หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง เพชรบุรี

ทางที่ดีผมว่าหากจะเช่าหาบูชาผมว่าเชิญที่วัดดีกว่าครับ มั่นใจได้แล้วแถมเงินทำบุญเต็มๆ ครับพี่น้อง

 

ผมเห็นด้วยกับคุณชาวประมงครับ ตอนนี้ยังมีวัตถุมงคลของหลวงพ่อที่น่าสนใจ ตกค้างอยู่ทีวัดอีกหลายรายการ หากหมดเมื่อไร จะหาของที่ไว้ใจได้ เชื่อถือได้ค่อนข้างลำบาก เพราะใครมีไว้ต่างก็หวงแหน ราคาก็แพงขึ้นทุกวัน ของปลอมระบาดมาก อีกอย่างหนึ่ง ทางวัดประกาศงดสร้างวัตถุมงคลมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๑ และยังไม่มีการสร้างปลุกเสกใด ๆ ตลอดระยะเวลา ๓ ปี ที่ผ่านมา แม้ทางวัดกำลังดำเนินการก่อสร้างกุฏิสงฆ์หลังใหม่ ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จก็ตาม ตอนนี้หลวงพ่ออาพาธอยู่ ร.พ.วิชัยยุทธ พวกศิษย์ทุกคนก็ภาวนาขอให้หลวงพ่อหายอาพาธในเร็ววัน เพื่อที่จะอยู่กับลูกศิษย์ได้นาน ๆ ชีวิตของหลวงพ่อสำคัญกว่าผลประโยชน์ใด ๆ ที่ทางวัด หรือ ศิษย์จะได้รับ ผมเชื่อว่า ทางวัดจะไม่มีการสร้างวัตถุมงคลใด ๆ อีกแน่นอน อีกอย่างหนึ่ง วัดนี้ไม่มีพวกพุทธพาณิชย์หรือนายทุนเข้ามาเกี่ยวข้องในการสร้างวัตถุมงคลของทางวัดทุกรุ่น วัดลงทุนเอง สร้างเอง และให้บูชาเอง ที่มีตามศูนย์นั้น เขาบูชามาจากวัดอีกต่อหนึ่ง ไม่ใช่ตัวแทนทางวัด หรือไม่ก็เก๊ไปเลย

สนใจที่จะบูชาพระเครื่องของทางวัดก็คลิกเข้าไปดูรายการตามลิงค์ที่แนบนะครับ

Picasa Web Albums - bigfish - Amulets#

 

ล็อกเก็ต รุ่นหนึ่ง แบบเต็มองค์ สร้างเมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๔๓ จำนวน ๓๐๐ อัน ด้านหลังอุดผงและเส้นเกศา มีผ้าจีวรแปะติด

ล็อกเก็ต รุ่นหนึ่ง แบบครึ่งองค์ สร้างในปี พ.ศ. ๒๕๔๔ มีจำนวนการสร้างทั้งสิ้น ๓๓๒ อัน แยกออกเป็น ๓ สี คือ

สีฟ้าจีวรริ้ว จำนวน ๓๐ อัน ด้านหลังบรรจุตะกรุด ๕ ดอก คือ ทองคำ ๒ ดอก เงิน ๑ ดอก ทองแดง ๑ ดอก และ ทองเหลือง ๑ ดอก

สีเหลือง จำนวน ๑๕๐ อัน บรรจุตะกรุด ๕ ดอก เช่นเดียวกับสีฟ้า จำนวน ๔๗ อัน ตะกรุด ๓ ดอก คือ ทองเหลือง เงิน ทองแดง จำนวน ๑๐๓ อัน

สีฟ้า สร้าง ๑๕๒ อัน บรรจุตะกรุด ๓ ดอก ทองเหลือง เงิน ทองแดง

ล็อกเก็ตรุ่นหนึ่งทั้งแบบเต็มองค์ และ ครึ่งองค์ ด้านหลังบรรจุผงเก่าของหลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ผสมกับผงพุทธคุณของหลวงพ่ออุ้น ผสมขี้ตะไบ ชนวนพระกริ่ง รุ่นพลังพุทธคุณ ผสมผงชานหมาก ผงสมเด็จเหม็น เส้นเกศา พร้อมแผ่นเงินตอกโค๊ด เรียงหมายเลขประจำทุกอัน

 

เข้ามาเยี่ยมชม ครับ ผมเกิดเมืองเพชร เช่นกัน รับรู้ได้อย่างดีว่าท่าน อุ้นเมตตามากๆๆครับ....เข้ามาติดตามผลงานน่ะครับ... ขอแจมพระเครื่องเมืองเพชร น่ะครับ เหรียญลพ.แดง รุ่น 2 เจ้าของชุบ ทองเดิมมา ลูกอมลพ.ชิน วัดท่าขาม เหรียญลพ.ม่วง งัดหนองกาทอง รุ่นแรก 2497 ครับ...

 

พี่ศิลป์พระเอามาให้ชมสวยๆ ทั้งนั้น

เห็นด้วยกับพี่เล็กพลูโต ครับ วัตถุมงคลของวัด ก่อนที่จะสร้างได้ต้องผ่านกรรมการวัดก่อน อีกอย่างใครจะมาทำแบบสุ่มสี่สุ่มแปด ก็ไม่ได้นะครับ ที่นี้กรรมการวัดเข้มแข็ง มีประกาศชัดเจนครับ ส่วนความคิดเห็นผมเกี่ยวกับวัตถุมงคลชุดใหม่ๆ คงไม่น่าจะออกแล้วเพราะว่าหลวงปู่ก็อายุเยอะแล้วและไม่ค่อยสบายด้วย ทางวัดคงไม่สร้างจัดใหม่ๆ เพื่อรบกวนหลวงปู่แน่นอนครับ ใครก็กำลังก็บูชาที่วัดเถิด ผมก็กำลังจะหาเพิ่มเหมือนกัน อิอิ (เดี๋ยวหมดก่อน)

 

ผมว่าท่านเก่งมากนะ ไปกราบตั้งเเต่ท่านยังไม่อาพาธนานเเล้วเเละหลายครั้ง เช่าพระเเละวัตถุมงคลไว้หลายอย่างเเจกเพื่อนไปก็เยอะ มาตอนนี้รู้สึกเสียดายจัง เที่ยวหลังไปกราบท่านอีกไปอีกมองผ่านกระจกเข้าไปเห็นท่านพักจำวัดอยู่ในห้องต่อท่อช่วยหายใจก็ได้กราบท่านหน้าห้องที่เป็นกระจก ซึ่งครั้งหลังที่ว่านี้ตอนกราบได้อธิษฐานกับท่านว่า ลูกอยากได้พระเครื่องวัตถุมงคลที่หลวงพ่อปลุกเสกที่เป็นที่สุดยอดของหลวงพ่อซึ่งในใจก็รู้ว่าเป็นสมเด็จเหม็นของท่าน เเต่เงินหรือปัจจัยก็ไม่ค่อยจะมี ขอให้หลวงพ่อเมตตาให้ลูกด้วยเถอะ สิ้นสุดการกราบเเละอธิษฐานกับท่านเงยหน้ามองเข้าไปเห็นท่านลืมตาขึ้นเเล้วพูดอะไรไม่รู้กับบุรุษพยาบาลที่ดูเเลท่าน เเล้วบุรุษพยาบาลก็เดินออกมาข้างนอกตรงที่ผมนั่งกราบท่านอยู่เหมือนท่านสั่งอะไรกับพี่เขา ผมก็ทักพี่เขาก่อนเเละถามว่าพระอะไรของหลวงพ่อที่ดังเเละดีที่สุด พี่เขาบอกว่าต้องสมเด็จเหม็น เเละถามอีกว่าอยากได้หรือ ผมพยักหน้า เเกเดินเข้าไปในห้องเเละหยิบพระสมเด็จเหม็นมา3องค์ให้ผมเลือก ผมถามพี่เเกว่าเเบ่งให้ผมเช่าต่อเเพงไหม ผมมีเงินติดตัวอยู่เเค่2,000บาทเอง แกบอกเอามาให้เเก1,300บาทพอ ทีเหลือให้เก็บไว้ใช้ เเละเเกยังใจดีเอาเกศาของหลวงปู่ที่เเกเก็บไว้มาเเบ่งใส่ห่อยาให้อีกด้วย

กราบมัสการหลวงพ่อครับ

 

ผมว่าท่านมีวาระจิตที่รับรู้ความคิดคนอื่นนะเหมือนเรื่องที่ผมเล่าข้างบนนะ
อีกเรื่องก็คือเคยเเวะไปกราบท่านเเล้วท่านอาพาธไม่อยู่ เเต่อยู่ที่โรงพยาบาล ผมเดินไปที่ตู้บูชาวัตถุมงคล มีลูกศิษย์ท่านคนหนึ่งวัยกลางคนได้เอาปัจจัยหลายหมื่นบาทไปถวายหลวงพ่อที่วัดเเต่ไม่เจอเหมือนกันท่านเเละได้ฝากลูกศิษย์วัดที่ดูเเลตู้วัตถุมงคลไว้ถวายเเทน ลูกศิษย์วัดคนดังกล่าวได้เอาพระเปิมองค์สีเเดงมาตอบเเทนพี่คนที่นำปัจจัยมาถวายหลายสิบองค์ ผมอธิษฐานในใจถึงท่านอยากได้มาบูชาสักองค์ อัศจรรย์ใจจริงพี่คนนั้นเห็นผมยืนอยู่ตรงนั้นเเกยื่นส่งให้ผม1องค์ฟรีๆ ผมดีใจมากเลยคิดถึงท่านซึ่งมีจิตที่เมตตาต่อศิษย์จริงๆ

 

เช่าหาที่วัดสบายใจที่สุดใช่ไหมครับได้ทำบุญกับทางวัดด้วย
เพราะท่านเป็นเกจิที่ดังมาก ผมกลัวว่าเวลาทางวัดสั่งปั๊มพระ ทำพระ กลัวว่าทางร้านที่รับทำจะทำเผื่อเอาไว้ ตำหนิเหมือนกันทุกอย่าง เพียงเเต่หลวงพ่อไม่ได้ปลุกเสกให้
ผมเคยเดินตามสนามพระเห็นพระของหลวงพ่ออุ้น หลวงพ่อสาคร หลวงปู่กาหลง หลวงพ่อตัด เเละอีกหลายหลวงพ่อที่ดังๆ เยอะมากๆเเต่ละเเผง เเละมีเก็บทุกเเผง มาคิดถึงจำนวนสร้างของรุ่นนั้นๆ ซึ่งเเต่ละเเผงที่เห็นมารวมกัน จำนวนเลยเเน่นอน เลยไม่กล้าเช่าตามเเผง ไปเช่าที่วัดดีกว่า

 

ปฏิปทาหลวงพ่ออุ้น จากคำบอกเล่าของ หมู่เอก ศิษย์รับใช้ใกล้ชิด<O</O
๑. ยึดถือสัจจะเรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงปี ๔๘ มีลูกศิษย์กลุ่มหนึ่งเดินทางมาจากกรุงเทพฯ มาถึงวัดก็เกือบ ๖ โมงเย็น ขณะนั้นหลวงพ่อท่านสรงน้ำเสร็จเรียบร้อย กำลังนั่งพักผ่อนร่างกายของท่านตรงที่ต้อนรับญาติโยมอย่างสบายใจ โดยมีผม (หมู่เอก) และลูกศิษย์หลวงพ่ออีก ๕ คน นั่งอยู่ด้วย<O</O
ลูกศิษย์จาก กทม. เดินหายไปพักหนึ่ง กลับมาพร้อมกับ เหล็กสักด้ามยาว ๑ ด้าม คลานเข้ามากราบ ลพ.อุ้น ก่อนจะพูดว่า "หลวงพ่อเมตตาสักอักขระ ให้ผมสักหน่อย” ลพ.มองหน้าพี่คนนั้นแล้วยิ้ม ก่อนตอบว่า "เลิกแล้ว"พี่คนนั้นก็ยังไม่ละความพยายาม ได้นั่งบีบนวดหลวงพ่อก่อนขอความเมตตาท่านอีกครั้ง<O</O
คราวนี้หลวงพ่อคิ้วขมวดเล็กน้อย ก่อนตอบว่า ฉันสัญญาแล้ว แต่ความพยายามของพี่ที่มาจาก กทม. นั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ยังนั่งสนทนาพูดคุย ส่วนเหล็กสักที่จะนำมาให้หลวงพ่ออุ้นเมตตาสักให้นั้น ก็วางไว้ข้าง ๆ ตัว สายตาผมเหลือบมองนาฬิกาตอนนั้น ประมาณ ๑๙.๓๐ น. ตอนนั้นคิดในใจ ถ้าหลวงพ่อสัก ผมจะสักด้วย เพราะเคยได้ยินแต่คำล่ำลือว่า ลพ.อุ้น เคยเป็นอาจารย์สัก แต่เลิกสักนานมาแล้ว และก็ได้ลั่นวาจาว่า จะไม่สักอีกตลอดชีวิต ผมเคยถามท่านอยู่เหมือนกัน ว่าทำไมถึงเลิกสัก ท่านเมตตาตอบว่า<O</O
“กูขี้เกียจ กูรำคาญ ดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่ได้หลับได้นอน มาอยู่กันเต็มไปหมด บางคนไปทำเรื่องไม่ดี เสือกไปบอกเขาว่า เป็นศิษย์ของกู พวกมันทำเลวไม่พอ ยังพากูติดร่างแหไปด้วย แล้วกูจะส่งเสริมไอ้พวกที่ทำเลวทำไม” ผมเลยถึงบางอ้อ ตั้งแต่นั้นมา ว่าทำไมหลวงพ่อถึงเลิกสัก (หลวงพ่อพูดกับศิษย์ใกล้ชิด ท่านใช้ภาษาเดียวกับหลวงพ่อคูณครับ-อ.เล็ก)<O</O
ในที่สุดในวันนั้น ก็ไม่มีรายการสักใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะตื๊ออย่างไรก็ตาม
<O</O
๒. เมตตากรุณา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใคร ๆ ที่มีโอกาสได้ไปกราบหลวงพ่ออุ้น ในช่วงก่อน ๆ ที่ท่านยังแข็งแรงอยู่มาก ท่านชอบฉันหมาก บางทีลูกศิษย์ก็มาคอยกันแน่นขนัด บางคนก็ต้องการชานหมากจาก ลพ.อุ้น บางทีผมเพิ่งตำหมากให้ ลพ.อุ้นเสร็จ ท่านยังไม่ทันได้เคี้ยวก็ขอกันแล้ว ลพ.ก็ไม่ว่าอะไร เสกแล้วก็คายออกจากปากให้เดี๋ยวนั้นเลย ทำอย่างนี้อยู่บ่อย ๆ บางครั้งก็อดสงสัยอยู่ไม่ได้ต้องถามลพ.อุ้น ว่า "หลวงพ่อทำไมไม่เคี้ยวให้นาน ๆ แล้วค่อยคายให้เขาล่ะครับ" ท่านตอบแบบ ดุ ดุ กับผมว่า “คนอื่นเดินทางมาไกล มาขอความเมตตากู กูต้องช่วยเหลือ ให้คุ้มค่ากับเศษข้าวที่เขาใส่ให้กิน ไม่สมควรให้เขาต้องรอนาน”<O</O
หรือในช่วงก่อน หรือหลังเพล ก็จะได้เห็นเป็นเรื่องปกติ ลพ.อุ้นมักจะถามว่า “มากันนี่รับข้าวกันหรือยัง รับข้าวด้วยกันไหม รับข้าวก่อนนะแล้วค่อยคุยกัน” ท่านจะถามด้วยความเมตตาอย่างนี้ทุกครั้ง จนถึงทุกวันนี้ พวกลูกศิษย์จะนำอาหารที่ท่านฉันเหลือตอนมื้อเพลไปเททิ้งประมาณ บ่าย ๓ โมง ก่อนทำความสะอาดภาชนะ เพราะต้องให้แน่ใจจริง ๆ ว่าจะไม่มีใครมากินแล้ว ดั่งคำที่หลวงพ่อเคยพูดไว้ว่า"พวกมึงอยู่วัดกินทีหลัง ให้คนที่เขามาไกล ๆ เขากินก่อน" กับข้าวให้เททิ้งบ่าย ๆ เก็บไว้ก็ยังไม่บูด เผื่อใครหิวเขาจะได้กินกัน
<O</O
นำผงกระดูกยักษ์มาสร้างพระ<O</O
เป็นเรื่องเล่าของลุง เจือ อบอุ่น อายุ ๗๐ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๑๑๘ ม.๖ ต.ดอนห้วย อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ศิษย์ฆราวาสที่ ลพ.อุ้น ใช้ให้ไปเอา ผงกระดูกนางพันธุรัตน์ยักษ์ มาเป็นส่วนผสมในการทำ พระผงสมเด็จปรกโพธิ์ ปี ๔๕ แจกครั้งแรก งานปิดทอง ณ อุโบสถวัดตาลกง (หลังใหม่) <O</O
สืบเนื่องจากวันอาทิตย์หนึ่ง ราวปี ๕๑ เมื่อหมู่เอกได้ไปติดตามข่าวสารของทางวัด มารายงานให้ พี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่รัก และศรัทธาในวัดตาลกงได้รับทราบเหมือนเช่นทุกครั้ง <O</O
หลังจากที่พระในวัดท่านฉันอาหารเพล เสร็จเรียบร้อย ก็เป็นเวลาของพวกลูกศิษย์ทั้งหลาย (ได้เวลากินข้าวก้นบาตรพระกันแล้ว) กับข้าวมากมายถูกนำมาวาง ดูแล้วในใจหมู่เอกคิด ดีกว่าภัตตาคาร (มีอาหารให้เลือกกินหลายอย่าง) ขณะนั่งล้อมวงกินข้าวกันอยู่นั้น ก็มีการพูดคุยถึง ลพ.อุ้น กันต่าง ๆ นา ๆ แล้วก็มีลุงแก่ ๆ คนหนึ่งซึ่งหมู่เอก ไม่เคยพบปะพูดคุยกันเลย มานั่งข้าง ๆ ก่อนพูดขึ้นลอย ๆ ว่า <O</O
"แหม ๆ ตอนนั้นไปเอาผงกระดูกนางพันธุรัตน์ยักษ์ให้ คุณพ่อ.อุ้น มาทำพระแจกงานปิดทอง นึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ ของ คุณพ่ออุ้น ยังขนลุกไม่หาย"<O</O
หมู่เอก ตอนนั้นกำลังจะตักข้าวเข้าปาก ก็ต้องหยุดชะงักเล็กน้อย พลัน !!! นึกถึงคำพูด
ของ ลพ.อุ้น ที่เคยเปรย ๆ ตอนแจกสมเด็จปรกโพธิ์ งานกฐินปี ๔๘ ให้ลูกศิษย์ว่า "เก็บไว้ให้ดีนะ มีผงกระดูกนางพันธุรัตน์ด้วยนะ"<O</O
หมู่เอกได้ที รีบสอบถาม "ลุง ๆ เล่าให้ผมฟังหน่อยได้ไหมว่า ความเป็นมาของผงนี้เป็นอย่างไร" แกบอกว่า กินข้าวให้อิ่มก่อนนะ เดี่ยวไปคุยกันที่ตู้พระเพราะว่าจะมารับซองกฐินไปแจกให้พรรคพวกร่วมทำบุญสร้างวัดครึ่งชั่วโมง ผ่านไป..........หลังจากสอบถามประวัติชื่อเสียง เรียงนามในขั้นต้น ต่อไปนี้เป็นบทสนทนาระหว่างหมู่เอก กับ คุณลุงเจือ อบอุ่น ที่จะมาถ่ายทอดเป็นเรื่องราวให้ทุก ๆ ท่านได้ทราบ ถึงความเป็นมาในการนำผงวิเศษ มากดเป็น พระสมเด็จปรกโพธิ์ ปี ๔๕ ครับ เรื่องจริง เหตุการณ์จริงครับ<O</O
หมู่เอก : ลุงเจือเมตตาเล่าเรื่องที่ไปนำผงที่เขานางพันธุรัตน์ ให้ทราบหน่อยครับ ผมก็เคยได้ทราบจาก ลพ.อุ้น บอกว่าแกให้ศิษย์ไปเอาผงมาทำองค์พระ และก็พบกับเหตุอัศจรรย์มากมาย<O</O
ลุงเจือ : ยิ้ม ๆ ตาเปล่งประกาย ระลึกถึงความหลังที่ไปนำผงสำคัญที่เขานางพันธุรัตน์ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ก่อนเล่าให้ฟังว่า <O</O
"ตอน พ.ศ. ๒๕๔๔ ก่อนงานปิดทอง ๑ ปี ลพ.อุ้น ได้ใช้ให้คนรู้จักมาตามถึงที่บ้าน บอกให้ไปพบที่วัดตาลกง ได้รับข่าวดังนั้น ก็รีบเดินทางมาวัดตาลกงทันที เมื่อพบกับ ลพ.อุ้น เจอหน้าท่านยังแทบไม่ทันจะได้พูดอะไร ลพ.รีบพูดก่อนเลย”<O</O
ลพ.อุ้น : ไอ้เจือ มึงไปเอากระดูกนางพันธุรัตน์ยักษ์ ให้กูหน่อย เขามาบอกให้กู<O</O
ลุงเจือ : เขาน่ะใครครับ ลพ.<O</O
ลพ.อุ้น : มึงไม่ต้องเสือกรู้ มึงไปเอามา<O</O
ลุงเจือ : ผมไม่รู้จักว่าเป็นอย่างไร และมันอยู่ตรงไหนของภูเขา ถ้า ลพ.ไม่บอก ผมคงไปเอาให้ ลพ.อุ้น ไม่ถูกหรอกครับ ภูเขาลูกออกจะใหญ่โต (ลุงเจือเล่าถึงตอนนี้แล้วก็ขำ)<O</O
ลพ.อุ้น : มึงเตรียมดอกไม้ธูปเทียน อาหารคาวหวาน ไปเซ่นที่ เจ้าพ่อเขาใหญ่ เดี่ยวจะมีคนนำทางไปเอาให้ พูดจบท่านก็ให้รีบกลับไปเตรียมตัว พร้อมกับบอกให้ชวน ลุงทรึก สว่างโชติ หรือ ไอ้ทรึก (ลูกศิษย์ของ ลพ.อุ้น อีกคนหนึ่งไปเป็นเพื่อน) <O</O
เมื่อลุงเจือกลับบ้าน ก็ได้นำเรื่องนี้ไปเล่าให้ลุงทรึกฟัง ต่างคนต่างก็งง แต่ด้วยความที่เชื่อมั่นใน ลพ.อุ้น ก็ได้ชวนกันไปที่เขานางพันธุรัตน์ในวันรุ่งขึ้น<O</O
หลังจากที่เซ่นสังเวย สิ่งของต่าง ๆ กับ เจ้าพ่อเขาใหญ่ เสร็จ ลุงเจือยังเมตตาเล่าให้ฟังว่า<O</O
"ตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่ามันอยู่ตรงไหน คิดขำ ๆ ถ้ามันอยู่บนยอดเขา ลุงคงไม่ปีนแน่ ๆ" นั่งพูดกับไอ้ทรึกไม่ทันไร เสียงไก่ขัน หันไปมองตามเสียง เห็นไก่แจ้ ตัวเมียอยู่ตัวหนึ่งโก่งคอขัน นึกแล้วยังบอกไอ้ทรึก มึงว่าใช่คนนำทางเราป่าววะ <O</O
เจ้าไก่ตัวเมียเวลาโก่งคอขันเสร็จก็ค่อย ๆ บินขึ้นเขา ตอนนั้นลุงก็รีบเดินตามขึ้นไป เดินไปอยู่พักใหญ่ สักครึ่งเขาน่าจะได้ ไอ้ไก่ตัวเมียนั้นก็หายไป แต่บริเวณที่ไก่หายไปนั้น เป็นแอ่งกว้าง ๆ เหมือนกระทะ ก็หยุดแล้วคิดในใจ ว่าน่าจะอยู่แถวนี้ <O</O
ลุงช่วยกันเดินหากับไอ้ทรึก แต่ก็ไม่รู้ว่ารูปร่างหน้าตาของกระดูกนางพันธุรัตน์ มันเป็นอย่างไร เหนื่อยก็เหนื่อย เลยนั่งพักข้าง ๆ โขดหิน ไปเจอก้อนหินอยู่หนึ่งก้อน ขนาดเท่าประมาณลูกนิมิตงานปิดทองบ้านเรานี่แหละ เห็นแล้วก็เอ๊ะ !!! ไอ้ลูกนี้มันแปลกดี เลยเอามือลองไปจับ ปรากฏว่า "ก้อนหินแตกออกมาเป็นสองเสี่ยง พร้อมกับมี ผงละเอียดสีขาว เหมือนผงปูนอยู่ด้านใน"<O</O
ตอนจับครั้งแรก ความรู้สึกเย็นวาบ ๆ เหมือนน้ำแข็ง ความรู้สึกตอนนั้นว่า ใช่แน่ ๆ ผงขาวเหมือนกระดูก (หรือจะเป็นอุบายในการบอกของ ลพ.อุ้น) ก็เลยช่วยกันกอบใส่ถุงปุ๋ย ซึ่งขณะนั้นนำไปด้วย จำนวนครึ่งถุงปุ๋ย แต่เหตุอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นอีก เมื่อขณะแบกเดินลงมาจากเขานั้น ปรากฎว่าเดินได้ ไม่เกิน ๑๐ ก้าว สักที ก็ต้องวางถุงลง ทั้ง ๆ ที่มีจำนวนไม่มาก ตอนนั้นลุงก็ยกมือท่วมหัวก่อนกล่าวดัง ๆ ว่า <O</O
"เจ้าพ่อเขาใหญ่ ลูกได้รับมอบหมายจาก ลพ.อุ้น เจ้าอาวาสวัดตาลกง ให้มานำกระดูกนางพันธุรัตน์ยักษ์ เพื่อที่จะนำไปสร้างเป็นพระสมเด็จ แจกในงานปิดทองฝังลูกนิมิต วัดตาลกง เพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป อย่าให้ได้มีอุปสรรคใด ๆ มาขวางกั้น ขอให้ลูกได้นำผงวิเศษนี้กลับไปให้ครูบาอาจารย์ ด้วยเถิด"<O</O
หลังจากบอกกล่าวเสร็จ ก็ลองยกถุงที่บรรจุผงกระดูกฯ อีกครั้ง ปรากฏว่า ลุงตัวคนเดียวสามารถแบกลงมาได้ แต่เหตุอัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้นอีก ในขณะที่จะลงมานั้น มีลิงป่าจำนวนหลายร้อยตัว มากมายเต็มไปหมด ติดตามมาส่งทั้ง ๆ ที่ตอนขึ้นไปไม่มีสักตัว พอลงมาถึงตีนเขา หันขึ้นไปมองพวกลิงพวกนั้นก็หายไปหมด ไม่เหลือสักตัว (ลุงเจือเล่าให้ฟังพร้อมกับชี้ให้ดูขนที่ลุกซู่ตามตัว ให้หมู่เอกดู) แกบอกมาตั้งแต่เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น<O</O
หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้น ก็ได้เดินทางไปกราบ ลพ.อุ้น พร้อมนำผงให้ท่านดู ท่านเห็นผงแล้ว ยิ้มน้ำหมากกระจาย หัวเราะชอบใจเป็นการใหญ่ บอก " นี่แหละๆ ของดี " พร้อมเล่าเหตุอัศจรรย์ที่เจอกับไก่ตัวเมียขันนำทาง และ ลิงป่ามาส่งหลายร้อยตัว ลพ.อุ้น ได้แต่หัวเราะ ก่อนบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจังว่า<O></O>
"ลิง และไก่พวกนั้น เป็นทหารของเจ้าพ่อเขาใหญ่เขา มาต้อนรับ และมาส่งพวกมึง" และนี่คือที่มา ของหนึ่งในส่วนผสมของผง สมเด็จปรกโพธิ์ปี ๔๕<O</O
หมายเหตุ เขานางพันธุรัตน์ยักษ์เป็นภูเขาลูกหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเหมือนคนนอน อยู่ในพื้นที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ซึ่งชาวบ้านมีความเชื่อว่านางพันธุรัตน์ยักษ์ (นิยายเรื่องสังข์ทอง) มาขาดใจตายบริเวณนี้ หลังจากที่อ้อนวอนให้พระสังข์ลงมาหา แต่พระสังข์ไม่ยอมลงจากเขา เนื่องจากอธิษฐานไม่ให้นางยักษ์ปีนขึ้นมาบนภูเขาลูกนี้ได้ ด้วยความที่เศร้าเสียใจนางจึงได้ขาดใจตายบริเวณนี้ (ภูเขาเป็นรูปเหมือนผู้หญิงนอน)
<O</O
นางยักษ์พันธุรัตน์ ก่อนสิ้นใจตายได้ทิ้งมนต์สำคัญบทหนึ่งไว้ให้พระสังข์ คือ มหาจินดามณีมนต์ เพื่อใช้เรียกเนื้อ เรียกปลา ด้วยเหตุนี้พระเกจิอาจารย์ยุคเก่า จึงมักนิยมสร้างพระเครื่อง หรือ วัตถุมงคลอันเกี่ยวเนื่องกับ นางพันธุรัตน์ยักษ์ และ พระสังข์ทอง และใช้มหามณีจินดามนต์ปลุกเสก ทำให้วัตถุมงคลนั้น ๆ เข้มขลังมีพลังอำนาจพุทธคุณด้านเมตตามหานิยม เรียกลาภผลต่าง ๆ ได้ดี เป็นที่นิยม และเสาะแสวงหาของนักนิยมสะสมพระเครื่องโดยทั่วไป
<O</O
ดังนั้น ใครมีพระสมเด็จปรกโพธิ์ ปี ๔๕ ของหลวงพ่ออุ้น ก็อย่าเก็บไว้เฉย ๆ อาราธนาขึ้นคอเถอะครับ รับรองว่า ลาภผล เงินทอง ไหลมาเทมาอย่างแน่นอน ไม่ได้โฆษณานะครับ เพราะผู้เขียนเองก็ไม่มีกับเขาเหมือนกัน ถ้ามีบุญ หมู่เอก คงจะหาให้ได้สักองค์<O</O

 

เขานางพันธุรัตน์

 

เข้ามานั่งอ่านแตดตามเรื่องเล่าสนุก ๆครับพี่เล้ก

 

ขอบคุณมากครับที่ติดตามข้อเขียน ที่ผมเรียบเรียงมาจากข้อมูลเวปวัดตาลกงอีกทีหนึ่ง วันนี้เอารูปคุณลุงเจือ อบอุ่น (ในวันที่เข้าเยี่ยมคารวะหลวงพ่อ) ศิษย์ฆราวาสของหลวงพ่ออุ้น ผู้ที่ไปนำเอากระดูกนางพันธุรัตน์ยักษ์มาทำเป็นพระสมเด็จปรกโพธิ์ ปี ๒๕๔๕ ซึ่งเป็นพระเครื่องรุ่นเดียว แบบเดียว ที่มีผงกระดูกนางยักษ์พันธุรัตน์ผสมอยู่ ใครมีจะออกตัวบอกได้นะครับ มีคนสนใจอยากได้อีกหลายคน ราคาเช่าบูชาที่ออกจากทางวัดครั้งหลังสุด ก่อนจะหมดไปจากวัด องค์ละ ๒,๕๐๐ บาท ครับ ไม่ทราบว่า มีของปลอมหรือยัง แต่อย่างไรเสีย จะเช่าหาพระของหลวงพ่ออุ้นทุกรุ่น ทุกแบบ หากเช่าจากทางวัดได้ ควรเช่าจากทางวัด พระทุกรุ่นทุกแบบมีพุทธคุณเหมือนกัน หลวงพ่อไม่เคยเลือกที่รักมักที่ชัง รุ่นหลัง ๆ ก็ใช้ได้ดีมีประสบการณ์เหมือนกัน ส่วนจะเป็นรุ่นใดบ้าง กรุณาติดตามตอนต่อไปเรื่อย ๆ นะครับ

 

ข้อมูลพี่เล็กครบครันเขียนอ่านง่ายเข้าใจง่าย เยี่ยมจริงๆสมเป็นผู้รู้อย่างกว้างขวาง

 

สวัสดีครับคุณบอย ขอบคุณครับที่ยังจำกันได้ ผมก็ไม่เคยลืมน้อง ๆ ทุกคนในเวปพลังจิต ที่หายไปเนื่องจากสุขภาพไม่ค่อยดีน่ะครับ เลยต้องหยุดพักรักษาตัว แม้แต่เวปตัวเองก็มอบหมายให้ทีมงานเป็นผู้ดูแล ยิ่งตอนนี้เวปโดนปิด เพราะผมประกาศตัวเป็นพวกเสื้อแดงเต็มตัวน่ะครับ เลยทำให้มีเวลาเข้าเวปพลังจิตทุกวัน เพื่อสร้างสรรค์งานด้านพุทธศาสนา โดยเฉพาะ เรื่องเกี่ยวกับพระเครื่อง วัตถุมงคล ที่ผมมีความถนัดเป็นพิเศษ เพราะอยู่ในวงการนี้มากกว่า ๓๐ ปี เลยแบ่งปันความรู้ให้เด็กรุ่นน้อง หรือ คนรุ่นใหม่ ได้สนใจ ศึกษาก่อนสะสม เก็บพระเครื่องรางของขลังที่เปี่ยมด้วยพุทธคุณอย่างแท้จริง อยู่ในแนวทางพุทธศาสนา ไม่ใช่ เดียรถีย์ หรือ นอกพระพุทธศาสนา อย่าง ขุนแผนโคโยตี้ เป็นต้น

 

บล็อคทุกรุ่นทุกพิมพ์ทำลายหมดแล้ว<O</O
มีคำถามจากสมาชิกเวปไซด์วัดตาลกงท่านหนึ่ง ถามว่า “ขอถามผู้รู้ครับว่าบล็อคพิมพ์ได้ทำลายหมดทุกรุ่น ทุกพิมพ์หรือไม่หากไม่หมด เหลือรุ่นไหนพิมพ์ไหนไว้บ้างและมีการสร้างเสริมหรือไม่ หากมี รุ่นไหน พิมพ์ไหน ขอถามหน่อยนะครับ และอยากได้คำตอบโดยไม่มีเจตนาแอบแฝง แต่ก็ขอให้ทำลายหมดนะครับ (ในหนังสือน่าจะกล่าวถึงบ้างในเรื่องนี้)<O</O
คุณหมู่เอก ผู้ดูแลการให้บูชาวัตถุมงคลของทางวัด ได้ตอบว่า บล๊อควัตถุมงคลทุกรุ่น ทุกพิมพ์ท่านวัดได้ทำลายทิ้งหมดแล้วครับโดยได้เก็บซากของตัวบล๊อคไว้ที่ตู้วัตถุมงคลช่วงสมัยก่อน ๆก็ได้มีการ นำออกมาให้ชมนะครับแต่เนื่องจากบล๊อคส่วนใหญ่เป็นเหล็กเมื่อเก็บในตู้มาก ๆ เข้าก็กลัวตู้จะชำรุดครับตอนนี้ได้นำไปเก็บไว้ในห้องเก็บวัตถุมงคล แล้วจะถ่ายมาให้ชมนะครับแต่คงถ่ายได้ไม่หมด คงเป็นภาพรวม ๆเนื่องจากมีจำนวนมากเหลือเกินครับ<O</O
ผมคงไม่สามารถหาภาพถ่ายบล็อคที่ถูกทำลายมาเสนอได้ เป็นอันว่า ใครสงสัยว่า รุ่นใดจะมีการทำเสริมหรือไม่ ก็ขอให้ไปดูบล็อคของจริงที่ถูกทำลายได้ที่วัด (เสาร์-อาทิตย์ สะดวกที่สุด) โทร.นัดหมู่เอกก่อนคงจะดี เพื่อความสะดวก ทั้งนี้ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย เพราะอาจจะมีผู้ไม่หวังดี หรือ ปากพล่อย พูดส่งเดชว่า พระเครื่องที่ทางวัดนำออกมาให้บูชาเรื่อย ๆ นั้น ไม่หมดซะที เป็นของเสริมกระมัง ทั้งที่หยุดสร้างมาหลายปีแล้ว ของอย่างนี้เคลียร์กันได้ครับ
สรุปง่าย ๆ ก็คือ ไม่ต้องห่วงเรื่องของเสริม หรือ ของนอกพิธี ถ้าจะห่วง ก็ขอให้ห่วงตรงที่ "ของปลอม" ระบาดมาก โดยเฉพาะ เหรียญรุ่นแรก, รูปหล่อรุ่นแรก และ รุ่นที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ถ้าต้องการเช่าบูชาจริง ๆ แนะนำให้ไปเช่าบูชาจากทางวัดโดยตรง เป็นดีที่สุดครับ<O</O

 

พี่เล็ก ครับ ฟังเรื่องสมเด็จ ปรกโพธิ์ และ ขนลุก มากๆๆครับ สุดยอดเรื่องประวัติ และข้อมูล พระอยู่ที่ผมมา หลายปี ผมยังไม่รู้เลยครับ เพราะตอนเด็กๆ ปี 2545 ที่มีการทำบุญฝังลูกนิมิต นั้นผมจำได้ว่าผมได้ไปที่วัดเองกับตัว ตอนนั้น ยังเรียนมัธยมต้น อยู่เลยครับ ได้รับมอบสมเด็จ มากจากมือพระรูปนึง นั่งแจกสมเด็จอยู่ข้างๆๆโบทถ์ที่ฝังลูกนิมิตนั่นแหละครับ ไม่ทราบว่าเป็น ลพ.อุ้น หรือป่าว เพราะตอนนั้นเด็กอยู่มากครับ ไม่รู้จักท่านครับ ไปกับครอบครัว และ ญาติ ไปกันเป็นรถกระบะ ได้มาร่วม 10 กว่าองค์ ผู้ใหญ่ที่เป็นผู้หญิงหลายคนไม่ค่อยสนใจ ก็เอามาฝากที่ผม ผมได้เอามาเก็บไว้เอง ประมาณ 7-8 องค์ ที่เหลืออยู่ที่พ่อ และ ญาติที่เอากลับบ้านไป ตอนนี้แจกไปเยอะจำไม่ได้แล้วว่าที่บ้านเหลือ กี่องค์ครับ กลับบ้านไปแล้ว จะไปหาใหม่อีกรอบครับ พี่เล็ก ถ้ายังอยู่ จะเอามาฝาก พี่เล็ก 1 องค์ครับ (ถ้าพี่เล็ก ยังไม่มี) เรื่องที่มา คือได้รับแจกจากพิธี ฝังลูกนิมิต ปี 2545 แน่นอนครับ ยังจำได้เลย ว่าไปวันที่ 7-8 ของงานนี่แหละครับ ยังจำได้ว่าเงินยอดบริจาค ล้านกว่าบาททุกคืน ยังรู้สึกทึ่งอยู่เลยครับ นั่นเป็นเหตุให้ผมรู้จักวัดตาลกงครับ และพระผมรับมาจากมือพระท่านแน่นอน แต่ไม่รู้ว่า จะใช่ท่าน อ.อุ้นหรือป่าวครับที่แจก จำได้ว่าเคยให้เพื่อนไปอย่างน้อย 2 องค์ และ ปล่อยในเวปไป 1 องค์ ครับ .......

รูปข้างล่างที่เคยปล่อยไปครับ ปล่อยไปนานมากแล้วครับ....

 

โห พี่ศิลป์พระ มีด้วยรึเนี้ย ยินดีด้วยนะครับ เสียดายองค์ที่แบ่งจังน่าจะให้ผมนะ อิอิ

 

อยากรู้จำนวนการสร้างน่ะครับพี่เล็ก ไม่ทราบว่า สร้างซักกี่องค์ได้รับ.....

 

ถ้ากลับไปบ้านน่าจะรู้ ว่าเหลืออยู่เท่าไหร่ จำได้ว่าพ่อใส่ไว้ในขันไว้ราวๆ 4-5 องค์ ไม่รู้ยังอยู่หรือป่าวครับ ...... ที่ผมเหลือ 2 องค์ ครับ พี่ชาวประมง......