อยากสอบถามเรื่องนิพพานคะ

ตกลงบัวมีสี่เหล่า ครับ

 

เหมือนกับตอนที่ญาติเสียเลยคะ ฝรั่งเขาก็หาว่าเราเป็นบัวใต้ น้ำบอกไงก็ไม่เชื่อว่ามะเร็งระยะสุดท้ายไม่มีทางรักษาหาย ขนาดดิฉันเอายาสมุนไพรที่พระท่านรับรองเองว่ากินล้วหาย แต่ ก็ไม่หาย ทั้งๆทีพระท่าก็เป็นมะเร็งเหมือนกัน แต่ทานบอกของท่านกินแล้วหาย หมอฝรั่งเชี่ยวชาญมะเร็งเก่งที่สุดในโลกยังบอกให้ไปรอนอนตายซะพวกฝรั่งเขานั้นว่าคนไทยไม่ realistic ไม่เอาตามหลักความเป็นจริง ชอบหลอกตัวเอง ในเมื่อมันสัมผัสไม่ได้ทางประสาททั้งห้าแลวจะเอาอะไรเป็นเครื่องยืนยันที่แน่นอน เรื่อนนิพพานก็เหมือนกัน ตอนนี้ดิฉันก็ไม่ได้คิดจะไปนิพพานแล้วคะแต่มา คิดว่าเราอยู่กับปัจจุบันดีกว่า ไม่ว่าเราจะเป็นอะไร หรือต้องเกิดอีกสักกี่ชาติ ทุกนาทีที่ร้ายๆมันมีเวลาที่ผ่านไป ดี สุข ทุกข์ หมุนเวียนกัน......ถ้าเราสามารถทำใจไม่ ทุกข์ไปกับสถาณะการณ์ต่างๆได้ มันก็แค่นั้น บางทีดิฉันว่าเวลาที่เราทุกข์ นั้นเกิดจากเราดีและแคร์ที่จะทำสิ่งต่างๆให้ดีมากเกินไป......เพราะตอนนี้ก็ทุกข์จนชิน และเฉยไปแล้วคะ แต่ก็ทำให้ดิฉันภูมิใจในตัวเองอยู่ลึกๆว่าเราเป็นคนที่เก่งเกินคนธรรมดาแค่ไหน ที่ทุกอย่างที่ทำจากน้ำพักน้ำแรงสมองตัวเอง ความอดทนของจิตใจตัวเอง ทำให้ดิฉันทำในสิ่งที่คนธรรมดาๆ ทำไม่สำเร็จ แต่เราซึ่งอยู่ในสถานการณ์ เช่นนี้ แต่ยังทำสำเร็จ..... วันนี้ มีความสุขมากคะ มีข่าวดี เพราะได้ทำอะไรบางอย่างที่ยากมากๆสำเร็จด้วยตัวเอง ในประเทศที่ไม่รู้จักใครเลย แต่ ดิฉันทำสำเร็จแล้ว โดยไม่มีใครช่วยเหลือ จึงภูมิใจในตัวเอง มากๆ ว่าเรานี้ สุดยอด

 

สิ่งที่รู้ได้เฉพาะจิต สัมผัสได้เฉพาะจิต เป็นสิ่งละเอียด

การพยายามคิดจินตนาการ จะบดบังสภาวะตัวนี้ไปหมด ดังนั้น ถ้าอยากรู้ อยากเห็น ต้องฝึกให้จิต พ้นจากอำนาจการควบคุมสั่งการของความคิด

เมื่อใจ จิตมีกำลัง สติมีอำนาจ สามารถตั้งมั่นอยู่ในรู้ได้ จิตก็จะพ้นจากโซ่ตรวนของความคิด

เมื่อนั้นแล้ว ก็เหมือนกับเปิดสิ่งที่ถูกปิด หงายสิ่งที่ถูกคว่ำ สิ่งที่เคยถูกบดบังไว้ ก็จะเผยออกมาให้เห็น ให้ได้สัมผัส

แต่ถ้าจะมาบอกว่า ให้อธิบาย โดยใช้สิ่งที่บดบัง มันอธิบายไม่ได้หรอก เพราะมันบดบังของจริงตามธรรมชาติ แค่พอจะนึกจินตนาการว่ามันเป็นอย่างไร มันก็โดนบังจนไม่เหลือความจริงให้เห็น เหลือแต่สิ่งปรุงแต่งเสียแล้วนะ

สิ่งที่ DuchessFidgette ควรทำ คือ เลิกพยายามสงสัย แต่พยายามหาวิธีว่า ทำอย่างไร จึงจะพ้นจากโซ่ตรวน ของอุปาทานในขันธ์ 5 พ้นจากการต้องรับรู้ด้วย ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

เมื่อจิตเป็นอิสระจากการชักนำของสิ่งเหล่านี้ได้ ก็จะรู้เห็นได้ด้วยตัวเอง

 

ส่วนที่ hilight ไว้เป็นสีแดง นี่คือทางเบื้องต้นไปสู่นิพพาน

ส่วนที่เป็นสีน้ำเงิน คือ จิตที่จะทำให้เวียนว่ายตายเกิดไม่มีวันสิ้นสุด

 

เคยมีครูอาจารย์ยกสภาวะเทียบอวกาศ

ตัวเอง...เมื่อนักวิทยาศาสตร์สอบถามนักบินอวกาศ

ได้สัมผัสความรู้สึกนอกโลกเป็นอย่าง?

เอ!..จะให้อธิบายเรื่องของสภาวะ..มันไม่ใช่วัตถุ..มันเรื่อง

ที่รู้ได้เฉพาะตน..แต่พออุปมาเทียบเคียง..ให้ทดสอบ

เพื่อชิมลองได้...ลงไปในสระว่ายน้ำสิ..สภาพการไร้น้ำหนัก

ความรู้สึกก็อาจใกล้เคียงกัน..ตัวเค้าเองก็ยกมา..ให้ตัวเอง

เป็นมุม..มองได้เนี๊ย...แต่ต่างกันตรงที่เมื่อตัวเองขึ้นจากสระ

นักบินอวกาศกลับมาโลกความรู้สึกและสภาวะนั้นหายไป

แต่สำหรับผู้ที่ปฎิบัติจนบรรลุถึงสภาวะที่เรียกว่าชั้นโลกุตระนั้น..ๆ

ยังอยู่ไม่เสื่อมหายไปไหน..มันเป็นเรื่องของจิตรน่ะ..ตัวเอง

ตัวเค้าเองก็พยายามทำความเข้าใจที่..ครูอาจารย์ท่านอุปมา..มาก็ได้

แค่เนี๊ย..ทั้งนั้นทั้งนี้ตัวเอง..ต้องทำเอง..ได้รู้เอง..แล้วจะสิ้นสงสัยเอง

แหละตัวเอง.

ปล. สำเร็จด้วยรู้..ไม่ใช่ด้วยคิดน๊ะ..ตัวเอง.

 

อาเจ้...อาเจ้เคยเห็น..พยับแดด..ป่ะ

ขอแรงเอามาให้หน่อยดี้.

 

พยับแดดคืออะไรหรือคะ ดิฉันไม่รู้จัก คุณพูดเองแสดงคุณต้องรู้จักเป็นอย่างดี ?

 

อาเจ้..รื้อไม่รู้จักพยับแดด..!


องค์ประกอบโลก..ดวงอาทิตย์..เวลา

มีมาก่อนทุกศาสนาอีก..อาเจ้

ป๊าดดด..เห็นโคจรไปทั่ว..ไม่รู้จัก.

 

ไม่ต้องเอาภาษาบ้านคุณมาพูดกับคนอื่นหรอกคะ ดิฉันอ่านไม่ออก แล้วอยากจะเป็นพระโพธิสัตว์ แค่นี้ก็โกรธจนเนื้อเต้น

 

เอาอีกล่ะ..ชอบยัดเยียดโน่นนี่ให้คนอื่นเขา..อะไรล่ะ

ภาษบ้านผม..พยับแดดไปหาในgoogleก็มี..แล้วผม

เคยไปประกาศที่ไหนว่าเป็นโน่นเป็นนี่..หาอาเจ้..อยาก

คุยเรื่องเทียบวิทยาศาสตร์ก็หามาให้..เราก็อะธิบาย.อัยย..ย่ะ.

 

จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลย.........จงไปที่ชอบๆ

 

ยินดีด้วยครับ..ดับแล้ว?

 

จิตไม่อยากเกิดอีก
ถามจริงแล้วจิตเขาตายไปหรือยัง
คนทุกวันนี้กายตายมีวิญญานหลุด

แล้วจิตอยู่ตรงไหนขอรับ
จิตเขาตายไปเหลืออะไรอะไรหลุดหรือพระเจ้าข้า

 

DuchessFidgette กระทู้ของคุณ อภิมาร post นั้น ไม่มีอารมณ์โกรธแฝงอยู่นะ

ถ้าคิดว่ามีอารมณ์โกรธ มันก็เป็นการปรุงแต่งทางฝั่ง DuchessFidgette นะ

 

หลุดโลกไปไกลแล้ว ครับ

 

โอเค ดิฉันไม่จำเป็นต้องมาโต้ตอบพวกผู้ชายพวกนี้ เพราะการทีเราเข้ามาในเวปนี้ก็เพราะแสวงหาธรรมะหรือสิ่งที่ไม่รู้ นี้อาจจะเป็นสาเหตุว่าทำไมดิฉันถึงพอใจจะอยู่ที่ต่างประเทศมากกว่าเมืองไทย ที่เมืองที่ดิฉันอยู่มีคนมากมายที่ต่างดำเนินชีวิตไปบนหนทางของตัวเองโดยที่เราไม่ก้าวก่ายการตัดสินใจของคนอื่น เช่น คนที่รู้จักดิฉันบางคนที่เป็นลูกผสมฝรั่งกับคนดำ เขาพูดถึงพระพุทธเจ้าในทางไม่ดีด้วยซ้ำให้ดิฉันได้ยิน เพราะเขาเป็นคาโธลิก แต่ดิฉันก็ไม่เคยไปโกรธหรือด่าว่าเขา บางคนก็เอาเศียรพระมาปักดอกไม้ทำแจกัน แต่ดิฉันมองลึกไปท่การปฏิบัติมากกว่า เรื่องทางรูปวัตถุภายนอก ผิดหรือ ถ้าดิฉันไม่เข้าใจนิพพานแล้วมาถาม คำถามก็ถามอยู่ ให้ตอบตรงคำถามไม่ใช่ตบอย่างอื่น คุณก็ดูที่อภิมารเขาเขียน เป็นการกะแทกแดกดัน ใครที่ดูไม่ออกก็ปัญญาอ่อนแล้ว เช่นการมาพูดเรื่อง ยานอวกาศปล่อยออกนอกโลก...... เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคำถามนี้ และ บางทีก็มาเรียกดิฉันหยาบๆคายๆ ภาษาที่เขาใช้เรียกแม่ค้าในตลาด ดิฉันไม่เคยไปด่าเขาก่อน ฝากไว้แค่นี้แหละ.....ดิฉันเข้าใจว่าคนในนี้หลายคนโลกแคบพูดด้วยยาก แต่ดิฉันไม่โกรธหรอกเรื่องแค่นี้เพราะ ดิฉันเคยเจออะไรที่หนักๆที่คนในเวปนี้ไม่เคยเคยเจอมาก่อนมากมาย....... เรื่องแค่นี้ไม่ได้ทำให้ดิฉันโกรธหรอกคะ เพราะขนาดพวกคนที่ฆ่าคนที่รักของดิฉัน ต่อหน้าต่อตาดิฉัน ดิฉันยังอภัยให้พวกเขาด้วยซ้ำ ทั้งยังจะยกมรดกของเราให้พวกเขา ตามที่พวกเขาอยากได้...... แล้วนับประสาอะไรคนอย่างอภิมาร ชื่อก็บอกอยู่ จะต้องไปโกรธเขาด้วย

 

ควรจะเลิกใส่ใจผู้อื่น แล้วหันมาดูใจตนเอง ปฏิบัติอย่างจริงจังได้แล้ว

 

ดีแล้วครับ.อย่าไปโกรธเลยยิ่โกรธยิ่งให้กำลัง

กับมาร..กิเลสมันกินอารมณย์เป็นอาหารน๊ะครับ

มารย่อมทำเพื่อกิเลส..เมื่อมารมีกำลังมากเข้า

จากมาร..เป็น..พาล.มันพัฒนาเร็วถ้าเราไม่รู้

เท่าทันมัน..เลือกคบบัณฑิตยินดีด้วยครับ.

 

คุณ Duchess... คุณเป็นผู้ที่มีบุญบารมีมากนะครับ.

หลายกระทู้ที่คุณเขียนขึ้น รวมทั้งแสดงความเห็น
บ่งบอกว่าคุณเป็นผู้ที่ไม่ธรรมดา สั่งสมอะไรๆ มาไม่น้อย
กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ...
อาจจะมีผิดบ้าง เป็นเรื่องธรรมดาของผู้ที่ยังต้องเวียนว่ายอยู่ในวัฏฏะ

สมาชิกทุกท่าน ล้วนแล้วแต่เป็นกัลยาณมิตร
และพยายามตอบคำถามของคุณ Duchess อย่างดีที่สุด...

คำตอบจากบางท่าน อาจจะดูเข้มข้นในบางครั้ง หรืออาจจะมีเกินไปบ้าง
เพราะคนเราต่างธาตุ ต่างจริต เมื่อโคจรมาพบกัน
ย่อมต้องมีที่ถูกใจ และไม่ถูกใจเป็นของธรรมดา

สภาวะบางอย่างก็เกินวิสัยของปุถุชนคนธรรมดา ที่จะตอบคำถามแบบชี้ชัดลงไปได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องที่เกี่ยวกับพระนิพพาน ซึ่งเป็นสภาวะอันเหนือล้ำ

บางอย่างจะรู้ชัดได้ ก็ต่อเมื่อ "ได้รู้ได้เห็นด้วยตัวเอง"

ถ้าเราเป็นครูสอนเด็กนักเรียน เราพูดถึงไข่ไก่ มีเด็กคนหนึ่งไม่เคยเห็นไข่ไก่
เราต้องการให้เด็กรู้ เราจะเลือกสอนแบบไหน ระหว่าง...
1. พยายายามอธิบายลักษณะของไข่ไก่ โดยที่ไม่มีไข่ให้เด็กเห็น
2. นำไข่ไก่มาให้เด็กดู

เพราะการอธิบายโดยไม่ได้รู้เห็นจริง ใช้ตำราพันเล่ม ก็ไม่มีทางเห็นภาพ

ด้วยอะไรหลายๆ อย่างในตัวคุณ Duchess ที่ไม่ธรรมดา... ผมเชื่อว่าในวันข้างหน้า
คุณก็จะรู้ชัดถึง "พระนิพพาน" ได้ด้วยตัวเอง.

 

เห็นด้วยอย่างยิ่ง คุณ Duchess แกมีฐานเดิม ใช้ได้แต่ยังไม่เจอ คู่ปรับ เท่านั้นเอง
ฝากคำถามไว้นะครับ "คุณลงมาเพื่ออะไร ความตั้งใจเดิมคืออะไร"