มิติซ้อนมิติ โดย ดร.ครรชิต มาลัยวงศ์

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย piyaa, 12 กรกฎาคม 2012.

  1. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    ถาม ขอขอบพระคุณท่านอาจารย์แม่ที่รั<wbr>บadd ค่ะ มีคำถามอยากถามว่า การฝึกนั่ง สมาธิ วิปัสนากรรมฐาน จริงหรือไม่ที่เราจะต้องมีบุญเก<wbr>่าเป็นตัวหนุนด้วย? หากไม่มีจะทำให้เราฝึกไม่สำเร็จ<wbr> ไม่ก้าวหน้า เนื่องจากหนูฝึกมานานแล้วค่ะ หลายปีแต่ไม่ก้าวหน้าไปไหนเลย ไม่นิ่ง วอกแวกตลอด นั่งหลับตาปุ๊บ จิตออกไปคิดอะไรก็ไม่รู้ ตามรู้กลับมาที่ พุทโธใหม่ อีกเดี๋ยวออกไปอีกแล้ว ตามรู้กลับมา เดี๋ยวออกไปอีก เป็นอยู่อย่างนี้ จนรำคาญตัวเอง ต้องเลิกนั่งในวันนั้นไป ทั้งๆที่ในชีวิตส่วนตัวไม่ได้มี<wbr>ปัญหาอะไรต้องคิด แต่เรื่องที่วอกแวกออกไป เป็นเรื่องที่คิดจินตนาการซะส่ว<wbr>นใหญ่ หากไม่เกี่ยวกับบุญบารมีเก่า มีวิธีช่วยแนะนำหรื่อเปล่าคะ ในชาตินี้อยากเข้าถึงนิพพาน ไม่อยากเกิดอีกแล้ว หากชาตินี้ยังไปไม่ถึงนิพพาน ขอเพียงได้เริ่มก้าวแรกก็ยังดีค<wbr>่ะ แล้วจะได้ใช้เวลาที่เหลือหมั่นป<wbr>ฏิบัติให้เข้าใกล้ฝั่งนิพพานที่<wbr>สุด ขอบพระคุณค่ะ

    อ.วารุณีตอบว่า งานยุ่งนับว่าโชคดีกว่าคนอี<wbr>กจำนวนมากที่ไม่มีปัญหาให้ว<wbr>ุ่นวายจิต แต่ก็ทำให้จิตสงบนิ่งไม่ได้<wbr>เวลานั่งสมาธิ จิตคนมันเคยชินกับการเป็นอิ<wbr>สระ พอจะถูกบังคับบ้างมันไม่ยอม<wbr> นี้แหละคือจิตมันเป็นนายเรา<wbr>มาตลอด การปฎิบัติธรรมมีหลักวิปัสน<wbr>าเป็นหัวใจสำคัญ คือสติปัฏฐานสี่ กาย เวทนา จิต ธรรม พิจารณาให้เห็นสังขารเป็นขอ<wbr>งไม่เที่ยงเป็นสิ่งโสโครก ไม่ใช่ของเรา พิจารณาอยู่ในกายจึงจะเห็นต<wbr>ามความเป็นจริง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายและไม่<wbr>ใช่เรื่องยาก ขึ้นอยู่กับใครสามารกทำจิตใ<wbr>ห้สงบแล้วเกิดสมาธิได้หรือไ<wbr>ม่ได้ เช่นกรณีของคุณไม่สามารถทำจ<wbr>ิตให้เกิดสมาธิได้ คนทุกคนเวียนตายเวียนเกิดมา<wbr>นับไม่ถ้วนพระพุทธองค์ตรัสว<wbr>่า มนุษย์เกิดแล้วตาย แผ่นดินยังไม่พอรองรับกระดู<wbr>กของเราเลย แน่นอนทุกคนล้วนทำทั้งบุญแล<wbr>ะบาปมาแล้วทั้งนั้นอย่าได้ส<wbr>งสัยว่าจะไม่มีบุญเกื้อหนุน<wbr> แต่พระองค์สอนให้วาง อดีตไม่ให้นึกถึงจึงไม่ควรน<wbr>ึกว่าเรามีบุญหนุนหรือเปล่า<wbr>เพราะไม่มีใครรู้ได้ ให้อยู่กับปัจจุบันและรู้ว่<wbr>าขณะนี้เรากำลังนั่งสมาธิอย<wbr>ู่ ก็จะช่วยให้จิตหยุดวอกแวกได<wbr>้บ้าง ถ้ายังไม่ได้ พระพุทธองค์ตรัสว่าทุกสิ่งต<wbr>้องสมมุติก่อนแล้วสมมุติก็จ<wbr>ะดับ ก็คือถ้าจิตยังสงบไม่ได้ก็ใ<wbr>ห้สมมุติว่าร่างกายภายในเป็<wbr>นโครงกระดูก แน่นอนถ้าเราไม่เห็นของจริง<wbr>เราก็นึกไม่ออกเราต้องมองภา<wbr>พถ่าย หรือไปหาดูของจริงแล้วก็จดจ<wbr>ำสรีระโครงกระดูกให้เจนจิตเ<wbr>จนใจเวลานั่งก็ให้น้อมมานั่<wbr>งในร่างของเรา ทำบ่อยๆจนกระทังวันหนึ่งควา<wbr>มเคยชินเกิดขึ้น พอนั่งปุบโครงกระดูกผุดขึ้น<wbr>มาเองอัตโนมัติโดยที่เราไม่<wbr>ทันสมมุติ นี้แหละสมมุติในเรื่องหาทาง<wbr>ให้จิตจดจ่ออยู่ในกาย ทำให้เราพิจารณาได้ง่ายเข้า<wbr>และเป็นอุบายไม่ให้จิตส่งออ<wbr>กนอก ถ้ายังไม่สงบก็ให้ลืมตาถ้าต<wbr>ามองเห็นต้นไม้ ก็ให้มองพิจารณา ก็จะเห็นตุ่มผลิตเล็กๆก็ให้<wbr>นึกถึงปฎิสนธิ พอเห็นใบแตกอ่อนเล็กๆก็ให้น<wbr>ึกถึง เด็ก พอใบเขียวสดใสก็ให้นึกถึงหน<wbr>ุ่ม สาว พอเขียวเข้มแก่จัดก็แก่ชรา พอเหลืองร่วงหล่นลงมา ก็คือมรณา ตาย นี้คือมองต้นไม้แล้วพิจารณา<wbr> เกิดแก่เจ็บตายแบบลืมตา ให้เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตามความเป็นจริง แม้ในขณะลืมตาก็พิจารณาไตร์<wbr>ลักษณ์ได้ ลองดูนะเผื่อจะได้ผลถ้าตอบส<wbr>ั้นก็ไม่รู้จะบอกอย่างไรจึง<wbr>จะเข้าใจ สาธุขอให้ธรรมบังเกิดในใจแล<wbr>ะเจริญก้าวหน้า เราเองก็ได้พบธรรมแบบนี้แหล<wbr>ะ ถ้าสามารถช่วยได้บ้างก็ดีใจ<wbr>ด้วยถ้าได้บรรลุธรรมก่อนก็ช<wbr>่วยมาโปรดกันบ้าง จิตคนเราอย่าประมาทกันมันอย<wbr>ู่ที่ว่าบารมีใครเต็มก่อนกั<wbr>นคนรู้ทีหลังถึงก่อนมีมากมา<wbr>ย สาธุ

    จากเฟสhttp://www.facebook.com/varunee.sawasdeepak
     
  2. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    ทหารเปรตของพระเจ้าอโศกมหาราช 2

    ท่านแรกเป็นสตรีชื่อคุณอ๋อมมาพบผู้เู้ขียนพร้อมกับเพื่อนอีกหลายคนและ หลายกลุ่ม ในเวลาต่อมาเป็นผู้เชื่อมโยงให้ผู้เขียนได้มีโอกาสรู้จักท่าน ดร.มหาวิเชียร ภายหลัง ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็น พระครูปลัด
    ผู้เขียนขอให้สรรพนามของท่านว่า ท่านอาจารย์วิเชียร และท่านได้มีส่วนร่วมในประสบการณ์ประหลาดมหัศจรรย์...หลายครั้ง ท่านผู้อ่านที่เคยไปไหว้พระที่ประเทศอินเดีย ส่วนมากก็คงจะรู้จักพระอาจารย์วิเชียรเป็นอย่างดี บางท่านอาจจะเคยไปพัก ที่วัดท่านที่เมืองราชคฤห์ ซึ่งท่านเป็นผู้ที่ริเริ่มก่อสร้างวัดไทยในราชคฤห์เป็นวัดแรก ปัจจุบันชื่อว่า “วัดไทยสิริราชคฤห์” ในปี พ.ศ.2546 เป็นปีที่ผู้เขียนได้มีโอกาสได้รู้จักกับพระอาจารย์ในขณะนั้นวัดไทยเริ่มมี การก่อสร้างไปไม่มาก ยังไม่ใหญ่โตเหมือนในปัจจุบันนี้ ท่านเป็นพระที่มีความรู้ มีความสามารถมาก ปริยัติท่านก็เก่ง สิ่งที่โดดเด่นในตัวท่าน ท่านเป็นพระที่เก็บอารมณ์ความรู้สึกเก่ง ผู้เขียนไม่เคยเห็นท่านทำหน้า้ บึ้งตึงใส่ใคร ท่านมีอัธยาศัย อ่อนน้อม มีมนุษย์สัมพันธ์ดีเลิศ ใครได้อยู่ใกล้ท่านก็รู้สึกสบายใจรู้สึกอบอุ่น ผู้เู้ขียนเองยัง เก็บอารมณ์ความรู้สึกเหมือนท่านไม่ได้เลย ที่สำคัญ เราต่างมีความเคารพซึ่งกันและกัน
    สำหรับตัวผู้เขียนให้ความนอบน้อมกราบไหว้ท่านเพราะท่านเป็นสมณะและท่านเองก็ ให้ความเคารพผู้เขียนในฐานะอุบาสิกาอาวุโสคนหนึ่ง มีหลายครั้งได้ไ้ปอาศัยที่วัด ของท่านทั้ง สองวัด คือ “วัดไทยสิริราชคฤห์” เมืองราชคฤห์กับ “วัดจีน” ที่เมืองพาราณสี ครั้งละหลายๆเดือน ในปี พ.ศ. 2549 ผู้เขียนได้ก่อสร้างศาลาสถานปฏิบัติธรรม ท่านได้ให้ความอนุเคราะห์ช่วยเหลือการก่อสร้าง ตามกำลังของท่าน ทำให้ผู้เขียนเห็นว่า่ ท่านมีจิตใจดีมาก เมื่อท่านสร้างวัดเราช่วยท่าน พอเราสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม ท่านก็ช่วยเราตามกำลังของท่าน ถึงแม้ไม่มากก็แสดงให้เห็นถึงจิตใจของท่านเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นความประทับใจของผู้เขียน และคุณอ๋อมคือบุคคลที่ทำให้ผู้เขียนได้รู้จักกับพระอาจารย์วิเชียร

    ยังมีต่อพบกันพรุ่งนี้ครับ
     
  3. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    ฤาษีบอกให้ไปป่าสมุนไพรที่อินเดีย
    ผู้เขียนได้จัดทัวร์ไปไหว้พระที่ประเทศอินเดีย ในปีนั้นมีคุณอ๋อม
    ร่วมเดินทางไปด้วยเป็นครั้งแรก ก่อนถึงกำหนดการเดินทาง มีผู้แ้วะ
    เวียนมาพบมาหามาพูดคุย และถามถึงการเดินทางในครั้งนี้ว่า จะประสบ
    เหตุการณ์ อุบัติเหตุ หรืออุปสรรคใดๆ เกิดขึ้นกับผู้ร่วมคณะของเราบ้างหรือไม่
    ซึ่งในแต่ละครั้งผู้เขียนจะบังเอิญเห็นเหตุการณ์ต่างๆ ก่อนที่จะเกิดขึ้น
    เมื่อเดินทางไปก็ประสบกับเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริง จึงกลายเป็นเรื่องที่ว่า่
    การไปประเทศอินเดียแต่ละครั้ง ต้องดูก่อนว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น
    บ้างหรือไม่ ในครั้งนี้ก็เช่นกัน มีเหตุการณ์ในหลายๆ เรื่องเกิดขึ้น รวมถึง
    เรื่องที่จะได้พบและรู้จักกับพระอาจารย์วิเชียรด้วย
    เรื่องมีอยู่ว่าในวันหนึ่ง มีฤาษีท่านหนึ่งผ่านเข้าในจิตสื่อบอกว่า
    “การไปอินเดียครั้งนี้ จะได้พบผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกันมายาวนาน ซึ่ง
    ขอผ่านคำว่า อดีตชาติ เพราะไม่ค่อยชอบพูดถึงเรื่องอดีตชาติ บุคคลทั้งสองคน
    โดยหนึ่งคนเมื่อได้พบจะเอามือแตะเท้า้ ผู้เขียน แล้ว เอาไปแตะหน้า้ผาก
    เป็นการทำความเคารพแบบสูงสุด ตามประเพณีของอินเดีย อีกบุคคลหนึ่ง
    เมื่อถึงเวลาแล้วก็จะรู้เองว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกันอย่างไรในภายภาคหน้า”
    ก่อนที่ฤาษีจะเลือนหายไป ท่านได้บอกว่า
    “อยา่ ลืมไปเที่ยวป่าสมุนไพรโบราณของอินเดีย จะได้พบกับบุคคลทั้งสอง
    ณ สถานที่แห่งนั้น”
    ผู้เขียนเล่าเรื่องเหตุการณ์ต่างๆ ที่จะได้ประสบให้ทุกคนฟัง และ
    ให้ทุกคนคอยดูว่า่ เรื่องที่ฤาษีบอก จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ สำหรับผู้ขียนคิด
    ว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร เราไม่ใช่คนอินเดีย จะรู้จักป่าสมุนไพรโบราณ

    ยังมีตอนต่อพบกันพรุ่งนี้ครับ
     
  4. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    พอถึงกำหนดการเดินทาง คณะของเราเริ่มต้นเดินทางที่เมืองกัลกัตตาร์ ตลอดการเดินทาง...พบเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นจริงเรื่อยมา เมื่อเดินทางมาถึงเมืองราชคฤห์ ออกจากราชคฤห์ ก็จะเข้า้ เมืองพุทธคยา ซึ่งเป็นสถานที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ก็เป็นอันสิ้นสุด
    การเดินทางกราบสังเวชนียสถานทั้ง 4 แห่ง แล้วจึงเดินทางกลับเมืองไทย
    ในขณะที่รถนำคณะเดินทางเขา้ สู่เขตเมืองราชคฤห์ ผู้เขียนได้พูดคุยกับ คณะเดินทางในรถว่า่ “ตั้งแต่แต่เดินทางมาจนเกือบจะสิ้นสุดการเดินทางยังไม่พบเรื่องราวของบุคคล สองคนกับป่าสมุนไพรตามที่ท่านฤาษีบอกไว้ สงสัยว่าเรื่องนี้จะเป็นเพียงเรื่องเดียวที่ไม่ใช่เรื่องจริง”
    เมื่อคณะของเราเดินทางไปถึงเมืองราชคฤห์ จู่ๆ ผู้เู้ขียนก็เกิดอาการปวดขาอย่า่งรุนแรง จนไม่สามารถเดินขึ้น เขาไปกราบสถานที่พระพุทธองค์จำพรรษา และสถานที่พระสารีบุตรดับ อาสวะไดทั้งปวงปวงถึงพระนิพพาน ตามที่พระวิทยากรท่านอธิบายให้ฟังบนยอดเขาคิชกฏู ผู้เขียนเคยขึ้นไปกราบไหว้ทุกครั้งที่ได้มา เมื่อขึ้นเขาไม่ได้ทุกคนก็พยายามรบเร้าให้
    ผู้เขียนใช้บริการนั่งบนเสลี่ยง หรือกระเช้า้ ที่แขกบริการแบกหามขึ้นยอดเขา สำหรับผู้ที่ไม่สามารถเดินขึ้นไปเองได้ ผู้เขียนปฏิเสธคำแนะนำของผู้ร่วมคณะที่คะยั้นคะยอให้นั่งกระเช้า้ ขึ้นไป ในความรู้สึกของตัวผู้เขียนเกิดความสงสารแขกที่บริการแบกหามคนขึ้นเขา โดยนึกถึงตนเองว่า
    “ถ้าเราสะพายกระเป๋าที่หนักเดินขึ้นเขา ยังรู้สึกเหนื่อยแทบใจขาดแล้ว แขกทั้งหลายที่บริการแบกหามคนขึ้นเขาคิชกฏู เหล่านี้ เขาจะเหนื่อยสักแค่ไหน ถึงแม้จะเป็นอาชีพของเขาก็ทำ ให้เราเกิดความรู้สึกว่า ทำบุญทั้งทียังสร้างความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทุกขเวทนาให้ผู้อื่นอีก จะเป็นการทำบุญได้บาปเสียเปล่า” ผู้เขียนจึงขอรอผู้ร่วมคณะอยู่ข้างล่างดีกว่า

    ยังมีต่อครับเจอกันพรุ่งนี้ครับ
     
  5. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    เมื่อทุกคนพากันขึ้นยอดเขาคิชกูฏ ผู้เขียนเลยถือโอกาสเดินเล่นดู
    สินค้าต่างๆ รอเวลา เดินไปเดินมา เหลือบไปเห็น...คุณอ๋อมเดินอยู่คนเดียว
    คุณอ๋อมเห็นผู้เขียนก็ตรงเข้ามาหาจึงรู้ว่าปวดขา ได้ถามคุณอ๋อมว่า
    “ทำไมไม่ไปไหว้พระบนยอดเขา”
    คุณอ๋อมบอกว่า “มีนัดกับ พระอาจารย์ ดร.มหาวิเชียรที่นี่ รอท่าน
    ยังไม่เห็นมาเลย”
    ผู้เขียนก็ไม่ได้สนใจซักถามว่า่ ท่าน ดร.มหาวิเชียรเป็นใคร... ตอน
    นั้นอากาศหนาวเหน็บมาก คุณอ๋อมจึงชวนให้ไปดื่มน้ำชาร้อนๆ ในร้านแขก
    จากนั้นก็ชวนคุยเรื่องธรรมะการปฏิบัติธรรม ผู้เขียนได้อธิบายในสิ่งที่คุณ
    อ๋อมข้องใจตามภูมิปัญญาความรู้ที่ได้ปฏิบัติมาด้วยตนเอง
    ขณะนั้นเองผู้เู้ขียนได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ทางด้านหลังจึงหันกลับ
    ไปดู และได้เห็นพระภิกษุสงฆ์หนุ่มรูปหนึ่งยืนอยู่ พร้อมกับแขกหนุ่มอีก
    คนหนึ่ง ผู้เขียนจึงได้เอ่ยถามท่านว่า
    “พระอาจารย์ ...โยมพูดธรรมะผิดเพี้ยนไม่ถูกตอ้งตรงไหน ขอ
    ท่านโปรดช่วยชี้แนะด้วย เพื่อที่จะได้ไ้ม่ไปพูดธรรมะแบบผิดๆกับคน
    อื่นๆ”
    ท่านได้บอกกับผู้เ้ ขียนว่า “ที่อาตมาหัวเราะไม่ใช่เพราะโยมพูด
    ธรรมะผิดๆ แต่อาตมาหัวเราะเพราะว่าอาตมาไม่เคยเห็นหรือได้ยินฆราวาส
    พูดธรรมะอย่างที่โยมพดู โดยเฉพาะฆราวาสที่เป็นเพศหญิงอย่างโยมแทบ
    จะไม่เคยได้ยิน”
    คุณอ๋อมซึ่งนั่งยิ้มอยู่จึงได้แนะนำให้ผุ้เขียนรู้จักว่า พระภิกษุสงฆ์
    หนุ่มรูปนี้คือ “พระอาจารย์ ดร.มหาวิเชียร” เป็นเจ้า้อาวาสวัดไทยสิริราชคฤห์ที่ท่านกำลัง เริ่มต้นลงมือสร้างอยู่

    ยังมีตอนต่อ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2012
  6. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    เรียนอาจารย์วารุณี ที่นับถือครับ ผมขอสนับสนุนเรื่องหนังสือเล่มถ<wbr>ัดไปที่จะกล่าวถึงสัมผัสสื่อสาร<wbr>กับมนุษย์นอกโลก จากดาวดวงอื่น และจะติดตามหนังสือของอาจารย์ให<wbr>้ครบทุกเล่มครับเพราะผมเชื่อว่า<wbr>เป็นข้อมูลจากผู้รู้และมีประสพก<wbr>ารณ์จริง เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับผู้ที่สนใ<wbr>จและเป็นวิทยาทานต่อไป ในเรื่องมิติของจักรวาลซึ่งผมเช<wbr>ื่อว่าน่าจะมีอยู่จริง ขอขอบคุณอาจารย์มากครับในความรู<wbr>้ทางธรรม ที่เผยแพร่เพื่อขัดเกลาอวิชชาใน<wbr>ตัวตน จึงเรียนมาด้วยความเคารพครับ

    วารุณี สวัสดิภักดิ์ ขอขอขคุณที่เข้าใจเจตนา และให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ในส่วนตัวไม่มีอะไรที่อยากได้อีกแล้ว นอกจากนิพพาน สังขารก็ล่วงโรยลงทุกวัน สำหรับตนเอง ได้ค้นพบความสูขที่แท้จริงแล้ว ก็อยากให้คนอื่นพบความร่มเย็นเป็นสูขบ้าง แม้ว่า่ไม่ร่ำรวย แต่ขณะนั่งถอนหญ้าแล้วภาวนาไปด้วยเป็นความสูขสงบ ที่หาได้ง่ายจริงๆ หนังสือเรื่องของจักรวาล เป็นเรื่องยากจริงๆ ตัดสินใจมาหลายปีแล้วว่า เขียนไม่เขียน ระยะที่ผ่านมาเฝ้ารอว่า เหตุกราณ์ที่เขาบอกจะเป็นจริงไหม ในขณะนี้ได้เกิดขึ้นแล้วทั้งหมด และกำลังจะเกิดตามๆมาอีกซึ่งน่ากลัวมาก ทำให้ยากเล่าสู่กันฟังแบบจริงๆ ไม่ได้อยากดัง หรือเขียนแบบจินตนาการณ์เอา สิ่งที่ยังขาดคือผู้รู้เกียวกับเรื่องจักรวาล อยากให้มานั่งคุยกัน เราเล่าแล้วถามท่านตอบ เพราะเราไม่มีความรู้เกียวกับสภาวะของโลกและจักรวาลเลย เรารู้เรื่องทั้งหมดจากการเล่าของมนุษย์นอกโลกเล่าให้ฟังทั้งหมด ถ้าจะเขียนจริงๆคงใช้เวลาไม่นาน ขอขอบคุณอย่างน้อยมีคุณคนหนึ่ง ที่เข้าใจและให้กำลังใจ

     
  7. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    เมื่อได้รุ้จักสนทนากับท่าน ผู้เู้ขียนได้ถามไถ่เรื่องการสร้างวัด ท่านก็เล่าให้ฟังในขณะที่สนทนากับท่านอยู่นั้นแขกหนุ่มที่ติดตามท่านมา ก็กุลีกุจอเสริฟน้ำชาร้อนๆ ให้ผู้เขียนอยู่ตลอด ดูท่าทางเขาให้ความสนใจผู้เู้ขียนแบบแปลกๆ สักครู่ต่อมาผู้เู้ขียนรู้สึกอยาก
    จะไปห้องน้ำจึงขอตัวเดินไปห้องน้ำโดยมีคุณอ๋อมเดินไปเป็นเพื่อน เมื่อเดินกลับมาก็ได้พบว่า พระอาจารย์ ดร.มหาวิเชียร ยืนอยู่องค์เดียว ไม่รู้ว่าแขกหนุ่มหายไปไหน พระอาจารย์ฯ ได้พูดกับผู้เขียนว่า
    “โยมแขกหนุ่มเมื่อตะกี้นี้ เขาบอกกับอาตมาว่า่ เขาสัมผัสได้ว่า
    โยมมีพลังลึกลับอยู่ในตัว เขาขอร้องให้อาตมาช่วยพูดกับโยมให้ไปเหยียบร้านขายเครื่องประดับ และของฝากที่ระลึกให้เขาหน่อย เพื่อเป็นสิริมงคลจะได้ค้าขายดี”
    ผู้เขียนได้ฟังก็รู้สึกขำในใจ จึงได้ปฏิเสธพระอาจารย์ฯ ไปว่า
    “โยมไม่มีอะไรหรือมีอำนาจอะไรอย่า่งที่เขาคิดหรอกเจ้า้ค่ะ อย่า่ให้โ้ยมไปเหยียบร้านเขาเกิดเหยียบไปแลว้ เขาขายของไม่ได้จะทำให้แ้ย่ไ่ปกันใหญ่”
    พระอาจารย์ฯ จึงพูดว่า “เขามีความศรัทธาอย่าปฏิเสธเลย เขาจะเสียใจ อีกอย่างหนึ่งอาตมาสร้างวัดที่นี่ เขาเป็นคนพื้นที่อาตมาก้ไ็ด้อาศัยไหว้วานเขา เขาออกปากแล้ว แค่เรื่องง่ายๆ เราปฏิเสธ...เขาก็จะเสียใจ ไปหน่อยนะ”
    พูดจบท่านก็รีบเดินนำหน้า้ ไปยังร้านขายเครื่องประดับบริเวณตีนเขา โดยมีคุณอ๋อมดึงมือผู้เขียนเดินตามท่านไป ก็เลยต้องเดินตามท่านไปอย่า่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อไปถึงร้านขายเครื่องประดับของแขกหนุ่ม เขาเห็นก็รีบตรงรี่เขา้มาหา ในมือถือพวงเม็ดประคำที่ใช้สำหรับสวดมนต์มาหลายพวง พอถึงตัวผู้เขียนเขาก็รีบก้มลงเอามือแตะเท้าและไปแตะหน้าผาก
    เสร็จแล้วก็นั่งลงคุกเข่ายืดตัวขึ้น ส่งลูกประคำในมือให้ผู้เขียน พฤติกรรมที่เขาแสดงออกมาทำ
     
  8. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    Ubonwattana Limlertpong
    แอบเก็บมาเล่า
    เคยถามอาจารย์ว่า “อาจารย์ทำใจได้อย่างไร เมื่อคนเข้ามาลองภูมิ ว่าจะเก่งสักแค่ไหน”
    อาจารย์ตอบว<wbr>่า “อยากให้คนที่เข้ามาตั้งใจ ฟังธรรมและสนทนาธรรม อยากให้เขาละกิเลสเสียบ้าง จะทำยังไงได้เขาเป็นของเขาเช่นน<wbr>ั้น แก้เราดีกว่า บางคนก็เอาเรื่องการเมืองมาถามซ<wbr>ึ่งไม่ควรเลย” พูดจบก็มีรำพันผุดขึ้นมา

    อย่าฝากลมหายใจกับใครไว้
    จะสะอื้นเสียดายเมื่อลมหาย
    ฝากไว้กับพุทโธร่มเย็นสบาย
    ตอนตายเปิดสวรรค์ปิดอบายได้จริงๆ
    ถ้าปิดอบายไม่ได้จะเป็นเปรต
    แสนทุเรศ น่าเวทนาจริงหนา
    มัวแต่อวดเก่ง อวดฤทธิ์ศักดา
    พากันลืม คำสอนพระศาสดาน่าเสียดาย
    ทิ้งทิฐิมานะ กันเสียบ้างจะได้ไหม
    หยุดนิ่งๆแล้วค้นหาใจเราดีกว่า
    มีกิเลสชั่ว ตัวไหนผ่านเข้ามา
    เอา อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ฆ่ามันเลย
     
  9. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    [​IMG]Ubonwattana Limlertpongได้โพสต์ไปยังวารุณี สวัสดิภักดิ์

    <a class="uiLinkSubtle" href="http://www.facebook.com/varunee.sawasdeepak/posts/254955701290800"><abbr title="9 สิงหาคม 2012 เวลา 12:40 น." data-utime="1344541224">วันพฤหัสบดี</abbr>


    ขอแจ้งข่าวกับเพื่อนชาวเฟสของอา<wbr>จารย์วารุณี ด้วยค่ะ ว่าอาจารย์ของดการตอบคำถามบนเฟส<wbr>แล้วนะคะ ขอตัวภาวนา เข้าพรรษาแล้ว แต่ยังทักทายกันเข้ามาได้ เปิ้ลจะเป็นคนดูแลและแจ้งข่าวกา<wbr>รเคลื่อนไหวให้เพื่อนๆได้อ่านกั<wbr>นนะคะ
     
  10. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    [FONT=Tahoma,]พ็อก เกตบุ๊กน่าอ่านอาทิตย์นี้ "มิติซ้อนมิติ เรื่องจริงเล่าสู่กันฟัง" เล่ม 2 ตอนยายเฒ่าเล่าให้ฟัง เรื่องเล่าจากประสบ การณ์การปฏิบัติธรรม และสิ่งเหนือธรรมชาติจากผู้ที่สามารถมองเห็นโอปปาติกะ (เทวดา พรหม สัตว์นรก เปรต อสุรกาย) ที่มีกายละเอียด โดย วารุณี สวัสดิภักดิ์
    จาก หนังสือพิมพ์ข่าวสดhttp://www.khaosod.co.th/view_news....nid=TURNeE53PT0=&day=TWpBeE1pMHdPQzB3TlE9PQ==
    [/FONT]
     
  11. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    พอได้สติก็เลยล้วงกระเป๋าเสื้อหยิบเงินรูปีส่งให้เป็นค่าลูกประคำเขาไม่ยอมรับพระอาจารย์ฯ
    จึงบอกว่า
    “โยมรับไปเถอะ เขาไม่เอาปัจจัยของโยมหรอก” นั่นแหละจึงจำใจต้องรับไว้
    ระหว่างที่เดินทางในประเทศอินเดีย พบเห็นผู้คนส่วนมากทุกอย่างต้องเป็นเงินรูปีทั้งสิ้น ยังไม่เคยได้รับของใคร...ให้ฟรีๆ จากผู้คนในประเทศอินเดียเลย เป็นเรื่องที่ทำให้แปลกประหลาดใจมาก และนึกถึงเรื่องที่ท่านฤาษีบอกไว้ว่า “จะมีผู้มาทำความเคารพแบบสูงสุด ด้วยการเอามือแตะเท้าแล้วมาแตะหน้าผาก” ก็ได้มาเจอเหตุการณ์ที่ราชคฤห์นี่เอง พอรับพวงลูกประคำจากหนุ่มแขกแล้ว เขาก็ได้เอาสองแขนโอบเอวผู้เขียน เอาใบหน้า
    แนบกับท้องผู้เขียน กอดรัดแล้วก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา ทำให้ผู้เขียนรู้สึกตัวสั่นทำอะไรไม่ถูก รู้สึกได้สติก็ต่อเมื่อได้ยินเสียงคุณอ๋อมตะโกนออกมาว่า “คุณแม่วารุณีพบลูกชายแล้ว”
    ผู้เขียนจึงเอามือกอดคอเขาไว้แ้ล้วค่อยๆ ดึงตัวเขาลุกขึ้น เมื่อเขายืนได้เต็มตัวก้รีบผลุนผลันเข้าไปในร้านสั่งให้เด้กลุกจ้างในร้านยกเก้าอี้ออกมาวางที่หน้าร้าน แล้วก็นิมนต์ให้ท่าน ดร.มหาวิเชียรนั่งและเชิญให้ผู้เขียนกับคุณอ๋อมนั่งด้วย หลังจากนั้นผู้เู้ขียนก็นั่งคุยกับพระอาจารย์ดร.มหาวิเชียร และถามท่านว่า “ที่อินเดียมีป่าสมุนไพรโบราณหรือเปล่าคะ?”
    ท่านหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “ราชคฤห์นี่แหละ คือป่าสมุนไพรโบราณของพ่อหมอชีวกโกมารภัจ” ท่านก็เล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง
    คุณอ๋อมก็พูดขึ้นมาว่า “เรื่องป่าสมุนไพรโบราณกับคนสองคนที่อาจารย์เล่าให้ฟังบนรถอยู่ที่ราชคฤห์นี่เอง” คุณอ๋อมได้บอกกับผู้เขียนว่า
    “ก่อนกลับพุทธคยาอยากให้คณะของเราไปเยี่ยมเยียนวัดไทยฯของพระอาจารย์ฯ” ผู้เขียนก็อยากไปจึงตอบตกลง รอให้หมู่คณะมาพร้อมเพรียงกันก่อน

    ยังมีต่อ
     
  12. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    ไม่นานคณะก็ทยอยลงจากเขาคิชกูฏ เมื่อเห็นผู้เขียนนั่อยู่ที่ร้านของแขกหนุ่ม ก็ตรงเข้ามาหา ตอนนี้แหละ...คนในหมู่คณะเป็นส่วนมากต่างตรงเข้า้ ไปจับจ่ายซื้อของในร้านของแขกหนุ่มกันแน่นร้าน ของที่ไม่เคยขายไดตั้งโชวืไว้ในตู้นนานๆ ก็ขายได้หมด น่าเหลือเชื่อจริงๆ เผลอแป๊ปเดียว ของที่ระลึกเกือบหมดร้าน เจ้า้ของร้านดีใจยิ้มหน้าบานรีบปิดร้าน จะตามพระอาจารย์ฯ ไปที่วัดด้วย
    เมื่อทุกคนพร้อม จึงได้นิมนตืพระอาจารย์ ขึ้นรถเดินทางกลับไปที่วัดไทยสิริราชคฤห์ด้วยกัน พอไปเห็นวัดของพระอาจารย์ฯ ที่กำลังสร้างอยู่ ก็เกิดความรู้สึกอยากจะช่วยหาปัจจัยมาช่วยท่านสร้าง ตอนนั้นยังมีแค่เพิงสังกะสีกับห้องเล็กไม่กี่ห้อง ยังไม่มีอะไรมากเมื่อทำบุญกับท่านเสร็จแล้ว ก่อนเดินทางกลับได้บอกกับท่านว่า
    “ในครั้งหน้าจะพาผู้คนมาไหว้พระ และในครั้งต่อๆไปขอนิมนต์ท่านเป็นพระวิทยากรบรรยายความเป็นไปของสถานที่ต่างๆ ให้กับคณะของเรา” และท่านก็ได้ตอบตกลง
    เป็นอันว่าผู้เู้ขียนได้พบกับบุคคลสองท่าน คือ พระอาจารย ์ดร.มหาวิเชียร กับแขกหนุ่มเจ้าของร้านขายของที่ระลึก ส่วนป่าสมุนไพรโบราณก็อยู่ที่เมืองราชคฤห์นี่เอง ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นไปได้แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว
    มันจะเป็นเรื่องบังเอิญก็ได้ แล้วท่านผู้อ่านล่ะ คิดว่าความบังเอิญแบบนี้...
    มีด้วยหรือ และยังมีเรื่องบังเอิญแบบนี้ในบทความต่อๆ ไป ผู้เขียนก็นำมาเล่าสู่กันฟัง ถ้พูด ถึงสาระมันก็ไม่มีสาระอะไร แต่เป็นแค่ความบังเอิญแปลกๆ แม้จะอยู่ต่างบ้านต่างเมือง คนละชาติ คนละภาษา ก็มีเรื่องบังเอิญอย่างนี้เกิดขึ้นได้ สำหรับผู้เขียนก็ได้รู้จักป่าสมุนไพรโบราณของพ่อหมอชีวกโกมารภัจในอดีตกาลแล้ว จึงนำมาเล่าสู่กันฟัง
    บุคคลที่ต้องกล่าวถึงอีกท่านหนึ่ง คือ นายแพทย์หนุ่มที่อยู่ในเหตุการณ์ได้พบทหารเปรตของพระเจ้าอโศกมหาราชพร้อมกับผู้เขียน

    ยังมีต่อ
     
  13. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    พญาครุฑ

    [FONT=&quot]พญาครุฑ[FONT=&quot] ที่คนเรารู้จักกันส่วนมาก ก็เป็นการรู้จักมาจากภาพวาดหรือไม่ก็เป็นรูปที่ปั้นขึ้น คนไทยมีความรู้สึกใกล้ชิดคุ้นเคยก็คือ พญาครุฑ เป็นตราสัญญาลักษณ์ ขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวของปวงชนชาวไทย พญาครุฑที่เล่าขานสืบต่อกันมาว่า มีที่อยู่ในป่าหิมพานต์ มนุษย์ธรรมดาอย่างเราๆไม่สามารถรู้ได้ว่า ป่าหิมพานต์นั้นอยู่แห่งหนใด ใกล้หรือไกลแค่ไหน หรือเป็นเพียงนิทาน พญาครุฑจึงไม่มีผู้ใดเคยเห็น หรือยืนยันได้ว่าเคยพบเห็นมาแล้ว ไม่เหมือนกับพญานาคที่มีทั้งพระอริยบุคคลผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หาทางหลุดพ้นจากภพชาติตามป่าตามเขา ได้พบเห็นพญานาคมาแล้ว มีเรื่องเล่าให้ได้ยินได้ฟังมา ยกตัวอย่างเช่น หลวงปู่มั่น หลวงปู่ชอบ และยังมีอีกหลายๆ องค์ ก็เคยพบเคยเห็นพญานาคมาแล้ว ทั้งพญาครุฑและพญานาคมีที่อาศัยในอีกมิติหนึ่งว่ามีตัวตนจริง และผู้คนที่เชื่อก็อยากพบเห็น [/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]สำหรับผู้เขียนก็เหมือนคนอื่นๆ แต่อาจจะโชคดีสักหน่อย เมื่อสงสัยหรือข้องใจในสิ่งใด ส่วนมากมักจะได้ความกระจ่างชัดจากสิ่งที่กังขานั้น เพราะจะมีเหตุการณ์หรือบุคคล หรือผู้อยู่ในอีกมิติหนึ่งเป็นพยานยืนยันในเหตุการณ์ต่างๆ ให้รู้ว่าสิ่งที่ติดข้องกังขานั้นมันจริงหรือไม่จริงตลอดมา สำหรับพญาครุฑก็เหมือนกัน เมื่อได้เห็นก็มีคนอื่นเคยเห็นแบบจะๆตา และยืนยันรูปลักษณ์ของพญาครุฑกับผู้เขียนให้หายข้องใจมาแล้ว โดยที่เขาไม่รู้ว่าผู้เขียนคอยจับผิดในสิ่งที่เขาเล่าและตอบคำถามของผู้เขียน เมื่อเราได้คุยกันจบเรื่องแล้วผู้เขียนสรุปได้ว่า คนที่เห็นนั้นคงไม่ได้โกหก เพราะการเห็นนั้นตรงกันกับที่ผู้เขียนเห็นทุกอย่างไม่มีผิด ผู้เขียนก็จะเขียนถ่ายทอดเล่าสู่กันฟัง เรื่องราวที่ประสบมานั้นช่างแปลกประหลาดอย่างเหลือเชื่อว่าเป็นความจริง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เล่ามามันก็มีความจริงในตัวเอง ขอให้ท่านผู้อ่านวินิจฉัยด้วยตนเองก็แล้วกัน เชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร เพราะได้ยินได้ฟังและเห็นมาอย่างไรก็เขียนเล่าให้อ่านให้ฟังแบบนั้น[/FONT]
    [FONT=&quot]เดิมทีผู้เขียนไม่อยากจะเขียนเรื่องของพญาครุฑและพญานาค ซึ่งเป็นตัวเอกของนวนิยาย เรื่องตำนานรักข้ามภพ เป็นนวนิยายที่ผู้ไม่ปรากฏกายได้สื่อทางจิต ให้ผู้เขียนเป็นผู้ถ่ายทอดเขียนเป็นนวนิยายออกมาขาย โดยมีบริษัท ซีเอ็ดบุ๊ค จัดจำหน่ายเป็นรายใหญ่ ตามศูนย์หนังสือในห้างสรรพสินค้าทั้งในกรุงและต่างจังหวัด ผู้เขียนไม่ได้เล่าถึงพญาครุฑพญานาคและความเป็นมาของต้นสายปลายเหตุว่ามีความเป็นมาอย่างไร นอกจากบอกว่า เป็นเค้าโครงเรื่องของผู้ไม่ปรากฏกาย เพราะไม่ต้องการให้ท่านผู้อ่านติดข้องกังขาว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง แต่ต้องการให้ท่านผู้อ่านสนุกสนาน บันเทิงใจ และคติเรื่องบาปบุญแค่นั้นเอง แต่ก็ผิดคาด หลังจากนวนิยายเรื่องตำนานรักข้ามภพออกวางจำหน่าย ท่านผู้อ่านได้ให้การสนับสนุนบอกกันต่อๆไป ทำให้ยอดขายหมดลงในเวลาอันรวดเร็ว มีท่านผู้อ่านโทรศัพท์กลับมาและมีบางท่านได้มาพบผู้เขียนด้วยตนเอง แต่ละท่านอยากรู้ความเป็นมาเรื่องของพญาครุฑและพญานาคว่า ผู้เขียนเห็นอย่างไร รูปลักษณ์เป็นอย่างไร ผู้เขียนขอบอกว่า เป็นเรื่องที่ยากลำบากมากที่จะพูดถึงพญาครุฑและพญานาค เพราะไม่ค่อยมีใครเคยเห็น มีคนเคยเห็นพญาครุฑแบบจะจะกับตาตนเองอย่างคาดไม่ถึงได้เล่าให้ผู้เขียนฟัง แต่ตอนนี้ได้ไปเรียนต่อต่างประเทศที่ประเทศออสเตรเลียแล้ว ก่อนไปเรียนต่อต่างประเทศผู้เขียนได้ขอให้เขียนเรื่องพญาครุฑที่ได้พบมากับตนเองให้ด้วย เนื่องจากความวุ่นวายและเตรียมตัวจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ทำให้เขาไม่มีเวลาเขียนเรื่องเล่าสู่กันฟัง เมื่อขาดพยานผู้เขียนจึงเป็นผู้เดียวที่เคยสัมผัสเห็น การเขียนเรื่องนี้จะมองว่าเป็นการมอมเมาผู้อ่าน แต่ทางท่านผู้อ่านได้บอกว่า ก็เขาเพียงแค่อยากรู้และไม่ได้คิดอะไรมากมาย ก็เพียงแค่ประสบการณ์ของคนๆ หนึ่งซึ่งก็บอกอยู่แล้วว่า เล่าสู่กันฟัง ทำให้ผู้เขียนตัดสินใจเขียนเรื่องพญาครุฑและพญานาค เป็นการเล่าสู่กันฟังอีกเรื่องหนึ่ง เริ่มด้วยพญาครุฑ[/FONT]
    [FONT=&quot]ความเชื่อว่าพญาครุฑเกิดจากจินตนาการของคนเรานี่เองไม่ใช่เรื่องจริง รู้มาจากภาพวาด จากรูปปั้น ผู้เขียนก็เคยคิดแบบเดียวกันกับคนอื่นๆเหมือนกัน เคยเห็นในธนบัตรและตามหน้าธนาคารต่างๆ พญาครุฑยังเป็นตราสัญลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ประชาชนคนไทยให้ความเคารพเทิดทูนเหนือเกล้า ดังนั้นจึงมีความคุ้นเคยกับพญาครุฑก็เพราะสาเหตุนี้ และจากความเชื่อของคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เชื่อเรื่องของมิติ ที่ถูกปลูกฝังมาว่าพญาครุฑเป็นมนุษย์ครึ่งคนครึ่งสัตว์อยู่ในแดนป่าหิมพานต์ มนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเราไม่สามารถรู้ได้ว่า ป่าหิมพานต์ที่เล่ามาอยู่แห่งหนใด ใกล้หรือไกลหรือเป็นเพียงแค่นิทาน พญาครุฑไม่ค่อยมีคนพูดถึงว่าเคยพบเห็น ต่างกับพญานาคที่มีคนเคยพบเห็นพูดถึงบ่อยๆ[/FONT]
    [FONT=&quot]ทั้งพญาครุฑกับพญานาคมีการเล่าขานมาว่า ทั้งสองไม่ถูกกันเป็นศัตรูกันมานาน พบกันเมื่อใดเป็นต้องต่อสู้กัน ทำให้สงสัยว่าพญาครุฑไม่ค่อยปรากฏให้คนเห็น [FONT=&quot](ผู้เขียนคิดแบบตลกๆว่า สงสัยพญาครุฑคงขี้เหร่และขี้อายมั้ง จึงไม่กล้าให้ผู้ใดพบเห็น) [/FONT][/FONT]
     
  14. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    [FONT=&quot]นอกจากบอกว่า เป็นเค้าโครงเรื่องของผู้ไม่ปรากฏกาย เพราะไม่ต้องการให้ท่านผู้อ่านติดข้องกังขาว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง แต่ต้องการให้ท่านผู้อ่านสนุกสนาน บันเทิงใจ และคติเรื่องบาปบุญแค่นั้นเอง แต่ก็ผิดคาด หลังจากนวนิยายเรื่องตำนานรักข้ามภพออกวางจำหน่าย ท่านผู้อ่านได้ให้การสนับสนุนบอกกันต่อๆไป ทำให้ยอดขายหมดลงในเวลาอันรวดเร็ว มีท่านผู้อ่านโทรศัพท์กลับมาและมีบางท่านได้มาพบผู้เขียนด้วยตนเอง แต่ละท่านอยากรู้ความเป็นมาเรื่องของพญาครุฑและพญานาคว่า ผู้เขียนเห็นอย่างไร รูปลักษณ์เป็นอย่างไร ผู้เขียนขอบอกว่า เป็นเรื่องที่ยากลำบากมากที่จะพูดถึงพญาครุฑและพญานาค เพราะไม่ค่อยมีใครเคยเห็น มีคนเคยเห็นพญาครุฑแบบจะจะกับตาตนเองอย่างคาดไม่ถึงได้เล่าให้ผู้เขียนฟัง แต่ตอนนี้ได้ไปเรียนต่อต่างประเทศที่ประเทศออสเตรเลียแล้ว ก่อนไปเรียนต่อต่างประเทศผู้เขียนได้ขอให้เขียนเรื่องพญาครุฑที่ได้พบมากับตนเองให้ด้วย เนื่องจากความวุ่นวายและเตรียมตัวจะไปเรียนต่อต่างประเทศ ทำให้เขาไม่มีเวลาเขียนเรื่องเล่าสู่กันฟัง เมื่อขาดพยานผู้เขียนจึงเป็นผู้เดียวที่เคยสัมผัสเห็น การเขียนเรื่องนี้จะมองว่าเป็นการมอมเมาผู้อ่าน แต่ทางท่านผู้อ่านได้บอกว่า ก็เขาเพียงแค่อยากรู้และไม่ได้คิดอะไรมากมาย ก็เพียงแค่ประสบการณ์ของคนๆ หนึ่งซึ่งก็บอกอยู่แล้วว่า เล่าสู่กันฟัง ทำให้ผู้เขียนตัดสินใจเขียนเรื่องพญาครุฑและพญานาค เป็นการเล่าสู่กันฟังอีกเรื่องหนึ่ง เริ่มด้วยพญาครุฑ[/FONT]
    [FONT=&quot]ความเชื่อว่าพญาครุฑเกิดจากจินตนาการของคนเรานี่เองไม่ใช่เรื่องจริง รู้มาจากภาพวาด จากรูปปั้น ผู้เขียนก็เคยคิดแบบเดียวกันกับคนอื่นๆเหมือนกัน เคยเห็นในธนบัตรและตามหน้าธนาคารต่างๆ พญาครุฑยังเป็นตราสัญลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ประชาชนคนไทยให้ความเคารพเทิดทูนเหนือเกล้า ดังนั้นจึงมีความคุ้นเคยกับพญาครุฑก็เพราะสาเหตุนี้ และจากความเชื่อของคนอีกกลุ่มหนึ่งที่เชื่อเรื่องของมิติ ที่ถูกปลูกฝังมาว่าพญาครุฑเป็นมนุษย์ครึ่งคนครึ่งสัตว์อยู่ในแดนป่าหิมพานต์ มนุษย์ธรรมดาอย่างพวกเราไม่สามารถรู้ได้ว่า ป่าหิมพานต์ที่เล่ามาอยู่แห่งหนใด ใกล้หรือไกลหรือเป็นเพียงแค่นิทาน พญาครุฑไม่ค่อยมีคนพูดถึงว่าเคยพบเห็น ต่างกับพญานาคที่มีคนเคยพบเห็นพูดถึงบ่อยๆ[/FONT]
    [FONT=&quot]ทั้งพญาครุฑกับพญานาคมีการเล่าขานมาว่า ทั้งสองไม่ถูกกันเป็นศัตรูกันมานาน พบกันเมื่อใดเป็นต้องต่อสู้กัน ทำให้สงสัยว่าพญาครุฑไม่ค่อยปรากฏให้คนเห็น [FONT=&quot](ผู้เขียนคิดแบบตลกๆว่า สงสัยพญาครุฑคงขี้เหร่และขี้อายมั้ง จึงไม่กล้าให้ผู้ใดพบเห็น)
    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=CmkXLnckzrM"]??????????????(animation).wmv - YouTube[/ame]
    [/FONT]
    [/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 สิงหาคม 2012
  15. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    [FONT=&quot]แล้ววัน หนึ่ง โลกเร้นลับมิติของพญาครุฑเปิดออกให้ผู้เขียนที่เป็นคนขี้สงสัยได้หมดข้อ กังขาที่ว่า พญาครุฑนั้นมีจริงหรือไม่จริง เรื่องเล่าต่อไปนี้ต่อเนื่องจากตอนที่ท่านผู้เฒ่าทั้งสามผู้มาจากสระอโนดาต ภูกระดึง ได้คาดโทษผู้เขียนและบอกว่าจะไม่มาให้ผู้เขียนเห็นอีก ขอให้ท่านผู้อ่าน อ่านเรื่องพญานาคตอนต่อจากเรื่องนี้แล้วจะเข้าใจต่อเนื่องได้ดี บทความตรงนี้ขอให้ท่านผ่านไปก่อน หลังจากท่านผู้เฒ่าบอกว่าจะไม่มาให้เห็นอีกต่อไป ความเป็นอยู่ของผู้เขียนจะไม่ได้รับการช่วยเหลือ ทรัพย์สินเงินทองที่มีอยู่จะค่อยๆหมดไปจนกว่าท่านผู้เฒ่าจะยกโทษให้ [/FONT]
    [FONT=&quot]วัน หนึ่งถึงเวลาที่จะรู้ความจริง ในขณะที่ผู้เขียนนั่งสมาธิอยู่และมีความรู้สึกตัวตลอด จิตของผู้เขียนมองเห็นสถานที่แห่งหนึ่งมีแสงสว่างสลัวๆ ได้มองเห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ ผู้ชายคนนั้นมีรูปร่างแปลกประหลาด ผู้เขียนไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใด เขาไม่ได้พูดกับผู้เขียนแม้แต่คำเดียว ยืนนิ่งเฉยปล่อยให้ผู้เขียนมองเพ่งพิจารณา ตั้งแต่ใบหน้า ผมหยิกหยองปกต้นคอดำสนิท หน้าผากมนนูนกว้างพอประมาณ หนังตานูน ขนตายาว นัยตาสีอำพัน โหนกแก้มนูนขึ้น สันกรามกว้างเรียวแหลมมาที่ปลายคาง ช่วงจมูกเป็นแบบปากนกคล้ายปากนกแก้วแต่งุ้มน้อยกว่า จะงอยปากสีเหลืองสด ลำคอใหญ่ไหล่กว้าง อกใหญ่ แขนใหญ่ เอวเล็ก มีกล้ามท้องเป็นชั้นๆ เหมือนนักกล้ามร่างกำยำแข็งแรง ต่อจากเอวลงไปตั้งแต่สะโพกจะมีรูปลักษณ์แบบไก่ชน จนกระทั่งถึงขาที่เหมือนขานกทั่วไป ขามีสีเหลืองสด อุ้งเท้าใหญ่โตมาก ร่างครึ่งคนครึ่งนกยืนปรากฏให้ดูเฉยไม่พูดอะไร จากนั้นก็ค่อยๆ หันหลังกลับ ทำให้มองเห็นปีกอันใหญ่โตที่ติดอยู่ตรงสะบักหลังทั้งสองข้าง ปีกหุบเข้าหากันยาวถึงข้อเข่าที่เป็นขานก พู่หางก็ไม่ต่างจากนกและไม่ได้นุ่งผ้ามีเพียงขนปกคลุมไว้เท่านั้น เครื่องประดับประเภทสังวาลย์ก็ไม่มีแม้แต่ชิ้นเดียว ไม่เหมือนที่เราเห็นในรูปภาพวาด ผิวออกสีน้ำตาลอมทองเป็นมันวาว คล้ายกับนักกล้ามที่ทาน้ำมันทำให้มองดูแปลกๆ ร่างครึ่งคนครึ่งนกนั้นรู้ว่าผู้เขียนเพ่งพิจารณาเขาเรียบร้อยแล้ว จึงเอาแขนแนบกับลำตัวแล้วพุ่งทะยานจากพื้นขึ้นสู่ฟ้า พอได้ระดับความสูงแล้วจึงขยับปีกบิน ก่อนที่จะบินจากไปผู้เขียนได้ถามเขาว่า [/FONT]
    “[FONT=&quot]ท่านจะไปไหน[/FONT]
    [FONT=&quot]สื่อสัมผัสตอบกลับมาว่า[/FONT]
    “[FONT=&quot]กลับรัง
    [/FONT][FONT=&quot]พอได้ยิน คำตอบเช่นนั้นรู้สึกตกใจคิดว่าคงไม่ใช่พญาครุฑจริง อาจจะเป็นปริศนาเกี่ยวกับเหตุที่จะเกิดขึ้น เพราะครุฑก็คือเงิน ในธนบัตรที่ใช้กันอยู่นั้นจะมีรูปครุฑติดอยู่เป็นสัญลักษณ์ ถ้าจะแปลความหมายว่า คงจะมีเหตุให้ต้องสูญเสียเงินไป ซึ่งตรงกับที่ท่านผู้เฒ่าได้คาดโทษเอาไว้ ทำให้ไม่สบายใจจิตจึงถอนออกแล้วนั่งพิจารณาสาเหตุ ขออย่าให้เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเลย สำหรับพญาครุฑที่เห็นในครั้งนั้น ผู้เขียนจำได้ติดตาจนถึงทุกวันนี้ และจำท่าโจนทะยานได้ไม่เคยลืม เป็นท่าที่สวยงามมากสมกับเป็นเจ้าใหญ่แห่งนกจริงๆ รูปร่างสง่างามครึ่งคนครึ่งนกที่เรียกขานกันว่า [FONT=&quot]พญาครุฑ [/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]หลัง จากผู้เขียนได้เห็นครั้งนั้นและมีผู้ไม่ปรากฏกายมาสอนให้เขียนหนังสือ พญาครุฑก็ได้มาปรากฏให้เห็นอีกครั้ง เพราะนึกภาพพจน์ของท่านเพื่อที่จะเขียนหนังสือไม่ออก ครั้งหลังนี้ผู้เขียนบอกว่าผู้คนเขาอาศัยภาพของท่านทรงเครื่องประดับ ถ้าหากภาพท่านตามความเป็นจริงที่มองเห็น เขาคงจะขัดแย้งตามความรู้สึกที่ได้เคยเห็นภาพของท่านจากรูปปั้นหรือภาพวาด ขอให้ท่านแต่งเครื่องทรงยืนให้ผู้เขียนดู เพื่อบรรยายภาพในการเขียนนวนิยาย เรื่องตำนานรักข้ามภพด้วย แล้วภาพพญาครุฑก็เปลี่ยนเป็นภาพดังที่บรรยายไว้ในหนังสือ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไรก็ต้องหาอ่านกันเอาเองก็แล้วกัน [/FONT]
    [FONT=&quot]จบ เรื่องที่ได้สัมผัสเห็นพญาครุฑแล้ว ผู้เขียนก็ยังค้างคาใจอยู่ เพราะไม่มีอะไรเป็นเครื่องพิสูจน์ ต่อมาเพื่อนของลูกชายคนหนึ่งเป็นลูกชายของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ถ้าเอ่ยชื่อท่านผู้อ่านอาจรู้จัก เพราะเคยเห็นทางหน้าหนังสือพิมพ์หรือทีวี ผู้เขียนเห็นเด็กคนนี้มาหลายปีแล้ว เขากับลูกชายเป็นเพื่อนรักกันสมัยเรียนหนังสือมัธยมมาด้วยกัน [/FONT]
    [FONT=&quot]วัน หนึ่งเพื่อนลูกชายคนนี้ได้มาคุยกับผู้เขียน และมาถามเรื่องพญาครุฑที่เขาเคยเห็นว่า พญาครุฑมาได้อย่างไรและมาจากไหน เขาได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า บ้านเขาอยู่แถวพงษ์เพชรหมู่บ้านชินเขต เย็นวันหนึ่งเขาขับรถกลับเข้าบ้าน วันนั้นไม่มีใครอยู่บ้านจึงจอดรถแล้วเอากุญแจลงไปไขประตูบ้านเอง ขณะนั้นเองได้มีลมพัดมาวูบใหญ่พัดปะทะเข้ากับใบหน้า แต่เขาก็ไม่สนใจยังคงไขประตูต่อไป เมื่อไขประตูออกแล้วได้มีลมพัดมาอีกวูบใหญ่ปะทะเข้ากับใบหน้าแรงกว่าครั้ง แรก เขาจึงหันไปมองที่รั้วบ้าน ทันทีที่เขามองเห็นก็ต้องตกใจ เพราะที่กำแพงรั้วบ้าน เขาเห็นนกประหลาดตัวใหญ่โตมากยืนเกาะกำแพงรั้วบ้านโดยใช้อุ้งเท้าอันใหญ่จับ ขอบกำแพงรั้ว และกำลังเอียงคอมองมาทางเขา
    ยังมีต่อครับ
    [/FONT]
     
  16. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    <table id="post6535325" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"><td class="alt1" id="td_post_6535325" style="border-right: 1px solid #FFFFFF">[FONT=&quot]พอ ได้ยินคำตอบเช่นนั้นรู้สึกตกใจคิดว่าคงไม่ใช่พญาครุฑจริง อาจจะเป็นปริศนาเกี่ยวกับเหตุที่จะเกิดขึ้น เพราะครุฑก็คือเงิน ในธนบัตรที่ใช้กันอยู่นั้นจะมีรูปครุฑติดอยู่เป็นสัญลักษณ์ ถ้าจะแปลความหมายว่า คงจะมีเหตุให้ต้องสูญเสียเงินไป ซึ่งตรงกับที่ท่านผู้เฒ่าได้คาดโทษเอาไว้ ทำให้ไม่สบายใจจิตจึงถอนออกแล้วนั่งพิจารณาสาเหตุ ขออย่าให้เรื่องไม่ดีเกิดขึ้นเลย สำหรับพญาครุฑที่เห็นในครั้งนั้น ผู้เขียนจำได้ติดตาจนถึงทุกวันนี้ และจำท่าโจนทะยานได้ไม่เคยลืม เป็นท่าที่สวยงามมากสมกับเป็นเจ้าใหญ่แห่งนกจริงๆ รูปร่างสง่างามครึ่งคนครึ่งนกที่เรียกขานกันว่า [FONT=&quot]พญาครุฑ [/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]หลัง จากผู้เขียนได้เห็นครั้งนั้นและมีผู้ไม่ปรากฏกายมาสอนให้เขียนหนังสือ พญาครุฑก็ได้มาปรากฏให้เห็นอีกครั้ง เพราะนึกภาพพจน์ของท่านเพื่อที่จะเขียนหนังสือไม่ออก ครั้งหลังนี้ผู้เขียนบอกว่าผู้คนเขาอาศัยภาพของท่านทรงเครื่องประดับ ถ้าหากภาพท่านตามความเป็นจริงที่มองเห็น เขาคงจะขัดแย้งตามความรู้สึกที่ได้เคยเห็นภาพของท่านจากรูปปั้นหรือภาพวาด ขอให้ท่านแต่งเครื่องทรงยืนให้ผู้เขียนดู เพื่อบรรยายภาพในการเขียนนวนิยาย เรื่องตำนานรักข้ามภพด้วย แล้วภาพพญาครุฑก็เปลี่ยนเป็นภาพดังที่บรรยายไว้ในหนังสือ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นอย่างไรก็ต้องหาอ่านกันเอาเองก็แล้วกัน [/FONT]
    [FONT=&quot]จบ เรื่องที่ได้สัมผัสเห็นพญาครุฑแล้ว ผู้เขียนก็ยังค้างคาใจอยู่ เพราะไม่มีอะไรเป็นเครื่องพิสูจน์ ต่อมาเพื่อนของลูกชายคนหนึ่งเป็นลูกชายของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ถ้าเอ่ยชื่อท่านผู้อ่านอาจรู้จัก เพราะเคยเห็นทางหน้าหนังสือพิมพ์หรือทีวี ผู้เขียนเห็นเด็กคนนี้มาหลายปีแล้ว เขากับลูกชายเป็นเพื่อนรักกันสมัยเรียนหนังสือมัธยมมาด้วยกัน [/FONT]
    [FONT=&quot]วัน หนึ่งเพื่อนลูกชายคนนี้ได้มาคุยกับผู้เขียน และมาถามเรื่องพญาครุฑที่เขาเคยเห็นว่า พญาครุฑมาได้อย่างไรและมาจากไหน เขาได้เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า บ้านเขาอยู่แถวพงษ์เพชรหมู่บ้านชินเขต เย็นวันหนึ่งเขาขับรถกลับเข้าบ้าน วันนั้นไม่มีใครอยู่บ้านจึงจอดรถแล้วเอากุญแจลงไปไขประตูบ้านเอง ขณะนั้นเองได้มีลมพัดมาวูบใหญ่พัดปะทะเข้ากับใบหน้า แต่เขาก็ไม่สนใจยังคงไขประตูต่อไป เมื่อไขประตูออกแล้วได้มีลมพัดมาอีกวูบใหญ่ปะทะเข้ากับใบหน้าแรงกว่าครั้ง แรก เขาจึงหันไปมองที่รั้วบ้าน ทันทีที่เขามองเห็นก็ต้องตกใจ เพราะที่กำแพงรั้วบ้าน เขาเห็นนกประหลาดตัวใหญ่โตมากยืนเกาะกำแพงรั้วบ้านโดยใช้อุ้งเท้าอันใหญ่จับ ขอบกำแพงรั้ว และกำลังเอียงคอมองมาทางเขา

    ยังมีต่อ
    [/FONT]
    </td> </tr> <tr> <td class="alt2" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-top: 0px"> [​IMG] [​IMG] [​IMG] </td> <td class="alt1" style="border: 1px solid #FFFFFF; border-left: 0px; border-top: 0px" align="right"> [​IMG]</td></tr></tbody></table>
     
  17. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    [FONT=&quot]ด้วยความ ตกใจเขาจึงรีบเปิดประตูแล้ววิ่งเข้าบ้านไป พอตั้งสติได้แล้วจึงค่อยๆ ย่องออกมาดูที่กำแพง แต่ก็ไม่พบนกประหลาดครึ่งคนครึ่งนกไม่รู้ว่าหายไปไหน[/FONT]
    [FONT=&quot]ผู้เขียนอยากจับผิดจึงถามเขาว่า [/FONT]
    “[FONT=&quot]พญาครุฑตัวโตขนาดไหน[/FONT]
    [FONT=&quot] “สูงประมาณร้อยแปดสิบเซ็นติเมตรได้[/FONT]
    “[FONT=&quot]รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร[/FONT]
    “[FONT=&quot]หน้าเหมือนคน ปากเหมือนนกมีสีเหลือง ไหล่กว้างอกล่ำแบบนักกล้าม ท่อนล่างจากเอวลงมาเหมือนไก่ อุ้งเท้าใหญ่คีบเกาะอยู่บนกำแพง[/FONT]
    [FONT=&quot]เพื่อให้แน่ใจว่าที่เขาบอกมานั้นตรงกับที่ผู้เขียนเคยเห็นหรือเปล่า จึงได้ถามเพื่อพิสูจน์เป็นคำถามสุดท้ายว่า [/FONT]
    “[FONT=&quot]พญาครุฑมีเครื่องทรงเครื่องประดับแบบไหน[/FONT]
    [FONT=&quot]เด็กหนุ่มตอบว่า[/FONT]
    “[FONT=&quot]พญาครุฑไม่ได้นุ่งผ้าและไม่มีเครื่องประดับอะไร[/FONT]
    [FONT=&quot]ขอ ให้ท่านผู้อ่านลองพิจารณาดู พญาครุฑในความเคยชินของพวกเรานั้น จะต้องมีเครื่องทรงเครื่องประดับ มีสร้อยสังวาลย์ตามที่เคยเห็นในภาพวาดหรือรูปปั้น แต่ที่ผู้เขียนกับเด็กหนุ่มเห็นมาตรงกัน ซึ่งแตกต่างจากภาพวาดโดยสิ้นเชิง ในความรู้สึกส่วนตัวและความเคยชินก็เหมือนท่านผู้อ่าน ที่จะชินกับภาพลักษณ์ของพญาครุฑที่เห็นตามหน้าธนาคาร ตามวัดและตามสถานที่ต่างๆ จะแต่งตัวทรงเครื่องประดับมีสังวาลย์ห้อยคอ ถ้าหากไม่มีภาพซ้อนขึ้นมาให้เห็นคงนึกไม่ถึง ว่าภาพของพญาครุฑจะไม่ได้นุ่งผ้าไม่มีเครื่องประดับ ผู้เขียนจึงไม่ลังเลที่จะเชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนี้ได้เห็นพญาครุฑจริง เด็กหนุ่มคนนี้เป็นคนใกล้ตัวที่จะเป็นพยานให้ผู้เขียน เชื่อในสิ่งที่เห็นมาทางจิตสัมผัสว่าสิ่งนั้นเป็นความจริง[/FONT]
    [FONT=&quot]เด็กหนุ่มคนนี้ได้ถามผู้เขียนว่า[/FONT]
    “[FONT=&quot]ทำไม[FONT=&quot]..? พญาครุฑถึงได้มาปรากฏในกรุงเทพฯ มาให้เห็นได้อย่างไร? แล้วทำไม? คนกรุงเทพฯ อื่นๆ ไม่เห็น[/FONT]”[/FONT]
    [FONT=&quot]คำถามอันนี้ก็หาคำตอบทันทีทันใดไม่ได้ เพราะผู้เขียนเองก็สงสัยเหมือนกันว่าเป็นไปได้อย่างไร[FONT=&quot]? ก็ต้องพึ่งปัญญาสมาธิกำหนดจิตถาม ไม่นานความรู้ก็ผุดขึ้นมาเป็นคำตอบที่จิตว่า [/FONT][/FONT]
     
  18. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    [FONT=&quot]การที่พญาครุฑมาปรากฏให้เด็กหนุ่มคนนั้นเห็น ตัวพญาครุฑเองยังคงอยู่ในถิ่นที่อาศัยภพแดนของพญาครุฑ ฝ่ายเด็กหนุ่มก็อยู่ในบ้านภพแดนของมนุษย์ จังหวะนั้นเองที่มิติระหว่างภพมนุษย์กับมิติของภพพญาครุฑเปิดตรงกันพอดี พญาครุฑที่ยืนเอียงคอมองเด็กหนุ่ม ในความเป็นจริงแล้วพญาครุฑยืนเกาะกิ่งต้นไม้ใหญ่ ส่วนเด็กหนุ่มยืนไขประตูบ้านอยู่ที่บ้านของตนเอง พญาครุฑก็ยืนเอียงคอมองด้วยความสงสัยเหมือนกันว่า เจ้ามนุษย์มาปรากฏในถิ่นภพแดนของตนได้อย่างไร[FONT=&quot]? มาทำไม? ส่วนเด็กหนุ่มก็ตกใจกลัว พญาครุฑมาปรากฏได้อย่างไร? ทำไม? จึงมายืนเกาะบนกำแพงรั้วบ้านตนเอง อีกนัยหนึ่งคงเป็นเพราะทั้งสองคงเคยมีความผูกพันเกี่ยวข้องกันมาในภพชาติไหน จึงทำให้มองเห็นซึ่งกันและกันได้ทั้งๆที่อยู่ต่างภพกัน [/FONT][/FONT]
    [FONT=&quot]สรุปเรื่องนี้ก็คือ มิติเปิดชั่วครู่ตรงกันพอดีแค่นั้นเอง เรื่องของพญาครุฑที่ผู้เขียนเคยสัมผัสเห็นและมีส่วนในการช่วยให้เขียนหนังสือ เรื่องตำนานรักข้ามภพ ทำให้เชื่อว่าสิ่งที่คนโบราณพูดกันมันมีมูลความจริง ส่วนเด็กหนุ่มเองก็ยังไม่เคยฟังผู้เขียนเล่าเรื่องนี้มาก่อน [/FONT]
    [FONT=&quot]เรื่องของพญานาคและพญาครุฑ ว่ามีจริงหรือไม่ เกี่ยวข้องกับผู้เขียนอย่างไรก็ได้เล่าสู่กันฟังจบลงเพียงแค่นี้ สำหรับผู้เขียนยังไม่จบ ยังคงต้องมีเรื่องอีกมากมายเข้ามาเป็นบทเรียนให้ได้เรียนรู้ ตราบใดที่ยังนั่งสมาธิและมีลมหายใจอยู่ เรื่องราวต่างๆ ก็ยังคงเข้ามาผจญไม่มีวันจบสิ้น [/FONT]

    [FONT=&quot]ตอนนี้ต้องขอเล่าเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง และต่อเนื่องกับเรื่องที่เล่ามาแล้วเพื่อให้ท่านเข้าใจว่า เมื่อมีความรู้ทำไมถึงไม่รู้ว่าตนเองจะพบกับเรื่องร้ายๆอะไรบ้าง คล้ายกับว่าดูแต่คนอื่นแต่ถึงทีตนเองกลับไม่รู้ เพื่อความเข้าใจและต่อเนื่องจึงจำเป็นต้องแทรกเรื่องนี้ให้ท่านผู้อ่านได้รับรู้ [/FONT]
    [FONT=&quot]ได้มีนักธุรกิจที่มีระดับท่านหนึ่ง ได้พาครอบครัวและพี่น้องมาพบผู้เขียน เมื่อได้คุยกันจึงทราบว่าเขาชื้อหุ้นไว้หลายสิบล้านบาท เขาได้ถามผู้เขียนว่า หุ้นที่ซื้อไว้ตอนนี้ถ้าหากนำออกเทขายจะทำกำไรให้เขามากทีเดียว เขาตัดสินใจไม่ได้เพราะหุ้นกำลังดีมาก จึงอยากให้ผู้เขียนช่วยทำจิตดูให้เขาหน่อยว่า จะเสี่ยงซื้อไว้อีกหรือจะขายหุ้นที่มีอยู่ออกไป [/FONT]
     
  19. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    <table id="post6550244" class="tborder" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr valign="top"><td class="alt1" id="td_post_6550244" style="border-right: 1px solid #FFFFFF">[FONT=&quot]ผู้ เขียนเห็นว่าท่านผู้นี้เป็นคนที่คุ้นเคยกันมานาน จึงได้กำหนดจิตดูเรื่องนี้ ก่อนทำได้บอกไว้ก่อนแล้วว่า ถ้าหากไม่รู้ไม่เห็นก็อย่าว่ากันนะ ทุกคนเข้าใจ พอกำหนดจิตก็เห็นกระดานหุ้นขึ้นมา ผู้เขียนจึงป้อนคำถามไปว่าหุ้นจะดีหรือไม่ดีและจะเป็นยังไงต่อไป ปรากฏว่าตัวเลขในกระดานหุ้นนั้นเป็นสีแดงและมีตัวหนังสือเป็นภาษาไทยขึ้นมา ว่า ตกติดดินในอีกไม่นานนี้และธุรกิจอื่นๆจะทรุดไปอีกนานหลายปี เมื่อถอนจิตออกมาแล้วได้บอกกับพี่น้องกลุ่มนั้น ตามภาพที่มองเห็น บอกเขาว่า ควรขายหุ้นที่มีอยู่ดีกว่าที่จะซื้อไว้ ที่กล้าพูดแบบนั้นออกไปเพราะจิตที่สัมผัสเห็นไม่มีอาการลังเลเลย จึงมีความมั่นใจมาก ผู้ที่อยู่ในนั้นจึงแตกออกเป็นสองฝ่าย อีกฝ่ายหนึ่งเชื่อ อีกฝ่ายหนึ่งแย้ง เหตุผลที่แย้งก็เพราะมันไม่น่าจะเป็นไปได้ เมืองไทยตอนนั้นทุกสิ่งทุกอย่างกำลังรุ่งโรจน์ ที่ดินก็ขึ้นสูงขายกันเป็นว่าเล่นไม่น่าจะมีปัญหาอะไร คนที่เชื่อก็ขายหุ้นที่ซื้อไว้ไม่เก็งกำไรอีกต่อไป คนที่ไม่เชื่อก็ซื้อเก็บไว้อีก [/FONT]
    [FONT=&quot]การ รู้ล่วงหน้าในส่วนตัวของผู้เขียน โดยผ่านปัญหาของคนอื่น ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะว่าได้รับงานไว้มากมาย และงานที่ทำต้องใช้เงินสกุลดอลลาร์ เมื่อก่อนหนึ่งดอลลาร์นั้นแค่ยี่สิบหกบาท ต่อมาก็ขึ้นเรื่อยๆ ดังที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ สองสามปีมาแล้วก็ไม่เคยลงต่ำกว่าสี่สิบบาทสักที ทำให้การค้าขายของผู้เขียนขาดทุนตั้งแต่นั้นมา ซึ่งก็เป็นการพิสูจน์คำพูดของผู้เฒ่าทั้งสามว่าเป็นจริงในเวลาต่อมา [/FONT]
    [FONT=&quot]ธุระ กิจของผู้เขียนเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จึงได้ตัดรายจ่ายทั้งหมดด้วยการขายรถที่มีอยู่ทั้งสองคัน ตัวผู้เขียนเองก็ตกอยู่สภาพเครียดจัด แต่ก็พยายามรักษาสมบัติที่เหลืออยู่ให้ได้ โชคดีที่สามีมีงานทำที่ดีมีเงินเดือนหลายหมื่น พอที่จะบรรเทาเบาบางลงไปได้บ้าง แต่ก็ยังไม่เพียงพอจึงทำให้ความเครียดไม่ได้ลดน้อยลง พยายามสงบสติอารมณ์ด้วยการสวดมนต์ภาวนานั่งสมาธิ ก็ช่วยหยุดความฟุ้งซ่านได้บ้าง ผู้เขียนพยายามประคับประคองตนและจิตสมาธิเต็มกำลังที่มีอยู่ด้วยความยาก ลำบาก[/FONT]
    [FONT=&quot]ช่วง เวลาผ่านไปประมาณสองปี วันหนึ่งผู้เขียนก็ถึงวาระจิตตก ขาดการควบคุมชั่วขณะปล่อยให้ความฟุ้งซ่านเข้ามาเป็นผู้บงการจิต ต้นเหตุมาจากความสงสารลูกๆ ที่กำลังเรียนกันอยู่ และรำพันออกมาคนเดียวว่า [/FONT]
    [FONT=&quot]“[FONT=&quot]ตัว เราไม่เคยทำความเดือนร้อนให้ผู้ใด แต่ถ้าใครเดือนร้อนและมาขอความช่วยเหลือทั้งทางโลกและทางธรรมก็ไม่เคยปฏิเสธ สิ่งเหล่านี้น่าจะส่งเสริมผู้เขียนให้พ้น[/FONT][/FONT]
    </td> </tr> </tbody></table>
     
  20. piyaa

    piyaa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    1,730
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,072
    [​IMG]

    พระครูเทพโลกอุดร?
     

แชร์หน้านี้

Loading...