สอบถามเรื่องการดูลมหายใจครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ppmtm15, 17 ธันวาคม 2014.

  1. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ควักโยนิโสออกมา เอาออกมาพิสูจน์ เพราะแค่เพียง เคาะบอร์ดไม่พอ....

    ตื่อ ตื๊ด ตือ .............



    เอาง่ายๆ ยกตัวอย่าง การระลึกรู้ลมหายใจ ที่พ้นการบังคับ รู้ได้อย่าง "เข็มสละด้าย"
    ที่ รจนาของเจาะเงาะหัวเราะมาแว้ว

    " ลมหายใจ เกิดขึ้น จากเหตุ อะเป่า "

    " เหตุนั้นเป็นการสะสม หรือเปล่า หรือ สิ้นไป "

    ถ้าเป้นการสะสม ลมหายใจที่ปื๊ชชชช ออกไปแล้ว เป็นปัจจัยให้เกิด
    ลมหายใจ อึชชช์ รึเป่า ถ้าตอบว่าใช่ ใช่ อาย อ่าย หยะ ทำไมมันตรงกันแข้ม

    บอกอีก อีก ที ซี่...............อย่างนี้ ยากเป่า ที่จะ ตอบตรงต่อคำถาม

    ***************

    ทีนี้ สมมตินะสมมติ สมมติว่า เห็นปัจจัย ของลมหายใจ ระลอกใหม่ ไม่ได้
    เกิดจากการสะสม แต่เป็น การรอวัน และ เวลา ที่สิ้นไป

    อาศัย สังขาร นั้นเป็น ปัยจัย ถามว่า อะไรเกิด อะไรดับ

    แล้วถ้า สังขารที่เป็นปัจจัย ของ " สิ่งที่เกิด ดับ " นั้นไม่มี

    แล้วถ้า สังขารที่เป็นปัจจัย ของ " สิ่งที่เกิด ดับ " นั้นไม่มี

    แล้วถ้า สังขารที่เป็นปัจจัย ของ " สิ่งที่เกิด ดับ " นั้นไม่มี


    ถามว่า ใครบ้างจะถามหา "ธาตุแท้ที่ยังอาศัย ปัจจัยให้เกิด เพื่อรู้แจ้ง เว้ยเฮ้ย" !!!

    ภาวนามาแทบตาย เพื่อจะไป ค้นหา ธาตุ ที่เกิดจาก เหตุ ปัจจัย อีกหรือคร้าบ ท่าน !!!

    เป้าหมายการภาวนา คืออะไร กันหนอ ...........

    ควักหัวใจ ออกมา เอาออกมา ให้พอ
    แล้วค่อยคุย กันต่อ ดีไหม


    เนี่ยะ ถ้าระลึกรู้ลม อานาปานสติ ได้ถูกต้อง ปืชชชชด์เดียว แล้ว ไตรลักษณ์ญาณสัมปยุต
    เห็น ตามความเป็นจริงเนี่ยะ ไม่มีหรอก การสะสม เป้าหมายที่จะ โน้มน้อมไปแจ้ง ก็ชัด
    ไม่มะงุมมะงาหรา จนต้องควัก ตรรกศาตร์ มาสวมเขาว่าเป็น โยนeโสมมสิกรรม (หา ธาตุ ที่แสวงหา ครรภะ เพื่อหยั่งลง ปัก แล้ว อุแว้ๆ )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2014
  2. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    จิตเที่ยง จิตเที่ยง


    พอเดินไปเจอ กิ่งไม้หงิกๆ งอๆ สังขารมันปรุงว่า " งู " นิสัยที่ละไม่ได้ กระโดดโหยงเลย
    แล้วค่อยไป เท่าทันสังขาร ขณะลอยกลางอากาศ .....ศิษย์เห็น ก้มกราบ เหนือเศียรเกล้าเลยนะ งามแต้ๆ !!!

    แต่ถ้า วิญญาณ อาศัยอะไร เกิด แล้ว ก็ดับ ....แล้วถ้า เหตุนั้นมันดับ จะต้องกระโดด
    โหยงคว้าเอาวิญญาณนั้นไว้ไหม ..............ถามเฉยๆ นะ ไม่ได้ ทวงถามการละนิสัย
    สันดาน ให้หมด ...........มันคนละเรื่องกัน ระหว่าง อรหันตสาวกผู้เดินตามมรรคที่มี
    คนชี้เอาไว้ให้ กับ คนที่ฉลาดในมรรค กล่าวธรรมอนุเคราะห์สัตว์อื่นให้ได้รับประโยชน์
     
  3. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    - ไม่จริง สิ่งที่เป็นอมตะธาตุ คือนิพพานธาตุ เป็นอมตะ เที่ยง
    - พระอรหันต์ เมื่อปรินิพพานแล้ว ก็เหลือแต่นิพพานธาตุ
    - นิพพานธาตุเป็นตัวผู้รู้ มิใช่ว่า ไม่รู้ ถ้าอรหันต์ตายแล้ว เหมือนคนหลับ ใครละจะปราถนานิพพาน
    - พระพุทธองค์ มีพุทธญาณ ล่วงรู้ อดีต อนาคต พระองค์ทรงลืมตาดูหรือเปล่าก็ไม่ใช่ พระองค์ดูได้ด้วยญาณ นิพพานธาตุของพระองค์ เป็นผู้รู้ ญาณ คือกริยาที่แปลว่ารู้ เรื่องในอดีตอนาคตคือ กรรม คือสิ่งที่ถูกรู้ แล้วส่งผ่าน ร่างกายระบบประสาทออกมาเป็นคำพูดนั้นเอง
    - ไม่จำเป็นต้องมีขันธ์มารองรับการรู้ ที่เรียกว่าญาณเลย

    - ฟันธง มีนิพพานธาตุที่เป็น นิจจัง
     
  4. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    เอ่อ ขอถามหน่อยครับ


    พระอรหันต์ เมื่อปรินิพพานแล้ว ก็เหลือแต่นิพพานธาตุ


    ตกลง พระนิพพาน เป็น เศษเดน ของเหลือ จากการสำเร็จเป็น อรหันต์ หรือไง ครับท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2014
  5. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ผมบอกว่าไม่มีธรรมใดเกิดแล้วไม่ดับ. ไม่ได้บอกว่านิพพานธาตุ. เพราะนิพพานธาตุไม่มีการเกิดไม่มีการดับ คนล่ะเรื่อง. ในฝ่ายสังขตะธรรมนั้นมีเพียง นามรูปเท่านั้นผู้รู้หรือผู้ถูกรู้อะไรนี่ที่เขาเรียกกัน มันก็มีอยู่แค่นี้มันก็เกิดดับไปพร้อมกันนั้นแหล่ะ เพราะทุกอย่างรู้ทีละขณะ ต้องดับเรื่องนี้ก่อนถึงจะไปรับรู้เรื่องอื่น แล้วผู้รู้จะไม่ดับไปได้อย่างไร โยนิโสดูดีๆๆ
     
  6. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    - จริงด้วย ผมผิดเองอ่านไม่ละเอียด ขอโทษด้วย
     
  7. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    - อันนี้ เราเข้าใจไม่ตรงกัน ไม่ขอเถึยงดีกว่า
     
  8. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253
    ถ้าเจอ ธรรมที่ไม่ใช่เศษเหลือ หรือ ธรรมที่เกิดจากเหตุปัจจัย

    และ

    ถ้ามีวาสนาต่อกัน ก็ มาเว้าให้ทราบด้วยเด้อ


    ปล. แนะนำให้ไปหาเอาจาก ภูเขาที่อยู่ตรงข้ามกับ " เขา-เขียว-เล็ก "
     
  9. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,420
    ค่าพลัง:
    +3,204

    แหม แหม๋ แหม๋ ท่านผี เอ้ย ท่านพี่ ตั้งแต่ตัวน้องลงโพสไปยังไม่เคยมีคำไหน
    บอกว่าตัวเองบรรลุเป็นพระอริยเลย อุส่าห์พูดด้วยเพราะ ๆ ด่าอีกแระ eโส อิ อิ
    ไม่เป็นไรคะ ไม่ถือสา คน.......

    สังขารเป็นปัจจัย เกิด ดับไม่มี ลมหายใจสะสมอะป่าว

    การเข้าไปรู้ลมหายใจเกิดดับ หรือรู้ตัวลมหายใจที่เป็นสังขารอย่างหนึ่งเกิดดับ
    ธรรมชาติของสังขารทั้งปวง ไม่มีสิ่งใดเที่ยงหรือมีสภาพอยู่อย่างคงที่อยู่แล้ว
    ที่เราเห็นว่าคงที่อยู่ ที่จริงก็กำลังเสื่อมสลายไปในตัว คือ การเกิด ดับ ทุกขณะ
    การสืบต่อสันตติ ในห้วงกาละเวลา จึงรู้เห็น รูปธรรม นามธรรม

    ลมหายใจเป็นธาตุหนึ่งในสี่ คือ ธาตุลม ลักษณะของการ คือ การแปรปรวนเปลี่ยนแปลง
    อยู่เสมอไม่คงที่ เป็นไปตามเหตุปัจจัยที่สืบต่อกันมา เหตุอยู่ ผลย่อมเกิด
    เหตุดับ ผลก็ดับ ลมหายใจในร่างกายก็เลื่อนไหลไปเหมือนคลื่นพลังงาน
    หมุนเวียนเปลี่ยแปลงไปเรื่อย ไม่คงที่ ที่เราไประลึกรู้ตามดู ไม่ใช่การสะสม
    แต่เป็นธาตุลมที่ทำให้ร่างกายสังขารดำรงอยู่ได้ ธาตุลมหมุนเวียนไปทั่วร่างกาย
    ระลึกรู้อยู่ก็เห็นการหมุนเวียน เคลื่อนไหล ก็ไม่เที่ยงคงที่อยู่แล้ว ผู้รับรู้ คือ
    วิญญาณ ก็ไม่เที่ยงไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริง ก็เกิด ดับ สังขารทั้งปวงก็เกิดดับ
    วิญญาณผู้รับรู้ก็เกิดดับ แล้วอะไรเป็นผู้รู้สิ่งที่เกิดดับของสังขารทั้งปวง
    ไม่ได้ไปหาธาตุแท้อะไรเที่ยงคะ
     
  10. บุคคลทั่วไป 3 คน

    บุคคลทั่วไป 3 คน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,938
    ค่าพลัง:
    +1,253

    เกือบและ เกือบและ

    อย่า อย่า หยุดยั้ง ใน สังขารที่เรากล่าวในครั้งก่อน
    อย่ามัวนอนเศร้าโศกศัลย์กล่าวไม่ถึง ดับอวิชชา
    ก็ลองคิดใคร่ครวญมันคุ้มกันหรือเปล่า
    อวิชชาดับตัดออกตัดไปได้ด้วยเหตุใดหนาคนดี

    สาวให้ลึกกว่า อวิชชาดับ ไปเรื่อยๆ แล้วจะ " ตะเอ๋ "
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ธันวาคม 2014
  11. Prasit5000

    Prasit5000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    301
    ค่าพลัง:
    +228
    - ว่าจะไม่เถึยงละ ช่างเถอะ เขาระดับมืออาชีพสนใจระดับมือสมัครเล่นอย่างเราก็ถือว่าเป็นเกียรติ์ อันที่จริงผมมาโพสวัตถุประสงค์คือความมันทั้งคนโพส และคนอ่าน ร่าเริงในธรรมนั้นแหละครับ

    - เอาอย่างนี้นะ ผมเห็นว่า พระอรหันต์ ก่อนตาย ประกอบด้วย จิต เจตสิค รูป นิพพาน พอตายแล้ว ไม่มี จิต เจตสิค รูป เหลือแต่ นิพพาน
    - ส่วนความคิดเห็นของท่านคิดว่า เมื่อพระอรหันต์ตายแล้ว จะเหลืออะไร หรือ สูญทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น จิต เจตสิค รูป นิพพาน หรือเปล่า
     
  12. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    ตกลงเจ้าของกระทู้ได้วิธีทำให้จิตกับลมสมส่วนกันหรือยัง ถ้ายังมีวิธีมานำเสนอ ท่านผู้รู้บอกมาอีกที
     
  13. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    585
    ค่าพลัง:
    +3,151
    ข้าพเจ้าขออนุโมทนาในธรรมของทุกท่าน

    ถ้า จขกท. ยังตามกระทู้ตนเองอยู่ ข้าพเจ้าขออนุญาติแนะนำ

    ไม่ว่าจะปัญหาใดก็ตามในการปฏิบัติสมาธิ เช่น อึดอัด, กายมีอาการเกร็ง(ไม่ใช่แข็ง), มีอาการปวดหน่วงเพราะการเพ่งมากเกินไป ฯลฯ

    ให้ใช้การกำหนดแบบเบาๆ สบายๆ ค่อยๆ ประครองไปเรื่อยๆ และทำโดยละเอียดปราณีต เราจะเห็นด้วยตัวเองว่าอะไรที่มันตึงเกินไปอะไรที่มันหย่อนเกินไป แล้วเราก็ค่อยๆปรับในการทำกรรมฐานของเรา เราจะรู้ว่าเราควรจะปรับอย่างไร เราควรจะปรับตรงไหน ถึงจะเหมาะถึงจะพอดี โดยที่ไม่ต้องไปถามใครอีกเลย

    ข้าพเจ้าใช้การกำหนดแบบนี้ในการผ่านอุปสรรคต่างๆมา และได้ผลมาโดยตลอด
    แล้วแต่จะพิจารณา ขออนุโมทนา

    สุดท้ายนี้ขออย่าได้เชื่อถือหรือยึดมั่นในสิ่งใดที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปเลย

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 ธันวาคม 2014

แชร์หน้านี้

Loading...