รอยประหลาด คาดอาจเป็นฐานติดต่อต่างดาวที่จีน

มนุษย์ทุกคนบนโลก ไม่ว่าจะเป็นผม หรือคนอื่นๆ ที่เหมือนผม ล้วนแต่เป็นนักเรียนด้วยกันทั้งนั้นแหละครับ พวกเราคือนักเรียน ที่กำลังเรียนรู้บทเรียนแห่งชีวิต บนโลกใบนี้อยู่ (ขออิงคำพูดของพี่ชยุตหน่อยนะฮะ)

และสมมุติว่า แม้ว่าบางบทเรียน ผม หรือบางคน อาจจะเรียนไปได้หลายบทกว่าคนอื่นบ้างแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ผมและคนบางคนที่ว่านั้น จะอยู่ในระดับชั้นที่สูงกว่าคนอื่นๆหรอกนะครับ

เพราะว่าบทเรียนบทอื่นๆ หรือวิชาอื่นๆ คนอื่นๆเขาก็ไปได้ไกลกว่าเราก็มี และที่สำคัญแล้ว ในโลกแห่งความเป็นจริงระดับปรมัตถ์ที่ไร้กาลเวลาแล้ว วิวัฒนาการของจิตวิญญาณ ไม่มีจุดเริ่มต้น และจุดสิ้นสุด ไม่มีลำดับว่าจะต้องเป็นตรงนี้ก่อน แล้วค่อยไปตรงโน้น ในแบบที่มีลำดับเป็นเส้นตรงแบบที่มนุษย์โลกเข้าใจน่ะครับ

เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าเราเห็นใครดีกว่าเรา เก่งกว่าเรา หรือวิวัฒน์ไปได้ไกลกว่าเรา ในแง่ใดแง่หนึ่งแล้ว นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเหล่านั้น อยู่เหนือกว่าเรา หรือสูงกว่าเรา หรือประเสริฐกว่าเราเสมอไป...ซึ่งในทางกลับกันก็ด้วยนะครับ

เพราะว่าตามนัยยะของข้อความจากรูปธรรมชีวิตจากต่างมิติทั้งหลายแล้ว มันมีอยู่อีกหลายประเด็นที่จะต้องนำมาพิจารณาด้วย และนั่นแหละคือสิ่งที่เราไม่รู้ เพราะว่าเราไม่อาจมองข้ามพ้นมายาการของมิติที่ 3 นี้ไปรู้ได้น่ะครับ

ประเด็นที่ว่าเหล่านี้ก็คือ

ขอเริ่มต้นจากเรื่องนี้ก่อนก็แล้วกันนะครับ คือ "พันธะสัญญาทางจิตวิญญาณ" ของพวกเราแต่ละคน ที่ไม่เหมือนกันแน่ๆหละ และแต่ละคนก็ทำขึ้นมาเอง ก่อนที่จะลงมาเกิดบนโลกใบนี้ ซึ่งถ้าให้ผมอธิบายย่อๆ ผมก็อยากจะขอยกตัวอย่างหนึ่งให้ฟังครับ

คือในหนังสือที่ชื่อ "อานุภาพรัก" มีบทหนึ่งที่กล่าวถึง "The Drunken man" หรือ "ชายขี้เมา" ในโลกนี้ ในมิตินี้ ในชีวิตนี้ เขาเกิดมามีชีวิตแบบขี้เมาไปวันๆ ก็เพราะว่าเขามีพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณมาว่า เขาจะมาทำตัวอย่างให้เพื่อนที่ลงมาเกิดพร้อมเขา แต่เป็นทนายความฐานะดีและขี้เหนียว

ได้รู้จักสงสารเขา และมีเมตตากรุณา เพื่อช่วยยกระดับจิตวิญญาณของเพื่อนเขาคนนี้ อะไรแบบนั้นน่ะครับ ทั้งๆที่จิตวิญญาณเดิมแท้ของชายขี้เมาคนนั้น แท้จริงแล้ว ก็คือรูปธรรมชีวิตแห่งแสงสว่างผู้ที่มีวิวัฒนาการไปไกลมากๆแล้วรูปธรรมหนึ่งนั่นเอง

เพราะฉะนั้น แม้ว่าในสายตาของมนุษย์โลก ที่ถูกพรางกั้นไว้ด้วยม่านมายาแห่งมิติที่ 3 อยู่นี้ จะมองเห็นใครต่อใคร เป็นคนดี หรือ คนชั่ว ในสายตาของพวกเราเองไปอย่างไรก็ตาม แต่แท้ที่จริงแล้ว มันอาจไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไปก็ได้

เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านทั้งหลายจึงพร่ำบอกอยู่เสมอว่า อย่าเที่ยวไปตัดสินชี้ถูกชี้ผิดใครเขา ด้วยความคิด และความเห็นของเราเองเพียงอย่างเดียว เพราะว่ายังไงๆเสีย เราทุกคนต่างก็กำลังสวมแว่นสายตากันคนละสีอยู่ ดังนั้น มันจึงเป็นไปไม่ได้ ที่จะไปบังคับให้คนอื่นๆมามองเห็นโลกสีเดียวกับของเรา เพราะว่าแว่นสายตาของเขามันคนละสีกับเรา

แต่เราก็ไม่ผิดหรอก เพราะว่าเราคิดแบบนั้นจริงๆ เราเห็นว่าโลกมันเป็นสีนั้นจริงๆ เราก็เลยพูดออกมา คิดออกมา และทำออกไปแบบนั้น ตามความคิดที่เราคิดว่าเราทำถูกแล้ว เฉกเช่นเดียวกัน คนอื่นๆ เขาก็คิดว่าเขาทำถูกแล้ว ไม่ต่างจากเรา..

เพราะฉะนั้น ตราบใดที่พวกเราแต่ละคน ยังไม่ได้เอาแว่นสายตาของพวกเรา ไป Calibrate ให้ถูกต้องเสีย ให้ใสสว่าง กระจ่างแจ้ง เสียก่อน พวกเราก็ยังไม่อาจที่จะมองเห็นโลกตามที่มันเป็นจริงได้อยู่ดี

ปัจจัยที่สองก็คือ จิตวิญญาณเดิมแท้ของทุกๆสรรพชีวิตล้วนมีคุณค่า ล้วนมีพลังอำนาจ และมีความประภัสสรเสมอเหมือนกันหมด

หลายๆคน ซึ่งอาจจะเป็นล้านคน อาจจะมาจาก "ตัวตนรวม" เดียวกันด้วยซ้ำไป ซึ่งเจ้าตัวตนรวมที่ว่านี้ ในทางพุทธเราอาจจะไม่เคยกล่าวถึงเลย แต่มันก็คือตัวตนที่แท้จริงของเรา คือจิตวิญญาณที่แท้จริงของเรา ที่อยู่ในมิติที่สูงกว่านั่นเอง..

เพราะว่าพวกเราคือสิ่งมีชีวิตหลากมิติ เราไม่ได้มีแค่ตัวตนนี้ ชื่อนี้ หรือร่างกายนี้ แต่เพียงเท่านี้เท่านั้น กาลเวลาที่เป็นเส้นตรงไม่มีอยู่จริง ทุกๆภพชาติที่เราเกิดไปแล้ว และทั้งภพชาติในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ล้วนมีอยู่เป็นอยู่พร้อมกันหมด

แต่ทั้งหมดนั่นก็คือ "เรา" ทั้งนั้น โดยที่มี "เราที่แท้จริง" และยิ่งใหญ่กว่า สูงกว่า เป็นเจ้าของทุกๆภพชาติย่อยๆนั้นอีกทีหนึ่ง ซึ่ง "เรา" ข้างบนนั่น จะรู้จะเห็น จะรู้สึก และ ฯลฯ ความเป็นไป ความรู้สึก ฯลฯ ของ "เรา" ย่อยๆในแต่ละภพชาตินี้ทั้งหมด ไปพร้อมๆกับ "เรา" ย่อยๆทั้งหมดนี้ด้วย

ดังนั้น ก็ไม่แน่ว่า คนที่คุณกำลังด่าอยู่ปาวๆนั่น หรือกำลังเอาปืนไล่ยิงอยู่นั่นหนะ อาจจะเป็นหนึ่งในตัวตนย่อยๆของตัวตนรวมเดียวกับคุณเองก็ได้ และอันที่จริงแล้ว มนุษย์โลกทุกๆคน ก็คือ "เซลล์" เซลล์หนึ่งของร่างกายของโลก ดังนั้น ถ้าเซลใดเซลหนึ่ง ไปทำร้ายเซลอื่นๆเข้า

มันก็ย่อมจะไปกระทบต่อสุขภาพร่างกายโดยรวมของโลกด้วย และถ้าโลกมีอันเป็นไปในแง่ลบแล้ว คิดหรือว่าเซลย่อยๆทั้งหลายนั้นจะลอยนวลอยู่ได้

*เราคือเซลของโลกอย่างไร ในแง่กายภาพหละ ใช่อยู่แล้ว แต่กลัวท่านไม่ get เลยจะขออธิบายในแง่ของ "พลังงาน" เอาไว้ด้วย

ความจริงก็คือ โลกใบนี้ มีโครงข่ายพลังงานห่อหุ้มอยู่ และโครงข่ายนี้ ก็ทำหน้าที่เชื่อมต่อพลังงานกับทุกสรรพสิ่งที่อาศัยอยู่บนโลกนี้ด้วย

พลังงาน..หมายรวมถึง..พลังงานความร้อน,พลังงานความคิด,พลังงานจิต,พลังงานที่เกิดจากอารมณ์ความรู้สึก และ ฯลฯ ทั้งหมด

ดังนั้น ทุกครั้งที่มนุษย์สร้างพลังงานอะไรขึ้นมาก็ตาม มันก็จะถูกถ่ายทอดต่อไปยังโครงข่ายพลังงานนี้ของโลกเสมอ และมันก็จะไปรวมกับพลังงานอื่นๆ ที่สะสมอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว แล้วก็กลายไปเป็น "พลังงานแห่งจิตสำนึกมวลรวม" ของคนทั้งโลก

ซึ่งถ้าเป็นพลังงานบวกก็ดีไป เพราะมันจะทำให้เกิดสิ่งดีๆตามมา เช่น ความอุดมสมบูรณ์ของโลก สภาพภูมิอากาศที่ดี ที่สบายๆ อะไรแบบนั้นเป็นต้น

แต่ถ้ามันเป็นพลังงานด้านลบหละ อย่างที่เป็นมานานหลายพันปีที่ผ่านมา ที่มวลหมู่มนุษยชาติ เอาแต่ทำสงครามกัน รบราฆ่าฟันกัน ไม่ยกเว้นประเทศไหนเลย

เช่น ดูอย่างประวัติศาสตร์จีนสิครับ แต่ไหนแต่ไรมา ก็ทำแต่สงครามทั้งนั้น ทำมาตลอด เกาหลีเป็นไง ตามละครที่เราได้ดูกัน เราได้ข้อคิดอะไรบ้างไหม

ไทย-พม่า,พวกลัทธิล่าอาณานิคมทางตะวันตกอีก USA ที่ไปแย่งชิงดินแดนของชนเผ่าพื้นเมืองชาวอินเดียนแดงอีก มิหนำซ้ำยังไปเกลียดชังชนพื้นเมือง และเหยียดสีผิวพวกเขาอีก

ทางอิสลาม ตะวันออกกลาง ภาคใต้ของไทย และแอฟริกาอีก...แล้วแบบนี้ พลังงานบวกหรือลบที่มันจะถูกสะสมอยู่ใน "โครงข่ายพลังงานของจิตสำนึกมวลรวม" มากกว่ากัน

แล้วมีมนุษย์หน้าไหนรอดพ้นจากภัยพิบัติที่เกิดถี่ขึ้นๆ เพราะต้องชำระล้างพลังงานด้านลบเหล่านี้ออกไป เพราะว่าถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนยุคแล้วบ้างไหม..

อย่าเพิ่งคิดว่า แค่เราคนเดียว ที่คิดเกลียดชังใครสักคนเพียงคนเดียว เพียงชั่วแป๊บเดียวนี่ จะไม่มีผลกระทบอะไรต่อพลังงานของจิตสำนึกมวลรวมของคนทั้งโลกนะครับ

ปล.ที่กล่าวมาทั้งหมดผมก้อเก็บไว้บอกกับตัวเองด้วยแหละฮะ ^^

 

55555

ก็ตอนแรกก็เข้าข้างพวกที่มาขู่เราพวกแรกก่อนสิ ไม่งั้นโดนยำเละ

ถ้าพวกมันชนะ เราก็ได้ทั้ง้เงิน ทั้งดินแดนที่พวกมันเอาให้
ถ้าแพ้ ก็ไม่เป็นไรเพราะเรามี เสรีไทย 2 ช่วยแถให้เป็นผู้ชนะสงครามอีก

สรุปคือ ไม่ว่าจะเข้าข้างฝ่ายไหน เราก็ชนะครับ 5555(ถ้าไม่โโนนิวเครียร์ยิงซะก่อน)

 

เห็นท่านแย้มมาผมก็นึกตามเลยในใจก็ 50-50 เพราะประเทศมหาอำนาจไม่ว่าใครพอเป็นแล้วมันก็จะมาเอาเปรียบประเทศที่ด้อยกว่าเสมอ แถมพี่จีนน่าจะเถื่อนกว่าด้วยซ้ำ แต่สรุปผมเลือกจีนด้วยเหตุผล เพราะเราอยู่ใก้ลจีนแค่คืบจีนมันคงเล่นเราก่อนแน่เรียกว่าเละก่อนเพื่อนถ้าไปเลือกไอ้กัน และไอ้กันก็อยู่ห่างเกินไปที่จะปกป้องเรา และที่สำคัญถ้าเราเลือกไอ้กัน ยังไงมันก็ต้องถล่มจีน เราก็จะโดนหางเลขจากระเบิดของเมกาอยู่ดี ไหนๆก็ไหนๆเลือก จีนมันซะเลยอิอิ

 

หากมุมมองของคุณยังไม่ถูกวิวัฒนาการขึ้น คุณก้อไม่มีวันเข้าถึงผมหรอกครับ

ปล.เห็นบรรทัดที่ 3 จากบนสุดที่ผมเขียนไหมครับ

 

แจ้งข่าวนิดนึงนะฮะ...ตอนนี้บรรพบุรุษและพี่น้องในจักรวาลเรายึดอำนาจบนดวงจันทร์ได้แล้วนะฮะ ^^

ปล.หวังว่าการเปลี่ยนแปลงพร้อมกับกระบวนการเลื่อนระดับขึ้น (The Process of Ascension) ของมวลมนุษย์ชาติในครั้งยิ่งใหญ่นี้ คงจะวิวัฒนาการภูมิปัญญาของพวกเราขึ้นได้ไม่มากก้อน้อยนะฮะ

 

บางทีคุณอาจจะยังเด็กอยู่นะครับ เด๋วผมแปลไทยเป็นอังกฤษให้นะครับ

จากบรรทัดที่ 3 (บนสุด) ของผม

ชยุต - Chayutt

จะได้รอบคอบขึ้นครับ เด๋วจะโดนผู้ทรงภูมิปัญญาหลอกเอาได้ง่ายๆ และถ้าหากรูปธรรมชีวิตนอกโลกมาพบปะชาวโลกเมื่อไหร่ คุณก้อยิ่งต้องระวังตัวมากขึ้นนะครับ เพราะวิวัฒนาการด้านปัญญาเขาอยู่เหนือกว่าเรามาก !!

ปล.บางทีอะไรๆก้อเกิดขึ้นได้ครับ..

 

อ่อ ขอเสริมอีกนิดนะครับ "การที่คุณโกหก แต่ขอความถูกต้อง ทุกสรรพสิ่งล้วนมีการเชื่อมต่อ แต่สิ่งที่คุณคิด สิ่งที่คุณทำ จะต้องเป็นบวกเท่านั้น.."

ปล.จงจำไว้ว่าพวกคุณเคยมีระดับจิตสำนึกที่สูงส่งมาก่อน และสูญเสียมันไปอย่างมาก ในขณะที่พวกคุณตกลงมาอยู่ในทวิภาวะแห่งนี้ !!

 

เอาเพลงเพราะๆมาให้ฟังกันนะครับ ผ่อนคลาย..ก่อนที่จะเปลี่ยนโครงสร้างกายละเอียดและกายทิพย์ของมนุษย์ จากระบบ Mer-Ka-Ba ไปเป็นระบบ Mer-Ka-Va และ Mer-Ka-Ra

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=Ugql6D4pFKM&feature=share]Merkabah, The Chariot of Ascension - YouTube[/ame]

 

พวกเราเคยมาอยู่ดาวเคราะห์โลกนี้ ด้วยกายทิพย์แห่งคริสตัลไลน์ (Mer-Ka-Ra) แต่เพราะการล่มสลายของโครงข่ายพลังงานที่ห่อหุ้มโลกอยู่เมื่อครั้งยุคแอตแลนติสของพวกคุณ ทำให้การลงมาศึกษาและเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยแห่งความเป็นทวิภาวะแห่งนี้ของพวกเราสูญเสียความเชื่อมโยงที่มีต่อคุณสมบัติที่ยิ่งใหญ่และสูงส่งกว่า ที่เป็นแก่นแท้ของพวกเราไป..

และการที่พวกเราต้องจมดิ่งอยู่ในร่างกายเนื้อที่หยาบแบบนี้ มันทำให้ออร่าของพวกเราลดน้อยลงไปเรื่อยๆ พร้อมกับความตระหนักรู้ของพวกเราด้วย !!

"ดาวเคราะห์โลกเป็นมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง มันเป็นดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี"

ปล.ที่กล่าวมา 2 วรรคแรก..ผมก้อแค่พิมพ์ไปตามจิตวิญญาณเก่าแก่ของผมน่ะฮะ ^^

 

555 ก็ดูกันเอาเองหละครับท่านว่า เป็นไปตามที่ผมขุดค้ยเรื่องราวเค้าขึ้นมารึเปล่า ทุกวันนี้ก็พยายามจะเกาะกระแส คุณชยุต ดัง เพราะเครดิต ตัวเองแทบจะไม่เหลือ จากการกระทำ ของตัวเอง ทุกวันนี้ยังไม่สำนึก

รู้ไว้ด้วยว่าในนั้นเค้าก็จะดีกับทุกคนเค้านิ่งเพราะเค้าปลงกับเอ็งเค้าสมเพชในการกระทำของเอ็ง แต่ลึกๆเค้ารู้กันว่าเอ็งขี้ตั๊วเข้าใจไหมเจ้า Lightworker
เค้าอยู่ของเค้าดีๆอย่าไปดึงเค้ามา เกลือกกลั้วกับคนอย่างเอ็งเลย


เอางี้แล้วกัน ถ้าคุณ Light worker เป็นผู้รู้ ผู้วิเศษ ผู้มาจากต่างดาว ตามที่ท่านเคยโม้มา เป็นสิบกระทู้ก็ช่วยแสดงความสามารถพิเศษ ออกมาให้เพื่อนสมาชิกได้เห็นทีครับ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง

เรื่องราวที่คุณเขียนก็แปลกดี แต่ขอร้องถ้าไม่ใช่ ไม่เจ๋งจริง หรือไม่สามารถ พิสูจน์ ได้ก็อย่ามาสู่รู้ แอบอ้างเป็นมนุษย์ต่างดาว แต่ถ้าคิดว่าใช่ก็จงอย่าบอกชื่อดาว เพราะจะทำให้ดาวนั้นเสื่อมเสียคิดว่าชอบโชว์โง่กันทั้งดาว

แบบที่อ้างว่า เป็นพลังงานจากต่างดาวแล้วมาจุติในกายหยาบ ก็พูดซะเป็นตุเป็นตะ แหกตาสมาชิกอ้างอยู่เหนื่อคนอื่น ที่ก็คายออกมาเองว่า "ตอนแม่ท้องแม่ฝันว่า ??????" เฮ้อ

ถ้าใครอยากทราบความเคลื่อนไหวของกลุ่ม Light worker ก็ไปสมัครเป็นสมาชิกของกลุมเค้าได้ที่ Lightworker HOME เผื่อจะได้รับข้อมูลจากหน่วยเหนื่อ เหมือนคุณ lightworker บ้างก็ได้

ปล. กลับไปถามหน่วยของคุณซิว่า ฝ่ายมืดทำให้ดวงจันทร์ หยุดหมุนยังไง ท่าน Light worker

 

ที่ดาวเอ็งไม่สอนบ้างเหรอว่าห้ามโกหก ตอแหล ระวังจมูกยาวนะ 555



ได้ตามด่าคุณเอ็งทุกวัน ด่าไปข้าก็ขำไป ว่าคนอย่างคุณเอ็งนี่สุดๆจริงๆ คุณเอ็งมาแนวคล้ายๆขจรเลย คือแถๆไร้สาระอวดตัว ข่มขู่ พอเห็นท่าทางไม่ดีสมาชิกด่ากันเยอะ ก็จะมาพลามข้อความดีๆมีสาระ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชิซะงั้น

แล้วที่คุณเอ็งทำเป็นมาโพสกระทู้ "ผมจะเลิกเล่นเวปพลังจิตแล้วผมนำเสนอแต่สิ่งดีๆทำไมทุกคนทำกับผมอย่างนี้" ทำเป็นเขวี้ยงหินถามทาง หากองหนุนหรือแม่ยกช่วย แต่ผล สมาชิกสาบส่ง ดีใจกันทั่วหน้า ไม่มีใครมาขอร้องให้อยู่ต่อซักคน จนต้องลบกระทู้หนีแทบไม่ทัน ยังจำได้ไหมจ๊ะ ยังไม่รู้ตัวอีกเหรอ

จริงๆข้าก็ปล่อยวางแล้ว นึกว่าคุณเอ็งสำนึกที่ไหนได้ ยังไม่เลิกหลอกลวงชาวบ้านอีก เฮ้อ ปรับปรุงตัวซะใหม่เถอะ ถึงคุณเอ็ง จะคิดว่าตัวเองเป็นอะไรก็ตาม เก็บไว้ในใจ แล้วมาช่วยเหลือมนุษย์ด้วยความปริสุทธิ์ใจดีกว่า อย่ามาหลอกลวง ข้อมูลใดๆอันเป็นเท็จอีกเลย นะ คุณเอ็ง Light worker หันดูรูปข้างๆบ้าง พี่นาธาน เค้าเตือนนานแล้วนะ

 

ไม่ว่าน้องจะเป็นคนยังไง น้องก้อน่ารักในสายตาพี่เสมอนะ...คิคิ (deejai)

น้องคิดว่าแหล่งข้อมูลที่น้องเอามามันถูกต้องแล้วหรือ? มนุษย์บนโลกนี้ส่วนใหญ่แล้วกรองข้อมูลเท็จๆกันมาโดยตลอด และก้อยังคงกรองกันอีกต่อไป จนกว่าจะถึงเวลาแห่งการที่พวกพี่จะเปร่งแสงสว่างให้ชาวโลกได้รับรู้ความจริงทั้งหมดบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้นำโลก ที่ปกปิดความลับต่างๆมานับกว่า 100 ปี ซึ่งตอนนี้ก้อใกล้มากแล้ว เพราะบรรพบุรุษเรามาถึงช่วงเวลาของมนุษย์โลกแล้ว และกำลังขับยานบินเล่นอยู่แถวดาวโลกเรา.. ^_^

เสริมเรื่องดวงจันทร์ให้อีกนิด อิอิ คือในด้านที่หันเข้ามาหาโลกน่ะ พวก Aliens และมนุษย์ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ เพราะเป็นด้านที่เสียหายจากสงครามอย่างหนักหน่วง !! เคยมีสงครามระหว่าง Reptilians และ Pleiadians เป็นระยะเวลายาวนาน จึงต้องอาศัยอยู่แค่ด้านมืดของดวงจันทร์ โดยมีฐานอยู่ใต้ดิน และบนพื้นผิวดวงจันทร์ มีทะเลสาป และมีแรงดึงดูด + ชั้นบรรยากาศเช่นเดียวกับโลก สามารถปลูกพืชผักได้ ส่วนด้านที่หันเข้าหาโลกนั้น มีหลุม ขนาดใหญ่มากมาย ที่ไม่ได้เกิดจากอุกาบาต หรือ การระเบิดจากธรรมชาติ แต่เกิดจาก Particle beam weapons หรือ อาวุธลำแสงที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง

ดวงจันทร์ของเรานั้นมาจากกาแล๊กซี่ Orion tongue ซึ่งมีดาวเคราะห์อยู่ 21 ดวง และมีดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ 2 ดวง และดวงจันทร์ 47 ดวง ส่วนดวงจันทร์ที่มาอยู่ใกล้โลกเรานั้นมาจากดาวเคราะห์ที่ 17 ของกาแล๊กซี่นี้ และดาวเคราะห์ดวงนี้มีดวงจันทร์ 2 ดวง (เผ่าพันธุ์แอนโดรมิแดนที่เคยยื่นมือเข้ามาช่วยโลกเราเมื่อครั้งอดีตกาลเขาบอกมาน่ะ.. ^^)

 

รอชมกันต่อไป:boo:

 

เชิญคุณเอ็งว่าต่อไป แต่เราไปเปิดกระทู้ใหม่คุยกันให้มันหยดติ๋ง อยากให้คุณเอ็งแสดงข้อความดีๆแปลกๆให้ทุกคนได้ฟังบ้าง เดี๋ยวกระทู้นี้จะเลอะเทอะไปกันใหญ่ มันชักออกนอกประเด้นไปเยอะ

ไป ไปคุยกันต่อในกระทู้ใหม่เน๊อะสร้างมาเดี๋ยวจะตามไปดูครับ แต่เอาขอมูลดีๆมาคุย เรื่องของคุณเอ็งก็ดูน่าสนุกดี แต่อย่าแผลงฤทธิมากนักหละ มีอะไรดีบินมาจากไหนก็เก็บไว้ข้างในก่อน เดี๋ยวข้าอดไม่ได้ เผลอตัวปิ๊ดไปว่าคุณเอ็งเข้าอีก ไปยัง ไป

ขอโทษสมาชิกท่านอื่นด้วยค๊ราบบบบ ข้าน้อยขอขมา

 

Tokyo-drift ภาคพิสดาร น้องหนู ยอดนักแถ เอี๊ยดดด
เอ่อลืมไป รถน้องหนูเขา ขับหน้า แถยากนะ แต่ก็ยังแถ 555

 

บางทีมีเวลาให้ครอบครัวเยอะๆบ้างก้อดีนะครับ พ่อแม่จะได้มีเวลาอบรมบ้าง การพูดการจาจะได้มีสัมมาคารวะ เพราะผู้ใหญ่บางท่านเขาอาจจะมองน้องอีกแบบก้อได้นะครับ

 

ไหนๆใคร เก๋าโผล่มาหน่อย

 

เห็นด้วยอย่างมาก ๆ ครับ

 

แจ๋วๆๆๆ เห็นด้วย