มาวิเคราะห์คำทำนาย จากภัยธรรมชาติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย Falkman, 3 กรกฎาคม 2006.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    คนไม่มีสัจจะ คนไม่เชื่อว่า "สัจจะมีผลตอบแทน"...โลกเขาก็ไม่ปล่อยให้อยู่ - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  2. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=0 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#a77842>
    ประสูติถิ่นกาขาว​
    </TD></TR><TR><TD>
    กาดำดื่มน้ำตะโก พึ่งพักฟังบนป่ายี่โถ กาดำรู้นาดี จะเปลี่ยนสีเป็นกาขาวชาวอริยะ <CENTER>ภายหลังประเทศสยามเปลี่ยนชื่อมาเป็นประเทศไทยเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2482 เวลา 09.00 น. ลัคนาราศีกรกฎ จะแบ่งยุคบ้านเมืองออกเป็น 10 ยุค ยุคละ 10 ปี ดังนี้ </CENTER> 1.พ.ศ.2482 - 2492 ยุคกาลี 2.พ.ศ.2492 - 2502 ยุคมิตรมาเยือน 3.พ.ศ.2502 - 2512 ยุคเฉือนดินแดน 4.พ.ศ.2512 - 2522 ยุคแสนแค้นกลางเขาควาย 5.พ.ศ.2522 - 2532 ยุคลายเสือครองเมือง 6.พ.ศ.2532 - 2542 ยุคฟูเฟื่องชาวสังคม 7.พ.ศ.2542 - 2552 ยุคชมบุญทรราชย์ 8.พ.ศ.2552 - 2562 ยุคชาติวิปโยค 9.พ.ศ.2562 - 2572 ยุคโรคคลาย 10.พ.ศ.2572 - 2582 ยุคหายกังวล <CENTER>[​IMG]ปลายปีจอ พ.ศ. 2549 ยามเดือนแรม ฝูงชนทั้งหลายจะเกิดเดือดร้อนหลาย เช่น ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนไฟและน้ำ ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนบ่มีไผเบิ่งไผ ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนอึดข้าวปลาอาหาร ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนผัว - เมียบ่เห็นหน้ากัน ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนมีคนตายตามทุ้งไร่ทุ่งนา ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนไปต่างประเทศบ่สะดวก ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนนอนบ่หลับ เมืองกรุง ทุกข์ยากฮ้อน ย้อนศึกขัดแย้งบ่แล้ว [​IMG]พ.ศ. 2550 - 2552 สงครามชีวภาพ ระหัส VX โลกวิปโยคผังแห่งการทำลายล้างมาสู่บุคคล นำความวิบัติสู่สงคราม A-Bomb มหาวิบัติทางสารเคมี ชีวภาพ เชื้อโรคร้ายกลายพันธุ์ระหว่างพญาอินทรี มังกรเขียว กับทะเลทรายเจ้าผืนนั้น(ปรมัตถ์งานทศพลคือ ฉักโถ อากาศธาตุเยือกเย็น) สำหรับประเทศไทย</CENTER> เมื่อเข้าสู่ยุคอริยะภูมิแล้ว จะเป็นการพลิกมังกรแผ่นดิน ที่จากเดิมภาคใต้คือด้ามขวาน ทำให้เกิดปัญหาภาคใต้ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะด้ามขวานเป็นผู้ฟัน ขณะที่แผ่นดินผืนใหญ่เป็นคมขวาน จึงต้องเสียหายบาดเจ็บ เดือดร้อนอยู่ทุกวันนี้ ภาคใต้จะเปลี่ยนเป็นปิ่นปักเศียร หมายความแผ่นดินใหญ่คือศีรษะ แผ่นดินสยามจึงจักเป็นปิ่นของศาสนจักร อาณาจักร พุทธจักร อย่างแท้จริง ในส่วนของบาปศักดิ์สิทธิ์ลงโทษเป็นกรรมที่กำลังให้ผลอยู่ ไม่อาจลบล้างได้ มันจะต้องให้ผลสืบไปจนสุดกำลังของมัน สามารถทอนจากหนักเป็นเบา คือ อ่อนกำลังลง ด้วยบุญขั้นสูงคือ ฌานสมาบัติ ส่วนบาปที่จะผลิต่อไปในยุคต่อไป จะพลิกผันเป็น 8.พ.ศ.2552
     
  3. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    ทศพล น่าจะหมายถึงกำลังพลทั้งสิบ คือ พระนิตยโพธิสัตว์นั่นเอง ที่มาช่วยกัน

    Let us watch the son of Pra Sri Ariya, จับตาดูพระศรีอาร์ฯ

    disciple of the Lord Bhuddha and Luang Poo Loke Udorn,

    ได้รับโองการจากพระพุทธเจ้าและหลวงปู่โลกอุดร

    bloodline of Dewas of 3 worlds,

    ผู้มีสายเลือดจากสามโลก

    the man with an amazing intelligence unmatched by billion of geniuses,

    ผู้มีความอัจฉริยมหัศจรรย์ อันไม่เข้ากันของศาสตร์ทั้งปวง

    the man who 'll do The Biggest of all is Siam shine on the date 6-6-06

    สร้างความยิ่งใหญ่ดั่งสยามยามอรุณ ณ 6-6-06

    a new source of energy in the land of smile

    ค้นพบพลังใหม่? (อาจจะเป็นพลังศรัทธาก็ได้)

    when the golden yellow flowers bloom all over the land.

    ซึ่งตอนนี้ก็คือ ทุกคนในประเทศสวมเสื้อเหลือง?

    In the name of the Thunder and Lightning God ,

    ในนามเจ้าแห่งแสงสว่างและพายุ

    he will likely bring a new source of energy : "the water of life" to produce unlimited energy & a source of nuclear power

    เขาจะนำพลังงานใหม่ "น้ำแห่งชีวิต" อันไร้ประมาณเป็นต้นพลังงานนิวเคลียร์ (อาจเกิดจากผู้ทำนายคาดเดาจากปัจจุบัน)
     
  4. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    ปรมัตถ์งานทศพล

    ปฐโม พยัคฆ์ใหญ่ย่ำเมฆา

    เริ่มจากมีชาติที่ยิ่งใหญ่ออกบินทั่วโลก (น่าจะหมายถึงอเมริกาต่อรองกับคนทั่วโลก)

    ทุติโย มังกรทองพ่นไฟ

    อาจหมายถึงประเทศจีนยิงอาวุธ? ต่อมา

    ตติโย พญาอินทรีผงาดไกล

    จากนั้น พญาอินทรีย์ ? (ใคร) จะได้ชัยทั่วโลก

    จตุโถ ทะเลทรายยิ่งใหญ่....

    พวกอาหรับ (ทางทะเลทราย) จะยิ่งใหญ่จากสงคราม?

    ปัญจโม มหาสมุทรเจ้าผืนน้ำ

    จากนั้นภัยน้ำจะมา (พระแม่ธรณีบีบมวยผม)

    ฉักโถ อากาศธาตุเยือกเย็น

    อากาศเริ่มหนาวเย็น (น้ำแข็งขั้วโลกละลาย)

    สัตโม พระอาทิตย์เคียงคู่เพ็ญ

    คนสองคนที่ดั่งพระอาทิตยืและพระจันทร์ผู้ให้แสงธรรมแก่โลก

    อัฒโม ดอกไม้ทิพย์แย้มบาน

    ชาวสวรรค์ที่ยังมีชีวิตก็เริ่มมีความสุข

    นวโม เก้ามงคลอวยพรชัย

    จะได้รับโชคมงคล 9 ประการ

    ทศโม ศรีวิไลทั่วแดนดิน

    จากนั้นเข้าสู่ยุคศรีวิไล


    หมายเหตุแกะปริศนาคำทำนายจากบบกลอนในนวกาพรหม
    http://www.navagaprom.com/booklist.php?pg=4
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 ธันวาคม 2006
  5. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,171
    :cool: :cool: :cool:


    "
     
  6. yutkanlaya

    yutkanlaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    865
    ค่าพลัง:
    +4,403
    (verygood) (verygood) (bb-flower (bb-flower [b-hi]
    ถูกต้องที่สุด มนุษย์น้อย ผู้น่าสงสาร เอ๋ย
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** สูตรรอดพ้น หลุดพ้น ****

    " เมตตา และ สัจจะ "

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** กรรมมา ****

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  9. loveg

    loveg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    125
    ค่าพลัง:
    +1,079
    ตอนนี้ผมกำลังเพิ่มบารมี แบบที่พี่หนุมานบอกเลยครับ
    มันรู้สึกมาได้สัก 2 - 3 ปีแล้ว ว่าต้องทำทางด้านนี้
    แต่ผมเริ่มรู้สึกจาก รัก-ให้อภัย แล้วมาที่สัจจะ

    เพราะรู้จักรัก จึงรู้จักให้อภัย เหมือนพ่อแม่ที่รักลูก
    และเพราะคนเรารู้จักให้อภัย จึงรู้สึกรักได้อย่างบริสุทธิ์
    และเพราะรู้สึกได้ทั้งรักและให้อภัย จึงทำให้เกิดความเมตตาออกมาจากใจ
    ได้ใสบริสุทธิ์ งดงาม เต็มเปี่ยมที่สุด

    เมตตาและสัจจะที่ผมรับรู้ รู้สึกว่าเป็นบารมีที่สำคัญมากๆ สำหรับผม เหมือนเป็น
    ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกเรื่องราว ทุกการกระทำ และเป็นเรื่องของจิตที่อธิบายได้ไม่หมด
    ผมเคยนึกกำหนดรู้เรื่องนี้จนเข้าใจ และลงมือกระทำ เมื่อตั้งใจเป็นปกติแล้ว ผมก็ลืมเลือนไป อาจเป็นเพราะผมยังทำบารมีไม่มากพอจึงลืมไปก็ได้ แต่ผมยังระลึก
    และยึดถืออยู่ในใจเสมอ และกำลังพยายามสร้างบารมีนี้ให้เต็มกำลัง
     
  10. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    อนุโมทนาครับ ขอให้ตั้งใจต่อไป
     
  11. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +3,589
    วันนี้ได้ไปทำบุญกับหลวงปู่ท่านหนึ่งที่จ.ยโสธร ท่านเป็นผู้ที่มีแววตาใสจริงๆ ได้มีโอกาสได้สนทนากับท่านเรื่องเกี่ยวกับพระศรีอริยเมตตรัยว่าปรากฎตัวอยู่ที่ในเมืองไทยจริงไหม ท่านบอกว่าจริง อีกท่านหนึ่งถามว่าอยู่จังหวัดใด ท่านบอกว่าท่านมาช่วยคุ้มครองประเทศไทย ผมได้ถามว่า ท่านได้แบ่งเสี้ยวลงมาเกิดใช่ไหม ท่านก็บอกว่าใช่ และผมได้สอบถามเรื่องมีผู้ที่จ้องทำลายประเทศเป็นจำนวนมากใช่ไหม ท่านบอกว่าเป็นธรรมดาของโลก มันเป็นอย่างนี้แหละ จะทำดีหรือชั่วก็ไม่มีใครห้าม ทำดีก็จะได้ผลดี ทำชั่วก็จะได้ผลชั่ว แล้วผมก็ได้ขอพรจากท่าน ท่านก็เมตตาเป่าศรีษะให้ผม ผมเกิดปิติมากจนอิ่ม ข้าวเที่ยงก็ยังไม่ได้กิน แต่ไม่รู้สึกหิวเลย ดีใจกับอนาคตของประเทศชาติว่าอย่างไรเสียก็ไม่มืดมนอย่างแน่นอน เมื่อมาพิจารณาแล้วจะเห็นว่าหลวงปู่ได้บอกใบ้อะไรบางอย่างแก่เรา เช่น ทำกรรมอะไรก็จะได้ผลอย่างนั้น (ได้อย่างรวดเร็ว)
    ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ผู้ใดที่ต้องการพบพระศรีฯ ก็ต้องรีบสร้างบุญกุศล(ทาน ศีล ภาวนา)ให้ทันกาล และต้องฉลาดในการอธิษฐานจิตด้วย
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เชียงดาว...เทวาลัยบรรพต


    <!-- Main -->[SIZE=-1][​IMG][/SIZE]​

    [SIZE=-1]ขุนเขารูปเกือกม้า ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในดินแดนนพบุรีสรีนครพิงค์เชียงใหม่ ที่สูงเสียดฟ้าเพียงดาว นั้นนอกจากจะเป็นแหล่งที่อุดมด้วยพืชพรรณเฉพาะถิ่น และส่ำสัตว์หายากต่าง ๆ แล้ว ดอยแห่งนี้ ยังเป็นที่สถิตของเหล่าเทวาอารักษ์แห่งเมืองพิงค์ด้วย [/SIZE][SIZE=-1]​

    [SIZE=-1]ดอยหินปูนที่เงื้อมง้ำ ปกคลุมด้วยหมอกเหมยนั้น เป็นแหล่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เคารพของผู้คนตลอดมา ด้วยเป็นแหล่งสถิตของ​
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ตำนานเมืองฝางและอ่างสลุงเชียงดาว


    <DD>[SIZE=-1]เรื่องในตำนานเมืองฝางและอ่างสลุงเชียงดาว มี ๓ ตอน โดยแต่ละตอนจบในตัวเอง [/SIZE]<DD> <DD><DD>[SIZE=-1]ตอนที่ ๑ เริ่มกล่าวตั้งแต่พระพุทธเจ้าเสด็จมาจากดอยเกิ้ง (ในเขตอำเภอจอมทองเชียงใหม่) โดยมีพระอรหันต์ พระอินทร์ และพระยาอโสกธัมมิกราช ติดตามมาด้วย เมื่อทรงพบลัวะผู้หนึ่ง กำลังวิดน้ำเข้านา จึงทรงทำนายว่า ในที่นั้นต่อไปจะเป็นเมืองหอด ทรงประทับรอยพระบาทไว้บนหินที่มีลักษณะคล้ายเต่า เมื่อเดินทางต่อไป พระยานาคเกิดความเลื่อมใสจึงประทับรอยพระบาทไว้ให้และทำนายว่าต่อไปจะเป็นเมืองมหานคร ครั้นเดินทางไปถึงบ้านลัวะที่เป็นช่างปั้นหม้อ ทำนายว่า ต่อไปจะเป็นเมืองภุญชานคร และสั่งเอาไว้ว่าหากพระองค์นิพพานไปแล้ว ให้นำเอาธาตุกระดูกศีรษะด้านขวามาบรรจุไว้ที่นี่[/SIZE] <DD>[SIZE=-1]เมื่อเสด็จมาถึงใต้ร่มมะขาม เทวดาบันดาลห่าฝนเงินทองตกลงมาปูชา จึงได้ชื่อว่าดอยเขาฅำหลวง จากนั้นจึงเสด็จไปทางทิศตะวันออก ทำนายว่าต่อไปจะเป็นเมืองใหญ่ มีอารามสำคัญ ๖ แห่ง ทรงประทับรอยพระบาทไว้บนก้อนหิน เมื่อมาถึงใต้ร่มไม้บุนนาค สองสามีภรรยานำเอาดอกบัวมาถวาย ก็ทรงทำนายว่าต่อไปจะเป็น วัดบุปผาราม คือวัดสวนดอกไม้ ทรงอธิษฐานให้เกศาธาตุแตกออกเป็น ๘ เส้นบรรจุไว้ในสถานที่ดังกล่าว[/SIZE] <DD>[SIZE=-1]ครั้นเสด็จมาถึงกอไม้หก จึงทำนายว่าต่อไปจะเป็นเวฬุวนารามป่าหก ทรงประทานพระเกศาธาตุไว้ เมื่อเสด็จไปทางทิศตะวันออก ทำนายว่าต่อไปจะเป็นวัดบุพพาราม ต่อมามีพระชาวพม่ามาขอบวชใหม่ ทำนายว่าต่อไปจะเป็นเมืองชีใหม่ หรือเมืองเชียงใหม่ เมื่อเสด็จไปทางทิศตะวันออก ลัวะนำเนื้อวัวกระทิงย่างมาถวาย ทำนายว่าต่อไปจะเป็นวัดอโสการาม ทรงประทานเกศาธาตุไว้ จากนั้นจึงเสด็จไปทางทิศใต้ ลัวะนำผลไม้มาถวาย ทำนายว่าต่อไปจะเป็นวัดพิชชอาราม[/SIZE] <DD>[SIZE=-1]เมื่อเสด็จไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ นักบวชชาวพม่า ๗ ตน ขอเอาเกศาธาตุ ทำนายว่าต่อไปจะเป็นสังฆอาราม จากนั้นจึงเสด็จไปสู่ทิศหรดี ลัวะสร้างกระท่อมไม้ถวายให้เป็นที่ประทับ ทำนายว่า ต่อไปเป็นวัดอินทาราม ทรงประทานเกศาธาตุไว้ ต่อมาเมื่อเสด็จเข้าไปในหมู่บ้านลัวะ นักบวชชาวพม่าจุดไฟบูชา ทำนายว่าต่อไปจะเป็นโชติอราม ทรงประทานพระเกศาธาตุ พร้อมทั้งรับสั่งว่าถ้านิพพานไปแล้ว ให้นำเอาธาตุฝ่ามือขวามาบรรจุที่นี่ จากนั้นจึงเสด็จไปโปรดช่างปั้นหม้อ ลัวะสร้างพระพุทธรูปองค์เล็กๆ จำนวน ๓ ล้าน ๖ แสนองค์ถวาย จึงให้นำไปฝังไว้ เมื่อเสด็จไปถึงดอยนั่งนอน ก็ประทานพระเกศาธาตุ ส่วนในเมืองยวม เมืองยาง เมืองแช่ ทรงประทับรอยพระบาทไว้ที่ละแห่ง[/SIZE] <DD> <DD><DD>[SIZE=-1]ตอนที่ ๒ กล่าวถึงพระพุทธเจ้าเสด็จไปพบพระยายักษ์ที่ดอยอ่างสลุง ทรงเทศนาให้พระยายักษ์ฟัง ทรงทำนายว่าต่อไปเมื่อศาสนาได้ ๒๐๐๐ ปี พระยายักษ์จะเกิดเป็นพ่อค้าข้าวสารเป็นผู้มีสติปัญญาและจะได้ครองเมืองเชียงดาว[/SIZE] <DD>[SIZE=-1]เมื่อเสด็จมาถึงเมืองฝาง ทรงทอดพระเนตรเห็นหนองน้ำใหญ่ จึงทำนายว่าต่อไปจะเป็นเมืองล้านช้างอโยธยา ครั้นมาถึงหนองน้ำอีกแห่งหนึ่ง พระยานาคนำเอาน้ำผึ้งมาถวาย ทำนายว่า ต่อไปจะได้ชื่อว่าพระนอนหนองผึ้ง จากนั้นจึงเสด็จไปนอนบนคันนาแห่งหนึ่ง ทำนายว่าต่อไปจะได้ชื่อว่าพระป้านและแม่ปูคาแห้ง[/SIZE] <DD>[SIZE=-1]ครั้นเสด็จมาถึงถ้ำตับเตาก็เกิดอาการประชวรอย่างหนัก หมอโกมารภัจจึงพาพระฤาษีจากดอยด้วนมารักษา แต่ทรงปลงอายุสังขารแล้ว จึงไม่ยอมให้ฤาษีรักษา จากนั้นได้เสด็จไปยังถ้ำเชียงดาวและใช้ให้พระอานนท์ไปตักน้ำที่แม่น้ำปิง พระอานนท์ถูกยักษ์จับตัวไว้ พระพุทธองค์จึงเสด็จไปช่วย และได้ทำนายว่า ต่อไปยักษ์จะไปเกิดเป็นพระยากาวิละในเมืองเชียงใหม่ เมื่อเสด็จมาถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ทรงปวดท้อง นาคจึงเนรมิตห้องส้วมให้ ทำนายว่าต่อไปจะเป็นพระบาทยั้งวิด จากนั้นได้เสด็จไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ พระอานนท์นำผ้าสังฆาฎิไปตาก ทำนายว่าต่อไปจะเป็นพระบาทตากผ้า เมื่อมาถึงดอยแห่งหนึ่งเทวบุตรนำเอาฉัตรมาปังแดดให้ ทำนายว่าต่อไปจะได้ชื่อว่าดอยเกิ้ง[/SIZE] <DD> <DD><DD>[SIZE=-1]ตอนที่ ๓ กล่าวพระพุทธเจ้าได้เสด็จไปที่ถ้ำเชียงดาว ทำนายว่ายักษ์ที่รักษาถ้ำจะได้เป็นพระยาธัมมิกราชองค์ที่ ๓ มีอายุ ๒๐๐ ปี โดยองค์แรกเกิดที่เมืองปาฏลีบุตร องค์ที่ ๒ เกิดในเมืองหงสาวดี องค์ที่ ๓ เกิดในเมืองเชียงดาว องค์ที่ ๔ เกิดในเมืองอังวะ องค์ที ๕ เกิดในเมืองอโยธิยาและได้กล่าวถึงพระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้วก็นำเอาพระบรมสารีริกธาตุมาไว้ที่ดอยอ่างสลุงก็เลยได้ชื่อว่าอ่างสลุงเชียงดาว มีพระยาอินทร์ เทวดา มาเนรมิตมหาเจดีย์ทองคำไว้บรรจุพระธาตุ ต่อจากนั้นก็มีพระยาอินทร์ พระยาพรหม พระยานาค มาสร้างพระพุทธรูปทองคำองค์ใหญ่ไว้ในถ้ำ ประดับตกแต่งไว้สวยงาม ในถ้ำแห่งนี้มีทางแวะไปสถานที่ต่างๆ ได้ หลายแห่ง และได้กล่าวถึงวิธีปฏิบัติเมื่อจะเข้าไปชมถ้ำตามที่ต่างๆ ซึ่งหากปฏิบัติไม่ถูกก็จะกลับออกมาไม่ได้[/SIZE] <DD>[SIZE=-1]ส่วนในเมืองเชียงใหม่ เมื่อศาสนาใกล้จะถึงสามพันปี บ้านเมืองจะเกิดความเดือดร้อนวุ่นวาย หาเชื้อพระวงค์ที่จะขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครองเมืองมิได้ ในเวลาต่อมายักษ์ที่รักษาถ้ำเชียงดาวอยู่นั้นจะเกิดมาเป็นพระยาธัมมิกราช โดยเกิดมาเป็นพ่อค้าข้าวสาร พระอินทร์จะมาอัญเชิญขึ้นไปทำพิธีราชาภิเษกบนสวรรค์ จากนั้นจึงลงมาทำพิธีอีกครั้งหนึ่งในเมืองเชียงดาว ส่วนพระมเหสีคือนางแก้วจากอุตรกุรุทวีป[/SIZE] <DD> </DD>
    เรียบเรียงจาก ไพฑูรย์ ดอกบัวแก้ว และ พรรณเพ็ญ เครือไทย)
    ที่มา http://www.lannaworld.com/story/legend/fang_sl.htm
     
  14. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** เกิ้ง ****
    ผาเกิ้ง เป็นชื่อของหน้าผาที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ในท้องถิ่นมาเป็นเวลานาน เพราะตั้งอยู่ระหว่างภูเขาสองลูกมาบรรจบกัน บางครั้งอาจจะมีผู้คนเรียกตรงนี้ว่าช่องบุญกว้าง แต่ชื่อที่เรียกติดปากชาวบ้านทั่วไป คือ ผาเกิ้ง ซึ่งมีความหมายว่า ผาที่มีลักษณะเหมือนพระจันทร์ เพราะที่บริเวณหน้าผานั้น มีหินก้อนใหญ่เป็นชะง่อยยื่นออกไป ลักษณะครึ่งวงกลม ชาวบ้านมองดูแล้ว เหมือนพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว จึงเรียกผานี้ว่า ผาเกิ้ง คำว่า เกิ้ง เป็นคำภาษาอิสานแท้ ซึ่งชาวภาคอิสานเรียกดวงจันทร์ว่า อีเกิ้งความสำคัญของผาเกิ้งนั้น มีความสำคัญต่อคนในท้องถิ่นมานานแล้ว เพราะเป็นเป้าหมายในการเดินทาง จากหุบเขาเขตภูเขียว(ทิวเขาเพชรบูรณ์) มายังจังหวัดชัยภูมิ เนื่องจากว่าเป็นเส้นทางลัดและสามารถเดินข้ามภูเขาที่ช่องบุญกว้างนี้นั่นเอง ซึ่งผาเกิ้งจะอยู่ฝั่งภูแลนคา มีจุดที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพต่าง ๆ ที่อยู่เบื้องหน้าและเบื้องล่างได้อย่างชัดเจนhttp://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=season2u&month=09-2006&date=30&group=1&gblog=9
    http://www.phakoeng.com/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2007
  15. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ภุญชานคร ****

    พระบรมธาตุหริภุญไชย เป็นพระเกศบรมธาตุบรรจุในโกศทองคำ ประดิษฐานในพระเจดีย์ (ตั้งอยู่ หลังวิหารหลวง) เป็นเจดีย์แบบล้านนาไทยแท้ๆ ที่ลงตัวสวยงาม ประกอบด้วยฐานปัทม์ แบบฐานบัวลูกแก้ว ย่อเก็จ ต่อจากฐานบัวลูกแก้วเป็นฐานเขียงกลมสามชั้น ตั้งรับองค์ระฆังกลม บัลลังก์ย่อเหลี่ยม เจดีย์มีลักษณะ ใกล้เคียงกับพระธาตุดอยสุเทพที่จังหวัดเชียงใหม่ สูง 25 วา 2 ศอก ฐานกว้าง 12 วา 2 ศอก 1 คืบ มีสัตติ- บัญชร (รั้วเหล็กและทองเหลือง) 2 ชั้น สำเภาทองประดิษฐานอยู่ประจำรั้วชั้นนอกทั้งทิศเหนือ และทิศใต้ มีซุ้มกุมภัณฑ์ และฉัตรประจำสี่มุม และหอคอยประจำทุกด้านรวม 4 หอ บรรจุพระพุทธรูปนั่งทุกหอ นอกจากนี้ยังมีโคมประทีป และแท่นบูชาก่อประจำไว้เพื่อเป็นที่สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชนทั่วไป

    พระบรมธาตุนี้นับเป็นปูชนียสถานอันสำคัญยิ่งในล้านนาไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณ ในวันเพ็ญ เดือน 6 จะมีงานนมัสการ และสรงน้ำพระธาตุทุกปี ตามประวัติกล่าวเมื่อ พ. ศ. 1440 พระเจ้าอาทิตยราชกษัตริย์วงศ์รามัญผู้ครองนคร ลำพูนได้สร้างมณฑปครอบโกศทองคำบรรจุพระบรมธาตุไว้ภายในและมีการสร้างเสริมกันต่อมาอีกหลาย

    สมัยต่อมาในปี พ.ศ. 1986 พระเจ้าติโลกราช กษัตริย์ครองนครเชียงใหม่ได้ทรงกระทำการปฏิสังขรณ์บูรณะ เสริมองค์พระเจดีย์ขึ้นใหม่ การสร้างคราวนี้ได้สร้างโครงขึ้นใหม่เป็นรูปแบบลังกา ซึ่งปรากฏอยู่ในปัจจุบันนี้ ทั้งนี้เพราะในสมัยพระเจ้าติโลกราชได้มีความสัมพันธ์กับลังกาอยู่มาก
    http://www.dhammathai.org/watthai/north/watphrathathariphunchai.php



    ภาษาบาลี ในล้านนานั้น
    นับว่าเจริญรุ่งเรือง นับแต่โบราณมา
    บาลีในล้านนา ได้มาจากเถรานุเถระที่ได้ไปเล่าเรียนยังต่างบ้านต่างเมือง
    หรือ พระสงฆ์ที่เดินทางมาจากลังกา มาเผยแผ่พุทธศาสนา ทำให้ภาษา บาลี ซึมซาบสู่ชุมชน
    ทั้งยังแต่งหนังสือ ตำรับตำรา ด้วยภาษาบาลี
    ทำให้ ชื่อสถานที่ ชื่อเมือง ชื่อวัดต่าง ๆ ล้วนนำมาผูกเป็นภาษาบาลี
    บ้างตามเสียง บ้างตามความหมาย เป็นนัยแห่งความ ไม่ตาย ของภาษาบาลีในดินแดนแห่งนี้และอีกประเด็นหนึ่งที่สำคัญ คือ อักษรธรรมล้านนาที่ใช้จารึกธรรม
    ตลอดถึงเรียงร้อยถ้อยความต่าง ๆ นำไปสู่ชุมชน ผู้คน ในดินแดนแห่งนี้
    ผู้คนในสมัยก่อน มีความรู้ในบาลี โดยเฉพาะ น้อย หนาน อาจารย์วัด
    ทำให้ศัพท์บาลี มาอยู่ในคำเมือง โดยปกติวิสัย จนคนรุ่นใหม่ ไม่รู้ว่าคำบางคำ มาจากบาลีและ ชื่อบางชื่อ ที่เห็นว่า เมือง (ในความหมายสแลง) นั้น เป็นภาษาบาลี
    ซึ่งไม่ต่างชื่อของคนในปัจจุบัน ที่เป็นบาลี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2007
  16. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ท่าทางคุณหนุมานจะมีความสัมพันธ์ กับ ผาเกิ้ง ดีจัง อิอิ
     
  17. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** อินทาราม บอกเรื่องราว ****

    *** วัดอินทาราม (ตลุก) ****

    เป็นวัดโบราณอายุกว่า ๑๐๐ ปี ตั้งอยู่ริมฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลตลุก ห่างจากตัวเมืองชัยนาทประมาณ ๑๒ กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข ๓๑๑ เลี้ยวซ้ายเลียบคลองชลประทาน กิโลเมตรที่ ๔๘ ในวัดมีถาวรวัตถุที่มีคุณค่า คือ หอระฆังคู่ เก๋งจีนโบราณอายุกว่า ๑๐๐ ปี และหอพระไตรปิฎก กว้าง ๘ เมตร ยาว ๙ เมตร สร้างไว้กลางสระน้ำลักษณะเป็นทรงไทยโบราณ ประดับกระจกสีเป็นลวดลายสวยงามรายรอบไม้ฝาและเชิงชาย ช่อฟ้าหน้าบรรณ อีกทั้งยังเป็นที่เก็บรักษาพระไตรปิฎกทำจากใบลานจารึกอักษรขอมโบราณจำนวนมาก
    http://www.tourinthai.com/sitetravel/travel-detail.php?travel_id=177
    ................................

    *** อินทาราม เขตธนบุรี ****

    เจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
    สถานที่ : วัดอินทาราม เขตธนบุรี

    วัดริมคลองบองกอกใหญ่สมัยอยุธยาแห่งนี้
    เปรียบเสมือนวัดประจำรัชกาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
    เนื่องด้ายทรงปฏิสังขรณ์ใหม่ทั้งพระอาราม และโปรดที่จะเสด็จมาทรงศีลบำเพ็ญกรรมฐาน
    เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตใน พ.ศ. 2325 ได้อัญเชิญพระบรมราชอัฐิมาบรรจุ ณ พระเจดีย์เหลี่ยมย่อมุมยอดบัว หน้าพระอุโบสถเก่า ต่อมารัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะวัดนี้ใหม่ และพระราชทานนามว่า วัดอินทาราม
    หน้าบันพระวิหาร (พระอุโบสถเก่า) เจาะหน้าต่างใหญ่สะท้อนแบบแผนพระราชนิยมในสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ
    ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปฉลองพระองค์ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางตรัสรู้ ใต้องค์ประดิษฐานพระบรมราชสรีรังคารของสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ
    ส่วนในพระวิหารน้อย หรือพระวิหารพระเจ้ากรุงธนบุรี
    ประดิษฐานพระแท่นบรรทม ซึ่งเคยทรงใช้ประทับทรงธรรมและทรงกรรมฐาน พระแท่นทำด้วยไม้ พนักแกะด้วยงาช้าง ลายพุดตานประกอบใบ ฝีมือประณีตงดงามมาก
    http://www.bangkoktourist.com/thai_unseen_historical_king_taksin.php

    ................................

    *** วัดอินทารามวรวิหาร ****

    เป็นวัดโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา ชาวบ้านเรียกว่า "วัดบางยี่เรือนอก" หรือ "บางยี่เรือไทย" หรือ "วัดสวนพลู" (ที่เรียกว่าวัดสวนพลู เนื่องจากแต่เดิม ที่ดินใกล้เคียงกับวัดเป็นสวนปลูกพลู) เพราะหากล่องเรือมาจากอยุธยา จะถึงวัดอินทารามหลังสุดในบรรดาวัดที่ตั้งเรียงกันอยู่ 3 วัด ขณะที่จะเรียกวัดราชคฤห์ว่า "บางยี่เรือใน" และวัดจันทารามว่า "บางยี่เรือกลาง"

    วัดอินทาราม เป็นวัดหลวงสำคัญอันดับหนึ่ง ในแผ่นดินกรุงธนบุรี
    จัดว่าเป็นวัดประจำรัชกาล ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
    ซึ่งได้ทรงบูรณะเป็นพระอารามหลวงชั้นหนึ่ง ทรงสร้างหมู่กุฏิและถวายที่ดิน ให้เป็นธรณีสงฆ์เป็นจำนวนมาก แล้วโปรดให้นิมนต์พระเถระ ฝ่ายวิปัสสนามาจำพรรษา เพราะมีพระราชประสงค์ จะให้เป็นศูนย์กลางฝึกสมาธิทางวิปัสสนากรรมฐานของประเทศ และใช้ประกอบงานพระราชพิธีสำคัญๆ ต่างๆ
    มีพระเจดีย์กู้ชาติคู่หนึ่ง ตั้งอยู่หน้าพระอุโบสถหลังเก่า
    ภายในเชื่อกันว่าบรรจุพระบรมอัฐิ ของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชและพระอัครมเหสี ส่วนพระอุโบสถหลังเก่า มีพระพุทธรูปปางตรัสรู้เป็นพระประธานของพระอุโบสถ บรรจุพระบรมราชสรีรังคาร หรือ เถ้ากระดูกของพระองค์
    http://www.wangdermpalace.com/thonburi/impt_temple_thai.html

    ................................

    *** อาณาจักรธนบุรี ****

    http://ecurriculum.mv.ac.th/thai/m.6/unit5/lesson1/vanakadee1-6/Part TO.htm
    ................................

    *** พระวิญญาณเสด็จ ณ วัดอินทาราม ****

    จากหัวเรื่อง ทำไมต้องเขียน "พระวิญญาณเสด็จที่วัดอินทาราม"

    นั่นก็เพราะว่า ครั้งหนึ่งเคยมีผู้สัมผัสกับดวงพระวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ที่นั่น

    วัดอินทารามมีความสำคัญอย่างไรกับพระองค์ท่าน
    ก็เพราะเป็นวัดที่สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เคยเสด็จฯ มาทรงประกอบพระราชกุศลและปฏิบัติกรรมฐาน และที่นี่ยังเป็นที่ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระราชชนนี

    แม้เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ สวรรคต
    ก็มีการนำพระศพของพระองค์มาฝังไว้ที่วัดอินทารามนี้ ภายในวัดยังมีโบราณวัตถุที่เกี่ยวเนื่องกับพระองค์ท่าน

    ขณะยังมีพระชนมชีพอยู่มากมาย เช่น พระราชอาสน์ที่พระองค์ประทับทรงศีล และเจริญกรรมฐาน พระแท่นบรรทม รวมไปถึงพระเจดีย์บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์และพระอัครมเหสี

    ความเป็นมาของวัดอินทารามนี้ สมัยก่อนเล่ากันว่า .......
    http://happy.teenee.com/xfile/ghostexp/1318.html

    ................................

    *** พระวิญญาณเสด็จ ณ วัดอินทาราม ตอนที่ 2(จบ) ****

    ความเป็นมาของวัดอินทารามนี้
    สมัยก่อนเล่ากันว่า มีอาณาบริเวณกว้างขวางใหญ่โตกว่าปัจจุบันมาก แต่ปัจจุบันเหลืออยู่เพียง 20 กว่าไร่ วัดอินทารามจัดเป็นพระอารามหลวงชั้นตรีชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ริมถนนเทอดไทย แขวงบางยี่เรือ เขตธนบุรี กรุงเทพฯ วัดนี้เป็นวัดโบราณมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมเรียกว่า "วัดบางยี่เรือนอก" คู่กับ "วัดบางยี่เรือใน" คือวัดราชคฤห์ วัดอินทารามไม่ปรากฏว่าผู้ใดสร้างและสร้างมาแต่ครั้งใด ปรากฏอยู่ในพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาก็ร่วงโรยมาก และเป็นวัดเล็ก

    ต่อเมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ทรงตั้งกรุงธนบุรีเป็นราชธานี
    ทรงพบวัดนี้เป็นที่พอพระราชหฤทัย จึงทรงมาบูรณะปฏิสังขรณ์ แล้วสถาปนาขึ้นเป็นพระอารามหลวงชั้นเอกพิเศษ
    วัดอินทารามในสมัยโบราณเรียกว่า วัดบางยี่เรือนอก
    เพราะเดิมในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี เมืองธนบุรีตั้งอยู่ที่วัดคูหาสวรรค์ (วัดศาลาสี่หน้า) ในคลองบางกอกใหญ่ จากเมืองเก่าต้องถึงวัดราชคฤห์ก่อน จึงเรียกวัดนี้ว่าวัดบางยี่เรือใน และถึงวัดจันทาราม ซึ่งอยู่ตรงกลาง จึงเรียกวัดบางยี่เรือกลาง แล้วจึงถึงวัดอินทาราม จึงเรียกวัดนี้ในอดีตว่าวัดบางยี่เรือนอก

    บางยี่เรือในสมัยกรุงศรีอยุธยา
    มีลักษณะเป็นป่าสะแกทึบ แต่ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ลุ่ม และมีกกขึ้นอยู่ในน้ำตื้นๆคล้ายป่าพรุ
    ถ้ามีเรือล่องมาในลำคลองจะต้องอ้อมคุ้งมองเห็นได้ชัด
    จึงเหมาะเป็นชัยภูมิ ซุ่มยิงได้ดี จึงเรียกว่า "บังยิงเรือ" ต่อมาได้เพี้ยนเป็นบางยี่เรือ

    เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ทรงปราบดาภิเษกแล้ว
    ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัดอินทาราม และทรงถวายพระเพลิงพระบรมศพพระราชชนนี ในวันพฤหัสบดี แรม 5 ค่ำ เดือน 6 พ.ศ.2318
    ซึ่งเป็นงานใหญ่โต มีการละเล่นมหรสพต่างๆ จำนวน 522 โรง แสดงประมาณ 29 วัน

    มาในยุคปัจจุบัน
    วัดอินทาราม เป็นวัดที่เคยปรากฏเรื่องเล่าถึงดวงพระวิญญาณสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ
    ซึ่งชาวฝั่งธนบุรีเชื่อว่าดวงพระวิญญาณของพระองค์ท่านยังสถิตอยู่ ณ วิหารน้อย วัดอินทาราม
    เพื่อคอยปกปักรักษาลูกหลานไทย
    และทุกปีในวันที่ 28 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันตากสินมหาราช ชาวฝั่งธนบุรีจะประกอบพิธีบวงสรวงที่วิหารน้อยอย่างยิ่งใหญ่
    เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงตรากตรำทำสงคราม เพื่อคนไทยมาตลอดชีวิตของพระองค์

    ชาวธนบุรีเคยมีเหตุการณ์ประหลาดอันเกี่ยวเนื่องกับสมเด็จพระเจ้าตากสินฯ เมื่อหลายสิบปี.......
    http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=fernja&month=21-06-2007&group=2&gblog=3

    ................................

    *** อินทาราม...ปราจีนบุรี ****

    ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ต.บางยาง อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี
    ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำบางประกงมีเหตุการณ์สำคัญ 2 ช่วงเวลา คือ
    1. ในวันที่ 19 ธันวาคม รศ.127 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จมาประทับพักเรือพระที่นั่งเมื่อครั้งเสด็จประพาสฉะเชิงเทรา
    2.กรมหลวงชุมพรฯได้ถวายหอนั่งของท่านสร้างเป็นโบสถ์เก่า(หอนั่งสมัยก่อนหมายถึง บ้านที่อยู่อาศัยของคนสมัยโบราณซึ่งต่อมาจากเรือนใหญ่สำหรับเป็นที่นั่งเล่นของผู้มีฐานะในสมัยนั้น) นอกจากนี้ยังถวายเตียงนอนให้พระบุญเรือง 1 หลัง
    http://www.thaitambon.com/tambon/ttrvlist.asp?ID=250604

    *** บางกุ้ง ... ศรีมหาโพธิ .... ปราจีนบุรี ***
    http://www.thaitambon.com/tambon/ttrvplist.asp?ID=250805&page=12


    ................................

    *** อินทาราม ... บางกุ้ง .... สมุทรสงคราม ****

    วัดอินทาราม
    ตั้งอยู่ที่ตำบลเหมืองใหม่ เป็นวัดโบราณ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2300 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา
    แต่มาปฏิสังขรณ์ใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 3 สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ พระพุทธรูปหลวงพ่อโตอายุกว่า 300 ปี พระอุโบสถสร้างด้วยหินอ่อนทั้งหลัง บานหน้าต่างและบานประตูเป็นไม้สักแกะสลักสุภาษิตสอนใจ



    ค่ายบางกุ้ง
    ตั้งอยู่ตำบลบางกุ้ง ค่ายแห่งนี้เป็นค่ายทหารเรือไทยที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ หลังจากเหตุการณ์เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2310 สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ได้โปรดให้ยกกองทัพเรือมาตั้งค่ายที่ตำบลบางกุ้ง เรียกว่า ค่ายบางกุ้ง เนื่องจากเมืองแม่กลองเป็นเส้นทางที่กองทัพพม่าใช้ในการเดินทัพ โดยสร้างกำแพงล้อมวัดบางกุ้งให้อยู่กลางค่ายเพื่อเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นที่เคารพบูชาของทหาร พระเจ้าตากสินมหาราชได้โปรดให้คนจีนจากระยอง ชลบุรี ราชบุรีและกาญจนบุรีรวบรวมผู้คนมาตั้งเป็นกองทหารรักษาค่าย ค่ายนี้จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนี่งว่า "ค่ายจีนบางกุ้ง" พระองค์ทรงให้ชื่อทหารเหล่านี้ว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2007
  18. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** สัจจะธรรม ... เมืองกบิน .... เมืองลิง ****

    สัจจะ...กู้ธรรม...กู้ภัย
    http://www.sajja-rescue.com/index-2.html

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  19. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
  20. sutatip_b

    sutatip_b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    3,197
    ค่าพลัง:
    +26,189
    มีคนบอกเล่าว่า หลวงปู่ทวดวัดช้างไห้ท่านจะกลับมาเป็นพระศรีอารยเมตไตร ข้อมูลนี้ถูกต้องไหมคะ ผู้รู้กรุณาให้ความรู้ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...