วิปัสสนากรรมฐาน ทำอย่างไร ไป พระนิพพานทำอย่างไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Nyan Vitee, 13 ตุลาคม 2008.

  1. ตาแก่

    ตาแก่ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    82
    ค่าพลัง:
    +30
    บางสำนักบางอาจารย์ก็สอนไปคนละแบบ บางก็บอกนิพพานไม่มี บางก็บอกดินแดนนิพพานนั้นบรมสุข โอ้ยอะไรกันนะ พุทธเจ้าก็องค์เดียวกันแต่สอนไปห่างกันคนละโยชน์เลย บางอาจารย์ก็บอกพุทธเจ้าไม่มีแล้วคืนสภาพให้ธรรมชาติไปแล้ว ไม่มีตัวไม่มีตนแล้วก็แสดงว่านิพพานก็คือความว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย แต่หากบอกว่านิพพานเป็นดินแดนสงบบรมสุข ก็แสดงว่านิพพานก็ยังติดสุขอีกนั้นแหละ แล้วจริงๆ คืออะไรละครับท่าน.....ไม่รุ้จะเชื่อใครดีเอ่ย....ใครช่วยทีไปไหนกันดี ถ้าว่างเปล่าเฉยๆ ไม่มีอะไรเลย ผมคงไม่ไปด้วยละครับนิพพาน เอาแค่สวรรค์ชั้นไหนก็ได้ จะทุกข์จะสุขก็คือว่าเป็นธรรมชาติของชีวิตครับ ยังไงก็ขอมีความรุ้สึกอยู่ดีกว่า
     
  2. พระยาเดโชชัยมือศึก

    พระยาเดโชชัยมือศึก สินธพอมรินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,742
    ค่าพลัง:
    +12,024
    นิพพาน คือความว่างจากกิเลส หลักในการปฎิบัติคือ เราต้องมีศีลเป็นเครื่องหล่อเลี้ยง ให้เราทรงในความดี แล้วเราต้องทำใจให้ผ่องใส คือการทำสมาธิ และพิจารณาว่ามีอะไรค้างคาในใจบ้าง ก็พวกความทุกข์ทั้งหลาย ให้ค่อยๆละวางทุกอย่าง เช่น เมื่อเป็นหัวหน้าครอบครัว แล้วเราก็ได้ทำหน้าที่ ที่ดีที่สุดแล้ว แต่ถ้ามีใครในครอบครัว เป็นมะเร็ง และเราก็ได้พยายามหาทางรักษาให้แล้ว ทำดีที่สุดแล้ว แต่ทุกอย่างก็เป็นกรรมของแต่ละคนด้วย เมื่อคิดได้ว่า ทุกคนมีกรรมของตน การที่เราต้องมาเป็นครอบครัว เพราะเราสร้างภพสร้างชาติ ดังนั้น การที่จะไม่ต้องมามีทุกข์ใจเรื่องภายในครอบครัว ก็คือ ไม่มาเกิดอีก ....
    ก็ให้พิจารณา ประมาณนี้แหล่ะครับ เมื่อเราใช้ปัญญาพิจารณาได้แล้ว คงเหลือแต่หน้าที่ทางโลกที่ต้องทำ เช่นถ้าเป็นครู ก็สอนหนังสือเด็กไป

    กุญแจไปนิพพาน
    ศีล สมาธิ ปัญญา ทาน ศีล ภาวนา เป็นพื้นฐาน
    ปฎิเสธการเกิดเป็นมนุษย์ เทพ พรหม เทวดา
    ฝึกทรงอารมณ์พระนิพพานให้ชิน การทรงอารมณ์นิพพาน เป็นอย่างไร คือการให้จิตว่างจากกิเลส แต่ให้ระวังเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่ให้จิตนิ่ง เฉยๆนะครับ เพราะถ้าแบบนี้จะไปเป็นพรหม
    แต่ถ้าจะไปนิพพาน ต้องมีใจรักนิพพาน ถึงจะได้ไป อาจจะจับภาพพระพุทธเจ้าที่เราชอบ แล้วก็อธิษฐานตั้งจิตกับท่านไว้ ว่าตายเมื่อไหร่ขอไปนิพพาน
     
  3. kikinlala

    kikinlala เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    4,939
    ค่าพลัง:
    +8,843
    ถ้าปฏิบัติวิปัสนาล่ะ จะได้ไปนิพพานมั้ยคะ
     
  4. Nyan Vitee

    Nyan Vitee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +68
    ศิษย์น้อง kikinlala ไปได้สิ นี่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าสอนนะครับ

    เมื่อหลายปีก่อน ครูบาอาจารย์ได้มอบภารกิจ พิจารณานิมิตธรรมจาก ทูลกระหม่อม ฯ เมี่ยวซ่าน
    หรือที่ท่านทั้งหลาย เรียก อาจารย์แม่กวนอิม

    เหตุเพราะวิปัสสนากรรมฐานต้องกระตุ้นธาตุรู้ ปลุกธาตุรู้ ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน

    ได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว ดังกระทู้นี้

    กราบขอบพระคุณ ทูลกระหม่อม ฯ เมี่ยวซ่าน

    ได้พิจารณาสายลมพัดผ่านดอกบัว แต่บัวใยไม่ไหวติง
    ทำอย่างไรให้อุเบกขาได้ตลอด พิจารณาได้แล้วพระเจ้าข้า

    ปลุกธาติรู้ ได้แล้วพระพุทธเจ้าข้า

    รู้นั่นแหล่ะ คือ อุเบกขา เช่น

    เห็น ต้องจบด้วยคำว่าหนอ เห็นหนอ เห็นหนอ

    ไม่มีชาย ไม่มีหญิง ไม่มีสวย ไม่มีไม่สวย

    จิต กับจิตตสังขาร ค่อย ๆ แยกออกจากกัน

    เห็นการเกิดดับ ต่อหน้าต่อตาจิตหนึ่งซึ่งตื่นอยู่

    ขอบพระคุณท่านอาจารย์แม่ขอรับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2008
  5. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,463
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ นิพพานคือการปล่อยวางได้ทั้งหมด ทุกสิ่งในโลกล้วนเป็นมายาทั้งสิ้น ไม่มีอะไรในโลกนี้เลย เราต่างคิดปรุงเเต่งไปเองทั้งสิ้น เเม้ร่างกายเราก็ยังไม่ได้เป็นของเราเลย ตายเเล้วยังนําติดตัวไปไม่ได้เลย
     
  6. uncle jing

    uncle jing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    366
    ค่าพลัง:
    +219
    อนุโมทนา สาธุ

    ขอผลบุญในการเผยแพร่ธรรมะนี้จงเป็นปัจจัยให้คุณ Nyan Vitee

    และท่านทั้งหลายที่ร่วมอนุโมทนา

    ได้ถึงซึ่งพระนิพานในชาตินี้ด้วยเถิด
     
  7. Nyan Vitee

    Nyan Vitee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +68
    ไปตอบกระทู้ศิษย์น้องมาอ่ะครับ

    ต้องวางอุเบกขาก่อนด้วยนะ ละวางด้วย
    จริตมนุษย์และการปรุงแต่งของมนุษย์ซับซ้อนเกินไปที่ศิษย์น้องจะสอนธรรมได้หมด
    หลายครั้งต้องเลือกสอนธรรม ค้นหาเฟ้นหาธรรมมะที่เหมาะเจาะ
    เค้าอาจต่อต้าน โต้เถียง จับผิดเรากลับ และไม่สนใจเราเลย ถ้าเราทุกข์ใจเมื่อเค้าไม่ฟังเรา
    เค้าอาจจะไปฟ้องคนอื่นเรื่องที่เรามาสอนธรรมมะเค้า เค้าอาจถือว่าบังอาจมากมาสอนตรู อาจจะเจอวิบากกรรมที่เราไปทำให้เค้าเป็นทุกข์ ต้องระวังด้วย ลองสอนธรรมมะเค้าดูนะครับ
    อ่านจิตเราก่อนด้วย อยากให้เค้าฟังธรรม อยากให้เค้าเข้าใจ ให้รู้เท่าทันความอยาก ไม่ให้มันทำร้ายเราภายหลัง
    ถ้าเค้าไม่สนใจเรา เราเป็นทุกข์
    ถือว่าสอบตกทันทีครับ ไม่ใช่มาอุเบกขาภายหลัง
    ให้ระวังเมตตาพาตกเหวทั้งคู่ด้วยนะครับ
    ต้องอุเบกขาตั้งต้น ฟังแล้วดูไม่ธรรมดาเลยนะ แต่ไม่ยากหรอกครับ อ่านจิตเราไปด้วย
    ดูจิตอย่างเดียว
    เรื่องพรหมจรรย์
    ต้องตั้งพรหมจรรย์ก่อนที่จิต นะครับ แล้วตายดาบหน้า
    อย่าเอาพรหมจรรย์ออกนะครับ ในฝันนี่ล่ะครับ แบบทดสอบที่ดีมาก ๆ เลยครับ
    เมื่อจิตมีคุณภาพมาก ๆ แล้ว อวัยวะเพศของเราจะสงบ ระงับด้วยนะครับ ดีมาก ๆ เลย
    และรู้ว่ากามเป็นของหยาบที่จิตจะไม่ไปแตะต้อง
    แล้วต้องไม่ปรุงแต่งเรือนร่างของสตรีด้วย อย่าไปกระตุ้นมัน วางจนไม่คิดเรื่องนี้
    คิดว่าศิษย์น้องคงโหลด MP3 ของพระอาจารย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เช่นเรื่อง ปฏิกูลบรรพ อสุภกรรมฐานด้วยนะครับ
    ค่อย ๆ ทำ แต่ทุกครั้งที่ทำต้องเต็มที่นะครับ ไม่เสียดายเวลาเลยที่เราได้ปฏิบัติธรรม
    พรหมจรรย์ของศิษย์น้องน่าจะดีขึ้น ๆ แล้วนะ แต่ต้องเจอด่านต่อไปเรื่อย ๆ ครับ
    ส่วนเรื่องในฝัน พลาดแล้วก็อย่าไปปรุงแต่งซ้ำเติมจิตเค้านะครับ พิจารณาตรวจดูพอ
    เราปรุงแต่งเพื่อที่จะดับความคิดปรุงแต่งต่าง ๆ แล้วครับ

    ธรรมมะของพระพุทธเจ้า เปรียบดุจดั่งน้ำมันราชสีห์
    ต้องกักเก็บไว้ด้วยภาชนะอย่างดี ถ้าใช้ภาชนะที่เป็นอ่างไม้
    อ่างไม้กักเก็บน้ำมันราชสีห์ไม่ได้ครับ มันจะรั่ว ซึมออก หมดกัน
    ต้องใช้อ่างทองคำครับ เราทำจิตของเราเป็นอ่างทองคำนะครับ
    เพื่อกักเก็บพระธรรมไว้ไม่ให้รั่ว
    แล้วก็ต้องวางเหมือนเดิม


    พี่เห็นใจน้องนะครับ รู้ว่าต้องเจออะไรบ้าง ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ
    คำว่าเห็นใจนี้เป็นศัพท์ทางโลกเป็นสมมุติบัญญัติเพื่อให้เข้าใจ
    แต่จริง ๆ แล้วพี่ไม่เห็นใจน้องหรอกครับ งงไหมครับ อย่างงนะครับน้องท่าน
    ถ้าพี่ห่วงน้องจริงพี่จะเป็นทุกข์ครับ พี่ก็จะสอบตกเหมือนกัน ต่างคนต่างละวางนะครับ

    ลูกขอกราบ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เหนือเศียรเกล้า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 ธันวาคม 2008
  8. kkd

    kkd สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +0
    ขอบคุณมากครับ ผมจะศึกษาที่กัลยาณมิตร ส่งมาให้ครับ ส่งเรื่องนั่งวิปัสสนากรรมฐาน ที่ไหนครับ ไกลไหมครับ ผมอยู่ กทม.ครับ และมีค่าใช้จ่ายอย่างไรครับ เผื่อผมจะชวนเพื่อน ๆ ไปด้วยกัน ผมชอบครับ ตอนนี้ศึกษา หนังสือของสโรชาอยู่ครับ กำลังมองดูเรื่องการละเรื่อง ความรัก ความโลภ ความโกรธ และความหลงครับ ผมอย่างบรรลุธรรมครับ
     
  9. Nyan Vitee

    Nyan Vitee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +68
    ไม่ได้ว่าใครนะครับ

    ตัวกูเยอะจัง
    ให้ตัวกูเป็นตัวมึง(ดูจิต) คิดอะไรอยู่ ยึดถืออะไรอยู่ พิจารณาละวางได้ไหมด้วยเหตุผล
    โยนิโสมนสิการเป็นธรรมใหญ่ยิ่งแล้วพระพุทธเจ้าข้า

    หมดตัวกู หมดตัวมึง ก็สบาย

    ตัวกูเยอะจัง ให้ตัวกูเป็นตัวมึง
    หมดตัวกูหมดตัวมึง ก็สบาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ธันวาคม 2008
  10. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    หยิบค้อนมา 1ด้าม พอรู้ว่าหนัก มันถึงวาง
    รู้แล้วว่าค้อนหนักมันถึงไม่หยิบ
     
  11. Nyan Vitee

    Nyan Vitee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +68
    ครับ คุณ วิษณุ แต่ ฆ้อนนั้น มนุษย์ทั่วไป ยังปรุงแต่งได้ว่านำมาใช้ประโยชน์ได้บ้าง
    แต่ไอ้นี่นั่นมันไฟไหม้นะ
    วัฎฎะสงสารน่ากลัวเกินไป ลาออกเถอะครับ

    ---------------------------------
    ส่วนนี้ลอกมาจา่ก กระทู้นี้ rep 11 โดยคุณ วรกันต์
    เรามาลองอ่าน คำพูดที่สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า ของเรา กล่าว ครั้นเมื่อพระพุทธองค์ ได้ตรัสรู้ ณ ต้นศรีมหาโพธิ์ พุทธคยา

    ร่าเริงอะไรกันหนอ ยินดีอะไรกัน ในเมื่อโลกสันนิวาสถูก
    ไฟไหม้โพล่งแล้วเป็นนิตย์ ท่านทั้งหลายถูกความมืดหุ้มห่อ
    แล้ว เพราะเหตุไรจึงไม่แสวงหาประทีป ท่านจงดูอัตภาพอัน
    บุญกรรมทำให้วิจิตรแล้ว มีกายเป็นแผล อันกระดูกสามร้อย
    ท่อนปรุงขึ้นแล้ว กระสับกระส่าย อันมหาชนดำริกันโดย
    มาก ไม่มีความยั่งยืนมั่นคง รูปนี้คร่ำคร่าแล้ว เป็นรังแห่ง
    โรค ผุพัง กายของตนอันเปื่อยเน่าจะแตกเพราะชีวิตมีความ
    ตายเป็นที่สุด กระดูกเหล่าใดเขาไม่ปรารถนาแล้ว เหมือน
    น้ำเต้าในสารทกาล มีสีเหมือนนกพิราบ จะยินดีอะไร
    เพราะได้เห็นกระดูกเหล่านั้น สรีระอันกรรมสร้างสรรให้
    เป็นเมืองแห่งกระดูก มีเนื้อและเลือดเป็นเครื่องไล้ทา เป็น
    ที่ตั้งแห่งความแก่ ความตาย ความถือตัว และความลบ
    หลู่ ราชรถทั้งหลายอันวิจิตรย่อมคร่ำคร่าได้โดยแท้ อนึ่งแม้
    สรีระก็เข้าถึงความคร่ำคร่า ส่วนธรรมของสัตบุรุษย่อมไม่
    เข้าถึงความคร่ำคร่า สัตบุรุษแลย่อมสนทนาด้วยสัตบุรุษ
    บุรุษมีสุตะน้อยนี้ ย่อมแก่เหมือนโคถึก เนื้อของเขาย่อม
    เจริญ [แต่] ปัญญาของเขาหาเจริญไม่ เราแสวงหานาย
    ช่างเรือนอยู่ เมื่อยังไม่ประสบ แล่นไปแล้วสู่สงสารมีชาติ
    ไม่น้อย ความเกิดเป็นทุกข์ร่ำไป แน่ะนายช่างเรือน บัดนี้
    เราพบท่านแล้ว ท่านจักไม่ต้องสร้างเรือนอีก ซี่โครงของ
    ท่านทั้งหมดเราหักแล้ว ยอดเรือนเราขจัดเสียแล้ว จิตของ
    เราถึงแล้วซึ่งนิพพานอันปราศจากสังขาร เราบรรลุความสิ้น
    แห่งตัณหาแล้ว คนพาลทั้งหลายไม่ประพฤติพรหมจรรย์ ไม่
    ได้ทรัพย์ในคราวเป็นหนุ่ม ย่อมซบเซา เหมือนนกกระเรียน
    แก่ ซบเซาอยู่บนเปือกตม ซึ่งสิ้นปลาแล้ว ฉะนั้น คน
    พาลทั้งหลายไม่ประพฤติพรหมจรรย์ ไม่ได้ทรัพย์ในคราว
    เป็นหนุ่มย่อมนอนทอดถอนถึงทรัพย์เก่า เหมือนลูกศรสิ้น
    ไปแล้วจากแล่ง ฉะนั้น ฯ
    <o></o>
    ปล. คัดลอก มาจาก พระไตรปิฎก
    จบส่วนที่ลอกมาแล้ว ขอบคุณ คุณ วรกันต์
    --------------------------------------------------------------

    ขอตอบเรื่อง อรูปฌาณอีกครั้งนะครับที่ rep ที่ 1 เลย

    พระพุทธเจ้าท่านฉลาดมาก ที่สุดแล้ว
    ท่านสอน อรูปฌาณ ดังนั้น อรูปฌาณจึงเป็นสมมุติบัญญัติ
    ถ้าท่านไม่สอน พวกเราไม่มีวันรู้เรื่อง สมมุติบัญญัติต่าง ๆ หรอกครับ
    ลูกขอกราบนมัสการแทบพระบาทพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้า ทุกรูปทุกนามที่สั่งสอนอบรมข้าพเจ้าได้รู้ถึงการละวาง
    พวกเราควรวางสมมุติบัญญัติ ไม่ใช่ไปนั่งยึดถือมัน และถามว่าถึงหรือยัง ถึง หรือไม่ถึง
    จิตที่ไปผูกพันและครอบครองสมมุติบัญญัติ และรักษาสิ่งใด ๆ ไว้ จึงทำให้ทุกข์
    ถ้าถึง แล้วจิตสุขนักรึ ปล่อยวางสิ
    ถ้าไม่ถึง แล้วทุกข์นักรึ ปล่อยวางสิ
    รู้แล้วปล่อยวาง

    เพราะจิตนั้นเองคือ พุทธ
    เมื่อ พวกเราที่เป็นนักศึกษาเรื่องทางโน้น ถ้าไม่ลืมตาต่อสิ่งซึ่งเป็นสาระ กล่าวคือ จิตนี้
    พวกเราจะปิดบังจิตนั้นเสียด้วยความคิดปรุงแต่งของเราเอง พวกเราจะเที่ยวแสวงหาพุทธนอกตัวเราเอง
    พวกเรายังยึดมั่นถือมั่นต่อรูปธรรมทั้งหลายต่อการปฏิบัติเมาบุญต่างๆ และสิ่งอื่นๆ ทำนองนั้น
    ทั้งหมดนี้เป็นอันตราย และไม่ใช่หนทางอันนำไปสู่ความรู้อันสูงสุดที่กล่าวนั้นแต่อย่างใดเลย ----> อาจารย์หลวงปู่ดูลย์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2009
  12. mr.surin

    mr.surin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +129
    <CENTER></CENTER>
    [​IMG]




    หลวงปู่ชอบ ฐานสโม




    " นิพพานไม่ได้สูญ ไม่ได้อยู่ตามที่โลกคาดคะเนหรือเดากัน ทำจริงจะได้เห็นของจริง รู้จริง และจะเห็นนิพพานเอง เห็นพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เห็นครูบาอาจารย์ที่ท่านบริสุทธิ์เอง และหายสงสัยโดยประการทั้งปวง "


    **************************************




    [​IMG]


    หลวงปู่ขาว อนาลโย




    " อย่าไปยึดถือมัน ก็จิตนั่นแหละมันถือว่าตัวกู อยู่เดี๋ยวนี้ก็ดี เราถือว่าเราเป็นผู้ชาย เราเป็นผู้หญิง ก็แม่นจิตนั้นแหละ เป็นผู้ว่า มันไม่มีตนมีตัวดอก แล้วพระพุทธเจ้าว่าให้วางเสียให้ดับวิญญาณเสีย ครั้นดับวิญญาณแล้ว ไม่ไปก่อภพก่อชาติอีก ก็นั่นแหละพระนิพพาน "


    *************************************






    [​IMG]


    หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม



    " พระนิพพานมีอยู่ไม่เสื่อมสูญ พระพุทธเจ้าเข้าพระนิพพานก็มีอยู่ในพระนิพพานนั้นแล ถ้าเราเป็นพระอรหันต์ พระโสดาบันเมื่อไร เมื่อนั้นแหลจึงจะเห็นจะรู้ที่อยู่พระพุทธเจ้า ที่อยู่ของพระอรหันต์เจ้าทั้งหลาย "


    **************************************



    [​IMG]



    หลวงปู่บุดดา ถาวโร



    " นิพพานไม่สูญ เป็นแต่อาสวะกิเลสสูญ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน กรรม วิบาก มันสูญ แต่ สังขตธรรม อสังขตธรรม วิราคะธรรม มันไม่ได้หมดไปด้วย "


    **************************************




    [​IMG]


    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล



    " นิพพานเป็นของว่าง ไม่มีตัวมีตน หาที่ตั้งไม่มี หาที่เปรียบไม่ได้ ปฏิบัติไปจึงจะรู้เอง "


    **************************************



    [​IMG]



    หลวงปู่ฝั้น อาจาโร




    " จิตวิญญาณมันไม่ใช่ของแตกของทำลาย แลไม่ใช่ของสูญหาย พระพุทธเจ้าสอนให้จิตมันเที่ยง เหมือนพระนิพพานเป็นของเที่ยง ไม่แปรผัน ยักย้าย สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นเป็นทุกข์ "


    *************************************



    [​IMG]


    หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต



    " สูญในพระนิพพานมีขอบเขต สูญจากกิเลสเท่านั้น รสของพระนิพพานมีอยู่ พระนิพพาน ไม่เกิดไม่ดับไปไหน เป็นอนัตตาธรรม เราจะเอาพระนิพพานมาเป็นอนัตตา เหมือนขันธ์ ๕ และกิเลสทั้งหลายมันก็ไม่ถูก เรียกว่าแยกอนัตตาธรรมไม่ถูก "


    *************************************




    [​IMG]


    หลวงปู่ลี ธมมฺโร วัดอโศการาม



    " โลกนิพพาน ไม่มีทั้งเกิด ไม่มีทั้งตาย กายเป็นของสูญ จิตเป็นของไม่สูญ ไม่ตาย จิตที่ดับจากกาย ย่อมหายไป เหมือนกับไฟที่ดับจากเทียน "
     
  13. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,463
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    กลับมา่อ่านอีกครั้ง กระทู้นี้ก็ยังดีเหมือนเดิม
     
  14. Nyan Vitee

    Nyan Vitee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +68
    กระผมแวะไปกระทู้ การสะสมของจิต คุณ รสมน มาครับ
    ได้มีการพูดถึง หน้าที่ ด้วย
    ผู้ที่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ยังทำหน้าที่โดยปกติได้อยู่

    ครูบาอาจารย์ของกระผม เคยสอนให้ศิษย์ผู้หนึ่ง ซึ่งยังมีความอยากในหน้าที่อยู่ว่า

    ดูจิต และให้แยก ความอยากความไม่อยาก(ตัณหา) ออกจากหน้าที่ ด้วย

    จะได้ไม่ทุกข์เพราะความอยากนะครับ เพราะยังมีครูหลายคนอยากให้ศิษย์เรียนเก่ง อยากให้ศิษย์เรียนหนัก อยากให้ศิษย์เรียนดี อยากให้ศิษย์จำแม่น อยากให้ศิษย์โน่นศิษย์นี่ อยากให้ศิษย์นั่งสมาธิ อยากให้ศิษย์ภาวนา อยากให้ศิษย์รับผิดชอบ อยากให้ศิษย์ปล่อยวาง ๆลๆ แต่ไม่เคยเห็นจิตของตัวเองที่มีความอยากเลย และไม่เคยเห็นทุกข์กับความอยากด้วยจิตตื่นของตัวเองเลย แล้วเขาเหล่านั้นจะพ้นทุกข์ด้วยอาการเหล่านี้ได้อย่างไรกันเล่า ถ้าพวกเขายังไม่รู้วิธีการ วิธิปฏิบัติเพื่อเห็นมัน พิจารณามัน ละวางมันด้วยเหตุผลที่สมบูรณ์แบบ
    ลูกขอกราบพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆ์เจ้า กราบอาจารย์หลวงพ่อฤาษีลิงดำ บิดามารดาทุกชาติพิภพ ครูบาอาจารย์ทุกจักรวาลแล้วพระเจ้าข้า
     
  15. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
  16. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    อย่ายึดที่ตัวอาจารย์ ให้ยึดหลักธรรมอย่างเดียว พร้อมกับจิตตื่น นั้นแหละ
    กำลังพยายาม อยู่เหมือนกัน
     
  17. Nyan Vitee

    Nyan Vitee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +68
    อย่ายึดที่ตัวอาจารย์ --> ถูก
    ให้ยึดหลักธรรมอย่างเดียว --> ถ้ารู้ว่าเป็นธรรมแล้ว ต้องละวางทั้งหมด โปรดอ่าน rep 15 ไม่มีท่านใดบอกให้ยึดนะครับ ยึดคือแบก แบกหามเป็นภาระของจิตที่มันเป็นจอมยึดมั่นถือมั่นนะครับ ดูจิตว่ามันยึดมั่นถือมั่นอะไรไว้อยู่ วางทั้งหมด รู้แล้ววาง รู้แล้ววาง รู้แล้ววาง ไม่ยึดมั่นถือมั่นอะไรไว้เลย
    หลักธรรมของ...หลวงปู่ดูลย์ อตุโล....................

    จิตคิด จิตเกิด จิตไม่คิด จิตไม่เกิด
    จิตคิด จิตถูกทำลาย จิตไม่คิด จิตไม่ถูกทำลาย
    จิตปรุงแต่ง จิตถูกทำลาย จิตไม่ปรุงแต่ง จิตไม่ถูกทำลาย

    จิตแสวงหา จิตถูกทำลาย จิตไม่แสวงหา จิตไม่ถูกทำลาย
    จิตปรารถนา จิตถูกทำลาย จิตไม่มีความกำหนัด จิตไม่ถูกลาย

    ทิ้งหมด รู้หมด ทั้งหมด ได้หมด
    ไม่ทิ้งเลย ไม่รู้เลย ไม่ทิ้งเลย ไม่ได้เลย

    ทรงจิตเข้ามรรคจิต แล้วจิตพิจารณาจิต
    รู้ธรรมในจิต แล้วถนอมมรรคจิต จงทำให้ชำนิชำนาญ

    จิตอบรมจิต รู้ธรรมภายในจิต แล้วอบรมธรรมในธรรมภายในจิต

    ผู้รู้ไม่คิด ผู้คิดยังไม่รู้ รู้แล้วไม่ต้องคิดก็เกิดปัญญา

    เอาธรรมมาอบรมธรรม รู้ธรรมในธรรม
    เอาธรรมชาติมาปฏิบัติธรรมชาติ ให้รู้ธรรมชาติในธรรมชาติ

    เอาธาตุมาปฏิบัติธาตุ ให้รู้ธาตุในธาตุ
    เอาธรรมอบรมในธรรม เอาจิตอบรมจิต ให้รู้ธรรมภายในจิต

    รู้แล้วละว่าง ปล่อยทิ้ง และไม่อาลัย และไม่ยึดมั่นธรรมต่าง ๆ

    ธรรมที่เกิดขึ้นภายในจิต ทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว
    บาปบุญเปรียบเหมือนมารยา เกิดขึ้นแล้วดับ ปล่อยทิ้งทั้งสอง

    มีแต่ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
    สิ้นแห่งความรู้ หุบปากเงียบ อิ่มในธรรม

    ธรรมเติมธรรม ไม่มีธรรมนั่นคือธรรม

    ............
    จากหนังสือ...หลวงปู่ฝากไว้...
     
  18. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    [​IMG]


    จิต จะพิจารณาจิต ทำไมอีกล่ะ มันจะไม่ไปสู่เข้ากระบวนการคิดหรือจ๊ะ Ayan
    อย่างที่โพส รูปไว้นี่ ลิง คือจิิต ตาข่าย ก็คือ อุปทาน ถ้าหลุดได้ก็เยี่ยม Ayan พูดมาก็ถูกเยอะนะ เราเห็นด้วย เคยศึกษาธรรมของลวงปู่ดุลย์ เรื่องจิตพุทธ เข้าใจได้ดีเหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 เมษายน 2009
  19. Nyan Vitee

    Nyan Vitee Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +68
    น้อง nanakorn
    จิต จะพิจารณาจิต ทำไมอีกล่ะ มันจะไม่ไปสู่เข้ากระบวนการคิดหรือจ๊ะ --> ถ้าทำถูกมันจะเข้าสู่กระบวนการไม่คิด
    เพราะนาม รูปถูกแยกค่อย ๆ แยกสำเร็จสิ้น อะไรเป็นรูป อะไรเป็นนาม อะไรควรเจริญ อะไรควรละ จะรู้ซึ้ง อะไรถูกหลอก อะไรคือไม่ถูกหลอก
    อะไรคือทางสายกลาง เข้ายังไง เข้าอย่างนี้เท่านั้น ทางอื่นพาไปทุกข์ จะรู้โดยละเอียดละเมียดละไมยิ่งขึ้น
    จะหาทางทำขั้นตอนต่อไปด้วยความไม่คิด มั่นใจในการละวางทุกอย่าง เพราะได้วิปัสสนาญาณ 1,2 .......
    จนเมื่อบรรลุอริยสัจจ์ 4 จิตจะสบายขึ้นอีกมหาศาล
    จนพบจิตผู้รู้เป็นทุกข์ทั้งก้อน เมื่อการปฏิบัติลึกล้ำขึ้น ปัญญาญาณก็จะลึกล้ำขึ้นตามไปด้วย
    ภาวะในการรู้เท่าทันกิเลสจะพัฒนาด้วยตัวของมันเอง จะเห็นกิเลสเกิดดับต่อหน้าต่อตาจิตหนึ่งซึ่งตื่นอยู่อย่างมากมายเพราะสติปัญญาแก่กล้าขึ้น ๆ
    ความมั่นใจที่จะเข้าสู่พระนิพพานในชาตินี้เริ่มมั่นใจมาก ๆ
    มั่นใจในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ หาทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นกิเลสละเอียดเพื่อทำลายล้างอย่างหมดสิ้นด้วยหนทางง่าย ๆ เหมือนไม่ทำ แค่รู้มันโดยไม่ต้องอาศัยรูปใด ๆ

    จิต จะพิจารณาจิต ทำไมอีกล่ะ มันจะไม่ไปสู่เข้ากระบวนการคิดหรือจ๊ะ --> ถ้าทำไม่ถูกต้อง กำลังสติปัญญาไม่แก่กล้าพอ จะถามอย่างนี้เรื่อย ๆ อ่ะครับ จะไม่เชื่อมั่นในการภาวนาเลย ยืนเดินนั่งนอนเหยียดคู้ก้มเงย รู้หมดหรือยัง ยังส่งจิตออกนอกอีกไม๊



    น้อง nanakorn เคยเห็นความคิดถูกวิปัสสนาญาณแยกชิ้นส่วนไม๊ครับ ฟังดูแล้วยังไม่เคยเห็น ไม่เชื่อก็ได้ ขอให้ละวางและตั้งใจทำต่อไป
    พี่ขออนุโมทนาบุญด้วยนะครับ ที่มีจิตคิดเข้าสู่พระนิพพานในชาตินี้ พี่ขอให้พยายามต่อไปมาก ๆ นะครับ
    พี่ลองหยั่งจิตน้องดูแล้วอ่ะครับ ยังต้องทำงานอีกนะครับ ขอให้รักษาศรัทธามั่นคงไว้เรื่อย ๆ ศรัทธารักษาเองนะครับ
    นิวรณ์จะเป็นสิ่งที่เธอ ไม่แพ้มัน เมื่อเจอนิมิตให้ดูผู้เห็นนะครับ จิตน้องเมื่อเจอนิมิตยังถูกกระทบกระเทือนอยู่มาก ยังเกิดคำถามอยู่
    เมื่อยังมีผู้ปฏิบัติอยู่ โลกไม่ว่างเว้นจากพระอรหันต์จริง ๆ ครับ พระพุทธเจ้าท่านเก่งจริง ๆ ครับ

    ลิง คือจิิต ตาข่าย --> ไม่มีลิง ไม่มีตาข่าย มีแต่รูปและนาม
    ไม่มีหญิง ไม่มีชาย การเปรียบเทียบเพื่ออุปมาอุปมัยนั้นยังเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น
    เพราะสภาวะนั้น จะเข้าใจอย่างวิจิตรพิศดารแต่เรียบง่ายดีแท้เหมือนไม่วิจิตรพิศดารใด ๆ เลย รู้ชัดในความไม่มี
    วางทั้งหมด รู้ทั้งหมด ได้ทั้งหมด ไม่วางเลย ไม่รู้เลย ไม่ได้เลย


    น้องบอกว่า เข้าใจได้ดีเหมือนกัน --> ต้องถึงภาวะนั้นจริง ๆ นะครับ จะเข้าใจมากมายกว่านั้นอีกครับ จิตจะสบาย จิตนาการอย่างไรถึงสภาวะนั้น ไม่มีทางจริง ๆ ครับ ต้องได้เองครับ มรรค ผล พระนิพพานมีจริง การยุติภพ ชาติ มีอยู่จริง ๆ ครับ
    อนุโมทนาบุญนะ
     
  20. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่ขอปฏิบัติก่อน แบบไม่ต้องคิดอ่ะค่ะ
    ส่งจิตออกนอกก็มีบ้างค่ะ
    บ้างครั้ง อุปมาอุปไมย ก็อธิบายธรรมได้ง่ายขึ้นนะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...