พระโพธิสัตว์รักตนเองหรือรักผู้อื่นมากกว่า?

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย Norlnorrakuln, 2 สิงหาคม 2012.

  1. P184

    P184 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +809
    ในทางมหายานมีกล่าวไว้ว่าการจะเป็นโพธิสัตว์นั้น คือเรามีความสามารถเท่าไหร่เราก็ให้ความช่วยเหลือเท่านั้น มีมากช่วยมาก มีน้อยช่วยน้อย
    มิใช่รอให้เต็มก่อนแล้วจึงช่วย
    นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมนิกายมหายานจึงให้ความสำคัญกับการบำเพ็ญโพธิสัตว์
    เพราะยานลำใหญ่สามารถขนถ่ายเหล่าสรรพสัตว์ข้ามพ้นสังสารวัฏได้
    ปณิธานของโพธิสัตว์ล้วนเป็นไปเพื่อเหล่าสรรพสัตว์ พระองค์สละได้ทุกอย่างแม้แต่ตัวท่านเอง หรือผลสำเร็จที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า

    ส่วนเถรวาทไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เลย ผู้ที่นับถือเถรวาทจึงมีความเคลือบแคลงสงสัยในเรื่องนี้มันก็ไม่แปลกครับ
     
  2. P184

    P184 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +809
    เถรวาทมุ่งช่วยตนเองให้พ้นสังสารวัฏก่อนช่วยผู้อื่น แต่มหายานเน้นช่วยผู้อื่นก่อน ส่วนตนนั้นจะตามไปภายหลัง
    :cool:
     
  3. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    มหายาน หรือ เถรวาท ก็มีพระพุทธเจ้า องค์เดียวกัน พ่อเดียวกัน ก็ไอ้แค่ คำสอน ของครู บาอาจารย์ องค์ในยุค นั้นๆ มีกลอุบายต่างๆ เพื่อให้ ศิษย์ ของตน และมาแบ่งแยก สายนั้นสายนี้ ที หลัง ผู้ที่ ศึกษามาพอควร และเข้าถึง ธรรม อันควร เขาไม่ แบ่งแยก แล้ว แต่ก็ต้องดู ว่า ความเหมาะ สม ผิดถูก ประการใด ผิดแล้วแก้ไข ทำไหม่คิดไหม่ ไม่มี พระโพธิสัตว์องค์ไหน ที่ไม่ทำผิดมาก่อน นั้นย่อม ไม่มี จนกว่า บารมีจะเต็ม (ไม่มีพระพุทธเจ้า พระองค์ไหนพาคนไปนิพพานหมด) พระพุธเจ้าก็ไปนิพพาน สาวกก็ไปนิพพาน จะไปก่อนไปหลัง นั้นต่างหาก อยากไปมันก็ไม่ได้ไป ถ้าทำถึงแล้ว ไม่อยากไป มันก็ต้องไป การทำบารมี ทำตัวเดียวตัวอื่นมันก็มาหมด บารมี ๑๐ คนให้ทาน ถ้าไม่มี ปัญญา มันให้ไม่ได้หรอก เมื่อให้แล้ว มีจิต เมตตา บารมี เกิด สงสาร เพราะ ความกรุณา ใครจะว่าอย่างไร ก็อดทน ในการให้ มีความเพียร ต่อการให้ทาน ระหว่างให้ทาน ตอนนั้น จิตเป็นกุ ศล รักษา สิล บารมียัง ไม่เต็ม มันขาดบ้าง เต็มบ้าง ถ้าตอนนั้น ไม่มีศิลมันให้ไม่ได้หรอก สัจจะมันก็เกิด ไปตามกำลัง ภูมิจิต ภูมิ ธรรม ในขั้นนั้นๆ อธิฐานบามี มันก็เกิด ตามกันมา อุเบกขาบารมี ก็มา ตามแต่ ใครจะคิดได้แค่ไหน ตามแต่กำลังใจ ของๆคนๆนั้น ๆ เรียนแค่ ป.๑ จะไปสอน ป.๔ มันเป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าจบ ป.๔ มันรู้ ป.๓ ป.๒ ป.๑ คนที่ทำถึงจะพูด รู้ ถ้า ทำไม่ถึง คุยยังไงก็ไม่รู้ ถ้าผู้ สูงกว่า ไม่อธิบายหรือแจกแจง ให้คนนั้นๆเข้า ใจ ผมเองก็ยังมีปัญญา น้อย พระอริยทั้ง หลาย เมื่อ บรรลุธรรมแล้ว ก็สอนให้ ผู้อื่นรู้ตาม เป็นเนื้อนาบุญของโลก และสืบสาน พระศาสนา ในสมัยนั้นๆ คนถ้ามันมีศิล ๕ เท่านั้น ไม่ ชาติไหน หรือว่าศาสนาไหน ก็อยู่ด้วยกันมีความสุข เพราะตัว นี้มัน เป็นปรกติ ของสัตว์โลก ทั้งหลาย ต้องการ ทุกตัวตน เหมือนกัน หมด แต่สัตว์โลก มิยอมรับ เอามา ปฏิบัติมันถึงได้ วุ่นวาย ดั่ง ทุกวันนี้ ต่างหากเล่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 สิงหาคม 2012
  4. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    ความเชื่อผมนะ พระโพธิสัตว์มีอยู่2แบบคือ
    อนิตยะโพธิสัตว์ กับนิยตยะโพธิสัตว์
    แล้วก็มี3สายคือ ปัญญา ศรัทธา และวิริยะ
    แล้วอยากเป็นแบบใหนก็ขึ้นอยู่ว่าอยากได้บริวารแบบใหน
    แล้วการจะช่วยคนอื่นได้ ต้องช่วยตัวเองให้ได้ก่อน ถึงจะช่วยคนอื่นได้
    คือทำให้ได้ก่อนแล้วค่อยพูด ผมจึงไม่ค่อยอยากสอนใครเท่าไหร่
    เมื่อก่อนก็เดือดร้อนมาก ทำไมคนนี้ทำอย่างนู้น ทำอย่างนี้ จะห้ามไม่ให้ทำ
    แต่พอห้ามมากๆก็โดนด่าว่า เป็นคนเลว
    เพราะถ้าดีจริง ต้องไม่สนใจว่าคนอื่นจะดีหรือเลว สนเพียงตัวเอง
    เอาพระไตรปิฏกเกี่ยวกับ การประลุอรหันมาฟาดหัว
    ผมก็อยากขึ้นชื่อว่าเป็นคนดี ตอนนี้ก็เลยปล่อยๆไป
    อยากทำอะไรก็ทำถ้าช่วยอะไรได้ก็ช่วย ถ้าช่วยไมได้หรือใครอยากเอาชนะ ก็ตามใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 สิงหาคม 2012
  5. Nuthsunti

    Nuthsunti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +328
    พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ 235
    อจินติตสูตร
    พุทธวิสัยแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เป็นอจินไตย ไม่ควรคิด
    ผู้ที่คิด ก็จะพึงมีส่วนแห่งความเป็นบ้า ได้รับความลำบากเปล่า

    เจ้าชายสิทธัตถะ ก่อนบันลุธรรม ก็คือ พระโพธิสัตว์ นั่นเอง ตอนที่ตัดสินใจทิ้ง ภรรยาและลูก(พระราหุล) ที่พึ่งเกิด เพื่อออกบวช คนที่นับถือศาสนาอื่นหรือแม้แต่ชาวพุทธ บางคนอาจสงสัยว่า เจ้าชายสิทธัตถะ (พระโพธิสัตว์) รักตนเองมากกว่า รักลูกและภรรยา หรือเปล่า
    จริงๆแล้ว พระโพธิสัตว์ รักและเมตตาต่อ สรรพสัตว์อย่างมากมาย แต่ประกอบไปด้วยปัญญา ซึ่งปัญญาของพระโพธิสัตว์(ยิ่งช่วงที่บารมีเต็มเปี่ยมด้วยแล้ว) บุคคลทั่วไปอาจคาดไม่ถึงก็เป็นได้
     
  6. มหาอธิษฐาน

    มหาอธิษฐาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    80
    ค่าพลัง:
    +418

    ยังไงก็อนุโมทนากับผู้สร้างบารมีทุกท่าน ทุกรูปแบบมีมากทำมากมีน้อยทำน้อย สาธุ
     
  7. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นครับ ได้ทัศนคติที่หลากหลายทีเดียว! :cool:

    ขอต่ออีกนิดนึง ว่า.......
    หากสมัยนั้น พระโพธิสัตว์ยังมิได้เสวยชาติเป็นมนุษย์ ล่ะ!
    การบำเพ็ญบารมี ทั้ง ๑๐ จะยังคงเป็นไปเพื่อประโยชน์ ของสรรพสัตว์อื่นอยู่หรือไม่?
    แน่นอนท่านยังคงรักษาปณิธานเดิมไว้ได้อยู่...หากแต่ว่าในชาตินั้น ท่านเสวยทุคติอยู่!

    ความรักในตนเอง จึงพยายามนำตนให้พ้นจากอัตภาพแห่งทุกข์นั้น มีกำลังมากกว่า...หรือว่าจะพยายามช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ทุกขณะจิต?เพราะความรักความเมตตาในสรรพสัตว์อื่นมีกำลังมากกว่า?

    (ปล.ผมไม่คิดว่าเป็นปัญหาแนวอจินไตยนะ ผมเชื่อว่าหากท่านใดบำเพ็ญบารมีมาดีแล้ว จะวิเคราะห์ได้ละเอียด ครับ) :cool:

     
  8. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    กำลังบารมีนั้นมันต่างกัน ที่บำเพ็ญ มามากน้อย เพียงใด จุดมุ่งหมาย สูงสุดที่เดียวกัน จะทำถึงไม่ถึง นั่น ต่างหาก คนที่ทำตน ให้พ้นทุกข์ ได้ นับว่าประเสฐิจ แล้ว ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิด เหมือนเราๆท่านๆอีก มหาแปลว่าใหญ่ เหนือกว่า ปรกติธรรมดา คนที่ปราถนา พระโพธิญาณ เพื่อจะรื้อสัตว์ ขนสัตว์ ให้ พ้น โอฆสงสาร ท่านช่วยเหลือ ตนเอง ด้วย ช่วยเหลือ ผู้อื่นด้วย แล้วแต่กำลังบารมีของแต่ละตน บารมีส่วนไหน ยังไม่เต็ม ท่านก็จะจุติลงมา บำเพ็ญ ให้เต็ม ในส่วนนี้ ขออ้างอิง อ.เล็ก วัดท่าขนุน จ.กาญจนบุรี เมื่อผู้ทำความปราถนา พุทธภูมิแล้ว บุคคลคนนั้น จิตเขาก้ จะเป็นพระโพธิสัตว์ ทันที พวกนี้ขยันเกิด ขยันตาย อย่างเล็ก เกิดมาไม่เล็กว่า นกกระจาบหรือนกกระจอก อย่างใหญ่ไม่เกินกว่าช้าง ขออ้างอิง คำพูดของหลวงปู่ครู บาวงค์ แห่ง อ.ลี้ จ.ลำพูน ผมเคยไปกราบท่าน แล้วถามว่า หลวงปู่ครับ หลวงปู่ปราถนาพระโพธิญาณ เพื่อจะเป็นพระพุทธเจ้าหรือครับ ท่านรีบตอบทันที ว่า ท่านไม่มี สิทธิ์ พยากรณ์ ท่านเป็นแค่สาวก แต่ส่วนใหญ่ พระสาวกท่านจะพูดเป็นในไว้ให้คิด ผู้ที่จะพยากรณ์ ได้ มี ๒ พระองค์คือ พระอินทร์ กับ พระพุทธเจ้าเท่านั้น ผู้ใดก็ตาม ทำความปราถนาในวันนี้ จิตเขาจะเป็นพระโพธิสัตว์ทันที ดังนั้น จะมีพระอินทร์ ปลอมตัวเป็น ยักษ์ ลงมา แล้วถามว่า ท่านให้แขนขาเราได้ไหม เลือดเนื้อ ได้ไหม แม้แต่ดวงตา ถ้าได้ ท่านก็จะพยากรณ์ ทันที ต่อไปในอนาคตกาล เบื้องหน้าโน้น ท่านจะได้เป็นพระพุทธเจ้า พระองค์หนึ่ง ในอนาคตตกาล สาธุๆๆ แล้วท่านยังกล่าวกับผมอีกว่า ลูกศิษย์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง กำลัง สอบเข้า มหาลัย ท่าน เปรียบเทียบนะครับ ทางโลก แต่ความหมายทางธรรม สำหรับลูกศิษย์ท่าน กำลังสอบเข้า ชั้น เตรียม เฮ่อพูดไปก็ยาวเปล่าๆ เราไปสิว่า พระพุทธเจ้า ประชุมชาดกแต่ละครั้ง คนได้ดวงตาเห็นธรรม นับหมื่น นับโกฏิๆ ตถาคตเคยเกิด เป็น นกชื่อ... ตถาคตเคยเกิดเป็นกวางชื่อ.. เคยเกิดเป็นช้างชื่อ...เคยเกิดเป็นปลาชือ...เคยเกิด เป็นคนชื่อ...เกิดเป็นเทวดาชื่อ...เคยเกิดเป็นพรหมชื่อ...เคยลงนรกชื่อนั้นๆเปรตอสูรกายก็ต้องเกิดกันมาแล้ว ทั้ง สิ้น ถ้าเป็นครูอาจารย์เขา สอนผิด มันก็จะพากันไปตาม เป็น สัตว์นรกบ้าง เปรตอสูรกายบ้าง สัตว์เดรัชฉ่นบ้าง เป็นคน รวยชาวนาชาวไร่ ยาจก เจ้าใหญ่นายโต พระมหากษัตยิ์ พระเจ้าจักพรรดิ์ราช เทวดา พรหม ชั้นนั้นๆ บารมีเต็มก็ระหว่างคนกับ สัตว์ ขะเค้ากันไป และรอคิวมาตรัสรู้ พระโพธิญาณ ถ้าไปไม่ไหวก็ลาพุทธภูมิ มาเป็นสาวกภูมิ เพื่อประกาศศาสนา พระพุทธเจ้าองค์นั้นๆ ตราบใด สัตว์โลก ยังมีอยู่ พระพุทธเจ้ายังมาตรัสรู้ เปรียบเทียบเมล็ดทราย มหาสมุทรทั้ง ๔ ก็ไม่เท่า
     
  9. ืำีืneung48

    ืำีืneung48 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +7
    ไปๆมาๆ เราก็มารักกันจนได้
     
  10. Miss Brown

    Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    คำถามน่าสนใจดีค่ะ
    ถ้าพระโพธิสัตว์อยู่ในทุคติภูมิ อย่างเช่น นรก...
    ก็คงไม่สามารถช่วยเหลือใครได้ นอกจากตนเอง...
    เพราะลำพังตนเองรับทุกขเวทนาถูกไฟนรกแผดเผา
    คงไม่สามารถไปช่วยใครได้...นี่เป็นความคิดส่วนตัวนะคะ
    แต่ท่านคงจะเก็บรายละเอียดเอาไว้เพื่อสอน เพื่อบอกกล่าวต่อสาวกต่อไป

    แต่ถ้าอยู่ในภพภูมิของสัตว์เดรัจฉานก็คงต้องเป็นสัตว์ที่มีคุณลักษณะพิเศษ
    มีจิตใตเมตตากรุณา มีความเฉลียวฉลาดประดุจมนุษย์
    และแน่นอนว่าก็ยังบำเพ็ญเพื่อช่วยเหลือสัตว์โลกต่อไปได้


    ส่วนตัวเคยอ่านทศชาติชาดกว่าด้วยเรื่องการบำเพ็ญอุเบกขาบารมี
    ของพระพรหมนารถโพธิสัตว์ ซึ่ง ณ ขณะนั้นท่านเกิดเป็นพรหม
    ดังนั้นจึงคิดว่า...ยกเว้นแต่เป็นสัตว์นรก เปรตและอสูรกายแล้ว
    นอกนั้นพระโพธิสัตว์ท่านสามารถบำเพ็ญบารมีได้ทั้งสิ้นค่ะ

    และส่วนตัวก็เคยเห็นพระโพธิสัตว์ที่เป็นเทวดาชั้นดุสิต
    ยังคงบำเพ็ญบารมีเพื่อช่วยปกปักษ์รักษาเมืองไทยอยู่หลายองค์อีกต่างหาก
     
  11. Nuthsunti

    Nuthsunti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    133
    ค่าพลัง:
    +328
    หากได้ศึกษาชาดก หลายๆชาติจะพบว่าแม้พระโพธิสัตว์จะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน แต่เมื่อถึงจังหวะและโอกาศที่จะได้บำเพ็ญบารมีแล้ว ท่านก็จะเลือกที่จะ บำเพ็ญบารมีนั้นๆ
    จะสังเกตุได้ว่า พระโพธิสัตว์ ที่สร้างบารมีมานับภพนับชาติไม่ถ้วน จะมีจิตที่จะสร้างบารมี ฝั่งแน่นในจิตใจ ต่อให้เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานก็ไม่อาจขวางกั้น จิตใจที่จะสร้างบารมีของพระโพธิสัตว์ได้ และที่จะสังเกตได้อีกคือ ท่านจะอฐิฐานด้วยว่า ด้วยผลบุญจากการกระทำนั้นๆ ขอให้เป็นปัจจัยให้ได้บันลุเป็นพระพุทธเจ้า ทุกครั้ง
     
  12. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    หากยังไม่ถอนอธิษฐานอยู่ตราบใดถึงแม้ว่าบารมีในชาติปัจจุบัน จะเต็มพอให้ถึงพระนิพพานได้แล้วก็ตาม...แต่ท่านก็ไม่ละ ปณิธาน อันประเสริฐนั้น(ลักษณะนี้คือท่านสามารถทำประโยชน์ตนให้ถึงพร้อมแล้ว แต่ได้ละ ได้ยับยั้งการบรรลุพระนิพพานไว้ก่อน....เพื่อทำประโยชน์ผู้อื่นด้วยพระมหากรุณาอันยิ่งใหญ่)

    ผมพิจารณาอย่างนี้ว่า....
    ความรักตน ในอีกทัศนคติหนึ่งคือ การทำประโยชน์ตนให้ถึงพร้อมก่อน ด้วย อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ซึ่งเป็นมาตฐานของ "พระมหาโพธิสัตว์" ในทุกพระชาติที่เป็นมนุษย์....คุณธรรมเหล่านี้จะเป็นหลักประกัน ความมั่นคงในการบำเพ็ญบารมีที่แน่นอน(มีเปอร์เซนต์สูงที่จะได้รับการพยากรณ์)

    เมื่อเรามีคุณวุฒิคุณธรรมดังกล่าวแล้ว ย่อมเป็นเรื่องง่ายที่จะช่วยเหลือสรรพสัตว์อื่น!
    อุปมาเปรียบเหมือนหมอ ผู้เชี่ยวชาญรักษาโรค ย่อมเป็นที่พึ่งของเหล่าสรรพสัตว์ได้อย่างกว้างขวาง.....(ในทำนองว่า "เราต้องบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นผู้โปรดสรรพสัตว์ มิใช่ให้สรรพสัตว์มาโปรดเรา")นะครับ :cool:

    ทั้งนี้ ผมมิได้หมายความว่า พระโพธิสัตว์ที่ยังไม่มีคุณวุฒิคุณธรรมดังกล่าว จะยังมหาปณิธานให้สำเร็จในอนาคตไม่ได้!....อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ!
    สามารถกระทำได้ ครับ อุปมาเปรียบเหมือนหน่อโพธิน้อยๆ กว่าจะแผ่กิ่งก้านใบ ให้ร่มเงาแก่สรรพสัตว์อื่น...ก็ต้องรักษาตนให้แก่กล้าเข็มแข็งเสียก่อน!

    ฉะนั้นกิจในการ บำเพ็ญบารมีเพื่อประโยชน์ตนเองจึงเป็นเรื่องสำคัญในเบื้องต้น มากกว่าการบำเพ็ญประโยชน์ผู้อื่นโดยไม่ประมาณกำลังของตนเอง....ในทำนองว่า เอะ อะ ก็จะช่วยเหลือผู้อื่นตะพรึด! สามารถกระทำได้อยู่เหมือนกันครับ บางท่านยอมตายกันเลยทีเดียว ขออนุโมทนา สาธุ.........แต่.....

    ความพิจารณาโดยส่วนตัว...
    ผมเห็นว่า การส่งจิตออกไปภายนอก ด้วยกระแสเมตตา ด้วยพระมหากรุณาที่ยังมีกำลังอ่อน เพื่อมุ่งช่วยเหลือสรรพสัตว์...มีโอกาสที่จะพลาดจากพุทธพยากรณ์ ง่ายมากครับ!

    มาฟังเหตุผลกันนะครับ....
    เนื่องจากท่านไม่สามารถรวมกำลังใจให้เป็นหนึ่ง ในจิตตนก่อน เมื่อนำออกไปใช้งาน!
    จึงถูก มาร ครอบงำจิตได้ง่าย.......ในโพธิสัตว์บางท่านเคยสงสัยกันบ้างหรือเปล่าครับ?ทั้งที่ตั้งใจช่วยเหลือสรรพสัตว์ แต่แทนที่จะได้รับผลดี กลับได้รับเสียงไม่ดีตอบรับ!!(บารมีหมอง และถดถอยไปโดยไม่รู้ตัว) หากปล่อยไว้ทำนองนี้ ให้เรื้อรังหลายภพหลายชาติ
    ท่านอาจเบื่อหน่ายในการบำเพ็ญบารมี และลาพุทธภูมิไปในที่สุดครับ!!

    อ้า!.....เพราะอะไรหรือครับ?
    เพราะจิตที่ส่งออกนอกเป็นเหตุแห่งทุกข์ เนื่องจากเรา ตามประกอบพระมหากรุณาในสรรพสัตว์อื่นด้วยความประมาทนั้นเองครับ....จึงถูกพญามารหลอกล่อให้ "กำลังใจตก"อยู่ร่ำไป

    ดังนั้นผมเห็นว่า
    หนอโพธิที่ดี จำต้องมีคุณภาพ สามารถต้านแดดลมพายุ ทนอบรมบ่มเพาะโพธิญาณฝึกฝนตนเอง ให้ได้ ความสงบทางใจ(สมาธิ)ก่อนในเบื้องต้น
    เพื่อเปิดขุมทรัพย์ นำพลังแห่ง "พระปัญญาคุณ" "พระบริสุทธิคุณ"ให้เกิดมีในตนเอง แล้วสุดท้าย.................

    ท่านถึงจะใช้ "พระมหากรุณาธิคุณ" ให้เป็นไปในหมู่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ด้วยความไม่ประมาทไงครับ!
    เมื่อท่านประสบ บัวเหล่าต่างๆ จะได้ทราบว่า บัวเหล่าไหนบ้างที่ท่านควรโปรดก่อน หลัง!
    (มีอุปมา เหมือนดั่งพระพุทธองค์ทรงเล็งขายพระญาณก่อนโปรดสัตว์)

    ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้
    สรุปคือ ผมมีความเห็นว่า................

    "ควรรักตนเองในเบื้องต้นก่อน สำหรับเหล่าโพธิสัตว์น้อย เพื่อเป็นฐานกำลัง ฐานบารมี"

    เมื่อมีกำลังใจเข้มแข็งดีแล้ว ถึงจะลงมือทำงานใหญ่ คือความหมายของคำว่า "รักผู้อื่นให้มากกว่าชีวิตของตนเอง ด้วยพระมหากรุณาคุณอันมีในเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย ด้วยความไม่ประมาท ในการตามประกอบบารมีที่สั่งสมมาดีแล้ว"

    (ปล. อนึ่งท่านอาจไม่ต้องลงอบายภูมิบ่อยๆเพื่อศึกษาให้ครบหมดทุกขุมก็ได้ มันอยู่ในจิตท่านทั้งหมดแล้ว เพราะในสังสารวัฎอันยานนานนี้ ท่านเคยลงมาแล้ว เคยเป็นมาหมดแล้วทุกอย่าง....จะโง่ลงไปอีกหรือครับ)
     
  13. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    เห็นด้วยกับทั้งสามท่านนะครับ!

    กราบพระ๘.jpg

    สาธุ......................................
     
  14. P184

    P184 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +809
    บางครั้งพระโพธิสัตว์ก็อาจจะโง่นะครับ

    ก็เพื่อใครล่ะ หากมิใช่สรรพสัตว์

    ปล.ของคุณ Norlnorrakuln
    (ปล. อนึ่งท่านอาจไม่ต้องลงอบายภูมิบ่อยๆเพื่อศึกษาให้ครบหมดทุกขุมก็ได้ มันอยู่ในจิตท่านทั้งหมด แล้ว เพราะในสังสารวัฎอันยานนานนี้ ท่านเคยลงมาแล้ว เคยเป็นมาหมดแล้วทุกอย่าง....จะโง่ลงไปอีก หรือครับ)
     
  15. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ที่เกิดมาแล้วในโลกนี้ ล้วนแล้ว เกิดมาเป็นกันทุกอย่างมาแล้ว ทั้งสิ้น ก่อนที่จะมาบำเพ็ญบารมี เพื่อพ้นทุกข์ ผมเคยอ่าน หนังสือครูบาอาจารย์ เล่มหนึ่ง พระพุทธเจ้า กล่าวว่า คนและสัตว์ในโลกนี้ ต้องเวียนว่ายตายเกิด ไม่เคย เป็นพี่น้อง พ่อแม่ ญาติ ผัวเมีย เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาไม่มีเลย นอกจาก ถ้า ชนเหล่าใด สัตว์เหล่าใด ทำบุญ และอฐิฐาน ร่วมกันบ่อยๆ ก็จะเกิดมา ร่วมบุญ หรือเป็น ญาติพี่น้อง พ่อแม่ ผัวเมียกัน กันบ่อยๆ เจอกันบ่อยๆ บางครั้ง เจอกันแค่แวบเดียว หรือชาติเดียว มิเจอกันอีกเลย พระพุทธเจ้ากล่าว ว่าการเป็นพระพุทธเจ้า นั้น ไม่อัศจรรย์เลย เมื่อพระองค์ทำถึงแล้วเมื่อเป็น พุทธะแล้ว รู้แจ้งโลก หมดกิเลส ทำได้ทุกอย่าง รู้ทุก อย่าง แต่กล่าว ว่าที่อัศจรรย์ที่สุดนั้น ตอนในสมัยท่าน บำเพ็ญบารมีเกิดเป็น พระโพธิสัตว์ เป็นปลา อยู่ในหนองน้ำ น้ำในหนองน้ำ แห้งเหือด เป็นตมแล้ว ปลาที่เป็น บริวาร อยู่ในหนองน้ำเป็นหมื่น แสน ตัว ใกล้จะตายไปกัน หมด ทนทุกข์ทรมาร พระองค์ ทรงตั้งจิต อฐิษฐานบารมี กล่าวว่า ด้วยที่เราบำเพ็ญบารมี มาเพื่อพระโพธิญาณ ๔ อสงขัย กำไลแสนกัป ขอเทพยดา ฟ้าดิน ได้ โปรด บรรดาล ให้ฝนตก ลงมา ด้วยเถิด อฐิษฐานขาดคำ ทันใดนั้น ท้องฟ้าตั้งเค้า ขี้เมฆดำ เต็มท้องฟ้า ฝนตกลงมาน้ำเต็มในหนอง ทำให้ปลาและพระโพธิสัตว์รอดตาย ดังนี้แล นี่แหละคืออัศจรรย์ ที่เราตถาคต และบริวาร ได้เกิดเป็นปลา พระโพธิ สัตว์ หวัหน้า ในสมัย นั้น ได้มาเป็นเรา ตถาคต ปลาบริวารได้เกิดมาเป็นสาวก ชื่อนั้นๆ พูดไปแล้วยาว แค่นี้ดีกว่า ต่ออีกนิด ในสมัยเมื่อ พ.ศ.ปี ๒๕๓๐ ผมไปวัด ก.ม.๘ อ.ด่านช้างจ.สุพรรณ เพื่อทำบุย บังเอิญที่วัด มีลูกหมา ตัวหนึ่ง ชื่อเจ้าโทน ออกมาได้ไม่กี่วันแม่มันตาย ผมเลยขอแม่ชีมาเลี้ยง คืนนั้นเป็นหน้า หนาว ผมเอาผ้าไปห่มเจ้า โทน อยู่ๆผมก็หนาว เหน็บจับขั้วใจมันหนาวผิดปรกติ เป็นเพราะอะไรหนอ เลยลุกขึ้นไปดู ปรากฎว่า ผ้าที่ห่ม เจ้าโทน หลุดออกจากตัว เลยห่มให้ใหม่ ปรากฎว่าผมแค่หนาวปรกติ และเป็นอย่างนี้ที่มาอีกหลายวาระ ก็ทำแบๆนั้น ก็เป็นเหมือนเดิม ก็คิดในใจว่า เจ้าโทนตัวนี้ คงเป็นหมาพระโพธิสัตว๋แน่นอน มานึกตรงนี้ ทำให้คิดถึง ตอน พระพุทธเจ้าของเรา เกิดเป็นพระโพธิสัตว์ปลา ในหนองน้ำ ทำให้ขนพลองสยองเกล้า ไม่ขอเล่า เรื่องยังมีอีกเยอะพูดไปเดียวบางคนจะไปปรามาสท่านเข้า ย้อนไปดูในสมัยครั้งพระพุทธเจ้าดีกว่า ตอนพระองค์ไปโปรด ช้างปาริไลยกะโพธิสัตว์ ท่านก็บำเพ็ญ ไปรับใช้พระพุทธเจ้า ตอนไปโปรด และช้างนาราคีรี โพธิสัตว์ ที่พระเจ้าอชาตศรัตรู ปล่อยมาให้แทงนางวิสาขา มหาอุบาสิกาๆใช้นิ้วจี้หน้าผาก ถึงกลับ ตูตจ้ำเบ้าเลย เพราะว่าพระนางมีกำลัง เจ็ดช้างสาร และเป็นพระโสดาบันด้วย เป็นอริยบุคคล ในพระศาสนา ถ้าจำไม่ผิดๆขออภัย ช้างนาราคีรี ก็จะมาตรัสรู้ เป็นพระพุทธเจ้าในกัปนี้เหมือนกัน ครับ เรื่องของสัตว์ที่เป็นพระโพธิสัตว์ ที่ผมประสพมา มีหลายท่าน ที่เจอมา ในชาตินี้ จึงยุติแค่นี้ก่อน การบำเพ็ญบุญญาบารมี ของพระโพธิสัตว์ เกิดระหว่างคนกับสัตว์เท่านั้น เป็นเทวดากับพหรม เขาไม่คิดให้ ต้องขยันเกิดขยันตาย เหมือนกัน ดั่งที่ พระพุทธเจ้าทั้งหลาย สืบๆกันมา ดังนี้แล
     

แชร์หน้านี้

Loading...