ภาพงานบุญต่อเนื่องของชมรมคนรักหลวงปู่ทวด

ในห้อง 'กระทู้เก่า' ตั้งกระทู้โดย jummaiford, 12 เมษายน 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ศาลหลักเมืองจังหวัดยะลา

    [​IMG]
    [​IMG]

    [​IMG]
     
  2. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    นึกเเล้วชื่นใจจริงๆ
     
  3. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ไว้จะทะยอยลงภาพให้ชมอีก
     
  4. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    นอกจากถวายหลวงปู่ทวดยังที่ต่างๆแล้วทางคณะทั้งหมดเข้ากราบพระและถวายวัตถุมงคลเพื่อให้ท่านได้แจกชาวบ้านอีก 2 รูป คือ พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ จ ปัตตานี และพ่อท่านทอง วัดหลักห้า จ ยะลา ซึ่งพ่อท่านทั้งสองก็เมตตากับทางคณะที่ไปเป็นอย่างมากครับ สาธุ สาธุ สาธุ
    <!-- / message --><!-- attachments -->
    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>[​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    </FIELDSET>
     
  5. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    นึกแล้วปีติใจทุกที
     
  6. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ชมรมคนรักหลวงพ่อทวดมีภาพสวยงามระดับเทพจากพี่นายเอกและมีพี่คนข้างล่างที่คอยช่วยอัญเชิญหลวงพ่อทวดที่หนักถึง20กว่ากิโลไปถวายเเต่ละสถานที่และมีพี่ป๋องหลังวังที่คอยประสานงานและมีหมอประพลที่เป็นประธานที่คอยไปร่วมงานเเทบทุกครั้งซึ่งคุณหมอเองสละเวลาอันมีค่าไปกับพวกเรา
    <!-- / message -->
     
  7. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    สรุปพระเถราจารย์ที่มาในงานพิธีแต่ละครั้งมีดังนี้
    ครั้งเเรก พิธีอธิษฐานจิตมวลสาร 24พฤษจิกายน 2550 วันลอยกระทง
    1พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะ ปัตตานี
    ท่านเป็นศิษย์น้องของท่านอาจารย์ทิม ท่านเองสมัยเมื่อปี2497 ได้บวชพระอยู่ช่วยท่านอาจารย์ทิม วัดช้างให้กดพิมพ์พระว่านยอดนิยมและยังเป็นผู้อธิษฐานเเล้วเเจกเองอีกด้วย ท่านเองสืบทอดวิชชาโบราณหลายอย่างอาทิ วิชชาทำพระราหู วิชชาทำปลัดของหลวงพ่ออี๋
    วิชชาตะกรุดหลวงพ่อทวด ท่านเองปัจจุบันเป็นองค์ประธานุปลุกเสกพระของวัดช้างให้
    2พ่อท่านเกษม วัดชะเมา นครศรีธรรมราช
    ท่านเป็นพระที่ทำพิธีตัดต้นตะเคียนที่นำมาสร้างหลักเมืองนครศรีธรรมราช เป็นศักดิ์เป็นหลานเเท้ๆของพ่อท่านกล่ำ วัดบางปู ท่านเองเป็นศิษย์หลายอาจารย์ หนึ่งในนั้นคือพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ ท่านเองเคยอยู่และสินทกับท่านเจ้าคุณศรีสนธิ์ ที่ วัดสุทัศน์อีกด้วย

    3 พ่อท่านประสิทธิ์ วัดดีหลวง สงขลา
    วัดที่หลวงพ่อทวดบรรพชาเป็นสามเณร

    หลวงพ่อประสิทธิ์ท่านบวชปี2504สมัยนั้นวัดดีหลวงสร้างพระปี2505ท่านอยู่ในพิธีปลุกเสกตอนนั้นท่านอาจารย์ทิม วัดช้างให้มา และพ่อท่านหมุน วัดเขาแดงตะวันออก ท่านมาปลุกเสกด้วย ท่านเองสืบทอดวิชชาทำพระหลวงพ่อทวดมานานตั้งแต่เจ้าอาวาสองค์ก่อนเเล้ว

    4พ่อท่าน พรหม วัดบ้านสวน ท่านเป็นองค์จุดเทียนชัย ท่านเป็นพระที่เป็นศิษย์หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน สายวิทยาคมเขาอ้อ ท่านเองได้รับการนิมนต์จากท่านอาจารย์ชุม ไชยคีรีให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านสวน ท่านสืบวิชชามาจากท่านบูรพาจารย์อาจารย์เอียดอาจารย์ทองเฒ่า

    5พ่อท่าน วัดต้นเลียบ วัดที่ฝังรกหลวงพ่อทวด
     
  8. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ครั้งที่2พิธีเททองหลวงหลวงพ่อทวด พระบูชาหน้าตัก9นิ้ว ณ วัดหน้าพระเมรุราชิการาม วันที่12มกราคม2551 เสาร์๕

    เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์เจริญชัยมงคลคาถา สวดชยันโต ในพิธีเททอง

    พระเถราจารย์ที่นั่งปรกมีดังนี้

    1เจ้าคุณสวัสดิ์ วัดศาลาปูน อยุธยา
    ท่านเป็นพระเถระที่มีจิตทรงอิทธิคุณสืบทอดตำราการทำพระตะกรุดต่างๆตามตำรับอยุธยา

    2หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน เจ้าตำรับตะกรุดดอกไม้ทองและสืบทอดวิทยาคมของวัดประดู่อันเกียงไกร

    3หลวงพ่ออุดม วัดพิชัยสงคราม อยุธยา
    ท่านเป็นหลานแท้ๆของครูจาบ สุวรรณ ท่านสืบวิชาวัดประดู่ไว้มากองค์หนึ่งเลยทีเดียว

    4หลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์ อยุธยา
    ท่านเป็นคนสืบพระตำราโบราณไว้มากอีกองค์หนึ่งและท่านเองเป็นพระอาจารย์อีกองค์หนึ่งของหลวงตาม้า

    5หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม

    6พระอาจารย์ติ๋ว วัดมณีชลขัณฑ์ ท่านสืบวิชชาโบราณไว้หลายอย่างทีเดียวทั้งสาย อาจารย์เฮง
    อาจารย์สี อาจารย์ฟ้อน หลวงปู่ศุข อาจารย์หรุ่น

    7ครูบาพระมหาทองสุข วัดบวกครกน้อย
    ท่านสืบวิชชาสายครูบาศรีวิชัยไว้มาก

    8หลวงพ่อเฉลิม วัดพระญาติการาม
    ท่านสืบวิชชาสายอาจารย์กลั่นไว้มากทีเดียว

    9 เจ้าอาวาส วัดเเคราชานุวาส วัดสายตรงหลวงพ่อทวดอีกวัดหนึ่งในอยุธยา

    10หลวงตาม้า วัดพุทธพรหมปัญโญ
     
  9. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ครั้งที่3 พิธีมหาพุทธาภิเษกและสมโภชน์พระหลวงพ่อทวด รุ่น รอยพระบาทรอยพระหัตถ์หลวงปู่ทวด เขาเทวดา โดยชมรมคนรักหลวงปู่ทวด สงขลา
    วันมหาจักรี 6เมษายน2551
    รายนามพระเถระผู้ทรงวิทยาคมที่มาในวันงานจริงมีดังนี้

    1พ่อท่านนวล วัดไสหร้า นครศรีธรรมราช

    ท่านเป็นพระที่ได้รับการขนานนามว่า วาจาสิทธิ์ คนนครจะเรียกท่านว่า หลวงพ่อคล้าย2 ท่านเองสายภูเขาหลัก ไม่ค่อยพูดเท่าไรท่านพูดเเต่สิ่งดีๆและเป็นจริงอย่างที่ท่านพูด

    2พ่อท่านท้วม วัดศรีสุวรรณ สุราษฎร์ธานี
    ท่านเป็นสหธรรมมิกกับหลวงพ่อนวลเเละท่านเป็นที่นับถือของคนในจังหวัดมากๆ
    3พ่อท่านจ่าง วัดน้ำรอบ นคร
    4พ่อท่านเนื่อง วัดสวนจันทร์ นคร
    5พ่อท่านวัดดีหลวง วัดที่หลวงพ่อทวดบวชเณร
    6พ่อท่านวัดต้นเลียบ วัดที่ฝังรกหลวงพ่อทวด
    7พ่อท่านวัดสีหยัง วัดที่หลวงพ่อทวดเรียนพระธรรม
    8พระเทพวีราภรณ์ วัดโคกสมานคุณ
    9พ่อท่านผัน วัดทรายขาว
    10พ่อท่านเเสง วัดศิลาลอย
    11หลวงพ่อเเสนเหรียญ จากพิจิตร
    12พ่อท่านหวาน วัดสะบ้าย้อย
    13พ่อท่านเเก้ว วัดสะพานไม้เเก่น
     
  10. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    พระเครื่องที่ผ่านการอธิษฐานจิตที่จัดขึ้นมีดังนี้

    พระบูชาหลวงพ่อทวด



    พระกริ่งยอดฟ้ายอดยิ่งยศ



    พระยอดขุนพลหลวงพ่อทวด



    พระหลวงพ่อทวดพิมพ์น้ำตาลเเว่น
     
  11. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]


    อัฐิธาตุหลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ
     
  12. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    พระชุดนี้นับว่าสร้างแบบทุ่มเทเป็นอย่างมากเพื่อเป็นที่รำลึกแห่งการได้รู้ประวัติอันงดงามของสมเด็จพระสังฆราชสองแผ่นดินอย่างหลวงพ่อทวด
     
  13. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    จากวันสู่เดือนจากเดือนสู่ปี

    จากความสงสัยสู่ความศรัทธา..........คนวังหน้า

    สิ่งที่กล่าวคือการได้สัมผัสเเห่งความเมตตาของพระเมตตารูปหนึ่งผ่านจากปลายปากกาสู่อดีตอันยิ่งใหญ่เเห่งมหาบารมีของท่านหนึ่งที่เเม้เป็นสมณะเเต่

    กลับมีส่วนในการค้ำเเผ่นดิน ท่านผู้นี้มิใช่ใครอื่นไปได้นอกจาก

    สมเด็จพระราชมุณี หรือ นามเต็มคือ สมเด็จพระราชมุณีสามีรามคุณูปมาจารย์

    นามเดิมว่าเด็กชายปูเป็นเด็กชายที่ยังวิ่งเล่นสมัยเมื่อกว่าสี่ร้อยปีที่เเล้วได้บวชเณรกับหลวงลุงของตนเองคือหลวงลุงจวง วัดดีหลวงเป็นวัดที่หลวงลุงจวงเองท่านได้สร้างจากความศรัทธาของชาวบ้านซึ่งเดิมเเล้วหลวงลุงจวงท่านได้อยู่ที่วัดพะโค๊ะซึ่งเดิมชื่อวัดเต็มมีชื่อว่าวัดพะโค๊ะลังกาชาติอันได้รับอิทธิพลมาจากลัทธิลังกาวงศ์ หลวงปู่ทวดเองท่านก็มีครูบาอาจารย์เหมือนกัน เหมือนกับเราเกิดมาก็ต้องมีพ่อมีเเม่ มิใช่เกิดมาเเล้วเก่งเองหามิได้ ทุกคนก็มิพ้นกฏเดียวกันหลวงพ่อทวดหลังบวชเณรเเล้วก็ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนจนเป็นที่รักของอาจารย์ท่านจึงได้ไปเรียนพระธรรมหรือมูลกัจจายน์ต่อที่วัดสีคูหยังหรือวัดสีหยังในปัจจุบัน หลังจากที่วัดสีหยังเเล้ว เณรปูได้ไปบวชท่านกลางเเม่น้ำหรือคลองเเห่งหนึ่งที่เรียกว่า ท่าเเพ นครศรีธรรมราช เป็นการบวชท่ามกลวงโบสถ์น้ำ หรืออาจอนุมานได้ว่า การบวชของมหาโพธิสัตว์พระองค์นี้ยังควากระเทือนทั้งสามเเดนโลกธาตุเป็นอัศจรรย์เนื่องจากทั้งน่านฟ้าเเละมหานทีท่ามกลางป่าเเละสัตว์นานาเป็นพยานเเห่งการสร้างมหาบารมีในครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่งหลังจากบวชเเล้วท่านได้พำนักที่วัดเสมาเมืองก่อนที่ท่านจะไปอยุธยาหลังจากนั้นเมื่ออายุได้22ปี2พรรษาท่านได้ไปลงเรือเพื่อไปเรียนพระธรรมตามคตินิยมสมัยนั้นขณะที่เเล่นเลือไปถึงน่านน้ำชุมพร บ้างก็ว่าอำเภอขนอม นครศรีธรรมราช ได้เกิดเหตุเเห่งการสร้างมหาปาฏิหาริย์อันเป็นที่มาของคำว่าเหยียบน้ำทะเลจืด ท่านได้เอาเท้าซ้ายจุ่มไปในน้ำทะเลเนื่องจากเรือติดพายุเเละน้ำกินน้ำใช้หมดท่านจึงต้องสงเคราะห์ (เท้าซ้ายของพระสามีราโมหรือหลวงพี่ปูที่ต่อมาคือหลวงพ่อทวดเท้าซ้ายของท่านมีลักษณะเท้าปุ้มเวลาเดินท่านอาจเดินไม่ตรงซักทีเดียว)ขณะที่ท่านนำเท้าซ้ายจุ่มน้ำท่านอธิษฐานถึงพ่อเเม่ครูอาจารย์รวมทั้งพระรัตนตรัยเเละบารมีเเละความปรารถนาดีของท่านขอให้น้ำนั้นจืดสนิทปรากฏว่าจืดสนิทจริงๆ คิดดูขนาดหลวงพ่อทวดเเล้วท่านยังต้องอธิษฐานถึงพ่อถึงเเม่เลยเเล้วเราซึ่งเป็นลูกศิษย์ใยกลับไม่สนจในบุพการีหรือพระในบ้านเสียบ้าง หลังจากที่เกิดมหาปาฏิหาริย์เเล้วเรือล่องมาถึงกรุงศรีอยุธยาเมืองีท่ไม่สิ้นคนดีท่านได้พำนักประจำที่อยุธยาอยู่หลายวัด อาทิ วัดเเคราชานุวาส
    วัดพุทไธสวรรค์ วัดราชบูรณะ วัดใหญ่ชัยมงคล วัดหน้าพระเมรุ เเต่วัดที่ปรากฏว่ามีในประวัติพงศาวดารคือวัดราชานุวาส หรือ วัดเเค ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง อยุธยา อันเป็นวัดที่พระภิกษุปูได้เรียนพระธรรมไปๆมากับสำนักสมเด็จพระพันรัต สมัยนั้นอันว่าสมเด็จพระพันรัต อาจเป็นคนละองค์กับ พระอาจารย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เนื่องจากพระพันรัตเป็นสมณศักดิ์ของพระอรัญวาสี ฉะนั้นจึงมีได้หลายองค์ เเละเมื่อประมาณไม่กี่ปีถัดมาไม่ปรากฏปีที่เเน่ชัดมีพระเจ้าเเผ่นดินของกรุงลังกาส่งฑูตมาท้าเรียงพระไตรปิฏกเพื่อพนันด้วยชื่อเสียงของเมืองหรืออาจเรียกว่าท้าพนันชิงเมืองกันเลยทีเดียวพระเจ้าเเผ่นดินได้เสาะหาพระที่เก่งที่สุดในสมัยนั้นที่มีปัญญาเเก้อันโดดเด่นที่สุดกลับเป็นภิกษุหนุ่มจากศรีวิชัย นั่นคือพระปู ขณะที่เรียงพระธรรมนั้นมหาปัญญาปรมัถบารมีที่ศรีอาริยเมตไตรโพธิสัตว์ที่อยู่ในตัวของท่านได้จรัสเเสงออกมาด้วยการเรียงพระธรรมจนครบขาดเเต่อักษรเจ็ดตัวคือ สัง วิ ธา ปุ กะ ยะ ปะ หรือหัวใจอภิธรรม เจ็ดคัมภีร์ที่พวกท้าพนันซ่อนไว้เเละท่านพระปูก็รู้ด้วยญาณทัศนะที่บำเพ็ญมาดีเเล้วทำให้พวกนั้นยอมเเพ้ นำความปลามปลื้มใจเเก่พระเจ้าเเผ่นดินเเละมหาชนสมัยนั้นอย่างมากท่านได้รับการถวายการครองเมือง7วันโดยเจ็ดวันนี้ท่านได้นั่งบรรลังค์พระเจ้าเเผ่นดินเสนาทั้งเมืองเมื่อครบราตรีเเล้วท่านเองได้กลับอารามสถานวัดเเคร่ำลาพระเถระใหญ่น้อยเพื่อกลับบ้านเกิดไปพัฒนาศาสนสถานที่ท่านตั้งใจไว้คือวัดพะโค๊ะ วัดอื่นๆที่เคยมีพระคุณกับท่าน จำเนียรกาลผ่านไปยาวนานถึงท่านอายุเกือบ90พรรษาท่านได้มีสามเณรคู่บารมีชื่อเณรบุญรอดอันมีนิวาสถานอยู่นครศรีธรรมราชมาตามหาท่านสมเด็จหลวงพ่อปู(หลวงปู่ทวด)เเละท่านเเละเณรได้โละจากไปจากวัดพะโค๊ะหรือนัยว่าธุดงค์จากไปปรากฏอีกครั้งที่รัฐทางมาเลเซียในปัจจุบันเเละถึงเเก่กาลมรณภาพที่มาเลเซีย ปัจจุบันได้มีที่พักพระศพที่มีพระบุพโพหรือที่ที่น้ำเหลืองท่านหยดอยู่นับ10จุดที่ตอนนี้กลายเป็นวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์หลายเเห่งเลยทีเดียว

    วัดสายตรงหลวงพ่อทวดที่ถูกลืม


    จะมีใครสักกี่คนจะรู้บ้างว่าหลวงพ่อทวดท่านมีตัวตนจริงท่านเป็นพระสมัยอยุธยาเเละส่วนใหญ่ทุกคนจะได้ยินนามท่านว่า
    หลวงพ่อทวด วัดช้างให้ หรือหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
    เเละหลายคนทราบว่าวัดช้างให้อยู่จังหวัดปัตตานีทำให้หลายคนยิ่งคิดไปว่าหลวงพ่อทวดต้องเป็นคนปัตตานีเป็นเเน่เเท้
    จริงๆเเล้วจะมีใครทราบว่าหลวงพ่อทวดบ้านเดิมท่านอยู่
    อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา ต่างหาก
    โดยวัดที่อยู่ในอำเภอสทิงพระที่มีประวัติความเป็นมาเเละหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เชื่อได้ว่าเป็นวัดที่ปรากฏในพงศาวดารที่เกี่ยวเนื่องด้วยสมเด็จพระราชมุณีหรือหลวงพ่อทวดประกอบด้วยวัด
    1.วัดพะโค๊ะ หรือเรียกว่าพระโคตมะ ลังกาชาติ เป็นวัดที่มีมานานเเละมีหลักฐานเก่าเเก่คือพระสุวรรณมาลิกเจดีย์ เเละพระนอนโคตมะซึ่งมีอายุก่อนสมัยอยุธยา ประวัติวัดเเห่งนี้ในตำนานที่กล่าวไว้ปรากฏตำนานที่เลื่องลือเกี่ยวกับการค้นพบพระศรีอาริยเมตไตร โดยสามเณรเเก้วบุญรอดที่นำดอกมณฑาทิพย์มาตามหาเเล้วเจอ วัดนี้มีความสำคัญยิ่งคือสมเด็จเจ้าพะโค๊ะหรือหลวงพ่อทวดหลังจากได้ตอบปัญหาชนะพรหมณ์จากลังกาเนื่องจากท่านได้เรียนพระธรรมในลัทธิลังกาวงศ์ซึ่งท่านได้เรียนเเละรู้ทางมาโดยตรงทำให้ท่านมีความสามารถด้านนี้โดยเฉพาะ

    2.วัดดีหลวง เป็นวัดที่หลวงพ่อทวดท่านบวชเป็นสามเณรเเละเชื่อหรือไม่ว่าโบสถ์เเละพระประธาณองค์ที่หลวงพ่อทวดท่านบวชภายในโบสถ์ยังคงอยู่พร้อมกันนี้ยังปรากฏพระเจดีย์ทรงสูงที่หลวงลุงจวงเเละหลวงพ่อทวดสร้างร่วมกันสมัยอยุธยายังปรากฏอยู่
    3.วัดต้นเลียบ เป็นที่ฝังรกของหลวงพ่อทวดยังมีต้นเลียบขนาดเท่ากับ10กว่าคนโอบอายุกว่า400ปียังยืนตะหง่านเเละเเผ่กิ่งก้านสาขาอยู่ เเละต้นเลียบนี้จากการสังเกตุที่เเปลกคือมีลายเปลือกต้นเลียบกิ่งเเขนงจะมีลายคล้ายตัวหนอนขึ้นอยู่เต็มไปหมด คนเเถวนั้นหรือชาวบ้านเชื่อถือว่าทำให้ค้าขายดี
    4.วัดสีหยัง เป็นวัดที่หลวงพ่อทวดศึกษาพระธรรม ที่นั้นมีความสำคัญเพราะเป็นที่เรียนธรรมของหลวงพ่อทวดก่อนจาริกไปวัดเสมาเมือง นครศรีธรรมราช
    เเสดงความยินดีกับคนภาคกลางว่าวัดสายตรงหลวงพ่อทวดอยู่ใกล้จังหวัดกรุงเทพก็มี


    วัดที่เกี่ยวเนื่องกับหลวงพ่อทวดที่ใกล้กรุงเทพก็คือ

    วัดเเค ราชานุวาส ตำบลหัวรอ อำเภอเมือง จังหวัดอยุธยา
    หลวงพ่อทวดได้มาพำนักเพื่อศึกษาพระธรรมก่อนไปตอบปัญหาธรรมที่โด่งดังสมัยนั้น
    ปัจจุบันมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์อยู่คือกุฏิอิฐสมัยอยุธยาเเละที่วัดยังมีการขุดพบกระเบื้องลายเทพพนมเเละพระสมัยอยุธยาอีกด้วย

    วัดตอนนี้กำลังพัฒนาปรับปรุงสถานที่ให้สมพระเกียรติเเห่งองค์หลวงพ่อทวดอยู่ถ้าอย่างไรเสียไปกราบท่านกันทั้งใกล้กรุงเทพเเละสายตรงที่สุด เเน่นอนไม่ต้องไปไกลถึงปัตตานี


    วัดหลวงพ่อทวดสายตรงอีกวัดหนึ่งที่ปรากฏในพงศาวดารของท่านคือ
    วัดสำนักพระพันรัตหรือวัดป่าเเก้วนั่นเอง หรือที่รู้จักกันในนามวัดใหญ่ชัยมงคล
    เป็นวัดที่ใกล้กรุงเทพอีกวัดหนึ่ง
    วัดที่เกี่ยวเนื่องด้วยองค์สมเด็จพระนเรศวรเเละมหาเถรคันฉ่อง รวมทั้งวัดนี้ยังพบพระขุนเเผนซุ้มเรือนเเก้วอันจำลองพระพุทธลักษณะจากพระพุทธชินราชเมืองพิษณุโลก มิใช่จำลองขุนเเผนเเสนสะท้านดังตำนานที่มีเรื่องรักเเละเจ้าชู้เป็นเรื่องเด่น

    <!-- / message -->
    <!-- / message -->

    เเละยังมีอีกหลายวัดในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่กล่าวกันว่ามีความสัมพันธ์กับสมเด็จพระราชมุณีหรือหลวงพ่อทวด
    อาทิ
    วัดราชบูรณะ
    วัดหน้าพระเมรุ
    วัด......
    โดยเฉพาะวัดราชบูรณะเจ้าคุณวัดตาณีสโมสรเเห่งปัตตานีท่านเจ้าคุณพิมพ์ไว้ในหนังสือครบรอบ100ปีของท่านว่าวัดนี้ได้พบพระเครื่องรูปลักษณะเป็นพระสงฆ์นั่งบัวคล้ายหลวงพ่อทวดรุ่น2505ท่านบอกว่าคล้ายมากพร้อมกันนั้นท่านได้ไว้คราวเปิดกรุจำนวนมากเเละได้เเจกเเก่ผู้ร่วมบุญสร้างพิพิธภัณฑ์ของวัดโดยมีพลเอกเปรม เป็นประธานเเจกสมัยนั้น ปัจจุบันเจ้าคุณได้มรณภาพเเล้ว จึงบันทึกไว้เผื่อท่านได้ค้นคว้าต่อ

    ข้อมูลผมได้จาก
    คุณย่าสุมณฑา กุลละวณิชย์
    โดยตรงท่านเล่าให้ฟังเเละนำหนังสือดังกล่าวพร้อมพระจริงให้ดู



    อาจเป็นมิติใหม่ของการเรียนรู้พระประวัติสมเด็จพระราชมุณีหรือหลวงพ่อทวด รวมทั้งหลักธรรมของท่านที่ท่านทิ้งไว้ให้คิดเเต่ละสถานที่นอกจากคำว่า ท่านเป็นพระนิรันตราย

    ปล.ประวัติทั้งหมดได้จากการค้นคว้าทางหลักฐานทางประวัติศาสตร์ทั้งเอกสารเเละวัตถุรวมทั้งไปสถานที่จริงประกอบกับการสัมภาษณ์ชาวบ้านคติความเชื่อเเละตำนานต่างๆเข้าด้วยกัน

    คนวังหน้า

    <!-- / message --><!-- / message -->
     
  14. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    หลวงตา....ที่ผมรู้จัก
    <HR style="COLOR: #cccccc" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->[​IMG]


    หลวงตาที่ว่ามิใช่ใครอื่นนอกจาก หลวงตาม้า
    หรือพระอาจารย์วรงคต วิริยธโร
    เเห่ง วัดพุทธพรหมปัญโญ อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่

    บทความนี้เป็นบทความที่เขียนขึ้น
    จากความเคารพรักศรัทธาในความเมตตาเเละคุณธรรมของหลวงตา
    มิได้เขียนเพื่อเหตุพลอื่น เเละนอกจากหลวงพ่อทวด
    หลวงพ่อดู่เเล้ว หลวงตานี่เเหละเเบบอย่างที่น่าประทับใจ........

    ย้อนไปเมื่อประมาณ3ปีก่อนผมเองเนื่อง
    จากสมัยนั้นยังไม่รู้จักหลวงตาม้าเลย
    เเต่ขณะนั้นได้สร้างหลวงพ่อทวดเองเนื่อง
    จากเเรงบันดาลใจส่วนตัวทำเเจกฟรี
    เเละถวายให้วัดต่างๆเเละหนึ่งในจำนวนวัดต่างๆ
    นั้นมีวัดร้องขุ้ม มีพระอาจารย์สิทธิพงศ์ ศิษย์ครูบาเจ้าบุญปั๋น
    ท่านได้เเนะนำให้ผมไปกราบหลวงตาม้า
    ท่านบอกว่าหลวงตาม้าท่านมีเมตตามาก
    เเละท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อดู่เเละท่านเองเกี่ยวกับหลวงพ่อทวด
    เนื่องจากคำว่าท่านเกี่ยวกับหลวงพ่อทวดจึงเกิด
    เเรงบันดาลใจว่าจะไปกราบเเต่เนื่องจากเวลาไป
    เชียงใหม่ผมเองจะต้องไปกราบพระที่กราบทุกครั้ง
    คือพระอาจารย์เปลี่ยน เเม่เเตงทำให้ไม่มีเวลา
    ไปกราบหลวงตาเป็นเเน่เเต่เเล้วเหมือน
    วาสนาอำนวย วันนั้นพระอาจารย์เปลี่ยนไม่อยู่
    ผมกับครอบครั้วจึงขับรถขึ้นถ้ำเมืองนะ เชื่อหรือ
    ไม่ว่ากว่าจะถึงเชียงดาวว่านานเเละนึกว่า
    จะถึงถ้ำเมืองนะเเต่เปล่าเลยขึ้นไปอีกไกลกว่า
    จะถึงถ้ำก็เกือบ3โมงเย็นคนกราบหลวงตาท่าน
    ในวันนั้นดูเหมือนจะมากเกือบ20กว่าคนผมเองอยู่
    ท้ายสุดอยู่กับพ่อเเม่ภาพที่เห็นทั้งกลัวเเละประทับใจ
    ระคนกันไปเนื่องจากหลวงตาม้าผมเองเพิ่งเคย
    เห็นครั้งเเรกเเต่ที่ประทับใจคือรอยยิ้มที่ท่านมีเสมอ

    หลังจากทุกคนกลับหมดผมเองท่าน
    เข้าไปตอนสุดท้ายเพื่อสอบถามหลายอย่างจากท่าน
    ท่านเองตอบหมดทุกคำถามเเละหมดทุกข้อสงสัย

    วันนั้นจนวันนี้คำสอนท่านยังคงนำมาปฏิบัติอยู่
    ท่านบอกว่าหลวงพ่อทวดท่านมาจริงๆอย่าง
    ที่เราเห็นอย่าถามหลวงตาเลย
    ถามหลวงพ่อทวดท่านสิถามในสิ่งที่ไม่รู้
    เเล้วถ้าเราเห็นจริงๆท่านจะสอนเราเองนั่นเเหละ

    มาครั้งเเรกผมเองอยากได้เกศาของหลวงตาท่าน
    ท่านบอกว่าให้เอาผอบฝากไว้ ไว้มาเอาเที่ยวหน้า
    ผมนึกว่าอย่างไรเสียท่านคงลืมผม.......

    เวลาผ่านไปอีกประมาณเกือบปี
    ผมไปกราบท่านที่ถ้ำอีกเช่นเคยถามท่านว่า
    จำผมได้รึเปล่า?...............
    ท่านไม่ตอบท่านเอาผะอบที่
    ผมฝากท่านไว้ท่านมอบคืนให้พร้อมเกศาของท่าน
    ที่บางส่วนกลายเป็นพระธาตุเเล้ว..........

    เเละคราวนั้นเองผมก็ขอบูชาหลวงพ่อทวดหน้าตัก19นิ้ว
    จากท่านเเละหลังจากนั้นผมก็กราบมาเรื่อยๆ......
    พูดถึงเรื่องวัตถุเเล้วหลวงตาเองท่านให้หมดถ้าสิ่งนั้น
    เป็นสิ่งที่เหมาะสมท่านเองให้ผมไว้มากทีเดียว
    เเละผมเเจกไปเเล้วนับไม่ถ้วนเหมือนกัน

    [​IMG]

    คนไม่รู้นึกว่าหลวงตาเป็นพระเกจิ(เน้นเสกพระ)จริงๆเเล้วท่าน
    เองเป็นพระที่ปฏิบัติเเม้ผมเองเเม้จะไม่ได้เป็นศิษย์
    เอกศิษย์วงในหรือใกล้ชิดท่านมากก็ตามเเต่
    ที่ได้อยู่กับท่านคราวไปฝึกงานที่เชียงใหม่
    ทำให้รู้ว่ายามว่างท่านภาวนาเเละพอมีเเขก
    ท่านก็รับเเขกท่านไม่เคยว่าใครให้เจ็บช้ำน้ำใจ
    ท่านจะเตือนสำหรับคนที่เตือนได้
    สิ่งที่หลวงตาไม่พูดไม่ใช่ท่านไม่รู้


    ตอนที่ไปอยู่กับหลวงตาที่ถ้ำที่กุฏิท่านคราวละสองสามวันเดือนมกราคมปีที่เเล้วทำให้ผมรู้ว่าหลวงตาท่านตื่นตั้งเเต่ตีสี่ขึ้นมานั่งภาวนาเเละมาเเกะพระปูนที่ท่านเทไปเมื่อเย็นของเมื่อวานเเล้วนำไปเเช่น้ำมนต์หลวงปู่เเล้วท่านก็เทพระปูนเองเเละจารพระด้านหลังเองยกเว้นเเต่มีศิษย์มาช่วยจารเท่านั้นเองท่านทำพระปูนของท่านเองทุกวันเเละที่ผมเห็นคือท่านจะนำผงอัฐิเล็กๆผสมกวนในปูนที่เทพระพร้อมเกสาของหลวงปู่ดู่ใส่ไว้ทุกครั้ง

    มีหลายคนบอกว่าอดีตหลวงตาเคยเกิด
    เป็นพระเจ้า....พระยา..
    หลวงพ่อ...หลวงปู่....ผมมิอาจบอก
    ได้ว่าหลวงตาท่านเป็นใครในอดีตเเต่ทุกวันนี้
    ผมพอใจเเละรักในความเป็นหลวงตาผมรู้จัก
    เเละที่เเน่นอนหลวงตาเป็นอีกหนึ่ง
    พระในดวงใจของผมตลอดไป.......

    ประวัติหลวงตาม้าจากหนังสือเเละจากคำ
    บอกเล่าของบุคคลใกล้ชิดเเละศิษย์หลวง
    พ่อดู่สมัยก่อนเล่าให้ฟัง(ถ้าผิดพลาดประการใดขออภัย)

    หลวงตาเองท่านเกิดที่จังหวัดสกลนคร
    ท่านเองเคยเล่าว่าสมัยเด็กๆได้ไปงานศพหลวงปู่มั่น
    ที่สกลนครด้วยท่านบอกว่างานใหญ่
    หลวงตาท่านได้มาทำงานที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    เเละยามว่างท่านจะมาวัดสะเเกมา
    กราบหลวงพ่อดู่เเละนั่งสมาธิประจำ
    ท่านบอกว่าท่านเองมาหาหลวงพ่อดู่ประมาณปี2519
    ใกล้ๆกับคุณป้าปราณี เเละท่านเองบวชในหรือบวชใจ
    กับหลวงปู่ดู่หลายปีจนกระทั่งปี2531
    ท่านได้บวชกับหลวงพ่อหวล วัดพุทไธสวรรค์ อยุธยา
    เเละเมื่อมาเชียงใหม่ท่านหลวงตา
    ได้เปลี่ยนญัติมาเป็นธรรมยุติกับหลวงปู่จัน กุศโล
    วัดเจดีย์หลวง เเละท่านธุดงค์ไปเชียงใหม่พบถ้ำเมืองนะ
    โดยหลวงปู่ดู่ท่านบอกเองด้วยตัวท่านว่าถ้ำเมืองนะ
    นี้พระนเรศวรมาสวรรคตเเละตัวหลวงปู่ดู่
    ท่านบอกศิษย์ใกล้ชิดอีกด้วยว่า พวกเอ็งอย่าไปบอกใครนะ
    ที่นั้นข้าครอบ...... นับแต่ไปถึงถ้ำเมืองนะหลวงตาท่าน
    ท่านเองพัฒนาถ้ำพร้อมเผยเเพร่
    การสวดมนต์บทจักรพรรดิ์มายาวนาน

    หลวงตาเองท่านต้อนรับศิษย์เหมือนกันหมดท่าน
    เมตตาไม่เลือกยากดีมีจน ท่านเองบอกว่าท่านตาม
    หลวงพ่อดู่ท่านบอกว่า เจอหลวงปู่ดู่เเล้วทำให้ท่าน
    รู้ว่าพระมีบารมีอย่างนี้หายากท่านเลยปรารถนาตามหลวงปู่

    หลวงตาเองท่านเมตตาศิษย์มากใครนิมนต์ไกล
    เเค่ไหนทุกภาคท่านไปหมดถ้ากิจนั้นเป็นไป
    เพื่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ หลวงตาท่านไม่มีเลขา
    หรือทศกัณฑ์คอยกีดกันเหมือนพระดังอื่นๆ
    ศิษย์ใหม่ศิษย์เก่าเข้าถึงหมด

    [​IMG]

    เคยมีคนเอารูปหลวงตาไปให้ครูบาชัยวงศาดูท่านบอกว่า....
    พระรูปนี้อีกหน่อยจะเป็นตัวเเทนของอาจารย์เขา

    มีพระสุปฏิปัณโณหลายรูปชื่นชมในปฏิปทาหลวงตาเป็นอันมาก......

    เเต่เหนือสิ่งอื่นใดขอให้ทุกคนรู้ว่า เราทุกคนคือศิษย์หลวงปู่หลวงตา

    สวัสดี

    *หมายเหตุ หากข้อความนี้ผิดพลาดประการใด
    ขอขมาต่อพระรัตนตรัยเเละทุกท่านด้วยนะครับ
    เนื่องจากมีหลายเรื่องอยากเล่าเเต่บางครั้งเป็น
    เรื่องอจินไตยไว้โอกาสเหมาะสมเมื่อไรค่อยเล่าให้ฟัง
    <!-- / message --><!-- edit note -->
    <!-- / message -->
     
  15. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    เมื่อพระมหาเถระเเห่งลังกาสุกะเป็นพระโพธิสัตว์เเห่งดินเเดนมังกร

    [​IMG]


    จากการที่ทางชมรมคนรักหลวงปู่ทวดได้นิมนต์พ่อท่านเขียว วัดห้วยเงาะมาเป็นประธานอธิษฐานจิตหลวงปู่ทวดเมื่อวันลอยกระทงที่ผ่านมาปีที่เเล้วท่านได้ให้คำตอบว่า

    ท่านไม่มาเนื่องจากติดนิมนต์ที่อื่นไว้ล่วงหน้าเเล้ว

    เเต่เมื่อถึงวันงานท่านกลับทำให้ผมเองซึ่งเป็นเจ้าภาพตกตะลึงกับภาพที่เจอเนื่องจาก

    พ่อท่านเขียว มาพร้อมกับหมากคำโตๆที่เคี้ยวอย่างอารมณ์ดีเเละท่านเองถามผมว่า

    ไหนรอยมือรอยเท้าหลวงปู่ทวดกูจะไปดู
    ที่กูมานี่กูไม่มาได้ไงหลวงปู่ทวดให้กูมางานนี้งานท่านกูก้อต้องมาไหนมึงจะให้กูทำอะไรก็ทำ

    ผมเองเลยนิมนต์หลวงพ่อเขียวนั่งปรกอธิษฐานจิต

    หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงท่านก็ลืมตาเเละเลิกนั่ง
    หลังจากนั้นผมจะถวายปัจจัยท่านบอกปัดพร้อมกับพูดว่า

    มึงไม่ต้องมาถวายกูกูมาไม่ได้มาเอาเงินมึงเเต่กูมาเพราะหลวงปู่ทวด

    หลังจากนั้นท่านเดินออกมากเเละพบกับรูปเหมือนพระอวโลกิตเตศวรกวนอิม ผมจึงเเนะนำให้ท่านรู้จักว่านี่คือเจ้าเเม่กวนอิม

    พ่อท่านเขียวตบไหล่ผมอย่างเเรงจนตกใจเเละท่านหลุดคำพูดอันน่าตืนตะลึงว่า

    มึงไม่ต้องมาบอกกูนี่เเหละหลวงพ่อทวดภาคคนจีนกูรู้จักดีเเละรู้ไว้นี่เเหละองค์เดียวกัน
    <!-- / message --><!-- edit note -->
     
  16. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    [​IMG]
    รูปลักษณ์เค้าโครงหน้าฤาษีหน้านี้ผู้สร้างเป็นครูช่างหัวโขนเเละได้รับความคุ้มครองจากพระเดชพระคุณหลวงปู่ทวด ครูท่านนั้นจึงรังสรรค์ขออนุญาติอธิษฐานขอจัดสร้างหน้าครูที่มีเค้าโครงจากหน้าหลวงปู่ทวดในนิมิตของครูท่านนั้นลองสังเกตุลายเส้นพระฤาษีเล็กๆข้างบนจะทราบว่าคล้ายหลวงพ่อทวดมากๆ

    การที่ผมนำหน้าครูมาให้ทุกท่านดูจะให้ท่านทั้งหลายทราบว่าชาติก่อนๆของพระโพธิสัตว์ทั้งหลายย่อมผ่านการเป็นพระจักรพรรดิ์การเป็นกษัตริย์การเป็นนักบวช การเป็นพระฤาษีผู้บำเพ็ญเพียรทั้งสิ้นฉะนั้น เราในฐานะลูกศิษย์หลวงปู่ทวดคงจะทำได้ดีที่สุดตอนนี้คือทำชั่วให้น้อยเเละบวชจิตบวชใจไปก่อน

    หมายเหตุหน้าครูหน้านี้เป็นฝีมือการปั้นของพระศิริพงศ ครุพันธ์กิจ
    (พระอาจารย์ที่ผมเองให้ความเคารพเพราะท่านเสมือนหนึ่งกระจกเงาบานใหญ่สะท้อนเงาให้คน)

    ผลงานอื่นๆของครู
    <TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 border=0><TBODY><TR><TD>เรา </TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    เมื่อออกแบบปกหนังสือหลวงปู่ทวด ผู้เขียน (อ.ทรงวิทย์ แก้วศรี) เห็นมีคาถาอยู่ใต้รูปหลวงปู่ทวดว่า “นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา” และภาพประกอบพระหลวงปู่ทวดหลังตัวหนังสือปี ๒๕๐๕ ข้อความตอนบนมีประทับคาถานี้เป็นภาษาบาลี อักษรขอมอ่านว่า “นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา” ผู้เขียนก็ยังไม่ได้สนใจอะไร โดยเฉพาะเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องเวทย์มนต์คาถาอยู่แล้ว ที่ไม่เชื่อไม่ใช่เพราะว่าเวทมนต์คาถาหรือไสยศาสตร์ รวมทั้งโหราศาสตร์ด้วยว่าไม่มีจริง แต่เพราะไม่เชื่อน้ำมนต์ของคนเสกเวทมนต์คาถาหรือหมอดูมากกว่า ครั้นต่อมามีความเคยตัวที่ต้องขอพรหรือขอเงินหลวงปู่ทวดใช้เป็นประจำ คาถาที่ใช้ภาวนาจึงต้องใช้ “นโม โพธิสตฺโต อาคนฺติมาย อิติภควา” คาถานี้ต่อท้ายบทสวดมนต์ก่อนนอนเป็นประจำ เลยเกิดความอยากรู้ว่าพระคาถาประจำหลวงปู่ทวดบทนี้แปลว่าอะไร

    เรื่องคาถาหรือมนต์ต่างๆ นอกจากพระพุทธมนต์ที่เป็นภาษาบาลีแล้ว เรามักแปลกันไม่ออก อีกประวัติคลาดเคลื่อนเพราะจำกันมาเลอะเลือนผิดๆ หรืออย่างไรไม่ทราบ ผู้เขียนเคยถามหลวงพ่ออุตตมะ เมื่อครั้งเป็นกรรมการจัดทำหนังสือ “๘๔ ปี หลวงพ่ออุตตมะ” เมื่อ ๑๗ มีนาคม ๒๕๓๗ ถึงเรื่องคำแปลคาถาหรือมนต์บางบท ท่านตอบอย่างทีเล่นทีจริงยิ้มๆ ว่า “แปลไม่ได้ก็อย่าไปแปล เพราะแปลแล้วเดี๋ยวจะไม่ขลัง” เรื่องนี้เห็นจะจริง เพราะมนต์บางบทไม่เป็นภาษา บางบทแปลได้แต่ความหมายไม่เห็นจะเกี่ยวกับอุปเท่ห์ที่เราต้องการใช้ พลอยจะพาลไม่เชื่อถือก็เลยไม่ศักดิ์สิทธิ์ไปเลย
    แต่เรื่องคาถาประจำหลวงปู่ทวดนี้ ผู้เขียนเกิดความสนใจ และเอะใจว่ามีลักษณะผิดกับคาถาหรือมนต์บทอื่นๆ ซึ่งมักขึ้นด้วยคำว่า “โอม” แบบพราหมณ์ หรือ “สิทธิการิยะ” แบบไทยโบราณ คาถาประจำหลวงปู่ทวดเป็นภาษาบาลีแบบเถรวาท แต่ก็แปลไม่ออก เพราะดูเผินๆ มันผิดหลักไวยากรณ์บาลีไปหมด มีแต่ตัวประธาน (subject) ไม่มีตัวกริยา (verb) ถ้าแยกศัพท์จะเป็นดังนี้

    นโม อันว่าความนอบน้อม (ประธาน)

    โพธิสตฺโต อันว่าพระโพธิสัตว์ (ประธาน)

    อาคนฺติมาย (แปลไม่ได้)

    อิติภควา ว่าเป็นพระผู้มีพระภาคเจ้า (คำวิกติกัตตา หรือคำวิเศษณ์ = adverb)



    ตามหลักบาลีไวยากรณ์นั้น เมื่อมีประธานก็ต้องมีกริยา ถ้าเป็นกริยาประเภทสอวุตตกัมมะ (transitive verb) ก็ต้องมีกรรม แต่คาถานี้ยังหากริยาและกรรมไม่พบก็เลยแปลไม่ออก จึงต้องลองวิเคราะห์กันดู และหาทางแปลออกมาให้ได้

    ผู้เขียนเองก็เป็นเปรียญเอก มีความรู้ทั้งภาษาบาลีและสันสกฤตอยู่ตามสมควรแก่ภูมิ จึงได้ปรึกษากันกับอาจารย์ชะเอม แก้วคลาย เปรียญ ๗ , M.A. และอาจารย์สุวัฒน์ โกพลรัตน์ เปรียญ ๙, M.A. ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาโบราณของหอสมุดแห่งชาติ ได้วิเคราะห์กันทั้งในแง่หลักภาษาและบาลีไวยากรณ์ จึงแปลกันออก คาถานี้ผูกเงื่อนงำในทางไวยากรณ์และให้ความหมายที่ดีมาก การผูกประโยคเป็นลักษณะแบบที่เรียกกันว่า ย-ต คือประโยคส่ง (ย) ประโยครับ (ต) เวลาแปลต้องโยกศัพท์เข้ามาจึงจะเห็นความสมบูรณ์ ประโยคที่บริบูรณ์จะต้องเขียนดังนี้

    “โย เถโร โพธิสตฺโต อิติภควา อิมาย ชนาย อาคนฺติ นโม ตสฺส โพธิสตฺตสฺส อิติภควโต เถรสฺส อตฺถุ”

    ถ้าแปลโดยพยัญชนะหรือแปลยกศัพท์เรียงตัวตามหน้าที่ของคำในประโยคตามหลักบาลีไวยากรณ์จะแปลได้ดังนี้

    “เถโร อันว่าพระเถระ โย รูปใด โพธิสตฺโต เป็นพระโพธิสัตว์ ภควาอิติ ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีโชค อาคนฺติ ย่อมมา ชนาย สู่ชน (หรือบุคคล) อิมาย ผู้นี้ นโม อันว่าความนอบน้อม อตฺถุ ขอจงมี เถรสฺส แก่พระเถระ โพธิสตฺตสฺส ผู้เป็นพระโพธิสัตว์ อิติภควโต ได้ชื่อว่า ผู้มีโชค ตสฺส รูปนั้น
    ที่วิเคราะห์โดยละเอียดมาข้างต้นนี้ ก็เพื่อรักษารูปแบบการวิเคราะห์และการแปลพระคาถานี้ไว้ในแง่ของบาลีไวยากรณ์ เผื่อว่าอาจจะมีท่านผู้ใดผู้หนึ่งสนใจที่มาที่ไปดังเช่นผู้เขียนก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดีที่แปลยกศัพท์มาก็เพื่อให้เห็นการแปลโดยพยัญชนะ ถ้าแปลโดยอรรถเป็นภาษาสามัญชนธรรมดา ก็แปลได้อย่างง่ายดายดังนี้

    “นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา = ข้าพเจ้าขอนอบน้อมแด่เจ้าประคุณสมเด็จหลวงปู่ทวด ผู้เป็นพระโพธิสัตว์ เป็นผู้มีโชคซึ่งเข้ามาสถิตอยู่ในตัวของข้าพเจ้านี้”

    อนึ่ง ในฐานะที่หลวงปู่ทวดได้รับพระมหากรุณาธิคุณในพระเจ้าอยู่หัวเอกาทศรถ โปรดให้สถาปนาเป็นสมเด็จพระราชมุนีสามีรามคุณูปมาจารย์ ซึ่งอยู่ในฐานะเป็นสมเด็จองค์หนึ่ง ผู้เขียนมีความเห็นว่า เราน่าจะเรียกชื่อหลวงปู่ทวดว่า “เจ้าประคุณสมเด็จทวด” หรือ “เจ้าประคุณสมเด็จหลวงปู่ทวด” ก็ได้ แม้ผู้เขียนและคณะศิษยานุศิษย์ในสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ วัดเบญจมบพิตร ก็เคยเรียกท่านว่า “เจ้าประคุณสมเด็จหลวงพ่อ” และเรียกสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ องค์ปัจจุบัน ซึ่งเป็นอาจารย์ว่า “เจ้าประคุณสมเด็จอาจารย์” เพราะฉะนั้นผู้เคารพเลื่อมใสในหลวงปู่ทวด จึงควรที่จะเรียกท่านว่า “เจ้าประคุณสมเด็จหลวงปู่ทวด” จึงจะเหมาะสม

    ด้วยสังฆานุภาพของเจ้าประคุณสมเด็จหลวงปู่ทวด ขอผู้มีความเลื่อมใสศรัทธาเจริญภาวนาพระคาถาบทนี้เป็นนิจ จงเป็นผู้มีโชค ประสบแต่สรรพสิ่งสิริมงคล วิบูลพูลผล ในลาภยศ สรรเสริญ สุข จงทุกประการเทอญฯ

    **** อาจารย์ทรงวิทย์ แก้วศรี เรียบเรียงขึ้นถวายเป็นสังฆบูชาเจ้าประคุณสมเด็จหลวงปู่ทวด

    วันที่ ๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๓๘ เวลา ๐๒.๐๐ น.

    =======================

    บทความข้างต้นคัดลอกจากนิตยสารพระเครื่องกรุงสยาม ฉบับที่ ๘ พ.ศ.๒๕๓๘

    ขอขอบคุณท่านอาจารย์ทรงวิทย์ แก้วศรี, คุณวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์และนิตยสารพระเครื่องกรุงสยาม ที่กรุณาเอื้อเฟื้อข้อมูลด้วยครับ
    <!-- / message -->
     
  18. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    เมื่อหลวงพ่อทวดไม่ใช่มีเพียงเเค่ตำนานหากเเต่ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรในพงศาวดาร


    พงศาวดารเกี่ยวกับ หลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด







    ท่านพระครูวิสัยโสภณ (อาจารย์ทิม ธัมมมโร) คัดสำเนาบางตอนที่เห็นสมควรเท่านั้นจาก หนังสือพงศาวดาร จากเทศาภิบาล เล่มที่ ๓-๔ ร.ศ. ๑๒๖ สำเนาหนังสือครั้งกรุงเก่า ว่าด้วยการพระราชทานที่กัลปนา และ ยอเข้าตำราหมื่นตราพระธรรม วิลาศเอาไปวิวาทเป็นหัวเมือง โดยจัดพิมพ์ตรงตามตัวหนังสือของต้นฉบับเดิมทุกตัวอักษร มิได้เปลี่ยนแปลงประการใด ทั้งนั้นเพื่อเป็นการทรงไว้ซึ่งคุณค่าของ "พระราชพงศาวดาร"



    <HR id=null>

    แลครั้งเกิดสมเด็จเจ้าพระราชมุนีมีบุญ แลได้พระพุทธศักราช ๙๙๐ ฉลูสัมฤทธิศก เมื่อเกิดแม่นั้นเป็นทรพล เอาไปนาแลผูกเปลไว้ ณ ต้นไม้หว้า แลงูตระบองสลาขึ้นมาอยู่ ณ บนเปลนั้น แลแม่นั้นขึ้นมาจะกินน้ำ แม่นั้นเห็นงูซึ่งขดพันอยู่ ณ บนลูกอ่อนนั้น ก็ตระหนกตกใจกลัว จึงร้องเรียกวุ่นวายว่าตาหูเอ้ยๆ ว่าลูกกูตายแล้ว ว่างูตระบองสลาขึ้นพันอยู่ ณ บนเปล แลจึงตาหูก็แล่นมาดูลูกอ่อนก็ยังเป็นอยู่ แลจึงตาหูนั้นก็ให้ขอเข้าตอกดอกไม้ ให้เอามานมัสการแก่เทพารักษ์ จึงงูนั้นก็เลื้อยไป แลจึงพ่อแม่แลเพื่อนนานั้นก็เข้าไปดูกุมาร ณ เปลนั้น ก็เห็นแก้วใบหนึ่ง จึงพ่อก็เอาไว้สำหรับกุมารนั้นแล้ว

    อยู่มากุมารนั้นก็ค่อยจำเริญอายุสถาพรแล้ว แลบิดาก็นำเอาไปบวชไว้ ณ วัดกุฎีหลวงซึ่งสมเด็จพระจวงอยู่นั้น แล้วก็ให้ชื่อเณรปู แลชีต้นก็ให้ร่ำเรียนนโม ก ข แลขอมไท จบแล้วจึงเรียนธรรมบททศชาติ สมเด็จพระชินเสน ณ วัดศรีกูญัง จบธรรมบททศชาติแล้วเป็นช้านาน แล้วเข้าไปเมืองนครศรีธรรมราชนั้น อยู่ร่ำเรียนเป็นหลายปีครบอายุยี่สิบเอ็ด แลพระขุนลกก็รับเอาเจ้าเณรปูไปสู่สำนัก พระมหาเถรปิยทสสีนั้น เรียนว่าจะบวชเจ้าเณรปูเป็นภิกขุ แลจึงพระมหาเถรนั้นก็คิดด้วยสงฆ์ในอาราม ว่าพัทธสิมา อุทกสิมา หามิได้ แลจึงให้พระขุนลกจัดหาเรือมาดตะเคียนลำ ๑ มาด พยอมลำ ๑ มาด ยางลำ ๑ มาด เอามาขนาน ณ คลองน่าท่าเรือแล้ว แลพระขุนลกแลญาติพี่น้องก็แต่งสบงจีวรครบด้วยธูปเทียน แล้วเจ้าเณรปูไปสู่พระมหาเถรปิยทสสีเป็นอุปัชฌาจารย์ แลพระมหาเถรพุทธสาครเป็นกรรมวาจา แลพระมหาเถรศรีรัตนเป็นอนุ แลบวชเจ้าเณรปูเป็นภิกขุแล้ว จึงพระมหาปิยทสสีก็ให้นามชื่อเจ้าสามิราม แล้วให้อยู่ตามกิจสงฆ์และร่ำเรียนธรรมสืบไปเป็นช้านาน

    แลยังมีเรือเจ้าสเภาอินจะเข้าไปเมืองกรุงเทพมหานคร จึงเจ้าสามิรามไปถามเจ้าสเภาอินว่าจะโดยสารเรือเข้าไปด้วย จึงเจ้าสเภาอินก็ถามว่าซึ่งเจ้าสามิจะไปนี้ประสงค์แก่อันใด แลบาทเจ้าว่าจะไปเรียนธรรม แลเจ้าสเภาอินก็โมทนาขอนิมนต์พระเจ้าไป และจึงเจ้าสามิรามก็กลับมาลาชีต้นทั้งสามองค์นั้น แล้วก็ไปด้วยเจ้าสเภาๆ ก็ใช้ใบเรือไปแล ครั้นถึงกลางทะเลเป็นปัจจุบันกาลเรือนั้นก็ต้องพายุ แลครั้นสงบพยุใหญ่เจ็ดวันเจ็ดคืน จึงเจ้าสเภาก็ขึ้งโกรธว่าเอาตาชีนี้มาจึงเรือต้องพยุ แลครั้นสงบพยุแล้วจึงเจ้าสามิก็ลงไป ณ เรือสัดจอง จึงเอาเท้าข้างซ้ายเป็นทู่นั้นแช่ลง ณ น้ำๆ นั้นก็จืด แลจึงสามิก็อาบน้ำนั้น จึงเจ้าสเภาก็ถามว่าลงอาบน้ำนั้นเค็มหรือจืด จึงบาทเจ้าก็ว่าจืด แลบาทเจ้าก็เอากะบวยตักน้ำมายื่นให้แก่เจ้าสเภา จึงเจ้าสเภาก็รับเอาชิมดูน้ำนั้นก็จืด แลเจ้าสเภาก็ให้ลูกเรือทั้งนั้นตักใส่โอ่งฉางอ่างตุ่มแล้ว จึงเจ้าสเภาก็ยินดีเอาเป็นชีต้นปฏิบัติรักษาแล้วก็ใช้เรือไป

    ครั้งเมื่อไปถึงเมืองศรีอยุธยา จึงเจ้าสเภาก็ไปถามให้อาไศรย ณ วัดแค แลเจ้าสามิก็อาไศรยอยู่ที่นั้น แลเจ้าสเภาอินจะกลับมาเมืองนคร จึงเจ้าสเภาอินก็เอาอ้ายจันผู้ทาษค่าเป็นเงินสองตำลึงไว้ให้รักษาบาทเจ้าสามิราม แลเจ้าสเภาก็กลับมาเมืองนครแล

    แลจึงบาทเจ้าก็ไปมาเรียนธรรม ณ วัดลุมพลีนาวาศ ช้านาน แลอยู่มามีประเทศเอาพระธรรมทั้งเจ็ดคัมภีร์เขียนใส่แผ่นทองเท่าใบมะขาม ใส่หม้อ เอามาทายเปนปฤษณาให้แปลก็แปลได้ไซ้จะถวายสิ่งของทั้งลำสเภานั้นแล จึงมีพระบรมราชโองการตรัสสั่งชุมนุมสงฆ์ทั้งหลาย ทั้งเมืองกรุงศรีอยุธยานั้นแล จึงพระสงฆ์เจ้าทั้งหลาย ก็ไปชุมนุมตามมีพระราชโองการตรัสสั่งนั้นแล จึงประเทศเอาพระอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์มาประดับอักษรนั้นแล พระสงฆ์ทั้งหลายประดับมิได้ จึงมีพระราชโองการตรัสสั่งแก่ ขุนศรีทนนไชย ให้ป่าวพระสงฆ์อันมาแต่เมืองนอกขอบขัณฑเสมาประจันตประเทศ จึงสงฆ์ทั้งปวงอันมาแต่เมืองข้างนอกทั้งนั้นให้สิ้นเสร็จ จึงขุนศรีทนนไชยก็ไปนิมนต์พระรามเข้าไป ณ ที่ชุมนุม จึงสัปรุษย์จันตักน้ำมาล้างตีนบาทเจ้าพระรามก็เห็นเป็นผิดประหลาด ซึ่งเหยียบศิลาอันลุ่ม จึงสัปรุษย์จันก็เอาด้าย เจาะชายจีวรแล้ว แลขุนศรีทนนไชยก็ว่าผายๆ กูจะเอาพระรามเข้าไป แลพระรามก็คลานเข้าไปถึงอาจารย์ จึงพระรามก็นั่งลงแล้วก็ไหว้อาจารย์ จึงราชทูตทั้ง ๗ คนก็ว่าเอาเด็กสอนคลานมาให้แก้ปฤษณา จึงพระรามก็บอกแก่อาจารย์ว่าให้กรมการกฎหมายไว้ แล้วพระรามก็ว่าแก้คำราชทูต ว่ากุมารเมื่อออกแต่ครรภ์พระมารดากี่เดือนกี่วันจึงรู้คว่ำ กี่เดือนกี่วันจึงรู้นั่ง กี่เดือนกี่วันจึงรู้คลาน จึงผู้รู้หลักทั้งนั้นว่าเราจะแก้มิได้ จึงบาทเจ้ารามก็ถามราชทูตว่า รู้คว่ำแก่ หรือว่ารู้นั่งแก่ หรือจะว่ารู้คลานแก่ จึงราชทูตก็ว่าแก้คำพระรามนั้นมิได้ ก็แพ้พระรามนั้นแล

    จึงพระบรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว ก็ให้เอาเตียงทองมารองรับ ให้ราชทูตเอาอักษรพระอภิธรรมทั้งเจ็ดคัมภีร์มากองเป็นเจ็ดกอง จึงพระรามก็ผุดลุกขึ้นทำวัตรแก่พระธรรมนั้น จึงพระรามก็เอาอักษรมาประดับ จึงให้เป็นท่องแถวแนวทั้งเจ็ดคัมภีร์ จึงพระรามนักปราชว่ายังขาดอักษรเจ็ดตัวจะครบ จึงราชทูตก็ว่ามีแต่เท่านั้นแล พระรามก็ว่าแก่ราชทูตให้ทำทานบนเข้าต่อกันเล่า ราชทูตมิสู้ทำ แลจึงราชทูตก็ถามว่ายังขาดตัวใด จึงพระรามก็ว่าสังตัวหนึ่ง ตัววิตัวหนึ่ง ตัวทาตัวหนึ่ง ปุตัวหนึ่ง กะตัวหนึ่ง ญะตัวหนึ่ง จึงราชทูตก็เอาอักษรทั้งเจ็ดตัวออกมาแต่มวยผมมหาพราหมณ์ มายื่นให้แก่พระราม แล้วราชทูตก็ขอแพ้แก่พระรามเป็นสองท่า จึงราชทูตก็กราบไหว้นมัสการแก่พระราม แล้วก็ยกเอาเครื่องสิ่งของ ณ สเภาซึ่งราชทูตเอามานั้น ถวายแก่บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว

    แล้วก็ให้ปลูกกุฎีถวายแก่พระรามนักปราชแล้วถวายเมืองท่อนหนึ่ง พระรามก็รับครองแต่สามวัน แล้วก็คืนให้แก่บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัวเล่า ให้คงอยู่ตามเก่านั้น จึงพระรามก็คิดด้วยขุนศรีทนนไชยแลกรมการ สิ่งใดซึ่งยากแค้นแก่ไพร่แผ่นดิน แลขุนศรีทนนไชยก็นิมนต์พระรามเข้าไปในวัง ถวายพระพรพระราชกุศลแก่บรมบพิตรพระพุทธเจ้าอยู่หัว มีพระราชโองการตรัสถามพระรามนักปราช ว่าเข้ามานี้ประสงค์แก่อันใด จึงพระรามนักปราชขอพระราชทาน ข้าส่วยหลวงซึ่งยากแค้น แล้วเห็นวัดราชประดิษฐาน จะขอพระราชทานสร้างพระอาราม อย่าให้เอาส่วยหลวงเข้าในพระคลังแต่นี้ไปเมื่อน่า จึงมีพระราชทานโปรดให้ แลตรัสใช้นายสามจอมแลขุนอินปัญญาออกไป เอาสารบาญชีเบิกค่าส่วยไว้ให้เป็นค่าพระตามซึ่งพระรามนักปราชขอพระราชทานนั้น จึงนายสามจอมและขุนอินปัญญาก็เอาสารบาญชีเข้าไปทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเป็นข้าพระนั้น ๓๐๐ หัวงานมีเสศ ผูกไว้ให้เป็นข้าพระศรีรัตนมหาธาตุในวัดพระราชประดิษฐาน

    จึงมีพระบรมราชโองการตรัสให้ขุนศรีทนนไชยให้นิมนต์พระรามนักปราชเข้าไปในพระราชวัง จึงมีพระราชโองการศรัทธาให้ทำเป็นพระกัลปนาอุทิศไว้ยกญาติโยมบ่าวไพร่ไร่นาดินป่าบูชาธรรมเทศนา ให้แก่พระรามนักปราชแล้ว แลมีพระราชโองการตรัสว่า เราจะกรวดน้ำคณทีเงินทองเห็นว่ามิแตก จึงตรัสให้เอาคณทีกระเบื้องให้แตกที่เดียว แล้วแลมีพระราชโองการสาบาลไว้ว่า ถ้าผู้ใดแลลเมิดพระบัณฑูรเบียดเบียนข้าพระคนทานไปใช้ ให้ผู้นั้นไปตกนรกหมกไหม้ ได้ทุกขนิรันดรํ อย่าได้ทันพระพุทธ พระธรรม์ พระจันทร์ พระอาทิตย์ แลพระสงฆเจ้า สักชาติ อย่ารู้คลาศอปราชัยในชั่วนี้ชั่วหน้า ต้องสัจจาธิษฐานพระมหากระษัตรย์เจ้าสาบาลไว้ทั้ง ๕๐๐๐ พระพรรษา แต่นี้เมื่อน่า

    แลในท้องพระตำรานั้น ให้ห้ามเจ้าพระยาแลออกยาสัสดีเมืองนคร พระยาแลสัสดีเมืองพัทลุง อย่าให้ใช้ข้าพระ ณ วัดพระราชประดิษฐาน ลงเรือรบเรือไล่รักษาค่าย ตัดหนังวังช้างส่งข่าว แลลงพ่วงลงรอ แลงานสรรพมาตราทั้งปวง งวดคราวสารพิไสย เก็บโคกระบือ ทอดพริกทอดฝาย ทำนาที่ใต้กำแพงเมือง ทำรั้วทำเรือนเจ้าเมืองแลข้าหลวง อย่าให้เบียดเอาค่าน้ำค่านา อากรขนอนตลาดหัวป่า ค่าที่เชิงเรือน เก็บเรือแลเครื่องเรือ งานสรรพมาตราแต่สิ่งหนึ่งสิ่งใด แลให้คงอยู่ตามพระตำราพระราชอุทิศไว้นั้น แลพระรามนักปราชให้พระมหาเถรศรีผู้น้อง คุมสมุหบัญชีหัวงานข้าพระ ซึ่งพระราชอุทิศให้ไว้เป็นข้าพระ แลให้ไว้รักษาวัดพระราชประดิษฐาน แลทำพระมาลิกเจดีย์ ณ วัดพระราชประดิษฐานนั้น สูงเส้นห้าวามีเสศ แลมีพระห้องรอบตามราชจำนงแต่ครั้งองค์พระเจ้ารามาธิบดีเสวยราชสมบัติ พระราชทานให้ข้าหลวงจ่าพรหมานออกมาบำรุงช่วยพระมหาเถรศรีผู้น้องพระรามนักปราชนั้น ให้ข้าหลวงแต่งสเภาปากสามวาศอก บรรทุกอิฐแลยอดพระมาลิกเจดีย์พระมหาธาตุออกมาแต่เมืองศรีอยุธยา แลให้นายจัน พี่สมเด็จเจ้าพระรามนักปราชถือยอดพระ ซึ่งหล่อด้วยเบญจโลห ยาวสามวาสามคืบ แลยอดพระนั้นมีพระราชทานโปรดแต่งให้ออกมาแต่พระราชมณเฑียร แลเครื่องประดับประดายอดพระนั้น พระราชทานแต่งออกมาแต่คลังหลวง แลซึ่งพระราชทานไว้ให้เป็นข้าคนทานรักษาสืบๆ กันไปแต่นี้เมื่อน่า ไว้รักษาพระศรีรัตนมหาธาตุ ๕๐ รักษาพระธรรมศาลา ๒๐ รักษาอุโบสถ ๒๐ แต่นี้ไปเมื่อน่า
     
  19. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    บทความทุก บทความแต่งโดย คนวังหน้า เขียนจากความทรงจำจากการได้รับประสบการณ์ได้รับความรู้จากคนผู้เฒ่าทางภาคใต้และที่อื่นๆและผู้ที่ได้รับบารมีและความคุ้มครองจากหลวงพ่อทวดบทความนี้เป็นบทความเสมือนหนึ่งกระจกเงาบานใหญ่ที่ดูเหมือนใช้สอนท่านผู้อ่านหากแต่บทความนี้เป็นเพียงบทบันทึกไว้สอนมองย้อนดูตัวเองของผู้เขียน เรื่องบางเรื่องเป็นอจินไตยเป็นพุทธวิสัยไม่ควรคิดหากแต่ถ้าบทความนี้มิด้มีใครตั้งข้อสังเกตหรือตีความนัยให้แตกจะเป็นที่น่าเสียดายมาก ผู้แต่งมิได้ต้องการสรุปว่าหลวงพ่อทวดต้องเป็นใครและไม่ได้ต้องการสรุปว่าหลวงพ่อดู่เป็นหลวงพ่อทวดกลับชาติมาเกิดทั้งหมดคือความเชื่อส่วนตัวของผู้เขียนที่อยากถ่ายทอดว่าไม่ว่าหลวงปู่จะเป็นใครท่านผู้อ่านได้มองตัวมองตนเองแล้วหรือยังได้รู้แล้วหรือยังว่าจุดหมายชีวิตของตัวเองต้องการอะไรนอกจากเงินที่คนบนโลกนิยมกันและท่านเจอพระแล้วหรือยังพระที่ดีที่สุดในโลกคือ พระในใจตัวเอง



    <O[​IMG]
    สวัสดีขอให้ประสบแต่ความสุขทุกๆคน<O[​IMG]</O[​IMG]
    เขียนในดินแดนศรีวิชัย วันศุกร์ที่ 21 มีนาคม 2551 เวลา 1.35 น.

    คนวังหน้า
    <O[​IMG]
    <O[​IMG]
    <!-- / message -->
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 พฤษภาคม 2008
  20. jummaiford

    jummaiford เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    10,501
    ค่าพลัง:
    +38,941
    ตอนนี้มณฑปกำลังจะสร้างขึ้นขอให้ทุกท่านได้อนุโมทนาในมหาบุญครั้งนี้ที่พวกเราได้ร่วมแรงร่วมใจกันทั้งกำลังกายกำลังใจกำลังทรัพย์และสติปัญญาในบุญครั้งนี้นับว่าเป็นโอกาสหาได้ยากยิ่ง

    และตอนนี้พระที่สร้างได้มีประสบการณ์มากมายมีแต่ข่าวดีๆที่ทำให้พวกเราได้ปีติใจกัน
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...