พระเครื่อง พระกรุ นิยม

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย พลังชาตรี 13, 5 กรกฎาคม 2011.

  1. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    [​IMG]


    ขอเรียนเชิญเข้ามาชมพระหลักๆสายหลวงปู่ทิม/หลวงพ่อทาบ/

    โดยการจับมือร่วมกันระหว่าง "พลังชาตรี13 กับ เชิงเนิน"

    ดำเนินงานรวบรวมวัตถุมงคลหลวงปู่ทิม/หลวงพ่อทาบ "เปิดตัวในตลาดพระ"

    โดยใช้ชื่อร้านค้า "พลังชาตรี13" มีพระแท้ๆสายระยองให้ชมมากมาย

    รับประความแท้ตามมาตราฐานสากล (แท้โดยไม่มีเงื่อนไข)


    ขอเชิญชมกดด้านล่างรับ

    http://www.taradpra.com/PALUNGCHATEE
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2013
  2. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    พระหูยานลพบุรีขุนศึกแห่งกรุงละโว้ ยอดคงกระพันมหาอุตม์.

    หนึ่ง ใน ห้า เบญจภาคีพระเนื้อชินของเมืองไทย

    กรุเก่าสภาพสวยมากๆๆๆครับ
    xNWAZn.jpg
    xNWPsg.jpg

    พระหูยาน กรุวัดพระศรีฯ พิมพ์ใหญ่ พิมพ์นิยมเนื้อชินเงิน จ.ลพบุรี


    ## สุดยอดของพระเครื่อง 1ใน5 ชุดเบญจภาคีพระเนื้อชินในตำนาน ยอดขุนพลแห่งเมืองละโว้ลำดับ1ในดวงใจนักเลงพระทุกยุคทุกสมัย สภาพสวยสมบูรณ์ไม่มีอุดซ่อมใดๆ

    พระหูยาน ลพบุรี ขุนศึกแห่งกรุงละโว้ ยอดคงกระพันมหาอุตม์. พระหูยานลพบุรี เป็นพระเครื่อง พิมพ์ต้นกำเนิด ที่ปรากฎขึ้น ณ.กรุงละโว้(ลพบุรี) เป็นครั้งแรก เมื่อประมาณพ.ศ.1600-1700 และนอกจากพระร่วงหลังลายผ้าจะได้ครองความยิ่งใหญ่ในพระเครื่องเมืองลพบุรีทั้งหมดแล้ว พระหูยาน ลพบุรีก็นับว่าเป็นพระเครื่องชั้นนำของประเภทเนื้อชินทั้งหมดด้วยเช่นกัน.

    พระเครื่องที่ถูกขนานนามว่า พระหูยาน นี้ ที่มีชื่อเสียงมากได้กับของกรุพระปรางค์วัดศรีรัตนมหาธาตุหรือที่เรียกกันว่า วัดใหญ่ (กรุเก่า) และกรุเจดีย์เล็ก(กรุใหม่) ซึ่งพบอยู่ในบริเวณวัดเดียวกันแต่ด้านอายุแล้วพระกรุใหญ่นี้ประมาณได้ว่าสร้างเมื่อ พ.ศ.1931 ในสมัยพระราเมศวรเท่านั้น ส่วน พระหูยาน กรุวัดปืนถึงแม้จะมีอายุน้อยกว่าก็ตาม แต่ก็โด่งดังในด้านอิทธิฤทธิ์และหาชมได้ยากยิ่ง และนอกจากพระหูยานกรุวัดอินทรารามซึ่งก็หายากอีกกรุหนึ่งแล้ว ยังปรากฎว่าที่เมืองลพบุรีนี้ ยังมีพระพิมพ์หูยานอีกหลายพิมพ์ทีเดียว ที่ต้องหากรุไม่พบ ซึ่งต่างก็ล้วนแต่เป็นพระเครื่องเนื้อชินเงินศิลปลพบุรีทั้งสิ้น.

    พระหูยาน เป็นปฏิมากรรมศิลปแบบลพบุรียุคต้น ซึ่งบัดนี้มีอายุได้กว่า 800 ปีแล้ว นับว่าช่างศิลปแห่งยุคนั้นได้ให้จินตนาการแก่พระพิมพ์นี้ไว้อย่างปราณีตเป็นพิเศษทีเดียว และนอกจากความเป็นเลิศของศิลปดังกล่าวนั้นแล้ว จากพิมพ์ของ พระหูยาน นี้ (พิมพ์หน้ายักษ์กรุวัดใหญ่) ยังให้ความประทับใจและเร้าอารมณ์ให้แก่ผู้พบเห็นยิ่งนักอีกด้วย.


    เรื่องราวของพระพิมพ์ หูยาน นี้ เมื่อสมัยลพบุรีสิ้นสุดลงแล้วพระเครื่องสกุลนี้ก็ยังส่งอิทธิพลโดยได้มีการสร้างติดต่อกันมาอีกหลายสมัยทีเดียว ทั้งนี้มีใช่ว่าพระพิมพ์นี้จะอลังการเท่านั้น ยิ่งในด้านพระพุทธคุณด้วยแล้ว พระหูยานนับเป็นพระเครื่องประเภทคงกระพันชาตรีและดีเยี่ยมด้านมหาอุตม์ด้วย ซึ่งได้มีประสบการณ์มาแล้วอย่างชนิดที่เชื่อถือได้เลยทีเดียว.

    ## และองค์นี้คือตำนาน 1 ใน 5 เบญจภาคีพระเนื้อชินของเมืองไทย ตัวจริงเสียงจริงครับ ##..


    พลังชาตรี 13 โทร 0840794320


    เล่นพระสวยพระดีมีมาตรฐาน เล่นแบบสบายใจพร้อมบัตรรับรองพระแท้

    พระไม่ดีไม่แท้ไม่นำมาลงให้ศึกษากันผิดๆครับ

    บูชาพระไม่ต้องเสี่ยงพร้อมใบเซอร์ พลังชาตรี 13

    รับประกันพระแท้ไม่มีกำหนด องค์ใหนเก็ บวกให้ 2000 บาท

    ......................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2020
  3. hi-kick07

    hi-kick07 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2013
    โพสต์:
    871
    ค่าพลัง:
    +1,180
    ขอราคาลูกอมผงพรายลูกที่ หก ด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ
     
  4. hi-kick07

    hi-kick07 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2013
    โพสต์:
    871
    ค่าพลัง:
    +1,180
    หลงกระทู้บ้างเล็กน้อยค่ะ ไปจองกระทู้ย่อยอ่ะค่ะ ถ้ามีเหลือขอจอง สอง องค์นะค่ะ ช่วยแจ้งด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะ:z12
     
  5. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    ขอบพระคุณมากครับ เก็บลูกสวยๆไว้ให้ครับ 2 ลูก
     
  6. hi-kick07

    hi-kick07 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มกราคม 2013
    โพสต์:
    871
    ค่าพลัง:
    +1,180
    โอนแล้วนะค่ะ ส่วนที่อยู่จะส่งไปทางPM ค่ะ ATM K.bank thonglor time 10.23 date 13/08 amt. 1,950 ขอบคุณค่ะcatt7catt7catt7
     
  7. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    มหามนต์ตราชั้นสูงเมตตรามหานิยมเป็นเลิศขุนแผนผงพรายกุมารยันต์มหาจินดามณี

    ขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม บรรจุกรุปี 2517 วัดละหารไร่

    หลวงปู่ทิมปลุกเสกและบรรจุกรุ ผสมเนื้อผงพรายกุมาร 1 กระป๋องนม สภาพสวยมากๆครับไม่แตกผิวไม่เปิดสมบูรณ์สุดๆครับท่าน ความเป็นมาของพระบรรจุกรุนั้น เริ่มขึ้นเมื่อจะมีการผูกพัทธสีมาอุโบสถวัดละหารไร่โดยในปี พ.ศ. 2516 ทางวัดได้จัดเตรียมสร้างพระเครื่องสำหรับงานผูกพัทธสีมาขึ้นมาจำนวนหนึ่ง ครั้นจัดงานผูกพัทธสีมาใน พ.ศ.2517 ผู้เฒ่าบางท่านกล่าวว่า บรรดาวัตถุมงคลของแต่ละอาจารย์ที่สุดยอดเยี่ยมยมยิ่งกว่าสิ่งอื่นก็คือ วัตถุมงคลที่จัดสร้างและปลุกเสกเนื่องในงานผูกพัทธสีมา พิธีบรรพชาอุปสมบท (ดั่งที่มีคตินิยมมักใส่พระเครื่องของขลังในบาตรของผู้อุปสมบท) การลงอุโบสถสังฆกรรม-สวดปาติโมกข์และการทำพิธีในวันสำคัญต่างๆ มานานประมาณ 9 ปีโดยอยู่ในช่วงสมัยซึ่งหลวงปู่ทิมยังดำรงเบญจขันธ์อยู่เป็นเวลาประมาณ 2 ปี.

    พระบรรจุกรุจึงเป็นวัตถุมงคลที่พร้อมสรรพทั้งทางคตินยมและทางอิทธิคุณบารมี ซึ่งบริบูรณ์ด้วยพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ และสังฆานุภาพ อีกอย่างหนึ่งของหลวงปู่ทิม อิสริโก.
    ท่านผู้ใหญ่ฯ เสริญ นิลรัตน์ ซึ่งเคยอุปสมบทและประจำพรรษาที่วัดละหารไร่ในพรรษาปี 2516 และ 2517 เคยให้ข้อมูลว่า พระชุดนี้ทางวัดละหารไร่จัดสร้าง และหลวงปู่ทิมปลุกเสกแน่นอน .ด้วยความเชื่อที่ว่า ลุงสาย แก้ว สว่าง ไวยาจักรในขณะนั้น ย่อมต้องทราบข้อมูลเรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะเป็นการสร้างพระจำนวนมากว่าครั้งใดๆ จึงได้เรียนถามท่าน ท่านกรุณาเล่าให้ฟังว่า นอกจาก

    "ใส่ซุ้มเสมา" แล้ว ยังใส่ในฐานพระประธานด้วย เนื่องจากสภาพกรุที่ไม่ได้ก่ออิฐถือปูนรองรับไว้ เอาพระใส่ในทรายเลย ทำให้พระเสียหายเยอะ ถ้ายังเก็บไว้นาน ก็จะยิ่งเสียหายมากขึ้นกว่านี้อีก. พระผงชุดบรรจุกรุ มีส่วนผสมหรือมีมวลสารที่เป็นผงพรายกุมารหรือไม่

    ลุงสายกล่าวว่า ได้ผสมผงพรายกุมารกับพระชุดนี้ไปประมาณ "หนึ่งกระป๋องนม".


    ในวงการมีข้อยุติที่แน่นอนชัดเจน ไม่อืมครึม ไม่ต้องมาโต้แย้งกัน ให้ต้องปวดหัว เป็นที่ยอมรับว่าเป็นมาตราฐาน หลวงปู่ทิมท่านปลุกเสกอย่างแน่นอนครับ

    พลังชาตรี 13 โทร 0840794320
    เล่นพระสวยพระดีมีมาตรฐาน เล่นแบบสบายใจพร้อมบัตรรับรองพระแท้
    พระไม่ดีไม่แท้ไม่นำมาลงให้ศึกษากันผิดๆครับ


    บูชาพระไม่ต้องเสี่ยงพร้อมใบเซอร์ พลังชาตรี 13

    รับประกันพระแท้ไม่มีกำหนด องค์ใหนเก็ บวกให้ 2000 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2020
  8. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    พระปิดตาหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ร่วมพิธีปลุกเสก ตอกโค้ดตัว ท
    ตัวเดียวกับตอกรูปหล่อไตรมาสหลวงปู่ทิมสภาพสวยแชมป์ "เนื้อเงิน"


    พระปิดตาพนมรุ้ง หลวงพ่อทิพย์ วัดโพธิ์ทอง ปี 2518 เนื้อเงิน หลวงพ่อทิพย์ ธัมมนิโยโกท่านเป็นพระอาจารย์เชื้อสายเขมรที่เรืองวิชาอาคม จนชาวเมืองตั้งฉายาว่า“หลวงพ่อสารพัดนึก” หลวงพ่อทิพย์ฯ ท่านมีความสมถะ มักน้อยมีจริยาวัตรงดงามห่าง ไกลจากกิเลสทั้งปวงแล้ว น่าเคารพศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง แต่สร้างของยากพระชุดเหรียญสารพัดนึกพิธีปลุกเสกหลวงพ่อทิพย์ได้กำหนดวิธีการ มีการจัดตั้งปรัมพิธีตามแบบเขมรมีหัวหมู บายศรี ราชวัตร ฉัตร ธง ล้อมรอบ มีพระสวดเจริญพระพุทธมนต์ 9 รูปมีพระนั่งปรกปลุกเสก 3 รูป คือ หลวงพ่อคง วัดกลาง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์หลวงพ่อกลั่น วัดโพธิ์ทอง และหลวงพ่อทิพย์ฯสำหรับหลวงพ่อคงและหลวงพ่อกลั่นเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดบุรีรัมย์ที่หลวงพ่อทิพย์นับถือ ทั้ง 2 ท่านได้ปลุกเสกจนถึง 22 นาฬิกาจึงได้ลุกจากพิธีหลวงพ่อทิพย์ได้นั่งปลุกเสกแต่เพียงองค์เดียวไปจนถึงสว่างเมื่อทำพิธีเสร็จแล้ว พระสมบูรณ์ ธมมจาโรผู้ได้รับการอนุญาตให้ดำเนินการจัดสร้างได้เรียนถามว่าใช้ทางไหนท่านบอกว่าเป็นสารพัดนึก ผู้ใช้จะนึกอธิฐานใช้อย่างใดก็ได้แต่ขอให้นึกในสิ่งที่ชอบที่ควร และส่วนใหญ่จะหนักไปทางเมตตาแต่ทางด้านมหาอุดแคล้วคลาดก็มี เกี่ยวกับในด้านมหาอุดนั้นเมื่อปลุกเสกเหรียญเสร็จ ปรากฏว่ามีนักเลงดีนำไปทดลองกันที่ข้างวัดทันทีปรากฏว่ายิ่งไม่ออก
    หลังจากนั้นท่านได้นำไปให้หลวงปู่ทิม วัดระหารไร่ปลุกเสกเพิ่มอีกครั้งหนึ่ง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2020
  9. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    ผ้ายันต์อิติปิโส 8 ทิศ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ปลุกเสก ปี 2518

    ผ้ายันต์อิติปิโส 8 ทิศ มหาอำนาจ เมตตา ค้าขาย หลวงปู่ทิมปลุกเสก แม่น้ำคู้ ปี 2518 สภาพสวยกริ๊บเก่าเก็บ ปั๊มตราวัดเดิมๆ เป็นผ้ายันต์หนึ่งของหลวงปู่ทิม ที่น่าใช้มาก
    พุทธคุณครบเครื่อง ผ้ายันต์อิติปิโส 8 ทิศ มหาอำนาจ เมตตาค้าขาย วัดน้ำคู้่นั้น สืบเนื่องจาก อาจารย์ทวน อดีตเจ้าอาวาสวัดแม่น้ำคู้ไปหาหลวงปู่ เพื่อขออนุญาตสร้างผ้ายันต์ไว้แจกให้แก่ผู้มีพระคุณที่ได้มาสร้างวัดกับท่าน หลวงปู่ยังให้ลูกศิษย์ (คุณเพียรวิทย์) หยิบตำราในห้องนอนของท่านนำมาให้ท่านดู ท่านยังเปิดตาราและชี้ยันต์ต่างๆ ให้อาจารย์ทวนดูว่าจะเอาแบบไหน เมตตาหรือแคล้วคลาด ทางอาจารย์ทวนก็บอกว่าแล้วแต่หลวงปู่จะเห็นสมควร แต่อยากให้มีมหาอำนาจและค้าขายดีประกอบอยู่ด้วย หลวงปู่จึงให้ยันต์ครอบจักรวาลมา และกำชับให้อาจารย์ทวนรีบทำไวๆ เพื่อท่านจะได้ทำพิธีปลุกเสกให้ อาจารย์ทวนจึงนำไปพิมพ์ที่วัดของท่านพิมพ์มาได้ประมาณ 2,000 ผืน (สองพันผืน) และได้ตีตราวัดแม่น้ำคู้เก่าไว้ที่ผ้ายันต์ด้วย หลวงปู่ได้ทำการปลุกเสกให้อย่างเต็มที่ประมาณ 1 เดือน จึงให้คนไปตามอาจารย์ทวนเอากลับคืนไปไว้ที่วัดแม่น้ำคู้เก่า เพื่อนำไปแจกญาติโยม
    เมื่ออาจารย์ทวนได้รับแล้ว ท่านยังนำไปให้ หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า ซึ่งเป็นพระร่วมยุคเดียวกับหลวงปู่ทิมให้ช่วยปลุกเสกอีกทีหนึ่ง (เนื่องจากอาจารย์ทวนเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ทิมและหลวงพ่อชื่นก็เป็นพระอุปัชฌาย์ของท่านด้วย) ซึ่งหลวงพ่อชื่นเห็นผ้ายันต์ชุดนี้เข้า ท่านไม่ยอมทำการปลุกเสกให้ ท่านบอกว่า หลวงปูทิมทำดีเยี่ยมแล้ว แต่อาจารย์ทวนได้แย้งว่า ผ้ายันต์นี้ได้พิมพ์ชื่อของหลวงปู่ทิม และหลวงพ่อชื่นร่วมกันปลุกเสก ท่านไม่อยากให้มีชื่อว่าหลอกลวงผู้อื่น จึงชี้แจงให้หลวงพ่อชื่นเข้าใจในเจตนาดีของท่าน หลวงพ่อชื่นจึงยอมรับผ้ายันตุ์ชุดนี้ และท่านบอกว่า “ฉันไม่เก่งเหมือนท่านพ่อทิมหรอก" ฉันปลุกเสกทับลงไปไม่ได้ เพราะท่านพ่อทำมาดีแล้ว แต่ฉันจะใช้วิธีอธิษฐานจิตเชิญคุณพระพุทธเจ้า , พระธรรมเจ้า และพระสังฆเจ้า เมื่อเวลาฉันทำวัตรเช้าและทำวัตรเย็นหรือเวลาที่ฉันสวดมนต์” ทำความปิติยินดีให้แก่ท่านอาจารย์ทวนที่ได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อชื่นเป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นผ้ายันต์กฤติยาคมแฝดที่ใช้ได้ครอบจักรวาล ดั่งชื่อ ยันต์ครอบจักรวาล

    ได้ผ่านการปลุกเสกโดยสองพระอริยเจ้าองค์สำคัญแห่งระยอง คือ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ และ หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2020
  10. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    ประวัติกำเนิดผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เมื่อกลางปี 2515

    ประวัติกำเนิดผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เมื่อกลางปี 2515 คณะกรรมการวัดละหารไร่ มีนายสาย แก้วสว่าง ไวยาวัจกร ประชุมกันเรื่องการสร้างพระเครื่องวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสมนาคุณแด่ชาวบ้านและสาธุชนทั่วไป ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินร่วมทำบุญกับวัดละหารไร่ ต่อไปในวันข้างหน้าโดยเฉพาะงานผูกพัทธสีมาพระอุโบสถ วัดละหารไร่ ในการนี้หลวงปู่ทิมได้กล่าวว่า หากได้ผงพรายกุมารมหาภูติผสมใส่ลงไปด้วย พระเครื่องที่สร้างขึ้นนี้จะมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเพราะมีอานุภาพแห่งพรายกุมารมหาภูติแฝงอยู่คอยช่วยเหลือเอื้ออำนวยพร เมื่อหลวงปู่ทิมมีความต้องการจะทำผงพรายกุมารมหาภูติ เพื่อนำมาเป็นมวลสารที่สำคัญยิ่งในการสร้างปลุกเสกพระเครื่องครั้งนี้นั้น ในบรรดาลูกศิษย์ยุคแรกของหลวงปู่ทิมอิสริโกทั้งหมดไม่มีใครกล้าเสนอตัวอาสากระทำการ เพราะต่างคนต่างก็เกรงกลัวความอาถรรพ์ของผีตายทั้งกลม ซึ่งโบราณกล่าวไว้ว่ามีความดุร้ายและหวงลูกมาก ถึงขั้นตามเอาชีวิตกันเลยทีเดียว มีแต่เพียง “หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ “ ผู้เดียวที่มีวิชาคาถาอาคมและสมาธิกล้าแข็งเพียงพอ กล้าขอเสนอตัวรับอาสาสนองพระคุณหลวงปู่ทิม จะไปนำ ” กะโหลกพรายกุมาร “ วัตถุอาถรรพ์สำคัญยิ่ง จากหญิงตายทั้งกลม (หญิงชาวบ้านท้องแก่ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุสยดสยอง ทางญาติได้นำศพมาฝังไว้ที่ป่าช้าวัดละหารใหญ่ ปัจจุบันเป็นบริเวณที่ชาวบ้านทำไร่สับปะรด ) มาเพื่อให้ท่านสร้างปลุกเสกเป็น ”ผงพรายกุมารมหาภูติ “ ซึ่งหมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ต้องพบกับอิทธิฤทธิ์ของอาจารย์พรายนายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร แต่ด้วยมูลเหตุแห่งวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างบุญกุศลในพระพุทธศาสนา บารมีของหลวงปู่ทิม และคาถาอาคมที่หลวงปู่ทิมได้ประสิทธิให้นั้น ทำให้นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร ได้ยินยอมและเต็มใจ เกิดความปิติในกุศลผลบุญที่ตนเองจะได้รับ หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ จึงกระทำการครั้งนี้ได้สำเร็จเรียบร้อยทุกประการ “ วิญญาณของาจารย์นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร มีอยู่จริงเห็นตัวตนเป็นเงาใสๆ ลางๆ เหมือนกับภาพที่สะท้อนบนพื้น ในปัจจุบันวิญญาณเหล่านี้ก็ยังอยู่คุ้มครองที่วัดละหารไร่ “ หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ กล่าวย้ำ การสร้างผงพรายกุมารมหาภูตินั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เมื่อได้กระโหลกพรายกุมารมาแล้ว หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ใส่ห่อผ้าเก็บไว้หลังพระประธานในพระอุโบสถหลังเก่า เป็นระยะเวลาประมาณสามถึงสี่เดือน จนกระโหลกพรายกุมารแห้งสนิทหมดกลิ่นดีแล้ว จึงนำมาโขลกตำให้ละเอียดแล้วผสมกับผงวิเศษสำคัญต่างๆ ที่หลวงปู่ทิมมอบให้มาจนครบทั้งหมดผสมน้ำแช่เกสรบัวทั้งห้า ปั้นเป็นแท่งขนาดใหญ่ แล้วตากแดดไว้จนแห้งสนิท เมื่อได้ฤกษ์งาม ยามดีวันดี ตามที่หลวงปู่ทิมได้กำหนดไว้ จึงจะนำแท่งผงปั้นนี้มาเขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ บนกระดานชนวน กระทำในพระอุโบสถหลังเก่า ท่ามกลางการเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์ ๙ รูป โดยหลวงปู่ทิมอิสริโก เป็นประธานสงฆ์ เขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ ลงบนกระดานชนวนแล้วลบผงก่อนเป็นปฐมฤกษ์ แล้วจึงมอบให้หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ เป็นผู้ลงอักขระพระยันต์และลบผงต่อไป การปลุกเสกผงพรายกุมารมหาภูตินี้ หลวงปู่ทิมท่านได้ปลุกเสกพรายกุมารทั้งหลายให้เป็นกึ่งเทพกึ่งภูติเป็นมหาภูติขวาและซ้าย(พระพรายคู่ เป็นรูปเทวดานั่งคู่กัน แทนรูปมหาภูติซ้าย-ขวา) วิญญาณพรายกุมารไม่ใช่มีอยู่ตนเดียว แต่มีมากมายประมาณมิได้ หลวงปู่ทิมได้อธิฐานให้วิญญาณพรายกุมารทุกตนที่ผ่านไปมาในบริเวณพิธี หากจะช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนา ก็ให้มาสถิตย์อยู่รวมกันในผงพรายกุมารมหาภูติที่ท่านปลุกเสกนี้ ให้มีอิทธิฤทธิ์คอยช่วยเหลือคุ้มครองอำนวยพรให้ผู้ศรัทธาบูชาอยู่ระยะเวลาหนึ่ง หลังจากเสร็จพิธีเรียบร้อยแล้วได้ผงพรายกุมารมหาภูติบริสุทธิ์สีขาวหม่นอมเทาประมาณ 1 ถาดใหญ่ เมื่อแบ่งผสมผงว่านมหามงคลจะได้ผงพรายกุมารมหาภูติเนื้อละเอียดสีน้ำตาลเข้มประมาณ 1 กะละมังใหญ่ แล้วเก็บรวบรวมไว้ในกุฎิหลวงปู่ทิม เมื่อจะทำพระเครื่องจึงจะขออนุญาตหลวงปู่ทิมไปตักแบ่งเอามาผสมผงที่จะกดพิมพ์พระอีกครั้งหนึ่ง.หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ กล่าวยืนยันโดยเห็นกับตาตนเองว่า “ผงที่หลวงปู่ทิมอิสริโก เขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ นั้น หลุดร่วงทะลุลอดกระดานชนวนลงมา และทะลุผ้าขาวที่ปูรองเอาไว้ถึงเจ็ดชั้นจนถึงพื้นพระอุโบสถวัดละหารไร่ “ที่กล่าวนี้ไม่ได้กล่าวเกินความจริงแต่อย่าง แต่กล่าวเปิดเผยเพื่อให้ท่านทั้งหลายที่ศรัทธาหลวงปู่ทิมอิสริโก จะได้เกิดความปิติ และซาบซึ้ง ในบุญญาบารมีของหลวงปู่ทิมอิสริโก หากผู้ใดได้ครอบครองบูชา พระผงขุนแผนพรายกุมาร นับว่าท่านมีของวิเศษขั้นสูงอยู่กับ จะส่งผลให้เกิดโภคทรัพย์ ความเจริญรุ่งเรือง เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง นับว่าเป็นบุญกุศลของผู้นั้นที่เคยได้ร่วมสร้างกันมา หลวงปู่ท่านกล่าวว่าพระของท่านมีเจ้าของอยู่แล้ว ของของใครต้องมาอยู่กับผู้นั้น ผู้ใดมิใช่เจ้าของจักมีอันต้องเปลี่ยนมือไปไม่ช้าก็เร็ว
    เรื่องจริงที่เล่าขานกันโด่งดัง ของ จังหวัดอยุธยา ณ.วัดสะแก เมื่อประมาณปี ๒๕๒๐ ขณะนั้นเป็นเวลาบ่ายเย็น หลวงปู่ดู่ แห่งวัดสะแก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ออกมานั่งคุยกับศิษย์ที่บริเวณระเบียงกุฏิของท่าน เมื่อนั่งคุยกันชั่วครู่ใหญ่ หลวงปู่ดู่และศิษย์เห็นรถยนต์คันหนึ่งวิ่งเข้ามาในวัดแล้วจอด มีชาย ๔ คนลงจากรถ และเดินตรงมาที่กุฏิของท่าน "เอ๊ะ..อ้ายพวกนี้มาแปลก..." หลวงปู่ดู่อุทาน "มันเอาผีมาด้วย" บรรดาศิษย์ของหลวงปู่ดู่ เมื่อได้ยินหลวงปู่พูดถึงผี ก็พากันชะเง้อดูคนทั้งสี่ "เอ...ผมมองไม่เห็นผี" ศิษย์คนหนึ่งบอกกับหลวงปู่ "ผมไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ มีอะไรหรือครับหลวงปู่..." หลวงปู่ดู่หัวเราะกับศิษย์ และพูดกับศิษย์ว่า.. "ฉันเห็นผีมันล้อมรอบพวกสี่คนที่กำลังเดินมาเต็มไปหมด" คนทั้งสี่ เมื่อเดินมาถึงหน้าบันได้กุฏิ ก็พากันถอดรองเท้า แล้วพากันขึ้นบนกุฏิ คลานเข้ามากราบหลวงปู่ดู่.. "นี่...พวกเธอมาหาฉัน ทำไมจึงเอาผีมาด้วย" หลวงปู่ดู่ถามชายทั้งสี่ พร้อมกับหัวเราะด้วยอารมณ์ดี คนทั้งสี่มองหน้ากัน ตีหน้าเลิ่กลั่ก เมื่อได้ยินหลวงปู่ดู่บอกว่า พวกตนที่มาหา...พาผีมาด้วย "ผีที่ไหนครับหลวงปู่" นายเบิ้ม พบร่มเย็น หนึ่งในสี่คนที่มาหาหลวงปู่ ถามขึ้นด้วยความสงสัย "ยังไม่รู้อีกเรอะ" หลวงปู่ดู่หัวเราะด้วยอารมณ์ดี "ผีมันออกมาจากพระที่แขวนอยู่ที่คอน่ะสิ" ทั้งสี่คนที่มาหาหลวงปู่ถึงบาง "อ้อ" คนทั้งสี่ที่มาหาหลวงปู่ดู่เป็นศิษย์ของ หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง และทุกคนมีพระเครื่องที่หลวงปู่ทิมสร้าง แขวนอยู่บนคอ เช่น พระพรายเพชร พรายบัว (พระสององค์ติดกัน)พระพิมพ์สี่เหลี่ยมหัวโต...หรือพระเล็กๆ แบบสามเหลี่ยมเรียกนางพญา และพระขุนแผนเล็กและใหญ่ บรรดาพระเครื่องที่เอ่ยนามมานี้ นอกจากจะมีผงพระพุทธคุณแล้ว ยังผสม "ผงผีพรายกุมาร" ที่ได้มาจากเด็กที่ตายทั้งกลม.... คนทั้งสี่นำสร้อยคอที่แขวนพระที่มีส่วนผสมของผงพรายกุมาร ให้หลวงปู่ดู หลวงปู่นั่งหลับตาชั่วครู่ใหญ่บอกว่า "ของเขาแรงใช้ได้ดีทีเดียว แต่ดูเหมือนผู้สร้าง..ได้เสีย..เสียแล้ว" "ครับ...เป็นพระเครื่องของท่านหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ จ.ระยอง ที่ได้สร้างขึ้น และหลวงปู่ทิมได้มรณภาพมากว่า ๒ ปีแล้ว..." นายเบิ้ม พบร่มเย็น บอกแก่หลวงปู่ดู่... ข้อมูลเพิ่มเติมจากเวป. http://www.watthummuangna.com/board/showthread.php?t=5297 ขอขอบคุณไว้ ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ

    หนึ่งในมวลสารที่ผสมลงในพระขุนแผนบล็อกลองพิมพ์ ที่มีความเป็นเป็นที่สุดอีกอย่างคือน้ำมันพระเจ้าตากหรือน้ำมันพราย สุดยอดแห่งพลังเมตตามหานิยม ที่เพิ่มความเฮียนหรือพลังของพระพรายมหาภูติ รวมเข้ากับจิตอันบริสุทธิของหลวงปู่เสกจากวัตถุอาถรรต์พลังรุนแรง จนเป็นสิ่งบริสุธิที่มีพลังมหาสารสามารถบังเกินฤทธิ์ปาฏิหารต่างๆนาๆกับผู้ครอบครองบูชา

    ผมเคยไปนั่งคุยกับหลวงพ่อสิน วัดระหาญใหญ่เรื่องนี้ ท่านกล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ก่อนอื่นถ้าใครเคยไปวัดไร่วารี ถ้าก่อนผ่านสะพานซ้ายมือจะเห็นเมรุ ตรงนั้นละสถานที่ๆกล่าวถึง แต่เป็นเมรุแบบเก่าคือมีแท่นปูน2แท่นตั้งคู่กัน หลวงพ่อสินเล่าว่า เขามาบอกก่อนๆที่จะทำพิธี เพราะท่านป็นเจ้าอาวาส ทีแรกท่านก็ไม่เชื่อ ท่านบอกว่าเขาใช้ผ้าขาว มัดปากขวดโหล แล้วแอบเอาไปฝังดินตรงกลางที่เผา พอหลังจากการปลงเรียบร้อยแล้ว รุ่งเช้าพวกที่มาทำก็เชิญท่านมาดู เอ้อลืมไป การทำพิธีนี้ จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้ กลัวญาติผู้ตายไม่ยอม พอรุ่งเช้า หลังจากการปลงเรียบร้อยแล้ว พวกที่มาทำพิธี ก็ต้องนิมนหลวงพ่อสินมาเป็นการขออนุญาติไปในตัว หลวงพ่อสินท่านกล่าวว่า ไม่น่าเชื่อนะ เพราะตอนฝังดินมีผ้าขาวปิดอยู่ แล้วยังฝังลงไปในดินอีก พอขุดขวดโหลขึ้นมา ท่านบอกว่าข้างในขวด เป็นน้ำสีเหลืองใสมาก แล้วมีกลิ่นหอมมาก สุดท้ายท่านยังกล่าวกับผมอีกว่า ตอนนี้ท่านก็ทำได้ ปกติแล้วหลวงพ่อสินท่านจะเป็นพระที่ถ่อมตัวมาก น้ำมันนี้แหละที่หลวงพ่อนำไปทำพระเครื่อง ที่ท่านทำเอง เป็นแค่ส่วน1ในการสร้างพระ ยังมีน้ำมันพระเจ้าตาก ผงพรายกุมาร ผีตายโหงอีกหลายศพ ที่หลายคนยังไม่ทราบ เรื่องผงพรายกุมาร ท่านคงได้ฟังจากหมอหลาบหรือโยมสายตอนท่านมีชีวิตอยู่มาแล้ว แต่น้ำมันพระเจ้าตาก มีพิธีการทำที่พิศดาร ไม่แพ้กันเลย ต่อไปผมจะเล่าเรื่องน้ำมันพระเจ้าตาก กว่าจะมาทำเป็นพระเครื่อง ของหลวงพ่อทิมว่ายากเย็นเพียงไร น้ำมันพระเจ้าตากหรือน้ำมัน...ก็สุดแต่จะเรียกกันเป็นการขุดพบโดยบังเอิญ เมื่อครั้งที่ทางวัดจะสร้างศาลาการเปรียญบริเวรนั้นมีกองกระดูกที่ทับถมกันเป็นเวลานานนับ10ปี กระดูกเหล่านี้แต่เดิมอยู่ภายในบริเวณวัด แล้วได้ย้ายมากองทับถมกันเพื่อเอาสถานที่ปรับปรุงวัด ลุงแมงบอกว่าตอนย้ายกระดูกนั้น แกอายุประมาณ15-16ปี และก็เป็นผู้หนึ่งที่ได้ขนย้ายนี้ด้วย ปัจจุบันลุงแมงอายุใกล้70แล้ว (ลุงแมงเป็นลูกบุญธรรมของหลวงปู่ทิม เพราะเมื่อตอนแรกเกิดนั้น พ่อ แม่ เห็นว่าคงจะเลี้ยงไม่รอด เลยยกให้เป็นลูบุญธรรมหลวงปู่ และโดยวงษ์ตระกูลแล้ว พี่สาวของพ่อลุงแมงก็เป็นน้องสาวของหลวงปู่ทิมนั่นเอง) ผมจำเป็นต้องเล่าเรื่องลุงแมง เพราะเป็นบุคลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน้ำมันนี้โดยตรง และเพื่อให้ท่านได้นึกภาพออกง่ายขึ้น ในความเป็นอยู่ในอดีต ที่มีความเกี่ยวข้อง สนิทสนมกัน

    ครั้นต่อมาทางวัดต้องการจะสร้างศาลาการเปรียญอีกก็ต้องย้ายกองกระดูกเหล่านี้อีกที เนื่องบริเวณนั้นจำเป็นต้องใช้สถานที่ กองกระดูกที่ว่านี้ ถ้าอยู่ปัจจุบัญก็อยู่ตรงกลางศาลาการเปรียญ ค่อนข้างไปทางทิศเหนือ แต่ทางวัดหาคนที่จะขุดย้ายกองกระดูกนี้ไม่ได้ จ้างใครก็ไม่มีใครรับ หลวงปู่จึงให้ลุงแมงรับหน้าม่นี้แต่เพียงผู้เดียว เนื่องจากลุงแมงแกเคยอยู่กับหลวงปู่มาแต่เกิด และอีกทั้งยังเคยเป็นสัปเหร่อมาก่อน รวมทั้งมีหลวงปู่ช่วยดูอยู่ด้วยจึงไม่กลัว (ลุงแมงแกสนิทสนมกับหลวงปู่มาก แม้แต่เวลาปลงผมก็ลุงแมง และรับหน้าที่หาผักปลาอาหารถวายพระ ครั้งเมื่อตอนหลวงปู่ยังไม่มีใครรู้จัก เรื่องเกี่ยวกับลุงแมงกับหลวงปู่คุยทั้งวันก็ไม่จบ
    ครั้นเมื่อถึงวันที่ทำการขนย้ายนั้น หลวงปู่ฯท่านได้เรียกลุงแมงเข้าไปพบแล้วบอกให้ท่องคาถาคำว่า " สัพพัง " ไปจนกว่าการขุดจะแล้วเสร็จ เมื่อลุงแมงแกเริ่มทำการขุดไปได้ครึ่งทางก็พบน้ำมันที่ว่านี้อยู่ในแก้วก้นจีบเป็นน้ำมันสีเหลืองใสมากจึงนิมนต์หลวงปู่ฯมาดูพอท่านเห็นก็ชอบใจมาก แล้วบอกให้ค่อยๆแซะออกมาเสร็จแล้วก็นำผ้ายันต์ปิดปากแก้วแล้วนำกลับเข้ากุฏิไปเลย ต่อมาหลังจากนั้นหลวงปู่ฯก็ให้ลุงแมงนำนำมันนี้ไปแอบไว้ที่ทางสามแพร่งแล้วปั้นข้าวสามก้อนบูชา พอตกกลางคืนมีคนผ่านมาก็ให้เอาก้อนหินแกล้งปาเพื่อทำให้คนที่ผ่านไปมาตกใจเหตุผลก็คือต้องการให้น้ำมันนี้เฮี้ยน(เป็นเคล็ดอย่างหนึ่ง) ลุงแมงทำอยู่กี่วันผมไม่ทราบ รู้แต่ว่าเมื่อทำแล้วต่อมามันหลอกเองแล้วโดยที่ลุงแมงไม่ต้องแกล้งอีก สมัยนั้นผู้มีวิชาอาคมมีอยู่มาก พอเดินผ่านก็โดนหลอก ผู้มีวิชาเขารู้กันว่าเป็นการเล่นของ ก็เลยถูกผู้คนที่ผ่านไปมาแล้วโดนผีหลอกด่าพ่อ ด่าแม่ มาจนลุงแมงได้ยินแล้วทนไม่ไหวจนต้องไปบอกหลวงปู่ฯว่าเขาด่าเหลือเกินไม่ไหวกระมังครับ แทนที่จะหยุดหลวงปู่กลับให้ลุงแมงย้ายที่ใหม่ ทีนี้นำไปไว้ทางสามแพร่งใต้ต้นยางใหญ่แล้วทำแบบเดิมอีก ลุงแมงแกบอกว่าพอตกกลางคืนมันก็หลอกเอง มีคนเห็นเด็กปีนบนต้นยางใหญ่เต็มไปหมด แต่ก็ไม่พ้นพวกมีวิชาอีกแหละที่ไปเล่าให้ชาวบ้านฟังว่า มีคนทำพิเรนแกล้งทำของหลอกโดยที่ไม่รู้ว่าลุงแมงเป็นคนทำ และก็โดนชาวบ้านด่าอีกเช่นเคยจนแกทนไม่ไหวจนต้องไปบอกหลวงปู่ให้ทราบท่านจึงรู้ว่าน้ำมันนี้ใช้ได้แล้วจึงให้ลุงแมงเก็บกลับมาหลังจากนั้นลุงแมงก็ป่วย แกบอกว่ามีอาการคล้ายคนเป็นไข้รุมๆกินไม่ค่อยได้ซึมๆเซื่องๆ อาการเหล่านี้ถ้าคนเคยโดนของจะรู้ดี แกไม่ได้เข้าวัดอยู่สิบกว่าวันเมื่อหลวงปู่เจอแม่ของลุงแมงจึงถามว่าอ้ายแมงหายไปไหน แม่ลุงแมงบอกว่าไม่สบาย หลวงปู่จึงให้ไปตามมา พอลุงแมงมาถึงหลวงปู่จึงทำน้ำมนต์ให้อาบ แล้วบอกกับลุงแมงว่า " มันเล่นนี่ " แทบแย่เหมือนกัน ถึงตอนนี้ท่านจะเห็นว่าการที่หลวงปู่ทิมท่านทำของให้คนนำไปใช้นั้นมิใช่ง่ายๆเลยต้องลงทุนมากขนาดเอาตัวท่านเองเข้าไปเสี่ยง ถ้าวิชาไม่ถึงจริงอะไรจะเกิดขึ้น เรื่องที่เล่ามานี้ได้ถูกปิดบังมาตลอดผมเห็นว่ามีสาระน่ารู้จึงนำมาเล่าสู่กันฟัง
     
  11. ppmtm15

    ppmtm15 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +605
    ตะกรุดสาริกา (คู่ตัวผู้/แม่เมีย) หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปี 2517 ขอทราบคาราครับ
     
  12. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853

    ขอบพระคุณมากครับ ปิดครบหมดแล้วทุกรายการครับ
     
  13. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2013
  14. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    ผมทราบได้อย่างไร ? ว่าหลวงปู่ทิม อิสริโก ท่านเป็นพระอริยบุคคล

    ตอบ ผมได้ค้นคว้ามาจากข้อมูลหลายๆด้าน รวมทั้งประสบการณ์ของตัวเอง ทำให้ผมเชื่อแน่ว่า หลวงปู่ทิม อิสริโก ท่าน
    ต้องไม่ใช่พระธรรมดา ขอยกตัวอย่างเช่น
    ๑. จากประวัติเกียรติคุณและพระเครื่องหลวงปู่ทิม อิสริโก พิมพ์ครั้งที่ ๑ มีนาคม ๒๕๒๖ หน้าที่ ๒๙๕ - ๓๐๔ และในหนัง
    สือนะโม ฉบับที่ ๑๐๒ สรุปความได้ว่า
    "มีผู้ถามหลวงปู่ทิมว่า เมื่อท่านตายแล้วจะมาเกิดอีกไหม ? ถ้าจะมาเกิด จะมาเกิดอีกกี่ชาติ หลวงปู่ทิม ท่านตอบเอาไว้
    ชัดเจนเลยว่า เมื่อท่านตายแล้วจะไม่มาเกิดอีก ตามตำราพระวิสุทธิมรรค บุคคลผู้ซึ่งไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก จะมีก็แต่
    พระอริยบุคคลชั้นพระอนาคามี และพระอรหันต์เท่านั้น เคยมีลูกศิษย์บางคนเย้าท่านว่า ท่านอายุ ๙๖ ปีก็หนุ่มดี สามารถสึก
    ไปมีลูกเมียได้ (ปกติท่านอายุ ๙๖ ปี) ท่านกลับตอบว่า มีไม่ได้แล้ว เชื้อมันแห้งหมดแล้ว คำพูดของท่านคำนี้ ไปตรงกับที่
    พระคุณเจ้า ท่านเจ้าคุณนรรัตน์ ราชมานิต เคยพูดเอาไว้จนเป็นที่ร่ำลือกันในยุคนั้นว่า พระอริยบุคคลชั้นพระอานาคามีขึ้นไป
    น้ำอะสุกะเหือดแห้งหมดแล้ว เพราะว่า พระอานาคามีนั้นท่านละกามราคะได้อย่างเด็ดขาด"
    ๒. จากหนังสือนะโม ฉบับที่ ๑๐๒ ความว่า "คุณไวยวัตร เวชาชีวะ น้องท่านฑูต นิสัย เวชาชีวะ ได้รับการศึกษาอย่างดี
    จากต่างประเทศ แต่เป็นผู้ที่ชอบปฏิบัติทางจิต เคยได้นำเอาเหรียญเจริญพร ของหลวงปู่ทิม ไปให้อาจารย์ของท่านนั่งตรวจ
    สอบดูพลังงานที่แฝงอยู่ในเหรียญ อาจารย์ของท่านถึงกับสะดุ้ง จนถึงกับอุทานออกมาว่า "พระสงฆ์ระดับนี้ยังมีอยู่ในโลกนี้
    อีกหรือ ?"
    ๓. จากหนังสือนะโม ฉบับที่ ๑๐๓ ความว่า "ก่อนที่หลวงปู่ทิม อิสริโก จะมรณภาพไม่กี่เดือน ท่านได้ให้ผม (คือคุณชินพร)
    ไปทำเสื้อยันต์พระพุทธเจ้าเข้านิโรธสมาบัต เพื่อไปแจกทหารและตำรวจชายแดน แต่เป็นที่น่าเสียดาย หลวงปู่ทิมได้มรณภาพ
    เสียก่อน การปลุกเสก หลวงปู่ทิมท่านบอกว่า พระยันต์นี้ต้องตั้งธาตุเรียกอักขระให้มาบังเกิดตามตำราเสียก่อน จากนั้นนั่งนิ่ง
    ๆ ปลุกเสกโดยไม่ต้องหายใจ ไม่ต้องลุกไปไหนมาไหนอีก ๓ วัน ๓ คืน ตั้งนิมิตจนบังเกิดภัยอันตรายต่างๆ ทั้งจากธรรมชาติ
    มนุษย์ ยักษ์มารและเทวดามาทำลายก็เป็นอันแคล้วคลาดไปจนหมดสิ้น เสื้อแห่งพระยันต์นี้จะเสร็จสมบูรณ์ การอธิษฐานจิต
    โดยไม่หายใจ ๓ วัน ๓ คืน น่าจะเป็นการเข้านิโรธสมาบัติมากกว่า พระที่จะเข้านิโรธสมาบัติได้จะมีก็แต่พระอริยบุคคลในระ
    ดับสูงเท่านั้น
    ๔. จากหนังสือนะโม ฉบับที่ ๙๙ ความว่า "หลวงปู่ทิมเคยมาอธิษฐานจิตวัตถุมงคล ที่วัดของหลวงพ่อคร่ำ อ.แกลง จ.ระ
    ยอง ในขณะอธิษฐานจิตอยู่นั้น ร่างกายของท่านไม่ไหวติงเลย ราวกับคนไม่มีชีวิต จนเกิดการพิสูจน์กันว่า ท่านหายใจหรือ
    เปล่า โดชใช้สำลีไปจ่อที่จมูกของท่าน ปรากฎว่าสำลีไม่เคลื่อนไหวเลย แสดงว่า ท่านปลุกเสกแบบถอดจิต ซึ่งเป็นวิชาอธิษ
    ฐานจิตชั้นสูงมาก" จากข้อความนี้ผมเชื่อว่า หลวงปู่ทิม อิสริโก ท่านน่าจะเข้านิโรธสมาบัติปลุกเสกมากกว่า
    ๕. จากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของจังหวัดระยองชื่อ พลังชน เคยพาดข่าวหน้า ๑ ว่า "เกิดมหัศจรรย์ในวันพระราชทานเพลิง
    ศพของ หลวงปู่ทิม อิสริโก ศพไม่เน่าเปื่อย แววตายังสดใส เส้นผมและเล็บยาวขึ้นกว่าเดิม ฝนที่กำลังตกปรอยๆ ก็หยุด ปรา
    กฎลำแสงจากดวงอาทิตย์เป็นรัศมีทรงกลด ศพเผาไม่ไหม้" พนักงานเผาต้องอธิษฐานบอกร่วมกับสานุศิษย์ จากการที่ผมได้
    ค้นคว้าในตำราทางพระพุทธศาสนา เคยอ่านพบว่า พระอริยบุคคลในระดับสูงเมื่อท่านตาย แล้วสามารถอธิษฐานทิ้งร่างได้
    คือ ให้ เน่า หรือไม่ให้เน่า ก็ได้
    ๖. ผมดูจากเส้นเกศาของท่าน ที่บรรจุอยู่ในรูปหล่อเล็ก รุ่น ๑๐๘ ปี เส้นเกศาของท่านกลับใสเหมือนแก้ว ไม่เหมือนกับ
    เส้นผมของคนแก่ ที่หงอกขาวตามธรรมชาติ แสดงว่าเส้นเกศาของท่านได้แปรเปลี่ยนเป็นพระธาตุอย่างแน่นอน นี่จึงเป็นการ
    ยืนยันโดยทางวัตถุอย่างชัดเจนว่า หลวงปู่ทิม อิสริโก ท่านต้องไม่ใช่พระธรรมดา
    ๗. นี่เป็นประสบการณ์ของผมเอง ผมเคยเอาวัตถุมงคลของหลวงปู่ทิม อิสริโก ให้พระธุดงค์ที่มาร่วมเข้าปริวาสกรรม ที่
    วัดเนินพระบาทภูกระแต จ.นครพนม ราวปลายเดือน ธันวาคม ๒๕๒๙ ต่อถึงต้นปี ๒๕๓๐ ท่านได้ปลุกเสกเพิ่มเติม เมื่อผมไป
    ขอรับวัตถุมงคลกลับคืน ได้เอ่ยปากถามท่านว่า ท่านปลุกเสกให้ดีทางไหน ท่านนิ่งไปนาน ก่อนที่จะตอบว่า "กึ่งพระศาสนา
    ล่วงมาจนถึงบัดนี้ ยังปรากฎพระอริยะ เหลือเป็นเนื้อนาบุญของโลกนี้อีก" อาตมามิได้ปลุกเสก เพราะพระนี้ดีอยู่แล้ว ผมถาม
    ท่านว่าดีอย่างไร ? ท่านตอบช้าๆ ว่า พระของโยมนี้ ปรากฎจิตของพระอริยบุคคลระดับสูงปรากฎอยู่ ใครที่มีวัตถุมงคลของ
    ท่าน ก็เหมือนกับมีท่านอยู่คอยดูแลรักษา ขอให้โยมหมั่นประกอบแต่กรรมดี อาศัยกรรมดีนี้ เป็นสะพานติดต่อถึงท่าน เมื่อ
    เดือดร้อนอย่างไร ? ให้ตั้งจิตบอกกล่าว ขอบารมีจากท่าน สงเคราะห์ได้
    วันนั้นผมได้ลองเรียนถามท่านอีกว่า เมื่อหลวงพ่อรู้ว่า หลวงปู่ทิม ท่านเป็นพระอริยะ หลวงพ่อก็ต้องเป็นพระอริยะด้วย
    เพราะพระอริยะเท่านั้น ย่อมเห็นในความเป็นพระอริยะด้วยด้วยกัน ท่านกลับตอบให้ไปคิดเอาเองว่า "ผู้ที่มีภูมิจิตละเอียดกว่า
    ถ้าต้องการให้ผู้ที่มีภูมิจิตต่ำกว่าพบเห็นย่อมเป็นไปได้"
    จากข้อมูลทั้งหมดที่ผมได้ศึกษามายังมีอีกมาก แต่ผมขอสรุปเพียงเท่านี้ว่า นี่คือเหตุผลที่ทำให้ผมเชื่อว่า ท่านเป็นพระอริย
    บุคคล ผมจึงกล้าเขียนลงไปในจดหมาย ๒ ฉบับ ที่มาถึงคุณชินพร หลายท่านที่โทรมาถึงผม ผมขอตอบเพียงเท่านี้ ท่านจะเชื่อ
    ว่า หลวงปู่ทิม อิสริโก ท่านเป็นพระอริยะหรือไม่ก็ตาม มันไม่สำคัญ ความสำคัญมันอยู่ที่ว่า ท่านมีความเคารพหลวงปู่ทิม ทด
    ลองปฏิบัติตามคำสั่งสอนของหลวงปู่ทิมดูบ้าง ให้หมั่นสร้างสมแต่ความดี และผลแห่งความดี ย่อมมีปรากฎแก่ทุกท่าน
    ผมทราบได้อย่างไร ? ว่าวัตถุมงคลของหลวงปู่ทิม มีพุทธานุภาพในระดับสุดยอด ตอบ ผมมีเหตุผลดังนี้คือ
    ๑. ผมเทียบเคียงกับคำโบราณที่กล่าวว่า พระเครื่องที่มีพุทธานุภาพในระดับสุดยอดเท่านั้น สามารถอธิษฐานฟาดสายรุ้ง
    กินน้ำ ที่จับอยู่บนท้องฟ้า ให้ขาดออกจากกันได้ เมื่อพระเครื่องของหลวงปู่ทิม ท่านทำได้จริง ย่อมแสดงว่าคำกล่าวขานแต่โบ
    ราณ ไม่ใช่เรื่องเท็จ ดังนั้นพระเครื่องของหลวงปู่ทิม อิสริโก ต้องมีพุทธานุภาพในระดับสุดยอดเช่นเดียวกัน ผมเริ่มสะสมพระ
    เครื่องมาตั้งแต่ ปี ๒๕๑๘ ได้เคยทดลอง ทดสอบ มาเป็นหลายๆ พันองค์ เป็นเวลากว่า ๑๖ ปี จึงค้นพบว่า คำโบราณที่พูดไว้
    นั้นเป็นความจริง นี่ย่อมแสดงให้เห็นว่าพระเครื่องที่สามารถตัดรุ้งให้ขาดออกจากกันได้มีจำนวนน้อย หลายๆ พันองค์ อาจจะ
    มีสักองค์ หรือไม่มีเลยก็ได้
    ๒. จากหนังสือนะโม ฉบับที่ ๑๒๕ สรุปได้ความว่า "คุณสุธน พิมพ์ประชา ข้าราชการชั้นเอก ระดับซี ๖ กองช่างกรมพัฒนา
    ที่ดิน และคณะได้ร่วมกันเดินทางไปทอดผ้าป่ากับ หลวงพ่อผาง จิตคุตโต วัดอุดมคงคาคีรีเขต เมื่อทำบุญเสร็จ คุณสุธนพร้อม
    ด้วยคณะ ได้ถอดพระเครื่องที่สวมมา ออกรวมกันใส่ถาด เพื่อให้หลวงพ่อผาง ได้ปลุกเสกเพิ่มเติม คณะของคุณสุธน ได้เล่าให้
    ฟังเป็นเสียงเดียวกันว่า ก่อนที่หลวงพ่อผางจะหยิบถาดใส่พระขึ้นบริกรรมปลุกเสก ท่านได้หยิบสร้อยคอเส้นหนึ่ง ซึ่งมีพระกริ่ง
    ชินบัญชร ร้อยอยู่องค์เดียว ออกมาวางข้างนอกถาด ทำให้คุณสุธน และคนอื่นๆ สงสัยกันมาก เมื่อหลวงพ่อผางปลุกเสกพระ
    ในถาดเสร็จแล้ว คุณสุธนได้เรียนถามหลวงพ่อผางว่า "ทำไมหลวงพ่อไม่ปลุกเสกให้ด้วยเล่าครับ" หลวงพ่อผางตอบให้ได้ยิน
    ทั่วกันว่า "ของเขาทำเอาไว้สุดยอดแล้ว"
    ๓. เคยมีผู้เอาพระกริ่งชินบัญชร ไปให้หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร ท่านตรวจสอบดูพระพุทธคุณ หลวงพ่อสำเนียงถึงกับ
    เอ่ยปากว่า "พระที่ทำพระ (คงหมายถึงพระกริ่ง) ได้ขนาดนี้ ยังมีอยู่ในโลกอีกหรือ" จากหนังสือนะโม ฉบับที่ ๑๒๕
    ๔. จากประสบการณ์ของผมเองที่ได้เล่าไปแล้วคือ มีพระธุดงค์ที่มาร่วมเข้าปริวาสกรรม ที่วัดเวินพระบาทภูกระแต จ.นคร
    พนม บอกกล่าวให้ผมได้รับรู้ นอกจากนี้ก็ยังมีข้อมูลอีก แต่ขอสรุปเพียงเท่านี้ ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม มันไม่สำคัญ ความสำ
    คัญมันอยู่ที่ว่า
    วัตถุมงคลของหลวงปู่ทิม อิสริโก เป็นของที่มีราคา และเป็นที่แสวงหาได้ยากขึ้นทุกวัน ทั้งๆ ที่เรื่องของหลวงปู่ทิม ถูกลืม
    ไปจากวงการพระเครื่องนานร่วม ๑๐ ปี (คือภายหลังท่านมรณภาพ)
    ถึงแม้ท่านจะมีพระกริ่งชินบัญชร แขวนห้อยคอบูชาติดตัว ก็ไม่ได้หมายความว่า จะฝืนความตายได้ เพราะหลวงปู่ทิมเคย
    พูดเอาไว้ชัดเจนว่า "ตัวคนปลุกเสกเองยังต้องตาย และคนเอาไปใช้จะไม่ตายได้อย่างไร ? เมื่อถึงเวลาตาย ถึงที่ตาย ใครๆ
    ก็หนีไม่พ้น"
    นอกจากนี้ก็มีบางท่าน ที่โทรทางไกลมาถามแปลกๆ คือ ถามว่า "พระกริ่งชินบัญชรเป็นพระชั้นสุดยอดของหลวงปู่ทิม อิส
    ริโก ผมมีแล้ว ถ้าอย่างนั้นแสดงว่า ผมมีพระชั้นสุดยอดของระดับสุดยอดอีกทีใช่หรือไม่ และน่าจะยังมีพระชั้นสุดยอดที่ดีกว่า
    พระกริ่งชินบัญชรอีกหรือเปล่า"
    ผมขอตอบว่า จากข้อมูลที่ผมได้ค้นคว้ามา และจากประสบการณ์ของผมเอง ผมเชื่ออย่างสนิทใจว่า พระเครื่องของหลวงปู่
    ทิมทุกอย่างจะมีจิตของหลวงปู่ทิมปรากฎอยู่ ซึ่งเป็นเคล็ดลับในการสร้างพระเครื่องที่ไม่เหมือนใคร ผมเข้าใจอย่างนี้ โดยผมดู
    จากการที่ หลวงปู่แก้ว เกสาโร ท่านบอกถึงเคล็ดลับวิธีการปลุกเสกพระกริ่งของท่านคือ ท่านปลุกเสกตั้งหลายอย่าง แต่ที่มา
    สัมผัสใจของผมคือ ท่านบอกว่าสุดท้าย ท่านได้เข้าสทาคามีผลเสก ภายหลังคณะผู้สร้างได้นำเอาพระกริ่งของท่านไปให้ หลวง
    พ่อเริ่ม ปรโม วัดจุกกะเฌอ เพื่อทำการปลุกเพิ่มเติม เมื่อหลวงพ่อเริ่ม เพ่งมองไปที่หีบพระกริ่งชั่วครู่ ก็เอ่ยขึ้นว่า "หลวงปู่แก้ว
    เขาทำเอาไว้สุดยอดแล้ว"
    ผมสะสมพระเครื่องมานานกว่า ๑๖ ปี พระที่ผมรักและอยากได้มากที่สุด ก็คือพระกริ่งชินบัญชร แต่อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ พระ
    กริ่งชินบัญชรมีราคาแพง และหาของแท้ได้ยาก (ต้องตาถึง และมือถึง รวมทั้งต้องมีเงินถึงอีกต่างหาก จึงพอมีโอกาสเป็นเจ้า
    ของได้) ผมเองอาชีพรับราชการ เงินไม่ถึงที่จะเช่าพระกริ่งชินบัญชรได้หรอกครับ เมื่อมูลนิธิหลวงปู่ทิมฯ ได้สร้างพระกริ่ง ๙
    แก้ว ของหลวงปู่แก้ว เกสาโร ผมเองครั้งแรกไม่สนใจ ภายหลังได้อ่านพบเกี่ยวกับวัตรปฏิปทาของท่าน ที่มาสัมผัสใจผมจนถึง
    ทุกวันนี้ก็คือ ท่านเอ่ยปากเอาไว้ชัดเจนเลยว่า "ตลอดลมหายใจเข้าออกของท่าน ไม่เคยลืมทางเข้าออกพระนิพพานเลย" แสดง
    ว่า หลวงปู่แก้ว เกสาโร ท่านต้องไม่ใช่พระธรรมดาอย่างแน่นอน
    ที่ท่านผู้นี้เข้าใจว่า พระกริ่งชินบัญชรเป็นพระเครื่องชั้นสุดยอดของหลวงปู่ทิม อิสริโก ก็คงไม่ผิดเพราะว่าพระกริ่งนี้ เป็นพระ
    เครื่องชนิดเดียวเท่านั้น ที่หลวงปู่ทิม ท่านเจาะจงให้สร้างนานนับ ๑๐ ปี เท่านี้ยังไม่พอ ท่านยังได้หล่อหลอมพระยันต์ต่างๆ รวม
    ทั้งวิชาการทั้งหมดที่ท่านได้ร่ำเรียนมาบรรจุเอาไว้ในพระกริ่งนี้ และยังได้พยากรณ์เอาไว้ล่วงหน้าอีกว่า "อีกหน่อยให้พลิกแผ่น
    ดินหาก็ไม่เจอ" ในหนังสือนะโม ฉบับที่ ๑๑๖ ความว่า "เคยมีลูกศิษย์ของท่านต้องการที่จะนำเอาที่นอน และหมอนของท่านมา
    บดสร้างพระผงกลม เพื่อแจกทหาร ตำรวจชายแดน ได้นำเอาที่นอนและหมอนนี้ไปให้ พระครูลมูล วัดเสด็จ จ.ปทุมธานี มานั่ง
    บริกรรมปลุกเสก หมอน และที่นอนแล้วเกิดอภินิหารรุนแรงมาก จนมือไม้ของหลวงพ่อลมูล วัดเสด็จ ชันสู้ไม่ไหว ต้องขอหยุด
    ทันที" นี่ขนาดนุ่นในหมอนยังมีพลังงานแฝงขนาดนี้ แล้วพระกริ่งชินบัญชรจะมีพลังแฝงเร้นอยู่ภายในขนาดไหน จึงไม่น่าแปลก
    ใจว่า ทำไมพระกริ่งชินบัญชรที่สร้างไม่นานมานี้ จึงหาได้ยาก และมีราคาแพงกว่าพระเครื่องที่สร้างมาในเวลาเดียวกัน
    แต่พระเครื่องนั้นเราใช้บูชากันตอนมีชีวิตอยู่ เมื่อตายแล้วก็ตกเป็นสมบัติของลูกหลานไป เอาติดตัวไปไม่ได้ หลวงพ่อจง
    วัดหน้าต่างนอก เคยถามหลวงพ่อไวทย์ วัดบรม จ.อยุธยา ว่า "คนเราตายแล้วเอาอะไรไปได้บ้าง หลวงพ่อไวทย์ ท่านตอบว่า
    ตายแล้วเอาอะไรไปไม่ได้เลย แต่หลวงพ่อจง ท่านกลับตอบว่า เมื่อท่านตายแล้ว ท่านเอาความดีของท่านไปได้"
    หลวงปู่ทิม อิสริโก ท่านเคยเทศน์ว่า "เราทุกคนที่ใจคิดจะทำความดีนั้น ทำไปเถิด ความดีนั่นแหละดีแน่ๆ แต่ถ้าใจเราตอน
    นี้คิดจะทำความชั่ว ก็ให้รีบงดเสียเถิด จะปล่อยให้เวลาที่คิดนั้นล่วงเลยไปเปล่า อย่าลืมว่า เวลาเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน แต่ความดี
    ที่เราหมั่นทำเอาไว้เสมอนั้นแน่นอน ตายแล้วก็พกพาความดีเอาติดตัวไปถึงชาติหน้าได้อีก" จะเห็นได้ว่าคำสอนของพระอริย
    บุคคลทั้ง ๒ รูปนี้ตรงกัน เพราะเป็นสัจธรรมของโลก
    ด้วยเหตุนี้ ผมขอตอบคำถามของท่านผู้นี้ว่า นอกจากพระกริ่งชินัญชรแล้ว ยังมีพระที่ดีสุดยอดกว่านี้อีกคือ พระธรรมคำสั่ง
    สอนของพระพุทธเจ้า เมื่อท่านได้มีโอกาสเป็นผู้โชคดี ได้ครอบครองเป็นเจ้าของพระกริ่งชินบัญชรแล้ว ลองเชื่อคำสอนของหลวง
    ปู่ทิม อิสริโก หันหน้ามาสะสมคุณงามความดี สร้างสมแต่กรรมดีเป็นการสะสมพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าได้อีกอย่าง
    หนึ่งเช่นกัน พระธรรมคือ คุณงามความดีนี้แหละ เป็นพระเหนือสุดยอด ให้ผลต่อผู้ใช้ ผู้บูชา ผู้ปฏิบัติ ทั้งในโลกนี้ (คือตอนที่มี
    ชีวิตอยู่) และทั้งในโลกหน้า (คือตอนตายไปแล้ว) เป็นของเฉพาะตัว ไม่ได้เหลือเป็นมรดกไว้แก่ผู้ใด
    ทั้งหมดที่เล่ามานี้เป็นเรื่องจริง ทั้งที่ตัวของผมเองได้ประสบมา และทั้งที่คนอื่นๆ ได้เคยประสบมา สรุปเป็นข้อมูลมาเพื่อที่
    จะตอบคำถามนี้อีกครั้ง บางเรื่องผมไม่กล้าที่จะเล่าให้ฟังทั้งๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวของผมเอง วัตถุมงคลนั้นคือ พระกริ่ง ๙ แก้ว ของ
    หลวงปู่แก้ว เกสาโร เป็นเรื่องราวเหนือปรากฎการณ์ของธรรมชาติเช่นกัน ผมได้แต่บันทึกเอาไว้ในสมุดจดจำการปฏิบัติพระ
    กรรมฐานของผมเองเท่านั้น
    ท่านจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ผมขอแทรกธรรมะของ หลวงพ่อชา ดังนี้คือ "เคยมีคนไปขอธรรมะกับหลวงพ่อชา หลวงพ่อท่าน
    หยิบไม้ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง แล้วถามว่า ไม้อันนี้สั้นหรือยาว ชายคนนั้นตอบไม่ได้ หลวงพ่อจึงพูดว่า ธรรมชาติของไม้อันนี้ มันไม่สั้น
    และมันก็ไม่ยาว แต่หากว่าเมื่อไรก็ตามที่เราต้องการไม้ที่สั้นกว่านี้ ไม้ชิ้นที่อาตมาถือเอาไว้นี้ มันก็ยาวเกินไป หรือหากว่า เมื่อไร
    ก็ตาม ที่เราต้องการไม้ที่ยาวกว่านี้ ไม้ชิ้นที่อาตมาถือเอาไว้นี้ มันก็สั้นเกินไปเสียแล้ว" วัตถุมงคลของหลวงปู่ทิม อิสริโก ไม่ว่าจะ
    ทันในสมัยท่านหรือไม่ทันก็ตาม ขอให้ท่านหมั่นให้ความเคารพนับถือ หมั่นสร้างสมความดี รับรองว่าพุทธานุภาพมีเท่าเทียมกัน
    แน่ ต่างกันแต่ว่า ใจของท่าน "มันสั้นเกินไป หรือว่า ยาวเกินไป" ต่างหาก

    ขอแสดงความนับถือ
    (นายเจริญ โชชัยชาญ)
    อาจารย์วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี กรุงเทพฯ
    ๔ สิงหาคม ๒๕๓๕

    คัดลอกมาจาก หนังสือกระแสพระ ฉบับที่ ๑๒ เดือน มิถุนายน ๒๕๔๖ หน้า ๓๘ - ๔๔
    คัดลอกโดย ---Lotus---
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กันยายน 2013
  15. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    我们是泰国最有名三店之一的佛牌店 老佛牌保真!

    请点击链接可游览佛牌主店


    Taradpra.com

    Mail... kantaka999@hotmail.com


    ...................................
     
  16. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    รายการปืนแลกหลวงปู่ทิมปิดเรียบร้อยแล้วครับ

    รับนิมนต์หลวงปู่ทิมกลับบ้านครับ
     
  17. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    พลังชาตรี13 โทร 0827893576 พระหลักๆร้านค้าด้านล่างคับ

    Taradpra.com

    .........................
     
  18. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    เหรียญนั่งพานหลังเกือบจิก หลวงปู่ทิม 2518 แก้โรคเวร-โรคกรรม

    เหรียญหลักหลวงป่ทิม เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ แห่งวัดละหารไร่

    เหรียญนั่งพานเป็นต้นแบบของเหรียญนั่งพานในยุคปัจจุบัน ที่มีความสวยงามมากๆในด้านพุทธศิลป์ ในการออกแบบที่เหนือชั้น ที่มีความงดงานยิ่งๆ

    เหรียญนั่งพานหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ ปี 2518 ในอีกชื่อที่รู้จักกันคือ เหรียญสมเด็จ ณ ศรีราชา ซึ่งมีพุทธคุณเพิ่มจากเหรียญรุ่นอื่นๆ ในพระเครื่องหลวงปู่ทิมคือ แก้โรคเวร-โรคกรรม เหรียญนั่งพานหลวงปู่ทิม องค์ที่นำมาลง หลังเกือบจิกสวยสมบูรณ์


    เหรียญหลักหลวงป่ทิม เอกลักษณ์ของเอกบุรุษ แห่งวัดละหารไร่

    พระไม่ดีไม่แท้ไม่นำมาลงให้ศึกษากันผิดๆครับ

    บูชาพระไม่ต้องเสี่ยง รับประกันจนมวลสารสะหลาย พลังชาตรี 13


    รับประกันพระแท้ไม่มีกำหนด องค์ใหนเก็ บวกให้ 2000 บาท


    กติกาในการประกันครับเก็องค์ใหนจ่ายคืนเต็มจำนวน บวกค่าเสียเวลาให้อีก 2000 บาททุกองค์ พระแท้คือแท้ไม่กลัวประกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2020
  19. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    เอกลักษณ์ของสภาพสตรี เหรียญหยดน้ำ ณ.ศรีราชา หลวงปู่ทิม 2518
    แก้โรคเวร-โรคกรรม (พร้อมเลี่ยมทองเก่าหนา)


    เหรียญหยดน้ำ หลวงปู่ทิม 2518 หลวงปู่ทิมท่านจัดสร้างเหรียญนี้มาเพื่อที่เป็นการแก้กรรมเก่าที่มีมาดังเดิมติดตามเรามาในชาติภพนี้เพื่อให้ได้ระลึกในการสร้างกุศลบุญกรรมดีท่านสร้างไว้ตอนหลวงปู่ท่านป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลศรีราชา
    ต้นกำเนิดเหรียญสุดยอดพุทธคุณ แก้โรคเวร-โรคกรรม เหรียญหลักหลวงปู่ทิม เอกลักษณ์ของสภาพสตรี แห่งวัดละหารไร่ ที่มีความสวยงามมากๆในด้านพุทธศิลป์ ในการออกแบบที่เหนือชั้น ที่มีความงดงานยิ่งๆ ไม่แพ้เหรียญนั่งพานในอีกชื่อที่รู้จักกันคือ เหรียญ ณ ศรีราชา ซึ่งมีพุทธคุณเพิ่มจากเหรียญรุ่นอื่นๆ ในพระเครื่องหลวงปู่ทิมคือ แก้โรคเวร-โรคกรรม เหรียญหลักหลวงปู่ทิม เอกลักษณ์ของสุภาพสตรี แห่งวัดละหารไร่


    สำหรับสุภาพสตรีครับเหรียญหยดน้ำ ปี 18


    บูชาพระแท้เปี่ยมด้วยพุทธคุณสบายใจกับ พลังชาตรี 13

    พระไม่ดีไม่แท้ไม่นำมาลงให้ศึกษากันผิดๆครับ

    บูชาพระไม่ต้องเสี่ยง รับประกันจนมวลสารสะหลาย พลังชาตรี 13


    รับประกันพระแท้ไม่มีกำหนด องค์ใหนเก็ บวกให้ 2000 บาท


    กติกาในการประกันครับเก็องค์ใหนจ่ายคืนเต็มจำนวน บวกค่าเสียเวลาให้อีก 2000 บาททุกองค์ พระแท้คือแท้ไม่กลัวประกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2020
  20. พลังชาตรี 13

    พลังชาตรี 13 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    3,473
    ค่าพลัง:
    +1,853
    เหรียญกรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ หลวงปู่ทิมเสก ปี 2518

    เหรียญกรมหลวงชุมพร เขตอุดมศักดิ์ หลวงปู่ทิมเสก เหรียญรุ่นนี้จัดสร้างโดย กองพันทหารราบที่๓ กรมนาวิกโยธิน หน่วย" ฉก.นย.๑๘๑"

    หลวงปู่ทิม อิสริโก เมตตาปลุกเสกให้ ส่วนพิธีกรรมเริ่มจากคณะกรรมการได้จัดตั้งเครื่องสังเวยชุดใหญ่บวงสรวงดวงพระวิญญาณของเสด็จเตี่ย ณ ศาลกรมหลวงชุมพรฯ บนยอดเขาแหลมปู่เฒ่า เพื่อขออนุญาตทำเหรียญขึ้นเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๘ มีการรวบรวมชนวนมวลสารต่างๆ โดยนำแผ่นทองคำ แผ่นเงิน ให้พระเกจิอาจารย์หลายท่านลงอัขระเลขยันต์ปลุกเสกให้ก่อน และยังมีชนวนมวลสารที่เป็นตะกรุดเก่าๆเช่น ตะกรุดโทน หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย ตะกรุดโทน หลวงพ่อเหลือ วัดเขาชะโงก ตะกรุดโทน หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม จ.ชลบุรีและไม่ทราบสำนักจากผู้มีจิตศรัทธาจำนวนหลายร้อยดอก รวมอยู่ด้วย

    เมื่อได้มวลสารทั้งหมดแล้วนำโลหะทั้งหมดมาหลอมแล้วรีดเป็นแผ่นเข้าเครื่องปั๊มโดยมีช่างยิ้ม ยอดเมืองเป็นผู้แกะบล็อกพิมพ์ โดยได้ปั๊มเหรียญเพียงเนื้อเดียวเท่านั้น ได้ของเมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๘ นับเหรียญทั้งหมดได้ ๒๓,๕๙๙ เหรียญ หลังจากนั้นนำเหรียญทั้งหมดไปให้ หลวงปู่ทิมเสกเดี่ยว ในวันที่ ๑๙พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๘ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของเสด็จในกรมฯพอดี ท่านเมตตาทำให้เต็มที่ถึง ๕ วัน ไปขอคืนเมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๑๘ หลังจากนั้นนำเหรียญไปตอกโค้ดรูปตัวเฑาะว์มหาอุด เหรียญที่ชุบกะไหล่ทอง ๑,๐๐๐ เหรียญตอกโค้ดที่ด้านซ้ายพระองค์ท่าน(ด้านขวามือเราเวลาดูเหรียญ).ส่วนเหรียญเนื้อทองผสมธรรมดาตอกที่ด้านล่างขององค์ท่าน ......


    หลังจากตอกโค้ดแล้วได้นำไปบวงสรวงดวงพระวิญญาณของเสด็จเตี่ย ณ ศาลกรมหลวงชุมพรฯ บนยอดเขาแหลมปู่เฒ่าโดยตั้งเครื่องสังเวยและราชวัตรฉัตรธงอย่างสมบูรณ์แบบ มีพราหมณ์เป็นผู้ดำเนินการบูชาจนเสร็จพิธี.พอกล่าวบูชาเสร็จก็นำน้ำพระพุทธมนต์มาประพรมเหรียญจนทั่วถึงอีกครั้ง น่าประหลาดตรงที่นับแต่จุดธูปจนเสร็จพิธีการ ธูปดับสนิทในวินาทีสุดท้ายได้ ๒๙ นาทีพอดิบพอดี. ศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่ทิมได้เล่าให้ฟังว่า เคยได้ยินหลวงปู่ทิมพูดถึงการเสกพระของท่านว่า ใครเอาพระรูปแบบใดมาให้ทำน ท่านก็จะทำตามนั้น เช่นเอารูปพระพุทธรูป ท่านก็ขอบารมีพระพุทธเจ้า,เอารูปพระพรหมมาก็ขอบารมีพรหม,เอารูปพระเจ้าตากสินมา ท่านก็เชิญดวงพระวิญญาณพระเจ้าตากมา, เอารูปกรมหลวงชุมพรมา ท่านก็เชิญกรมหลวงมา มาเพื่อร่วมเสก เพื่อร่วมรับทราบ

    เหรียญรุ่นนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากด้วยมีประสบการณ์ในการใช้บูชาที่สูงมากชุดหนึ่งในสายพระเครื่องที่หลวงปู่ท่านได้เมตตาปลุกเสกให้เอาไว้ครับท่าน

    บูชาพระแท้เปี่ยมด้วยพุทธคุณสบายใจกับ พลังชาตรี 13

    พระไม่ดีไม่แท้ไม่นำมาลงให้ศึกษากันผิดๆครับ

    บูชาพระไม่ต้องเสี่ยง รับประกันจนมวลสารสะหลาย พลังชาตรี 13


    รับประกันพระแท้ไม่มีกำหนด องค์ใหนเก็ บวกให้ 2000 บาท


    กติกาในการประกันครับเก็องค์ใหนจ่ายคืนเต็มจำนวน บวกค่าเสียเวลาให้อีก 2000 บาททุกองค์ พระแท้คือแท้ไม่กลัวประกันครับ

    ........................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กุมภาพันธ์ 2020

แชร์หน้านี้

Loading...