สวัสดีครับ ตัวผมมีอภิญญา แต่ยังใช้ได้ไม่หมด

ไม่แน่ อีก สิบปี ผมอาจจะ ช่วยโลก ก็ได้ ครับ ตอนนี้ ผมเห็นหลายคน จะมีอภิญญา

ผู้ที่อายุ 10 ปีขึ้นไป จะ เริ้มมีญาณ พิเศษ หนังสือกว่าจะเป็นพระพุทธเจ้าบอก มานะครับ
แล้วผมก็เชื่อ เพราะผมมีแล้ว ปฐมญาณ ผมบรรลุแล้ว

 

สงสัยจะ "กู่" ไม่กลับ ติดอยู่ในปฏิภาคนิมิต ลองไปค้นหาคำอธิบาย 3 คำนี้นะครับ 1.ภาวะ"ภวังค์"
2.ปฏิภาคนิมิต
3.อภิญญา
เคยมีญาติโยมถามหลวงปู่แหวนว่า "สิ่งที่บางสำนักเห็นในนิมิต เช่น พระพุทธเจ้านั้น จริงหรือไม่" หลวงปู่แหวนตอบสั้นๆว่า "เขานั้นเห็นจริง แต่สิ่งที่เห็นนั้นมันไม่จริง" ก็เก็บไปคิดดูแล้วกันนะครับ

 

การที่เรามีความรู้สึกว่า เราเก่งกว่าคนทั่วไปนั้น เราต้องทดสอบสภาวะความเป็นจริงบ้างนะครับ เช่น ถ้าเราเชื่อมั่นในตัวเองมากขนาดนี้ มั่นใจว่าผ่านปฐมฌานมาได้ ลองใช้ความสามารถสื่อสารกับพวกโลกทิพย์ที่สามารถตอบโต้ได้ในสภาวะความเป็นจริงนะครับ ยกตัวอย่าง
1.ลองสื่อสารกับพระภูมิเจ้าที่ดูนะครับ ว่า จริงๆแล้วเราสื่อสารกับท่านได้จริงไหม เพราะพระภูมินั้นอยู่ใกล้ๆเรา การที่เราจะมั่นใจว่าเรามีความสามารถจริงนั้นเราต้องทดสอบบ่อยๆครับ โดยต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น การจะได้อภิญญานั้น การทำโดยการสื่อสารเรื่องแบบนี้เป็นสิ่งที่ง่ายมากนะครับ
2.ลองใช้ความสามารถอ่านใจคนอื่นดูบ้างว่า เราอ่านเขาได้ถูกต้องหรือไม่ เช่น ผู้ที่ถูกเราอ่านนั้นมีความลับอะไร ที่เขารู้เพียงคนเดียว เราอ่านใจเขาถูกมั้ย นะครับ พวกคนทรงเจ้า เรื่องแบบนี้พวกเขาทำได้ง่ายมากนะครับ
3.ผลที่เกิดขึ้นมันอาจไม่เป็นดังที่เราคิดไว้นะครับ เพราะฉะนั้นถ้าอยากก้าวหน้าต้องยอมรับความจริงเท่านั้นนะครับ ไม่นั้นคนที่เก่งกว่าเราก็จะไม่มีใครอยากยุ่งด้วยหรอกครับ เพราะว่าเสียเวลาในการปฏิบัติของพวกเขา และคนที่เก่งเขามักจะถ่อมตัวอยู่เสมอๆนะครับ

 

ผมเคยอ่านประวัติหลวงปู่มั่นนะครับ....หลวงตามหาบัวท่านเขียน...

วันบรรลุธรรมของหลวงปู่มั่น สมเด็จท่านเสด็จมาพร้อมพระสาวก....มาอนุโมทนา...

อย่างนี้จะหมายความว่า ที่เห็นนั้นไม่จริงใช่ไมครับ

ผมว่าอันนี้ก็น่าที่จะเก็บไปคิดกันนะครับ....ว่าจริงหรือไม่จริง...

ถ้าไม่จริงหลวงปู่มั่นเล่าให้หลวงตามหาบัวฟัง หลวงตามหาบัวเขียนออกมาในประวัติพระอาจารย์มั่น มันหมายความว่าอย่างไร...

 

ก็ต้องพิจารณาอีกว่า ทำไมหลวงปู่ท่าน จึงกล่าว กับญาติโยม เช่นนั้น

นั่นคงเพราะ หลวงปู่ล่วงรู้ว่า ญาติโยมอยู่ในระดับใด

ซึ่งต่างจาก

v

 

ผมหมายถึงคนฝึกทั่วๆไป ไม่ใช่ระดับพระภิกษุสงฆ์ระดับพระอาจารย์มั่นนะครับ เพราะคนฝึกทั่วๆไป มักถูกปรุงแต่งด้วยนานานับประการครับ ขอโทษด้วยครับที่สื่อสารไม่ดีครับ

 

ในตำนาน วันที่ สมณะโคดม บรรลุธรรม ไม่เห็นพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มาอนุโมทนาเลย
มีแต่เล่าเทวดา พรหม ทั้งนั้น น่าคิดเนอะ
เห็นในตำรา กล่าวว่า นิพพานไม่มีเข้ามีออก ท่าจะจริงแฮะ
บ๊ะ เอ้ย ลองรู้ด้วยตัวเองดีกว่า
พวกที่เห็นพระเจ้ามา นี่ระวังจะเป็นบ้า นะจ๊ะ

 

ครับผม อันนี้ผมก็ไม่รู้ ผมรู้แต่ว่า ธรรมทั้งหลายเป็นปัจจัตตัง....

เท่านั้นหละครับ...

โมทนาสาธุในเจตนาอันเป็นกุศลของท่าน <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ไมยราพ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5104319", true); </SCRIPT> กับ <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->คุรุวาโร<!-- google_ad_section_end --> ด้วยนะครับ...

 

...............ในชีวิตประจำวันเราก็เห็นของแปลกแปลก ประหลาดเยอะแยะ เดี๋ยว นี้มีหนัง 4มิติ ด้วยซ้ำ...แต่เพราะเราคิดว่ามันไม่แปลก(ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน).....อย่าง โคโยตี้ นี่ผมก็ว่าแปลก น่ะ น้องจ้ะเทอร์โบก็แปลก....

 

ที่หลวงปู่แหวนท่านกล่าวเช่นนั้น ต้องดูที่ญาติโยมด้วย ว่าถามถึงวัดใด

ดูที่เจตนาด้วย ว่าเหตุนั้นเป็นเช่นไรครับ จะนำมาร่วมกันไม่ได้ครับ

ผมคงกล่าวได้เพียงเท่านี้ครับ
__________________

 

เรื่องนี้ผมก็เคยคิดนะ เรื่องของ ๓๑ ภพภูมิ พระพุทธเจ้าท่านรับว่ามีนะ...

แต่พอไปเรื่องนิพพาน พระองค์ท่านทรงตรัษแต่สถาวะ ไม่ได้ทรงกล่าวชัดลงว่า มีอัตตา หรือไม่มีอัตตา กันแน่ ท่านว่าสูญอย่างยิ่ง ในขณะเดียวกันท่านว่าสุขอย่างยิ่ง ไม่มีอายตนะเอาใหนมาสัมผัสว่าเป็นสุขอย่างยิ่ง...สำคัญที่ว่าสูญอย่างยิ่งนี่คือสูญจากอะไร.

ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ไม่ว่าสายพระป่า หรือ พระเมือง ที่เราเชื่อว่าท่านบรรลุแล้ว บางท่านก็ว่ามี บางท่านก็ว่าไม่มี....

คณะศิษย์ที่เคารพในครูบาอาจารย์ที่ว่าไม่มี ก็จะเชื่อว่า ไม่มี ใครบอกว่ามีก็ว่าเป็น อุปทาน อาจทำให้บ้าได้....

ในขณะเดียวกัน คณะศิษย์ในครูบาอาจารย์ที่เชื่อว่ามี ท่านก็ว่ามี บุคคลที่ว่าไม่มี คือผู้ที่ยังไม่รู้ .

เมื่อกลับมาพูดถึงครูบาอาจารย์สายวัดป่า คณะศิษย์อาจารย์ใหญ่เดียวกัน แต่พูดไปคนละอย่าง อย่างนี้ก็มี....

สุดท้ายคืออะไรดี...

 

สมัยก่อนโอกาสได้พุดคุยกับวิปัสสนาจารย์บ้าง ฆารวาสผู้ปฏิบัติบ้าง

ส่วนมากไปหยุดอยู่ที่นิมิต ครั้งละสิ่งหนึ่งได้ ก็จะไปเจออีกสิ่งหนึ่ง

สุดท้าย เวลานั่งจิตก็จะกระวนกระวายถามหานิมิต อยากให้มี อยากให้ไม่มี

ส่วนเรื่องเห็นพระพุทธเจ้า มีเครสนี้เยอะครับ

เคยถามผู้เห็นพระพุทธเจ้า พูดออกมาเหมือนกันหมด มีมวยผม สวย ห่มจีวรสีแดงบ้าง สีกระบ้าง

แต่ให้ลงรายละเอียด กลับตอบออกมาไม่เหมือนกัน

ส่วนอาการผู้เห็นนิมิตขณะนั่งนั้น ผมสังเกตุพวกนี้จะวงมือแปลกๆ

วางเหมือนพระพุทธเจ้าปางอภัยทาน วางแบบเจ้าแม่จีน เจ้าแม่แขกบ้าง

หน้าตาจะดูมีความสุขบ้าง ผมก็ถามเขาไปว่ารู้ไหมว่าตนทำมืออย่างนี้ อย่างนี้

เขาก็รู้ตัวนะ แต่บอกว่ามันไปของมันเอง

บางคนน้ำตาไหล เห็นพระพุทธเจ้ามาในขณะนั่งสมาธิ

พอชักนานเข้า เริ่มเห็นบ่อย ปิติชักไม่เกิด มีการสนทนาพูดคุย ถึงขนาดฟ้องกันเลยก็มี



เป็นแค่ความเห็นนะครับ

 

อนุโมทนาครับ คุณคุรุวาโร ควรแล้วครับที่ชี้แจงให้ได้รู้ ได้เข้าใจครับ

 

........................ง.....ว.....ด.....นี้....อะไรเด่น พี่ ผมว่า....2 มา

 

ไม่มีไรหรอก มีแต่รูป จิต เจตสิก ^^

 

อนุโมทนาครับ ที่เข้าใจในเจตนา ที่สื่อออกไป

อาวุโสโอเค..!

 

ในตำนานพระบัวเข็ม ท่านนั่งนิโรธในสะดือทะเล

เจ้าเมืองนิมนต์มาปราบพยามารกันอะไรก็ว่ากันไป

เสร็จแล้วพญามารแปลงกายเป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น

พระอุปคุต (บัวเข็ม) ลืมตัว น้อมกราบพระพุทธเจ้าเดี๋ยวนั้นเลย

พยามารห้ามแทบไม่ทัน

จำได้ประมาณนี้ ลองไปค้นดู


ในพระสูตก็มี เวลาใครบรรลุธรรม

จะมีมาร มีเทพมาลองใจบ้าง แปลเป็นพระพุทธเจ้าบ้าง

สุดท้ายล้วนหนักแน่ในคำตอบเหมือนกันหมด

อนึ่ง พระอริยะ ไม่ได้เชื่อพระนิพานมีจริงจากพระพุทธเจ้าชี้

แต่เห็นจริงอย่างที่พระพุทธเจ้ากล่าว จึงหนักแน่นทวีความศรัทราไม่ผิดเพี้ยน

 

ถ้าพูดเช่นนี้อย่างไรก็แสดงว่าท่านไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่มี ทั้งท่านเองก็ยอมรับว่ามี...

ถูกต้องไมครับ...

 

อนุโมทนาในกุศลจิตนะครับ ^^

เห็นในความพยายามโพส เตือนสติหลายกระทู้

ถูกต้องครับ ทั้งชีวิต ทั้งวัฏฏะ เป็นเรื่องของ จิต เจตสิก รูป ไม่พ้นเรื่องอื่นไปได้ ^^

 

...........ท่านอาจจะเห็นว่า ทุกอย่างเกิด จาก เหตุปัจจัย หมดเหตุปัจจัยมันก็ไม่มีกระมังครับ