มิติซ้อนมิติ โดย ดร.ครรชิต มาลัยวงศ์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย piyaa, 12 กรกฎาคม 2012.

  1. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    Supratra Jatarupamayaได้โพสต์ไปยังวารุณี สวัสดิภักดิ์

    <a class="uiLinkSubtle" href="http://www.facebook.com/varunee.sawasdeepak/posts/278721782247525"><abbr title="17 ตุลาคม 2012 เวลา 14:49 น." data-utime="1350460176" class="timestamp livetimestamp">7 ชั่วโมงที่แล้ว</abbr> บริเวณ Bangkok

    วันนี้ ไปซีเอด BigC ราชดำริเพื่อซื้อหนังสือ มิติซ้อนมิติเล่ม 2 หาอยู่นาน เจ้าหน้าที่ของร้านก็ช่วยหา แต่เนื่องจากที่ร้านนี้เล็ก จัดหนังสือไม่เป็นหมวดหมู่ ทำให้หายาก จนคิดในใจว่า คุณวารุณีคะ ดิฉันคงไม่มีวาสนาได้อ่านหนังสื<wbr>อของคุณแล้วละคะ หลังจากนั้นไม่เกิน 5 วินาที สายตาก็ถูกบังคับให้เห็นหนังสือ<wbr>ซึ่งอยู่ในชั้นหนังสือเด็กก่อนว<wbr>ัยเรียนเหลืออยู่ 2 เล่ม มหัศจรรย์ไหมคะ ตอนนี้ก็ต้องตามหาเล่ม 1 เพื่อจะได้อ่านก่อนเล่ม 2 จะหาได้ไหมคะเนี่ย
     
  2. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
  3. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    วารุณี สวัสดิภักดิ์


    ถาม หนูอยากได้คำแนะนำ มีความกลัวว่าหากสวดมนต์ และนั่งสมาธิ จะเห็นผี หรือวิญญาณค่ะ ต้องทำยังไงคะ
    ตอบ คนนั่งสมาธิสวดมนต์ได้ชื่อว่า่เ<wbr>ป็นลูกพระพุทธเจ้า ภูตผี ปีศาจ กลัวไม่กล้าเข้าใกล้ แต่จะเป็นที่รักของ เทพ เทวดา จะปกปักรักษา คอยให้ความช่วยเหลือจะเห็นได้ว่<wbr>าคนที่ จิตใจดีมีศิลธรรม แม้ไม่ร่ำรวยก็มีความสุขได้แบบย<wbr>ังยืนนานเพราะความสุขที่แท้จริง<wbr> เกิดที่ใจที่ผ่องใส ดังนั้นจงคิดว่า เราไม่กลัวสิ่งที่ไม่มีตัวตนมัน<wbr>ก็แค่เงาเองจับต้องก็ไม่ได้
     
  4. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    Jumpada Munghmaypolได้โพสต์ไปยังวารุณี สวัสดิภักดิ์
    เมื่อวานนี้
    ขอกราบเรียนถามค่ะ
    เคยอ่านบทความหลายๆ บทความที่ให้ความรู้เกี่ยวกับสวรรค์นรก โดยในช่วงหนึ่งของบทความมักจะบอกว่า เมื่อคนเราตายลงแล้ว จะมียมทูตมารับตัวพาลงไปตัดสินคดีความในนรก...ซึ่งเมื่อดวงวิญญาณนั้นถูกตัดสินคดีความแล้ว จะถูกส่งตัวไปตามกรรมที่ได้กระทำไว้ แล้วทำไม... บางบทความจึงมีการพูดถึงดวงวิญญาณที่มาปรากฎตัวให้เหล่าบรรดาญาติพี่น้องได้เห็นละคะ ? ...( จากที่อ่านดูเหมือนว่าจะไม่ได้ตายโหงด้วยค่ะ ) เพราะเหมือนกับป่วยตาย...
    ถูกใจ ·

    ถูกใจ แจน ปู้ปู่
    วารุณี สวัสดิภักดิ์ เรื่องนี้ก็เคยมีความสงสัยมาก่อนต่อมาก็ได้รู้เรื่องดังเกล่าจากการปฎิบัติซึ่งเริ่มให้รู้ตั้งแต่ ปฎิสนธิ์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ดิน น้ำ ลมไฟ วิณญาณธาตุ และอากาศธาตุ สุดท้ายเมื่อเหลือนแต่ วิณญาณธาตูแล้วจึงเข้าใจว่า แม้แต่ยมพบาลก็เป็นเรื่องที่สมมุตให้มีตัวตนขึ้นมาเพื่อให้คนกลัวบาป จึงสมมุตว่าเมื่อตายไปจะมียมพบาลและมารับวิณญาณคนที่ตายไปแล้ว ไปเสวยบาปตามแต่ที่ทุกคนได้ทำไว้ตอนมีชีวิตอยู่ ในความเป็นจริงที่รู้จากการปฎิบัติ ยมพบาลคือกระแสร์บุญและบาป เป็นสิ่งนำพาวิณญาณของแตละคน ไปตามภพภูมิที่แต่ละคนได้ทำ เรื่องยมพบาลเป็นเรื่องที่ถูกปลูกฝังใต้จิตสำนึกตั้งแต่รู้ความว่าอย่าทำชั่วตายไปยมพบาลจะนำไปใช้กรรมในนรก ทำให้ติดใจและกลัวยมพบาล เรื่องนี้ได้เขียนเล่าในบทความสุดท้าย ในหนังสือมิติซ้อนมิติ ตอนยายเฒ่าเล่าให้ฟังเล่มสอง อ่านแล้วอาจจะเข้าใจเรื่องที่ถามมาทั้งหมด จะเชื่อหรือไม่ก็ถือว่ามีคำตอบในคำถามแล้ว
    เมื่อวานนี้ เวลา 14:08 น. · เลิกชอบ · 7
    วารุณี สวัสดิภักดิ์ เรื่องที่ถามจะชัดเจนและกระจ่างได้ต้องนั่งคุยกันจึงจะคลายความสงสัยเรื่องนี้ยาวไม่อาจตอบแบบผ่านๆไปแบบง่ายๆ อย่างน้อยคนที่ยังไม่รู้ก็ต้องมีเหตุมีผลเป็นองค์ประกอบ เพราะเป็นเรื่องที่คนสงสัยกันมากแม้แต่ตัวเราก็เคยสงสัยมาก่อนเป็นเรื่องละเอียดซับซ้อน เกียวข้องเรื่องของบุญและบาปด้วย
    เมื่อวานนี้ เวลา 14:17 น. · เลิกชอบ · 5
    Jumpada Munghmaypol ขอบพระคุณค่ะ ( หนังสือทั้งสองเล่มได้รับแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้อ่าน เพราะส่งกลับไปที่บ้านแต่ตัวเองทำงานอยู่อีกที่หนึ่งค่ะ ปีใหม่คงมีโอกาสได้อ่าน... ) เรื่องที่ถามนอกจากบทความแล้วยังมีคลิปวีดีโอจากประสบการณ์คนตายแล้วฟื้น เช่นที่รายการตีสิบได้เคยเอามาออก เมื่อเปรียบเทียบกับคำบอกเล่าหรือบทความแล้วทำให้รู้สึกสงสัยขึ้นมา... มันคงสับซ้อนจริงๆค่ะ
    เมื่อวานนี้ เวลา 17:33 น. · ถูกใจ
    วารุณี สวัสดิภักดิ์ .ในหนังสือมิติซ้อนมิติเล่มหนึ่ง มีเรื่องเกียวกับลุงจิ้ัน ตายแล้วพื้น ทีอาจราย์อยู่ในงานศพตอนยังเป็นเด็ก ลองอ่านดูเป็นไงบ้างแตกต่างกันไหม อาจราย์ไม่เคยดูทีวีเลยไม่รู้ว่าเขานำเสนอแบบไหนเหมือนกันหรือเปล่า
    เมื่อวานนี้ เวลา 18:17 น. · ถูกใจ · 1
    Happy Okay อนุโมทนาสาธุกับคำตอบของอาจารย์ ง่ายต่อการทำความเข้าใจเป็นอย่างมากครับ
    10 ชั่วโมงที่แล้ว · ถูกใจ
    Jumpada Munghmaypol ตีสิบนำมาออกมีคลิปอยู่ในเว๊บพลังจิตค่ะ เป็นเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ตายแล้วฟื้น ( หมวดคลิปวีดีโอ ) โดยที่ตัวของเขาไปพบยมบาลมาแล้ว อาจารย์ลองเข้าไปดูซิคะ... ส่วนหนังสือของอาจารย์ดิฉันคงได้อ่านจริงๆ ตอนปีใหม่ช่วงวันหยุดฉลองปีใหม่ค่ะ( เสียดายจริงๆ ทั้งๆ ที่อยากอ่าน...*0*) '' กราบขอบพระคุณอีกครั้งที่อาจารย์ช่วยชี้แนะข้อว
    7 ชั่วโมงที่แล้ว · ถูกใจ
     
  5. สมสฤษติ์

    สมสฤษติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    69
    ค่าพลัง:
    +136
    หลงทาง?

    รบกวนทีครับ
    ตอนเด็กๆ ไหว้พระ สวดมนต์ และนั่งสมาธิเป็นประจำ
    ตอนเด็กๆนั้น ไม่ได้คิดอะไร นั่งสมาธิได้นานมาก จิตใจ สงบ เบิกบาน อิ่ทเอิบ(ยังจำอารมนั้นได้)
    พอโตมา เริ่มอ่านเยอะ รับสื่อเยอะ จะสวดมนต์เอย นั่งสมาธิเอย
    ก็กลับไปคิดเรื่องง หลุดพ้น ตัดกรรม ขอพร อโหสิกรรม บราๆๆๆ
    สวดมนต์ หรือ นั่งสมาธิ ก็รู้สึกตลอดเวลา ว่า ทำเพื่ออยากให้เกิดผล หวังผล ไม่ทางใดก็ทางนึง แม้กระทั่งทำเพื่อให้จิตใจสงบ
    มันก็เลย งง ไม่เหมือนตอนเด็ก ที่ทำโดยไม่คิดอะไร
    จะตัด อารม ผู้ใหญ่ ก็ไม่ออกสะแล้ว
    เหมือน คน หลงทาง
    ชี้แนะด้วยครับ ถ้าเข้าใจ สิ่ที่ผมเขียน

    จาก ผู้ใหญ่หลงทาง
     
  6. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    ถาม สวัสดีครับอาจารย์ มีผมมีเรื่องจะปรึกษาครับ น้องผมชายผม ด่าว่าแม่ผมอีกแล้ว แม่ผมร้องไห้และเป็นทุกข์อยู่เสมอ ไม่พอใจ ก็ด่าว่าแม่เขา คำด่าแรงๆทั้งนั้น ผมอยู่กทม ทำได้แค่โทรปลอบแม่ ผมสงสารแม่มาก ผมไม่รู้ว่าเมื่อไรแม่กะน้องผมจะหมดเวรหมดกรรมกันสักที น้องผมแทบไม่เชื่อบาปบุญคุณโทษเลย ผมขอร้องเขาแล้วว่าอย่าด่าแม่ เขาไม่กลัวนรกอะไรทั้งนั้นเลย ผมทำได้แต่ทำบุญ สวดมนต์ ให้แม่ให้น้องผม ผมไม่อยากให้แม่เครีย
    ด แม่ยิ่งผิดปกติที่มดลูก ผมจะทำอะไรได้ดีกว่านี้ไหมครับ บอกตรงๆว่าเกิดความเบื่อหน่าย เรื่องราวที่เกิดขึ้น จนผมอยากออกบวชจริงๆ บางครั้งผมอยากให้เขาเห็นในสิ่งที่มองไม่เห็น เหมือนอย่างผมบ้าง เขาจะได้เชื่อเริ่องบาปบุญคุณโทษ ก่อนที่มันจะสายเกินแก้ เพราะสุดท้ายน้องผมคงไม่พ้นนรกแน่นอน
    ตอบ ตั้งแต่ตอบคำถามมา บอกได้เลยว่า คำถามของคุณตอบอยากที่สุดจึงตอบช้า ซึ่งต่างกับคำถามของคนอื่นๆ ถามว่าทำไมจึงตอบอยาก ก็เพราะว่าสิ่งที่คุณเล่ามาทั้งหมด เป็นเรื่องที่ทำให้สั ญญาความจำหมาย ที่เคยเป็นกิเลสตัวปรุงจิตให้เกิดความเกลียดทีเคยเกิดขึ้นมาก่อนเป็นเรื่องที่ใหญ่ของจริตอาจารย์คือ เกลียดที่สุด คือคนไม่รักพ่อรักแม่ มันเป็นความฝังใจและเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นกับครอบครัวของอาจารย์มาก่อน คือได้เห็นการกระทำที่พี่ชายคนโตหลงเมียแล้วได้ทำให้แม่พ่อเสียใจ ในตอนนั้นอาจารย์ยังเด็กมากแม้ว่าพี่ชายจะไม่ได้ด่าพ่อแม่ดังเช่นคุณบอกว่าน้องทำ แต่เรื่องที่ผ่านมามันทำให้อาจารย์โกรธ และไม่เผาผีเมื่อเขาตายที่สำคัญ ไม่ยอมอโหสิให้เขาด้วยเวลาที่ผ่านไปนานมากเรื่อง ต่างๆก็เลือนหายไปจากมโนจิตตามกาลเวลา แต่พอได้อ่านเรื่องของคุณที่ถามมาทำให้ระลึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้อีก ทำให้รู้สึกเศร้าที่ไม่สามารถช่วยหนูได้เพราะจริตของแต่ละคนหยาบละเอียดไม่เหมือนกัน สิ่งที่ทำได้คือ ปลงวางเพราะเราไม่สามารถตัดสินหรือบอกให้ใครทำอะไรอย่างที่เราต้องการได้ ดีที่สุดคือทำใจตัวเราเอง ที่ต้องขอบคุณมากก็คือคุณทำให้อาจารย์นึกถึงเรื่องเก่าที่ไม่เคยอโหสิให้พี่ชายทั้งที่เขาตายไปตั้งยี่สิบกว่าปีแล้ว ทำให้ได้กล่าวอโหสิกับเขา ว่าเราอย่าได้มีกรรมเวรต่อกันและกันอีกเลยก็เมื่อได้เจอคำถามของคุณนี่เอง ทั้งที่จริงๆแล้วคิดว่าตนเองนั้นไม่ติดค้างอะไรในทางที่ไม่ดีกับใครอีกแล้ว ต้องขอบคุณจริงๆ ขอผลบุญส่งเสริมให้เรื่องทั้งหลายที่ไม่ดีจงผ่านพ้นไปโดยเร็ว ด้วยอำนาจความดีที่กตัญญูรักพ่อแม่ของคุณ สำหรับเรื่องนี้ที่อาจารย์ปลูกฝังลูกๆไว้ตั้งแต่เด็ก ด้วยคำสอนคือ “ลูกเอ๋ยในโลกนี้มีใครรักเจ้าเท่าพ่อแม่ เจ้าดวงแดรักพ่อแม่กันบ้างไหม พ่อแม่รักเจ้าเฮือกสุดท้ายลมหายใจ ในโลกนี้ใครรักเจ้ามากกว่าวานบอกที” แล้วอีกบทที่คนขึ้นต้นแล้วให้ลูกๆ ต่อก็คือ “หลงรูปลืมกาย หลงกายลืมแก่ หลงเมียหลงผัวลืมพ่อลืมแม่ เสียชาติเกิดใช้ไม่ได้” (ที่มาของความฝังใจกลายเป็นรำพรรณผุด)เรื่องของเราสองคนคงเตือนสติคนที่กำลังหน้ามืดตามัวได้บ้างนะถ้าใครที่กำลังเป็นเช่นเรื่องของเราแล้วคิดได้ก็ อนุโมทนา สาธุด้วย

    จากเพจวารุณี สวัสดิภักดิ์ | Facebook
     
  7. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    กราบอาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย อันเป็นที่พึ่งที่อาศัยสูงสุดในชีวิต ให้คุ้มครองคุณแม่ให้คุณแม่มีสุขภาพดี แข็งแรง สมบูรณ์ เพื่อที่จะได้เป็นร่มไม้ใบบัง เป็นที่พึ่ง ที่อาศัย ของลูกๆ หลานๆ ตราบนานเท่านานค่ะ...... ขอให้คุณแม่มีความสุขมากๆในวาระครบรอบวันเกิดปีนี้นะคะ...รักและเคารพสูงสุดค่ะ...



    วารุณี สวัสดิภักดิ์ ตอบข้อความของหนูในหน้าวอลแล้วทุกสิ่งที่หนูมีให้คุณแม่ขอผลบุณย้อนกลับไปหาหนู ขอมรรค ผล นิพพาน จงบังเกิดกับหนูในชาตินี้สาธุจ้ะ
     
  8. pongtheb61

    pongtheb61 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +5
    บังเอิญเพิ่งอ่านเจอ พระองค์นี้เป็นอย่างนี้แหละครับ ลุงผมอยู่ตั้งบางนาอุตส่าห์ขับรถมาฟังท่านเทศน์ที่วัด และทำบุญด้วย 500 บาท ทั้งๆ ที่หลานๆ ไม่เคยได้เงินของลุงคนนี้เลย ท่านทำเหมือนไม่อยากได้แบงค์ 500 บาท สุดยอดของความน่าเกลียดน่าชัง ขออภัยครับ ผมไม่เคยนึกรักพระองค์นี้เลย ถึงแม้จะอ้างว่าเป็นศิษย์ท่าน พ.
     
  9. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    วารุณี สวัสดิภักดิ์
    เมื่อวานนี้
    ในมหาสมุทร มีเม็ดทรายมากมาย เม็ดทรายมากมายเหล่านั้นย่อมมีสีสันสวยงามแตกต่างกันไป แต่ก็ยังมีหนึ่งเม็ดที่สวยงามเปล่งประกายเจิดจ้าสว่างกระจางใส ที่เราโชคดีได้พบแล้วเก็บไว้รวมกับอีกหลายๆเม็ดๆทรายหลายๆเม็ดเมื่อเม็ดทรายถูกนำมาเก็บอยู่ในที่เดียวกัน ย่อมทำให้ที่นั้นสว่างไสวสวยงามไม่แพ้ที่ไหน และยังคง เป็นเลิศอยู่อย่างนั้นแม้ผู้เก็บมาได้จะจากไปแล้วก็ตาม เพราะว่าเม็ดทรายเหล่านี้น ผู้เก็บมาได้ตั้งใจจะเอาไว้สำหรับไห้วพระในภวันตุเตทั้งหมด แล้วเฝ้าคอยดูเม็ดทรายกลายเป็นเพชรในวันข้างหน้าตามความปราถนาดังที่ตั้งใจไว้
     
  10. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    คำถาม อยากทราบว่าพระอริยเจ้าทั้งหลายท่านวางจิตอย่างไรกับคำที่ว่า รู้สักแต่ว่ารู้ เห็นสักแต่ว่าเห็น เวลาท่านได้ยินเสียงเพลง หรือท่านเห็นการแสดงที่รื่นรมย์ ท่านฟังแล้วทำอย่างไรหรือท่านต้องไม่สนใจฟังเลย แล้วเวลาท่านละสังขารจิตท่านดับสลายหรือไม่ แล้วจิตท่านไปไหน ขอความเมตตาคุณแม่ช่วยให้ปัญญาด้วยครับ
    คำตอบ (ภาวะจิตดวงเดิมดวงแรก)
    ความจริงอยากตอบคำถามนี้มา็ิกเลย แต่ต้องหยุดพิจารณา ให้รอบคอบก่อนตอบว่าควรหรือไม่ จึงคิดว่าถ้าสนใจธรรมกันจริงๆ ก็จะจัดถามตอบในภวันตุเตสักวันดีไหม ถ้าตอบผ่านเฟสจะอธิบายขยายความไม่ได้มากและไม่ชัดเจนเพราะเป็นคำถามภูมิธรรมของพระอริยะบุคคล คนตอบต้องแน่ใจแล้วว่าตนรู้แล้วและรู้ตื้นลึกแค่ไหนเรานัดมาคุยกันดีกว่าคำถามมาจะตอบแบบสั้นๆ พระอรหันต์ไม่ต้องวางแล้ว ท่านขึ้นฝั่งทิ้งแพ แพของพระอรหันต์คือ ศีล สมาธิ สติ ปัญญา อริยะสัจสี่ กาย เวทนา จิต ธรรม วิปัสสนา พรหมวิหารสี่ คือแพของพระอรหันต์ทั้งหลาย ท่านขึ้นฝั่งทิ้งแพแล้วจึงไม่ต้องใช้แพอีกต่อไป (พระอรหันต์ที่ยังมีรูปอยู่ที่ยังไม่นิพพาน ก็ยังต้องระวังสติ ไม่เผลอให้รูปทำกรรมโดยไม่เจตนา อันน
    ี้เป็นข้อความในพระไตรปิฏก) สำหรับอาจารย์ภาวะที่สัมผัสได้จากการปฏิบัติธรรมได้รู้ว่า เมื่อสิ่งสมมุติปรุงอารมณ์จิตเราไม่ได้ให้เป็นไปตามอารมณ์ที่มากระทบจิต ก็จะรู้ได้ว่า ภาวะนั้นไม่มีอะไรปรุงได้เป็นอิสระเอกเทศจากสิ่งทั้งมวลภาวะความรู้สึกหยุดปรุงเรื่องที่จะออกไปจากจิตทั้งหมดโดยอัตโนมัติจะรู้แต่แค่ สักแต่ว่า ผู้ใดสามารถดำเนินจิตเข้าสู่ นิโรธสมาบััติ ซึ่งเป็นที่พักจิตของพระอรหันต์ และพระอนาคามี ต้องใช้กำลังของสมาธิขั้นสูงดับสังขารสามคือ กายสังขาร (ลมหายใจ) วจีสังขาร(ความนึกคิดปรุงแต่ง)จิตสังขาร(เวทนา) ถ้าผู้ใดเข้าถึงภาวะนี้แม้จะไม่ถาวรก็จะเข้าใจ ภาวะสูญญาตาชั่วขณะเป็นอย่างไร และเมื่อรู้แล้วก็มีความปรารถนา อยากเข้าถึงสูญญาตาแบบถาวรคือ (พระนิพพาน) ดังนั้นพระอรหันต์ทั้งหลาย จิตจึงไม่ดับสูญและไม่ปรุงแต่งไม่ว่ากิเลสหรืออารมณ์ใดๆที่มากระทบจิต ขึ้นฝั่งทิ้งแพ(โปรดอย่าเชื่อยายเฒ่าเล่าให้ฟัง จนกว่าภาวะดังกล่าวจะเกิดกับตนเอง กาลามสูตรสิบประการของพระพุทธเจ้าที่ชอบมากคือข้อที่สิบ อย่าปลงใจเชื่อว่าสมณะท่านนี้คือครูของเรา จนกว่ามรรคผลจะเกิดกับจิตตนเอง แต่สิ่งที่สำคัญคือความเคารพซึ่งกันและกันเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระสัจธรรมดำรงอยู่ได้นาน(คำตรัสของพระพุทธเจ้า)
    คำถามธรรมที่สูงแบบนี้จะไม่ตอบผ่านเฟสอีก ไม่ว่าจะมีคำถามใดๆถามกลับมาอีก ขอเชิญที่ภวันตุเต สาธุกับผู้ถามด้วย ขอให้เจริญในธรรม
     
  11. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    Chalatip Samahitoได้โพสต์ไปยังวารุณี สวัสดิภักดิ์

    คุณแม่คะ ขอความเมตตาคุณแม่ช่วยไขข้อความกังวลของหนูด้วยค่ะ ..เวลาหนูทำบุญ หนูสนุกมากที่จะชวนคนมาทำบุญ ตอนหลังๆเพื่อนๆลูกศิษย์ที่สอนก็จะฝากปัจจัยไว้จำนวนนึงเลย แล้วขอมีส่วนร่วมบุญกับหนู ปัญหาสงสัยคือ..มีบางบุญ เช่น การสร้างกุฏิ ได้ปัจจัยตามต้องการแล้ว แต่เพื่อนฝากปัจจัยมาให้ทีหลังโดยระบุว่าขอมีส่วนร่วมในการสร้างกุฎิด้วย ...ถ้าหนูนำปัจจัยนี้ไปร่วมในบุญอื่นๆ ที่เป็นการสร้างกุฎิเหมือนกันแต่คนละวัด หรือ ไปสร้างโรงครัว หรือ สร้างเมรุ จะเป็นบาปไม๊คะ เพราะไม่ได้ตรงตามประสงค์ของผู้ที่ประสงค์จะทำบุญสร้างกุฎิน่ะค่ะ ...หนูกลัวบาปเพราะความไม่รู้

    ตอบ [บุญทั้งหลายย่อมเป็นไปตามเจตตานาที่ผู้ทำได้อนุโมทนาแล้วจึงทำไปตามวความต้องการของผู้ทำ แม้ว่าเงินเต็มแล้วก็ต้องก็เอาส่วนเกิดที่เหลือนทำบุญกับวัดให้หมดวัดจะเอาไปทำอะไรก็แล้วแต่ถือว่าเป็นเงินที่เกิดจากการอนุโมทนาในกิจนั้น แม้ว่าสิ่งที่ทำจะเป็นสิ่งที่เหมือนกันถือว่าไม่ตรงกับเจตตานาที่เขาสาธุแก้ได้ด้วยการบอกกล่าวให้เจ้าของเงินเขารู้ว่าเอาไปทำอะไรแล้วให้เขาอนุโมทนาก็ถือว่าปฎิบัติแบบทำชอบ ทั้งที่ลับและที่แจ้ง เล่าให้ฟังนะมีเจ้าภาพช่วยถมสระช่วยเงินคิดว่ามากกว่าค่า่ถมสระก็บอกเขาว่าจะส่งคืนเขาไมยอมรับคืนบอกว่าที่เหลือคุณแม่จะใช้ทำอะไรก็ได้อนุโมทนา อย่างนี้ถือว่าไม่ผิด ตอบแค่นี้คงเข้าใจนะจ๊ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 พฤศจิกายน 2012
  12. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    รียนอาจารย์วารุณีที่เคารพ
    ทิพย์ขออนุญาตมา ณ ที่นี้ในการยกตัวอย่างความเมตตาไม่มีประมาณ ที่คนเราพึงเจริญไว้ในใจเสมอ เพราะสามารถยังประโยชน์ตนประโยชน์ท่านได้ ดังที่อาจารย์ได้เขียนไว้ในหนังสือตำนานรักข้ามภพ ที่ทิพย์ทองได้พยายามเจริญพรหมวิหารและ
    เจริญสติเจริญธรรม พร้อมแผ่เมตตาไม่มีประมาณให้แก่พญาครุฑตลอดจนสามารถทำให้ทุกสิ่งสงบเรียบร้อยได้ เพื่อเผยแผ่ให้เพื่อนพ้องน้องพี่ลูกหลานที่ได้มาอ่านในเฟส Tippa Whiteface Macky ได้รับรู้และหมั่นเจริญให้ถึงพร้อมต่อไป กราบขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ

    ด้วยความเคารพ
    ทิพย์

    จากเพจhttp://www.facebook.com/tippa.macky
     
  13. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    คำถาม ข้อแรกครับ อาจารย์ เหตุใดท่านอรหันต์จี้กง ถึงได้สำเหร็จบรรลุธรรมครับครับ ข้อสองครับ สูบบุหรี่ผิดศีลหรือเปล่าครับ
    อาจารย์ครับผมเป็นคนที่มีสติปัญญาน้อย ผมชอบนั่งสมาธินะครับ อ่านหนังสือบ้างนั่งฟั่งเทศน์ทางเน็ตบ้าง จนไม่รู้เกิดสับสนอะไรหลายอย่าง ผมเป็นพนักงานเงินเดือนครับ เพิ่งลาออกมาหางานทำใหม่เพื่อหาเวลามาทางนี้ให้มากขึ้น และจากอะไรอีกหลายอย่าง แต่ก็ยังเหมือนตัวเองยังบังคับนิสัยตัวเองไม่ได้ค
    รับ
    ตอบ ยอมรับจริงๆลูก ว่าเรื่องพระจี้กงสำเร็จบรรลุธรรมไม่รู้ เพราะไม่เคยศึกษาว่าเขาสอนแบบ มหายาน หรือเถรวาท สอนแบบเดียวกันหรือเปล่า อีกอย่างสิ่งใดที่เราไม่รู้แจ้งรู้จริงจึงไม่ควรพูด ถ้าพูดเรากำลังเดาเอา เป็นการพูดไม่ถูกต้อง เป็นการระเมิดลัทธิของคนอื่นจะทำให้เขาเสียหาย เรื่องนี้ต้องถามผู้นับถือท่านจี้กงเขาจะรู้และตอบได้ดีถูกต้อง คงมีคำตอบให้หายสงสัย การสูบบุหรี่เป็นบาปหรือเปล่าไม่รู้ ในศีลสิบไม่มี ถ้าตอบว่าบาป ตอบแบบนี้ก็มีคำถามกลับมาได้อีกว่า ทำไม พระอรหันต์อย่างหลวงปู่แหวนจึงสูบบุหรี่ ทำไมไม่เป็นบาป ก็ต้องอธิบายไม่จบง่าย ถ้าตอบสั้นจบก็คือสำหรับหลวงปู่บุหรี่คือสิ่งสมมุติสำหรับท่านไปแล้ว ในอดีตกาล พระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า พระอรหันต์เมื่อสำเร็จแล้วอุปนิสัยเดิมเป็นอย่างไรก็เป็นอยู่อย่างนั้น อย่างเช่น พระสารีบุตร เคยเดินแบบกระโดดมาตอนที่ยังไม่สำเร็จ เมื่อสำเร็จแล้วก็ยังเดินแบบเดิม ไม่เรียบร้อย พระพุทธองค์จึงตรัสว่าเมื่อสำเร็จก็ไม่ได้เปลี่ยนอุปนิสัย เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น เช่นหลวงปู่แหวนสูบบุหรี่ ตอบสั้นพอเข้าใจแค่นี้นะลูก คำตอบนี้คงเอาไปใช้ได้กับคำถามเรื่องอุปนิสัยตนเองที่ถามมาได้นะ การตั้งใจอย่างที่ปฏิบัติที่เล่าให้ฟังทำดีแล้ว อย่ากังวลกับเรื่องล็กๆน้อยๆ ตั้งใจจริงๆ ไม่นานก็เห็นผล
    จากวารุณี สวัสดิภักดิ์ | Facebook
     
  14. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    คำถาม ข้อแรกครับ อาจารย์ เหตุใดท่านอรหันต์จี้กง ถึงได้สำเหร็จบรรลุธรรมครับครับ ข้อสองครับ สูบบุหรี่ผิดศีลหรือเปล่าครับ
    อาจารย์ครับผมเป็นคนที่มีสติปัญญาน้อย ผมชอบนั่งสมาธินะครับ อ่านหนังสือบ้างนั่งฟั่งเทศน์ทางเน็ตบ้าง จนไม่รู้เกิดสับสนอะไรหลายอย่าง ผมเป็นพนักงานเงินเดือนครับ เพิ่งลาออกมาหางานทำใหม่เพื่อหาเวลามาทางนี้ให้มากขึ้น และจากอะไรอีกหลายอย่าง แต่ก็ยังเหมือนตัวเองยังบังคับนิสัยตัวเองไม่ได้ค
    รับ
    ตอบ ยอมรับจริงๆลูก ว่าเรื่องพระจี้กงสำเร็จบรรลุธรรมไม่รู้ เพราะไม่เคยศึกษาว่าเขาสอนแบบ มหายาน หรือเถรวาท สอนแบบเดียวกันหรือเปล่า อีกอย่างสิ่งใดที่เราไม่รู้แจ้งรู้จริงจึงไม่ควรพูด ถ้าพูดเรากำลังเดาเอา เป็นการพูดไม่ถูกต้อง เป็นการระเมิดลัทธิของคนอื่นจะทำให้เขาเสียหาย เรื่องนี้ต้องถามผู้นับถือท่านจี้กงเขาจะรู้และตอบได้ดีถูกต้อง คงมีคำตอบให้หายสงสัย การสูบบุหรี่เป็นบาปหรือเปล่าไม่รู้ ในศีลสิบไม่มี ถ้าตอบว่าบาป ตอบแบบนี้ก็มีคำถามกลับมาได้อีกว่า ทำไม พระอรหันต์อย่างหลวงปู่แหวนจึงสูบบุหรี่ ทำไมไม่เป็นบาป ก็ต้องอธิบายไม่จบง่าย ถ้าตอบสั้นจบก็คือสำหรับหลวงปู่บุหรี่คือสิ่งสมมุติสำหรับท่านไปแล้ว ในอดีตกาล พระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า พระอรหันต์เมื่อสำเร็จแล้วอุปนิสัยเดิมเป็นอย่างไรก็เป็นอยู่อย่างนั้น อย่างเช่น พระสารีบุตร เคยเดินแบบกระโดดมาตอนที่ยังไม่สำเร็จ เมื่อสำเร็จแล้วก็ยังเดินแบบเดิม ไม่เรียบร้อย พระพุทธองค์จึงตรัสว่าเมื่อสำเร็จก็ไม่ได้เปลี่ยนอุปนิสัย เป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น เช่นหลวงปู่แหวนสูบบุหรี่ ตอบสั้นพอเข้าใจแค่นี้นะลูก คำตอบนี้คงเอาไปใช้ได้กับคำถามเรื่องอุปนิสัยตนเองที่ถามมาได้นะ การตั้งใจอย่างที่ปฏิบัติที่เล่าให้ฟังทำดีแล้ว อย่ากังวลกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ ตั้งใจจริงๆ ไม่นานก็เห็นผล
    จากเพจ วารุณี สวัสดิภักดิ์ | Facebook
     
  15. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    ถาม คุณแม่หนูมีเรื่องจะปรึกษาคะเพื่อนสนิทของหนูมีอารมณ์เหงาเขาบอกว่าเหมือนเขาอยู่คนเดียวบนโลกนี้บางครั้งร้องไห้คนเดียวบ่นว่าทรมานมาก เป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้ง เหมือนเป็นโรคซึมเศร้าเราจะช่วยให้กำลังใจเขาได้อย่างไรบ้างคะให้เขามองเห็นสัจธรรมของชีวิตให้เขารู้สึกดีขึ้นคะเขาเป็นคนดีคนนึง หนูไม่รู้จะช่วยปลอบเขายังไงดีคะ
    ตอบ คนที่รู้สึกเดียวดาย เป็นคนที่ต้องการความอบอุ่น จะเป็นคนเหงาง่าย สิ่งที่จะเยียวย
    าจิตใจได้คือ ความรักใส่ใจเอื้ออาทรคือสิ่งที่เขาต้องการต้องการ สิ่งเหล่านี้หนูสามารกทำให้เพื่อนได้ เหมือนอย่างที่หนูได้ทำแล้วเวลานี้ คือคำถามที่หนูหาวิธี ช่วยเขา เวทนาที่เขาได้รับอยู่ดังที่หนูเล่ามา คือเวทนาที่เกิดกับจิตมันเกิดแล้วหาวิธีกำจัดมันไม่ได้ มันทรมานจริงๆ ยิ่งกว่าเวทนาที่เกิดทางกายทางกายนั้นใส่ยาแผลหายก็ทุเลาการเจ็บปวด แต่ทางใจรักษาได้ด้วยธรรมะของพระพุทธเจ้า ทางเดียวเท่านั้น วิธีง่ายๆคือปลงปล่อยวางอารมณ์ที่มาปรุงจิตให้เศร้าหม่นหมองใจ ทำให้จิตหดหู่ ด้วยการเอาจิตไปยึดคำบริกรรม พุทโธ และจดจ่อกับลมหายใจเข้าออก พอทำได้จิตมีที่ยึด ที่อาศัย อาการต่างๆที่เป็นอยู่จะค่อยหายไป พุทโธ ถ้าทำได้แล้วจริงๆจะไม่ทำให้เราเหงา แล้วทำจิตแบบที่พระท่านสอนว่า อยู่หลายคนเหมือนอยู่คนเดียว อยู่คนเดียวก็เหมือนอยู่หลายคน ลองบอกเพื่อนให้หัดภาวนา พุทโธ นะช่วยได้จริง ถ้าเราภาวนาได้จริงผลย่อมเกิด เป็นกำลังใจให้นะจ๊ะ
    จากเพจวารุณี สวัสดิภักดิ์ | Facebook
     
  16. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    คำตอบคำถามสุดท้ายที่อาจารย์ฝากไว้
    ในโลกนี้ ไม่มีใครเลยที่จะไม่เคยชั่วทำผิด แล้วก็ไม่มีใครอีกเหมือนกัน ที่ไม่เคยทำความดี สิ่งที่ทำไม่ดีมันผ่านไปแล้ว จึงไม่ครวนึกถึงเมื่อมันผ่านไปแล้ว มันย้อนกลับมาไม่ได้ จึงไม่มีประโยนช์ที่จะมานั่งนึกถึง สิ่งที่สำคัญคือ คนที่รู้ว่า่ตนเองเป็นคนไม่ดีคือคนที่มีสติมีปัญญาจึงมองเรียกว่าเห็นตนเอง ชั่ว ดี เลว อย่างไร คนชนิดนี้พระพุทธเจ้าเรียกคนมีปัญญา เป็นบัณฑิต เมื่อตั้ง
    ใจบำเพ็ญภาวนาด้วยปัญญาที่มี จึงไม่ใช่เรื่องอยากจะเห็น อริยะสัจสี่ กาย เวทนา จิต ธรรม การหาเหตุที่เกิดแห่งทุกข์ แล้วรู้วิธีดับเหตุที่เกิดแห่งทุกข์ อย่างที่หนูพยายามทำอยู่ สักวัน พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจะกระจ่างแจ้งที่จิตตนเอง แล้วหนูจะเข้าใจในธรรมทั้งหลายด้วยจิตตนเอง ขอให้หนูมีสติพิจารณาในทุกเรื่องด้วยตนเองแล้วอย่าเดินหลงทางธรรม จะกลายเป็น มีจิตเป็นกุศลธรรม ผิดทางธรรมกลายเป็นอกุศลธรรม เหตุจากความเชื่อง่ายไม่ใช้สติพิจารณาในทุกเรื่องให้ถ่องแท้
    กาลามสูตร สิบประการ ข้อสุดท้ายพระพุทธเจ้าเตือนเราแล้ว ในข้อที่สิบ อย่าปลงใจเชื่อ เพราะนับว่าสมณะท่านนี้เป็นครูของเรา แม้แต่อาจารย์เองเมื่อมองดูภายนอกดูว่าเป็นผู้ปฎิบัติธรรมแต่ข้างในเป็นเปรต หนูก็ไม่รู้ดังนั้น พระพุทธพระองค์ทรงรู้ว่าในปัจจุบันนี้คนจะไม่ค่อยมีสติปัญญาแล้วเชื่ออะไรง่ายๆเป็นเหตุพาให้หลงทางธรรม โดยน้อมใจเชื่อง่ายๆเกินไป จึงฝากกาลามสูตรสิบประการไว้เตือนใจ อาจารย์ก็เลยฝากเตือนคุณต่อ ที่บอกก็เพราะคุณอยากให้อาจารย์ แนะนำการปฎิบัติ ตรงนี้แหละคือเบื้องต้นที่สำคัญ ต่อไปนี้คงไม่ได้คุยกันทางเฟสแล้วคงต้องบอกลาอีกครั้ง ขอให้ความตั้งใจที่จะเดินไปหาพระพุทธองค์ขอให้เดินไปถึงและได้เฝ้าพระองค์ดังที่ตั้งใจ ขออย่าให้ อวิชาความหลงผิดสกัดกั้นการเดินทางในครั้งนี้
    สิ่งที่อยากฝากไว้สำหรับผู้ตั้งมั่นในการปฎิบัติธรรมคือ ไอ้บ้า ไอ้บอ ไอ้ยก ไอ้ยอ ไอ้ปอ ไอ้ปั้น อย่าเอามันมาเป็นเพื่อน ธรรมทั้งหลายเกิดได้ด้วยที่จิตตนเอง เมื่อใดที่ธรรมบังเกิดขึ้นแล้วขอให้รู้ว่าตัวเราเองทำให้เกิดขึ้นได้ด้วยตนเองมิใช่ใครที่ไหน เกิดที่จิต รู้ที่จิต แจ้งที่จิต ดับที่จิต ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน คำตอบสุดท้ายอยากให้คนที่ยังไม่เข้าใจได้รู้บ้าง...

    จากเพจวารุณี สวัสดิภักดิ์ | Facebook
     
  17. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    วารุณี สวัสดิภักดิ์
    ‎16/12/12
    ปราบผี นับถอยหลังไปประมาณ๔๘ปีตอนนั้นอาจารย์อายุประมาณ๑๑ขวบเป็นเด็กซุกซนแก่นมาก อาจารย์บอกว่าเป็นตัวแสบของหมู่บ้าน..นุ่งกางเกงขาสั้น(เป็นสาเหตุทำให้อาจารย์ไม่เคยนุ่งผ้าถุงเหมือนเด็กคนอื่นๆจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ก็ยังนุ่งผ้าถุงไม่เป็นจึงไม่เคยมีผ้าถุงเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่นๆ) วันๆหนังสือไม่เคยเรียนพกแต่หนังสติ๊กหนีโ
    รงเรียนเข้าป่ายิงนกตกปลาทุกวัน...เป็นที่เอือมระอาคนแก่คนเฒ่าในหมู่บ้าน... บ้านอาจารย์มีสวนผลไม้กับป่ายางโดยเฉพาะสวนยางติดกัน...ขี้ยางถ้าไม่เก็บ…อาจารย์จะช่วยเก็บไปขายได้สตังค์ซื้อขนมกินหมดที่เหลือหยอดกระปุกเอาไว้ซื้อจักรยานเพราะฝันอยากได้เอาไว้ขี่ไปเที่ยวหมู่บ้านต่างตำบลที่อยู่ใกล้กัน..พ่ออาจารย์เป็นคนดุมากเป็นที่เกรงกลัวของลูกๆทุกคน..อาจารย์ก็กลัวพ่อมากกลัวคนเดียวไม่กลัวใครเลย..ชาวบ้านชอบมาฟ้องพ่อเรื่องต่างๆทุกครั้งบทลงโทษจะโหดมาก..คำสอนของพ่อ ที่ถูกปลูกฝังมาส่งผลและฝังอยู่ใต้จิตสำนึกเป็นผลดีในช่วงวัยที่โตขึ้น อาจารย์บอกว่าไม่เคยรู้เลยว่าได้ซึมซับคำสอนและเก็บบันทึกไว้อยู่ใต้จิตสำนึกโดยไม่รู้ตัว คำสอนคือ(เป็นคนต้องมีศักดิ์ศรี ของใครอย่าอยากได้ของเขา มีแค่ใหนก็ให้พอใจเท่าที่มี อย่าเป็นคนคตในข้องอในกระดูก ต้องเป็นคนแบ่งปันรักพี่รักน้องมีอะไรก็แบ่งปันกันอย่ามีหรือกินคนเดียวต้องรู้จักเพื่อแผ่ อย่าเป็นคนปากอย่างใจอย่าง ต้องเป็นคนมีสัมมาคารวะรู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่อย่าชอบนินทาชาวบ้านจะนำพาเรื่องเดือดร้อนมาถึงตัว อย่านำไฟเข้าบ้าน(ข้อนี้สำคัญเน้นมากจำไว้ให้ดี ถ้าจำไม่ดีหลังขาด) อย่าเป็นคนชอบลักเล็กขโมยน้อย(อันนี้อาจารย์บอกตอนนั้นคำสอนนี้ช่วยไม่ได้(ชอบขโมยขี้ยางเค้าเป็นประจำ)เพราะอยากได้จักรยานเอาไว้ขี่ไปเที่ยวหมู่บ้านข้างเคียงเดินไปมันเมื่อยขา..อยากได้จักยานร้องจ้าหามันทุกวัน)ในกาลต่อมามีลูกก็สอนแบบนี้ซึ่งลูกๆก็น่ารักปฎิบัติตาม...วันหนึ่งลูกชายที่เป็นทนายองค์กรใหญ่สองคนอีกคนเป็นวิศวะ อีกคนด้านโฆษณาพากันเข้ามาหาแล้วถามว่า..สิ่งที่คุณแม่พร่ำสอนมาทั้งหมดใช้ไม่ได้เลยกับคนรุ่นใหม่ยุคนี้..คุณแม่สอนสอนผิดหรือเปล่าครับ..อาจารย์บอกเจอคำถามนี้..อึ้งไปเหมือนกัน พ่อของอาจารย์นอกจากจะเป็นคนดุแล้วยังเป็นคนมีวิชาอาคมแบบพวกจอมขมังเวทย์อันนี้ยิ่งทำให้ตอนเด็กยิ่งกลัวพ่อมาก..วันหนึ่งช่วงหน้าหน้าหนาว...บ้านนอกนิยมปลูกบ้านอยู่ใกล้กันเป็นกลุ่มในหมู่ญาติพี่น้องเพื่อนบ้านใกล้เคียง...บ้านก็จะปลูกเป็นบ้านใต้ถุนสูงเวลาหน้าหนาวสมัยก่อนจะหนาวมาก..ชาวบ้านจะก่อไฟใต้ถุนแล้วนั่งล้อมวงผิงไฟ...วันหนึ่งอาจารย์นั่งผิงไฟใต้ถุนบ้านย่าเล็กซึ่งเป็นน้องสาวของย่าใหญ่เป็นแม่ของพ่อ..กำลังผิงไฟแล้วก็นอนอยู่ข้างกองไฟ... กำลังเคลิ้มๆจะหลับได้ยินเสียงเอะอะตะโกนบอกบ้านไกล้เคียง...เร็วๆๆ..ผี...เข้าตายิ้ง..เท่านั้น แหล่ะคนในระแวกใกล้เคียงวิ่งตรงมาที่บ้านลุงยิ้งที่ปลูกติดกับบ้านย่าเต็มไปหมด พอคนมาแล้วก็ถามว่าเป็นใครมาจากไหน..ผีก็กลายเป็นเจ้าพ่อทันที คนเลยพากันนั่งไหว้กันเป็นแถว...เจ้าพ่ออยากกินเหล้ากินไก่กับแกล้มอีกหลายอย่าง...อาจารย์นั่งฟังอยู่ใต้ถุนเกิดนึกพิเรนเลยหยิบกิ่งไม้ที่มีไฟแดงกิ่งเท่าปลายนิ้วก้อยแหย่ลอดรอยแยกกระดานตรงที่เจ้าพ่อนั่งทรงอยู่...ด้วยความคิดตอนนั้นว่าเจ้าพ่อคงไม่ร้อนที่ถูกไฟไหม้ก้นแน่เพราะเป็นถึงเจ้าพ่อ..พอไฟไหม้ผ้าที่ก้นที่เจ้าพ่อทะลุถึงเนื้อเท่านั้นเอง..เปิ้ล...หมดเวลาแล้ววันนี้พรุ่งนี้โพสต่อตอนจบ..จ้าาขอให้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าด้วยเรื่องวัยเด็กที่ตลกมากมายของอาจารย์...นะจ๊ะ
     
  18. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    แอบเก็บมาเล่าเรื่องขำขัน วันหนึ่งมีผู้ชายคนหนึ่ง ขับรถเข้ามาหาอาจารย์อายุเขามากแล้ว พอได้พบอาจารย์ เขากราบอาจารย์แล้วก็ถามว่าจำผมได้ไหมครับอาจารย์ท่านก็ งง บอกว่าจำไม่ได้เคยมาหรือ เขาก็เล่าให้ฟังว่า เมื่อห้าหกปีก่อน เขาเข้ามาหาอาจารย์ ตอนนั้นเขาแข็งแรงดีเขามากับเพื่อนที่เป็นนายทหาร พอบอกซื่อเพื่อนท่านก็จำได้ แล้วก็จำเรื่องแสบที่เขาทำกันได้ แต่วันนี้เขาหมดสภาพ ตัวดำพูดไปก็หอบเหมือนคนวิ่งมาไกลๆ หน้าก็เหลื่องอมทุกข์หนัก เขาเล่าให้อาจารย์ฟังว่า ครั้งแรกที่เขามาพบอาจารย์ ท่านได้ทักเขาไปว่าเขามีบางอย่างซ่อนเล้นอยู่ในตัวเป็นจุดสีดำเท่าปลายนิ้วก้อย ให้ระวังโรคเกียวหัวใจ ตอนนั้นเขายังสบายดี แล้วคิดอยากลองดีอย่างเดียว เพราะเห็นว่าท่านเป็นผู้หญิง เขาเองก็มีดีมีวิชาอาคมท่านบอกเขาไม่เชื่อกลับไปยังนั่งนินทากันในวงเหล้าหัวเลาะกันสนุกสนาน แล้วยังเกล่าคำหยาบกับอาจารย์อีกต่างหาก ในวันนี้เขาป่วยหนักทุกข์ทรมานมาก เหนื่อยหอบหายใจไม่ออก หนี้ล้นพ้นตัวถูกเขาโกงบ้านก็ไม่มีต้องไปอาศัยเขาอยู่เขาก็บอกให้หาที่อยู่ใหม่ ในวันนี้เขาคิดจะไปฆ่าตัวตายที่ป่าลึกเมื่องกาณ์ เขาเข้าไปซื้อเชื่อกคิดว่าจะผูกคอตาย เขารู้สึกผิดว่าเคยนินทาอาจารย์ไว้มากอยากขอขมาก่อนตาย อาจาย์นั่งนิ่งฟังเขาเล่าจบก็สงสารแล้วเห็นว่าโรคที่เขาเป็นนั้นเป็นทั้งถูกของและโรคหัวใจ ก็บอกเขาว่าตายมันง่ายเกิดยาก พอดีวันนั้น ท่านอาจารย์สุรัตน์เจ้าอาวาสวัดนายโรงท่านอยู่ด้วย ท่าได้เอาเบี้ยแก้ของหลวงปู่รอดแช่น้ำแล้วท่านกับอาจารย์ก็นั่งสมาธิขอบารมีหลวงปู่รอดให้ช่วยรักษา อัศจรรย์ในขันน้ำเกิดมีน้ำแบบน้ำเดือด จากนั้นก็ให้เขาดื่ม จากวันนั้นเขาก็เลิกคิดฆ่ตัวตายเข้านั่งสมาธิสวดมนต์ทุกวัน อาการเขาหายวันหายคืน เรื่องนี้ลืมไปแล้วนึกขึ้นได้เอามาเล่าให้ฟัง ก็เพราะเมื่อวานไปวัดนายโรงมาท่านอาจารย์สุรัตน์ท่านสร้างเบี้ยแก้แล้วเชิญอาจารย์ไปร่วมงานอาจารย์ไม่ชอบไปในที่คนเยอะจะไม่ไปท่านก็ไม่ยอม ท่านจึงเลือกไปเมื่อวานก่อนงานปลุกเลกจริงวันเสาร์ เรื่องนี้เป็นที่มาของลำพันผุดข้างบน
    จาก วารุณี สวัสดิภักดิ์ | Facebook
     
  19. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    Happy Okayได้โพสต์ไปยังวารุณี สวัสดิภักดิ์
    21 ธันวาคม บริเวณ Bangkok
    มีวันหนึ่งที่ผมกลับมาจากภวันตุเต เดินไปกินไอติมร้านปากซอย ไปเจอหญิงชราคนหนึ่งนั่งขายผักที่เก็บได้จากข้างถนน ดูจากผักแล้วเป็นพวกผักกระถิน ผักบุ้งยอดเล็กๆๆ คุณยายตัวผอมๆน่าสงสารมาก ผมนึกเห็นถึงสิ่งที่อาจารย์ทำให้เห็นเลยครับ คือทานปัจจัยช่วย ผมก็เลยหยิบเงินแล้วมอบให้คุณยาย คุณยายทำหน้าตาเศร้าและซึ้งใจมากเลย ผมก็บอกว่า ขอให้คุณยายมีความสุขมากๆนะครับ เพื่อนที่เดินไปด้วยก็อนุโมทนาสาธุ ด้วยกัน จากสิ่งที่อาจารย์ทำให้เห็นเลยทำให้ผมได้สังเกตุคนที่อยู่ข้างๆถนนมากขึ้น เพราะคิดว่าถ้าเจอใครที่น่าสงสารก็พอช่วยได้ ก็จะช่วยอะครับ เลยหยิบมาเล่าให้อาจารย์ และญาติธรรมทุกท่านได้ฟังครับ.
     
  20. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    เมื่อวิญญาณต้องการเพื่อน

    เมื่อเวลาผ่านเลยไป จิตของผู้เขียนได้พัฒนาไปข้างหน้าเรื่อยๆ ข้อธรรมที่ไม่เคยเข้าใจมาก่อนก็เริ่มรู้แจ้งชัดที่จิตตนเอง เรียนรู้ข้อธรรมนั้นไปเรื่อยๆไม่ติดค้างไม่สงสัย
    ถึงตอนนี้พระธรรมคำสอนขององค์พระสัมมาฯ ที่เคยสงสัยก็หมดสิ้นไปจากใจ มีแต่นอบน้อมจิตชีวิตในภพนี้เป็นพุทธบูชา และตั้งจิตอธิษฐานไว้ว่าถ้าหากภพนี้ไม่อาจก้าวพ้นวัฏจักรไปได้ เกิดชาติหน้าฉันใดขอให้เกิดในบวรพุทธศาสนาที่เจริญรุ่งเรือง ได้มีโอกาสพบพระศาสนาทุกภพทุกชาติไป และในชาตินี้เมื่อตายไปก็ไม่อยากให้จิตเหงาและต้องการผู้อื่นมาเป็นเพื่อน
    เรื่องเล่าต่อไปนี้ ผู้เขียนอยู่ในเหตุการณ์นั้นกับท่านพ่อและเป็นบทความเรื่องสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับท่านพ่อ ที่เปรียบเทียบท่านไว้ดุจดวงประทีปที่สาดแสงส่องทางธรรม นำพาให้ได้ก้าวเดินในทางธรรมตั้งแต่เริ่มแรกจนถึงทุกวันนี้ เดินด้วยการมีสติ เดินด้วยความระมัดระวัง สะดุ้งกลัวการล่วงละเมิดธรรมขององค์พระสัมมาฯ ไม่น้อมกราบไหว้เดียรถีย์ทุกหมู่เหล่า และไม่ส่งเสริมเพาะเชื้อให้ผู้คนหลงผิด ซึ่งมีส่วนในการย่ำยีทำร้ายศาสนาและพระธรรมโดยเจตนา นำพาจิตของคนที่หลงทางให้มีสติพิจารณาตามความเป็นจริง มิใช่ด้วยกิเลสส่วนตัวของตัวผู้เขียนหรือกิเลสของผู้หลงผิดอื่นๆ ง่ายๆและสั้นๆ “พุท-โธ” เดินจิตให้อยู่ภายในกาย ไม่ต้องกลัวธรรมสี่หมื่นแปดพันพระธรรมขันธ์อยู่ในกายสามสิบสอง มิใช่ส่งออกภายนอกหรือผู้ใด พิจารณากายสามสิบสองว่ามันไม่เที่ยง เมื่อใดจิตเป็นไป เมื่อนั้นธรรมย่อมเกิด
    จิตเมื่อถึงจุดๆหนึ่ง ปัญญาย่อมเป็นผู้รู้แจ้งในธรรมนั้นๆ ไม่ต้องกลัว
    พระธรรม คือครู เพียงขอแค่เรามีสติตั้งมั่นคอยระวังจิตไม่ให้ส่งออกนอกกายเท่านั้น อย่าคาดหมายหรือเกิดความอยากทั้งปวง ทุกอย่างจะค่อยๆก้าวเดินไปเรื่อยๆและเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยมีพระธรรมคุ้มครองรักษา นี่คือสิ่งที่ผู้เขียนปรารถนาในภพนี้ และหมั่นนั่งสมาธิปฏิบัติธรรมก็เพื่อการนี้ มรรคผลที่ได้ก็คือ เมื่อจิตดับไปจากโลกนี้จะได้ไม่ว้าเหว่เดียวดายและต้องการเพื่อน เหมือนเช่นวิญญาณที่จะเล่าให้ฟังต่อไปนี้



    ยังมีต่อ
    ได้รับอนุญาตจากเพจวารุณี สวัสดิภักดิ์ | Facebook
     

แชร์หน้านี้

Loading...