พุทธทำนาย ยุคปี2500กึ่งพุทธกาล เชิญร่วมบอกข่าว

การเปรียบเทียบ 3 ยุค

การเปรียบเทียบ 3 ยุค
ยุคที่ 1 เท่ากับ 1G
ยุคที่ 2 เท่ากับ 4 G
ยุคที่ 3 เท่ากับ 8 G
จากยุคที่ 1 ถึงยุคที่ 3 ก็ต้องอาศัยกัน

 

.
เขียน ๒๒.๒๓

เอ..แล้วเราเนี่ย ใช้ระบบล้านจี กะ "ฝั่งโน้น"
นี่แปลว่าเราล้ำยุคไปไกลเลยรึเปล่าน๊า หึหึหึ


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.

 

อากาศเป็นน้ำ คือความเร็วเท่าเครื่องบิน
อากาศเป็นดิน คือความเร็วเท่าดาวหาง แต่ยุคที่ 3 เรือจะเห็นอากาศเป็นน้ำ
แต่ความเร็ว เท่าดาวหาง

 

ในโลกนี้คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ

ในโลกนี้คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ
เมื่อ ดิน น้ำ ลม ไฟ รวมเป็นหนึ่ง ย่อมเป็นโลก

ทุกอย่างเมื่อ ดิน น้ำ ลม ไฟ รวมเป็นหนึ่ง
อย่างนั้นย่อมสมบูรณ์ แม้แต่การทำนายของอนาคต

ผู้แสดงธรรม เพียงเห็นกระดาษแผ่น 1
ได้ลอยลงมาจากที่สูง ก็เข้าใจ
ของการเดินทาง ของคนทั้ง 3 ยุค

 

กระดาษแผ่นนั้นเหมือนปลาว่ายอยู่ในน้ำ กระดาษนั้นย่อมตกลงมาสู่พื้น หรือล่องลอยไปตามลม แต่ก็นับว่าลอยอยู่ในอากาศได้โดยไม่มีสิ่งผลักดันในตนเหมือนปลา ดังนั้นมนุษย์จึงสร้างสิ่งผลักดันให้เรือเดินในอากาศได้ แต่เรือจะไปได้เร็ว ย่อมขึ้นอยู่กับรูปทรงและส่วนประกอบอย่างอื่นของเรือ ที่จะทำให้อากาศมีการเปลี่ยนแปลง ได้ครบวงจร จนถึงกับ ดินน้ำลมไฟรวมเป็นหนึ่ง หรือเรียกว่าความเร็วดาวหาง

 

อากาศนั้นเป็นส่วนกลาง และแปลงสภาพได้ครบวงจร ความเร็วจะทำให้แปลงสภาพอากาศเป็นได้ทั้งของแข็งและของเหลว อากาศย่อมทำลายสิ่งอื่นที่ไม่ไช่อากาศให้เป็นอากาศได้ เพราะด้วยความเร็วพอเหมาะ ที่จะเป็นสิ่งนั้นๆได้ หรือสิ่งที่อยู่นอกโลก มาด้วยความเร็ว สิ่งที่มีชีวิตบางอย่างทนต่อความร้อนได้ เมื่อกลายเป็นอากาศ นานวันเข้าก็จะกลายเป็นอย่างอื่น บางอย่างทนความร้อนได้ บางอย่างทนความร้อนไม่ได้ แต่สภาพเดิมนั้นทนความร้อนได้ ดังนั้นอากาศจึงเป็นส่วนกลาง และแปลงสภาพได้ครบวงจร จนถึงการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นต้น

 

จุดยืนอยู่ 1 นาที ด้านขาวที่เห็นแดนอมตะ





จุดยืนอยู่ 1 นาที ด้านซ้ายที่เห็นแดนอมตะ





จุดยืนอยู่ 1 นาที ด้านหน้าที่เห็นแดนอมตะ

 

ผุ้แสดงธรรมเคยผ่านการศึกษารูปฌาน4 และอรูปฌาน4 มาก่อน5ปี จึงได้ศีลอริยะเวทไตรทีหลัง

 

ฟ้ากำหนดให้ตลอดชีวิตของคนๆหนึ่ง

บางคนเกิดมาในโลกนี้โชคดีตลอดชีวิต
บางคนเกิดมาในโลกนี้โชคไม่ดีตลอดชีวิต
เพราะคนมีมากจึงมีดวงชะตาต่างๆกัน
ถ้าเกิดมาเหมือนกันทั้งหมดโลกจะว่าง
ถ้าเกิดมาไม่เหมือนกันย่อมมียุคต่างๆ
ยุคนี้มีความสุดโต่งและยุคความเป็นไทย
จึงมีคนเกิดมาเพื่อความเป็นกลางหรือเรียกว่าสมส่วน
ดังนั้นตลอดชีวิตของผู้แสดงธรรมจึงพบเจอ
และศึกษาสิ่งนั้นๆเพื่อความเป็นกลางไปตามลำดับ

 

สิ่งที่เป็นธรรมชาติย่อมเกิดขึ้นมาเอง

สิ่งที่เป็นธรรมชาติย่อมเกิดขึ้นมาเอง และเป็นธรรมทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เช่นชื่อผู้แสดงธรรมคุณตาเป็นคนตั้งให้และไปแจ้งเกิด ก่อนแจ้งเกิด 1 วัน ได้มีลิเกไปเล่นอยู่ใกล้บ้าน คะณะสมส่วนสิน คุณตาก็ไปดูลิเกกับเขา พอเช้าขึ้นมาก็ไปแจ้งเกิดให้หลาน ชื่อว่า สมส่วน นามสกุล ทองสุขนอก ในวันเพ็ญเดือน6 ปี พ.ศ. 2504

 

เพราะฟ้าบันดาลให้มีสิ่งค้ำจุนโลก ในระยะ2500ปี ทุกลมหายใจ และความรู้สึกนึกคิด ของคนๆ 1 ย่อมยังประโยชน์สุข ให้คนทั่วไปตลอดจนถึง2500ปี หรือมากกว่าจนหาประมาณมิได้ ฟ้าย่อมบันดาลให้ไปตามลำดับ ผู้แสดงธรรมย่อมทำใจเป็นกลาง เสมือนสิ่งที่ล่องลอยไปตามน้ำ เมื่อเจอสิ่งที่พักพิงก็จะพัก ถ้าไม่ติดสิ่งใดก็จะลอยไปตามน้ำจนถึงทะเลในที่สุด

 

คำว่าครบวงจรนั้นเสมือนคนๆหนึ่งธรรมชาติได้บันดาลให้ยังประโยชน์สุขแก่คนทั่วไปโดยหาประมาณมิได้ หรือ มีจุดหนึ่งที่คนทั่วไปว่าเป็นไปไม่ได้แต่ก็เป็นไป

ได้เสมอ หรือคนเป็นหญิงอยากเป็นชาย หรือคนเป็นชายอยากเป็นหญิง หรือ กระแสไฟฟ้าเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่มีพลังงานมาก สามารถทำให้อากาศเป็น

น้ำ หรือทำน้ำให้เป็นอากาศ หรือทำให้อากาศร้อนหรือเย็นก็ได้ ดังนั้นยุคที่ 3 ความเร็วจะแปลงสิ่งที่ไม่เคยเป็นให้เป็นได้ โดยความเร็วจะทำให้อากาศที่เป็น

ดินแต่เรือไม่แตกสลายเพราะความเร็วแปลงความเร็วให้เป็นน้ำได้อีก

 

ยุคที่ 3 ไม่น่าจะอยู่ถึง แล้วมันจะได้อะไร หรือว่ารู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม

 

เงินเหรีญบาท, โลก, ความเสื่อมและความเจริญ

ธรรมดา เงินเหรีญบาท, โลก, ความเสื่อมและความเจริญ
นั้นเป็นอันเดียวกันไม่ได้แยกจากกัน แต่คนจะมองเห็นด้านเดียว
อีกด้านหนึ่งนั้นมองไม่เห็น จึงกล่าวว่าเมื่อมีความเสื่อมย่อมมีความเจริญ
ความเจริญนั้นย่อมเจริญไปตามลำดับ

 

บางคนทายว่าโลกจะถูกทำลายในปีนั้น หรือในปีนี้
อย่างนี้เรียกว่ามองเห็นเพียงด้านเดียว อีกด้านหนึ่งนั้นเรียกว่า
โลกจะเจริญถึงขีดสุดในปีนั้น หรือในปีนี้เช่นกัน

 

คนลงเล่นน้ำ หรือแดนอมตะนี้ มีคนเป็นจำนวนมาก
คนในโลกนี้ว่ามาก แต่คนที่นี้มากยิ่งกว่า เพราะ
ไม่มีเบื้องต้นไม่มีเบื้องปลาย

 

คนมาถึงที่นี่มาจากหลายชนชั้น ทั้งที่เป็นมนุษย์ และ ไม่ใช่ก็มี
เมื่อมาถึงที่นี่แล้ว ย่อมเสมอภาค พร้อมกับใจเดียวกัน

 

ใจที่ไม่มีที่อยู่ย่อมพากาย และ วาจา วิ่งผ่านท่ามกลาง
โดยไม่มีที่สิ้นสุด จนกว่าจะเห็นแดนอมตะ โดยผ่าน พุทธ
หรือผ่านผู้แสวงบุญเป็นต้น หรือ เห็นด้วยการอื่นโดยฟ้าลิขิต


ขอให้มีความสุขและเป็นผู้เจริญทุกท่าน