ว่ากันเรื่อง วัดธรรมกาย

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย วิถีคนจร, 14 มกราคม 2011.

  1. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    [​IMG]

    พระ วัดธรรมกาย เทห์เชียว ถ่ายรูป ฮืมๆๆๆๆๆท่านหลวงพี่ บวชอยู่นะ
     
  2. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649


    อย่างที่บอก สิ่งใดที่ดี ก็ชื่นชม

    สิ่งใดที่ไม่ดี ก็ต้องว่ากันไป

    มากคน ก็มากความ ยากต่อการปกครอง แม้ในสมัยพุทธกาลก็ยังมีเหตุ

    มันก็เป็นแบบนี้ เกือบทุกสำนัก แต่ก็เป็นในสมมุติสงฆ์บางรูป จึงไม่ควรเหมาราม
     
  3. howverts

    howverts สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +0
    เราสงสารนายนะ นาย วิถีคนจร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กุมภาพันธ์ 2011
  4. kikinlala

    kikinlala เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    4,939
    ค่าพลัง:
    +8,843
    อย่าเชื่อในสิ่งที่คนอื่นบอกเล่า จงทำให้แจ้งเอง..
     
  5. กัปปะ

    กัปปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +118
    มนุษย์เราบางส่วนมักไม่ยอมรับความจริงในส่วนที่ตัวเองยึดมั่น ถือมั่น ถ้ามนุษย์เราละ กิเลส ได้ทุกคน โลกนี้จะมีแต่ความสงบสุข
     
  6. rossalen

    rossalen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +323
    ดิฉันนั่งอ่านกระทู้นี้ตั้งแต่ต้นจนจบแต่ไม่ค่อยละเอียดบางช่วง เพราะมันเยอะ แต่ก็อาศัยสติปัญญาญาณอันน้อยนิดของตัวเองพิจารณาค่ะว่าเป็นอย่างไร สรุปก็คือ ตัวดิฉันนั่งทำสมาธิให้ใจสงบอยู่บ้านค่ะ สวดมนต์ประมาณครึ่งชั่วโมง แต่ไม่ได้ญาณวิเศษอะไรหรอก แต่ได้ความสงบทางจิต และก็กำลังแสวงหาสถานปฎิบัติกรรมฐานเพื่อพัฒนาจิตตัวเองให้ดีกว่านี้ อย่างน้อยเราต้องมีครูบาอาจารย์ วิปัสนาจารย์คอยชี้แนะนะคะ ดิฉันปราถนานิพพานค่ะ ไม่อยากเกิดอีก เบื่อ แต่น่าแปลก(สำหรับดิฉันนะคะ คนอื่นไม่ทราบ) ดิฉันอยากจะไปปฏิบัติธรรมกับครูบาอาจารย์ที่มีจริยวัตรถ่อมตน พูดน้อย ปฏิบัติมาก ไม่สะสมวัตถุ แต่สะสมบารมีธรรม และให้ธรรมะที่ฟังแล้วอิ่มเอมหัวใจ ไม่รู้สึกเป็นทุกข์หรือร้อนลุ่ม และสถานที่ปฏิบัติที่เป็นสถานที่ที่สงบเงียบ ธรรมชาติ ไม่ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เพราะอะไร เพราะว่าดิฉันอยากขัดเกลากิเลสที่ชอบความสะดวกสะบายจนเคยตัวออกไปบ้างค่ะ เพราะถ้าอนาคตหากเกิดเหตุเพทภัยพิบัติ เราจะได้เตรียมรับมืออย่างไม่ประมาท
    * ดิฉันความรู้ก็ไม่ด้อยและก็ไม่เด่นค่ะ แต่ก็ชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับจิตวิญญาณ ธรรมะ ศาสนาทุกศาสนาก็ศึกษาบ้างเพื่อประกอบการนำมาเปรียบเทียบ ความคิดเห็นส่วนตัวมันก็ออกมาเป็นอย่างนี้แล อิอิ ว่าจะไม่โพสต์แล้วเชียวนะเนี่ย
     
  7. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
    สาธุครับ การสะสมวัตถุ อย่าว่าแต่วัดถุเลยครับ ในสมัยหลังพุทธการนิดๆภิษุเก็บเลือในเขาสัตว์ ยังเป็นปัญหาเลยครับ
    พระ บิณบาตตามมีตามได้..............
     
  8. Likely

    Likely เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    4,151
    ค่าพลัง:
    +3,821

    หูย...พี่คะองค์พระทองๆที่ไว้ทำเจดีย์รูปจานบิน..
    องค์ละมากกว่าเก้าพัน...(เกือบได้จารึกชื่อไว้ที่องค์พระแล้ว ^^)
    เอ่อ.มีพระหลวงปู่สดค่ะ พี่ชายเอามาให้..หมื่นห้าค่ะ
    แต่ทำหายแล้ว...เค้าบ่นว่าเราไม่รักหลวงปู่จริง ท่านเลยไม่อยู่กับเรา
    (อ้าว....ก็คนมันรักตัวเองมากกว่าวัตถุห้อยคอนะคะพี่- -)
    พี่ว่าทั้งยานบินนั้นมีกี่องค์คะ?
    ศรัทธาพวกเขาแล้วไม่เดือดร้อนก็ดีค่ะ
    ขอให้สนุกกับการจมปลักอยู่ในความสงบ...
    [​IMG]
     
  9. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    จะเอาองค์หรือจะเอาพระนิพพาน
    อาไล้ก็คนมันรักตัวเองมากกว่าวัตถุ
    แสดงว่าอาไล้จิตสูงกว่าวัตถุงั้นสิ
    เป็นเรื่องน่ายินดีอุบาสิกาท่านนี้
     
  10. Likely

    Likely เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    4,151
    ค่าพลัง:
    +3,821
    หนูไม่ได้เกิดมาเป็นฝาแฝดกับวัตถุ...ดังนั้นพวกเค้าไม่มีพันธะที่จะต้องมาอยู่กับเรา
    หรือหากต้องอยู่ ก็เป็นเรื่อง ที่เราได้ทำกรรมมาก่อนแล้ว....

    เช่นกันอีก ทุกคนเกิดมาคนเดียว ต่างคนต่างที่มา แต่ทุกคนมีจิตเหมือนกัน
    ที่กลับของเค้าก็คือที่ที่เค้ามา
    บางคนอาจมาจากกรุ๊ปใหญ่ๆ จึงต้องรวมตัวกันเพื่อกลับ our land ...
    อันนี้น่าจะใช่สาย วงบุญ ฯลฯ

    แต่บางคนมาคนเดียว มาเที่ยว กลับไปก็คงจะกลับบ้านจริงๆ
    ไม่ใช่สวนสนุกบรมโพธิ์นิพพานแลนด์ชั่วคราวค่ะ
     
  11. rossalen

    rossalen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +323
    ค่ะ อ่านแล้ว get เลย (ไม่บอกว่า get อะไร รู้ได้ด้วยตัวเอง ล๊าล๊าล๊า:VO )
     
  12. กัปปะ

    กัปปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +118
    อย่าคิดมากเลยน้อง .. แค่ หมื่นห้าเอง ได้มาแค่องค์เดียว เงินไม่มากหรอก ถ้าเปลี่ยนเป็นข้าวหรือก๋วยเตี๋ยวชามละ 30 บาท ก้อแค่ 500 ชามเท่านั้นเองง่ะ... จะใส่บาตรพระ ก้อใส่แค่ 500 องค์เอง เท่านั้น หรือจะเลี้ยงเด็กกำพร้า ก้อไม่มาก 500 คนเหมือนกันจริงไหม... ดีกว่าไปซื้อถวาย จานบินอะไรนั่นอีก
     
  13. นราสภา

    นราสภา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,961
    ค่าพลัง:
    +356
    ชอบ ค่ะ

    ชอบค่ะ โดยเฉพาะสวนสนุกบรมโพธิ์นิพพานแลนด์:cool::cool::cool:
     
  14. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    ก่อนอื่น มาอนุโมทนาบุญก่อนน่ะ ไปถวายสังฆทานมา3วัด ก็วัดแถวๆวัดพระธรรมกายนันแหละ

    ตอนนี้ผมอยู่ที่วัดพระธรรมกายครับ

    เรื่ององค์พระ ใครจะสร้างพระพุทธรูปก็สร้าง ใครไม่ศรัทธาจะนำเงินนี้ไปไว้ตักบาตรหรือไว้นอกบุญเขตแทนก็มิใช่ปัญหา ที่คุณว่า

    แค่หมื่นห้าเองนั้นจริงครับ แค่หมื่นห้าเอง กับเวลาสะสมเงินตั้งแต่ปี2538 จนกว่าจะครบก็เอาไปทำ ใครไม่ทำเต็มองค์ก็ไม่เป็นไร

    เยอะไปที่ทำแบบร่วมๆกันให้ได้1องค์ องค์พระสร้างออกมาจากวัสดุชั้นเลิศในงบประมาณแค่นี้ ทนแดด ทนฝน ทนกรด ทนเบส

    อยู่ได้กว่า1,000ปี

    องค์เจดีย์ ทนต่อแผ่นดินไหว พายุ ออกแบบออกมาให้ระบายความชื้น ความกว้าง ยาว สูง ลักษณะทุกอย่างในเบื้องต้นออกแบบ


    มาจากพระธรรมกายในอยาตนะนิพพาน เหมือนเจดีย์พุดตาลที่มีดำริจากสมเด็จองค์ปฐมให้สร้างขึ้น


    ตอนนี้กำลังมีการบวชอุบาสิกาแก้ว1ล้านคนโครงการที่4 และเดือนหน้าบวชพระ100,000รูปโครงการที่3 ขณะที่คนเป็นล้านกำลัง

    สรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย ใจจรดที่พระมหาธรรมกายเจดีย์ซึ่งชะลอลงมาจากของละเอียดข้างบน อันเป็นผลจากการปฎิบัติ เป็น

    ลักษณะขององค์ณานของต้นวิชชาธรรมภาคขาว มีผลต่อการทำวิชชาภาคปราบ ประดิษฐานองค์พระนับล้านองค์ แต่พวกคุณกำลัง

    สนุกปากกับคำว่า "จานบิน" รับผิดชอบคำพูดด้วยน่ะครับ จำให้ดีดีน่ะว่าพูดว่าอะไร อย่างน้อยๆสถานที่แห่งนี้คือที่ระลึกถึงพระรัตน

    ตรัย มีพระบรมสารีริกธาตุของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นที่แห่งแรกในพุทธันดรนี้ ที่มีการบวชพระนับแสนรูป



    วันที่22 เมษายน 2554 ที่จะถึงนี้ จะมีการรวมพระสงฆ์-สามเณรทั่วโลกกว่า 300,000รูปทุกนิกาย ก็ที่สถานที่แห่งนี้แหละครับ

    ในขณะที่พระสามแสนรูปกำลังคุกเข่า วันทาลงกราบพระมหาธรรมกายเจดีย์อยู่ ก็เชิญพวกคุณในเวลาเดียวกัน ด่าให้เต็มที่เลยน่ะ

    ครับ


    [​IMG]


    [​IMG]




    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=Drkdm95mXpE&feature=related"]YouTube - สถาปนาธรรมกายเจดีย์[/ame]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2011
  15. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    ความจริง ความตระหนี่ในใจของมนุษย์ นำมาซึ่งเหตุผลข้ออ้างร้อยแปดพันเก้า
    เช่น วัดนี้รวยแล้ว ไม่ทำไปทำวัดจนดีกว่า ครั้นพอถึงเวลาแม้วัดจนๆ เขาก็ไม่ทำ ฯลฯ
    หรือ ยึดติดวัตถุเป็นต้น

    โอกาส และจังหวะเวลา เป็นสิ่งสำคัญยิ่งครับ แม้พระพุทธเจ้าก็ยังทรงตรัสว่า
    "แม้เป็นคำจริง มีประโยชน์ มีเจตนาดี เป็นคำไพเราะ ตถาคตรู้กาลที่ควรพูด (ไม่ได้พูดทุกกาล)"

    ก็พระบรมครูของเราก็ยังต้องรอโอกาสและจังหวะเวลาที่เหมาะสม ตัวเราก็เช่นกันครับ
    ใครที่อธิบายยาก ไม่เข้าใจ ก็ต้องปล่อยไปก่อน ไปหาคนที่อธิบายแล้วเข้าใจทันทีก่อน

    แล้วค่อยย้อนกลับมาอธิบาย เมื่อถึงจังหวะเวลาที่เหมาะสมครับ
     
  16. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    คติความเชื่อของพุทธศาสนิกชน เชื่อว่าอานิสงส์สร้างพระได้ชื่อว่าเจริญ

    กรรมฐาน ข้อพุทธานุสติ



    เป็นการบูชาพระรัตนตรัย สร้างบุญกุศลที่มั่นคงถาวรชั่วนิจนิรันดร์กาล ทั้งแก่

    ตนและแก่บุคคลผู้ร่วมอนุโมทนา สร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แผ่ไพศาลไปได้

    ไกล ได้ร่วมกิจกรรมอันจักนำประโยชน์สุขสู่ตนและสู่สังคม ฯลฯ นอกจากนี้

    พระสงฆ์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน แสดงธรรมเทศน์เกี่ยวกับกับอานิสงส์สร้างพระ

    เช่น
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก จ.พระนครศรีอยุธยา
    แสดงธรรมไว้ว่า สร้างพระ 1 องค์ ได้อานิสงส์ 5 กัป ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ สร้างด้วยอะไรก็ตาม หมายความว่า บุญกุศลจะตามหนุนส่งท่านไปทุกภพทุกชาตินานถึง 5 กัป


    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน หรือ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
    กล่าวว่า “การสร้างสมเด็จองค์ปฐมทำได้ยาก คือว่าเป็นพระพุทธเจ้าองค์ต้นพระพุทธเจ้าทั้งหมด การสร้างองค์ปฐมนี้ ท่านเปลี่ยนบัญชีใหม่ โดยใช้บัญชีสีทอง เป็นทองคำล้วนทั้งเล่ม จดบันทึก (เป็นอีกเล่มหนึ่งจากที่จดธรรมดา) ก็แสดงว่าคนที่จะสร้างพระพุทธเจ้าองค์ปฐมได้นี้ ต้องเป็นคนมีบุญมาก และไปนิพพานได้เร็วมาก”


    หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี
    เคยแสดงธรรมไว้ว่า ผู้ใดสร้างรูปพระพุทธเจ้า จะเป็นองค์เล็กเท่าต้นคาก็ดี ใหญ่กว่าต้นคาก็ดี ผู้นั้นจะได้เป็นพรหม เป็นอินทร์ หมื่นชาติแสนชาติ ถ้าเป็นมนุษย์ จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิหมื่นชาติ แสนชาติ จะไม่เป็นผู้ตกต่ำเลย ตราบจนกว่าเข้าสู่นิพพาน


    พระครูพัฒนกิจจานุรักษ์ หรือ ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน
    เคยแสดงธรรมไว้ว่า การสร้างพระ เปรียบได้กับธนาคารบุญ ซึ่งจะเกิดบุญกุศลกับผู้ที่มีส่วนในการสร้าง โดยบุญกุศลนั้นจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่มีผู้มากราบไหว้ สักการบูชาเท่ากับจำนวนคน และจำนวนครั้ง


    พระธรรมสิงหบุราจารย์ หรือ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี
    เคยแสดงธรรมไว้ว่า การที่ผู้สร้างพระพุทธรูปเกิดศรัทธา จนถึงสละเงินออกมาสร้างพระพุทธรูปได้ และออกมาทำทานในงานฉลองพระพุทธรูปได้ ชื่อว่าเป็นผู้มี “ความเห็นตรง เห็นถูกแท้” เพราะเป็นบุญของตนเอง ไม่ใช่บุญของใครเลย ผู้สร้างพระพุทธรูป ชื่อว่าเป็นผู้ไม่ประมาท ชื่อว่าเป็นผู้เตรียมตัวก่อนตาย
     
  17. กัปปะ

    กัปปะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +118
    ความตระหนี่ในใจของมนุษย์ย่อมมีกันทุกคน แต่ละบุคคลจะใช้ชีวิตอย่างไร จะทำอะไร อย่างไร ขึ้นอยู่กับการพิจารณาผิดชอบชั่วดี ของแต่ละบุคคล ที่ต่างความคิด บางคนอาจคิดว่าทำบุญเยอะๆแล้วจะขึ้นสวรรค์ก็สุดแท้แต่... มันเป็นอะไรที่มองไม่เห็นในชาตินี้ กว่าจะรู้ตัว ก็ตอนตายนั่นแหละ (จะโดนหลอกหรือไม่หลอกรู้ตอนนั้นก็สายเกินไปแล้ว ไม่รู้จะกลับมาฟ้องท่านเปาได้หรือเปล่า) และที่สำคัญ คงไม่มีใครออก วีซ่า ให้ขึ้นสวรรค์ได้สักคน อย่างมากแค่อนุโมทนาบัตรใบนึง...
    "งดถวายปัจจัยกับพระภิกษุสงฆ์"
     
  18. วิถีคนจร

    วิถีคนจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +226
  19. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649


    ในช่วงปี 2490-2497 ชื่อเสียงของหลวงพ่อวัดปากน้ำซึ่งมิได้มีเปรียญธรรมชั้นใด แต่กลับมีผู้คนศรัทธากราบไหว้มากกว่าพระมหาเถระรูปใดๆ ในประเทศไทย เวลานั้น คนที่อิจฉาท่านก็ออกมาโจมตีว่า ท่านสอนผิดๆ ทั้งยังมีข่าวลืออกุศลว่าที่วัดมีแม่ชีมาก และไปทำวิชากัน เขาก็ลือกันไปในทางเสียหาย แม้แต่พระสังฆราชในเวลานั้น (ถ้าจำไม่ผิด)คือกรมหลวงวชิรญาณวัดบวรฯ ท่านได้ข่าวอกุศลนี้เช่นกันจึงได้นิมนต์ให้พระอริยคุณาธาร(เส็ง ปุณโส) ซึ่งเป็นพระเถระผู้ใหญ่ลูกศิษย์รุ่นแรกๆของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเชี่ยวชาญทั้งปริยัติ และปฏิบัติ เป็นสปายไปสืบเรื่องหลวงพ่อฯ ต่อมาท่านก็ได้ตระหนักถึงบุญบารมีของลพ.วัดปากน้ำว่าเป็นนักสมาธิจริงๆ มีความสนใจเฉพาะเรื่องของการปฏิบัติธรรม จึงนำความไปกราบทูลพระสังฆราช ข่าวอกุศลก็ดับไป


    ต่อมา พระพิมลธรรม (อาจ อาสภเถระ) อธิบดีสงฆ์ วัดมหาธาตุ ซึ่งกำลังสนใจเรื่องอภิธรรมที่ได้รับจากพระพม่า อีกทั้งท่านยังเป็นเจ้าคณะพระนคร คุมวัดปากน้ำด้วย ท่านต้องการให้พระในสังกัดท่านสนใจเรียนอภิธรรมเพื่อให้วิชาอภิธรรมแพร่หลาย จึงไปกราบอาราธนาลพ.วัดปากน้ำให้มาฝึกวิชานี้ด้วย


    อันลพ.วัดปากน้ำเป็นผู้มีนิสัยใฝ่ศึกษามาแต่ครั้งยังเยาว์และท่านก็เคยเรียนสมาธิในทางอื่นมาก่อนทั้งพุทโธ และสติปัฎฐาน ทั้งท่านก็ให้ความนับถือเจ้าคุณวัดมหาธาตุดี เคยไปเทศน์ให้วัดมหาธาตุ ตามที่ท่านเจ้าคุณอาราธนาอยู่บ่อยครั้ง จึงรับที่จะเรียนวิชายุบหนอพองหนอ ท่านเจ้าคุณอาสภะให้ท่านเจ้าคุณโชดกมาสอนวิชายุบหนอกับหลวงพ่อ หลวงพ่อก็เรียนอยู่ราวสองสัปดาห์ ภายหลังเมื่อเรียนแล้วท่านก็ให้ความนับถือวิชายุบหนอของวัดมหาธาตุเช่นกัน


    ท่านอจ.โชดกได้ขอให้หลวงพ่อเขียนวิจารณ์สิ่งที่ท่านได้เรียน หลวงพ่อก็เขียนจดหมายสั้นๆ ดูเหมือนจะมีภาพลพ.ด้วย ว่าวิชาที่เรียนตรงกับหลักสติปัฏฐานทุกประการ เรื่องก็มีเท่านี้


    แต่ผมไม่เข้าใจว่าสำนักเรียนวัดมหาธาตุรวมทั้งศิษยานุศิษย์สายนี้เขามีเจตนาอย่างไรแน่จึงนำหนังสือที่ลพ.เขียนรับรองมาลงพิมพ์


    รวมทั้งที่หน้าวัดอัมพวันของหลวงพ่อจรัล ก็เอาภาพนี้มาติดไว้ด้วย


    ภาพนี้อ่านดูอย่างไรไม่สามารถแปลได้ว่าลพ.วัดปากน้ำได้เลิกวิชาธรรมกาย หรือแปลว่ายุบหนอเหนือกว่าวิชาธรรมกายตามที่ฝ่ายผู้เรียนวิชายุบหนอพองหนอพยายามจะกล่าวอ้างและบิดเบือนข้อเท็จจริงอย่างน่าเกลียด



    อันที่จริงพระพิมลธรรมท่านก็เป็นพระแท้มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย แต่ความเคร่งครัดนำมาซึ่งพระเดช การใช้อำนาจต่อพระอริยสงฆ์อย่างลพ.วัดปากน้ำทั้งที่พระพิมลธรรมเป็นพระเด็กแต่ได้เปรียญธรรมก็เป็นเรื่องที่ไม่ถูกไม่ควร ความดีและไม่ดีของท่านก็เป็นกรรมที่สนองท่านเองในเวลาต่อมา


    วันที่ 21 เม.ย.2505 ท่านถูกใส่ร้ายและถูกจอมพลสฤษดิ์ฯ สั่งให้จับกุม คุมขัง และจับท่านสึกหาลาเพศ แต่ท่านไม่ยอมเปล่งวาจาสึกท่านต้องโทษทัณฑ์จากทางการอยู่สิบปี ในที่สุดศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาให้ท่านพ้นผิด โดยในคดีนั้นปรากฏว่ามีความอิจฉาริษยากันในหมู่สงฆ์ และพระสังฆราชพระองค์หนึ่งมีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้เช่นกันศาลได้กล่าวในตอนหนึ่งว่ากรรมที่ท่านถูกใส่ร้ายก็ขอให้เป็นอโหสิกรรมแก่กัน เมื่อพระพิมลธรรมพ้นโทษแล้วก็ได้รับสมณศักดิ์คืน จนได้เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์วัดมหาธาตุ แต่ภายหลังท่านควรได้เป็นพระสังฆราช แต่ท่านก็ไม่ได้เป็นตำแหน่งพระสังฆราชตกแก่พระญาณสังวร โดยที่ท่านอาสภะเถระได้ขอถอนตัวโดยเห็นแก่ความสามัคคีแห่งสังฆมณฑล


    เมื่อใกล้มรณภาพ เลขาของท่านยังต้องคดีปาราชิก ทำให้ตำรวจมาค้นกุฏิท่าน แต่ก็ไม่ได้พบอะไรที่ผิดปก แน่นอนชื่อของท่านก็มามีมลทินเพราะพระเลขาสมีเจี๊ยบแท้ๆ ตราบจนท่านมรณภาพไป


    ตัวอย่างชีวิตของท่าน เป็นตัวอย่างพระที่มีทั้งสุขและทุกข์โคจรมา


    สำหรับหลวงพ่อจรัลนั้นก็เคยไปฝึกวิชาธรรมกายกับหลวงพ่อวัดปากน้ำแต่ไม่ถูกอัธยาศรัย จึงเปลี่ยนมาฝึกยุบหนอพองหนอ ซึ่งท่านก็ได้รับผลสำเร็จตามส่วนแห่งธรรม


    หลวงพ่อวัดปากน้ำเป็นผู้มีเมตตา อัธยาศรัยดีและใจกว้างมาก ศิษย์หลายคนได้เปลี่ยนไปเรียนกับครูท่านอื่น อาทิ แม่ชีกบิล วรมัย กบิลสิงห์ ได้ย้ายไปเรียนวิชาที่วัดโสมนัส แล้วคิดว่าตนเองบรรลุธรรมจึงมากราบเรียนแนะหลวงพ่อ หลวงพ่อฟังโดยสงบ และกล่าวสั้นๆ ว่า เอ็งยังเห็นดวงธรรมในท้องหรือเปล่า เมื่อแม่ชีบอกว่าเห็น หลวงพ่อก็พูดว่า เออ ดีแล้ว ขอให้เห็นดวงธรรมในท้องเอ็งจะไปเรียนวิชาอะไรก็ช่างเถอะ หลวงพ่อฤษีลิงดำ หลวงพ่อจรัลเหล่านี้ล้วนเคยเรียนวิชากับท่านมาทั้งนั้น ภายหลังไปเรียนวิชาอื่น ท่านก็ไม่ว่ากล่าวใคร


    คุณเคยได้ยินชื่อหลวงพ่อบุดดา ถาวโร วัดศรีประจันต์ จ.สิงห์บุรีหรือไม่ คนเขาลือว่าหลวงปู่เป็นพระอรหันต์แล้ว เมื่อหลวงปู่มรณภาพคนเขาไปรื้อย่ามท่าน มีพระอยู่องค์หนึ่งคือ พระของขวัญวัดปากน้ำรุ่นหนึ่ง

     
  20. วงบุญพิเศษ

    วงบุญพิเศษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    486
    ค่าพลัง:
    +649
    พระเทพกิตติปัญญาคุณ(กิตติวุฑโฒ) ซึ่งสมัยนั้นท่านดำรงสมณศักดิ์เป็นเจ้าคุณพระอุดรคณาภิรักษ์เคยเล่าเรื่องนี้ เมื่อคราวแสดงพระธรรมเทศนาในการบำเพ็ญกุศลถวายพระครูประกาศสมาธิคุณ ณ วัดมหาธาตุ เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๗ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๒๗ เวลา ๑๙.๓๐น.


    การเผยแผ่ธรรมะของหลวงพ่อสมัยนั้น โดยมากหลวงพ่อจะปักหลักสอนอยู่ที่วัดปากน้ำฯ แต่พระที่มาส่วนมากถ้ามาจากภาคอีสานก็ไปโฆษณาภาคอีสาน มาจากภาคเหนือก็ไปโฆษณาทางภาคเหนือ พระที่วัดปากน้ำฯจึงมาจากทุกภาค บอกต่อๆกันไป นี้ก็สัมฤทธิ์ผลสมดังที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านได้อธิษฐานไว้ว่า “บรรพชิตที่ยังไม่มาก็ขอให้มา ที่มาแล้วขอให้อยู่เป็นสุข”


    หลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านคิดว่าจะสร้างบารมีอย่างเดียว อย่างมหาจุฬาฯ ตอนนั้นก่อตั้งใหม่ๆ ยังไม่เป็นรูปร่าง หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านก็มาช่วยหาทุน ในการก่อสร้างมหาจุฬาฯ สมัยนั้นท่านเจ้าคุณพระพิมลธรรม(ช้อย ฐานทัตโต ป.ธ.๙)เป็นปฐมนายก


    พระพิมลธรรม(ช้อย ฐานทัตโต)ท่านนิมนต์หลวงพ่อวัดปากน้ำไปเทศน์ที่วัดมหาธาตุฯ อยู่เป็นประจำ เพราะท่านศรัทธาหลวงพ่อวัดปากน้ำ เวลาไปเทศน์หลวงพ่อท่านก็ลงเรือข้ามฟากไป ไปขึ้นที่ท่าเตียน ปากคลองตลาด พระพิมลธรรม(ช้อย)ท่านส่งเสริมหลวงพ่อวัดปากน้ำให้ไปสอนพระเณรในวัดนำนั่งภาวนาในโบสถ์ภาวนา“สัมมา อะระหัง”มากันหมดทั้งวัด ตอนนั้นรู้สึกว่าเจ้าคุณโชดกก็มาอยู่วัดมหาธาตุฯแล้ว แต่ว่าไปเรียนอยู่ที่พม่า ตอนนั้นคงยังเป็นพระเด็กๆพรรษาน้อย


    ท่านพระครูประกาศสมาธิคุณ เคยเล่าให้ฟังว่า สมัยนั้นท่านยังคะนอง ตอนหลวงพ่อมาสอน“สัมมา อะระหัง”ที่วัดมหาธาตุฯฟังแล้วก็ขำ จึงหัวเราะคิกคิกออกมาเบาๆ และตอนหลวงพ่อวัดปากน้ำสอน พระพิมลธรรม(ช้อย)จะมาฟังด้วย ใครหัวเราะท่านดุเลย ตวาดดุเลยให้ตั้งใจฟัง ท่านศรัทธาหลวงพ่อวัดปากน้ำมาก สมัยนั้นดีมาก


    มาภายหลังสมัยพระพิมลธรรม(อาส อาสภมหาเถระ) ซึ่งเป็นผู้ที่ส่งให้เจ้าคุณโชดกไปเรียนที่พม่า
    เพราะเป็นคนขอนแก่นด้วยกัน ไปเรียนวิปัสสนาแล้วกลับมาสอนที่นี่ ช่วงนั้นสมเด็จพระสังฆราชอยู่ที่วัดเบญจมบพิตรฯ ซึ่งท่านก็สนับสนุนวิชชาธรรมกาย ยุคนั้นสำนักปฏิบัติธรรมที่เป็นที่รู้จักอีกที่ คือ วัดมหาธาตุฯ ปฏิบัติแบบยุบหนอพองหนอ ส่วนเรื่องเจ้าคุณโชดกนั้นก็ไม่มีอะไรหรอก คือ เจ้าคุณโชดกท่านมาทีหลังก็ต้องการให้หลวงพ่อวัดปากน้ำช่วยโฆษณาด้วย เพราะสมัยนั้นคนจะโจมตีว่าเป็นของพม่า หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านก็ส่งเสริม ให้ท่านไปปฏิบัติท่านก็ไป ไปทดลอง ไปปฏิบัติ แล้วท่านก็บอกว่าดี ท่านไม่โจมตีเพราะ ท่านไม่ทำร้ายใคร ส่วนทางนั้นจะไปโฆษณาอย่างก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง


    ตอนนั้นพระพิมลธรรม(อาส)ท่านเป็นสังฆมนตรีปกครอง เป็นผู้ปกครองที่สั่งแล้วต้องปฏิบัติตาม ท่านอยากให้หลวงพ่อวัดปากน้ำไปปฏิบัติวิปัสสนาแบบยุบหนอพองหนอ หลวงพ่อท่านก็ไป ท่านถามว่าถูกหลักสติปัฏฐานหรือไม่ หลวงพ่อท่านก็ตอบว่าใช่ ถูกหลักสติปัฏฐาน๔ หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านส่งเสริม ท่านไม่โจมตีหรอก ใครชอบทางไหน ก็ไปทางนั้น สำนักปฏิบัติธรรมที่มาคู่กับหลวงพ่อวัดปากน้ำคือ หลวงพ่อลี วัดอโศการาม ซึ่งสอนแบบให้บริกรรม “พุทโธ”


     

แชร์หน้านี้

Loading...