่ออรรถเพื่อธรรม
เมื่อใช้แล้วสามารถปราบทิฐิของคนได้ สามารถทำให้หลุดให้พ้นได้
จะเห็นได้ว่าพระพุทธเจ้าท่านจะกระทำในองค์ประกอบนี้เท่านั้น คือ
1.ถูกต้อง 2.มีประโยชน์

พระพุทธองค์ - ถูกต้องและมีประโยชน์
ปุถุชน - ถูกใจเป็นหลัก ถูกต้องหรือมีประโยชน์ไม่สำคัญ

แม้ได้ยินอีกกี่ครั้งก็คงอดอนุโมทนาสาธุไม่ได้, ขอบคุณท่านโบ้ที่นำมาให้อ่านนะครับ

ขอเจริญในธรรมทุกท่านครับ

นายเก่ง · 22 กรกฎาคม 2013

วันนี้ไปเวียนเทียนมา
ถือโอกาสทำบุญ เอาบุญฝาก ท่านประพนธ์ เเละพี่น้องทุกท่านครับ

-ถวายผ้าไตร
-ปิดทองลูกนิมิตร
-บริจาคอื่นๆ นึกไม่ออกเอาเป็นว่าบุญก็เเล้วกัน...
อนุโมนาสาธุ!! ^^

ประพน · 22 กรกฎาคม 2013

apiraks said: ↑

อันนี้จริงครับ, อิทธิฤทธิ์เหล่านี้พระพุทธเจ้าท่านใช้เพื่ออรรถเพื่อธรรม
เมื่อใช้แล้วสามารถปราบทิฐิของคนได้ สามารถทำให้หลุดให้พ้นได้
จะเห็นได้ว่าพระพุทธเจ้าท่านจะกระทำในองค์ประกอบนี้เท่านั้น คือ
1.ถูกต้อง 2.มีประโยชน์

พระพุทธองค์ - ถูกต้องและมีประโยชน์
ปุถุชน - ถูกใจเป็นหลัก ถูกต้องหรือมีประโยชน์ไม่สำคัญ

แม้ได้ยินอีกกี่ครั้งก็คงอดอนุโมทนาสาธุไม่ได้, ขอบคุณท่านโบ้ที่นำมาให้อ่านนะครับ

ขอเจริญในธรรมทุกท่านครับ
Click to expand...

ขอบคุณท่านบัณฑิตนักอ่านอีกครั้งครับ

ประพน · 22 กรกฎาคม 2013

นายเก่ง said: ↑

วันนี้ไปเวียนเทียนมา
ถือโอกาสทำบุญ เอาบุญฝาก ท่านประพนธ์ เเละพี่น้องทุกท่านครับ

-ถวายผ้าไตร
-ปิดทองลูกนิมิตร
-บริจาคอื่นๆ นึกไม่ออกเอาเป็นว่าบุญก็เเล้วกัน...
อนุโมนาสาธุ!! ^^
Click to expand...

อนุโมทนาบุญกับคุณเก่งด้วยนะ สาธุ

ประพน · 22 กรกฎาคม 2013

ขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมสมทบทุนสร้างกุฏิสงฆ์จำนวน 40 ห้อง ณ วัดทุ่งครุ

ขอเรียนเชิญทุกท่านร่วมทำบุญวิหารทาน สร้างกุฏิสงฆ์จำนวน 40 ห้อง ณ วัดทุ่งครุ แขวงทุ่งครุ เขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ

ติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ พระครูสุนทรจารุวรรณ (เจ้าอาวาสวัดทุ่งครุ) 02 464 1184

หรือจะสอบถามกับผมโดยตรงได้ที่ 0863481640 ประพนธ์

ปล. ใครสะดวกจะร่วมพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงคลและร่วมทำบุญ วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม 2556 เชิญไปได้นะครับ ส่วนเลขที่บัญชีวัดผมไม่รู้ครับ ต้องลองสอบถามกับทางวัดดูครับหรือร่วมทำบุญกับผมก็ได้ครับ ในวันพิธีจะนำเงินไปร่วมทำบุญและจะแจ้งยอดก่อนวันพิธีครับ 126 077 5596 ธ.กรุงเทพ ออมทรัพย์ อรรพรรณ์ ปลื้มละมัย

รายชื่อพระเกจิที่ร่วมพิธีพุทธาภิเษกวัตถุมงค
หลวงพ่อเฉลิม วัดจันทาราม
หลวงพ่อชาญ วัดบางบ่อ
หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร
หลวงพ่อจง วัดเอี่ยมประชามิตร
หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม(อยุธยา)
หลวงพ่อรวย วัดตะโก
หลวงพ่อพูล วัดบ้านแพน
หลวงพ่อแม้น วัดหน้าต่างนอก
หลวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฎีทอง
หลวงปู่ปัญญา วัดหนองผักหนาม
หลวงพี่น้ำฝน วัดไผ่ล้อม(นครปฐม)
หลวงพ่อหลาย วัดคันลัด
เจ้าคุณหมู วัดทรงธรรมวรวิหาร
หลวงพ่อเสนาะ วัดผงท่าข้าม
ครูบาปั๋น วัดเกศแก้วบูรพา
หลวงพ่อรวย วัดครุใน
หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ วัดลำกระดาน
หลวงพ่อมหาตุ๊ วัดแค(พระประแดง)
หลวงพ่อเสริม วัดบางพลีใหญ่ใน

อนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ

poplive · 22 กรกฎาคม 2013

ลง ลบช ธนาคารของวัด คู่กับเบอร์วัด ก็ดีนะครับพี่ประพน บ้างคนอาจจะสะดวกโอนร่วมทำบุญ

ประพน · 22 กรกฎาคม 2013

poplive said: ↑

ลง ลบช ธนาคารของวัด คู่กับเบอร์วัด ก็ดีนะครับพี่ประพน บ้างคนอาจจะสะดวกโอนร่วมทำบุญ
Click to expand...

พอดีผมไม่รู้บัญชีของวัดครับ วันนี้ผมกลับมาบ้านแม่เอาใบปลิวของวัดมาให้ดูแต่ไม่ได้ลงเลขที่บัญชีไว้ครับ

DuchessFidgette · 23 กรกฎาคม 2013

ท่านทำของใส่ให้คนมีอันเป็นไป หรือบ้า ได้ไหมคะ ดิฉันเคยเจอบางที่สามารถเสกให้คนเป็นมะเร็งก็ได้ด้วย

นายเก่ง · 23 กรกฎาคม 2013

พอดีเจอในfacebook :YouLike (คลิปเด็ด)

ลองของเอามีดฟันๆๆ ''อ.ชุม,ขุนพันธ์''

เห็นเเล้วเสียวๆครับ

http://www.youtube.com/watch?v=jN5RldS2fuo&feature=youtu.be

Workgroup · 23 กรกฎาคม 2013

เกจิพระอาจารย์ หรือ อาจารย์ฆราวาส ที่เก่งๆ มนต์ คาถา ผมสั่งเกตุ นะ แต่ละ อาจารย์ จะมีประคำ 108 ประจำตัว อยู่ตลอดเวลา

shevvy · 23 กรกฎาคม 2013

ไม่ทราบว่าทำไม คนที่มีวิชาทางคงกระพัน ถึงอายุยืนคับ อย่างที่เห็นๆก็ ท่านขุนพันธ์แล้วก็ ที่จำได้ก้ หลวงพ่อเสือดำ คุณตาเสือมเหศวรและก็เสือใบ ครูพอจะทราบไหมคับ

Workgroup · 23 กรกฎาคม 2013

shevvytee said: ↑

ไม่ทราบว่าทำไม คนที่มีวิชาทางคงกระพัน ถึงอายุยืนคับ อย่างที่เห็นๆก็ ท่านขุนพันธ์แล้วก็ ที่จำได้ก้ หลวงพ่อเสือดำ คุณตาเสือมเหศวรและก็เสือใบ ครูพอจะทราบไหมคับ
Click to expand...

ถ้าเป็นผมสั่งเกตุนะครับ จุดหลัก เลย คือ ข้อ หนึ่ง ครับ

1 อยู่ที่การนั่งสมาธิครับ แล้วก็ การรักษา ศีล ด้วยครับ
2 วิชา คงกระพัน + วิชา อื่นๆ ด้วยครับที่ท่านได้เรียนมา
3 การกินอาหาร ไม่กินเนื้อสัตว์ ด้วยครับ หลวงพ่อเสือดำ ไม่ ฉันอาหาร เนื้อสัตว์ด้วยครับ หลวงพ่อ ท่าน ฉันแต่ กล้วยน้ำว้า

ประพน · 23 กรกฎาคม 2013

DuchessFidgette said: ↑

ท่านทำของใส่ให้คนมีอันเป็นไป หรือบ้า ได้ไหมคะ ดิฉันเคยเจอบางที่สามารถเสกให้คนเป็นมะเร็งก็ได้ด้วย
Click to expand...

ทำได้หรือไม่ได้ ก็อย่าเอาไปเป็นสาระเลยครับ พวกนั้นเป็นวิชชาต่ำทั้งนั้น

ประพน · 23 กรกฎาคม 2013

Workgroup said: ↑

เกจิพระอาจารย์ หรือ อาจารย์ฆราวาส ที่เก่งๆ มนต์ คาถา ผมสั่งเกตุ นะ แต่ละ อาจารย์ จะมีประคำ 108 ประจำตัว อยู่ตลอดเวลา
Click to expand...

ประคำนั้น บางท่านอาจจะเอาไว้ทำสมาธิในการบริกรรมคาถา ว่ากี่จบหรืออาจจะเอาไว้ป้องกันอันตรายต่างๆ

ประพน · 23 กรกฎาคม 2013

Workgroup said: ↑

ถ้าเป็นผมสั่งเกตุนะครับ จุดหลัก เลย คือ ข้อ หนึ่ง ครับ

1 อยู่ที่การนั่งสมาธิครับ แล้วก็ การรักษา ศีล ด้วยครับ
2 วิชา คงกระพัน + วิชา อื่นๆ ด้วยครับที่ท่านได้เรียนมา
3 การกินอาหาร ไม่กินเนื้อสัตว์ ด้วยครับ หลวงพ่อเสือดำ ไม่ ฉันอาหาร เนื้อสัตว์ด้วยครับ หลวงพ่อ ท่าน ฉันแต่ กล้วยน้ำว้า
Click to expand...

ขอเสริมต่อจากคุณโบ้เลยนะ

อยู่ที่ผลกรรมปาณาฯ ในอดีตชาติด้วย และที่สำคัญที่สุดคนที่เล่นทางคงกระพัน ขั้นแรกจะต้องทำการอฐิษฐานกับครูบาอาจารย์(ข้างบน)ในเรื่องของอายุไขก่อน

ปล. คุณตี๋ฝึกไปถึงไหนแล้ว หายไปนานเลย ลองบอกมามั่งว่าเจออะไรมาจะได้แก้ไขกันทัน เดี๋ยวมันจะเลยเถิดมากไปกว่านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

เก็บไว้ให้คิด...คนเล่นวิชชาต่ำ

ท่านอยากเรียนวิชชาใดมากที่สุด(จากการเห็นแค่ชื่อวิชชา)

วิชชาอาธรรพ์ ชั้นสูง

วิชชามหามนต์ ชั้นสูง

ประพน เป็นที่รู้จักกันดี

Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

ประพน เป็นที่รู้จักกันดี

Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

ประพน เป็นที่รู้จักกันดี

apiraks เป็นที่รู้จักกันดี

นายเก่ง เป็นที่รู้จักกันดี

ประพน เป็นที่รู้จักกันดี

ประพน เป็นที่รู้จักกันดี

ประพน เป็นที่รู้จักกันดี

poplive Active Member

ประพน เป็นที่รู้จักกันดี

DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

นายเก่ง เป็นที่รู้จักกันดี

Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

shevvy เป็นที่รู้จักกันดี

Workgroup เป็นที่รู้จักกันดี

ประพน เป็นที่รู้จักกันดี

ประพน เป็นที่รู้จักกันดี

ประพน เป็นที่รู้จักกันดี

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

เก็บไว้ให้คิด...คนเล่นวิชชาต่ำ

ท่านอยากเรียนวิชชาใดมากที่สุด(จากการเห็นแค่ชื่อวิชชา)

วิชชาอาธรรพ์ ชั้นสูง

วิชชามหามนต์ ชั้นสูง

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา