รวบรวมข้อมูลเตรียมตัวรับมือกับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย kananun, 28 กันยายน 2006.

  1. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    ผมเคยสวดบทอุปาตะสันติงหลวงบ่อยๆ เคยฟังหมู่สงฆ์สวดที่ลานพระประธานพุทธมณฑล เป็นบทที่ยาวแต่ประสบการณ์ส่วนตัวผมดีมากครับ เมื่อครั้งที่นั่งฟังที่ลานฯเกิดปรากฏการณ์เหมือนในหนังจีนกำลังภายใน มีเสียงสวดซ้ำๆเป็นทอดๆ เกิดขึ้นซ้ายบ้างขวาบ้างจากแหล่งต่างกันเหมือนมีพระสวดมากกว่าที่มีอยู่จริง เป็นบทที่มีจุดประสงค์เพื่อให้บ้านเมืองสงบจากภัยต่างๆฯ
     
  2. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    http://www.palungjit.com/board/showthread.php?t=51726

    (verygood)ครั้งนั้นนานหลายปีแล้ว รู้สึกว่าบ้านเมืองส่อเค้าวุ่นวาย หลังจากการสวด(และสถานที่อื่นก็บำเพ็ญบุญไปตามถนัดกัน) ผมมีความร้สึกว่าบ้านเมืองสงบสุขกว่าที่ควรจะเป็นครับ
     
  3. ไทร

    ไทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    205
    ค่าพลัง:
    +771
    คุณหนุมานยังไม่เลิกอีกหรือครับ

    ทำให้คนเขาตกอกตกใจไปเปล่า ๆ ทายนายกก็ผิดมาทีหนึ่งแล้ว บอกว่าคุณศุภชัยจะได้ กลายเป็น พล.อ.สุรยุทธ์ ทายล่วงหน้าแค่วันเดียวก็ยังผิด แล้วอย่างอื่นจะให้เชื่อถือได้อะไรอีกล่ะครับ

    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=43313&page=6 (ดูความคิดเห็น #170)

    ขอโทษด้วยนะครับ ถ้าทำให้ขัดใจ เข้าใจละครับว่าคุณหนุมานมีเจตนาดี ต้องการเตือนเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมโลกให้ระวังภัย แต่ถ้าฝืนทำนายทั้ง ๆ ที่ก็มีหลักฐานให้ทราบชัดเจนว่าสิ่งที่คุณหนุมานรับรู้มานั้น เชื่อถือไม่ได้ ก็ไม่น่าจะออกมาป่าวประกาศอย่างนี้ หลายคนแล้วที่ออกมาทำนายเรื่องอนาคต ส่วนใหญ่รวมทั้งคุณหนุมานด้วย ก็ได้ผลออกมาทำนองนี้แหละครับ

    เลิกเถอะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2006
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    วิธีเอาชนะความกลัว
    คัดลอกมาจาก http://www.dmc.tv/forum/lofiversion/index.php/t2729.html
    เพียงพอ
    18/2/2006 13:52

    ผมอยากทราบว่า เวลาพวกพี่ๆ ทั้งหลายเกิดความกลัวขึ้นมา แต่ละคนๆ จะมีวิธีเอาชนะมันอย่างไร ช่วยแสดงความคิดเห็นหน่อยนะ เพื่อจะได้มีคนนำไปใช้

    ideal
    18/2/2006 13:55


    ต้องสู้ ต้องสู้ ถึงจะชนะ


    extra
    18/2/2006 13:57


    1. ยอมรับว่าเรามีความกลัวเกิดขึ้น
    2. หาเหตุของความกลัวนั้น
    3. หาแนวทางดับเหตุของความกลัวนั้น
    4. ทำการดับเหตุนั้นด้วยความอดทนและต่อเนื่อง


    สิริปโภ
    18/2/2006 14:05


    พระพุทธเจ้าท่านว่า เมื่อกลัวสุดๆ ก็ต้องพูดกับตนเองว่า เป็นไงเป็นกัน ตายเป็นตาย จะกลัวอะไร อย่างมากก็แค่ตาย


    I cAn AlwayS MakE U SmilE
    18/2/2006 14:28


    ผมเอาใจวางไว้ที่ศูนย์กลางกายครับ เอาฐานที่ 7 เป็นที่พึ่งน่ะครับ


    gioia
    18/2/2006 17:10


    ส่วนตัวใช้วิธีนี้ค่ะ
    แล้วพอใช้บ่อยๆ ก็จะเลิกกลัวไปเอง คือ
    ตั้งสติก่อน เมื่อรู้ว่าเราเป็นที่พึ่งแห่งตนไม่ได้
    ก็เริ่มอาราธนาบุญบารมีกำลังฤทธิ์ ของปูชนียาจารย์ของเราค่ะ คือ
    หลวงปู่วัดปากน้ำ หลวงพ่อ และคุณยายอาจารย์ รวมทั้งบารมีธรรมของหมู่คณะทุกท่านขอให้มารวมกำบุญของเราที่สั่งสมมาดีแล้ว ขอให้มาช่วยเราด้วยเถิดคิดซ้ำๆ คิดให้มั่นคงและคิดอย่างมั่นใจค่ะ ต้องมั่นใจเต็มที่ด้วยค่ะ แล้วกำลังใจจะมา และหายกลัวไปเอง ลองดูค่ะ อย่าให้ใจห่างจากศูนย์กลางกายเพราะที่นั่นเป็นที่ปลอดภัยที่สุดค่ะ


    streamdharma
    18/2/2006 20:03


    ก่อนอื่นเลยกลัวในที่นี้ที่หมายถึงนั่นคือ กลัวอะไรกันค่ะ
    ถ้าอยู่ตัวคนเดียวเกิดกลัว ก็คิดว่ากลัวไปก็ช่วยเราไม่ได้อ่ะค่ะ เอาไงเอากันลุยอย่างเดียว ระหว่างลุยใจก็ไปอยู่ ณ ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ดค่ะ เพื่อตั้งสติของเราไว้ตลอดดเวลา อีกอย่างคือ ด้านได้อายอดอ่ะค่ะ สำหรับความกลัวที่ต้องเผชิญคนเดียว



    นิ่งๆ นุ่มๆ
    18/2/2006 21:30


    คิดถึงบุณ พระนิพาน หลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยาย แล้วก็บุญที่ตัวเองทำมาค่ะ แล้วพยายามบอกตัวเองว่า ไม่ต้องกลัว พระนิพานดูแลอยู่ ความกลัวอาจจะไม่หายจนหมดสิ้นแต่ก็ลดลงเยอะค่ะ ทำให้มีสติขึ้นมาก มีแรงสู้


    รัศมีกำลังฤทธิ์
    18/2/2006 22:32


    ต้องถามว่ากลัวเรื่องอะไรล่ะครับ สมมตินะครับถ้ากลัวตายเพราะเราเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทำอย่างสุจริตยุติธรรม และได้ไปขัดผลประโยชน์กับผู้มีอิทธิพลอย่างนี้ เราต้องคิดว่าเป็นการสร้างบารมีครับ อย่างนี้ก็เป็นการบำเพ็ญปรมัตถบารมีขั้นเอาชีวิตเป็นเดิมพันครับ

    สรุปว่าความสกลัวเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง จริงๆ ครับ เราต้องนึกถึงบุญบารมีเป็นที่ตั้ง ดูอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสิครับ ท่านไม่กลัวอะไรเลยซักอย่างเดียว เพื่อปรารถนาพุทธภูมิอย่างเดียว



    หัดฝัน
    19/2/2006 22:20


    วิธีเอาชนะกลัวคือ ความรู้ครับ เหมือนเราเดินไปในที่สลัวๆ มองเห็นทางข้างหน้าไม่ชัดเจน เราไม่รู้ว่า ว่าทางข้างหน้ามีอะไรบ้าง เราย่อมกลัว แต่เมื่อใดก็ตามที่เราเปิดไฟให้สว่างขึ้น มองเห็นทางข้างหน้าชัดเจน รู้ว่ามีอะไรอยู่บ้าง ความกลัวจะหายไปทันที

    เช่นเดียวกัน เมื่อมนุษย์ไม่รู้ความจริงของชีวิต มนุษย์ย่อมกลัว ความล้มเหลว แก่ เจ็บ ตาย แต่เมื่อมนุษย์รู้ความจริงของชีวิตเมื่อไหร่ ว่าทำอย่างไรจะไม่ล้มเหลว ก็จะสำเร็จทุกอย่างตลอดไป

    เมื่อนั้นมนุษย์จะไร้ความกลัว นั่นคือ ศึกษาคำสอนในพระพุทธศาสนานั่นเอง โดยเฉพาะการสร้างบุญ เพราะบุญคือทุกความสำเร็จ



    Jijo
    20/2/2006 0:23


    จะชนะได้ก็ต่อเมื่อเราเอง ตัดความกลัว และความกังวลได้
    ไม่ยากเลย เพราะสิ่งที่เรากลัว มันมาจากความคิดเราเอง
    เราก็ไม่ต้องคิดอะไร ทำใจใสๆ แบบนี้ก็ไม่มีความกลัวแล้ว



    Omena
    20/2/2006 22:00


    ความกลัว คือสิ่งที่เราจินตนาการขึ้นมาเอง


    มองอย่างแมว
    21/2/2006 2:21


    วิธีของพี่หัดฝันนี่ ถ้ากลัวผีจะทำยังไงครับ?
    ผมไม่กล้าเปิดไฟ เดินไปดูผีกันให้เห็นกับตาจะๆ ซะด้วยสิ



    xlmen
    21/2/2006 17:58


    สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ ร่างกายเราครับ เป็นผีดิบเดินได้น่ากลัวทุกวินาทีเลย
    ลองนึกดูสิครับเห็น สมองในกะโหลกตัวเอง เห็นตับ ปอด ม้าม ไต เลือดในกายไหลโชก

    ผีที่ว่าน่ากลัวที่แท้เราน่ากลัวกว่าผีอีกครับ 5555


    ที่มา http://www.dmc.tv/forum/lofiversion/index.php/t2729.html
     
  5. tanin5

    tanin5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +289
    จำเอาไว้ครับ
    สมถะ ปฎิบัติพบเมื่อหมดความตั้งใจ
    วิปัสนา พบเมื่อหมดความคิด
    เป็นคติธรรม ของหลวงพ่อพุทธ ฐานิโย
    "ถ้า เหตุการณ์มันเกิดขึ้นจริง ก็ความทุกข์มันมาจากไหนเล่า มันมาจากความคิด ก็คิดเท่าไหร่ไม่รู้ เมื่อหยุดคิดถึงรู้ จำเอาไว้ครับ มันเป็นแค่รูป สิ่งที่สำคัญที่สุดคือมันทำร้ายที่จิตใจเราครับ ก็ในเมื่อความทุกข์มันมาจาความคิด เราก็ดูมันเฉยๆ รู้อยู่ มีสติอยู่ก็สักแต่ว่ามันเป็นความคิดไม่ใช่ตัวตนเราเขา
    ถึงจะตกใจแค่ไหนมันก็ แค่ความคิดของเราเอาสติดูรู้ว่ามีความคิดไว้แค่นี้เจ้ากรรมนายเวร ที่ไหนที่ไหนที่ไม่ยอมให้อภัยเราก็เอาจิตใจเราไปไม่ได้ครับ
    ปล. ผมอธิบายคร่าวๆครับ สำหรับสหายธรรมิกทุกคน
    ถ้าอยากเข้าใจทางด้านวิปัสนากรรมฐานลองเข้าwww.wimutti.net
    ไม่ต้องทำสมถะก่อนก็ได้ครับเพราะเป็นการดูจิตเข้าไปตรงๆเลย
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ผมขออนุญาตแสดงความคิดเห็น เรื่องคำทำนายของคุณหนุมาน ผู้นำสาร หน่อยนะครับ เท่าที่ผมได้อ่านบทความต่างๆ ของคุณหนุมานแล้ว รับรู้ได้ถึงความตั้งใจดี มีความห่วงใยต่อประเทศชาติอย่างจริงใจ ผมไม่ทราบว่าคุณหนุมานรับรู้เหตุการณ์ต่างๆ ล่วงหน้าได้อย่างไร แต่ถ้าเรามาพิจารณาในเรื่องของคำทำนายเหล่านั้น ก็จะเห็นคุณประโยชน์อยู่ไม่น้อย อย่างน้อยก็จะเป็นเครื่องเตือนตัวเองให้เตรียมพร้อม ไม่ให้ตกอยู่ในความประมาท

    เรื่องของคำทำนายนั้น ต้องฟังจากหลายๆ ท่านพร้อมกัน ทั้งต้องนำมาพิจารณาใคร่ครวญหาเหตุผลว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงไร อย่างเรื่องของแม่น้ำโขงที่คุณหนุมานทำนายมานั้น ผมก็ได้ฟังมาจากท่านอื่นๆ ทำนายเอาไว้ในทำนองเดียวกัน กับที่คุณหนุมานบอกเอาไว้ครับ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเชื่อถือในทันที เพียงแต่ขอให้กลับมาถามตัวเองว่า มันมีโอกาสที่จะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นได้มากน้อยแค่ไหน และถ้าเกิดขึ้นจริงเราจะเตรียมตัวรับมือได้อย่างไร

    เรื่องคำทำนายนั้นผมยอมรับว่า มันมีโอกาสผิดพลาดได้ เนื่องจากมีทั้งพระและฆราวาส หลายๆ ท่านที่มีอภิญญา ท่านได้พยายามแก้ไขเหตุการณ์เหล่านั้นอยู่ อย่างสุดความสามารถ ซึ่งบางอย่างก็อาจแก้ไขไปได้ บางอย่างก็อาจผ่อนหนักให้เป็นเบาไปได้ บางอย่างก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ พวกเราในฐานะผู้รับรู้ข่าวสารนั้น จึงควรใช้เหตุผลแยกแยะไปตามเหตุและปัจจัยของมัน ไม่ใช่ว่าเอาแต่คอยตำหนิติเตียน มองคนอื่นในแง่ร้ายอย่างเดียว ในที่สุดคนที่มีความตั้งใจดีก็จะหมดกำลังใจ และปล่อยวางโดยถือว่าเป็นกรรมของสัตว์โลกที่ไม่อาจจะช่วยเหลืออะไรได้อีกแล้ว
     
  7. tanin5

    tanin5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2006
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +289
    จำเอาไว้ครับ
    สมถะ พบเมื่อหมดความตั้งใจ
    วิปัสนา พบเมื่อ หมดความคิด
    คติธรรมของหลวงพ่อ พุทธ ฐานิโย
    ถ้าเหตุการณ์ มันเกิดขึ้นจริง จำเอาไว้ครับ ความทุกข์มันเกิดจากความคิด
    คิดเท่าไหร่ไม่รู้ เมื่อหยุดคิดถึงรู้ คติของหลวงปู่ดุลย์ อตุโล เราก็มีสติรู้ ว่านั้นสัก ว่าความคิดที่เรากลัวขึ้นมาเองปลุงแต่งขึ้นมาองไม่ใช่ตัวตนเราเขา แค่นี้เจ้ากรรมนายเวรที่ไม่ให้อภัยเรา ก็ทำอะไรเราไม่ได้เพราะเราไม่หลงไปกับความคิดหรือ(ความกลัว)แต่ต้องมีสติรู้อยู่ว่านั้นคือความคิดนะครับแล้วความกลัวมันจะดับลง นี่แหล่ะที่เขาเรียกว่าจิตตานุปัสนา คือการตามรู้จิต
    ปล. ถ้า ท่านที่อ่านแล้วอยากฝึกจริงๆขอบอกว่าง่ายมากเพราะไม่ต้องไปนั่งภาวนาอะไรเลยแค่ตามรู้อย่างเดียว ลองเข้า www.wimutti.net ดูครับเพราะผมก็พบทางสว่างจากเวปนี้
     
  8. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    ***การเตรียมจิตวิญญาณเพื่อการผจญภัย***

    1.ต้องชำระผลกรรม ให้น้อยกว่า 30% (โดยเร็ววัน)

    ชำระจิตหยาบให้บริสุทธิ์ หยุดโกรธ หยุดโลภ ไม่งมงาย

    - ปิดโอกาสสร้างกรรมใหม่ ที่ไม่พึงประสงค์
    - ทำผลกรรมเก่าให้เป็นโมฆะ ด้วยการตัดสินใจในการกระทำใดๆให้ถูกต้องเสมอ อดทน อดกลั้น ให้อภัย ได้ตลอดทุกวัน (รักและเมตตา)

    ***การทำโมฆะกรรม***

    - รู้สึกสำนึกผิด ในการกระทำผิดใดๆ ในอดีต ปัจจุบัน และภพชาติต่างๆที่ผ่านมาทั้งเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม
    - สำนึกบาป ต่อจิตวิญญาณพี่น้องๆ รูปธรรมอื่นๆ ขออภัยต่อเขาเหล่านั้น
    เขาอาจละเว้น หรือจากหนักก็เป็นเบา
    - ขอประทานอภัย ต่อพระรัตนตรัย และผู้ให้กำเนิดแห่งจิตวิญญาณของเราจากการกระทำหรือปรามาสพระธรรมใดๆอันเกิดจากความไม่รู้


    2.การมีสำนึกทางวิญญาณ

    "จิตหยาบ" ต้องสำนึกให้ได้ว่ามี "จิตวิญญาณ" อยู่ภายใน
    คิดก่อนทำ มิใช่ทำโดยไม่คิด
    ฝึกละวางล่วงหน้า
    ไม่ยึดติดอัตตา (ไม่ยึดติดกับโลก)ปล่อยวางเรื่องทรัพย์สมบัติ เรื่องตัวกู ของกู ปล่อยวางให้หมด
    ต้องมี "กฤตสติ"
    คือรู้ล่วงหน้าแล้วว่า..ทำไมต้องเกิด? ต้องทำอย่างไรบ้าง?

    สร้างความมีสติของตนไว้ล่วงหน้า ("มหาสติ")
    - มีสติ
    - รู้สติ
    - ใช้สติ


    ***การดูแลจิตวิญญาณยามมีภัยภิบัติ***

    1.ได้ยินเสียงใด ได้เห็นสิ่งใด ให้ละวางสิ่งนั้นทันที ได้ยินเสียงข้างบ้านหวีดร้อง ทำเหมือนฟังเสียงดนตรี อย่าสงสัย ไม่จับจด มองเห็น แบบเผินๆ ผ่านๆ ไม่ต้องไปจดจำ ทำเป็นไม่ยินดี ยินร้าย
    รับรู้ แล้วไม่รับเอา วางจิตให้เป็นอุเบกขา

    ***การทำเสียงดังของช่างเทคนิค คือการกระตุ้น ปลุกเร้า ให้จิตเราเสียสมดุล เพิ่มความดันในหลอดเลือดของเราอย่างฉับพลัน ทำให้ตกใจ เลือดสูบฉีดแรง อาจถึงขั้นเส้นเลือดแตก (ผู้ที่มีประจุลบในเม็ดเลือดมากอันตราย)

    2. ยอมรับให้ได้ว่า มันเป็นของมันเช่นนั้น (ยอมรับความจริงให้ได้)
    3. อย่าอยู่นิ่งเฉย ให้ทำสิ่งอื่นแทน

    - อ่านคัมภีร์ หนังสือธรรมะ ฟังเทปเสียงธรรมะ (ไม่ให้จิตว่าง)จับอยู่กับสิ่งที่เป็นบวก อ่านด้วยความสงบ อย่าเอาจิตไปจับกับสิ่งอื่นที่ไม่เป็นมงคล และที่สำคัญคือ...
    **ชวนเจ้ากรรมให้ร่วมฟังด้วย หรืออ่านดังๆให้เขารับรู้**

    - ให้นึกถึงสิ่งดีๆ ที่เคยกระทำ บังคับจิตให้ได้ มิเช่นนั้นจิตมันจะตกและตื่นกลัว (แต่จิตเราจะมีรูปธรรมเหมือนพี่เลี้ยงดูแลอยู่ด้วย ถ้าจิตตกก็จะถูกเติมเต็มให้กับจิตวิญญาณเราเสมอ..)

    - นั่งสมาธิจับมือล้อมวงกันในครอบครัว จุดเทียนไขหรือตะเกียงไว้ตรงกลางวง สวดมนต์ดังๆและทำสมาธิไปพร้อมๆกัน...

    - รู้ว่าควรทำสิ่งใดในสถานะการณ์ต่างๆกันนั้น เช่นถ้าน้ำมาให้ขึ้นชั้นสองทันที อย่าคิดว่าอยู่เฉยๆจะปลอดภัย

    - ร้องขอความเมตตาฟ้าดิน พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ ว่ารู้สำนึกแล้วและให้สัจจะ ว่าจะเปลี่ยนแปลงตนเองให้ดียิ่งๆขึ้นไป ให้ก้าวหน้าขึ้น ขอโอกาสบำเพ็ญอย่างจริงจัง (แทนที่จะโดนตีก้น 3ที อาจเหลือ 1ที..อันนี้เป็นเคล็ดลับครับ..)

    ***หลังเหตุการณ์นั้นผ่านพ้นไปแล้ว (49 วัน)***

    - กราบขอบคุณฟ้าดินที่เมตตาให้เราได้รับโอกาสรอดผ่านมาได้

    - ตรวจสอบดูแลเยียวยาจิตใจและร่างกาย คนในครอบครัวว่าปกติดีหรือไม่

    - ถ้าเหตุการณ์ปกติแล้วจริงๆ จะเงียบสงบติดต่อกันสัก 2-3 วัน จนมั่นใจแล้วจึงสามารถออกมานอกบ้านได้..แต่อย่าเพิ่งถูกฝน เพราะช่วงนั้นจะมีฝนทิพย์ชำระล้าง อีก7วัน ห้ามดื่มเด็ดขาด มีสิ่งเป็นพิษในอากาศเจือปนอยู่ รวมถึงเนื้อสัตว์ก็ห้ามรับประทานเช่นกัน

    ***เตรียมแปลงปลูกผักกระเฉด หรือผักที่เด็ดแล้วโตไวๆ มาทดแทนอาหารที่เตรียมไว้และหมดไป ปลูกไว้ในกระบะต้นไม้ ไว้ต้มทานชั่วคราวก่อน ในระหว่างนั้น...

    - ช่วยกันเก็บกวาดขยะรอบๆบริเวณนั้นให้สะอาดที่สุด เท่าที่ทำได้ทันที..



    <--- รวบรวมมาให้อ่านแบบย่อๆโดยผู้รู้ท่านหนึ่งครับ --->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2006
  9. เข็มขาว

    เข็มขาว Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +57
    ขอเรียนถามคุณ Mead ว่า ข้อความที่คุณได้บอกมาว่า

    "จะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีกรรมมากหรือน้อยแค่ไหน"
    " วิธีที่หนึ่งคือ เวลานั่งอยู่กับคนจำนวนมาก ๆ กลางแจ้ง ให้สังเกตุว่ายุงกัดใครมากที่สุด แสดงว่าผู้นั้นมีประจุลบอยู่ในเส้นเลือดมาก ผู้นั้นผลกรรมเยอะ หน้าที่ของยุงก็คือ ช่วยลบประจุลบในเม็ดเลือดแดงของเราให้ลดลง ตอนชำระโลกใครมีประจุลบในเม็ดเลือดแดงมาก คนนั้นมีสิทธิปรอทแตก เลือดออกปากจมูก เพราะตอนนั้นเบื้องบนจะส่งพลังด้านบวกลงมาจำนวนมหาศาล เมื่อบวกเจอกับลบ จะเกิดแรงดันในเลือดสูง นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่คนดีมีศีลธรรมจะผ่านวิกฤตไปได้สูงกว่า"

    ดิฉันอยากจะทราบว่า แล้วถ้าปล่อยให้ยุงกัดเยอะ ๆ เพื่อจะช่วยลดประจุลบ แล้วถ้าเกิดเป็นไข้เลือดออกขึ้นมาละ แล้วจะต้องโทษผลของกรรมที่ทำมาในอดีตอีกหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าดิฉันจะไม่เชื่อกรรมดีกรรมชั่ว และถ้าใครมีประจุลบในเม็ดเลือดแดงมาก ถึงตอนชำระโลก ผู้ที่ทำกรรมมาในอดีตชาติเยอะ ๆ ก็ไม่มีสิทธิที่จะผ่านวิกฤตนี้ไปได้เชียวหรือ แล้วถ้าใครมีประจุบวกมาก ปัจจุบันทำกรรมไว้เยอะ ก็จะผ่านวิกฤตนี้ไปได้หรือเปล่าละค่ะ ดิฉันอยากทราบเหตุผล ( เพราะว่าปัจจุบันนี้กรรมมันติดจรวด ) ที่คนดีมีศีลธรรมนั้นจะผ่านวิกฤตไปได้ ทำไมจะต้องเอายุงมาวัด ที่ดิฉันถามเพราะว่าในตอนที่ดิฉันเป็นเด็ก ดิฉันเคยเป็นไข้เลือดออกมาแล้ว ก็เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด ตั้งแต่นั้นมาดิฉันก็จะโดนยุงกัดมาตลอด แต่ก็ไม่เป็นไข้เลือดออกอีก ( เท่าที่ดิฉันทราบเพราะว่ามีภูมิคุ้มกันจากการที่เป็นไข้เลือดออกมาแล้วก็จะไม่เป็นอีก )แต่ว่าพอยุงกัดแล้ว ดิฉันจะแพ้ ไม่ว่ายุงหรือมด นี่ก็ไม่ทราบว่าเป็นกรรมที่สร้างมาในอดีตอีกหรือเปล่า กรุณาช่วยตอบให้หายข้องใจด้วยค่ะ แต่ถ้าเป็นอย่างที่คุณว่าจริง ๆ ละก็ ไม่มีหนทางที่จะแก้ไข ให้หนักเป็นเบาได้หรือ ช่วยบอกเป็นวิทยาทานหน่อยนะค่ะ ให้กับคนที่โดนยุงกัดเยอะ ๆ
     
  10. Good_oom

    Good_oom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +562
    ขอตอบช่วยพี่ mead ส่วนหนึ่งนะครับ
    ผู้ที่มีกรรมในอดีต นั้น ถ้าเปรียบเทียบกับ น้ำสองแก้วแล้วแก้วแรกเป็นกรรมชั่ว
    แก้วสองเป็นกกรมดี ถ้าผู้ก่อกรรม ทำกรรมไว้สมมุติว่าทำชั่วก็เหมือนกับเทน้ำใส่แก้ว แรก คือเพิ่มประจุลบ แต่หากว่า คนนี้เกิดกลับใจขึ้นมาหมั่นทำแต่ความดี เทนำ้ใส่ แก้วที่สองประจำ คือเพิ่มประจุบวก จนมากกว่าแก้วแรก ที่นี้นายคนนี้ก็มีความดีมากกว่า ความชั่วแล้ว คือมีประจุลบมากกว่าบวก เพราะฉะนั้นโอกาศ
    รอดก็มีมากขึ้น
    แบบ พระองคุลีมาลน่ะครับ ท่านเคยฆ่าคนตั่ง 999 คน แต่หลังจากกลับใจแล้วก็ได้ ไปนิพพาน ไม่ต้องชดใช้กรรมต่อ

    ในกรณียุงกัด นั้นผมคิดว่าคงเป็นการไถ่บาป อะไรสักอย่างหนึ่งไม่แน่ใจครับ

    และโรคไข้เลือดออกนั้นมีภูมิ คุ้มกันแค่ สาม ถึงหกเดือน ครับ
    คือมีโอกาศที่จะเป็นซำได้
     
  11. ศิษย์โง่

    ศิษย์โง่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +109
    ทางรอดคือทางตรงจริง ๆ ค่ะ กำลังพยายามปฏิบัติตนให้ทวนกระแสโลกอยู่ แต่มันยากจริง ๆ จะตามกระแสอยู่เรื่อย ลดยากมากนะคะไอ้ รัก โลภ โกรธ หลงนี่น่ะ
    ศิษย์โง่เองค่ะ
     
  12. ^ ^

    ^ ^ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +1,279
    ถ้ามีภัยพิบัติขั้นร้ายแรงเกิดขึ้น เช่น ดาวหาง/ดาวเคราห์น้อย ชนโลก
    โลกสะเทือน ภูเขาไฟพร้อมใจกันระเบิด สึนามิถล่มฝั่ง น้ำท่วมโลก
    ยุคน้ำแข็งมาเยือน The day after tomorrow ร้ายแรงระดับ
    มนุษย์ชาติสูญพันธ์กันหมด พวกเราจะได้ไปเกิดในโลกใหม่
    ที่สภาพแวดล้อมเหมือนเดิมทุกประการ เป็นเป็นมิติโลกคู่ขนาน

    ซึ่งทุกคนในโลกนั้นจะ อยู่ในอาการความจำเสื่อเอ๋อ เป็นบ้าใบ้
    ทำอะไรไม่ถูก ถ้าท่านทั้งหลายไม่อยากเป็นแบบนั้น

    ผมขอให้ไปฝึกพลังกายทิพย์ กันครับ

    พอถึงวันที่เรารู้แน่นอนแล้วว่ามันมาแน่ๆ

    ให้พวกเราสวดมนต์ ระลึกถึงคุณพระศรีรัตณไตร
    แล้วนั้งสมาธิ กำหนดสติให้ดี ประคองสติไว้ให้อยู่กับตัว
    เมื่อคุณย้ายมาที่โลกใหม่ จะได้ไม่เอ๋อ ไงครับ

    และคุณจะได้ใช้วิชาพลังกายทิพย์ ช่วยรักษาฟื้นความจำ ให้ผู้คนได้นะครับ ^ ^


    พัยพิบัติจะเกิดขึ้นหรือเปล่า ยังไม่แน่นอนนะครับ

    แต่การไปฝึกพลังกายทิพย์ ก็มีประโยชน์อยู่แล้วครับ
    มันเอาไว้ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ให้ตัวเอง และ ผู้อื่นได้
    ฝึกไว้ไม่เสียหลาย จริงมั๊ยครับ

    สำนักที่ฝึกสอนวิชาพลังกายทิพย์ มีอยู่เยอะแยะมากมาย
    ผมขอให้ไปเสาะแสวงหากันเองนะครับ


    ผมไม่มีหน้าที่โฆษณา ให้สำนักใดๆ เป็นพิเศษ ครับ



    ขอให้โชคดีทุกท่าน สาธุ __/l\__
     
  13. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +3,588
    หากร่างกายได้รับสารอาหารที่ไม่ปลอดภัย ปนเปื้อนสารพิษ ยาฆ่าแมลง สารสังเคราะห์ ก็จะทำให้ขบวนการสร้างสาย DNA ทำได้ไม่สมบูรณ์กลายเป็น RNA บางส่วน และกลายเป็น Free Radical หรือ ประจุของอิเลคตรอนอิสระ ซึ่งจะไปทำให้ขบวนการบังคับบัญชาของร่างกายมีปัญหา จนอาจเกิด มะเร็ง อัมพฤกต์ อัมพาต เลือดเป็นกรด และอีกหลายโรค กลไกของร่างกายก็จะพยายามขจัดสิ่งเหล่านี้ออกจากร่างกายจากทางทวารต่างๆ แต่หลักๆจะออกมาทางเหงื่อ ซึ่งจะหลั่งออกมาตอนที่เราออกกำลังกาย(คาร์บอนไดออกไซด์ ) และออกมากับ การหาว การสะอึก การสะอื้น การเรอ การจาม แต่ถ้ายังไม่สามารถขจัดออกได้หมด ก็อาจจะใช้การถ่ายเทออกตอนบริจาคโลหิต หรือ การโดนยุงกัด แต่วิธีการที่เราควรจะเลือกใช้ให้มากที่สุดก็คือ
    การสูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอด กลั้นลมหายใจไว้ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วค่อยๆผ่อนลมหายใจออกให้มากที่สุด ยิ่งเราสูดลมหายใจเข้าให้ได้มากเท่าไหร ก็จะสามารถระบายลมหายใจออกได้มากเท่านั้น เคล็ดลับการหายใจอยู่ที่ หายใจยิ่งช้ายิ่งจะนำพาอากาศได้มาก
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    โรคที่มากับน้ำท่วม โดยคุณปฐมาภรณ์

    [​IMG]

    ช่วงนี้ฝนตกชุกทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมในหลายภาคของประเทศทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเสียหายทั้งบ้านเรือนไร่นาและยังเป็นปัญหาทางด้านเศรษฐกิจอีกด้วยเป็นที่น่าเห็นใจมากนะคะน้ำท่วมเป็นภัยธรรมชาติที่ไม่สามารถหยุดมันได้สิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือร่วมแรงร่วมใจกันแก้ปัญหาภัยน้ำท่วมนี้ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีดิฉันขอเป็นกำลังใจให้นะคะ

    สิ่งปฎิกูลที่ลอยล่องมากับน้ำจึงเป็นที่มาของเชื้อโรคชนิดต่างๆความจำเป็นที่ต้องเดินย้ำเท้าในน้ำแต่ละวันเป็นเวลานานจึงเป็นสาเหตุให้คนในหมู่บ้านเป็นโรคร้ายติดเชื้อได้ง่ายทั้งโรคผิวผนังโรคเท้าเปื่อยโรคท้องร่วงโรคฉี่หนูโรคหวัดและโรคเครียด กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ยิ่งน้ำท่วมขังนานเพียงใดการแพร่ระบาดของโรคยิ่งมีมากขึ้นเรามาดูสาเหตุและการป้องกันแก้ไขโรคที่มากับน้ำท่วมกันนะคะ

    โรคฉี่หนูLeptospirosis

    เชื้อนี้สามารถพบได้ในสุนัขสุนัขจิ้งจอกสัตว์เลี้ยงในบ้านแต่พบมากในหนูซึ่งสามารถแพร่เชื้อออกมาได้โดยที่ตัวมันไม่เป็นโรค

    สาเหตุ เกิดจากเชื้อLeptospira interogans เป็นเชื้อแบคทีเรียมี16 serogroup เชื้อที่เป็นสาเหตุในกรุงเทพคือbataviae และjavanica ส่วนในภูมิภาคเป็นakiyami,icterohemorrhagia มักจะพบการระบาดในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายนเนื่องจากเป็นฤดูฝนต่อหนาวมีน้ำขัง

    การติดต่อ

    สัตว์ที่นำเชื้อได้แก่พวกสัตว์แทะเช่นหนูโดยเฉพาะหนูนาหนูพุกรองลงมาได้แก่สุนัขวัวควายสัตว์พวกนี้เก็บเชื้อไวในไตเมื่อหนูปัสสาวะเชื้อจะอยู่ในน้ำหรือดินเมื่อคนสัมผัสเชื้อซึ่งอาจจะเข้าทางแผลเยื่อบุในปากหรือตาบางรายงานระบุผิวหนังปกติเชื้อก็สามารถเข้าสู่ร่างกายได้คนรับเชื้อได้2 วิธี

    ทางตรงโดยการสัมผัสสัตว์ที่นำเชื้อระหว่างสัตว์ต่อสัตว์หรือคนต่อคนโดยเพศสัมพันธ์

    ทางอ้อมโดยเชื้อที่ปนในน้ำในดินเข้าสู่คนทางผิวหนังหรือเยื่อบุที่ตาปากจมูก

    อาการที่สำคัญ

    หลังจากได้รับเชื้อ10-26 วันโดยเฉลี่ย10 วันผู้ป่วยก็จะเกิดอาการของโรคซึ่งแบ่งได้เป็น2 ระยะระยะเชื้อเข้ากระแสเลือดLeptospiremic เมื่อเชื้อเข้าร่างกายจะเข้าสู่กระแสเลือดผู้ป่วยจะมีอาการดังนี้คือผู้ป่วยจะมีอาการปวดศีรษะทันทีมักจะปวดบริเวณหน้าผากหรือหลังตาบางรายปวดบริเวณขมับทั้งสองข้างปวดกล้ามเนื้อมากโดยเฉพาะบริเวณขาเอวเวลากดหรือจับจะปวดมากไข้สูงร่วมกับหนาวสั่นอาการต่างๆอาจอยู่ได้4-7 วันนอกจากอาการดังกล่าวผู้ป่วยจะมีอาการเบื่ออาหารคลื่นไส้อาเจียนบางรายมีอาการถ่ายเหลวปวดท้องการตรวจร่างกายในระยะนี้ที่สำคัญจะตรวจพบผู้ป่วยตาแดงมีน้ำตาหรือขี้ตาไหลคอแดงมีจ้ำเลือดตามผิวหนังบางรายมีผื่นตามตัวระยะร่างกายสร้างภูมิระยะนี้ถ้าเจาะเลือดจะพบภูมิต่อเชื้อเพิ่มผู้ป่วยจะมีไข้ขึ้นใหม่ปวดศีรษะคอแข็งมีการอักเสบของเยื่อหุ้มสมอง

    การวินิจฉัย

    จากประวัติการสัมผัสโรคและตรวจร่างกายเมื่อแพทย์สงสัยแพทย์จะตรวจCBC การตรวจเลือดทั่วไปจะพบว่าเม็ดเลือดขาวเพิ่มบางรายเกร็ดเลือดต่ำตรวจปัสสาวะพบเม็ดเลือดแดงไข่ขาวในปัสสาวะรวมทั้งพบน้ำดีbilirubin ในปัสสาวะตรวจการทำงานของตับพบการอักเสบของตับโดยจะมีค่าSGOT,SGPT สูงขึ้นในรายที่รุนแรงการทำงานของไตจะเสื่อมค่าCreatinin,BUN จะเพิ่มขึ้นการเพาะเชื้อจากเลือดสามารถเพาะได้ในระยะแรกของโรคการตรวจทางภูมิคุ้มกันสามารถตรวจพบหลังการติดเชื้อ2 สัปดาห์

    การรักษา

    ควรให้ยาpenicillin, tetracyclin, streptomycin,erythromycin เป็นยาที่ใช้ได้ผลในโรคนี้และควรจะไดรับยาภายใน4-7 วันหลังเกิดอาการของโรคการได้รับน้ำและเกลือแร่อย่างเพียงพอ

    โรคหวัด กันได้ด้วยรักษาร่างกายให้อบอุ่นพักผ่อนให้เพียงพอทานอาหารอุ่นร้อนๆอย่าสระผมตอนกลางคืนอย่าทานน้ำแข็งหรือน้ำเย็นให้ดื่มน้ำอุ่นแทนถ้ารู้สึกแน่นจมูกน้ำมูกไหลก็ต้มน้ำขิงแก่ดื่มร้อนๆเพื่อให้ร่างกายอบอุ่นและบรรเทาอาการหวัด

    โรคท้องร่วง กันได้ด้วยทานอาหารอุ่นร้อนๆสะอาดแม้ภาชนะที่ใส่อาหารก็ต้องสะอาดก่อนทานอาหารทุกมื้อต้องล้างมือทุกครั้งอย่าทานอาหารสุกๆดิบๆ

    โรคเท้าเปื่อยโรคพยาธิ ที่มากับน้ำป้องกันได้ด้วยการไม่พยายามแช่อยู่ในน้ำนานๆเมื่อขึ้นจากน้ำต้องล้างเท้าด้วยสบู่หรือน้ำอุ่นทุกครั้งแล้วเช็ดให้แห้งพร้อมใช้น้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันงาทาบริเวณที่เท้าแตกเท้าเปื่อย

    ส่วนโรคเครียด คงต้องรักษาใจและอารมณ์ให้สงบทำจิตให้มีสมาธิให้ได้ทุกวันก็จะช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายและรักษาอาการเครียดให้บรรเทาลงได้

    ร่วมแบ่งปันน้ำใจจากคนไทยถึงคนไทย...


    ที่มา http://gotoknow.org/blog/biocontrol/4527
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ตุลาคม 2006
  15. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,116
    ค่าพลัง:
    +62,425
    คุณเข็มขาวครับ..ขอขยายความเรื่อง"ยุง"กับเรื่อง"กรรม"ครับ
    (ขอบคุณ คุณลูกหลานหลวงปู่ และคุณ Good_oom ครับ)

    จริงๆแล้ว..ยุงก็เป็นพาหะของไข้เลือดออก ไข้มาเลเรีย โรคเท้าช้าง..และอีกๆอีกมากครับ ไม่ควรปล่อยให้มันกัด ไล่ให้มันออกไปดีกว่าครับ..เพียงจะบอกให้รู้ว่าสัตว์แต่ละชนิดตัวเล็กตัวน้อยเหล่านี้ มันมีหน้าที่ช่วยเหลือในแบบของมันเอง ทั้งเห็บเหา ตัวไร ตัวเลือด ก็เช่นกัน..เหมือนที่ผู้ใหญ่สมัยก่อนมักพูดว่า "ให้เอาเลือดหัวออกซะบ้าง.."

    จริงๆก็เพื่อลดปริมาณเลือดที่ไม่ดีออกไปจากตัวเรา..นั่นคือ "ประจุลบ"ในเม็ดเลือดแดงที่เราสั่งสมเอาไว้ จากการสร้าง"ผลกรรมด้านลบ"จากการกระทำของเรา ต่อคนหรือสัตว์ทั้งหลายที่เหวี่ยงเข้ามาหาเราทางตรงและทางอ้อมครับ (รับเข้ามาทางตาที่สามสู่จิตหยาบ และจากการทานเนื้อสัตว์) สัตว์เมื่อถูกทำร้ายบาดเจ็บมันจะโกรธแค้น ปล่อยสายธารประจุลบออกมาสู่กล้ามเนื้อและเลือดก่อนที่มันจะเสียชีวิต ให้เป็นเลือดที่เสีย (เลือดสัตว์ยิ่งไม่ควรทานครับ) แล้วพอเรารับประทานเข้าไป..ซึ่งก็ส่งผลเสียกับร่างกายตามจุดต่างๆ เช่นโรคมะเร็ง โรคปวดตามข้อ กล้ามเนื้อต่างๆ ร่างกายสุขภาพทรุดโทรมอ่อนแอตามมาครับ..

    ถ้าจะให้ดีลดปริมาณเนื้อสัตว์ลง หรือทานมังสวิรัติไปเลยก็จะลดกรรมได้อีกทางหนึ่ง และหมั่นแผ่เมตตาทุกมื้อ เหมือนการเจรจาต่อรองกับเจ้ากรรมนายเวรไปพร้อมๆกัน...บอกกล่าวทุกวันๆ ทำด้วยจิตสำนึกที่แท้จริงไม่เสแสร้ง สักวันหนึ่งเขาก็จะให้อภัยเราได้ไม่ช้าก็เร็วครับ..

    วิธีการก็คือ...ไม่สร้างกรรมใหม่เพิ่มขึ้น...ลดกรรมเก่าในอดีตให้เบาบางลง...ชวนเขาไปนิพพานกับเราด้วย ปรารถนาดีกับเขามากๆ จริงๆเรากับเขาและทุกๆชีวิต ต่างก็เป็นพี่น้องกันท้องเดียวกันตั้งแต่เกิดครับ..(แต่หลงลืมกันไปหมดแล้ว..)

    อีกเรื่องนึงครับ"พระอาจารย์จิ้กง" ท่านก็บอกกล่าวไว้ทำนองเดียวกันครับ..ว่าผู้ที่มุ่งมั่นบำเพ็ญในยุคนี้ ท่านจะยอมแบกผลกรรมให้เราถึง 70% ที่เหลืออีก 30%ให้เราบำเพ็ญด้วยตนเอง เพราะ"เป็นการร่อนตะแกรงฟ้าครั้งสุดท้าย" ฟ้าไม่ต้องการให้"หยกหมกกับหิน"ถึงต้องแบ่งแนวตามเกณฑ์ครับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2006
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <HR> <META content="Microsoft Word 97" name=Generator><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=578 align=center border=0><TBODY><TR><TD colSpan=4>
    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD width=57> </TD><TD width=223>[​IMG]ตั้งสติให้ได้ อย่าตกใจ</TD><TD width=298 colSpan=2>[​IMG]ห้ามเลือด</TD></TR><TR><TD width=57> </TD><TD width=223>[​IMG]ขอความช่วยเหลือ 1669</TD><TD width=298 colSpan=2>[​IMG]นอนนิ่ง ๆ ห่มผ้า คอยสังเกตอาการ</TD></TR><TR><TD width=57> </TD><TD width=223>[​IMG]ปฐมพยาบาลเบื้องต้น</TD><TD width=298 colSpan=2>[​IMG]จับชีพจรเป็นระยะ</TD></TR><TR><TD width=57> </TD><TD width=223>[​IMG]ช่วยหายใจให้อากาศเข้าปอด</TD><TD width=298 colSpan=2>[​IMG]ถ้ามีกระดูกหัก อย่าเคลื่อนย้าย </TD></TR><TR><TD width=57 height=4> </TD><TD width=223 height=4>[​IMG]สะดวก คลายเสื้อผ้าให้หลวม</TD><TD width=298 colSpan=2 height=4>[​IMG]ห้ามรับประทานสิ่งใด .(ถ้าไฟลวกรุนแรงให้จิบน้ำคำเล็ก ๆ )</TD></TR><TR><TD colSpan=4 height=323>











    หมายเลขโทรศัพท์ กรณีฉุกเฉิน

    ศูนย์สื่อสารและกู้ชีพ " เวียงพิงค์
     
  17. Good_oom

    Good_oom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +562
    นิด หนึ่งครับ โรคที่มากับน้ำ ต่อจากพี่ เสม เลย
    http://www.triratnursery.com/menu15.php
    กดดูที่ โรคที่มากับน้ำนะครับ
     
  18. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอบคุณน้องGood oom ด้วยครับ เด็กรุ่นใหม่ไฟแรงสนใจธรรมมะแต่เด็ก กล้าแสดงออกในการทำความดี อนาคตก้าวไกลแน่ครับ
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR align=middle><TD vAlign=top colSpan=3 height=50>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD width=200 height=21></TD><TD width=198></TD><TD width=200></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD height=6></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD height=7></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD height=7></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD height=7></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD height=7></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD height=6></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD height=5></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD height=5></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD height=6></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD height=6></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD height=6></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD height=6></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD height=6></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD height=6></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD height=6></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD height=6></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD height=6></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD height=6></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD height=7></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD><TD vAlign=top>[​IMG]</TD></TR><TR align=middle><TD height=6></TD><TD></TD><TD></TD></TR><TR align=middle><TD vAlign=top height=50>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เภสัชกรรมแผนไทย<!-- #EndEditable --><TABLE cellSpacing=10 cellPadding=0 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="50%"><!-- #BeginEditable "desc1" -->การปรุงยาคือการนำวัตถุตั้งแต่ ๒ ชนิดขึ้นไป นำมาแปรสภาพโดยแพทย์ หรือเภสัชกร เพื่อใช้บรรเทาหรือบำบัดและรักษาโรค หรือเป็นปฏิกิริยาต่อ ต้านอาการของโรคได้ เพื่อให้อาการของโรคทุเลาหรือหายได้ การปรุงยา รักษาโรคนั้นเป็นหน้าที่ของเภสัชกรผู้ซึ่งจะต้องรู้หลัก ๔ ประการคือ
    เภสัชวัตถุ คือรู้จักวัตถุนานาชนิดที่ได้จากธรรมชาติ ซึ่งไม่มีการเปลี่ยน แปลงโครงสร้างภายใน สามารถนำมาใช้เป็นยารักษาโรคและบำรุงร่างกาย ได้ แบ่งเป็น ๓ ชนิด
    ๑.๑ พืชวัตถุ ได้แก่พืชพันธ์ไม่ต่างๆ จำพวกต้น จำพวกเถา-เครือ
    ๑.๒ สัตว์วัตถุ ได้แก่สัตว์ ๔ จำพวก คือสัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์อากาศและสัตว์ ครึ่งบกครึ่งน้ำ
    ๑.๓ ธาตุวัตถุ ได้แก่แร่ธาตุต่างๆซึ่งเกิดเองตามธรรมชาติ หรือสิ่งที่เกิดขึ้น จากแร่ธาตุตามกรรมวิธีต่างๆ
    สรรพคุณเภสัช เภสัชกรจะต้องเรียนรู้สรรพคุณของวัตถุนานาชนิดที่จะ นำมาใช้ปรุงเป็นยารักษาโรคหรือแก้ไข้ โดยต้องรู้จักรสของตัวยา ซึ่งรสของตัวยานั้นจะบอกถึงสรรพคุณของยาแบ่งรสยาออกเป็นยาประธาน ๓ รส และรสยา ๙ รสดัง

    <!-- #EndEditable -->
    </TD><TD vAlign=top width="50%">[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]<!-- #BeginEditable "pic" -->[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif][​IMG][/FONT]<!-- #EndEditable --> <!-- #BeginEditable "desc2" -->[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]คณาเภสัช คือการจัดหมวด หมู่ยาหลายอย่างเข้าด้วยกันเป็น หมวดหมู่ รวมเรียกเป็นชื่อเดียว ตัวยาที่นำมาจัดนั้นจะต้องมีรส หรือสรรพคุณไม่ขัดกัน
    เภสัชกรรม คือการรู้จักวิธีปรุง ยาต่างๆซึ่งมี อยู่ ๒๔ วิธีด้วยกัน
    น้ำกระสายยา หรือยาแทรก ได้มาจากเภสัชวัตถุนานาชนิด ด้วยกรรมวิธีฝน ตำ นวด กวน คั้น แช่ ละลาย นึ่ง และการต้ม หรือใช้น้ำสะอาด
    [/FONT]<!-- #EndEditable -->
    [/FONT]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    รูปแบบของยาสมุนไพร<!-- #EndEditable --><TABLE cellSpacing=10 cellPadding=0 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="50%"><!-- #BeginEditable "desc1" -->รูปแบบของยาสมุนไพรนั้นแบ่งออกได้ ๗ ประการดังนี้
    ๑. ใช้ในรูปของสมุนไพรสด สมุนไพรบางชนิดนิยมใช้ในรูปสมุนไพร สดจึงจะได้ผลดี เช่นกระเทียมสดฝานเป็นชิ้นบางๆ ใช้ทาแก้เชื้อราบนผิวหนัง
    ๒. ตำคั้นเอาน้ำกิน ใช้สมุนไพรสดๆตำให้ละเอียดจนเหลวถ้าไม่มีน้ำให้ เติม น้ำลงไปเล็กน้อย คั้นเอาน้ำที่ได้มากิน
    ๓. ยาต้ม เหมาะสำหรับสมุนไพรที่มีสารสำคัญละลายออกมาในน้ำ มีข้อดี คือดูดซึมง่าย ออกฤทธิ์เร็ว แต่มีรสชาดและกลิ่นไม่น่ารับประทาน
    ๔. ยาชง เหมาะสำหรับสมุนไพรที่มีสารสำคัญละลายน้ำได้ดี โดยมักเอา ส่วน ต่างๆของสมุนไพรมาล้างให้สะอาด ตากให้แห้ง เช่นใบหญ้าหนวดแมว ดอกคำฝอย ชา
    ๕. ยาลูกกลอน เหมาะสำหรับสมุนไพรที่มีสารสำคัญละลายน้ำได้ยาก ยาลูกกลอนเป็นเม็ดกลมๆเล็กๆทำจากผงยาชนิดเดียวหรือหลายชนิดผสมกับสาร ที่ทำให้ผงยาเกาะตัวกัน นิยมใช้น้ำผึ้ง เป็นยาที่แตกตัวช้า ออกฤทธิ์อยู่ได้นาน
    ๖. ยาดองเหล้า เป็นยาที่ใช้เหล้าหรือแอลกอฮอล์เป็นตัวทำละลาย โดยนำ สมุนไพรที่ล้างสะอาดแล้ว หั่นเป็นชิ้นเล็กๆตากหรืออบให้แห้ง ห่อผ้าขาว บางใส่ลงขวดโหล เทเหล้าลงไปพอท่วมยา คนวันละครั้ง ปิดฝา ทิ้งไว้ประมาณ ๑ เดือนจึงรับประทานได้
    <!-- #EndEditable -->
    </TD><TD vAlign=top width="50%">[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]<!-- #BeginEditable "pic" -->[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif][​IMG][/FONT]<!-- #EndEditable --> <!-- #BeginEditable "desc2" -->[FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]๗. ยาพอก เป็นยาที่เตรียม จากสมุนไพรสดๆที่ล้างสะอาด มำมาตำให้ละเอียดและเติมเหล้า เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ดีขึ้น แล้วนำ ยาไปพอกต[/FONT][/FONT]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    รูปแบบของยาสมุนไพร

    จะกล่าวถึงรสยาที่ว่านี้ จำแนกมี ๙ รสหมดสงสัย

    รสที่ ๑ จำให้ดีมีเหลือใจ รสฝาดไซร้ชอบสมานนะหลานตา
    รสที่ ๒ คือรสหวาน ขานให้เชื่อ ซึบซาบเนื้อให้ชุ่มชื่นดีหนักหนา
    รสที่ ๓ เมาเบื่อเหลือระอา ให้รักษาพิษต่างๆระหว่างกาย
    รสที่ ๔ คือรสขมผสมติด ดีโลหิตผสมผสานประมาณหมาย
    รสที่ ๕ คือเผ็ดร้อนยอกย้อนกาย แก้ลมร้ายเกิดมาทั่วการยี
    รสที่ ๖ คือรสมันนั่นที่เห็น แก้เส้นเอ็นเหยียดคู้ได้ทุกที่
    รสที่ ๗ คือหอมเย็นนั้นเห็นดี บำรุงหัวใจเป็นที่ดีเหลือใจ
    รสที่ ๘ รสเค็มนั้นเต็มคราบ ช่วยซึมซาบผิวหนังดั่งใจหมาย
    รสที่ ๙ คือรสเปรี้ยวเดียวก็หลาย ใช้แก้ได้เสมหังอหังการ

    ยา ๙ รสมีทั้งหมดที่ว่านี้ ผู้เป็นหมดจำให้ดีทุกสถานี
    ใช้รักษาไข้ได้มีประมาณ ขอให้ท่านจำไว้ใช้สบายเอย

    <!-- #EndEditable --><!-- #EndEditable -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 ตุลาคม 2006

แชร์หน้านี้

Loading...