วัตถุมงคลสายอธุยา สุพรรณบุรี..หลวงพ่อปาน หลวงพ่อสละ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ อื่นๆ

​

พระพิมพ์ หลวงพ่อปาน ผงอุดเดิม เลี่ยมทองหนา


วัดบางนมโค พิมพ์ทรงเม่น มังกรใหญ่ นิยมมาก


สำหรับพระหลวงพ่อปานเรื่องอิทธิคุณผมคงไม่ต้องโม้อะไรอีกแล้วครับเพราะเป็นพระตลาดและคล่องตัวมาก สมัยก่อนเขาว่ามีพระหลวงพ่อปานเท่ากับมีหมออยู่ประจำบ้านเชียวครับ


รับประกันแท้ (ตามมาตรฐานสากลนิยม) ผงเดิมน่าเก็บไว้บูชาครับ


พระเครื่องของท่านผงเกราะเพชรสำคัญมากๆเลยน่ะครับ



คัดแบบดูง่ายสบายตาครับองค์จริงสภาพนี้ผิวนี้ ถ้าสวยจริงสองแสนห้าอาจไม่มีคนขายนะครับ


พร้อมเลี่ยมทองหนาๆ พิมพ์นี้มังกรใหญ่ครับหายากครับ ราคา 40,000บาท พร้อมส่ง



เก็บพระหลวงพ่อปานก็เหมือนเก็บเงินสดน่ะครับ



เช่าแล้วครับ

 

​

พระพิมพ์ หลวงพ่อปาน มี ผงอุดเดิม


วัดบางนมโค พิมพ์ทรงเม่นบัวแปดจุด นิยมมาก


สำหรับพระหลวงพ่อปานเรื่องอิทธิคุณผมคงไม่ต้องโม้อะไรอีกแล้วครับเพราะเป็นพระตลาดและคล่องตัวมาก สมัยก่อนเขาว่ามีพระหลวงพ่อปานเท่ากับมีหมออยู่ประจำบ้านเชียวครับ


รับประกันแท้ (ตามมาตรฐานสากลนิยม) ผงเดิมน่าเก็บไว้บูชาครับ


พระเครื่องของท่านผงเกราะเพชรสำคัญมากๆเลยน่ะครับ



คัดแบบดูง่ายสบายตาครับองค์จริงสภาพนี้ผิวนี้


พร้อมเลี่ยมทอง ราคา พร้อมส่ง



เก็บพระหลวงพ่อปานก็เหมือนเก็บเงินสดน่ะครับ



เช่าแล้วครับ

 

​

พระพิมพ์ หลวงพ่อปาน ผงอุดเดิม


วัดบางนมโค พิมพ์ทรงนกสายบัว นิยมมาก


สำหรับพระหลวงพ่อปานเรื่องอิทธิคุณผมคงไม่ต้องโม้อะไรอีกแล้วครับเพราะเป็นพระตลาดและคล่องตัวมาก สมัยก่อนเขาว่ามีพระหลวงพ่อปานเท่ากับมีหมออยู่ประจำบ้านเชียวครับ


รับประกันแท้ (ตามมาตรฐานสากลนิยม) ผงเดิมๆ น่าเก็บไว้บูชาครับ


พระเครื่องของท่านผงเกราะเพชรสำคัญมากๆเลยน่ะครับ



คัดแบบดูง่ายสบายตาครับ


พระสวยระดับประกวดผิวเดิมๆทุกประการ ราคา 45,000 บาท พร้อมส่ง



เก็บพระหลวงพ่อปานก็เหมือนเก็บเงินสดน่ะครับ

เช่าแล้วครับ

 

​

พระพิมพ์ หลวงพ่อปาน ผงอุดเดิม


วัดบางนมโค พิมพ์ครุฑผีเสื้อ นิยมมาก


สำหรับพระหลวงพ่อปานเรื่องอิทธิคุณผมคงไม่ต้องโม้อะไรอีกแล้วครับเพราะเป็นพระตลาดและคล่องตัวมาก สมัยก่อนเขาว่ามีพระหลวงพ่อปานเท่ากับมีหมออยู่ประจำบ้านเชียวครับ


รับประกันแท้ (ตามมาตรฐานสากลนิยม) ผงเดิมๆ น่าเก็บไว้บูชาครับ


พระเครื่องของท่านผงเกราะเพชรสำคัญมากๆเลยน่ะครับ



คัดแบบดูง่ายสบายตาครับ


พระสวยระดับประกวดผิวเดิมๆทุกประการ สวยกว่านี้อีกนิดเดียว สองแสน สภาพนี้ ราคา 85,000 บาท พร้อมส่ง ถ้ารวมตลับบวกเพิ่มอีก 25,000 ตลับหนักบาทกว่า



เก็บพระหลวงพ่อปานก็เหมือนเก็บเงินสดน่ะครับ



เช่าแล้ว

 

​

เหรียญกนกข้างใหญ่ รุ่นสุดท้าย


หลวงพ่อทบ วัดชนแดน

เหรียญนี้เป็นเหรียญรุ่นสุดท้ายของหลวงพ่อทบ...ออกให้บูชาที่วัดช้างเผือก...มีบางท่านอาจส่งสัยว่าหลวงพ่อทบท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2519 แต่ด้านหลังของเหรียญระบุวันที่ 15 มีนาคม 2519 จริงๆแล้วเหรียญรุ่นนี้มีการปลุกเสกไว้ก่อนแล้วจะออกให้ประชาชนบูชาในวันที่15 มีนาคม 2519 เพราะวันที่15 มีนาคม 2519 เป็นวันงานวางศิลาฤกษ์พระอุโบสถ์หลังใหม่..แต่หลวงพ่อมามรณะภาพก่อนวันงานเพียงไม่กีชั่วโมง...คือกลางดึกวันที่14 มีนาคม 2519...เหรียญรุ่นนี้จึงถือว่าเป็นเหรียญรุ่นสุดท้ายของหลวงพ่อทบ..ไม่มีรุ่นแรกเก็บรุ่นสุดท่ายก็เกินพอครับ.มีรอยหลังเหรียญตามสภาพ
เหรียญหลวงพ่อทบ รุ่นสุดท้ายวัดช้างเผือก ปี 2519 มี 4 เนื้อ
เนื้อทองเหลืองผสมชุบนิเกิ้ล เนื้อทองแดงรมดำ เนื้อเงิน เนื้อนวะ
ทางโรงงานได้ปั้มเหรียญชุบนิเกิ้ลก่อน ต่อด้วยเหรียญทองแดงรมดำ
พอปั้มได้จำนวนหนึ่ง แม่พิมพ์มีตำหนิ ทำให้เหรียญทองแดง ที่ปั้มต่อมา
มีเนื้อเกิน ตรงกนกข้างด้านซ้ายของเหรียญ (ด้านขวามือเรา) พอปั้มเหรียญ
ทองแดงได้ จำนวนที่สั่งทำ ก็ปั้มเหรียญเงินต่อ และปั้มเหรียญนวะ ต่อจาก
เหรียญเงิน เหรียญนวะปั้มแรกๆ จมูกยังไม่เป็นรอย ส่วนเหรียญหลังๆ
จมูกจะเป็นรอย เป็นเพราะว่าคงมีเศษโลหะ ติดที่ปลายจมูกของแม่พิมพ์
วิธีสังเกตง่ายๆเหรียญชุบนิเกิ้ล จะไม่มีเนื้อเกินที่กนกด้านซ้าย ส่วนเหรียญเงิน จะมีเนื้อเกินทุกเหรียญเหรียญทองแดง บางเหรียญจะมีเนื้อเกิน แต่เหรียญนวะ มีทุกเหรียญ และเหรียญนวะส่วนมากประคำจะแบน และบางเหรียญจมูกจะเป็นรอยซึ่งเกิดจากแม่พิมพ์...............ข้อมูลจากเวปหลวงพ่อทบครับ


สภาพสวยครับ


ราคา 3,800 บาท พร้อมส่ง

 

พระครูรอด วัดบางขันแตกบูชาเท่าไหร่

 

เหรียญรุ่นแรก รุ่นเดียว 2495

ชาวแม่กลองหวงแหนมากครับ ถึงราคาจะไม่รุนแรงนัก แต่คนท้องที่นับถือท่านมากจริงๆ ประสบการณ์นั้นโชกโชนครับ

พระครูสุตาภิรัต (บุญรอด) วัดบางขันแตก เกิดเมื่อวันอาทิตย์ เดือนอ้าย ปีเถาะ พ.ศ. 2421 ที่ตำบลคอลงไทย อำเภอบางคนฑี จังหวัดสมุทรสงคราม อายุ 21 ปีได้อุปสมบทที่วัดบางขันแตก เมื่อวันที่ 6 ก.ค. พ.ศ.2441 โดยมีหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัยเป็ฯพระอุปัขฌาย์ หลวงพ่อบ่าย วัดชองลมเป็นพระกรรมวาจาจารย์ หลวงพ่อนพ วัดบางขันแตกเป็นพระอนุสาวนาจารย์ การสร้างวัตถุมงคล ท่านเป็นผู้หนึ่งที่สนใจพุทธาคมมาก ได้รับการถ่ายทองจากหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย และหลวงพ่อบ่าย วัดช่องลม แต่ท่านเป็นพระถือสันโดษ เงียบขรึม ไม่คุยอวดอ้างคุณวิเศษ มีแต่คนใกล้ชิดเท่านั้นที่รู้และขอให้ท่านทำ ตะกรุด ผ้ายันต์ให้ ท่านก็ทำให้และผู้ที่ได้รับต่างประจักษ์ในคุณวิเศษต่าง ๆ จนทำให้ท่านมีชื่อเสียงดด่งดังมากในสมัยนั้น แต่ท่านก็ไม่ยอมสร้างพระรูปท่านเลย ถึงแม้นว่าศิษย์จะขอร้องท่านอย่างไรก็ตาม ท่านบอกว่า อยู่เงียบ ๆ ดีแล้ว จนศิษย์ทั้งหลายอ่อนใจ ต่อมาเมื่อปีสุดท้ายของท่านเหมือนกับว่าท่านจะล่วงรู้ เมื่อมีลูกศิษย์มาขอสร้างเหรียญรูปท่านอีก ท่านก็ยอมอนุญาตให้สร้างได้ และเป็นรุ่นเดียวและรุ่นสุดท้ายของท่าน คือเหรียญรุ่นปี พ.ศ. 2495 สร้างประมาณ 4,000 เหรียญ ท่านได้แจกจ่ายให้แก่ศิษย์ และส่วนที่เหลือเอาแจกในงานพระราชท่านเพลิงศพของท่าน หลวงพ่อบุญรอด วัดบางขันแตกมรณภาพเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2495 สิริอายุได้ 75 ปี พรรษาที่ 55 ครับ

นานๆจะได้พบเหรียญแท้ ราคาตามสภาพนะครับ

เหรียญเจ้าของเก่าเก็บ ยังมีผิวไฟแดงๆ..... บาท 5,500 พร้อมส่ง

 

ลงภาพแล้วครับ

 

เหรียญที่ระลึกงานศพ หลวงปู่เบี้ยว วัดโตนดลาย สมุทรสงคราม



เนื้ออัลปาก้ากะไหล่เงิน หายากสุดๆครับถือเป็นเนื้อนิยมสุดในสายท่าน


ปี 2484 หลวงปู่เบี้ยวท่านไม่เคยสร้างเหรียญท่านเลยสมัยท่านยังทรงสังขาร จนมาถึงครั้งที่ท่านมรณะภาพ หลวงพ่อเท ซึ่งในสมัยนั้นท่านก็มีวิทยาคมมีชื่อเสียงเรียกว่าคมในฝัก ท่านเป็นลูปศิษย์หลวงปู่เบี้ยว มีดำหริจะสร้างเหรียยพระอาจารย์ไว้เป็นที่ระลึกแจกงานศพ หลังจากสร้างเหรียญแล้วในปี 2484 จากคำบอกเล่าของลูกศิษย์หลวงพ่อเท กล่าวว่าหลวงพ่อเทท่านเล่าให้ฟังว่า ท่านพายเรือไปหาท่านพ่อคง วัดบางกระพ้อม แต่ไม่พบ ท่านจึงเลยไปหาท่านพ่อบ่าย วัดช่องลม ไปกราบเรียนท่าน ท่านพ่อบ่ายเลยให้เอาเหรียญไว้ที่ท่าน 7 วัน เหรียญรุ่นนี้เป้นเหรียยเก่าที่ประวัติการสร้างดีและคนแม่กลองก้พอทราบประวัติไม่น้อย ช่วงนี้เลยหาเก็บกันยาก เหตุเพราะหลวงพ่อบ่ายวัดช่องลม ปรมาจารย์สายแม่กลอง ท่านเสกไว้ถึงเจ้ดวัน มิมีผิดเพี้ยนครับ สมัยนี้เหรียยไหม่ๆแพงกว่าเยอะ หลวงปู่เบี้ยวเองท่านก้เป็นพระเถราจารย์ที่นับถือของคนท้องถิ่นมาก เสียดายเหรียญไม่ทันท่าน แต่ก็ยังได้หลวงพ่อบ่าย วัดช่องลม เสกไว้อย่างดียิ่ง

ประสบการณ์มากบวกกับประวัติเหรียญมีคนทราบเยอะ เลยจะหาของยาก


ราคาแบบพระไหม่แพงกว่าเยอะ............................ราคา 4,500 บาท

 

​

หลวงพ่ออ๋อย พระครูนิกรปทุมรักษ์ สุวรรณโน


วัดหนองกลับ จ.นครสวรรค์

หลวงพ่ออ๋อย หรือ พระครูนิกรปทุมรักษ์ สุวรรณโน วัดหนองกลับ จ.นครสวรรค์ ท่านเป็นศิษย์เอกหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ

หลวงพ่ออ๋อย ท่านเป็นพระเถระรุ่นราวคราวเดียวกันกับ หลวงพ่อทบ วัดชนแดน เพชรบูรณ์ และ หลวงพ่อกัน วัดเขาแก้ว นครสวรรค์ เพียงแต่หลวงพ่ออ๋อย มีอาวุโสน้อยกว่า แต่ท่านชอบไปมาหาสู่กันเสมอๆ ถ้ามีงานด้านพุทธาภิเษก มักจะปลุกเสกร่วมกันเสมอ

ในสมัยที่หลวงพ่ออ๋อย ได้เป็นพระสมุห์อ๋อย ได้ฝากตัวเป็นศิษย์ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ จ.นครสวรรค์ แล้วท่านยังได้นิมนต์ หลวงพ่อเดิม มาสร้างศาลาการเปรียญที่วัดหนองบัวด้วย ซึ่งก็แล้วเสร็จภายใน 1 ปี

หลวงพ่ออ๋อย ท่านเป็นพระเถระที่มีบารมีมากท่านหนึ่ง ประชาชนมักจะนำบุตรมาบวชเป็นศิษย์ของท่านปีละประมาณ 300 กว่ารูปทุกปี ท่านเป็นผู้ที่มีความจำเป็นเลิศ ทั้งเป็นผู้ที่มีอารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ ชอบเล่าเรื่องขบขันและยังชอบเล่านิทานพื้นบ้านอีกด้วย...สิ่งที่หลวงพ่ออ๋อย ท่านโปรดปรานมากเวลามีงานที่วัดจะขาดเสียมิได้คือ เพลงโคราช หลวงพ่ออ๋อยท่านจึงเป็นมิ่งขวัญของชาวหนองบัวโดยแท้ และสิ่งที่ชาวบ้านนิยมที่สุดคือ วัตถุมงคลของหลวงพ่ออ๋อย ที่ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชามาจาก หลวงพ่อเดิม ที่ประชาชนนิยมกันมากก็จะเป็น มีดด้ามงา ท่านสร้างปีละประมาณ 250 เล่ม ตั้งแต่ปี 2500 เป็นต้นมา นับว่าสร้างมีดมากที่สุดในบรรดาศิษย์สายหลวงพ่อเดิม..

หลวงพ่ออ๋อยท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2529 รวมอายุได้ 87 ปี พรรษา 67

สภาพสวย มีกะไหล่ทอง 3,500 บาท พร้อมส่ง

 

ข้อมูลประวัติ หลวงปู่เหรียญ วัดบางระโหง นนทบุรี

พระครูนนทสมณวัตร (หลวงปู่เหรียญ ถาวโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดบางระโหง และอดีตเจ้าคณะตำบลบางกร่าง-บางรักน้อย

นามเดิม เหรียญ บิดาชื่อ นายแดง มารดา นางอยู่ นามสกุล สังฆรัตน์ อยู่ที่ ต.ดอนมะดัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา

อุปสมบท เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2470 วัดขวัญเมือง ต.บางกร่าง อ.เมือง จ.นนทบุรี พระครูชุ่ม วัดประชารังสรรค์ เป็นพระอุปัชฌาย์

มรณภาพ หลวงปู่เหรียญท่านเป็นคนมีสุขภาพแข็งแรง มีเจ็บป่วยบ้างเล็กน้อย แต่เมื่อประมาณปลายปี 2530 หลวงปู่ได้ฉันยาถ่าย แต่ก็ไม่ถ่าย หลวงปู่ปวดท้อง ท่านจึงฉันยาธาตุทำให้ในท้องปั่นป่วนมาก ผู้ใหญ่จึงพาท่านส่งโรงพยาบาลนนทบุรี พักอยู่หลายวันจึงกลับวัด แต่พักอยู่ได้ไม่นานก็เข้าออกโรงพยาบาลอีกหลายครั้ง และย้ายไป โรงพยาบาลธนบุรี แพทย์วินิจฉัยว่าท่านเป็นมะเร็งปอด ราววันที่ 17 เมษายน 2531 หลวงปู่ก็อาพาธอีกและได้เข้าโรงพยาบาลสงฆ์ เมื่อไปโรงพยาบาลแล้ว อาการของท่านไม่ดีขึ้นเลย

จนวันที่ 27 เมษายน 2531 หลวงปู่ได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบ สิริรวมอายุได้ 92 ปี พรรษาที่ 62

หลวงปู่เคยเล่าให้ฟังว่าตอนหนุ่ม ได้ออกจากบ้านมาเป็นคนงานรับจ้างทำนาที่อยุธยา มีครั้งหนึ่ง มีคนมาลักเกี่ยวข้าว หลวงปู่พร้อมพวกมีพี่ใหญ่ชื่อว่า "ก้าน" ได้เสกว่านให้พวกหลวงปู่กินแล้วออกไปต่อสู้กับพวกลักข้าว ซึ่งมีอยู่ประมาณ 20 คน ฝ่ายหลวงปู่มี 7 คน อาวุธมีแค่คันหลาวกับไม้ เท่านั้น การต่อสู้กับพวกลักข้าวปรากฎว่า ฝ่ายหลวงปู่ไมได้รับบาดเจ็บเลยแต่ละคน ตี แทง ไม่เข้า จนทำให้พวกลักข้าวแตกกระจายไปหมด

และได้เรียนนักธรรมจนได้นักธรรมเอกที่ขอนแก่น และได้กลับมาจำพรรษาที่วัดขวัญเมือง หลวงพ่อบัวกลับจากธุระได้เข้าไปในโบสถ์ โดยที่โบสถ์ยังใส่กลอนอยู่เลย มีศิษย์หลวงพ่อบัวเป็นใบ้ เรียกว่า "ตาใบ้" หลวงพ่อบัวสอนคาถาให้ตาใบ้ สามารถประทัดไม่ให้แตกได้ และเขียนยันต์ที่ฝ่ามือ และตบไปที่เสาแต่ยันต์จะไปโผล่อีกด้านหนึ่งเรียกว่า "นะปัดตลอด" นอกจากหลวงปู่จะเรียนคาถาอาคมกับหลวงพ่อบัวแล้วหลวงปู่ยังเรียนคาถากับอาจารย์เที่ยวซึ่งเป็นคนบ้านเดียวกันกับหลวงปู่ อาจารย์เที่ยงเป็นคนมีวิชาอาคมขลังและป็นโยมบิดาของพระครูสมุห์บรรจง วัดขวัญเมือง ในปัจจุบันตอนหลังพระครูสมุห์บรรจงได้มาเป็นศิษย์ของหลวงปู่อีกที่หนึ่งหลวงปู่เคยธุดงค์ไปในป่าสมัยก่อน หลวงปู่ธุดงค์ไม่ได้ใช้กลดเลย เพราะหลวงปู่บอกว่าท่านฉันบอระเพ็ดเป็นประจำจนยุ่งไม่กัดเลย

ตอนธุดงค์หลวงปู่ได้พบอาจารย์ที่มีวิชาอาคมขลัง หลวงปู่ได้เรียนวิชากับอาจารย์ในป่าหลายอย่าง หลวงปู่จะทำพิศมรแจกโยมที่มาหรือนิมนต์ไปงาน ส่วนมากจะแจกไปทั่วคนมาช่วยงานที่วัดท่านก็แจกไปทั่ว

เวลามีงานปลุกเสกตามวัดจะมีฎีกามานิมนต์หลวงปู่บ่อยๆ พระคณาจารย์ที่หลวงปู่ร่วมปลุกเสกประจำคือ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ หลวงพ่อทองอยู่ วัดหนองพะอง หลวงปู่สาย วัดบางรักใหญ่ หลวงพ่อสุด วัดกาหลง

วัตถุมงคลของหลวงปู่นั้นที่ปรากฎมหัศจรรย์มากคือ "พิศมร" ที่หลวงปู่ให้เด็กแขวนแล้วเด็กตกน้ำไม่จม ตะกรุดโทนแขวนแล้วยิงไม่เข้าเสื้อพรุนหมด แต่เนื้อตัวไม่เป็นอะไร ตะกรุดจักพรรดิ์ มีพระวัดจักรวรรดิ์มาบูชาไปฝากศิษย์ที่มาเลเซีย เมื่อศิษย์เอาไปแขวนแล้วโดนทำร้าย ด้วยมีดปาดยางพารา เสื้อขาดหมดแต่ไม่เข้าเนื้อ ทำให้เค้าศรัทธาหลวงปู่มาก ตะกรุดที่หลวงปู่เหรียญสร้าง เท่าที่ทราบ คือ

1.ตะกรุดโทน
2.ตะกรุดพิศมรเล็ก
3.ตะกรุดพิศมร๑๙
4.ตะกรุดแคล้วคลาด
5.ตะกรุดสาริกา
6. ตะกรุดจักรพรรดิ์
7.ตะกรุดสามกษัตริย์
8.ตะกรุดมหาอุต
9.ตะกรุดโภคทรัพย์
10.ตะกรุดหัวใจ 108

เรื่องปาฏิหาริย์เกี่ยวกับตะกรุดของหลวงปู่เหรียญนั้น ทั้งคนในพื้นที่และนอกพื้นที่ต่างเล่าขานกันมากมาย ว่า "เหนียวสุดๆ"


เหรียญรุ่นแรก


หลวงปู่เหรียญ วัดบางระโหง


นนทบุรี พอสวยครับ รมดำเดิมๆ


ราคา 2500 บาทพร้อมส่ง

 

พระขุนแผนใบพุทรา กรุวัดใหญ่ชัยมงคล


พระขุนแผนใบพุทรา กรุวัดใหญ่ชัยมงคล

สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน ในขบวนที่มีชื่อว่า "พระขุนแผน" ด้วยกันแล้ว พระกรุที่มีราคาสูงที่สุดและนับว่าหายากที่สุดก็ต้องยกให้พระขุนแผนเคลือบ ของกรุวัดใหญ่ชัยมงคลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาครับ และพระกรุนี้สร้างในสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชอีกด้วย

วัดใหญ่ชัยมงคลเดิมชื่อวัดป่าแก้ว เป็นพระอารามหลวงซึ่งพระเจ้าอู่ทองทรงสร้างไว้เมื่อประมาณปี พ.ศ. 1900 และต่อมาในสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ทรงกระทำยุทธหัตถีกับสมเด็จพระมหาอุปราช และทรงได้รับชัยชนะ เมื่อพระองค์เสด็จกลับมายังกรุงศรีอยุธยาแล้ว จึงได้ทรงสร้างพระเจดีย์องค์ใหญ่ขึ้นที่วัดป่าแก้ว ซึ่งเป็นวัดที่จำพรรษาของสมเด็จพระนพรัตน์ พระเถระผู้ยิ่งใหญ่และได้พระราชทานนามใหม่ว่า วัดใหญ่ชัยมงคล เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองชัยชนะในสงครามครั้งนั้น

ในการนั้นได้มีการสร้างพระเครื่องบรรจุไว้ในองค์พระเจดีย์ด้วย พระที่สร้างบรรจุไว้นั้นประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ก็คือสมเด็จพระนพรัตน์ และพิธีในครั้งนั้นต้องยิ่งใหญ่มากด้วยเช่นกัน พระที่พบในครั้งหลังมีอยู่ด้วยกันหลายพิมพ์ แต่พระขุนแผนเคลือบนั้นกลับพบได้น้อยมาก สันนิษฐานว่าคงจะสร้างประดับติดไว้รอบๆ ด้านในขององค์พระเจดีย์ และเมื่อผ่านกาลเวลามาเนิ่นนาน จึงทำให้พระขุนแผนเคลือบที่ติดอยู่กับผนังเจดีย์เกิดร่วงหล่นลงมา พระส่วนใหญ่จึงแตกหักชำรุดเสียเป็นส่วนใหญ่คงเหลือที่สมบูรณ์จำนวนไม่มากนัก ทำให้ปัจจุบันหาได้ยากมากและสนนราคาสูงถึงหลักล้านเลยทีเดียวครับ

พระขุนแผนเคลือบนั้นเท่าที่พบมีอยู่ด้วยสองพิมพ์ทรงคือพิมพ์อกใหญ่ ลักษณะคล้ายกันมากกับพระขุนแผนของกรุวัดบ้านกร่าง สุพรรณบุรี และพิมพ์อกเล็กหรือพิมพ์แขนอ่อน ซึ่งเป็นเนื้อกระเบื้องเคลือบเช่นเดียวกับพิมพ์อกใหญ่ ทั้งสองพิมพ์เป็นพระที่หายากและราคาสูงทั้งสองพิมพ์นอกจากนี้ภายในกรุนี้ยัง พบพระเครื่องอีกหลายพิมพ์ ทั้งพระขุนแผนเนื้อชินตะกั่วสนิมแดง พระขุนแผนในพุทราเนื้อชินเงิน พระขุนแผนใบพุทราเนื้อดินอีกด้วย

พระขุนแผนใบพุทรานี้เป็นพระที่พบขึ้นจากกรุพร้อมกับพระขุนแผนเคลือบ โดยพบครั้งแรกในปีพ.ศ. 2445 ต่อมาในปี พ.ศ. 2500 ก็ยังมีพบอีกครั้ง และพบจำนวนมากกว่าพระขุนแผนเคลือบ สนนราคาจึงยังไม่แพงมากนัก และเป็นพระเครื่องที่น่าสนใจมากเนื่องจากสร้างขึ้นมาพร้อมๆ กับพระขุนแผนเคลือบ พระขุนแผนใบพุทราเนื้อดินถ้าดูจากรูปพรรณสัณฐานโดยรวมแล้วก็มนๆ กลมๆ คล้ายกับใบพุทราจริงๆ ลักษณะองค์พระประทับนั่งปางมารวิชัย บนฐานบัวสองชั้นใต้ฐานมีแท่งนูนคล้ายเป็นก้านของดอกบัว ที่พระเศียรมีประภามณฑลโดยรอบ เท่าที่พบมีทั้งชนิดดินละเอียดและเนื้อค่อนข้างหยาบ ด้านหลังมักอูมนูนน้อยๆ ส่วนพระขุนแผนใบพุทราเนื้อชินนั้นเป็นพระเนื้อชินเงิน รูปพรรณของพระโดยส่วนมากมักจะติดชิดกับองค์พระไม่มีปีกกลมมนเช่นพระเนื้อดิน สนนราคาพระเนื้อดินจะสูงกว่าพระเนื้อชินมาก พระเนื้อดินราคาจะอยู่ที่หลักหมื่นมากน้อยก็แล้วแต่ความสวยสมบูรณ์เป็นหลัก

พุทธคุณของพระขุนแผนใบพุทราก็เฉกเช่นเดียวกับพระขุนแผนเคลือบ ซึ่งเด่นทั้งทางด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด และคงกระพันชาตรีเป็นเยี่ยมครับ พระขุนแผนใบพุทราตามที่ผมกล่าวมานี้จึงเป็นพระที่น่าสนใจและมีความสำคัญ เพื่อระลึกถึงสมเด็จพระนเรศวรมหาราชของชาวไทยเรา ถ้าหากพระขุนแผนเคลือบไว้บูชาไม่ได้ พระขุนแผนใบพุทรานี่แหละครับน่าบูชามากที่สุด ในวันนี้ผมก็มีรูปของพระขุนแผนใบพุทราเนื้อดินมาให้ชมกันทั้งสองด้านหน้าและ ด้านหลังครับ ด้วยความจริงใจ................. แทน ท่าพระจันทร์ ที่มาหนังสือพิมพ์ข่าวสด



สภาพสวยพร้อมทองหนา

ราคา .....45,000....บาท พร้อมส่ง



เช่าแล้ว

 

​

พระผงรูปเหมือน ระฆังเล็ก



หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค ปี 2514



พระเครื่องชุดนี้หลวงพ่อท่านปลุกเสกนานถึง 11 วัน เชียวครับถือเป้นพระเครื่อง ที่เสกนานที่สุดรุ่นหนึ่ง และประสบการณ์มากจริงๆสำหรับบรรดาพระผงหลายๆรุ่นครับ


บารมีท่านศักดิ์สิทธิ์ขนาดไหนคงไม่ต้องโม้มากครับ


ประกันแท้ตลอดชีพครับ

พระสวยมากนะครับ แต่กระเทาะตามภาพ ยังไม่ได้ซ่อม ราคาตามสภาพ 7,000 บาท พร้อมส่ง

 

......................

ดูรายการพระเพิ่มเติมได้อีกเพียบครับ รายการรวม จะอยู่ในนี้ครับ


ร้าน เบ็น วิเศษฯ บ้านนี้มีแต่พระ... บ้านพระ Baanpra.com




เวปท่าพระจันทร์ ลงไม่ค่อยซ้ำกันครับ ลองดูครับ


.::thaprachan.com ชมรมพระเครื่องท่าพระจันทร์::.

 

พระร่วงยืน กรุศาลาขาว เนื้อชินตะกั่วสนิมแดง จ.สุพรรณบุรี
จ.สุพรรณบุรี นับว่าเป็นแหล่งรวมศิลปะพระเครื่อง และพระพุทธรูป หลายสมัย ที่ขุดได้จากกรุต่างๆ โดยทั่วไป ของจังหวัด ซึ่งมีพระศิลปะแบบทวารวดี, แบบศรีวิชัย, แบบลพบุรี, แบบสุโขทัย, แบบอู่ทอง, แบบอยุธยา หรือแม้กระทั่งแบบรัตนโกสินทร์

และที่น่าแปลก คือ พระเครื่องที่ขุดพบตามกรุต่างๆ ของเมืองสุพรรณบุรี เนื้อพระที่พบมากที่สุด คือ เนื้อชินตะกั่วสนิมแดง

มีพระเครื่องพิมพ์หนึ่ง ซึ่งสร้างด้วยเนื้อชินตะกั่วสนิมแดง มีพุทธลักษณะแบบ พระร่วงยืนหลังลายผ้า กรุวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ของเมืองลพบุรี และ พระร่วงยืนหลังรางปืน ของเมืองสวรรคโลก สุโขทัย ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “พระจักรพรรดิแห่งพระยืน”

พระเครื่องพิมพ์นี้ เมื่อพิจารณาโดยละเอียดแล้ว แม้ว่าจะหย่อนความงามอลังการ และความละเอียดประณีตในพิมพ์ทรงองค์พระ ซึ่งไม่อาจเทียบเท่าพระร่วงยืนทั้ง ๒พิมพ์ ดังกล่าวข้างต้นก็ตาม แต่ก็เป็นที่ยอมรับนับถือ จัดอันดับให้อยู่ในทำเนียบพระยอดนิยม ประเภทเนื้อชิน ด้วยเช่นกัน
และถือเป็นพระท็อปเท็นของเมืองสุพรรณบุรี มาช้านานแล้ว

พระเครื่องที่กล่าวถึงนี้ คือ พระร่วงยืน กรุศาลาขาว หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า พระร่วงยืน กรุสวนแตง

พระร่วงยืน กรุศาลาขาว หรือ กรุสวนแตง ทั้ง ๒ ชื่อนี้เป็นพระกรุเดียวกัน ทั้งนี้ เนื่องจากว่า พระกรุนี้ขุดพบในเขต อ.สวนแตง จ.สุพรรณบุรี จึงเอาชื่อของอำเภอมาเรียกเป็นชื่อกรุพระว่า พระกรุสวนแตง

ส่วนที่เรียกว่า กรุศาลาขาว นั้น เป็นการเรียกตามชื่อหมู่บ้านที่ขุดพบพระกรุนี้ คือ บ้านศาลาขาว

พระกรุนี้ ขุดพบเมื่อ พ.ศ.๒๕๓๒ เป็น พระร่วงยืนประทานพร เนื้อชินตะกั่วสนิมแดงล้วนๆ เป็นพระสนิมแดงเข้มจัด แบบแดงลูกหว้า มีไขขาวหนาเข้มมันวาวคลุมทั่วองค์พระ และมีขี้กรุคลุมบางๆ ไม่มากนัก ทำให้มองเห็นเนื้อองค์พระได้อย่างชัดเจน และสวยงาม

พระร่วงยืนประทานพร กรุศาลาขาว แบ่งตามลักษณะที่พบเห็นได้หลายพิมพ์ คือ
พิมพ์ใหญ่ คล้ายกับพิมพ์หลังผ้าของ จ.ลพบุรี พิมพ์หลังร่อง คล้ายพิมพ์หลังรางปืนของ จ.สุโขทัย และ พิมพ์ตัดชิด หลังกาบหมาก

พระทั้งหมดเป็นศิลปะ แบบลพบุรี แต่เป็นพระที่สร้างคนละยุคกัน ลักษณะของเนื้อหา สนิมไข และแบบพิมพ์ บงชี้ได้ว่า สร้างภายหลังสมัยลพบุรี และสุโขทัย ที่เป็นต้นแบบของพระร่วงยืนประทานพร

พระร่วงยืนประทานพร กรุศาลาขาว พิมพ์ใหญ่ จะแตกต่างกับ พระร่วงยืนประทานพร หลังลายผ้า ของ จ.ลพบุรี ตรงที่ ขอบองค์พระบริเวณข้างด้านบนทั้งสองด้าน ตรงบริเวณเหนือไหล่องค์พระ จะเป็นมุมขยักเว้าเข้าเล็กน้อย บางองค์ก็เว้าเข้าไปลึกมาก

และบริเวณพื้นผนังองค์พระด้านข้างเศียร ไม่มีซุ้มลายกนกโดยรอบเศียร เหมือนกับ พระร่วงยืน หลังลายผ้า และ พระร่วงยืน หลังรางปืน

และที่แตกต่างกันโดยเห็นได้ชัด คือ บริเวณฐานขององค์พระร่วงยืน กรุศาลาขาว จะปรากฏให้เห็น ๒ ลักษณะ คือ ลักษณะแรก พื้นบริเวณผนังองค์พระข้างพระบาทซ้ายขวา จะถูกตัดเป็น รอยหยักเว้า เข้าไปในองค์พระ ที่เรียกกันว่า พิมพ์ตัดชิด มองคล้ายกับลักษณะของ ตีนเป็ด อันเป็นที่มาของพระพิมพ์นี้ ที่นิยมเรียกกันว่า พระร่วงตีนเป็ด

ส่วนอีกลักษณะหนึ่ง คือ บริเวณพื้นดังกล่าวเป็นปกติ ไม่มีร่องรอยของการถูกตัดหยักเว้า แต่จะพบเห็นมีลักษณะความพิเศษอีกจุดหนึ่งของการแกะแบบแม่พิมพ์เดิม ที่ออกแบบตรงที่ฐานข้างพระบาททั้งสอง ด้านหน้าจะปรากฏลักษณะรอยบากให้เป็นระดับต่ำกว่า แลดูเป็นมิติ แบบชั้นสูงต่ำระหว่างขอบล่างพระบาทของฐานพระไม่เรียบเสมอกัน เหมือนพระบาททั้งสองประทับนูนสูง ยื่นล้ำออกมาด้านหน้า

ส่วนลักษณะของ พระพักตร์ จะพบเห็นพระพักตร์แบบหน้าเสี้ยมแหลม แลดูอ่อนโยน เหมือนแฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม เล็กน้อย ไม่แสดงอารมณ์อันเคร่งเครียด

ลักษณะหมวก ที่เป็นมงกุฎทรงเทริด เป็นกรอบยกขอบสูง และไม่ปรากฏพระกรรณ (ใบหู) ทั้งสองข้าง

ลักษณะของลำตัว โครงสร้างเป็นแบบเดียวกับพระร่วงยืนประทานพร หลังลายผ้า ของ จ.ลพบุรี แต่จะดูตื้นกว่า มีเส้นประคดเอว กลีบพระภูษา และส่วนอื่นๆ ปรากฏ ลักษณะเป็นเส้นนูนกลมกลืน และสวยงามได้สัดส่วน

เส้นชายจีวรที่พาดผ่าน จากข้อศอก แขนขวา ยาวลงมาเป็นเส้นขนานกับขอบข้างขององค์พระ

ด้านหลังขององค์พระทั้ง ๓ พิมพ์ จะปรากฏให้เห็นทั้งแบบ หลังกาบหมาก หลังร่อง และ หลังลายผ้า

พระพิมพ์ใหญ่แบบ หลังลายผ้า ส่วนใหญ่ด้านหน้าจะมีรายละเอียด เช่นเดียวกับพระร่วงยืน หลังลายผ้า จ.ลพบุรี และหลังรางปืน ของ จ.สุโขทัย

สำหรับ พระร่วงยืน "หลังร่อง" กรุศาลาขาว พิมพ์นี้ บางท่านมักจะเรียกว่า พระร่วงหลังรางปืน เหมือนกับของ จ.สุโขทัย

ซึ่งความจริงแล้วไม่น่าถูกต้องนัก ควรเรียกว่า หลังร่อง จะตรงกับลักษณะมากกว่า
ความแตกต่าง ระหว่าง พระร่วงยืน หลังรางปืน กับพระร่วงยืน หลังร่อง มี ๒ ลักษณะ
๑.พระร่วงยืน หลังรางปืน ลักษณะของการเกิดร่อง หรือรางปืนนั้น เป็นร่องตั้งแต่จากขอบล่างสุดขององค์พระ ขึ้นมาสิ้นสุดบริเวณตรงข้ามกับพระเศียรขององค์พระด้านหน้า
ส่วน พระร่วงยืน หลังร่อง ลักษณะการเกิดของร่องจะเกิดบริเวณกลางองค์พระด้านหลัง ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งของร่องเลยไปถึงขอบล่างเหมือน พระร่วงยืน หลังรางปืน

๒.พระร่วงยืน หลังรางปืน ด้านหลัง รวมทั้งในร่องยังปรากฏ เส้นกาบหมาก ทั้งในแนวดิ่ง และแนวขวาง หลายจุดหลายเส้นด้วยกัน

ส่วน พระร่วงยืน หลังร่อง ไม่ปรากฏเส้นกาบหมากดังกล่าว แม้แต่เส้นเดียว
ขนาดองค์พระ มีขนาดย่อมกว่า เมื่อเทียบกับ พระร่วงยืน ของ จ.ลพบุรี และ จ.สุโขทัย คือ กว้างประมาณ ๒.๒ ซม. สูง ๗ ซม.

สมัยที่ขุดพบพระกรุนี้ ขบวนการขุดหาพระได้ใช้เครื่องแสวงหาพระ พบพระร่วงกรุนี้จำนวนร้อยกว่าองค์ ขายกัน ในชั้นต้นองค์ละ ๕-๖ พันบาท

ต่อมาอีก ๔๘ ชม. ราคาขยับขึ้นตามสภาพ เป็นองค์ละ หมื่น และหลายๆ หมื่นบาท จนกระทั่งราคาเป็นแสน สำหรับพระพิมพ์หลังร่อง หนึ่งสัปดาห์เท่านั้น พระร่วงกรุนี้ก็เงียบหายไปเข้ารังพระใหญ่ๆ จนหมด เพราะพระที่ขุดพบมีจำนวนน้อยมาก

ปัจจุบันราคาสภาพปานกลางอยู่ที่หลักแสนต้น ถ้าสวยสมบูรณ์คมชัดเต็มฟอร์ม ราคาจะเลยแสนกลางขึ้นไป

พุทธคุณ ครบถ้วนด้วยประสบการณ์ด้านคงกระพันชาตรี มหาอุด และมหาอำนาจบารมี นับเป็นสุดยอดพระเนื้อสนิมแดง อีกกรุหนึ่งของเมืองสุพรรณบุรี

"ชาติ วิศิษฏ์สรอรรถ"


ด้านบนเป็นประวัติ ความเป็นมาครับ


องค์นี้กรุศาลาขาว หรือสวนแตง

สภาพสวยมากเดิมๆสนิมแดง ดูง่ายสบายตา ท่านที่ชื่นชอบอนุรักษ์พระกรุ อายุหลายร้อยปี เชิญครับ

รับประกันแท้ตามมาตรบานสากลนิยม


ส่งงานประกวดพระงานไหนไม่รับ คืนเงินสดเต็มจำนวน และค่าเสียเวลาอีก 5000 บาท


ราคา 130,000 บาท พร้อมส่งถึงที่

 

​

พระพิมพ์ หลวงพ่อปาน ผงอุดเดิมๆ

วัดบางนมโค พิมพ์ครุฑปีกแข็ง

พิมพ์นี้พุทธคุณที่เล่าสืบต่อกันมา เหมาะกับ การทำมาหากิน เจริญรุ่งเรือง การเจรจา

สำหรับพระหลวงพ่อปานเรื่องอิทธิคุณผมคงไม่ต้องโม้อะไรอีกแล้วครับเพราะเป็นพระตลาดและคล่องตัวมาก สมัยก่อนเขาว่ามีพระหลวงพ่อปานเท่ากับมีหมออยู่ประจำบ้านเชียวครับ


รับประกันแท้ (ตามมาตรฐานสากลนิยม) ผงเดิมน่าเก็บไว้บูชาครับ
พระเครื่องของท่านผงเกราะเพชรสำคัญมากๆเลยน่ะครับ


คัดแบบดูง่ายสบายตาครับ. ราคาตามสภาพพร้อมเลี่ยมทอง 23,500 บาท พร้อมส่ง


เก็บพระหลวงพ่อปานก็เหมือนเก็บเงินสดน่ะครับ



ปิดให้พี่ j999 ครับ

 

ขอจองตามpmครับ--------------------

 

เหรียญรุ่นแรก ปี 2499 เนื้ออัลปาก้า


หลวงพ่อไพล วัดบางแคกลาง สมุทรสงคราม


ท่านเป็นเกจิที่ชาวสมุทรสงครามและใกล้เคียง ให้ความเคารพนับถือกันมากองค์หนึ่ง (ศิษย์เอก หลวงพ่อหนึ่ง วัดห้วยโรง เมืองเพชรฯ) การเริ่มทำเบี้ยของท่าน หลวงพ่อเริ่มทำตั้งแต่ปี พ.ศ.2489 เป็นต้นมา มีประสบการณ์มีมากมาย คนที่นับถือท่านต่างทราบดี ทั้งกันคุณไสย์ ไล่สเนียด ใส่หมอนหนุนนอนให้เด็กที่มักนอนสะดุ้งขวัญผวา และพกติดตัวเวลาค้างอ้างแรมในต่างถิ่น เป็นเบี้ยยุคเก่าก่อนปี2500 จัดอยู่ในธรรมเนียบเบี้ยที่น่าใช้ที่สุดสำนักหนึ่ง อีกทั้งศิลป์การเลี่ยมแบบเดิมๆของวัดมีเอกลักษณื จบง่ายแต่หายากส์สุดๆ ส่วนเหรียญของท่านก็ได้รับความนิยมและประสบการณ์กว้างขวางระัดับ พระท้องถิ่นยอดนิยม


สภาพสวย



ราคา 3500 บาท พร้อมส่ง

 

หลวงพ่อโต วัดคู้ (ธรรมสถิติ์) ต.บางขันแตก อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม
วันศุกร์ที่ 13 กรกฏาคม 2012 เวลา 10:09 น. อ้อ .ภาพและเรื่องโดย โพธิญาณ

เกจิอาจารย์ดังเชี่ยวชาญคาถาอาคมและยาสมุนไพร รักษาโรคต่างๆ หายได้ราวปาฏิหาริย์

จ.สมุทรสงคราม ถึงแม้ว่าจะเป็นจังหวัดเล็กๆ จังหวัดหนึ่งของประเทศไทย อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 60 กิโลเมตร แบ่งการปกครองเป็น 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภออัมพวา อำเภอบางคนที

แต่เชื่อไหมว่า จังหวัดนี้มีพระเกจิอาจารย์ดังๆ ที่เข้มขลังวิชาอาคมมากมายหลายองค์ด้วยกัน อาทิเช่น หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม หลวงพ่อใจ วัดเสด็จ หลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย หลวงพ่อบ่าย วัดช่องลม หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง หลวงพ่อหรุ่น วัดช้างเผือก หลวงพ่ออยู่ วัดบางน้อย หลวงพ่ออ่วม วัดไทร หลวงพ่อเหมือน วัดกลางเหนือ หลวงพ่อรอด วัดบางขันแตก หลวงพ่อรักษ์ วัดน้อยแสงจันทร์ หลวงพ่อปึก วัดสวนหลวง หลวงพ่อคลี่ วัดประชาโฆสิตาราม หลวงพ่อดำ วัดท้ายหาด หลวงพ่อโต วัดคู้ (ธรรมสถิติ์) ฯลฯ

นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่แนะนำให้รู้จัก และยังมีที่ไม่ได้นำเสนอในที่นี่อีกมากมาย ไว้มีโอกาสจะนำประวัติความเป็นมา ของพระเกจิอาจารย์ดังกล่าวมานำเสนอให้ทราบ คอยติดตามให้ดีก็แล้วกัน แต่ในฉบับนี้จะขอแนะนำประวัติ และความเป็นมาของอดีตพระเกจิอาจารย์รูปหนึ่ง ซึ่งท่านเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เชี่ยวชาญ และเก่งกล้าทางด้านคาถาอาคมและยาสมุนไพร ที่รักษาโรคต่างๆ ได้อย่างเห็นผลทันตา

วัตถุมงคลของท่านเข้มขลังทางด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด อยู่ยงคงกระพัน ปัจจุบันค่อนข้างหายากมาก เพราะสร้างจำนวนจำกัด

ถ้าเอ่ยชื่อ หลวงพ่อโต สุวณฺณคงโต หรือ ท่านพระครูธรรมวิถีสถิติ์ วัดคู้ (ธรรมสถิติ์) ต.ขันแตก อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม (ชื่อวัดคู้ใน จ.สมุทรสงคราม มีอยู่ด้วยกัน 2 วัด คือ วัดคู้ (ธรรมสถิติ์) ต.บางขันแตก กับ วัดคู้ (สนามจันทร์) ตำบลคลองเขิน เนื่องจากบางท่านอาจจะเกิดการสับสน จึงนำมาชี้แจงให้ทราบ) ผู้คนใน จ.สมุทรสงคราม และใกล้เคียงจะทราบกันดี เพราะในอดีตสมัยท่านมีชีวิตจะมีบรรดาศิษยานุศิษย์ และประชาชนทั่วไปเดินทางไปให้ท่านเมตตาช่วยเหลือในเรื่องต่างๆ ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโรคภัยไข้เจ็บ เจิมรถ เจิมเรือ ปัดเป่าพรมน้ำมนต์ ฯลฯ

หลวงพ่อโต หรือ ท่านพระครูธรรมวิถีสถิติ์ ตามประวัติที่ได้บันทึกไว้ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 16 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2425 ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 8 ปีมะเมีย ณ บ้านบางเค็ม อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี โยมบิดาชื่อ นายอยู่ โยมมารดาชื่อ นางตุ่น นามสกุล สิทธิชัย อาชีพดั้งเดิม ประกอบอาชีพทำนา ท่านมีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 4 คน



หลวงพ่อโต นั้น นอกจากท่านจะเป็นพระวิปัสสนาจารย์ชื่อเสียงโด่งดังแล้ว ท่านยังเป็นพระผู้เรืองวิทยาคมด้วย ซึ่งท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาต่างๆ จนหมดสิ้น เนื่องจาก หลวงพ่อโต ท่านเองเป็นผู้ที่มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องวิทยาอาคมมาก ท่านจึงได้เรียนรู้เพิ่มเติมกับ หลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง อำเภออัมพวา จ.สมุทรสงคราม ซึ่งอดีตเป็นพระเกจิอาจารย์ที่โด่งดังมาก และเป็นพระเกจิอาจารย์รูปหนึ่งของ หลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม อำเภออัมพวา นอกจากนี้ท่านก็ได้เล่าเรียนวิชาเพิ่มเติมกับ หลวงพ่อสุข วัดโตนดหลวง จังหวัดเพชรบุรี อีกด้วย ซึ่งนับได้ว่า หลวงพ่อโต นั้นท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาต่างๆ มาจนแทบหมดสิ้น นอกจากการเล่าเรียนวิทยาอาคมแล้ว ท่านก็ยังเรียนตำราไพลที่มีชื่อว่า ยาเหลืองพระพัตร์พิชัย ซึ่งเป็นยาที่มีสรรพคุณหลายด้าน อาทิเช่น แก้ไข้ แก้ปวด แก้โรคซาง ตาแดงตาเจ็บ และโรคอหิวาตกโรค หญิงมีครรภ์จะคลอดบุตรง่าย

หลวงพ่อโต หลังจากที่ท่านได้ศึกษาเล่าเรียนทางด้านวิทยาอาคม จนเชี่ยวชาญและเก่งกล้าแล้ว ท่านก็ได้ออกธุดงควัตร และได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของ หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ จังหวัดกาญจนบุรี เกจิอาจารย์ดังอีกองค์หนึ่งซึ่งมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ท่านได้ศึกษาวิชาความรู้ต่างๆ จากหลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ จนหมดสิ้น ต่อจากนั้นท่านก็ได้เดินทางกลับมายังวัดคู้ธรรมสถิติ์ จ.สมุทรสงคราม แล้วจึงเริ่มทำยา เหลืองพิชัย หรือยาไพลออกแจกจ่าย และได้รับความอนุเคราะห์จากทางแพทย์แผนโบราณสามารถทำการรักษาโรคได้

การทำยาของ หลวงพ่อโต นั้น ในสมัยท่านมีชีวิต ท่านมีความเชี่ยวชาญทางด้านสมุนไพรเป็นอย่างมาก จนเป็นที่กล่าวขานและร่ำลือว่า ถ้าใครเป็นไข้ไม่สบายล่ะก็ ถ้ามาหา หลวงพ่อโต แล้วไม่ผิดหวังแน่นอน

หลวงพ่อโต สมัยท่านมีชีวิต ท่านได้พัฒนาและสร้างถาวรวัตถุต่างๆ ไว้มากมาย โดยสละแรงกาย แรงใจพัฒนาวัดอย่างเต็มที่ จนกระทั่งวันหนึ่งในขณะที่ท่านเตรียมจะทำการบูรณปฏิสังขรณ์ พระอุโบสถวัดคู้ธรรมสถิติ์ ท่านได้เริ่มอาพาธ บรรดาศิษยานุศิษย์ และผู้ที่เคารพนับถือในตัวท่านได้แนะนำ และพาท่านไปตรวจอาการที่โรงพยาบาลสงฆ์ กรุงเทพฯ ซึ่งแพทย์ได้วินิจฉัยและลงความเห็นว่า ท่านเป็นเนื้องอกที่ภายในจะต้องทำการผ่าตัดและให้โลหิต เพราะท่านมีกำลังน้อย แต่ในระหว่างนั้นหลวงพ่อท่านยังไม่ตกลงใจ จึงได้เดินทางกลับมาพักอยู่ที่วัดพระเชตุพนฯ กรุงเทพฯ พอวันรุ่งขึ้นอาการของท่านเกิดกำเริบขึ้น จึงได้นำท่านไปส่งโรงพยาบาลมิชชั่น แต่สุดวิสัยที่แพทย์จะทำการช่วยเหลือและเยียวยาได้ เนื่องจากมะเร็งที่ตับอ่อนภายในทำให้หายใจลำบากมาก

จนกระทั่งถึววันศุกร์ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 8 ปีมะเส็ง ตรงกับวันที่ 19 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2496 เวลา 10.45 น. ท่านก็ถึงแก่มรณภาพด้วยอาการสงบ สิริอายุได้ 71 ปี 51 พรรษา

หลวงพ่อโต สมัยท่านมีชีวิตท่านได้ศึกษาวิทยาคมจากพระเกจิอาจารย์ดังๆ หลายรูปด้วยกัน ซึ่งแต่ละรูปมีชื่อเสียงเลื่องลือไม่น้อย เมื่อท่านได้ร่ำเรียนมาแล้วท่านก็ได้นำมาฝึกฝนปฏิบัติ จนกระทั่งเกิดความชำนาญมีชื่อเสียงโด่งดังในด้านกฤตยาคม และแพทย์แผนโบราณ

ในสมัยนั้นได้ก่อเกิดอิทธิมงคล เพื่อนำไปแจกจ่ายให้แก่บรรดาศิษยานุศิษย์ รวมทั้งผู้ที่เคารพนับถือในตัวท่าน อาทิ ตะกรุด ลูกอม ผ้ายันต์ พระเครื่องเนื้อยา และ เนื้อดินเผา ซึ่งในปัจจุบันอาจจะไม่ทราบหรือเคยพบเห็นมาก่อน เพราะหายากยิ่งจริงๆ บางชนิดก็ไม่มีหลักฐานบ่งบอกที่ชัดเจน ส่วนที่รู้จักกันดีก็คือ เหรียญรูปเหมือนอัดพิมพ์ สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2485 เนื่องในงานทำบุญฉลองอายุ 5 รอบ (อายุ 60 ปี)

ลักษณะเป็นเหรียญรูปอาร์มขนาดเล็ก

ด้านหน้า มีรูป หลวงพ่อโต แค่หน้าอก หันหน้าตรง ห่มจีวรลดไหล่ ข้างล่างมีอักษรไทยจารึกว่า พระครูธรรมวิถีสถิติ์ ใต้ลงมาเป็นตัวเลขบอกปีที่สร้าง คือ 2485

ด้านหลัง เป็นยันต์กันภัยและมหาอุด มียันต์พระเจ้า 5 พระองค์อยู่ตรงกลาง กับมีอักษรขอมจารึกเป็นคาถาหัวใจต่างๆ

( ที่มา : ย่อจาก ลานโพธิ์ ฉบับที่ 1095 เดือนมิถุนายน 2545 : หลวงพ่อโต วัดคู้ (ธรรมสถิติ์) ต.บางขันแตก อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ภาพและเรื่องโดย? โพธิญาณ )

​

เหรียญรุ่นแรกบล็อคนิยม 2485

หลวงพ่อโต วัดคู้ธรรมสถิตย์

สมุทรสงคราม สภาพสวยเดิมๆครับ บล๊อคนิยมนี่หายากสะเด็ด


ประกันแท้ตลอดชีพ


ราคา 3,999 บาท พร้อมส่ง ถือว่าเป็นของดีราคายังไม่รุนแรงครับ



เช่าแล้วครับ

 

................................................................................




หลวงปู่ทวด วัดแค สวยมากๆ


สร้างเมื่อประมาณ ปี พ.ศ.2508-2510 พร้อมกับเหรียญแบบเสมา ร่วมพิธีพุทธาภิเษกที่วัดวรโพธิ์ อยุธยา โดยมีหลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ อยุธยา เป็นประธานในพิธีและเกจิอาจารย์ในสมัยนั้นอีกหลายองค์ ผู้ที่อยู่ร่วมในพิธีที่บอกเล่า คือ คุณธงไชย ทองประสาน(ช่างติก เลี่ยมพระ) ได้เป็นคนแบกลังใส่พระจากวัดแค(ราชานุวาส)ไปร่วมพิธี และจากการบอกเล่าจากลูกศิษย์รุ่นเก่าของทางวัดแคว่า ได้มีลูกศิษย์ของวัดแค(ราชานุวาส)เป็นปลัดอำเภอได้นำไปให้หลวงปู่ทิม วัดช้างปลุกเสกอีกด้วย
เมื่อก่อนเป็นพระที่ไม่มีราคาค่างวดปัจจุบัน สวยๆว่ากันที่หลักหลายพัน สวยๆเป็นหมื่บาท สำหรับหลวงปู่ทวดพิมพ์นี้เป็นต้นแบบของการสร้าง หลวงปู่ทวดของวัดแค(ราชานุวาส)ในปี พ.ศ.2551 ด้วยครับ
ประวัติขององค์หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ เชื่อว่าคงทราบกันดีอยู่แล้ว แต่วันนี้ ขออนุญาตแนะนำอีกหนึ่งวัด ซึ่งเป็นวัดในตำนานขององค์หลวงปู่ทวด เผื่อหลายๆท่านที่ยังไม่รู้จักวัดนี้กันครับ วัดนี้คือ วัดแค (ราชานุวาส) เกาะลอย จ.อยุธยา ซึ่งวัดนี้ก็ได้ชื่อว่าเป็น"วัดในตำนาน"ที่หลวงปู่ทวดท่านเดินทางมาและจำพรรษาอยู่ ณ วัดแคแห่งนี้เล่ากันว่าเป็นเวลาประมาณ12พรรษา จากเรื่องราวที่เล่าต่อๆกันมาเมื่อ400กว่าปีก่อนครับส่วนหลักฐานร่องรอยต้องไปตามรอยที่วัดแห่งนี้ ..............

เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง สภาพนี้หายากสุดๆครับ สวยเดิมๆ


ราคา 9,500 บาท พร้อมส่ง