รูปถ่ายเกจิ เรียนเชิญทุกท่านที่ชอบสะสมรูปเก่าๆมาแชร์หรือโชว์ตามสะดวกครับ

หลวงพ่อทบ ปี 2517

 

รูปถ่ายรุ่นนี้พยายามเล่นหาแบบที่แขนหลวงพ่อไม่ดำมากนะครับ ดวงตาจะชัดใสมีมิติครับ

 

เค้าว่า......................ครับผม

 

ผมว่าน่าจะเป็นภาพดัดแปลงครับ

 

รูปนี้เพิ่งได้มาเมื่อเช้าครับตอนไปเดินตลาดนินจา มาพร้อมสมเด็จแปลกๆครับ

 

รูปนั่งจับเข่าไม่ใช่พระภิกษุ แต่เป็นแม่ชีไม่แน่ใจว่าชื่อเมี้ยนหรือแม้น
ภายหลังท่านแต่งเป็นภิกษุณี คนเรียกท่านว่า หลวงพ่อใหญ่ ท่านเป็นผู้ก่อตั้งวัดถ้ำกระบอก สระบุรี และชักชวนให้หลานท่าน ๒ คนมาบวช ชื่อจรูญ ปานจันทร์ และเจริญ ปานจันทร์ ข้อวัตรท่านเคร่งมากไม่รับเงิน ไม่ขึ้นยานพาหนะ ใน ๑ ปีต้องออกธุดงค์ ๓ เดือน ไม่สร้างโบสถ์ วิหาร ไม่มีผ้าป่าเรี่ยไรเงิน หลานของท่านได้รางวัลระดับโลก(แมกไซไซ)คือหลวงพ่อจรูญ ปานจันทร์ จากการรักษาผู้ติดยาเสพติด

รูปพระภิกษุนั่งมือประสานบนตัก น่าจะเป็น ๑ ในสองที่เป็นหลานของท่าน

คนสระบุรีรุ่นเก่า ๆ และพวกทหารแถบนั้นนับถือท่านแม่ชีหรือหลวงพ่อใหญ่มากพอสมควร นัยว่าดีทางแคล้วคลาดปลอดภัย

 

ขอบพระคุณอาจารย์ศนิวารมากๆครับผม

 

หลวงปู่สิงห์ ขันตยาคโม ได้รับจากพระลูกศิษย์หลวงพ่อพุธ ฐานิโยครับ

 

หลวงพ่อเดิมครับ ถ้านิมนต์มาลงซ้ำขออภัยครับ

 

มีภาพของท่านมาให้ชมอีกครับ

 

สุดยอดครับ อ.ศนิวาร

อ.ศนิวาร ก็เป้นอีกท่านนึง ที่รวบรวมความรู้ และอัดแน่นไปด้วยคุณภาพ

หลายครั้งที่ไม่ทราบที่ อ.ศนิวาร จะช่วยไขปริศนาเสมอ

ขอคารวะครับ :d

 

ก็เรียนรู้ไว้น่ะครับ เอาก็เอา

ไปถ่ายตอนท่านครองผ้ามา ตอนครองเรียบร้อยไม่ถ่าย

พระที่เคร่งๆ จะถ่ายรูปท่าน ท่านจะครองจีวร ผ้ารัดอย่างดี แล้วจึงให้ถ่ายน่ะครับ นอกนั้นไม่ได้แอ้มยกเว้น แอบขโมยถ่าย

 

หลวงปู่ที่อยู่ใกล้ๆท่าน ชื่ออะไรครับ พี่พี หรือท่านใดพอทราบบ้างมั๊ยครับ....สงสัยอยากรู้มากครับผม

 

เกิดไม่ทันครับท่าน...แหะๆ

แต่บอกตามตรง ผมไม่ค่อยเชื่อว่าเป็นรูป สมเด็จพุฒาจารย์ โต เพราะท่านเป็นพระผู้ใหญ่มาก มีชื่อเสียง คนนับถือเพียบ ขนาด เจ้าฟ้า เจ้าแผ่นดินนับถือ จะถ่ายคงต้อง มีวิธีการเยอะล่ะครับ ถ้าถ่ายมาจริงรูปต้องแพร่หลาย

และกล้องสมัยก่อน ทันยุคสมเด็จ น่าจะใหญ่โต ต้องตั้งท่า มีวิธีการล่ะครับ

แต่จากรูปลักษณะ แอบถ่าย น่าจะเป็นกล้องยุคใหม่หน่อย เล็กกว่า ผมคิดว่ารูปนี้เก่า แต่ไม่ถึงสมเด็จน่ะครับ ด้วยความเคารพ

รูป หลวงปู่ศุข สอนเจ้านายก็มาพิสูจน์กันทีหลังว่าไม่ใช่ รูปท่าน

 

ครับผม...ผมก็จะเก็บไปเรื่อย ถ้าเห็นแล้วดูมี คุณค่า เท็จจริงอย่างไรไม่รู้ครับ ค่อยมาศึกษาเอาตอนหลังเวลาที่ว่างครับ ภาพๆนึง มีคำถามตั่งมากมาย....เพลินดีครับ...หลวงปู่ที่ได้อยู่รับใช้ท่านตอนนั้นต้องไม่ธรรมดา...ผมก็คิดไปเรื่อยเปลื่อยครับผม..แหะๆ...ขอบคุณมากครับผม

 

จากที่มีโอกาสได้คุยกับพี่พี ผมได้เห็นอะไรบางอย่าง ระหว่าง 2 ภาพนี้ ใบหน้าดูจะคล้ายกันมากเลยครับ..แต่ก็ไม่ยึดติดว่าต้องเป็นจริงนะครับ...เป็นเพียงแค่ข้อสังเกตุเท่านั้นครับผม

 

หลวงปู่ชา สุภัทโท ครับ

 

ขอแจมด้วยครับภาพไม่เก่า แต่ขอร่วมด้วย อาจารย์เกจิทางภาคเหนือ

 

ขอเพิ่มรูปหมู่คณาจารย์ อีกสักรูปนะครับ

 

รัชกาลที่ ๓ ประสูติ 2330 ครองราชย์ 2367 พระชนม์มายุ 37 พรรษา

สมเด็จโต เกิด 2331 อุปสมบทราว ๆ ปี 2351 อายุ 20 ปี

ปาเลอกัว เดินทางจากปารีสปี 2371 ถึงสยาม 2372 เอากล้องและการถ่ายภาพเข้ามาด้วย

หากนับตามอายุสมเด็จโตตาม พ.ศ.เกิดแล้ว ขณะที่กล้องเข้ามานั้นท่านอายุ ได้ 41 - 42 ปีแล้ว

วัดคณิกาผลสร้างปี 2376 มีรูปสมเด็จโตเมื่อครั้งยังหนุ่มอุปสมบทใหม่ ๆ ?

จึงเป็นไปไม่ได้ว่าจะมีรูปถ่ายขอสมเด็จพุฒาจารย์โต เมื่อครั้งยังหนุ่ม ๆ อุปสมบทใหม่ ๆ ที่วัดคณิกาผล ดังนั้นภาพที่วัดคณิกาผลจึงต้องเป็นภาพวาดที่วาดขึ้นในยุคหลังและดัดแปลงเค้าหน้าให้ดูคล้ายไม่ใช่ภาพถ่ายแน่ ๆ

อ้างอิงจาก

"การถ่ายภาพในเมืองไทย

สำหรับประเทศไทยมีหนังสือเก่าชื่อว่า สยามประเภทฉบับลงวันที่ 11 เมษายน พ.ศ 2444 กล่าวว่าเรามีช่างถ่ายภาพครั้งแรกในสมัยราชกาลที่ 3 ก.ศ.ร. กุหราบ เจ้าของหนังสือได้เขียนเล่าในหนังสือว่า ช่างที่ถ่ายรูปคนแรกในสมัยรัชกาลที่ 3 นั้นคือ ท่านสังฆราชฝรั่งเศสชื่อ ปาเลอกัว และคนไทยที่เป็นช่างถ่ายภาพคนแรก คือ พระยากระสาปนกิจโกศล(นายโหมด)ในปัจจุบันเชื่อกันว่าสังฆราชปาเลอกัวเป็นช่างคนแรกและเป็นอาจารย์ของพระยากระสาปน์กิจโกศล(นายโหมด) และนายโหมดมีชื่อเสียงในการถ่ายภาพเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป เช่น ในบทพระราชนิพนธ์เรื่อง “เรื่องการถ่ายรูปเมืองไทย” ของรัชกาลที่ 5 จากหนังสือกุมารวิทยา ในหนังสือสยามประเภทเมื่อพูดถึงสังฆราชปาเลอกัวก็จะพูดถึงนายโหมดทุกครั้ง การถ่ายภาพในเมืองไทยได้พัฒนาอย่างมากในรัชกาลที่ 5
ทราบได้จากการเปิดร้านถ่ายภาพกันอย่างแพร่หลายมากขึ้น จากแต่ก่อนคนที่จะถ่ายภาพจะต้องเป็นคนชั้นสูงเท่านั้น

สิ่งสำคัญที่ทำให้การถ่ายภาพในเมืองไทยพัฒนาเป็นผลมาจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงสนพระทัยในการถ่ายภาพเป็นอันมาก ทรงจัดมีการอวดรูปภาพ และประชันภาพขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 2450 รัชกาลที่ 5 เสด็จประภาพยุโรป ครั้งที่ 2 ทรงมีกล้องถ่ายรูปคู่พระหัตถ์ คือ “กล้องโกแด็กอย่างโปสตก๊าด” ถ่ายโดยใช้ฟิล์มจึงอนุมาน ได้ว่า ฟิล์มเซลลูลอยด์นั้น ได้เข้ามาเมืองไทยประมาณ พ.ศ. 2448"